หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทุเรียนทอด, 16 พฤษภาคม 2011.

  1. อัสดงส์

    อัสดงส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,319
    ค่าพลัง:
    +3,697
    เป็นรุ่นเดียวกันครับ แต่หลวงปู่ไม่ได้เสกนะครับ แต่ของครูบาก็มีประสบการณ์เหมือนกันนะครับ ด้านหลังตั้งใจทําเป็นบาตรพระปัจเจก โดยมียันต์อยู่ด้วยครับ
     
  2. เด็กไทรน้อย

    เด็กไทรน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,259
    ค่าพลัง:
    +4,327
    ด้วยเจตนา และความตั้งใจ รวมถึงผู้เสกด้วยแล้วก็......ของดีเหมือนกัน:cool:

    สาธุ...กราบหลวงปู่ และครูบาเจ้าครับ...
     
  3. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805

    ขอบคุณมากครับ..... ได้มาหลายองค์เอาแจกญาติๆไปเกือบหมดแล้วครับ....
     
  4. เด็กไทรน้อย

    เด็กไทรน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,259
    ค่าพลัง:
    +4,327
    รูปนี้เป็นพระปัจเจกฯรึเปล่า...ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2011
  5. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ
     
  6. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805
    ผมไม่ทราบจริงๆครับ เพราะตอนที่ไปญาติเค้าเรียกว่าพระเจ้าแดง ผมก็เลยเรียกพระเจ้าแดงตามเค้าอ่ะครับ ผมเลยไม่แน่ใจว่าพระเจ้าแดง กับพระปัจเจกฯ เป็นองค์เดียวกันรึเปล่าครับ.....
     
  7. nuamnim1

    nuamnim1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +1,621
  8. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    สาธุ.. อนุโมทนาด้วยครับพี่ พี่พยาบาลท่านนั้น เป็นนักปฏิบัติธรรมที่หลวงปู่ชมบ่อยๆครับ ตอนหลวงปู่ท่านรักษาตัวอยู่ที่วิชัยยุทธ พี่เขาก็ได้มานั่งภาวนาอยู่บริเวณที่รับแขกเสมอ ผมเคยคุยกับพี่เขาหลายครั้ง จึงทราบว่าพี่เขาได้สิ่งดีๆจากองค์หลวงปู่มาก โดยเฉพาะธรรมะและบุญบารมีที่ท่านแผ่ให้ ชาตินี้สบายแล้วแน่นอนครับ สาธุ



    .
     
  9. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981


    สวัสดีครับท่าน Jip Jip LP ผมเองบอกตรงๆครับ ยังต้องหาเช่าเก็บเอาไว้บ้างเลย ไม่ค่อยมีจริงๆ สมัยก่อนแจกเรียบครับ..

    พระขององค์หลวงปู่เก็บไว้ดีๆครับ ท่านครูบาบอกว่า ต่อไปจะต้องได้พึ่งพาอาศัยกัน สาธุ ยินดีด้วยครับ พระของท่านนั้นเลือกเจ้าของครับ



    .
     
  10. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    น้อมกราบหลวงปู่
    อรุณสวัสดิ์เช้าวันพุธครับพีื่่น้อง

    วันนี้ที่ชัยภูมิ 20 องศาครับ ไม่หนาวเท่าเมื่อวาน
    แต่ก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับพี่น้อง ย่านไข้ใส่ปีใหม่ซั่นดอก
    ห่วงเด้อถึงได้บอก ซำบายดีกันนะครับ
    ^^___^^
     
  11. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    บูชาไฟ
    ช่วงนี้อากาศหนาว เลยนึกถึงการบูชาไฟ สำหรับเราประโยชน์ที่ได้อันดับแรกก็คือ คลายความหนาวได้ ใช่ไหมครับ..??

    ในสมัยที่องค์หลวงปู่ยังดำรงค์ขันธ์อยู่ ท่านมักสั่งให้จุดไฟไว้ที่โรงไฟตลอด ท่านบอกว่าช่วยเติมธาตุไฟ.. และไฟนั้นยังเป็นสิ่งที่สลายในวัตถุ ธาตุ ต่างๆได้อีกด้วย เช่น อาจมีบางอย่างซึ่งเป็นของใช้ก็ดี ของเหลือใช้ก็ดี หรืออะไรต่างๆที่มีผู้มาถวาย หากนำไปทิ้งก็อาจเป็นโทษกับตัวผู้ทิ้งได้ เพราะองค์หลวงปู่ท่านบอกเสมอว่า ของที่มีคนนำมาถวายนั้น ท่านน้อมถวายแด่พระพุทธเจ้าหมด ทุกอย่างถือเป็นของเสก ห้ามเอาไปทิ้ง ถ้าเป็นของกินให้เอาไปแจกกันให้ทั่ว หรือให้ทานแก่สัตว์ ถ้าเป็นของเหลือใช้ให้เอาไปบูชาไฟ(เป็นคำเรียกเฉพาะของท่าน)
    ก็มีลูกศิษย์ของหลวงปู่หลายคนที่มาถวายบูชาไฟที่วัด ซึ่งที่วัดเทพธารทองนี้จะสร้างโรงไฟไว้เฉพาะ โดยตั้งเสาสี่ต้นมีหลังคาคลุมเพื่อใช้กันฝนและน้ำค้างที่อาจตกลงมา ซึ่งกองไฟนี้ ส่วนมากจะจุดสุมกันไว้ตลอดทั้งปีไม่ให้ดับเลย แต่ถ้าดับก็จะมีคนช่วยจุดตลอด เชื่อกันว่า ช่วยเพิ่มเติมไฟธาตุให้กับธาตุขันธ์ขององค์หลวงปู่ได้ ให้ท่านแข็งแรงขึ้น แต่จะอย่างไรนั้นไม่อาจกล่าวได้ แต่นั่นก็อาจเป็นกุศโลบายเพื่อใช้ดึงดูดความสนใจให้กับลูกศิษย์ แต่ที่เห็นได้ชัดเจนคือ เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันนักขัตฤกษ์ ก็จะมีลูกศิษย์มารวมกลุ่มชุมนุมกันที่วัด และโรงไฟก็คือสถานที่สุนทรี ให้มานั่งปรึกษาพูดคุยเรื่องราวต่างๆกัน เป็นความสามัคคีในหมู่คณะ ฯลฯ
    แต่แท้จริงที่สุดแล้ว สิ่งที่องค์หลวงปู่ตั้งใจนอกเหนือจากนั้นก็คือ การบูชาไฟถวายเป็นพุทธบูชามหาเตชะวันโต (การบูชาซึ่งระพุทธเจ้านำมาซึ่งเดชเดชานุพภาพอันยิ่งใหญ่) เปรียบประดุจได้ถวายดวงประทีปแก้วดวงใหญ่ เพื่ออานิสงส์ให้เกิดปัญญาและทิพยจักษุญาณ และทำเป็นองค์กสิณเป็นกรรมฐานกองหนึ่ง สามารถเป็นเครื่องระงับราคะกิเลสได้ ความหมายของกสิณต่างๆมีดังนี้..

    กสิณ คือวิธีการปฏิบัติสมาธิแบบหนึ่งในพระพุทธศาสนา มีความหมายว่า เพ่งอารมณ์ เป็นสภาพหยาบ สำหรับให้ผู้ฝึกจับให้ติดตาติดใจ ให้จิตใจจับอยู่ในกสิณใดกสิณหนึ่งใน 10 อย่าง ให้มีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว จิตจะได้อยู่นิ่งไม่ฟุ้งซ่าน มีสภาวะให้จิตจับง่ายมีการทรงฌานถึงฌาน 4 ได้ทั้งหมด กสิณทั้ง 10 เป็นพื้นฐานของอภิญญาสมาบัติ
    การเพ่งกสิณนับว่าเป็นอุบายกรรมฐานกองต้นๆ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ ว่าด้วยการปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่ออบรมจิต (อันเป็นแนวทางแห่งการบรรลุสำเร็จมรรคผลนิพพาน หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี้ออกไปได้) ซึ่งอุบายกรรมฐานมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่สิบกอง ภายใต้กรรมฐานทั้งสี่สิบกองนั้น จะประกอบไปด้วยกรรมฐานที่เกี่ยวเนื่องกับการเพ่งกสิณอยู่ถึงสิบกองด้วยกัน
    การเพ่งกสิณ คือ อาการที่เราเพ่ง(อารมณ์)ไม่ได้หมายถึงเพ่งมอง หรือจ้องมอง ไปยังวัตถุหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาทิเช่น พระพุทธรูป เทียน สีต่างๆ หรือแม้กระทั่งอากาศ ฯลฯ แล้วเรียนรู้ รับรู้/บันทึก สภาพหรือคุณสมบัติเฉพาะ ของวัตถุ(ธาตุ)หรือสิ่งๆ นั้นไว้เช่น เนื้อ สี สภาพผิว ความหนาแน่น ความ เย็นในจิตจนกระทั่งเมื่อหลับตาลงจะปรากฏภาพนิมิต (นิมิตกสิณ) ของวัตถุหรือสิ่งๆ นั้นขึ้นมาให้เห็นในจิต หรือแม้กระทั่งยามลืมตาก็ยังสามารถมองเห็นภาพนิมิตกสิณดังกล่าวเป็นภาพติดตา
    การเพ่งกสิณจัดเป็นอุบายวิธีในการทำสมาธิที่มีดีอยู่ในตัว กล่าวคือ การเพ่งกสิณเป็นเสมือนทางลัดที่จิตใช้ในการเข้าสู่สมาธิได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายกว่าการเลือกใช้อุบายกรรมฐานกองอื่นๆ มากมายนัก ทั้งนี้เนื่องจากแนวทางในการปฏิบัติสมาธิภาวนาด้วยการใช้อุบายวิธีการเพ่งกสิณนั้น จิตจะยึดเอาภาพนิมิตกสิณที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องรู้ของจิต แทนอารมณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในจิต และเมื่อภาพนิมิตกสิณเริ่มรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิต จิตก็จะรับเอาภาพนิมิตกสิณนั้นมาเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิต
    จากนั้นภาพนิมิตกสิณดังกล่าวจะค่อยๆ พัฒนาไปเองตามความละเอียดของจิต ซึ่งจะส่งผลให้เกิดมีความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับภาพนิมิตกสิณนั้น เริ่มตั้งแต่ความคมชัดในการมองเห็นภาพนิมิตกสิณที่ปรากฏขึ้นภายในจิต และสามารถมองเห็นภาพนิมิตกสิณนั้นได้อย่างชัดเจน ราวกับมองเห็นด้วยตาจริงๆ ไปจนกระทั่งการที่จิตสามารถบังคับภาพนิมิตกสิณนั้นให้เลื่อนเข้า – เลื่อนออก หรือหมุนไปทางซ้าย – ทางขวา หรือยืด - หดภาพนิมิตกสิณดังกล่าวได้ อันเป็นพลังจิตที่เกิดขึ้นจากการเพ่งนิมิตกสิณ
    แต่ในที่สุดแล้วภาพนิมิตกสิณทั้งหลายก็จะมาถึงจุดแห่งความเป็นอนัตตา อันได้แก่ ความว่างและแสงสว่าง กล่าวคือ ภาพนิมิตทั้งหลายจะหมดไปจากจิต แม้กระทั่งอาการและสัญญาในดวงจิตก็จะจางหายไปด้วย จากนั้นจิตจึงเข้าสู่กระบวนการของสมาธิในขั้นฌานต่อไปตามลำดับ..

    กสิณทั้ง 10 อย่าง แบ่งออกเป็น 2 พวก
    พวกที่หนึ่ง คือ กสิณกลาง มี 6 อย่าง คนทุกจริตฝึกกสิณได้ทั้ง 6 เพราะเหมาะกับทุกอารมณ์ ทุกอุปนิสัยของคน
    1. ปฐวีกสิณ (ธาตุดิน/ของแข็ง(ไม่ใช่เฉพาะดิน) จิตเพ่งดิน โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นดิน หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "ปฐวี" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง" เมื่อปฏิบัติอยู่ดังนี้ ก็จะข่มนิวรณ์ธรรมเสียได้โดยลำดับ กิเลศก็จะสงบระงับจากสันดาน สมาธิก็จะกล้าขึ้น จิตนั้นก็ชื่อว่าตั้งมั่น เป็นอุปจารสมาธิ เมื่อทำได้สำเร็จปฐมฌานแล้ว ก็พึงปฏิบัติในปฐมฌานนั้นให้ชำนาญคล่องแคล่วด้วยดีก่อนแล้วจึงเจริญทุติยฌานสืบต่อไปได้
    2. เตโชกสิณ (ธาตุไฟ ธาตุร้อน]) จิตเพ่งไฟ คือการเพ่งเปลวไฟ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นไฟ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "เตโช" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
    3. วาโยกสิณ (ธาตุลม) จิตเพ่งอยู่กับลม นึกถึงภาพลม โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นลม หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "วาโย" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
    4. อากาสกสิณ (ช่องว่าง) จิตเพ่งอยู่กับอากาศ นึกถึงอากาศ คือการเพ่งช่องว่าง โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นช่องว่าง เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อากาศ" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
    5. อาโลกสิณ (กสิณแสงสว่าง) จิตเพ่งอยู่กับแสงสว่าง นึกถึงแสงสว่าง วิธีเจริญอาโลกกสิณให้ผู้ปฏิบัติยึดโดยทำความรู้สึกถึงความสว่าง ไม่ใช่เพ่งที่สีของแสงนั้น เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโลก" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง"
    6. อาโปกสิณ (ธาตุน้ำ/ของเหลว) จิตนึกถึงน้ำเพ่งน้ำไว้ คือการเพ่งน้ำ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นน้ำ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโป" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง" ให้เลือกภาวนากสิณใดกสิณหนึ่งให้ได้ถึงฌาน 4 หรือฌาน 5 กสิณอื่นๆ ก็ทำได้ง่ายทั้งหมด พวกที่สองคือกสิณเฉพาะอุปนิสัยหรือเฉพาะจริตมี 4 อย่าง สำหรับคนโกรธง่าย คือพวกโทสะจริต
    7. โลหิตกสิณ เพ่งกสิณ หรือนิมิตสีแดงจะเป็นดอกไม้แดง เลือดแดง หรือผ้าสีแดงก็ได้ทั้งนั้นจิตนึกภาพสีแดงแล้วภาวนาว่า โลหิต กสิณังๆๆๆ
    8. นีลกสิณ ตาดูสีเขียวใบไม้ หญ้า หรืออะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว แล้วหลับตาจิตนึกถึงภาพสีเขียว ภาวนาว่า นีล กสิณังๆๆๆ
    9. ปีตกสิณ จิตเพ่งของอะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลือง ภาวนาว่า ปีต กสิณังๆๆๆ
    10. โอทากสิณ ตาเพ่งสีขาวอะไรก็ได้แล้วแต่สะดวก แล้วหลับตานึกถึงภาพสีขาว ภาวนาโอทา กสิณังๆๆๆ จนจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งไม่วอกแวกไม่รู้ลมหายใจภาพกสิณชัดเจน
    ท่านว่าจิตเข้าถึงฌาน 4 พอถึงฌานที่ 5 ก็เป็นจิตเฉยมีอุเบกขาอยู่กับภาพกสิณต่างๆ ที่จิตจับเอาไว้

    กสิณ 10 ประการนี้ เป็นปัจจัยให้แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ตามนัยที่กล่าวมาแล้วในฉฬภิญโญ เมื่อบำเพ็ญปฏิบัติใน กสิณกองใดกองหนึ่งสำเร็จถึงจตตุถฌานแล้ว ก็ควรฝึกตามอำนาจที่กสิณกองนั้นมีอยู่ให้ชำนาญ ถ้าท่านปฏิบัติถึงฌาน 4 แล้ว แต่มิได้ฝึกอธิษฐานต่างๆ ตามแบบ กล่าวกันว่าผู้นั้นยังไม่จัดว่าเป็นผู้เข้าฌานถึงกสิณ

    อำนาจฤทธิ์ในกสิณในทางพุทธศาสนามีดังนี้
    ปฐวีกสิณ มีฤทธิ์ดังนี้ เช่น เนรมิตคนๆ เดียวให้เป็นคนมากๆ ได้ ให้คนมากเป็นคนๆ เดียวได้ ทำน้ำและอากาศให้แข็งได้ สามารถย่อแผ่นดินให้ใกล้กำลังการในเดินทาง
    อาโปกสิณ สามารถเนรมิตของแข็งให้อ่อนได้ เช่นอธิษฐานสถานที่เป็นดินหรือหรือหินที่กันดารน้ำให้เกิดบ่อน้ำ อธิษฐานหินดินเหล็กให้อ่อน อธิษฐานในสถานที่ขาดแคลนฝน ให้เกิดมีฝนอย่างนี้เป็นต้น
    เตโชกสิณ อธิษฐานให้เกิดเป็นเพลิงเผาผลาญหรือให้เกิดแสงสว่างได้ ทำแสงสว่างให้เกิดแก่จักษุญาณ สามารถเห็นภาพต่าง ๆ ในที่ไกลได้คล้ายตาทิพย์ ทำให้เกิดความร้อนในที่ทุกสถานได้ เมื่ออากาศหนาว สามารถทำให้เกิดความอบอุ่นได้
    วาโยกสิณ อธิษฐานจิตให้ตัวลอยตามลม หรืออธิษฐานให้ตัวเบา เหาะไปในอากาศก็ได้ สถานที่ใดไม่มีลมอธิษฐานให้มีลมได้
    นีลกสิณ สามารถทำให้เกิดสีเขียว หรือทำสถานที่สว่างให้มืดครึ้มได้
    ปีตกสิณ สามารถเนรมิตสีเหลืองหรือสีทองให้เกิดได้
    โลหิตกสิณ สามารถเนรมิตสีแดงให้เกิดได้ตามความประสงค์
    โอทากสิณ สามารถเนรมิตสีขาวให้ปรากฏ และทำให้เกิดแสงสว่างได้ เป็นกรรมฐาน ที่อำนวยประโยชน์ในทิพยจักขุญาณ เช่นเดียวกับเตโชกสิณ
    อาโลกสิณ เนรมิตรูปให้มีรัศมีสว่างไสวได้ ทำที่มืดให้เกิดแสงสว่างได้เป็นกรรมฐานสร้างทิพยจักขุญาณโดยตรง
    อากาสกสิณ สามารถอธิษฐานจิตให้เห็นของที่ปกปิดไว้ได้ เหมือนของนั้นวางอยู่ในที่แจ้ง สถานที่ใดเป็นอับด้วยอากาศ สามารถอธิษฐานให้เกิดความโปร่งมีอากาศสมบูรณ์เพียงพอแก่ความต้องการได้

    วิธีอธิษฐานฤทธิ์
    วิธีอธิษฐานจิตที่จะให้เกิดผลตามฤทธิ์ที่ต้องการท่านให้ทำดังต่อไปนี้ ท่านให้เข้าฌาน 4 ก่อน
    แล้วออกจากฌาน 4
    แล้วอธิษฐานจิตในสิ่งที่ตนต้องการจะให้เป็นอย่างนั้น
    แล้วกลับเข้าฌาน 4 อีก
    ออกจากฌาน 4
    แล้วอธิษฐานจิตทับลงไปอีกครั้ง สิ่งที่ต้องการจะปรากฏสมความปรารถนา

    ที่มาของแหล่งข้อมูล.. กสิณ - วิกิพีเดีย





    .
     
  12. nuamnim1

    nuamnim1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +1,621
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  13. สุคะโต

    สุคะโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +1,975
    สวัสดีค่ะคุณทุเรียนทอด และศิษยานุศิษย์และลูกหลานขององค์หลวงปู่ทุกท่านค่ะ เมื่อคืนหลับฝันดีค่ะเลยอยากเขียนบันทึกความทรงจำดีๆๆเกี่ยวกับองค์หลวงปู่เล่าสู่กันฟัง พอดีได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องของพี่พยาบาล ก็เลยอยากเล่าประสบการณ์คล้ายๆๆกันกับของพี่พยาบาลบ้างค่ะ (ที่บอกว่าฝันดีนะคือว่าฝันว่าพระธาตุเสด็จมาที่องค์พระผงที่เราบูชาอยู่ค่ะ สาธุขอให้เป็นจริงด้วยเทอญ)
    กราบแทบเท้าองค์หลวงปู่เจ้าค่ะ ลูกน้อมกราบและระลึกถึงเองค์หลวงปู่เจ้าค่ะ หลายครั้งที่เป็นวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือวันนักขัตฤกษ์ หากเราไม่มีความจำเป็นจริงๆๆจะไปไหน เราสี่คนพ่อแม่ลูก จะคิดถึงสถานที่อยากไปทีุ่สุึดคือไปกราบองค์หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง ที่ผ่านมาเกือบแปดปีที่เราไปจันทบุรีจะไม่เคยแวะวัดไหน หรือค้างวัดไหนนอกจากจะ นอนพักที่วัดเทพธารทอง วันนั้นเป็นวันที่เท่าไรจำไม่ได้ แต่เป็นวันหยุด อยู่ดีดีใจเราก็คิดถึงองค์หลวงปู่มากๆๆ คิดไปว่าจะมีใครมาดูแลองค์ท่านบ้าง คือเป็นห่วงท่านกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลเพราะเป็นช่วงหยุดยาว คงไปเที่ยวที่อื่นกันหมด ก็เลยชวนสามีไปหาหลวงปู่ จึงเตรียมเก็บกระเป๋าเดินทางทั้งที่ช่วงนั้นก็เกือบเที่ยงแล้ว ไปถึงวัดก็ประมาณ 4-5 โมงเย็น แต่ด้วยความคิดถึงหลวงปู่กี่โมงเราก็จะไปให้ได้ ขนาดไปถึงมืดค่ำเราก็เคยไปมาแล้ว แต่ก็ไม่อยากไปมืดค่ำมากนักเพราะเรารู้ว่าจะเป็นการรบกวนท่าน เราจำได้ว่าเราสี่คนเดินทางมาถึงประมาณ 5 โมงเย็นกว่าเห็นจะได้ พอรถเรา่เลี้ยวเข้าตรงทางเข้าวัดใจเราก็คิดขึ้นทันทีว่า ทำไมเราไม่มีเงินมาซื้อที่ดินแถวนี้นะ เราอยากอยู่แถวนี้จัง อยู่ใกล้ๆๆ หลวงปู่ หากเราได้มาอยู่ใกล้ๆๆท่านเราจะทำสวนผัก ปลูกผักปลอดสารเคมี และทุกเช้าเราจะเอาผักที่เราปลูก ทำอาหารถวายหลวงปู่ทุกวันเลย เราจะคอยดูแลหลวงปู่อยู่ใกล้ๆๆ และสามีเราก็เรียนจบเกี่ยวกับด้านการแพทย์มา ก็น่าจะคอยดูแลเกี่ยวกับธาตุขันธ์หลวงปู่ได้บ้าง เราคิดแบบนี้ไปตลอดจนถึงวัด และพูดเปรยกับแฟนว่า อยากมีบ้านแถวนี้จัง เท่านั้น พอเราลงจากรถและเข้าไปกราบองค์หลวงปู่เพื่อเรียนให้ท่านทราบว่าเรา สี่คนมากราบและจะขออนุญาติพักค้างคืนอีกเหมือนเคย พอเราเรียนให้ท่านทราบเรียบร้อย ท่านก็มองมาที่เราและพูดว่า "อยากมาอยู่ช่วยเรา ก็ให้มาอยู่ใกล้ๆๆ" พอท่านพูดเพียงเท่านี้เราดีใจน้ำตาซึมออกมา ท่านรู้สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เรารู้สึกทุึกอย่าง เราดีใจมากๆๆที่สุดนะที่ท่านพูดกับเราแบบนี้ ทำให้เรามีความสุขมาก รุ่งเช้าอีกวัน ด้วยที่เราไม่ได้เตรียมซื้อกับข้าวอะไรมาถวายหลวงปู่เลย เราจึงได้แต่เตรียมหุงข้าวหอมมะลิที่เราซื้อมาหุงถวายท่านและได้เจียวไข่เจียวถวายหลวงปู่ด้วย ซึ่งเราตั้งใจทำมากในใจเรานึกแต่ว่าอาหารนี้เราตั้งใจทำถวายท่านขอให้เป็นไข่เจียวที่ นุ่ม และอร่อยด้วยเถิด พอเราตักใส่ถ้วยและให้คุณลงที่มาดูแลหลวงปู่ นำเข้าสำรับรวมกับอาหารอื่นถวายท่าน เราก็นึกในใจว่าขอให้องค์หลวงปู่โปรดอาหารที่ลูกถวายด้วยเถิด ลูกไม่ได้เตรียมซื้อผักหรือหมู เห็ด เป็ดไก่มา มีเพียงไข่ไก่เท่านั้น พอเวลาผ่านไปซักพักคุณลุงคนที่นำถาดอาหารไปถวายหลวงปู่เดินกลับมาพร้อมถ้วย ชามเพื่อนำมาล้าง คุณลุงถามเราว่าใครทำใข่เจียว รู้มั๊ยหลวงปู่ฉันด้วยนะ เพียงแค่เรารู้เท่านี้เราดีใจมากๆๆ หลวงปู่ท่านเมตตา ท่านรู้จิต รู้ใจ ท่านฉลองให้เราทั้งที่เป็นแค่ใข่เจียว ธรรมดาๆๆ (ลืมบอกไปว่าก่อนตักใส่ถ้วยเราแบ่งไว้สองส่วน ถวายพระในวัดส่วนนึง ถวายหลวงปู่ส่วนนึง ปรากฏว่าสามีเราได้ตักทานด้วยชิ้นสุดท้ายก่อนหมดจากจานที่ถวายพระแล้ว )จนถึงวันนี้สามีบอกว่าสงสัยทำได้เพียงครั้งเดียวนะ เพราะทั้งนุ่มและอร่อยมาก 555 ก็อาจจะจริงที่ เราทำได้แบบนั้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต เพื่อองค์หลวงปู่ที่เรารักสุดหัวใจ เอาล่ะน้ำตาจะไหลซะอีก งั้นขอเล่าเท่านี้นะค่ะ ขอให้ทุกท่านที่เป็นศิษย์ และลูกหลานขององค์หลวงปู่จงยึดมั่นคุณความดีที่ทำนะค่ะ และมีองค์ท่านอยู่ในใจ ท่านก็จะอยู่กับเราตลอดไปเลยค่ะ สาธุค่ะ
     
  14. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,567
    ค่าพลัง:
    +30,871
    หวัดดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ:cool:
     
  15. เด็กไทรน้อย

    เด็กไทรน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,259
    ค่าพลัง:
    +4,327
    อนุโมทนาด้วยครับ...ผมเองยังไม่เคยไปที่วัดป่ายาง และยังไม่เคยเห็นและกราบสักการะนมัสการทั้งสมเด็จพระเจ้าแดง และพระปัจเจกโพธิ์ องค์จริงที่วัดป่ายางเลยครับ มีโอกาสกราบครูบาท่านที่วัดเทพฯแค่ครั้งเดียวเอง...555

    ไม่ใช่คนใกล้ชิด ไม่ใช่ศิษย์สนิท เป็นเพียงผู้ศรัทธาที่อยู่ห่างไกล ...__/\__
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  16. ฌานกร

    ฌานกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,433
    ค่าพลัง:
    +14,651
    กราบหลวงปู่ และสวัสดีพี่ๆทุกท่านครับ
     
  17. ปัทมินทร์

    ปัทมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +1,393
    ทราบมาว่า "องค์พระเจ้าแดง วัดป่ายาง เป็นแบบพิมพ์ของพระผงปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ครับ"

    หากท่านผู้รู้ท่านใดทราบถึงรายละเอียดมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการสร้างพระผงปัจเจกฯ ขอรบกวนช่วยโพสไว้ให้ได้ศึกษาเพื่อเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  18. อัสดงส์

    อัสดงส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,319
    ค่าพลัง:
    +3,697
    แบบที่ใช้เป็นพระพุทธรูป พระปัจเจกพุทธเจ้า ประจําวัดสันพระเจ้าแดง เป็นพระพุทธรูปโบราณที่ขุดได้อายุหลายร้อยถึงพันปีได้ และเป็นคนละองค์กับพระเจ้าแดง ส่วนมวลสารลองหาดูกันเองนะครับ ส่วนมากเป็นผงที่ทางบ้านมอบให้มาครับ
     
  19. ปัทมินทร์

    ปัทมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +1,393
    ขอบคุณ ท่านอัสดงส์ สำหรับความกระจ่างในพิมพ์พระปัจเจกฯครับ ผมเข้าใจผิด เห็นพระเจ้าแดง มีพุทธลักษณะเหมือนกับพิมพ์พระผงปัจเจกโพธิ์ แท้จริงเป็นพิมพ์พระพุทธรูปโบราณที่ขุดค้นพบ
     
  20. kittitouch

    kittitouch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +200
    สมเด็จสติ...สีเขียว..ที่หลวงปู่เมตตาอฐิษฐานไว้ให้ลูกศิษย์ลูกหาไว้ใช้ศักดิ์สิทธิ์มากครับ...ผมเริ่มสะสมพระของหลวงปู่ครั้งแรก...ก็ได้สมเด็จสตินี่แหละเป็นองค์แรก...
    อฐิษฐานขอเรื่องงานส่วนใหญ่ลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ...เลยเข้ามาคอนเฟิร์ม
     

แชร์หน้านี้

Loading...