***เมื่อพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมสอนธรรม***

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ปมณฑ์, 8 มีนาคม 2008.

  1. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ***เมื่อพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมสอนธรรม***



    1.พื้นฐานการบำเพ็ญธรรม

    พื้นฐานสำคัญแห่งการบำเพ็ญธรรม คือ

    1)ผู้ที่กินเจ ห้ามพูดคำหยาบ หรือด่าทอ มิเช่นนั้นเจขาด

    2)ผู้ที่ไม่ได้กินเจ ห้ามกินเนื้อวัว หรือเนื้อสุนัข ผู้ใดละเมิด ฟ้ารังเกียจ

    3)เมื่อพบการกุศล ไม่ทำ เพราะยึดมั่นว่าต่างนิกาย ต่างสำนัก ไม่อาจขึ้นสวรรค์

    4)ไม่ซื่อสัตย์ต่อชาติ ทำผิดกฎหมาย เป็นการละเมิดกฎสวรรค์ ย่อมห่างไกลธรรม

    5)วิพากษ์วิจารณ์ตำหนิศาสนาอื่น เป็นการสร้างวจีกรรม ไม่อาจบรรลุธรรม

    6)นั่งรถนั่งเรือ ต้องเอื้อเฟื้อสละที่นั่งแก่เด็ก สตรี คนชรา และผู้อ่อนแอ

    7)ไม่เข้าสถานเริงรมย์ มิเช่นนั้น ไม่มีสิทธิ์จุติแดนสุขาวดี

    8)ถึงเทศกาลวันสารทวันตรุษ ต้องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมในอดีต มีความกตัญญูต่อบิดามารดา มิเช่นนั้น หนทางแห่งสวรรค์จักถูกตัดขาด

    9)พบคนตกทุกข์ไม่ช่วยเหลือ ไร้เมตตา เมื่อเมตตาจิตสูญสิ้น ก็ไร้ตำแหน่งเทพ-พุทธะ

    10)ผู้ไม่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ย่อมไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเย่อหยิ่งยโส ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา หรืออวดอุตริมนุษยธรรม อวดฌานญาณที่ไม่มีในตน เป็นการละเมิดกฎแห่งฟ้า ไม่อาจบรรลุธรรม



    2.การบรรลุธรรม



    1)จะบรรลุธรรม-ต้องเป็นคนมีใจมั่นคง ไม่ท้อถอย ไม่เลิกกลางคัน

    2)จะบรรลุธรรม-ต้องเป็นคนที่มีมหาปณิธาน

    3)จะบรรลุธรรม-ต้องเป็นคนที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเรา ของเรา

    4)จะบรรลุธรรม-ต้องเป็นคนที่มีจิตเมตตากรุณา

    5)จะบรรลุธรรม-ต้องเป็นคนมีความขยันหมั่นเพียร

    6)จะบรรลุธรรม-ต้องเป็นคนที่ถือศีล 5

    7)จะบรรลุธรรม-ต้องเป็นคนมีจิตกุศล ทำแต่ความดี หมั่นสร้างกุศล

    8)จะบรรลุธรรม-ต้องเป็นคนรู้จักแยกแยะชั่วดี

    9)จะบรรลุธรรม-ต้องมีความอดกลั้น อดทน

    10)จะบรรลุธรรม-ต้องเป็นคนมีจิตสงบ เป็นสมาธิ



    3.หลักปฏิบัติของผู้บำเพ็ญธรรม



    1)ต้องเป็นพลเมืองดี เคารพกฎหมาย ซื่อสัตย์ภักดีต่อชาติบ้านเมือง

    2)ต้องกตัญญูต่อบิดามารดา อย่าทำให้ท่านโกรธเป็นอันขาด

    3)สามีภรรยา ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน มิตรสหาย ต้องมีสัจจะเชื่อถือได้

    4)มีมารยาท อ่อนน้อมถ่อมตน ขันติอดทน ถ้ายิ่งได้อดกลั้นอดทนในสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถอดกลั้นอดทนได้ ก็จักบรรลุธรรม

    5)ห้ามแบ่งเขาแบ่งเรา ทุกศาสนาในโลก ล้วนมาจากต้นตระ***ลเดียวกัน หลักธรรม และนิกายต่างๆของทุกศาสนา แตกต่างเพียงข้อปลีกย่อย หลักการใหญ่เหมือนกัน หากเข้าใจหลักธรรมข้อนี้ได้ โลกแห่งสันติภาพก็จักสดใสรุ่งเรือง

    6)ห้ามคุยโวโอ้อวด หรือยกตนข่มท่าน ต้องเคารพนับถือผู้อาวุโสกว่า



    10 ข้อข้างต้นนี้ คือ เงื่อนไขปัจจัยการบรรลุธรรมของพระโพธิสัตว์ ปัจจัยการบรรลุธรรมเหล่านี้ ชาวโลกมักจะเห็นว่า เป็นเรื่องสุดวิสัยยากจะปฏิบัติ โดยเข้าใจว่า การบรรลุธรรม เป็นเรื่องไกลสุดเอื้อม จึงไม่กล้าก้าวสู่หนทางการบำเพ็ญธรรม ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ปฏิบัติได้ ก็คือ อยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ปฏิบัติตนเป็นอภิมหาซื่อสัตย์สุจริต มหากตัญญู มหาเมตตากรุณา ซึ่งอย่างน้อยก็ยังสามารถบรรลุเป็นเทวดาชั้นมหาราชิกา แล้วไปฝึกบำเพ็ญทางจิตต่อที่สวรรค์ จนรู้แจ้งเห็นจริง ภายหน้าก็สามารถบรรลุอนุตตรธรรมได้ ดังนั้น อุบาสกอุบาสิกา ที่บำเพ็ญอยู่ในบ้าน ไม่ต้องไปกลัวเรื่องการบรรลุธรรมยาก ขอให้มีความพยแห่งการบรรลุธรรม ายาม ไม่ย่อท้อ แม้ปฏิบัติยาก ก็ต้องปฏิบัติ บำเพ็ญยาก ก็ต้องบำเพ็ญ ถึงจะเป็นหลักประกัน



    4.ลูกอกตัญญูไม่อาจบรรลุธรรม



    บำเพ็ญธรรม”กตัญญู”ต้องมาก่อน.....

    สมบัติเหนือพ่อแม่สอนได้ไฉน?........

    รักของพ่อแม่ล้ำค่าเหนืออื่นใด........

    คุณพ่อแม่ไซร้ดุจฟ้า”อย่าเนรคุณ”......



    ในปลายยุคแห่งการโปรดสัตว์นี้ ทุกบ้านล้วนแต่มี”ลูกบำเพ็ญธรรม” ลูกบำเพ็ญธรรมเหล่านี้ มีสัมมาคารวะต่อพุทธะโพธิสัตว์ ทำให้พุทธะโพธิสัตว์รู้สึกปิติยินดี ลูกบำเพ็ญธรรม จะต้องเป็นลูกกตัญญูด้วย บางคนมาสถานธรรม อุทิศตนปัดกวาด ด้วยความกระตือรือล้น แต่พอพ่อแม่ใช้ให้กวาดบ้านของตนเองบ้าง กลับแสดงกิริยาท่าทางไม่เต็มใจ แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้



    บางคนอยู่ในสถานธรรม เคารพอ่อนน้อมต่ออาจารย์ผู้อาวุโส ดูแล้วเหมือนกับนักบำเพ็ญธรรมที่ได้มาตรฐาน แต่เมื่อกลับถึงบ้าน พอถูกพ่อแม่ว่าไม่กี่คำ ก็แสดงความไม่พอใจ หาว่าพ่อแม่ขี้บ่นจู้จี้ เหล่านี้ล้วนแต่แสดงออกถึงความอกตัญญู เมื่อพ่อแม่เจ็บไข้ได้ป่วย ผู้เป็นลูก ถ้าไม่หาหมอมารักษา หรือไม่ปรนนิบัติดูแล ล้วนมีความผิดในข้ออกตัญญูทั้งสิ้น ในยุคปลายนี้ “กตัญญูธรรม”-ก็คือ หลักธรรมแห่งสวรรค์ ขอให้ชาวโลกบำเพ็ญธรรม อย่าได้ลืมต้นกำเนิดของตน พ่อแม่-ก็ คือต้นกำเนิดแห่งธรรม ลูกอกตัญญู ย่อมไม่มีทางบรรลุธรรมอย่างแน่นอน ขอให้ชาวโลกจงจำใส่ใจ


    5.เรือเมตตา



    มนุษย์ดุจดังเมล็ดข้าวเม็ดหนึ่งในมหาสมุทร ถ้าไม่มี”เรือเมตตา”มานำขึ้นฝั่ง ก็จะต้องล่องลอยอยู่ใน”ทะเลทุกข์”อย่างไร้กำหนดสิ้นสุด “เรือเมตตา”- ก็คือ ความศรัทธา หรือ ประภาคาร ชาวโลกต้องต่อสู้ดิ้นรน ตรากตรำอยู่กับการงานตลอดวัน เพียงเพื่อปัจจัย 4 เห็นวัตถุธาตุเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่รักถนอมร่างกาย กายและใจ-จึงอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หน้าตาซีดเซียวร่วงโรย ยามใดสิ้นลมปราณ กายใจแตกสลาย ทรัพย์สมบัติทั้งปวงก็ต้องทอดทิ้งไปหมด เปรียบเสมือนเมล็ดข้าวหนึ่งในมหาสมุทร ที่เข้าไปอยู่ในท้องปลาโดยแท้ สุดท้ายก็ไร้เสียง ไร้ร่องรอย มองเห็นแต่แผ่นดิน และทะเลอันเวิ้งว้าง แต่ชีวิตมนุษย์ ไปแล้วไม่หวนกลับ น่าสลดใจแท้ๆ

    สำนักทรงตั้งขึ้น เพื่อให้ผู้คน มีความศรัทธาอันถูกต้อง เปรียบเหมือนเรือในทะเลทุกข์ที่มาโปรดผู้มีบุญวาสนา โดยการตักเตือน ชี้แนะหนทางสว่าง ให้ทุกคนรู้จักอบรมบ่มจิต ขัดเกลาตน มีความซื่อสัตย์ มีความวิริยะอดทน ถ้าชาวโลกได้รีบขึ้น”เรือเมตตา”โดยเร็ว ก็จักสามารถบรรลุมรรค-ผล-นิพพาน ไม่ต้องถูกกลืนหายไปกับกระแสน้ำ เมื่อใดขึ้นฝั่งได้ ก็จะล่วงพ้นจากห้วงแห่งสังสารวัฏ ได้เสวยสุขอย่างอิสระเสรี ณ สรวงสวรรค์


    **สูตรนำไปสู่ความสำเร็จ**........จากเจ้าแม่กวนอิม


    1.ทำงานอยู่เสมอ
    2.อย่าเอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย
    3.อย่าเป็นทุกข์ล่วงหน้า
    4.ต้อนรับสิ่งที่หนีไม่พ้นด้วยความสงบ
    5.อย่ายอมเป็นทาสของอดีต
    6.หัดวิเคราะห์ทุกข์
    7.ค้นหาสาเหตุของทุกข์ แล้วกำจัดต้นเหตุ
    8.ทำจิตให้สะอาด ไม่ตกเป็นทาสของมายาธรรม
    9.ตระหนักแน่ว่า สิ่งทั้งปวงเป็นไปตามเหตุปัจจัย.......
    10.ความมีเหตุผล
    11.การเล็งเห็นคุณและโทษของสิ่งที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง
    12.พยายามมองบุคคลและเหตุการณ์ต่างๆในแง่ดีตามสมควร
    13.การทำสมาธิ
    14.การทำวิปัสสนา


    ***กฎแห่งกรรม***

    +++ต้องการรู้กรรมที่กระทำไว้ในอดีตชาติ ก็ให้ดูผลกรรมที่ได้รับในชาตินี้ ต้องการรู้ผลกรรมที่จะรับในชาติหน้า ก็ให้ดูการกระทำในชาตินี้!!!+++......


    ***พระธรรมคำสอนของพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม***.......


    1)รูปนามนั้น คือ ธรรมชาติ ดับใจที่ไปกระทบกับรูปนาม แล้วเกิดราคะ โทษะ โมหะ มันดับที่ใจ ถ้าดับรูป ดับนามของตนเอง ก็กลายเป็น อรูปพรหม ที่อยู่ระหว่าง พรหมชั้นที่ 8 กับชั้นที่ 9 ซึ่งอาภัพอย่างยิ่ง เนื่องเพราะพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดไม่ได้.....

    2)พิจารณาร่างกาย ร่างกายนี้ เมื่อตายก็ต้องฝังเข้าฮวงซุ้ย ต้องเผาเข้าเมรุ ร่างกาย เป็นบ่อเกิดแห่งราคะ โทษะ และโมหะ ไม่มีร่างกายไม่มีราคะ โทษะ โมหะ พิจารณาเพียงชั่วครู่ ก็มีความโปร่งเบา และสงบสงัดอย่างน่าอัศจรรย์

    3)เรา คือ เทพเจ้า ผู้ได้ยินเสียงคร่ำครวญของชาวโลก จึงมีฉายานามว่า"กวนอิม" ชื่อจริงของเรา คือ พระอวโลติเกศวร ท่านจะเรียกเราว่า กวนอิมก็ได้ ฐานะที่แท้จริง คือ พระโพธิสัตว์เจ้า ผู้หวังพระสัมมาสัมโพธิญาณภายหน้า รัศมีกายของเราที่ท่านเห็น(บางคน) นั่นคือ รัศมีกายของพระบรมโพธิสัตว์เจ้า......

    4)ในรูปของหญิง แต่งองค์คล้ายหญิงชาวจีนในราชสำนัก ที่มีเครื่องประดับ แต่สีขาวผ่องใสนั้น ก้ดูคล้ายชี ผู้เป็นอุบาสิกากระนั้น.....อันรูปกายนี้ และการแต่งองค์แบบนี้ จะเป็นแบบที่ประทับตราตรึงใจแก่ชาวโลกตลอดกาลนานในอนาคต และใกล้เคียงกับวัฒนธรรมของชาวจีน สำหรับผู้มีบารมีเบื้องต้น จะเกิดศรัทธาในรูปกาย แล้วพร้อมนำไปสู่การปฏิบัติความดี มีศีล-สมาธิ-ปัญญา เป็นหลักสำคัญของการปฏิบัติธรรม

    5)เราสมัยเมื่อเป็น"พระนางเมี่ยวซัน"ในสมัยนั้น(พระพุทธเจ้ากัสสป) เราได้บำเพ็ญเมตตาบารมี เราจุติเพื่อดับร้อนผ่อนเย็นแก่ชาวโลก ผู้บำเพ็ญบารมีเนื่องด้วยเรา จะเกิดศรัทธาในพุทธศาสนา ถวายพระบารมีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รูปกายเดียวที่เกิดเป็นหญิง คือ พระนางเมี่ยวซัน เท่านั้น พระโพธิสัตว์ปกติเป็นชายนอกจากจะอธิษฐานเกิดเป็นเพศหญิงจึงจะเป็นได้


    6)โดยปกติคนทั่วไปย่อมมีความรักและปรารถนาแต่ความรื่นรมย์ แต่การครองเรือน มิใช่ความสุขที่ถาวร เป็นสิ่งชั่วคราว เปลี่ยนแปลงเป็นอนิจจัง มีความทุกข์เข้ามาเยือน แปรเปลี่ยนตลอดเวลา จางหายไปได้ง่าย เหมือนหมอกในยามเช้า.....

    7)ข้าแต่พระบิดาผู้บังเกิดเกล้า พระผู้เรืองอำนาจฤทธิไกร ขอได้โปรดฟังลูกสักนิด นานมาแล้ว พระบิดา ได้พระเกียรติยศสูงส่ง โดยยาตราทัพย่ำยีประเทศแล้วประเทศเล่า ทุกแห่งที่ทรงเสด็จเหยียบพระบาท บ้านเมืองก็ลุกเป็นไฟ ถูกไหม้เป็นจุล โลหิตของผู้ที่ถูกประหารนองพสุธา บรรดาพระราชาเหล่านั้น ผู้แพ้ต้องตกตาย ลูกขาดพ่อ เสียงร่ำร้องทุกข์เวทนาครวญคราง ไม่มีผู้ใดเป็นผู้ชนะหรอก เมื่อเสด็จพ่อถึงวัยชรา ไม่กล้าแข็ง ทั้งร่างกายและปัญญา หากเราต้องพ่ายแพ้ อาจถูกข้าศึกย่ำยีได้ในที่สุด



    8)"เสด็จพ่อเพคะ สงครามวิถีทางแห่งอำนาจเกียรติยศ เป็นบ่อเกิดแห่งความเคียดแค้นชิงชัง สะสมวันรอชดใช้ มีแต่ความพยาบาท อันเป็นไฟคุกรุ่นในอกของผู้แพ้ ความสงบสุขศานติที่แท้จริงไม่มี ขอได้โปรดให้ลูกได้เดินตามวิถีทางของลูก สู่ความสงบเป็นนิรันดร์กาล สู่โลกแห่งพระนิพพาน ที่เป็นอมตะ ไม่มีตายเถิด แม้โลกจะแตกสลาย ลูกก็ไม่ขอเปลี่ยนใจโดยเด็ดขาด"

    9)พระนิพพานที่เราแสวงหา บำเพ็ญเพียรพระเมตตาการุณย์ อันเป็นบารมีที่มุ่งหวังนั้น จะเป็นพลังอำนาจ ช่วยพระบิดาจอมจักรพรรดิ หลุดพ้นบ่วงกรรมแห่งโทสะ โมหะ และทิฏฐิที่มืดได้

    10)เมื่อเราถูกลงโทษกักขังในวนอุทยานอันกว้างใหญ่ผู้เดียว ยังชีพด้วยผลไม้ที่ตกหล่น รำพึงถึงพุทธบารมี พระเมตตาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณอันยิ่งใหญ่ เพ่งภาวนาพระนามของสมเด็จพระทศพลบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบทนำ ต่อจากนั้น ก็ภาวนาเมตตาบารมี จนเป็นฌานสมาบัติ และส่งกระแสจิตแห่งเมตตา ครอบคลุมวนอุทยาน และขยายไปทั่งโลกานุโลก ด้วยอำนาจแห่งเมตตาบารมี บรรดาสรรพสัตว์ผู้บริสุทธิ์ไร้มารยา เกิดมีแต่ความจงรักภักดีต่อเรา ช่วยหาผลหมากรากไม้ ทั้งที่เป็นอาหารและโอสถมาถวายเรา สัตว์ที่เคยขัดข้องเป็นศัตรูกัน กลับมาเป็นมิตรกัน มีแต่ความอบอุ่นสามัคคี.....

    11)ไม่ว่าเราจะเสด็จ ณ ที่ใด นก หนู กา ไก่ สรรพสัตว์ทั้งหลาย น้อยใหญ่ ต่างห้อมล้อมเรา แม้จะไม่รู้ภาษาของกันและกัน แต่ก็เข้าใจกันได้อย่างประหลาด ยามเราเสด็จสำราญพระอิริยาบถ ก็ได้ยินแต่เสียงร้องของหมู่สัตว์ แต่เมื่อเราบำเพ็ญเพียร เดินจงกรม หรือนั่งสมาธิ บรรดาสัตว์ทั้งหลาย แม้จักจั่นเรไร ก็หยุดกรีดเสียง ด้วยเกรงว่าจะทำลายความสงบวิเวก เมื่อเราปฏิบัติกรรมฐานเสร็จในแต่ละครั้ง เราก็แผ่เมตตาไปทุกทิศานุทิศ ครานั้น เราก็ได้ยินเสียงเซ็งแซ่โอดครวญ โหยหวนของมวลมนุษย์ ที่ได่รับทุกขเวทนา บางครั้งพระชลเนตรของเราเอ่อคลอหน่วย ด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา พลางรำพึงว่า....."ดูรา....เวไนยสัตว์ทั้งมวล เราได้ยินแล้ว ขออำนาจตะบะบารมี ที่เราเพียรมา จงเป็นพลวปัจจัยให้เธอทั้งมวลคลายทุกข์ลงบ้าง เราปรารถนาให้เธอทั้งหลาย ประสบแต่ความสุข แต่ก็ช่วยได้ไม่มากนัก เพราะกรรมที่ไม่ดี ที่พวกเธอได้กระทำมาในอดีต กลับมาสนองพวกเธอเอง งดกรรมชั่วเสียเถิด บำเพ็ญแต่กุศล ไม่เบียดเบียนกัน เป็นต้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด สรรพสัตว์ทั้งหลาย".......แม้แต่เป็นเพียงเรารำพึงอยู่ในใจ แต่ก็ดังก้องทั่วปฐพี บรรดาทวยเทพทั้งหลาย ต่างแซ่ซ้อง สรรเสริญเรา อยากจะปรากฏกายให้เราเห็น และปลอบใจเรา ก็ทำไม่ได้ เพราะอยู่ในระหว่างการบำเพ็ญเพียร แต่ทุกองค์ ก็ช่วยเหลือเราอย่างลับๆ เพื่อให้เราก้าวหน้าวัฒนาในเมตตาบารมี บรรลุถึงปรมัตถบารมีแห่งพระโพธิสัตว์เจ้า"......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มีนาคม 2008
  2. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พระแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกร
    [​IMG]
    <B><BLINK>รูปภาพ พระแม่กวนอิมปางพันมือ</BLINK></B>
    คาถาบูชา พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ( พระแม่กวนอิม )
    นะโมตัสมัย อภัยมัททะ อวกิเตศะวะราย โพธิสัตตะวาย มะหาสัตตะวาย นะมะพะทะ
    หรือ นัมมอ กวนซีอิม ผ่อ สัก
    พระแม่กวนอิมปางพันมือ หรือ พระแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกรเป็นปางหนึ่ง ของพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เมื่อประมาณหนึ่งหมื่นปีมาแล้ว เกิดอุทกภัย ครั้งใหญ่ในประเทศจีน ฝนตกหนักน้ำในแม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำวิปโยคท่วมท้น ผู้คนจำนวนมากถูกกระแสน้ำพัดพาไป พุทธศาสนิกชน ได้สวดมนต์วิงวอน พระโพธิสัตว์กวนอิมขอให้ทรงช่วย ทำให้พระองค์ต้องเสด็จลงมาช่วยผู้ที่ถูกน้ำท่วม แต่การมีเพียง สองมือย่อมช่วยไม่ทันเหตุการณ์ พระองค์จึงทรงตั้งจิตอธิษฐาน ว่าขอให้มีพันเนตรพันกร จะได้ช่วยคนได้ครั้งละพันคน พุทธศาสนิกชนชาวจีน จึงสร้างองค์สมมติพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางพันเนตรพันกรขึ้น องค์สมมติ พระแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกร ที่อุทยานศาสนา ฯ องค์นี้ สร้างในประเทศจีน และสลักด้วยไม้การบูรหอม เป็นองค์ไม้แกะสลักที่สูงใหญ่ที่สุดในโลก จะสังเกต ได้ว่าแต่ละพระหัตถ์มีพระเนตรอยู่กลางฝ่าพระหัตถ์ อันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง ความเอื้ออาทรที่จะโปรดสัตว์ผู้อยู่ในห้วงทุกข์อันหาขอบเขตมิได้
     
  3. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    <B>
    พระแม่กวนอิมปางยืนบนปลามังกร
    พระแม่กวนอิมปางยืนบนปลามังกรเป็นปางที่ท่านบำเพ็ญโพธิจิตสำเร็จแล้ว ชาวจีน ถือว่าปลามังกรเป็นเจ้าแห่งปลา ปลาตัวนี้บำเพ็ญนานนับหมื่นปีจนเขางอก มีนิสัยดุร้าย เมื่อชาวเรือไปจับปลาซึ่งเป็นบริวารของตนก็โกรธ และกัดกินชาวเรือที่จับปลา ชาวบ้าน ได้รับความเดือดร้อนต่างอธิษฐานขอให้พระแม่กวนอิมทรงช่วย ด้วยแรงอธิษฐานทำให้ พระแม่กวนอิมซึ่งบำเพ็ญโพธิจิตอยู่ที่เกาะโพวถ่อซัวต้องเสด็จไปเทศน์โปรดปลามังกรจน คลายโทสะและยอมเป็นพาหนะให้พระแม่กวนอิมเหยียบข้ามไปมาระหว่างผืนแผ่นดินกับ เกาะเมื่อปลามังกรตายได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ในแดนสุขาวดี
    </B>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มีนาคม 2008
  4. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พระแม่กวนอิมปางยืนบนดอกบัว
    พระแม่กวนอิมปางยืนบนดอกบัว ทรงอยู่ในปางประทานพร เป็นปางที่เพิ่ง บำเพ็ญบารมี สำเร็จ พระแม่กวนอิมเมื่อเป็นมนุษย์พระชาติสุดท้ายทรงเกิดในสมัย ราชวงศ์ซิงหลิง แห่ง อาณาจักรซิงหลิงของจีนซึ่งอยู่ในยุคของพระพุทธเจ้ามหากัสสปะ หรือ พระอมิตาพุทธ ของจีน จักรพรรดิเมี่ยวจวงผู้ปกครองอาณาจักรซิงหลิงมีพระธิดา ๓ องค์ องค์ที่ ๓ ชื่อ เมี่ยวซัน เป็นผู้มีเมตตาและชอบถือศีลกินเจ แต่เมี่ยวจวงผู้เป็นพระบิดาไม่เห็นด้วยและ พยายามขัดขวาง เช่นครั้งหนึ่งขณะที่พระธิดาเมี่ยวซันบำเพ็ญ ที่เกาะโพวถ่อซัว ก่อนที่จะ สำเร็จโพธิจิต พระเจ้าเมี่ยวจวงได้ยกทัพใหญ่มาชัดขวาง บุกขึ้นเกาะทำลายบ้านเรือน เผา โรงเจของพระธิดา แต่พระธิดาเมี่ยวซันไม่หนี พระอินทร์หรือเง็กเซียนฮ่องเต้ ต้องใช้ อิทธิฤทธิ์ทำให้พระธิดาลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วดับไฟทั้งหมด พระธิดาได้เทศน์โปรดจน พระบิดาสำนึกบาปกลับใจหันมาบำรุงพระศาสนา ตอนพระธิดาเมี่ยวซันลอยลงมา จาก อากาศ เง็กเซียนฮ่องเต้ได้เนรมิตดอกบัวมารองรับไว้ จึงปรากฏองค์สมมติ พระแม่กวนอิมปางยืนบนดอกบัวขึ้น พระแม่กวนอิมปางยืนบนดอกบัวนี้ เหมาะสำหรับอธิษฐานขอพร ขอและขอให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
     
  5. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พระแม่กวนอิมปางยืนบนมังกร
    [​IMG]
    <B><BLINK>รูปภาพ พระแม่กวนอิมปางยืนบนมังกร</BLINK></B>​
    พระแม่กวนอิมปางยืนบนมังกร เป็นปางที่เกิดขึ้นในสมัยที่พระแม่กวนอิมอยู่ในแดนสุขาวดี มีพญาเต่าและพญามังกรบำเพ็ญมานานจนสามารถแปลงเป็นคนได้ ครั้งหนึ่งลูกชาย พญามังกร ซึ่งมีนิสัยเกเร ได้แปลงเป็นคนมาเที่ยวเมืองมนุษย์ เกิดหลงรักหญิงสาว ใน หมู่บ้าน และได้ล่วงเกินก่อนฆ่าทิ้ง ชาวบ้านจับได้จึงฆ่าลูกพญามังกร พญามังกรโกรธมาก จึงอาละวาดทำให้น้ำท่วม เมืองจีนเกิดวุ่นวายข้าวยากหมากแพง และทำให้คนตาย เป็นจำนวนมาก วิญญาณของผู้ตายก็ไปร้องเรียนเทวโลก เทวโลกต้องประชุม หาผู้ที่ อาสาปราบพญามังกร พระแม่กวนอิมเห็นว่าถ้าให้ผู้อื่นไปปราบพญามังกรอาจถูกฆ่า ดังนั้นพระแม่กวนจึงอาสาลงมาปราบ จนพญามังกรสำนึกผิดยอมให้ พระแม่กวนอิม เหยียบพญามังกรขึ้นไปจองจำหรือบำเพ็ญบนสวรรค์ พระแม่กวนอิมปางยืนบนมังกรนี้ เหมาะสำหรับการอธิษฐานขอให้ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งหรือขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล
     
  6. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พระแม่กวนอิมปางยืนบนหลังเต่า
    [​IMG]
    <B><BLINK>รูปภาพ พระแม่กวนอิมปางยืนบนหลังเต่า</BLINK></B>​
    พระแม่กวนอิมปางยืนบนหลังเต่าเป็นปางที่เกิดขึ้นหลังจาก ที่พระแม่กวนอิมอยู่ใน แดนสุขาวดี หรือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อครั้งพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้เลื่อมใสใน พระพุทธศาสนา ให้พระถังซัมจั๋งเดินทางไปอันเชิญพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีป ระหว่าง เดินทางต้องข้ามเขาหิมาลัยเมื่อถึงแม่น้ำคงคา มีพญาเต่าตัวหนึ่งบำเพ็ญอยู่นานนับหมื่นปี พญาเต่าจึงอาสาพาพระถังซัมจั๋งข้ามแม่น้ำโดยให้นั่งบนหลัง พญาเต่าได้ฝาก พระถังซัมจั๋ง ให้ช่วยทูลถามพระพุทธเจ้าว่า
     
  7. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พระแม่กวนอิมหยกขาว
    [​IMG]
    <B><BLINK>รูปภาพ พระแม่กวนอิมหยกขาว</BLINK></B>​
    พระแม่กวนอิมประทับบนดอกบัวเป็นปางประทาพรหลังจากสำเร็จโพธิจิตแล้ว และการที่ประดิษฐอยู่โดดเด่นปราศจากวิหารครอบคลุมนั้น เพราะความเชื่อหยกขาว เป็นหนึ่งในสี่ธาตุกายสิทธิ์ของโลก สามารถดูดซับพลังจากสุริยัน จันทราได้
     
  8. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    [​IMG]
    <B><BLINK>รูปภาพ พระแม่กวนอิมหยกขาว1</BLINK></B>
    พริ้มพระโอษฐ์แย้มละไมร้อยใยรัก หยกสลักงามเงาเพราพิสุทธิ์
    ระเรียงร้อยสร้อยสายมาลัยพุด มายั้งหยุดฉุดใจไว้ตรงนี้
    พิมพ์พระพักตร์ผ่องพราวสกาวใส พิมพ์พระทัยใฝ่พระธรรมล้ำราศี
    พิมพ์พระพรโพธิธรรมฉ่ำฤดี พิมพ์มณีในพระเนตรฉายเมตตา
    หนึ่งพระทัยใฝ่ฝันสันติสุข พันพระหัตถ์ขจัดทุกข์ทุกทิศา
    คนโททิพย์หลั่งละมุนอุ่นอุรา มนต์เมตตาโลมล้ำฉ่ำฤทัย
    ธูปจักมอดเทียนชัยใกล้จะดับ ทิวาวารกาลลับดับแสงใส
    รอยราตรีคลี่ฟ้ามารำไร แต่รอยใจเรืองระนับจับพัตรา
    แว่วระฆังกังสดาลปานแก้วใส ระฆังใจไหวหวานกังวานกว่า
    ระฆังธรรมย้ำยลม่านมนตรา มนต์มารดาโพธิสัตว์ขจัดมาร
    มนุษย์ชั่วมั่วคาวเคล้าบาปหนา ก่อปาณาพราสัตว์ประหัตประหาร
    เชิดฉกฉ้อชิงทรัพย์อัประมาณ สัตว์ซาตานคลุกโคลนท้นอบาย
    ที่ใดหนอนรกานต์พอบรรทุก คาวคนคลุกโทษโหดกระหาย
    อเวจีที่ร้อนเร่าเผามลาย มิเคลื่อนคลายบาปบรรเทาให้เบาบาง
    พักตร์พระแม่พริ้มแพรวเก็จแก้าขาว ร้อยดวงดาวเรียงประดับรับรุ่งสาง
    รออรุณอุ่นอบภพนภางค์ จักเยื้องย่างด้วยรอยสรวงแห่งกวนอิม
     
  9. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มีนาคม 2008
  10. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ปณิธาน ๘ ประการของพระโพธิสัตว์
    ๑.พระโพธิสัตว์จักต้องบำเพ็ญตนให้เป็นคุณประโยชน์ต่อปวงสัตว์โดยไม่ปรารถนารับผลตอบ แทนใด ๆ จากสัตว์ทั้งหลาย
    ๒. พระโพธิสัตว์สามารถเสวยสรรพทุกข์แทนสรรพสัตว์ได้โดยมิย่นย่อท้อถอย
    ๓. พระโพธิสัตว์สร้างคุณความดีไว้มีประมาณเท่าไร ก็สามารถอุทิศให้แก่สัตว์ทั้งหลายได้ ไม่หวงแหนตระหนี่ไว้
    ๔. พระโพธิสัตว์ตั้งจิตอยู่ในสมถธรรมอันสม่ำเสมอในปวงสัตว์ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ถ่อมตนไว้ไม่ลำพอง โดยปราศจากความขัดข้องใด ๆ
    ๕. พระโพธิสัตว์เห็นพระโพธิสัตว์ทุก ๆ องค์ ปานประหนึ่งเห็นพระพุทธองค์ อนึ่ง พระสูตรใดที่ยังมิได้สดับตรับฟัง ครั้นได้มีโอกาสสดับตรับฟังแล้วก็บังเกิดความคลางแคลง กังขาอย่างไรในพระสูตรนั้น ๆ
    ๖.พระโพธิสัตว์ไม่หันปฤษฎางค์ให้กับธรรมะของพระอรหันตสาวกแต่สมัครสมานเข้ากัน ได้ กับธรรมะดังกล่าวนั้น ๆ
    ๗.พระโพธิสัตว์ไม่เกิดความริษยาในลาภสักการะอันบังเกิดแก่ผู้อื่นและไม่เกิดความหยิ่งทะนง ในลาภสักการะ อันบังเกิดแก่ตนเองสามารถควบคุมจิตของตนไว้ได้
    ๘. พระโพธิสัตว์ตั้งหมั่นพิจารณาโทษของตนอยู่เป็นนิจ ไม่เที่ยวเพ่งโทษโพนทะนาโทษ ของผู้อื่นตั้งจิตมั่นคงเด็ดเดี่ยวในการสร้างบารมีโกยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์
    <BIG></BIG>
    จริยธรรม ๑๐ ประการของพระโพธิสัตว์
    ๑. พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่าร่างกายจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
    ( มีความเจ็บไข้ หรือโรคภัยเป็นธรรมดา )
    ๒. พระโพธิสัตว์ครองชีพโดยไม่ปารถนาว่าจะไม่มีภยันตราย
    ( มีภัยอันตรายเป็นธรรมดา )
    ๓. พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่า จะไม่มีอุปสรรคในการชำระจิตให้บริสุทธิ์
    ( ย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา )
    ๔. พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่าจะไม่มีมารขัดขวางการปฏิบัติภารกิจ
    ( จะต้องมีมารขัดขวางการปฏิบัติโพธิจิตเป็นธรรมดา )
    ๕. พระโพธิสัตว์คิดว่าจะทำงานให้นานที่สุด โดยไม่ปรารถนาจะให้สำเร็จผลเร็ว
    ( ปล่อยวางเรื่องกาลเวลา ทำงานเพื่องาน )
    ๖. พระโพธิสัตว์คบเพื่อนโดยไม่ปรารถนาจะได้ผลประโยชน์จากเพื่อน
    ( รักผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ )
    ๗. พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่าจะให้คนอื่นต้องตามใจตนเองเสมอไปทุกอย่าง
    ( ไม่มีความเห็นแก่ตัว )
    ๘. พระโพธิสัตว์ทำความดีกับคนอื่น ไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทน
    ( ต้องการให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ )
    ๙. พระโพธิสัตว์เห็นลาภแล้วไม่ปรารถนาว่าจะมีหุ้นส่วนด้วย
    ( ไม่ปรารถนาในลาภและสรรเสริญ )
    ๑๐. พระโพธิสัตว์เมื่อถูกใส่ร้ายป้ายสี ติเตียน นินทาแล้ว ไม่ปรารถนาจะได้โต้ตอบหรือ
    ฟ้องร้อง ( การใส่ร้ายป้ายสี ติเตียน นินทา เป็นธรรมดาของโลก )

    จริยธรรมทั้ง ๑๐ ประการนี้ เป็นการปฏิบัติธรรมชั้นสูงของพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ เรียกว่ามหาอุปสรรค หรือ เครื่องกีดขวางโพธิจิต คือผู้ปฏิบัติทั้งหลาย หนีไม่พ้น สิ่งแวดล้อมที่ขัดขวางอย่างแน่นอนหากไม่รู้เท่าทันหรือเตรียมพร้อมไว้ก่อนผู้ปฏิบัติธรรม จะท้อถอยหรือสูญเสียโอกาส
     
  11. blue-velvet

    blue-velvet Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +62
    ปณิธาน ๘ ประการของพระโพธิสัตว์
    ๕. พระโพธิสัตว์เห็นพระโพธิสัตว์ทุก ๆ องค์ ปานประหนึ่งเห็นพระพุทธองค์ อนึ่ง พระสูตรใดที่ยังมิได้สดับตรับฟัง ครั้นได้มีโอกาสสดับตรับฟังแล้วก็บังเกิดความคลางแคลง กังขาอย่างไรในพระสูตรนั้น ๆ
    ท่านเจ้าของข้อความนี้ขออนุเคราะห์ช่วยอรรถาธิบายข้อความที่ขีดเส้นใต้ด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...