ทำไมคนที่กตัญญูเลี้ยงดูพ่อแม่ ยังลำบากอยู่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NCK2046, 12 เมษายน 2007.

  1. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    จริงๆแล้วมีความเชื่อว่า คนเราทำอะไรมักได้อย่างนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เหมือนพระพุทธเจ้าสอน

    แต่ความเป็นจริงที่เผชิญมาหลายปี ครอบครัวของเรา คุณแม่ดูแลยายด้วยความกตัญญูรู้คุณหลายปีจนท่านตาย ตอนนี้แม่เรายังลำบากอยู่ ผิดกับน้องสาวแม่ที่รังเกียจยาย กลับได้ดี ยายยกมรดกให้เยอะกว่าก็ไม่มาเลี้ยงดู ทุกวันนี้ชีวิตพวกเขาสุขสบายมาก

    ส่วนตัวเราเอง เลี้ยงแม่ด้วยความกตัญญูรู้คุณเหมือนกับที่แม่เลี้ยงยาย ให้เงินเดือนแม่ใช้ทุกเดือน แต่ชีวิตก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ทรงๆแย่อย่างนี้มาหลายปี มองดูลูกอกตัญญูเจริญเอาๆ

    ใจไม่เคยคิดทอดทิ้งแม่ ถึงทำดีแล้วจะไม่ได้ดี ก็ยังรักแม่ เหมือนที่แม่รักยาย

    แค่ไม่เข้าใจเท่านั้นเอง ว่าทำไม โลกนี้มันไม่มีที่ว่างให้คนดีอยู่เลยหรือไง
     
  2. เบื้องล่าง

    เบื้องล่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +116
    คงต้องทำความเข้าใจว่า คนเราเกิดมามีกรรมเป็นของตนเองตั้งแต่เกิด นั้นคือกรรมในอดีต และผลบุญในอดีตที่ส่งผลให้มาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทำความดี
    การที่เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วกตัญญูต่อบิดา มารดา ผลการกระทำความดีนี้จะส่งผลบุญให้แก่ผู้กระทำเสมอ หากแต่ผลแห่งกรรมที่ได้เคยกระทำมายังคงส่งผลอยู่ ผลแห่งกรรมดีจึงยังไม่แสดงผล แต่รับรองว่าหากผู้ที่กตัญญูต่อบิดา มารดา ไม่ได้สร้างกรรมชั่วในชาตินี้ ผลแห่งกรรมดีที่ได้กระทำไว้จะต้องส่งผลให้ได้รับแต่สิ่งดี ๆ แน่นอน คือได้บุตรดีอย่างคุณยังไง จงเชื่อมั่นว่าทำดีต้องได้ดี
    ส่วนคนที่ไม่เลี้ยงดูบิดามารดา แล้วยังสุขสบายแสดงว่า ชาติก่อนพวกเขาทำบุญมาดี บุญเก่ายังไม่หมด หากบุญเก่าหมดวันใด พวกเขาทั้งหลายก็จะได้รับผลกรรมทันที
    นรกมีไว้ให้คนชั่วอยู่ สวรรค์มีไว้ให้คนทำดีอยู่
     
  3. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ไม่ได้เพิ่งจุติโพล๊ะออกมาเป็นคนเลยชาติแรกนี่จ๊ะ
    ชีวิตเกิดมาก็ลำบากทั้งนั้นแหละ
    พระพุทธเจ้าท่านถึงสอนให้เลิกเกิด
    พ่อแม่มีพระคุณให้กำเนิดมาเพื่อได้เก็บบุญบารมี
    ดูแลไปเถอะ ไม่ต้องหวังค่าจ้างหรอก
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ฟันธง.......

    กรรมมีหลายชนิด หลายระดับความแรง....ครับ
    ขึ้นอยู่กับว่า อันไหนจะ "แรงกว่า" หรือ อันไหนจะ "ให้ผล" ในลำดับก่อน ครับ

    หากจะศึกษาเรื่องกรรมแบบถี่ถ้วน ไปหาหนังสือ ทิพย์อำนาจ มาอ่านครับ

    ในเวปนี้เพิ่งเปิดโอกาสให้ Down load เมื่อเร็วๆนี้

    ไม่แน่ว่าตอนนี้เบื้องบนกำลัง "ทดสอบ" ความกตัญญูของคุณอยู่ ว่าจะเข้มแข็งและสม่ำเสมอขนาดไหน หากวันหนึ่งถึงขั้นที่ "หมดกรรม" หรือ "ฟ้าเมตตา" ก็คงพ้นจากวิบากกรรมที่เป็นอยู่ล่ะครับ.....เราก็เคยเจอ....อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ให้กำลังใจทำดีต่อไปครับ คุณทำดีย่อมต้องได้รับสิ่งดีๆแน่นอนครับ แต่บอกไม่ได้ว่า.....เมื่อไร
     
  5. Nu_Bombam

    Nu_Bombam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,030
    ค่าพลัง:
    +4,915
    กรรม หนอ กรรม พระท่านบอกไว้ว่า โลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ
    ถูกหวยก็ไม่บังเอิญ เพราะแรงกรรมทำให้ถูก

    3 โลกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม กรรมดี กรรมชั่ว ดวงจิตเราล้วนถูกเหวี่ยงไปตามกรรมที่ทำไว้

    ดังนั้น ทำดีต่อไป ลองแนะนำแม่เกี่ยวกับ นิพพาน สิครับ บอกให้ท่านปล่อยวาง อะไรแบบนี้อ่ะครับ ให้ธรรมไปในตัว อิอิ

    ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
     
  6. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    "ข้าแต่มหาราชเจ้า บุคคลใดเลี้ยงดูบิดามารดาโดยชอบธรรม เทพยดาและมนุษย์ย่อมแก้ไขคุ้มครองบุคคลนั้น นักปราชญ์ทั้งหลายย่อมสรรเสริญบุคคลนั้นในโลกนี้ เมื่อเขาละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมรื่นเริงบันเทิงอยู่ในสวรรค์"

    พระโพธิสัตว์สุวรรณสาม กล่าวแก่ พระราชาปิลยักขราช ในสุวรรณสามชาดก

    ขอท่านผู้เจริญพึงพิจารณา.......สาธุ
     
  7. ท่าข้าม

    ท่าข้าม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +2,513
    โมทนาบุญกับทุกคน สู้ต่อไปนะ (เจ้าของกระทู้) ท่าข้ามเอาใจช่วย และขอให้เข้มแข็งอดทนในการที่จะทำความดี ชีวิตจะชำรุดทรุดโทรมขนาดไหนก็ขอให้อย่าเสื่อมในความดี ความดีที่คุณปฎิบัติ คุณต้องได้รับผลดีนั้นกลับคืนมาแน่นอน อย่าเพิ่งท้อนะ (โดยเฉพาะความดีที่ปฎิบัติต่อพ่อแม่นั้น อานิสงค์ใหญ่หลวงมาก ท่าข้ามโมทนาบุญด้วยจ้ะ)
     
  8. som747

    som747 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +374
    ผมให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ด้วยคน และขอโมทนาบุญที่คุณทำอยู่ อย่างไรต้องได้ดีแน่
     
  9. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,418
    [​IMG]

    ถามหา "คุณธรรม" ถามหาต้นแบบ เทพเจ้า "กวนอู"
    สารสิน วีระผล มติชนรายวัน วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10208
    1.คุณสมบัติแห่งความศรัทธา
    หากจะตั้งคำถามถามชาวจีนทั่วไปว่า บุคคลใดในตำนานประวัติศาสตร์จีนที่เป็นที่น่านับถือถึงขนาดกราบไหว้บูชาเป็นเทพเจ้า คงไม่ต้องถึงกับต้องใช้บริการ เช่น เอแบคโพลล์มาทำการสำรวจประชามติดังกล่าว เพราะคำตอบที่เป็นเอกฉันท์ คือ : "กวนอู" (กวนกง)
    ชื่อ "กวนอู" โด่งดังจากนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ "สามก๊ก" ที่พวกเราย่อมรู้จักคุ้นเคยดี และตามชุมชนชาวจีนอย่างเช่น เยาวราชยังมีศาลเจ้า "กวนอู" ที่ชาวจีนต่างอาชีพต่างชนชั้นวรรณะกราบไหว้บูชา
    ชาวจีนตั้งแต่ชนชั้นกรรมาชีพถึงนักบริหารต่างบูชา กวนอู เพราะถือว่าเขาคือสัญลักษณ์แห่งคุณธรรม (เหริน) การรู้คุณและตอบแทนคุณ (อี้) ความซื่อสัตย์ (จง) และความกล้าหาญ (หย่ง)
    "ขงจื๊อ" อาจถูกนับถือ โดยเฉพาะในหมู่ปัญญาชนว่าเป็น "นักปราชญ์ชั้นปรมาจารย์" ผู้เป็นเสาหลักแห่งอารยธรรมจีน แต่กวนอูนั้นเป็น "วัตถุบูชา" (Icon) ของปัจเจกบุคคลจีน จากแง่มุมของนักปฏิบัติค่านิยมอันเลิศล้ำ (ตามแบบฉบับจริยธรรมของลัทธิขงจื๊อ) บวกกับความกล้าหาญ (ถึงขั้นไม่กลัวตาย) หรืออีกนัยหนึ่ง ขงจื๊อ สอนให้คนรู้จักค่านิยมของการอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคมที่มีคุณธรรม ส่วนกวนอูถูกมองเป็น นักปฏิบัติ (Activist) ที่เชิดชูปกป้องคุ้มครองความเป็นธรรมของสังคม
    กิตติศัพท์ของ "กวนอู" ถูกเผยแพร่เป็นตำนานโดยปลายปากกาของนักเขียนมีนามว่า หลอก้วนจง แห่งราชวงศ์หมิง เมื่อห้าร้อยปีก่อน และต่อมาชาวบ้านได้เทิดทูนและยกระดับความเคารพนับถือต่อกวนอู เป็นเทพเจ้า (เซิ่งตี้จวิน) เมื่อราวสองสามร้อยปีที่ผ่านมา โดยสร้างศาลเจ้าให้เป็นที่บูชากราบไหว้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ปัจเจกบุคคลจีน จุดธูปเทียนบูชากวนอู มิใช่เพราะเขาได้กลายเป็น "เทวดา" ที่มีอำนาจบันดาลโชคลาภหรืออำนาจวาสนา แต่คนทั่วไปกราบไหว้เพื่อขอแรงดลใจจากเทพเจ้า ที่เป็นสัญลักษณ์ของบุคคลที่มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ และความกล้าหาญ ฉะนั้นการบูชาเทพเจ้ากวนอูคือการรำลึกถึงวีรกรรมความดีที่ได้สร้างไว้ในตำนานประวัติศาสตร์
    2.สามัคคีมีชัย
    ความเชื่อถือที่มีต่อกวนอูมิใช่ขึ้นอยู่เพียงแต่คุณสมบัติของตัวเองเท่านั้น การบูชากวนอูในประวัติศาสตร์จีนในยุคหลัง (ราวสาม-สี่ร้อยปีที่ผ่านมา) ยังไปโยงกับการสามัคคีด้านกิจกรรมทางการเมือง หรือธุรกิจในสังคมจีน โดยชาวจีนได้อ้างอิงถึงตอนหนึ่งในนวนิยาย "สามก๊ก" ที่กวนอูเข้าร่วมพิธีสาบานตนเป็น พี่น้องร่วมสาบาน กับเล่าปี่ และเตียวหุย (สามัคคีในสวนท้อ)
    ผู้ปลุกระดมสร้างชุมชนหรือขบวนการการเมืองในจีน (รวมทั้งผู้จัดตั้งสมาคมลับที่เป็นที่รู้จักกันว่า "อั้งยี่" ด้วย) ต่างยึดถือการเซ่นไหว้ "เทพเจ้ากวนอู" เป็นพิธีการส่วนสำคัญ และแม้แต่นักธุรกิจจีนที่รวมตัวจัดตั้งสมาคม หรือชมรมทางธุรกิจก็ต้องประกอบพิธีร่วมเซ่นไหว้เทพเจ้าผู้นี้ เพื่อโชคลาง (โดยเฉพาะในสายตาของนักธุรกิจจีน คุณสมบัติของกวนอู กล่าวคือ "ธารแห่งธุรกิจ" (ซางเต้า) ของสังคมนักธุรกิจที่มีเอกภาพ ยึดหลักถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งจะนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่ฝรั่งเรียกว่า "Win-Win")
    ในนิยาย "สามก๊ก" ผู้เขียนได้สร้างตัวละครกวนอูเป็น "แบบอย่าง" ที่นักปกครองรุ่นหลังใช้เป็น "จิตวิทยาฝูงชน" (Mass Psychology) มีส่วนทำให้กวนอูถูกยกฐานะขึ้นเป็น เทพเจ้า ในที่สุด
    สำหรับ "จริยธรรม" (เต๋อ) ที่กวนอูอ้างถึงทั้ง 4 ประการ (คือความซื่อสัตย์ การตอบแทนบุญคุณ จรรยาธรรม และความกล้าหาญ) ใน "สามก๊ก" นั้นมีตัวอย่างมากมายซึ่งต่อไปจะขอกล้าวอ้างถึงบางข้อเพื่อประโยชน์ในการเสริมความเข้าใจ
    -ความซื่อสัตย์ คนทั่วไปเทียบกวนอูให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ เพราะเขาซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์ฮั่นและต่อเล่าปี่ (พี่ร่วมสาบาน) และไม่สยบต่อโจโฉจนวาระสุดท้ายเมื่อคราวที่ถูกกดดันให้ยอมจำนนต่อโจโฉเพื่อพิทักษ์ครอบครัวของเล่าปี่ กวนอูได้ยื่นเงื่อนไขในการยอมจำนน 3 ข้อ ต่อโจโฉ (ผู้หวังจะหมายปองให้กวนอูสวามิภักดิ์) คือ
    1.การยอมจำนนครั้งนี้เป็นการจำนนต่อราชสำนักฮั่น แต่มิใช่ต่อโจโฉ (ในฐานะผู้สำเร็จราชการ)
    2.โจโฉจะจัดที่อยู่อาศัยโดยแยกส่วนพำนักของกวนอูและของครอบครัวของเล่าปี่ (ฮูหยินและหลาน)
    3.เมื่อมีข่าวเล่าปี่เมื่อไร กวนอูจะพาครอบครัวของเล่าปี่ไปสมทบ
    โจโฉออกปากรับเงื่อนไขทั้งสามเพื่อหวังโน้มน้าวกวนอู และสุดท้ายกวนอูก็สามารถหลบหลีกปัญหา หนีพ้นเงื้อมมือขอโจโฉได้สำเร็จ ประเด็นที่คนทั่วไปตระหนักคือความจงรักภักดีของกวนอูต่อเล่าปี่ จากต้นจนปลาย โดยไม่เปิดโอกาสให้โจโฉซื้อตัวได้ แม้อยู่ในท่ามกลางความคับขัน ด้วยการตั้งเงื่อนไขทั้งสามข้อแสดงต่อโจโฉว่า แม้กวนอูจะต้องทนความอับอาย (โดยต้องอยู่ภายใต้อาณัติโจโฉ) แต่ก็ไม่ยอมน้อมตนสวามิภักดิ์
    -ความสำนึกบุญคุณ หลังจากแตกทัพและพ่ายศึกที่ "ชึปิ" (เชียะเปี๋ยะ) สูญเสียพลทหารไปกว่าแปดแสนคน โจโฉและผู้ติดตามเพียงหยิบมือหนึ่งได้พยายามหลบหนีแต่มิวายถูกกวนอูตามทัน และการที่จะถูกจับเป็นหรือจับตายนั้น อยู่ที่การตัดสินใจของกวนอูเท่านั้น แต่กวนอูกลับปล่อยให้โจโฉหนีไป ทั้งๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าละเว้นหรือทรยศต่อหน้าที่ ซึ่งมีโทษถึงตาย แต่การแสดงความปรานีต่อโจโฉครั้งนี้ก็เพื่อต้องการตอบแทนบุญคุณของโจโฉที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของกวนอู ตอนที่กวนอูและครอบครัวของเล่าปี่ ถูกโจโฉจับตัวไว้เป็นประกัน ซึ่งโจโฉได้ปล่อยตัวพวกเขาตามสัญญาในเวลาต่อมา (คนรุ่นหลังมองเห็นว่ากวนอูเป็นผู้รู้คุณและตอบสนองบุญคุณของโจโฉ อันเป็นหลักการอันสูงส่ง)
    -คุณธรรม กวนอูถูกยกย่องเป็นผู้มีคุณธรรมในตัวอย่างที่โจโฉไม่ได้ทำตามเงื่อนไขที่สองของกวนอู เกี่ยวกับการแยกพำนักเป็นสัดส่วน โดยให้กวนอูอยู่ร่วมกับฮูหยิน ในห้องนอนเดียวกัน กวนอูแก้ปัญหาที่หลับนอน ซึ่งมีเตียงเดียว โดยกวนอูจุดเทียนนั่งอ่านตำรา (คัมภีร์ "ชุนชิว") เป็นการทรมานสังขารตนเองเพื่อรักษาหลักการ "คุณธรรม" ว่าด้วยการทำความอดสู อับอาย หรือทำร้ายความบริสุทธิ์ของชื่อเสียงคนอื่น ด้วยการใช้ความระมัดระวังในพฤติกรรมของตัวเอง
    -ความกล้าหาญ ชื่อกวนอูเลื่องลือด้วยความกล้าหาญในช่วงหลายปีที่ต่อสู้อยู่เคียงข้างเล่าปี่ กวนอูได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ตนเองมีทั้งความกล้าหาญ และความชาญฉลาด จึงเป็นที่ยกย่องของคนจีนทั่วไป ตัวอย่างที่มักถูกยกขึ้นอ้างอิงคือ กรณีที่กวนอูทะลวงค่ายศัตรู (เหยนเหลียง มิใช่ เหยนปิน ขุนพลเอกของ หยวนเซ่า) โดยลำพัง และตัดคอขุนพลผู้นี้ก่อนถอยกลับ จนโจโฉยกย่องให้เป็น "สุดยอดแห่งวีรบุรุษ"
    3.ความหมายของความสำเร็จของกวนอู
    แม้กวนอูจะถูกชาวจีนรุ่นหลังสรรเสริญ นับถือเป็นเทพเจ้า แต่ใน "สามก๊ก" กวนอูต้องจบบทบาทด้วยการถูกสังหาร โดยนักรบรุ่นเด็กกว่า และขั้วอำนาจที่กวนอูสนับสนุน (กลุ่มอำนาจเล่าปี่) ก็มิได้เป็นฝ่ายกำชัยชนะในการต่อสู้ เพื่อชิงความเป็นใหญ่ใน "สามก๊ก" อย่างไรก็ตาม กิตติศัพท์ของกวนอูกระฉ่อนมาถึงทุกวันนี้เพราะกวนอูเป็นตัวแทนของหลักการ "จริยธรรม" ที่สังคมจีนเทิดทูนบูชาว่าบุคคลที่เข้ามารับใช้สังคม (ไม่ว่าจะเสนอตัวเองหรือถูกสภาพแวดล้อมบังคับ) พึงจะปฏิบัติตามค่านิยมดังกล่าว
    วีรบุรุษใน "สามก๊ก" แม้เป็นตัวละครที่ถูกจินตนาการขึ้น แต่ก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญโดยปัจเจกบุคคลจีน (ซึ่งส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่เป็นจำพวกที่ต้องต่อสู้กับความไม่ถูกต้องหรือเงื่อนไขไม่เป็นธรรมในสังคม) นั้น เพราะพวกเขาเหล่านี้ทำกิจกรรมร่วมกันหรือรวมพลังเพื่อต่อสู้
    สิ่งที่ประทับใจคนอ่านนิยายดังกล่าวคือ คำปฏิญาณตนร่วมกันของเล่าปี่ เตียวหุย และกวนอู ในสวนลูกท้อที่ว่า "แม้ (เราทั้งสาม) จะไม่สามารถเกิดในวัน เดือน ปีเดียวกัน แต่ก็ยอมตายในวัน เดือน ปีเดียวกัน!"
    คำปฏิญาณดังกล่าวแม้จะเป็นเพียงการจินตนาการที่มาจากนวนิยาย แต่ความหมายกลับหามีส่วนที่เป็น "ของปลอม" ไม่ ฝูงชนหรือกลุ่มชนจึงใช้ถ้อยคำดังกล่าวมาเป็น "คำอ้าง" ในการระดมพลและสร้างเอกภาพเพื่อก่อการ

    ที่มา : http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2006q1/2006february20p6.htm

    ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี ดูตัวอย่างท่านกวนอูที่ถือคุณธรมการรู้จักตอบแทนบุญคุณ ถึงแม้ว่าจะเห็นผลช้าแต่สุดท้ายความดีก็ตอบแทน ตอนนี้ก็เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้องค์ปัจจุบันครับ
     
  10. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,418

    คัมภีร์ปลุกชาวโลก : เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ พระเจ้ากวนอู
    หรือท้าวสักกะเทวราช (เง็กเซียนฮ่องเต้) องค์ที่ 18


    <HR width="100%" SIZE=1>

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma] พระเจ้ากวนอูตรัสไว้ว่า คุณค่าของความเป็นมนุษย์นั้นอยู่ที่การมีความจงรักภักดี ความกตัญญู และมีคุณธรรม จึงจะนับได้ว่าเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุด และสามารถยืนหยัดอยู่บนสวรรค์หรือบนพิภพนี้ได้ หากมนุษย์เราไม่จงรักภักดีต่อประเทศชาติ ไม่กตัญญูต่อบิดา มารดา ไม่รักษาสัจธรรมแล้วไซร้ ถึงตัวยังมีชีวิตอยู่ แต่ด้านจิตใจ เสมือนหนึ่งได้ตายจากไปแล้ว และจะอยู่แบบลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่มีความหมายอะไร จิตของมนุษย์คือเจ้า เจ้าก็คือจิต ถ้ากระทำสิ่งใดที่ไม่ละอายต่อจิตแล้วก็เท่ากับไม่ละอายต่อเจ้า การกระทำสิ่งใดที่หลอกลวงจิตตน ก็เท่ากับหลอกลวงเจ้า เพราะฉะนั้นสาธุชนควรรู้ถึงสามข้อที่ควรเกรงกลัว[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma] [/FONT]1) เกรงกลัวต่อโองการสวรรค์
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma] [/FONT]2) เกรงกลัวต่อผู้หลักผู้ใหญ่
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma] [/FONT]3) เกรงกลัวต่อคำพูดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma][FONT=MS Sans Serif, Tahoma] [/FONT]และสี่ข้อที่ควรรู้ (รู้ฟ้า รู้ดิน รู้เขา รู้ตน) พึงระมัดระวังไม่ให้ตัวเองกระทำในสิ่งที่ผิด จงอย่าคิดว่าหลบอยู่ในห้องมืดหรือบ้านร้าง ทำสิ่งชั่วช้าสามานย์แล้วจะไม่มีใครเห็น แท้ที่จริงการเคลื่อนไหวหรือการกระทำใด ๆ ล้วนอยู่ในสายตาของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น สิบตาต่างเพ่งมาที่การกระทำของพวกเราอยู่ และจงอย่าคิดว่า ที่พูดนั้นปราศจากข้อมูล [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma][FONT=MS Sans Serif, Tahoma] [/FONT]กรรมที่คนเราก่อขึ้นย่อมได้รับสนองทังนั้น จะไม่ผิดพลาดแม้แต่เส้นผมเพียงเส้นเดียว กามตัณหาเป็นยอดแห่งความชั่วทั้งปวง ความกตัญญูเป็นยอดแห่งความดี โปรดอย่าคิดว่า สิ่งที่ขัดต่อศีลธรรม หากแต่มีผลประโยชน์แก่ตนแล้วก็ไปกระทำ สิ่งที่ชอบธรรมแต่ไม่เกิดประโยชน์แก่ตนแล้วไม่ยอมกระทำ หากท่านใดที่ทำให้ข้าฯ ผิดหวัง จงมาทดลองคมมีดของข้าฯ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma][FONT=MS Sans Serif, Tahoma] [/FONT]ความเป็นคนนั้นควรเคารพฟ้าดิน สักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว กตัญญูต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง เคารพกฎหมายของบ้านเมือง เคารพครูบาอาจารย์ รักพี่รักน้อง มีสัจจะต่อเพื่อนฝูง ผูกมิตรกับบ้านใกล้เรือนเคียง ก่อสันติสุขระหว่างสามีภรรยา อบรมลูกหลาน ให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นเสมอ ๆ สร้างบุญกุศลทั้งในที่แจ้งและที่ลับ ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน จุนเจือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทะนุบำรุงหรือก่อสร้างโบสถ์ศาลา บริจาคทุนทรัพย์ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะและคัมภีร์ บริจาคยาแก่ผู้เจ็บไข้ แจกจ่ายน้ำแก่ผู้กระหาย ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต สร้างถนนซ่อมสะพาน สงเคราะห์ผู้เป็นหม้าย บรรเทาทุกข์ร้อนของผู้อื่น เพื่อพยุงบุญกุศลที่ตนได้สร้างสมมา ช่วยเหลือผู้มีความทุกข์และอย่ายุยงผู้อื่นให้มีคดีความ สละเงินทองเพื่อส่งเสริมผู้อื่นสมหวังในสิ่งที่ดีงาม แนะนำชี้แนะผู้อื่นให้รู้กฎแห่งกรรม ไม่จองเวรต่อกัน ไม่โกงตาชั่ง คบค้าสมาคมกับคนที่มีศีลธรรม ไม่คบหาคนชั่วเป็นมิตร จงปกปิดความชั่วของผู้อื่น และสรรเสริญแต่ความดีงามของผู้อื่นเท่านั้น จงมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยหรืออัคคีภัย กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนมีคุณธรรม สำนึกผิดและเริ่มต้นเป็นคนดี ต้องมีจิตเมตตาการุณย์ อย่าให้มีความชั่วช้าสามานย์อยู่ในสมอง ถ้าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม จงมีจิตมั่นคงและปฏิบัติให้ดี ถ้าแม้การกระทำของตนไม่มีใครรู้เห็น แต่เทพยดาเบื้องบนรู้แจ้งมาตลอด และจะประทานบุญต่ออายุขัยให้ ลูกหลานรุ่งเรือง เคราะห์ร้ายและความเจ็บไข้ได้ป่วย จะไม่มาเยี่ยมเยียน ภัยพิบัติไม่อาจมาก่อกวน ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงในบ้านจะอยู่อย่างสงบ ดาวมงคลจะให้ผล [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma][FONT=MS Sans Serif, Tahoma] [/FONT]หากมีจิตคิดชั่วไม่ประกอบกรรมดี คิดไปข่มขืนลูกเมียคนอื่น ทำให้การสมรสของผู้อื่นต้องพังทลายลง ทำลายชื่อเสียงของผู้อื่น อิจฉาริษยาเมื่อเห็นผู้อื่นมีปัญหา กระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตนโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนเสียหายของผู้อื่น เพื่อให้ครอบครัวตนร่ำรวย หรือเมื่อไม่สมเจตนารมณ์ตนก็โทษฟ้าดิน โทษฝนโทษลม กล่าวร้ายนักปราชญ์ ทำลายพระรูป และเหยียดหยามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฆ่าวัวควายและสุนัข เอาหนังสือหรือหนังสือพิมพ์ไปเช็ดน้ำ อุจจาระหรือสิ่งที่สกปรก เอาอิทธิพลหรือความร่ำรวยของตนไปข่มเหงผู้บริสุทธิ์และคนยากจน ยุแหย่บิดามารดาหรือพี่น้องของผู้อื่นเกิดความแตกร้าวกินใจกัน ไม่เชื่อสัจธรรม ประพฤติตนเยี่ยงโจร ปล้น ฆ่า ข่มขืน ไม่เกรงกลัวต่อบาป ไม่ละอายต่อฟ้าดิน ชอบมีชีวิตฟุ้งเฟ้อ ชอบโอ้อวดไม่รู้จักประหยัด ไม่ขยันหมั่นเพียรในหน้าที่การงาน ไม่เสียดายพืชผล กินทิ้งกินขว้าง ไม่รู้จักบุญคุณคน ไม่เพียงแต่หลอกลวงตัวเอง ยังหลอกลวงจิตใจ ทั้ง ๆ จิตตนรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ค้าขายไม่ยุติธรรม ชอบโกงตาชั่ง ตั้งตนเป็นศาสดา หลอกลวงผู้อื่นให้เห็นผิดเป็นชอบ ว่าสามารถนำพาผู้คนสู่สวรรค์ได้ ทำทุกวิถีทางทั้งทางตรงและทางอ้อม ขอเพียงได้หลอกลวงทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นของตน ชอบบิดพลิ้วความจริง พูดจาไม่อยู่ในร่องในรอย บนบานต่อฟ้าดินแต่ลับหลังวางแผนทำลายผู้อื่น ขาดคุณธรรม ทวนกระแสสังคม ไม่เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นำพาผู้อื่นไปทางชั่ว ไม่ยอมทำความดี วัน ๆ ทำแต่สิ่งชั่วร้ายสามานย์ ชอบเล่นลิ้นก่อคดีความ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma][FONT=MS Sans Serif, Tahoma] [/FONT]การประพฤติชั่วร้ายนี้ ผลคือจะได้รับภัยวิบัติจากอุทกภัย อัคคีภัย ขโมยปล้นจี้ โรคร้าย ลูกหลานโง่เขลา และบุตรชายเกิดจะเป็นโจร บุตรีเกิดเป็นหญิงชั่ว ตัวเองก็อายุสั้น บ้านแตกสาแหรกขาด ผลกรรมนี้จะสัมฤทธิผลในชาตินี้เป็นอย่างเร็ว หรือไม่ก็ตกอยู่กับลูกหลานตน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่มีการผิดพลาดแม้แต่นิด ความดีกับความชั่วในสองทางนี้ จะแบ่งแยกถึงความโชคดีและเคราะห์กรรม ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ผลกรรมตอบสนอง การกล่าวของข้าฯ นี้ หวังว่าผู้คนทั้งหลายจงปฏิบัติตาม ถึงแม้เป็นคำพูดตื้น ๆ แต่ก็เป็นประโยชน์แก่กายและใจ หากมีใครพูดจาเยาะหยัน จะได้รับโทษจากข้าฯ โดยคมมีดของข้าฯ ผู้ที่หมั่นอ่านคัมภีร์นี้ จะแคล้วคลาดจากเคราะห์ร้าย และความมั่งมีศรีสุขจะมาเยือน ขอบุตรได้บุตร มีอายุยืนนาน มั่งมีด้วยโภคทรัพย์และชื่อเสียง ปรารถนาสิ่งใดในทางถูกต้องจะได้สมหวังทุกประการ ผลบุญเหล่านั้นจะมีได้ก็ต่อเมื่อประกอบกรรมดีเท่านั้น ข้าฯ ไม่มีการลำเอียงใด ๆ เพียงต้องการคุ้มครองผู้มีศีลธรรม ผู้มีจิตเมตตา และนักบุญเท่านั้น ขอให้ชาวโลกจงปฏิบัติแต่ความดีละเว้นจากความชั่วทั้งปวง
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma][​IMG][/FONT]​

    **********************************************
    ที่มา : http://members.thai.net/lagambible/detail-03.html

    สู้ต่อไปครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

    (f) (f) (f) ​
     
  11. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ขออนุญาติถามแทนเจ้าของกระทู้

    ความหมายของเจ้าของกระทู้คือ มันจะมีประโยชน์อะไรถ้ากรรมดีที่ทำไม่ตอบสนองบ้างในชาตินี้และกรรมชั่วที่ทำไม่ตอบสนองบ้างในชาตินี้

    จากรุ่นยาย มีลูกสาว(แม่เจ้าของกระทู้)ที่กตัญญูดูแลยายสารพัดจนยายจากโลกนี้ไป ก็ยังลำบากอยู่ ส่วนน้องสาวแม่ซึ่งรังเกียจยายกลับร่ำรวยสะดวกสบาย
    ถ้าผลกรรมดีที่แม่กตัญญูต่อยายทำให้แม่ได้ลูกที่ดีและกตัญญูอย่างเจ้าของกระทู้แล้วทำมัยต้องมีลูกที่ไม่ดีติดมาด้วย แถมลูกที่ดีและกตัญญูยังทุกข์ยากลำบากกว่าลูกที่อกตัญญูเหมือนอย่างรุ่นแม่ทุกอย่าง
    ทำให้คนรู้จักและสังคมสามารถตัดสินได้อย่างง่ายดายจากสิ่งที่เห็นว่ากาลเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตอนนี้คนที่กตัญญูต่อพ่อแม่ต้องลำบากตั้งแต่รุ่นตัวเองยันรุ่นลูกหลานเสียด้วยซ้ำ เห็นอย่างนี้แล้วใครจะอยากทำดี

    หรือถ้าจะบอกว่า คุณทำดีคุณได้ไปสวรรค์แน่นอน ก็ขอถามอีกว่า คนที่อตัญญูแต่รวยน่ะเขาทำบุญไม่ได้เหรอ เขามีเงินมากกว่าเขาสามารถทำบุญมากกว่าคนจนหลายเท่า ถ้าเขาเอาเปรียบสุขสบายร่ำรวยมาตลอดชีวิตแล้วบั้นปลายเขาบริจาคสร้างเจดีเจ็ดชั้นสักสิบอันตายไปเขาก็ได้ขึ้นสวรรค์อยู่ดี
    หรือจะบอกว่าอย่าไปยึดติดกับมันเลย มุ่งพระนิพพานเถอะ ก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าคนเลวหยาบช้าก็นิพพานได้นี่ ลองเค้าร่ำรวยทุ่มสร้างวัดสร้างเจดีย์ พอก่อนตายดันไปคิดถึงแต่บุญที่ทำเค้าก็ได้ขึ้นสวรรค์ไปบำเพญบารมีจนเข้านิพพานได้เหมือนกัน

    ทุกคนต้องยอมรับนะครับว่า ในยุคทุนนิยมที่เงินทำได้ทุกอย่าง คนมีเงินมาก มีโอกาศทำบุญมากกว่าคนเงินน้อย และที่แย่กว่านั้นคือ
    ไม่มีคนเลวคนไหนโง่หรอกครับทุกวันนี้ ฉลาดกันทั้งนั้นแหละ ฉลาดกว่ากรรมด้วย



    อะ นี่ไม่ได้สนับสนุนให้คนเลวนะครับ อันนี้แค่ขอถามแทนเจ้าของกระทู้ที่กำลังน้อยใจที่ความดีไม่ส่งผลสักที แถมพอจะส่งผลก็ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว

    เดี๋ยวจะมีคำแนะนำการแก้เกมสำหรับคนที่ทำอะไรไม่ขึ้นสักทีในแบบยุคทุนนิยมที่ไม่มีคนเลวคนไหนโง่ แถมคนดีๆส่วนใหญ่โดนกลั่นแกล้งซ้ำยังถูกตราหน้าว่าอยากโง่เอง รอสักครู แค่คำแนะนำครับ ไม่ได้ฟันธงว่าได้ผล
     
  12. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ลองแบบนี้ดูสิครับ

    ก็ไม่ทราบว่าแม่กับเจ้าของกระทู้อยู่บ้านเดียวกันหรือว่าอยู่ใกล้กันหรือเปล่า ถ้าใช่ก็โอเคแต่ถ้าไม่ใช่ ก็ไปรับแม่มาอยู่ด้วยสิครับ ไม่ใช่ไปเยี่ยมแม่บ่อยๆนะ รับท่านมาอยู่ด้วยกันเลย อย่างน้อยๆแม่ก็อยู่ในสายตาเราทำให้เราดูแลท่านได้สะดวกยิ่งขึ้น
    ต่อมาก็หาโอกาศพาท่านไปทานอะไรข้างนอกบ่อยๆ จะแค่ก๋วยเตี๋ยวหรือกับข้าวตามสั่งก็ได้ ไม่ต้องไปไกลก็ได้ อาจจะแค่หน้าบ้านหรือหน้าคอนโด เอาเป็นว่าอย่าปล่อยให้ท่านอุดอู้อยู่ในห้องคนเดียว(เพราะวันๆคุณก็ต้องทำงาน)
    ต่อมาก็เรื่องทำบุญคือถ้าสะดวกก็จะพาท่านทำบุญตักบาตรหน่อยก็ได้ แต่ถ้าแม้แต่คุณยังไม่สะดวกก็หาโอกาศแย๊บๆไปละกัน ในยุคทุนนิยมนี้คนมีเงินเยอะมีโอกาศทำบุญมากกว่าคนมีเงินน้อยก็จริง แต่เรื่องอนิสง ทุกยุคเหมือนกันหมดคือ คนมีศรัทธามาก(มีสิบบาททำสามบาทหรือหกบาทหรือจะบ้าพลังทำหมดก็อย่าให้ตัวเองอดตายละกัน)ย่อมได้อนิสงมากกว่าคนศรัทธาน้อย(มีล้านทำพันหรือทำหมื่นแบบตระหนี่ หรือมีล้านทำแสนแบบเอาหน้า)
    ที่สำคัญ ก่อนทำบุญ จุดธูบกลางแจ้งสามดอก ตั้งนะโมสามจบอธิษฐานให้ผลบุญช่วยส่งผลให้คุณร่ำรวยมีเหลือกินเหลือใช้สักที พอทำบุญเสร็จก็อย่าลืมกรวดน้ำให้......น่าจะรู้กัน(เจ้ากรรมนายเวร)
    ทำมัยต้องจุดธูป ทำมัยต้องอธิษฐาน ทำมัยต้องกรวดน้ำ ก็เหมือนโทรศัพท์แหละครับ คุณมีโทรศัพท์ มีเงินโทรแต่ไม่มีแบตเตอรี่(จุดธูป)แล้วจะโทรได้งัย และถ้ามีแบตแล้วดันไม่มีคลื่น(กรวดน้ำ)แล้วจะติดต่อกับปลายทางได้งั้ย

    และเมื่อทำครบทุกกระบวนการแล้ว ทีนี้ก็รอช่วงชีวิตขาขึ้นก็จะขึ้นโด่งเลยล่ะ และถ้ายังสงสัยว่า แล้วเมื่อไหร่จะถึงช่วงขาขึ้นสักที
    ผมไม่ตอบนะว่าเมื่อไหร่ แต่ผมจะแนะนำให้คุณทำวิปัสนากรรมฐาน นั่นแหละ สุดยอดของการชดใช้กรรมเลวเก่า
    ชีวิตช่วงขาขึ้นของคุณอาจจะไม่ได้มาในรูปของโบนัสที่ได้เพิ่มขึ้นหรือถูกล๊อตเตอรี่ แต่อาจจะมาแบบได้คู่ใจที่ดี ได้แฟนที่ขยันร่ำรวย ก็ว่ากันไป แต่บางครั้งก็มาแบบที่ไม่มีใครสังเกตเห็นคือ แทนที่คุณจะต้องเคราะห์หนักแต่เคราะห์ก็เบาบางลง ไม่ได้ถึงกับสบายนะ แค่ลำบากน้อยลง อย่าพึ่งท้อ รถน้ำมันหมดก็ไม่ได้เติมทีเดียวเต็มถังไปตลอดปีนี่นา ต้องเติมประจำเลย

    ผมเห็นด้วยกับคำถามที่ว่าโลกนี้ไม่มีช่องว่างสำหรับคนดีเลยหรืออย่างไร เพราะผมก็ถามในใจอยู่บ่อยๆ แต่คุณลองใช้วิธีนี้สิ วิธีเดียวกับนักธุรกิจหลายๆท่าน

    เขาจะมองคนเลวเหมือนไฟ คือถ้าคุณอยู่ใกล้มากคุณจะร้อน แต่ถ้าอยู่ไกลก็หนาว เหมือนเจ้าพ่อที่เลี้ยงทั้งลูกน้องดีและลูกน้องเลว ลูกน้องดีเลี้ยงไว้คู่กาย แต่ลูกน้องเลวเลี้ยงไว้ใช้ประโยชน์จากมัน ก็แค่นั้นเอง (มองหาส่วนที่คุณจะใช้ประโยชน์จากคนเลวในสายตาคุณให้ได้ เอาใจช่วย)


    มีเงินเท่าไหร่ก็ขอจงแบ่งเป็นสี่ส่วน 1 ออม 2 กิน 3 ลงทุน 4 ทำบุญ
     
  13. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อาจารย์ที่สอนธรรมของผมเคยบอกไว้ว่า กรรมที่เราทำในปัจจุบันจะกลับมาสนองคืนแก่เราในระยะเวลาประมาณอีก ๒๐ ปีข้างหน้า ดังนั้นปัจจุบันใครทำบุญทำบาปเอาไว้จึงจะยังไม่เห็นผลของการกระทำนั้นๆ

    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ยังมีอยู่จริงครับ ดังนั้นอย่าคิดมาก ทำปัจจุบันให้มันดีเข้าไว้อนาคตกาลต้องได้ดีครับ (อย่าท้อแท้ในการทำความดีครับ):cool:
     
  14. มหาสมุทร

    มหาสมุทร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +14
    นี่แหละหนาที่ทำให้เรายังคงวนเวียนอยู่อย่างนี้ไอ้ที่ลำบากก็ลำบากอยู๋อย่างนั้น ในเมื่อเราไม่มีฤทธิ์ที่สามารถระลึกชาติได้ แต่ถึงระลึกได้แค่ชาติ สองชาติก็คงจะไม่พอที่จะอธิบายว่าทำไมหนอ เราทำกรรมอะไรไว้หนอจึงได้เป็นอย่างนี้ แต่ในเมื่อเป็นอย่างนี้ทำไมเราจึงรีบตัดสินว่า "ทำดีมีที่ไหน ทำไม่ดีได้ดีมีถมไป" ถ้าคิดอย่างนี้ก็เหมือนหมาที่หมุนรอบตัวไล่กัดหางของตัวเอง วนเวียนไม่รู้จบเพราะความไม่รู้ของตัวเอง คุณอาจจะเห็นบางคนที่เขาทำชั่วในชาตินี้แต่กลับได้ดิบได้ดี แต่คุณรู้รึเปล่าว่าชาติที่แล้วเขาทำอะไรไว้จึงได้ดีบได้ดีอย่างนี้แล้วคุณรู้เหรอว่าชาตินี้คุณทำดีแทบตาย แต่ชาติที่แล้วหรือก่อนหน้านั้นคุณเคยทำชั่วไว้มากแค่ไหนถึงต้องลำบากอย่างนี้ และคนมีเงินมากคาบช้อนเงินช้อนทองมากเกิดเขาก็สมควรได้รับผลจากการกระทำในอดีตของเขาส่วนปัจจุบันเขาจะดีหรือชั่วเป็นผลของกรรมในปัจจุบันอย่าเอาไปปนกัน คนเราถ้ามองกันแค่ชาติภพเดียวย่อมไม่เห็นความยุติธรรมในกรรมดีกรรมชั่วแน่นอนแต่ถ้าเขียนเป็นกราฟแล้วมีย้อนไปในอดีตแล้วโยงผลกรรม ทั้งดีและชั่วก็จะเห็นความยุติธรรมที่สุดของผลกรรม ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาอธิบายโดยใช้กราฟนี่ทำให้ผมถึงบางอ้อเลย ว่าที่จริงแล้วเรื่องกฎแห่งกรรมนี่ยุติธรรมที่สุดแล้ว
     
  15. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ทำดีย่อมได้ดี อย่าท้อแท้ครับเป็นกำลังใจให้ทำดีต่อไป ส่วนที่ได้รับผลไม่ดีนั้นเป็นผลมาจากกรรมไม่ดีในส่วนอื่นทั้งจากในอดีตและปัจจุบัน สิ่งที่ต้องแก้ไขคือส่วนที่ไม่ดี ส่วนสิ่งที่ดีก็ทำต่อไปไม่ต้องแก้ไขครับ
     
  16. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ขอบคุณค่ะ สำหรับทุกๆความคิดเห็นขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและคำแนะนำค่ะส่วนตัวแล้วก็เชื่อมั่นในความดีที่ตัวเองทำ แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้จะลองทำตามคำแนะนำนะคะ
     
  17. sithisai

    sithisai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +22
    :'(เป็นกำลังใจให้ เจ้าของกระทู้ด้วยคนครับ....เราคล้ายๆกัน แต่ก็ไม่เคยท้อครับ:cool:
     
  18. Shio_Ri

    Shio_Ri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +122
    เราเข้าใจน่ะค่ะ บางทีเราก็เคยคิดสงสัยเหมือนกัน ว่าบางทีบางคนจะทำอะไรก็เอาตัวเองเป็นใหญ่ไม่ค่อยนึกถึงความรู้สึกพ่อแม่ ไม่ค่อยช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ในขณะที่เราก็เหมื่อนแต่เราก็อดทน จะทำอะไรจะนึกถึงพ่อแม่ตลอด นึกแบบนี้แล้วมันก็ขัดใจบ้าง แต่ถ้าคิดในอีกแง่นึงน่ะค่ะ พ่อแม่ที่เลี่ยงเราไม่เคนคิดว่าเลี้ยงเราแล้วได้อะไร รักเรามากๆๆๆแล้วจะได้อะไรตอบแทน บางท่านขณะที่ลำบากมากแค่ไหนก็ยังคงจะเลี้ยงเราด้วยความรักแบบไม่หวังสิ่งตอบแทน พอเราคิดแบบนี้แล้วก็คิดได้ว่า เรากตัญญูต่อท่านให้มากที่สุด ไม่ควรคิดน้อยใจ และเราเชื่อว่าคนที่กตัญญูยังไงก็ย่อมได้รับผลตอบแทนอยู่แล้วค่ะ^^


    เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ สู้ๆๆๆๆ
     
  19. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,199
    ค่าพลัง:
    +3,381
    อนุโมทนาค่ะ ชีวิตของพี่สาวดิฉันก็ใกล้เคียงกันกับคุณ ขอเป็นกำลังให้คุณนะคะ ทำต่อไปเถอะค่ะ อย่าท้อเลย คนเราทำดีแล้วย่อมได้ดีค่ะ ฟ้าท่านมีตาเสมอ
     
  20. จุดดำ

    จุดดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +310
    เป็นกำลังใจให้นะครับ อย่าท้อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...