เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 20 พฤศจิกายน 2011.

  1. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    กำลังของพระพุทธเจ้าซึ่งเรียกว่าทศพลญาณ 10 อย่างนั้นคือ

    (1.) ฐานาฐานญาณ - รู้เหตุและสิ่งที่มิใช่เหตุ 1

    (2.) วิปากญาณ รู้สัตว์ที่ประสพสุขทุกข์ เป็นผลของกรรมทำมาจากบุญบาป 1

    (3.)สัพพัตถคามินี ปฏิปทาญาณ รู้จักข้อปฏิบัติที่ถึงให้เรื่องในธรรมทั้งหลาย
    คือเราจะได้เป็นมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติก็รู้ 1

    (4.) นานาธาตุญาณ คือรู้จักธาตุต่างๆ 1

    (5.) นานาอธิมุตติกญาณ คือรู้จักอัธยาศัยของสัตว์ต่างๆ 1

    (6.) อินทริยปโรปริยัตตญาณ คือรู้จักอินทรีย์ของสัตว์อื่นๆ 1

    (7.)ญาณทิสังกิเลสาทิญาณ คือรู้สังกิเลสเป็นต้นแห่งธรรมมีฌานเป็นของสัตว์ต่างๆ 1

    (8.) ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือรู้จักคติภพของพระองค์และสัตว์อื่นที่อยู่อาศัยแล้วในภพก่อนๆ 1

    (9.)จุตูปปาตญาณ คือรู้จักการจุติและปฏิสนธิของสัตว์ 1

    (10.)อาสวักขยญาณ คือความรู้จักความสิ้นไปแห่งอาสวะของพระองค์และสัตว์อื่น 1

    ญาณ 10 ประการนี้ เรียกว่า ทศพลญาณ
    ย่อมมีครบบริบูรณ์ในองค์ของพระพุทธเจ้า

    ถ้าพระองค์ขาดเสียแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง จะประกาศพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นการใหญ่โตไม่ได้

    เช่นพระอัครสาวกและอัครสาวิกาก็ได้คนละอย่างสองอย่างไม่สมบูรณ์

    จึงทำการใหญ่โตเหมือนพระองค์ไม่ได้

    (1.) ฐานาฐานญาณ

    เป็นต้นว่ากิจสิ่งใดที่เกิดปรากฏขึ้น ต้องตัดสินกิจสิ่งนั้นได้อย่างเด็ดขาด
    โดยถูกต้องตามคลองธรรม จึงจะเป็นฐานาฐานญาณได้

    ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจอย่างนี้ จะสั่งสอนและทรมานสัตว์ไม่ได้
    เช่นพระองคุลิมาล เป็นต้น ก็นับว่าเป็นโจรที่ดุร้ายพระองค์รู้ความสำเร็จล่วงหน้าแล้วจึงทรมานได้

    และเหตุที่ควรเป็นไปได้และไม่อาจเป็นไปได้พระองค์ก็รู้
    เช่น เกิดแล้วต้องตาย เรียกว่าเหตุที่ควรเป็นไปได้
    ถ้าเราจะพูดว่า เกิดแล้วไม่ตายเช่นนี้อฐานะ ใช้ไม่ได้

    เมื่อความตายมาถึงตัวหรือบุตรภรรยาญาติพี่น้อง
    เราก็ไม่อยากให้เขาตาย คิดกางกั้นไว้ก็เป็น อฐานะ
    การกางกั้นสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง

    ถ้าเขาเป็นไข้เรารักษาไข้นั้นหายสมประสงค์เป็นฐานะ
    ถ้าไข้ไม่หายสมประสงค์เป็นอฐานะ เช่นนี้เรียกว่า ฐานาฐานญาณ

    2. วิบากญาณ

    วิบากญาณนั้น หมายถึงวิบาก คือผลของกรรม
    คนผู้ที่มั่งมีศรีสุขหรือยากจนเข็ญใจไร้ทรัพย์ประการไร ก็สำเร็จมาจากผลของกรรมทั้งนั้น
    เรียกว่า วิปากญาณ ข้อนี้ก็เป็นกำลังใหญ่ของพระองค์อย่างหนึ่ง พระสาวกไม่อาจรู้ตามได้

    3. สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ

    สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณนั้น ก็เป็นญาณสำคัญของพระพุทธเจ้าอย่างหนึ่ง
    การที่จะมั่งมีสมบูรณ์ได้ในปัจจุบันก็เพราะความไม่ประมาท

    คือรักษาทรัพย์ที่มีอยู่แล้วไม่ให้เสื่อมสูญไปในทางที่ไม่ใช่เหตุ
    รู้จักจับจ่ายแต่พอสมควร ทางเสียให้มีแต่น้อย ทางได้ให้มีมากๆ

    ถ้าต้องการไปสวรรค์ก็ให้รักษาศีลและรักษาธรรมอันขาว
    เว้นจากธรรมอันดำ คือ โลภะ โทสะ โมหะ

    ถ้าต้องการไปพระนิพพาน ให้เจริญอริยมรรคทั้ง 8 ประการ และให้

    รู้จักธรรมอย่างนี้มีกำลังอย่างนั้น ธรรมอย่างนั้นมีกำลังอย่างนี้ เรียกว่า สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ

    4. นานาธาตุญาณ

    นานาธาตุญาณ คือรู้จักธาตุต่างๆ เช่น ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่เราเข้าใจว่าเป็นธาตุนั้นๆ
    เช่น ต้นไม้ ภูเขา เป็นต้น ก็เป็นแต่สักว่าสมมติและบัญญัติเท่านั้น

    คำว่าธาตุเป็นสัญญานามธรรม ไม่ใช่ของจริงจังอะไร
    ถ้าดูให้ละเอียดเข้าไปอีกก็มีแต่ธรรมธาตุคือธรรมดานั่นเอง
    เมื่อเรารู้เท่าทันแล้ว เขาจะพูดว่าอย่างไรเราก็รู้ เรียกว่า นานาธาตุญาณ

    5. นานาอธิกมุตติกญาณ

    นานาอธิกมุตติกญาณนั้น คือความรู้จักอัธยาศัยใจคอของมนุษย์และสัตว์ต่างๆ
    ว่า ผู้นั้นหนักไปด้วยความโลภ หนักไปด้วยความโกรธ หนักไปด้วยความหลง
    และสามารถรู้ได้ว่าผู้นั้นอาจสำเร็จได้ด้วยธรรมข้อนั้นๆ เรียกว่านานาอธิมุตติกญาณ

    6. อินทริยปโรปริยัตตญาณ

    อินทริยปโรปริยัตตญาณนั้น คือรู้จักอินทรีย์ของสัตว์ต่างๆ
    อินทรีย์ 5 ประการ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ย่อมมีในตัวเราทุกคน

    แต่บางอย่างก็มีมาก บางอย่างก็มีน้อย ไม่สม่ำเสมอกัน
    เช่น มีศรัทธาแรงมีสติน้อย มีสติน้อยมีความเพียรแรง
    สติสมาธิมีมาก แต่ปัญญาเครื่องสอดส่องไม่มีเป็นอญาณะ

    เมื่ออินทรีย์ทั้ง 5 ยังมียิ่งและหย่อนกว่ากันเช่นนี้ ก็ไม่อาจสำเร็จได้
    พระผู้มีพระภาค เมื่อพระองค์เห็นอินทรีย์ของสัตว์ยังอ่อนบ้างแก่บ้าง ไม่สม่ำเสมอกันเช่นนี้

    พระองค์ก็ช่วยบำรุงอบรมให้เสมอกัน ให้เป็นผู้สมควรแก่ธรรม คืออบรมอินทรีย์ให้แก่กล้าแล้ว
    ก็เกิดเป็นกำลังใหญ่ขึ้น จึงอาจยังกิจนั้นๆ ให้สำเร็จตามความประสงค์ เรียกว่า อินทริยปโรปริยัตตญาณ

    7. ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ

    ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณนั้น คือ ปรีชากำหนดรู้อาการความเศร้าหมองและความผ่องแผ้ว
    และความออกแห่งฌานและวิโมกข์และสมาธิสมาบัติของสัตว์ทั้งหลาย
    ว่า จักมีด้วยอาการอย่างไร เรียกว่า ฌานาทิสัง กิเลสาทิญาณ

    8. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ

    ปุพเพนิวาสานุสสติญาณนั้น คือรู้จักคติภพของพระองค์และสัตว์อื่นซึ่งอาศัยอยู่แล้วในชาติก่อนๆ
    ว่า ในชาตินั้นๆ เกิดในที่นั้นๆ มีรูปพรรณสัณฐานอย่างนั้นๆ เป็นคนมั่งมียากจนอย่างนั้นๆ
    พระองค์รู้ได้โดยตลอดสิ้นเชิง เรียกว่า ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ

    9. จุตูปปาตญาณ

    จุตูปปาตญาณนั้น คือความรู้จักการจุติและปฏิสนธิของสัตว์ต่างๆ ว่า
    สัตว์นั้นจุติจากที่นี่แล้วไปปฏิสนธิในที่นั้น สัตว์นี้จุติจากที่นั้นแล้วจักไปปฏิสนธิในที่โน้น
    เรียกว่า จุตูปปาตญาณ

    10.อาสวักขยญาณ

    อาสวักขยญาณนั้น คือปัญญาเครื่องรู้จักความสิ้นไปแห่งอาสวะของพระองค์และสัตว์อื่นว่า
    ผู้นั้นมีอาสวะสิ้นไปแล้ว ผู้นั้นยังมีอาสวะอยู่ เรียกว่า อาสวักขยญาณ

    ญาณ 10 อย่างนี้เรียกว่า ทศพลญาณ

    เป็นของมีอยู่ในพระพุทธเจ้า ทุกอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
    พระองค์จึงทรงพระนามว่า อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ
    แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลสและเป็นผู้ประกอบไปด้วยพระปัญญาคุณ เราควรเข้าใจอย่างนี้
    แล้วเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งพระปัญญาคุณ วิสุทธิคุณ กรุณาคุณ ให้มีบริบูรณ์ในสันดาน
    ดังจะได้พรรณนาต่อไป ณ เบื้องหน้า

    และให้น้อมพระคุณเหล่านั้นมาสู่ตนทุกอย่าง
    อย่าฟังแต่ข้างนอก ถึงแม้เราจะมีเท่าเทียม ก็ให้ได้พอสมควร
    ให้พระคุณเหล่านั้นเกิดมีขึ้นในตนอย่าทอดธุระ
    ถ้าพระคุณเหล่านั้นมีในตนแล้ว เราจึงจักถึงพระ
    การที่จะถึงพระก็เป็นของยากไม่ใช่ของง่าย และเป็นสิ่งที่สำคัญนัก

    เหตุนั้น

    ควรแล้วที่พุทธบริษัทจะบำเพ็ญพระคุณนั้นๆ
    ให้เกิดมีขึ้นในตนตามกำลังและความสามารถ

    ด้วยประการฉะนั้น

    ----- จบ พระธรรมเทศนา ---------
    ที่มา http://www.lanna.mbu.ac.th/panya/no_61/arahong.asp
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2011
  2. ปลายคลอง

    ปลายคลอง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +20
    ทำไม เดอะตุ๊ก ตัวใหญ่จัง....ใช่ตัวเดียวกับที่เจอในถ้ำมั๊ยครับ

    ไม่กินคนแน่นะ?...เบอเริ่มเลยเชียว
     
  3. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    และแล้วจุดสำคัญของเรื่องก็มาถึง...

    จนกระทั่งเราเดินทาง มาพบจุดผ่านร่อง
    กลางหลืบของผนังหิน ทั้งสองข้างทาง
    <O:pณ.อยู่จุดๆหนึ่ง....ระหว่างที่เราเดินๆและเดินอยู่นั่นเองมีปรากฏการณ์ประหลาดบางอย่างเกิดขึ้น
    จากการสังเกตของแสงไฟฉายที่ผิดปรกติ?<O:p</O:p
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    "...อึ้ยๆ!! เดี๋ยะ..เดี๋ยวก่อนท่าน..."<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    "...มีอะไรเกิดขึ้นเฮ้.. ยู.. ว็อด.. แฮปเพ้นด์" นั่นไงๆพระอยากแปลงเป็นฝรั่ง<O:p></O:p>
    กลางถ้ำซะงั้น สำเนียงได้ซะด้วย<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    '' อยากมาเป็น ฟะ- รง ฟะ-หรั่งอะไรตอนนี้เนี่ยนี่ฮึ..มีของประหลาด มีของประหลาด..."<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    " ก็อยู่แต่ในป่าไม่ค่อยได้พูดกับใครงัย...ซ้อมไว้เผื่อแถวนี่มีฝรั่งมา"(เอ้อ..น่าเห็นใจพระอยู่ป่า)<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ผมพยักหน้าให้สัญญาณกระซิบ กระแอมกระไอเบาๆ<O:p></O:p>
    เหมือนกับกลัวว่าสิ่งที่เจอจะกระโจนหนีหาย<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    พระสุ เริ่มเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเนื่องจากลุยป่ามาด้วยกันมาหลายที่<O:p></O:p>
    ว่าผมกำลังจริงจังกับชีวิตจำต้องลดความสนุกลงหน่อย<O:p></O:p>
    เดี๋ยวลืมตัว !!พระจะโดนเอ็ดเอาได้<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    "นี่ท่าน..ท่านถือไฟฉายไว้นะแล้วส่องทางเดินไว้ดูแสงไฟฉายนี่ให้ดีนะ !!ถอยหลังกลับไปประมาณ 3ก้าวซิ เอาถอยหลังๆ.."<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    หลวงพี่สุ ทำตามแบบงงๆแต่ไม่กล้าขัด...ยอมทำตามด้วยดี<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    " เจออะไร ก็ไม่บอก สั่งๆ...สั่งอย่างเดียว.."(พระขี้บ่นบ่นพรึมพรำๆ)<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    สักพักเสียงดังจากปากก็เกิดขึ้น<O:p></O:p>
    "เ ฮ้ยย..!!! O H ๆๆอะเมซิ่ง โซมัช.." ฝรั่งจากไหนมาอีกเนี่ย<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    "...ลองเดินหน้ามาใหม่ซิท่าน...."(สั่งพระจังเลยตู ไม่กลัวบาป กลัวนรกกันเลยนะ)<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2011
  4. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ข้าพเจ้าและ พระสุ กับหินกินแสงไฟในถ้ำลึก

    สิ่งผมและพระสุ พบเจอคือปรากฏการณ์ การดูดกลืนแสงสว่างไฟจากกระบอกไฟฉาย
    ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ส่องไฟ ฉายนำหน้า ขณะที่เดินผ่าน ซอกหินก้อนใหญ่ขนาดสองคนโอบทั้งสองฝั่ง
    <O:p></O:p>

    สิ่งที่เกิดขึ้นคือขณะเดินผ่าก้อนหินบริเวณนี้ แสงไฟฉายจะลด ลงวูบทันที
    พอเดินผ่านก็จะเพิ่มกำลังของแสงกลับมาเหมือนเดิม เดินถอยหลังกลับมาที่จุดเดิมก็จะลดแสงลงอีก
    พอถอยหลังผ่านก้อนหิน ประมาณ 1 เมตร แสงไฟฉายก็จะสว่างขึ้นมาเหมือนเดิม
    เราทั้งสอง ทั้งพระทั้งโยม ลองทดสอบเล่นดูด้วยความสนุกสนาน ระคนปนตื่นเต้น จนมั่นใจ
    ด้วยไฟฉายที่ถือมาคนละกระบอก ที่เกิดปรากฏการณ์ขึ้นมาเหมือนเดิมทุกๆครั้ง


    แต่ก็ลืมทดสอบด้วยแสงจากเทียนว่าจะเกิดผลแบบเดียวกันหรือไม่
    หากมีโอกาส ได้เข้าไปที่ถ้ำนี้อีกครั้งต้องทดสอบ หลายๆรูปแบบ
    แต่ไม่แน่ใจว่าจำจุดเกิดเหตุนี้ได้หรือเปล่า


    เราเรียกจุดที่เจอหินนี้ว่า หินกินแสง เท่ห์หรือเปล่าครับ?

    แล้วท่านทั้งหลายว่าหินที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ว่าอะไร ดีและมันเกิดจากอะไร<O:p></O:p>

    แล้วที่จริงมันคืออะไรกันแน่???
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2011
  5. ถาวโร(ถา-วะ-โร)

    ถาวโร(ถา-วะ-โร) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +672
    ตีตั๋วแถวหน้าเลยครับ :cool:
     
  6. อย่าลืมฉัน

    อย่าลืมฉัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +2,807
    รอฟังคำตอบ
    แต่ขอเดาว่ามันคือ มรกต rabbit_jump
     
  7. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ม่าย...ช่ายๆ เอาใหม่ๆ :boo:

    ใครมีใหม่มั๊ย..?
    ขออีกซัก 2-3 อย่าง...ซิ ให้เดาๆดู
     
  8. อย่าลืมฉัน

    อย่าลืมฉัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +2,807
    ในก้อนหินคงมีอะไรพิเศษ ๆ งั้นขอทายว่ามันคือ เหล็กไหล เป็นคำตอบสุดท้าย (||)
     
  9. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,032
    หินงอก หินย้อย 555 ลองมาเดา :cool:
     
  10. tawansongsaeng

    tawansongsaeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +423
    น่าจะเป็นเหล็กไหลที่ฝังตัวอยู่ในหิน ลองหารูที่เขาเข้าออกดู
     
  11. ปลายคลอง

    ปลายคลอง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +20
    เอาล่ะ.เดาคราวนี้ถูกแน่ๆ .....มันคือ ตุ๊กแกยักษ์กลายเป็นหินกินแสงไฟแวบๆ
    ถูกแล้วใช่มั๊ยไชโยๆ(f)
     
  12. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    จากประสบการณ์ที่ได้เคยประสบพบเจอในช่วงที่เข้าปฏิบัติธรรมที่สำนักสงห์ถ้ำแห่งหนึ่ง จ.สระบุรี

    ทำไมจึงเชื่อว่าพระอาจารย์ท่านนี้ได้ อภิญญา

    - พระบวชใหม่ ตะโกนลั่นเห็นพระอาจารย์เปลี่ยนร่างเป็นผีนั่งยิ้มให้

    - เด็กสาววัย 13 ปี มาปฏิบัติธรรมเห็นหลวงพ่อ เดินจงกรมเล่นอยู่ในขวดน้ำ

    - ยกบาตรลูกศิษย์ขณะเผาไฟแดงจ้า ประทับรอยมือติดอยู่ที่บาตรจนปัจจุบัน

    - พญานาคฝ่ายสามี มาตามให้ไปช่วยให้ปลดปล่อยเมียที่ท้อง เพราะโดนอาคมพระเขมรจับไว้เพื่อบังคับบอกหวย

    - ให้ฝึกญาณทรรศนะ โดยเปล่งแสง ออร่าให้ดูจนครบทั้ง7สี แสดงสภวะเปลี่ยนใบหน้าของครูบาอริยสงฆ์ สายเหนือโลกทั้ง 5

    - ญาณอนาคต บอกล่วงหน้า " รอเดี๋ยวน้องสาวก็มา ไม่ต้องห่วงไม่ถึง 10นาทีก็มาแล้วมั๊งโยม"

    - วิญญาณพลังงานสูง มาตามให้ไปปลดปล่อยวิญญาณที่เขาพนมรุ้ง ภายหลังมันคือ .."ยักษ์" ที่ถูกสาปไว้

    - แสดงสภาวะทางสังขาร จากที่สง่างามจนเหลือแต่โครงกระดูกนั่งยิ้มด้วยตาเปล่า

    - ตัวไม่อยู่แต่ส่งสัญาณให้รู้ว่าท่านถอดจิตมาดูการทำวัตรเย็นปฏิบัติธรรม ด้วยกลิ่นกายและเสียงไม้เท้าประจำตัว ดังวิ่งรอบถ้ำ

    - ไปตามทวงดวงจิตหญิงสาวจากพญานาค มาคืนร่างเดิม

    - นกสาริกาจอมสอดแนม กับนิสัยขี้ฟ้องพฤติกรรมคนในวัดขณะหลวงพ่อไม่อยู่


    และจะเล่าบรรยาย ลงตามโอกาสที่เหมาะสมต่อไป


    กรณีที่พระสงฆ์พระอาจารย์ผู้ปฏิบัติ แสดงให้ลูกศิษย์และญาติธรรมบางท่านได้รับรู้นั้น ปัจจัยหลักก็หวังให้ได้เป็นกำลังใจ

    สำหรับการประพฤติธรรม และเชื่อว่าผลแห่งฝึกจิตปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธเจ้ามีอยู่จริง พิสูจน์ได้จริงและเป็นการยืนยัน ถึงเรื่องเล่า ฤทธิ์ปาฏิหารย์ของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ หลวงปู่ครูบาอาจารย์ เกจิอาจารย์ทั้งหลาย ที่เราท่านๆ ทั้งหลาย อาจเคยได้ยินได้ฟังในอดีตนั้น

    หาใช่เป็นแค่เรื่องนิทานเล่นๆ หลอกกันไปแค่นั้น....

    ท่านเหล่านั้นสามารถทำได้จริงและทำได้เป็นเลิศมาก เมื่อเทียบกับยุคปัจจุบันด้วยซ้ำ
    ดังนั้นเมื่อเราท่านทั้งหลาย ฝึกกำลังจิต ฝึกใจเพื่อการลดละกิเลส..ย่อมให้ผลพิสูจน์ได้จริง
    และให้ผล มีนิพพานเป็นที่หวังได้...นั่นแล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2011
  13. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    สังโยชน์ คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ หรือกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจให้จมในวัฏฏะ มี 10 อย่าง คือ
    • ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ได้แก่
      • 1. สักกายทิฏฐิ - มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา มีความยึดมั่นถือมั่นในระดับหนึ่ง
      • 2. วิจิกิจฉา - มีความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
      • 3. สีลัพพตปรามาส - ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร หรือนำศีลและพรตไปใช้เพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพื่อเป็นปัจจัยแก่การสิ้นกิเลส เช่นการถือศีลเพื่อเอาไว้ข่มไว้ด่าคนอื่น การถือศีลเพราะอยากได้ลาภสักการะเป็นต้น ซึ่งรวมถึงการหมดความเชื่อถือในพิธีกรรมที่งมงายด้วย
      • 4. กามราคะ - มีความติดใจในกามคุณ
      • 5. ปฏิฆะ - มีความกระทบกระทั่งในใจ
    • ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ได้แก่
      • 6. รูปราคะ - มีความติดใจในวัตถุหรือรูปฌาน
      • 7. อรูปราคะ - มีความติดใจในอรูปฌานหรือความพอใจในนามธรรมทั้งหลาย
      • 8. มานะ - มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนหรือคุณสมบัติของตน
      • 9. อุทธัจจะ - มีความฟุ้งซ่าน
      • 10. อวิชชา - มีความไม่รู้จริง
    พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้คือ หมดสักกายทิฏฐิ,วิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาส
    พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 คือ กามราคะและปฏิฆะ ให้เบาบางลงด้วย
    พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อต้นได้หมด
    พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ
    [แก้] อ้างอิง

     
  14. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    สิ่งที่ท่านแสดงให้ดู ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ลูกศิษย์ในการปฏิบัติธรรม จะได้มุ่งมั่น

    ในการปฏิบัติภาวนา ผู้ที่เคยอยู่ใกล้พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จะมีประสพการณ์เรื่องเหล่านี้

    แต่บางครั้งก็ไม่ได้นำมาบอกกล่าวกัน กลัวว่าผู้คนจะไม่เชื่อ ของเหล่านี้เป็นปัจจัตตัง

    ถ้าไปยืนยันว่าจริง เดี่ยวจะมีการท้าพิสูจน์กันอีก ...คิดง่ายๆเสียว่า ใครมีบุญพอ ก็จะได้รู้

    ได้เห็นเอง อนุโมทนาครับ...
     
  15. อย่าลืมฉัน

    อย่าลืมฉัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +2,807
    เมื่อเห็นภาพ คิดว่าน่าจะเกิด จาก น้ำ ไอน้ำ ความชื้น หมอก
    ความกดอากาศต่ำ มวลอากาศหนาแน่น ในช่องหินตรงนั้นครับ :z8
     
  16. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02995.JPG
      DSC02995.JPG
      ขนาดไฟล์:
      845.5 KB
      เปิดดู:
      164
    • DSC03033.JPG
      DSC03033.JPG
      ขนาดไฟล์:
      856.1 KB
      เปิดดู:
      179
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2011
  17. mind stone

    mind stone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +1,296
    หินที่อยู่บนพานตามรูปด้านบนนี่หรือครับที่ทำให้ไฟฉายดับ...
     
  18. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004

    โอ้วว.. ไม่ใช่ครับ..ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง.มันแค่ประภาพประกอบ สับขาหลอกนิดหน่อย แฮ่ๆ อย่าถือสา

    หินทั้งสองชิ้นนี้ ไปเจอมาระหว่างทำงาน ตจว.
    เพราะเห็นมันรูปร่างแปลกตาดี คล้ายว่าจะงอกได้ น่าจะความมีพิเศษบางอย่าง
    หรือใครเห็นต่างออกไป? ...อันนี้ก็ไม่ว่ากัน

    ตอนหลังนี้ส่วนหนึ่ง พระอาจารย์ในถ้ำท่านได้ขอนำไปใช้เป็นส่วนประกอบ
    ในการสร้างวัตถุมงคลของทางวัด....ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2011
  19. ปลายคลอง

    ปลายคลอง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +20
    - ไปตามทวงดวงจิตหญิงสาวจากพญานาค มาคืนร่างเดิม


    อยากฟังเอ๊ย อยากอ่านนี้ครับพี่ เป็นงัยบ้าง พญานาคไปเอาดวงจิตของเด็กไปทำอะไร แล้วตายมั๊ยครับ...เขาเอาไปไหนพญานาคไม่กลัวบาปเหรอ.. ถ้าไม่มีใครให้เขียนเรื่องอื่น อันนี้เราจอง ๆๆๆก่อนใครทั้งหมด อุตส่าห์เชียร์พญานากมาตั้งนาน มาทำงี้ได้งัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2011
  20. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ท่านสามารถติตามเรื่องราว ของพระอาจารย์อภิญญาท่านนี้เพิ่มเติม
    ได้จากกระทู้นี้นะจ๊ะ

    ><O:p> http://palungjit.org/threads/ขอสานค...งสมาธิจากทุกสาขา-ท่ามกลางภัยพิบัติโลก.315705/

    ตัวอย่างเนื้อหาบางส่วน


    " ข้าคิดว่ามันคงไม่ใช่คนหวะ...มันเดินนำหน้าลิ่วข้าก็เดินจ้ำตามส่องไฟหา<O:p></O:p>
    ตามไปติดๆแล้วมันเดินหายเข้าไปในก้อนหินต่อหน้าต่อข้าเลย..."<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    "อ๊าว!! อี๊ !!แล้วทำไงต่อครับ...ถ้าเป็นผมล่ะเผ่นก่อนล่ะชั่วโมงนั้น.." (ยังจะมาอวดความขี้ขลาดอีกนะเรา)<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    </O:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...