มาสร้างช่วยกัน orgonite - เพิ่มพลังชีวิต+สมาธิ รักษาโรค ป้องกันประจุลบ ก่อนวันที่ 11/11/2011

เวรกรรม ถ้าพูดถึงประจุ มันก็คือไฟฟ้านะครับ

ฝากข้อมูลไว้หน่อย เดี๋ยวมาคุยต่อ






ที่มา :
การบำบัดด้วยพลังงานไฟฟ้าประจุลบ

การบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพด้วยพลังงานไฟฟ้าประจุลบ
​

<table width="550" border="0" cellpadding="1" cellspacing="1"> <tbody> <tr> <td>แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกายวิภาคศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย โบโลนาประเทศ อิตาลี่ ได้ค้นพบว่าร่างกายของมนุษย์เป็นสารกึ่งนำไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะและรูปแบบของอะตอม เนื่องจากในแต่ละอะตอมจะมีนิวเคลียสซึ่งประกอบไปด้วยโปรตอน(ประจุบวก) นิวตรอน(ไม่มีประจุ) และ อิเล็กตรอน(ประจุลบ)
</td> <td style="text-align: center"></td> <td> </td> </tr> <tr> <td style="text-align: center"></td> <td colspan="2"> ATP (Adenosine Triphosphates) เป็นพลังงานที่พบได้ในเซลล์สิ่งมีชีวิต ATP จะนำพลังงานเคมีภายในเซลล์มาใช้สำหรับการเผาผลาญ ดังนั้น ATP จึงเป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายต้องการไม่เพียงเพื่อให้อยู่รอด แต่ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต
นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียค้นพบว่าสาเหตุสำคัญของความแก่ชราและการตายของ มนุษย์เกิดจากการขาดประกอบ ATP ส่วน นักชีววิทยาชาวอเมริกัน ค้นพบว่าพลังงานประจุไฟฟ้าลบสามารถกระตุ้นให้เกิดเอนไซม์ ATP และ องค์ประกอบของ ATP
</td> </tr> </tbody> </table> จะเห็นว่าในแต่ละเยื่อหุ้มเซลล์ในร่างกายมนุษย์จะมีพลังงานไฟฟ้าสูงถึง 30-40 ไมโครโวลต์ และในคน 1 คน มีเซลล์มากถึง 6 แสนล้านเซลล์ดังนั้นจึงมีพลังงานประจุกระแสไฟฟ้าในร่างกายอย่างมากมายนับไม่ ถ้วนทีเดียว มีการประมาณกันไว้ว่า พลังงานประจุไฟฟ้าในเยื่อหุ้มเซลล์ ของเด็กจะมีประมาณ 70-90 ล้านโวลต์ ผู้สูงอายุมีต่ำกว่า 60 ล้านโวลต์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีพลังงานประจุไฟฟ้าประมาณ 15 ล้านโวลต์ และเมื่อเซลล์ตายพลังงานประจุไฟฟ้าจะเท่ากับ 0 โวลต์

ปริมาณพลังงานประจุไฟฟ้าในเยื่อหุ้มเซลล์ของคนในวัยต่างกัน

​

การเปรียบเทียบผลของประจุไฟฟ้าลบและประจุไฟฟ้าบวกในเยื่อหุ้มเซลล์​

<table width="600" border="1" cellpadding="1" cellspacing="1"> <tbody> <tr> <td height="25" width="200">ระบบของร่างกาย</td> <td height="25" width="200"> ประจุไฟฟ้าลบ
</td> <td height="25" width="200">ประจุไฟฟ้าบวก</td> </tr> <tr> <td>ระบบประสาทอัตโนมัติ</td> <td height="30">กระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย)</td> <td> กระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก(ทำให้ความเครียด)</td> </tr> <tr> <td>ร่างกาย</td> <td>สงบ ผ่อนคลาย หลับลึก</td> <td>เครียด นอนไม่หลับ หดหู่</td> </tr> <tr> <td>ไต</td> <td>ทำให้สมดุล</td> <td> ทำให้ไตถูกกระตุ้นมากเกินไปเป็นเหตุให้ไม่มีแรง เหนื่อยล้า</td> </tr> <tr> <td>กระดูก</td> <td>ช่วยบำบัดอาการได้ (FDA approved Bassett, 1974,1977)</td> <td> ไม่สามารถบำบัดอาการของโรคกระดูก</td> </tr> <tr> <td>การดูดซึมสารอาหาร</td> <td>เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหาร</td> <td>การดูดซึมสารอาหารลดน้อยลง</td> </tr> <tr> <td>ฮอร์โมน</td> <td>ช่วยปรับสมดุล</td> <td>ขาดสมดุล</td> </tr> <tr> <td>การรับออกซิเจน</td> <td>เซลล์เปิดรับออกซิเจนได้มากขึ้น</td> <td>การทำงานของเส้นเลือดฝอยที่หลอดลมลดน้อยลง</td> </tr> <tr> <td>กระเพาะปัสสาวะ</td> <td>เพิ่มประสิทธิภาพในการขับสารพิษ</td> <td>ลดประสิทธิภาพการขจัดสารพิษ</td> </tr> <tr> <td>การขับถ่าย</td> <td>เพิ่มประสิทธิภาพในการขับของเสีย</td> <td>ลดประสิทธิภาพการขจัดสารพิษ ทำให้ท้องผูก</td> </tr> <tr> <td>ระบบหายใจ</td> <td>เพิ่มปริมาณออกซิเจนจากการหายใจและทำให้หายใจได้ลึกขึ้น</td> <td>ลดปริมาณออกซิเจนจากการหายใจ หรือทำให้หายใจตื้นและถี่
</td> </tr> <tr> <td>อัตราการเต้นของหัวใจ</td> <td>ช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง</td> <td>ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น</td> </tr> <tr> <td>เส้นเลือดฝอย</td> <td>ช่วยให้เส้นเลือดฝอยขยายตัวและเพิ่มการรับออกซิเจน</td> <td>ทำให้เส้นเลือดฝอย หดตัวและได้รับออกซิเจนลดลง</td> </tr> <tr> <td>ระดับน้ำตาลในเลือด</td> <td>ทำให้เป็นปกติ ลดความเสี่ยงจากโรคเบาหวาน</td> <td>เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด</td> </tr> <tr> <td>ค่า PH</td> <td>ทำให้มีค่าเป็นด่าง หากเยื่อหุ้มเซลล์มีประจุลบมากกว่า 70ล้านโวลต์-ค่า PH 8 อิเล็กตรอนหมุนตามเข็มนาฬิกาจะขับของเสียที่เป็นกรดออกได้ดี</td> <td>ทำให้มีค่าเป็นกรด หากมีประจุลบต่ำกว่า 70ล้านโวลต์-ค่า PH 2 อิเล็กตรอนหมุนทวนเข็มนาฬิกาจะเพิ่มกรดและของเสียที่เป็นกรด</td> </tr> <tr> <td>แบคทีเรียดี</td> <td>แบคทีเรียชนิดดีเพิ่มจำนวน</td> <td> ดึงดูดแบคทีเรียที่ไม่ดี</td> </tr> <tr> <td>เอนไซม์</td> <td>กระตุ้นให้มีเอนไซม์เพิ่มขึ้น</td> <td> เกิดภาวะเอนไซม์ลดน้อยลง</td> </tr> <tr> <td>กรดแล็กติก</td> <td>กำจัดกรดแล็กติก</td> <td> เพิ่มแล็กติกสาเหตุของการหมักหมม</td> </tr> <tr> <td>การดูดซึมแคลเซียม</td> <td>เพิ่มการดูดซึมแคลเซียม ช่วยให้ผ่อนคลาย</td> <td> ลดการดูดซึมแคลเซียม ทำให้เครียด กระดูกพรุน ระบบพาราซิมพาเทติกทำงานไม่สมดุล</td> </tr> <tr> <td>โพแทสเซียมในเซลล์</td> <td>เพิ่มขึ้น</td> <td>ลดลง ทำให้เครียด หยุดการทำงานของระบบพาราซิมพาเทติก</td> </tr> <tr> <td>แมกนีเซียม</td> <td>เพิ่มพลังงาน</td> <td>ลดพลังงาน หยุดการทำงานของระบบพาราซิมพาเทติก</td> </tr> <tr> <td>โซเดียม</td> <td>เพิ่มขึ้นในและรอบๆเซลล์</td> <td>ลดพลังงานรอบๆเซลล์</td> </tr> <tr> <td>ไมโทรคอนเดรีย</td> <td>เพิ่มพลังงาน ATP ในกล้ามเนื้อหัวใจ</td> <td>ลดพลังงาน ATP ในกล้ามเนื้อหัวใจ</td> </tr> <tr> <td>ตับ</td> <td>เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ</td> <td>ลดประสิทธิภาพการทำงานของตับ</td> </tr> <tr> <td>การแข็งตัวของเลือด</td> <td>ลดการแข็งตัวของเลือด</td> <td>เพิ่มโอกาศการแข็งตัวของเลือด</td> </tr> <tr> <td>จำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว</td> <td>เพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว</td> <td>ลดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว </td> </tr> <tr> <td>เซลล์ผิวหนังคอลลาเจน</td> <td>กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง</td> <td>ทำให้เกิดริ้วรอย ความเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อย </td> </tr> <tr> <td>การเผาผลาญอาหาร</td> <td>เพิ่มการเผาผลาญอาหาร</td> <td>เผาผลาญอาหารได้น้อยลง </td> </tr> <tr> <td>การย่อยอาหาร</td> <td>เพิ่มประสิทธิภาพ</td> <td>ลดประสิทธิภาพ </td> </tr> <tr> <td>ระบบภูมิคุ้มกัน</td> <td>เพิ่มเซลล์ Macrophages, B Cells, T Cells, Helper Cell ซึ่งช่วยเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย</td> <td> ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง</td> </tr> </tbody> </table> ในปัจจุบันเทคโนโลยี่ได้มีการพัฒนาไปอย่างก้าวหน้า มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถผลิตพลังงานประจุไฟฟ้าลบด้วยพลังงานความถี่ สูง ที่เรียกว่า เครื่องอีพาวเวอร์ (E-Power) ที่จะทำให้เราสามารถเติมความสมดุล รักษาสุขภาพ และฟื้นฟูระบบการทำงานหลักของร่างกาย อันได้แก่
• ระบบไหลเวียนโลหิต
• ระบบประสาท
• ระบบย่อยอาหาร
• ระบบขับถ่าย
• ระบบภูมิคุ้มกัน
• ระบบกล้ามเนื้อลาย
• ระบบการเผาผลาญ
• ระบบผิวหนัง

การทำงานของเซลล์ที่มีไฟฟ้าประจุลบในปริมาณสูงซึ่งเป็นผลดีต่อระบบร่างกาย เกิดขึ้นได้อย่างไร
1. การที่เซลล์ของร่างกายได้รับประจุไฟฟ้าลบมากขึ้น ช่วยให้เกิดการลำเลียงโซเดียมและโปตัสเซียมเข้าออกจากเซลล์ได้ดีขึ้น ทำให้
• มีการสร้างพลังงานในระดับเซลล์ขึ้นมาใหม่และทำให้ร่างกายโดยรวมมีพลังงานมากขึ้น
• ปรับประสิทธิภาพการดูดซึมออกซิเจนของร่างกาย
• เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของเซลล์ ทำให้สดชื่นมีพละกำลัง
• มีการสร้างเซลล์ประสาทเพิ่มขึ้น (ค้นคว้าโดย Gottingen University ค.ศ. 1998)
• กระตุ้นการทำงานเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ซึ่งจะช่วยแปลงสภาพของกรดในร่างกายให้เป็นด่าง

2. เพิ่มประสิทธิการไหลเวียนโลหิต ซึ่งช่วยให้
• เส้นเลือดฝอยดูดซับออกซิเจนได้ดีขึ้นถึง 30%(จากการศึกษาที่ Pargon และ Peraira ค.ศ. 1967
• ช่วยลดการอุดตันของกระแสเลือดที่ไหลกลับสู่หัวใจ
• ช่วยลดระดับความดันโลหิต
• ช่วยในการขจัดสารพิษ
• เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
• ปรับสภาวะของร่างกายจากกรดให้มีสภาพเป็นด่างซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพ
• เร่งการสมานแผลจากการบาดเจ็บ
• เพิ่มประสิทธิภาพให้ร่างกายในการเล่นกีฬา
• ช่วยให้สภาพจิตใจผ่องใสเบิกบาน มีสมาธิ
3. ปลดปล่อยแคลเซียมซึ่งเป็นตัวนำสารเคมีอื่นๆโดย
• เพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญ
• มีประโยชน์ต่อหน่วยของเซลล์
• ลดการทำงานของระบบลำเลียงเลือด
• ช่วยปรับสมดุล อดินารีน และ คอติซอล ส่งผลให้ลดความเครียด
• เร่งปฏิกิริยาที่ทำให้สารอินซูลินมีความสมดุล
• สร้างสมดุลให้ระบบประสาท
• เร่งปฏิกิริยา Macrophages และ T Cell
• ช่วยบำบัดอาการปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ และ กระดูกสันหลัง
•
4. ส่งสัญญานให้ม้ามและไขสันหลังในการเพิ่มแคลเซียมโดย
• ช่วยให้เกิด Piezoelectric effect ซึ่งจะไปเพิ่มมวลกระดูก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและลดอาการโรคกระดูกพรุน
• เมื่อเราอายุมากขึ้นร่างกายจะสร้างกระดูกได้น้อยลง แต่การมีประจุลบมากๆในเซลล์จะช่วยให้การสร้างกระดูกยังคงเป็นไปได้

5. ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ หรือ อาการบาดเจ็บต่างๆสำหรับนักกีฬาโดย
• ทำให้กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น มีความแข็งแรง
• ลดอาการอักเสบ
• ให้ผลดีกับผู้เป็นไขข้ออักเสบ อาการบวมช้ำ กระดูกร้าว อัมพฤกษ์ และการเกร็งของกล้ามเนื้อ
• ลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บและซ่อมสร้างเซลล์ที่บาดเจ็บให้คืนสภาพเร็วขึ้น

6. ระงับอาการเจ็บปวดโดย
• การยับยั้งกระบวนการส่งต่ออาการเจ็บไปยังสมอง
• ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ ตะคริว และ อาการเกร็ง

7. เพิ่มประสิทธิภาพของระบบกระเพาะอาหารและลำใส้โดย
• กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
• เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญ
• ลดน้ำหนักและสร้างมวลกล้ามเนื้อ

8. ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดย
• กระตุ้นการสร้างเซลล์เนื้อเยื่อ
• สร้างเซลล์ประสาท และ เซลล์ผิวหนัง ขึ้นใหม่

 

อยากกินสเต๊กโคขุน หรือ กระเพาะปลาครับ? จะเลี้ยงฟรีสามมื้อครับ 5555+ ขอบพระคุณครับ รู้สึกทราบซึ้งใจมาก

ผมก็ขอยก credit นี้ให้กับคุณ Crystal DNA ผู้เริ่มกระแส Orgoniteครับ

 

อ่อ พอดี DOR หรือ Negative OR ไม่ใช่ไฟฟ้า ผมคงจะแปลผิด เพราะรู้เท่าไม่ถึงการ ต่อไปนี้ผมจะเรียกว่า DOR ลบ แล้วกัน

 

งานทดลองใช้ orgone หลอด (ของHHG เราเจ๋งกว่าของแบบหลอดเยอะ) เพิ่มแสงออร่า ดูประโยชน์ของมันนะครับ ว่าวิเศษขนาดไหน กับต้นทุนการผลิตที่ถูกแสนถูก

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=KkuACcSthLs]Reiki Orgone.com WinAura Session.avi - YouTube[/ame]

อันนี้ถือว่าโอเค เสียดายที่ไม่มีใครโพสวีดีโอ orgone แบบกรวย หรือ ปีรามิดทดลองปั่นออร่ากับคนจริงๆเลย

 

โอเคครับ ผมมีคำถามดังนี้
1. เจ้าOrgoniteเนี่ย มันส่งผ่านประจุยังไง มันเอาพลังงานที่ไหนทำปฏิกิริยาโฟโต้อิเล็กตริกเพื่อดีดประจุออกมา หรือถ้าส่งในรูปแบบคลื่นก็ต้องมีพลังงานหรือปฏิกิริยาทางเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันคืออะไร มาจากไหน?
2.เจ้าOrgoniteจะดูดและคายประจุออกมาได้อย่างไรเมื่อถูกปิดทับด้วยเรซิน? เพราะเท่าที่ทราบมา เรซิ่นเป็นฉนวนไฟฟ้า?
3.มีตัวอย่างอุปกรณ์หรือการทดลองในการตรวจวัดประจุคลื่น DOR บ้างไหมครับ จากที่นั่งอ่านมาจากทั้งในและนอกประเทศ พบว่าเพียงพูดมาลอยๆว่ามีอยู่


กำลังสืบค้นสิทธิบัตรของKarl Welzนะครับ

 

ตัวผมเอง ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่มีความรู้ภาษาอังกฤษนิดๆหน่อยๆ เลยนำมาเผยแพร่ให้สมาชิกได้รับทราบ เพราะผมเห็นว่าเทคโนโลยีนี้ใช้ต้นทุนผลิตต่ำ

คำถามที่คุณ microtab ต้องการถามผมนั้น ขอบอกตามตรงว่า ภูมิของผมไม่ได้มาทางด้านวิทยาศาสตร์ ไม่ได้เรียนด้านนี้ สิ่งที่นำมาลงให้สมาชิกได้อ่านนั้น ไม่ได้ยกมาลอยๆ karl welz มีตัว ตนจริง Don มีตัวตนจริง Orgonite ทำงานได้จริง เพราะผมมีประสบการณ์ตรง และมีสมาชิกที่ต่างประเทศหลายหมื่นคนกำลังมีสุขภาพจิต และกายดีขึ้นตามลำดับ

ถ้าหากคุณ microtab อยากจะทราบคำตอบเชิงลึก แนะนำให้ถาม sensei ที่เว็บบอร์ด

Index - Forum for Orgonite and Tactical Orgone Gifting, How to make Cloud Busters (CBs), HHGs, and Succor Punches. Orgonite gifters, HAARP, Tesla, and Radionics discussion. Warrior Matrix.

เพื่อที่จะได้จัดหาเวลานัดแนะ ปรึกษา หรือ สัมภาษณ์เพื่องานวิจัยเชิงวิทยาศาตร์ครับ

 

ส่วนอุปกรณ์การวัด POR DOR นี้ผมไม่ได้ค้นคว้ามา เพราะว่ามันใช้เวลาหาข้อมูลนานเกินไป ผมตั้งใจจะมาเกริ่นสั้นๆ แล้วก็นำเสนอประโยชน์เท่านั้น

อย่างไรก็ตามคุณ microtab สามารถเรียนรู้เรื่อง Aura ปัจจุบัน มีเพียงคอมพิวเตอร์ก็สามารถดูออร่าได้ โดยไม่ต้องใช้กล้องAura ลองหาโปรแกรมพวก Aura photography
แล้วทดสอบตัวเองกับออโกน หรือดู ปฏิกริยาของผู้ชายในวีดีโอนี้

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=KkuACcSthLs&feature=player_embedded]Reiki Orgone.com WinAura Session.avi - YouTube[/ame]

สามารถวัดความแรงของ orgone ได้ และสามารถคำนวณได้ในระดับแบบเบื้องต้น

 

บิดา ผู้สร้าง Orgonite <---(แก้ไข ไม่ใช่คนนี้)

คนนี้คือคนสร้างคนแรกสุดครับ Wilhelm Reich จะอัพเดทให้ทุกท่านในหน้าแรกนะครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Wilhelm_Reich

 

ลองค้นต่อที่นี่นะครับ เกี่ยวกับที่มาของ Orgone Energy
Orgone - Wikipedia, the free encyclopedia

อ้างอิง(ขออนุญาติไม่แปลนะครับ)..
สรุป
Orgone is regarded by the National Center for Complementary and Alternative Medicine as a type of "putative energy", a model which some therapists use for clinical procedures, but which is untestable or defies measurement.[6] There is no empirical support for the concept for the concept of orgone in medicine or the physical sciences, and research into the concept ceased with the end of the Institute.[7]

เอาเป็นว่าผมได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ขอบคุณสำหรับความรู้แปลกๆอีกหนึ่งเรื่องครับ

 

แล้วก็ถือว่าข้อสรุปนี้ ก็ยังไม่สามารถสรุปงานวิจัยของ ดร. Wilhelm Reich ไม่ได้อยู่ดี เพราะเป็น verse ที่คลุมไม่หมด เป็นสิ่งที่ regarded โดยผู้ที่ไม่ได้วิจัยเอง เพราะคนที่วิจัยเอง เขาก็จะ regard ไว้อีกอย่างนึงนะครับ

Orgonomy

Orgone is blue in color, he wrote, omnipresent, visible to the naked eye, and responsible for such things as weather, the color of the sky, gravity, the formation of galaxies, and the biological expressions of emotion and sexuality. Reich argued that St. Elmo's Fire is a manifestation of it, as is the blue color of sexually excited frogs. Red corpuscles, plant chlorophyll, gonadal cells, protozoa, and cancer cells are all charged with orgone, he said.

ดูเหมือนว่า จะเจอMetaphysics ที่ต้องขยายความรู้ไปอีกไกล เรื่องนี้เกี่ยวกับกายภาพ จิตใจ อารมณ์ และ วิทยาศาสตร์ควบคู่กันไป
และประการสำคัญ การทดลองจริง นำมาซึ่งประสบการณ์จริงครับ

ขอให้โชคดี และชีวิตเจอแต่ความสงบสุขครับ

 

อนุโมทนาค่ะ ขอถามว่า ใช่"เอก"ที่ทำงานที่สงขลาหรือเปล่าค่ะ

 

ปรึกษาเรื่องวัสดุค่ะ สำหรับคนที่หาเศษทองเหลือง ทองแดง โลหะไม่ได้

จากกระทู้ก่อนมีผู้แนะนำ ฝอยขัดหม้อ แปรงทองเหลือง
ฝอยขัดหม้อสีเงินๆ เป็นโลหะชนิดไหนคะ
กระป๋องและสลักของกระป๋องเครื่องดื่ม อันนี้เป็นอลูมิเนียมใช่มั้ยคะ ใช่ได้มั้ย
เหรียญสตางค์ ไม่รู้มันเป็นโลหะชนิดไหนบ้าง
ทองคำเปลว
แผ่นทองเหลือง ทองแดงที่เขียนดวงชะตา
ถุงขนม อันนี้มันเป็นโลหะหรือเปล่า
อาจถามเพิ่มนะคะ ตอนนี้ได้ของรอบตัวมาแค่นี้

 

ขอบคุณ คุณ เอก6820 มากๆครับ อธิบายละเอียดมากๆ

โพสตรงนี้แล้วอย่าลืมโพสใน blog เก็บไว้ด้วยก็ได้นะครับ เพราะรู้สึกกระทู้ organite ถูกลบไปแล้ว 3 ครั้ง

 

มาอยู่กันนี่เอง.....

 

สุดยอดครับคุณ เอก6820

ดีใจครับที่คุณสานต่อได้น่าสนใจมาก

คุณใช้ทักษะภาษาอังกฤษที่ได้ร่ำเรียนมาในทางที่ถูก ในทางที่จะทำให้โลกนี้

น่าอยู่มากขึ้น

พระเจ้าอวยพรน่ะครับ คุณเอก

ผมกำลังจะทำ Organite ทรงปิระมิดมาให้ชมเหมือนกันครับ

รอไปเอา Rose Quart ที่บ้านก่อน ทิ้งไว้นานแล้ว

เว็บนี้ผมทำไว้นานแล้วเพื่อสนทนา การทำสมาธิหมู่เพื่อช่วยโลกใบนี้
http://palungjit-pichitpai.blogspot.com/

 

คุณฐนา ผมไม่ได้ทำงานอยู่สงขลาฮะ

ฝอยขัดหม้อถ้ามันไม่ได้พิเศษอะไร ส่วนใหญ่ก็เป็นอะลูมิเนียมนะครับ.... ใช้แล้วพลังมัน work ดีครับ

พวกแผ่นทองเหลือง ทองแดง เหรียญ และสลักกระป๋องน้ำอัดลม โอเคครับ
ตอนนี้หาอะไรได้ให้รวมๆกัน แล้วทำไปก่อน จะทำ orgonite ได้ หนึ่งอัน สองอันก็ทำไปก่อนครับ

ไว้มีเวลา และวัสดุครบครัน ค่อยทำตามสูตรผม

 

จะเก็บเป็นไฟล์ word เลยล่ะครับ กลัวหายเหมือนกัน เหนื่อยมากตั้งกระทู้นี้ แปลกันตาแฉะ 555

 

ยินดีต้อนรับมนุษย์ Crystal DNA, DHA กลับบ้านครับ เหลืออีกคน ชื่อ DMA หรือป่าวนะครับ? ขอต้อนรับสู่ชายคา orgone อีกครั้ง

กระทู้ทำเรือง่ายๆ ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
[URL="http://palungjit.org/posts/5258721[/URL]

ไว้ให้พี่น้องชาว ออกอน ใช้พายเรือมาเจอกัน เวลาน้ำท่วมครับ

 

ตอนนี้รู้สึกว่ามหาลัยธรรมศาสตร์ และ เอแบค เลื่อนเปิดเทอม ถูกต้องหรือไม่ครับ?

น้องๆนักศึกษาและกลุ่มอาจารย์หวังว่าจะปลอดภัยกันดีครับ

 

ประวัติส่วนตัวเรื่อง 1111

1111 ผมเริ่มเห็นตัวเลขนี้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วครับ

พระเจ้าเรียกตัวผมตั้งแต่สองปีที่แล้ว ชีวิตเมื่อก่อนเลวร้ายมากครับ

ทำบาปไว้เยอะ ทั้งกินเหล้า เที่ยวผับ ยันเช้า

เมื่อสองปีที่แล้วก็ถึงเวลาที่พระเจ้าจะชำระล้างจิตวิญญาณผม

เพราะมันเหลือเวลาไม่มากแล้ว ที่จะทำให้จิตวิญญาณเราบริสุทธ์

เพื่อต้อนรับยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง