คำทำนายสมัยอโยธยา จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว สายน้ำเชี่ยวกรากหวาดเสียวใจ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย ผู้เตือน warn, 13 ตุลาคม 2011.

  1. คนเหาะ

    คนเหาะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +85
    มันไม่ได้เป็นอย่งาที่คุณคิดหรอกครับ

    มันเป็นเรื่องของคนสองคน แล้วปั่นเอาพวกเราเข้าไปร่วม

    อดีต ไทยช่วยเกาหลีรบ เกาหลีใต้นี่แหละ

    ความเจริญ แย่กว่าไทยนิดๆ

    ตอนนี้เป็นไงล่ะ มันกินกันทุกรัฐบาล

    แต่เมื่อก่อน มันปิดปาก ปิดตาสนิท

    มาสมัยทักษิณ สีมันเทาๆ เริ่มมองเห็น

    แล้วก็มีองค์กร อิสระมาก มายมาตรวจสอบ

    สมัยก่อนไม่มี ทหารเป็นนายกทั้งนั้น

    ไปดู สิ ทรัพย์สิน ที่ดิน ทหารบิ๊กๆ

    ระดับนายพล ระดับนายก เป็นเจ้าของ

    แต่ทหารได้งินแล้วเก็บ ไม่มีหัวด้านธรกิจ การค้า

    แต่ทักษิณ เป็นไง บริหาร จัดการ ทำธรกิจเป็นไง

    เงินเลยงอกเร็ว

    มันกินกันมาตลอดแ้ล้วคุณเอ๊ย งั้นประเทศไทยต้องดีกว่านี้
     
  2. chate_SP

    chate_SP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +220

    ถ้ามัวแต่ย้อนอดีตไปเรื่อยๆ สนทนากันเป็นปีก็คงไม่สิ้นสุด
    เอาแค่ยุคปัจจุบันตามประเด็นในกระทู้นี้ก็พอครับ
     
  3. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    จริงครับ เห็นด้วยอย่างยิ่งหลานชาย
     
  4. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682

    มองไห้มันยาวๆ คนอื่นบอกอะไรฟังมั่ง

    เองน่ะ เล่นไม่เลิก เพลาๆมั้ง หน้ามืดตามัว
     
  5. poopo_n

    poopo_n สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +21
    เอาไปดูเสื้อแดงทั้งหลายตาจะได้สว่างกันซะที(ถูกใช้เป็นเครื่องมือไม่รู้ตัว)

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=6qcMJDBhJ7A]เสธ แดง เปิดโปงทักษิณล้มเจ้า - YouTube[/ame]
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=olnPwVhTYlA]เสธ แดง สารภาพเอง ทักษิณ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังกองกำลัง - YouTube[/ame]
     
  6. poopo_n

    poopo_n สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +21
    ที่ได้คะแนนเสียงแบบถล่มทลายกะเพราะอันนี้

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Gm21aE4ZzDI"]?????????? ????????? 500 ???(????????) - YouTube[/ame]
     
  7. คนทำสงคราม

    คนทำสงคราม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +24
    โอ้โหคลิปที่สองลองฟังกันดู นาทีที่1.20 เสธแดงยอมรับเองชัดๆๆว่ายิงทหาร
    แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คนตายได้อย่างไรตั้งเยอะแยะ(ยิ่งตายเยอะยิ่งเข้าทาง จะได้ใช้เป็นเงื่อนไขโจมตีรัฐบาล) ใช้คนเสื้อแดงตาดำๆๆเป็นโล่มนุษย์ ยิงใส่ทหารจากฝั่งม็อบแดงมา พอโดนทหารเขาก็ต้องสวนซิคับ
    เขาเตือนหลายครั้งแล้วให้กลับบ้านไม่รู้กี่รอบ เพราะมีกองกำลังยิงใส่ทหารอยู่ในม็อบแดง
    เข้าใจแจ่มแจ้งเลยคับ ขอบคุณที่นำคลิปมาให้ชม คงมีคนตาสว่างขึ้นเยอะคับ
    ปล.จากคนที่ติดตามสถานการณ์ข่าวอย่างใก้ลชิด การใช้ชีวิตคนเป็นเครื่องมือมันสมควรหรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2011
  8. อหิงสะกะ

    อหิงสะกะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +82
    กล่าวได้ถูกต้องครับ อันนี้ขอสนับสนุน
    (ผมไม่ใช่คนเสื้อสีไหนนะครับ ผมวิเคราะห์จากความจริง)
     
  9. มหิธา

    มหิธา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +66
    ลากเข้ามาการเมืองอีกจนได้

    คำทำนายบอกแค่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น... ส่วนจะจบแบบไหนอยู่ที่เราทุกคน ถ้าต่างก็ไม่ยอมจบมันจะจบได้อย่างไร..

    แบ่งแยกสีทะเลาะกัน 5 ปีที่ผ่านมา มันดีตรงไหน ผัวฆ่าเมีย ลุงฆ่าหลาน เพราะเถียงเรื่องการเมือง ตอนนี้เหมือนพักชั่วคราวแต่ในใจก็ยังคุกรุ่นพร้อมตลอดแบบนี้..

    ในต่างประเทศ นายมาร์ติน ลูเทอร์คิง ออกมาปลุกระดมเรียกร้องสันติภาพการเหยียดสีผิวในอเมริกา เพื่อลูกหลานคนผิวดำรุ่นหลัง และสำเร็จใน 85 ปีต่อมา มีประธานาธิบดีผิวดำคนแรก ฟังดูเรื่องราวนี้มันช่างประเสริฐกว่าเรื่องของบ้านเราหลายเท่านัก นั่นเพราะ อุดมการณ์ที่มุ่งหมายให้เกิดสันติภาพ นั้นใช่หรือไม่

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=5hcS1jfGx9Q&feature=related"]Martin Luther King " Have a Dream " - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2011
  10. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    ผมเองก็ไม่มีสีกะเขาเหมือนกัน ใครเป็นรัฐบาลก็หล่ายแต่อย่ากินให้มันมากนักและอย่าแบ่งแยกดินแดน ถ้ากำลังคิดอยู่ก็หยุดซะ ขอร้องอ่ะนะ ผมกลัว.....ไม่มีแผ่นดินอยู่
     
  11. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่กลุ่มฟรีเมนสันหรือกลุ่มอิลูมิเนติต้องการเห็นความแตกแยกเกิดขึ้นในประเทศไทย คนบางคนเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่พวกเขาวางแผนให้เดินไปตามเกมที่พวกเขาอยากให้เป็น เพราะพวกเขากลัวในหลวงของพวกเรากลัวในพระปรีชาสามารถของพระองค์ สังเกตุได้ง่ายๆมีการทำลายความศรัทธาของประชาชนที่เคยมีต่อในหลวงของพวกเราอย่างเป็นขบวนการ กลุ่มอดีตคอมมิวนิสต์ก็กำลังทำงานอยู่อย่างขมักเขม้น กลุ่มดร.เองก็ทำการสร้างเว็บโจมตีพระองค์ท่านอย่างสนุกสนาน แต่สิ่งหนึ่งผมไม่อยากเห็นพวกเราถูกหลอกจากพวกอีลูมิเนติที่มีเครือข่ายทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย แต่หลังจากภัยพิบัติเกิดไปแล้วคนไทยจะต่าสว่างกันมากขึ้น แล้วสามัคคีกันมากขึ้น ช่วยเหลือกันมากขึ้น และไม่สนใจเรื่องขัดแย้งที่มีมาในอดีต
     
  12. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    -ข้อร้องเมืองไทยควรเดินหน้า

    อย่าเอาความไม่ชอบคิดต่างมาสร้างกำแพงแด่คนทั้งสองสี
    ควร โต้วาที มิใช่โจมตี ทำให้ลูกให้หลานมันดูว่าการเมืองแท้ๆคืออะไร
    อย่าเอาการเมือง แบบ กระทิงแดงมาใช้ เพราะมันล้าสมัยเสียแล้ว
     
  13. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    ลบก่อน อ้าวลืมไป พวกกัน แหะๆ 555+
     
  14. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    เดี๋ยวก็รู้ว่าคำทำนายจะจริงรึเปล่า

    อิๆ
     
  15. countdown

    countdown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +3,165
    จงเปรียบเทียบกลอน บทนี้ กับอีกบทข้างล่าง ตรงราชกาลที่ 10

    จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
    ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
    ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
    จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
    คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
    ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ


    บท2

    ปริศนาคำพยากรณ์ 10 รัชกาล-พระราชพรมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)


    หลัง จากที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษีได้มรณภาพลงเมื่อวันเสาร์แรม ๒ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๑๕ ตอนเที่ยงคืนเช้าวันรุ่งขึ้น นายอาญาราช ศิษย์ก้นกุฏิ ของเจ้าประคุณสมเด็จ เข้าไปเก็บกวาดในกุฏิของท่าน ขณะทำความสะอาดกุฏิ นายอาญาราชได้พบเศษกระดาษชิ้นหนึ่งซุกอยู่ใต้เสื่อเป็นลายมือของเจ้าประคุณ สมเด็จ เขียนสั้นๆ โดยสังเขป เป็นคำทำนายชะตาเมือง มีความว่า

    " มหากาฬ พาลยักษ์ รักมิตร สนิทธรรม จำแขนขาด ราษฎร์จน ชนร้องทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาววิไล "

    มาดูบทวิเคราะห์ ที่หลายๆท่านตีความตามที่เห็นมาแล้ว และที่อาจเป็นไปในอนาคต

    ๑. มหากาฬ ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงปราบดาภิเษก คือปราบกบฎที่ก่อความเดือดร้อนให้บ้านเมือง และสำเร็จโทษสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราช ที่ทรงถูกพวกกบฎจับกุมคุมขังและยึดอำนาจ ฐานวิกลจริต (คือถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้าเสียสติ)ด้วยการนำไปประหารชีวิตด้วยท่อนจันทน์ (แต่หลายคนเชื่อว่าหนีมาบวชที่ถ้ำเขาขุนพนม จ.นครศรีฯ )
    รัชกาลที่ ๑ ทรงตั้งตนเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ในการนี้ทำให้ผู้ที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าตาก และผู้ที่ไม่เห็นด้วย รวมไปถึงผู้ที่เสียผลประโยชน์ เกิดแข็งข้อ ไม่ยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดี ไม่ยอมรับว่างั้นเถอะ จึงได้มีพระบรมราชโองการปราบพวกไม่เห็นด้วย หรือพวกกบฎต่อแผ่นดินใหม่ให้ราบคาบ มีการสังหารล้างโคตรกันทีเดียว ถึง ๘๒ ครัวเรือน รวมทั้งมีการประหารชีวิตโอรส และญาติพี่น้องพระเจ้าตากสินมิให้หลงเหลือ เพื่อเป็นเส้นหนามในภายหลัง กล่าวกันว่าเสียชีวิตจากการเปลี่ยนแผ่นดินไม่ตำกว่า 400 คน มีการประกาศใช้กฎปราบกบถ กฎมณเทียรบาล และกฎอัยการศึก ชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน ซึ่งเป็นเรื่องหวาดเสียว น่ากลัวมาก เพราะบ้านเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ (คือสร้างกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงใหม่) ยังระส่ำระสาย หาความเป็นปึกแผ่นมั่นคงไม่ได้ จึงต้องทำทุกอย่างด้วยความเฉียบขาด จึงเรียกยุคนี้ว่า "ยุคมหากาฬ" หรือ"ยุคดำมืด" เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่า "บ้านเมืองใหม่จะอยู่หรือจะไป" ยิ่งมีสงคราม ๙ ทัพ จากพวกคุณหม่องมาสั่นประสาทชาวบ้านด้วยแล้ว ใครเกิดยุคนี้ล่ะก็ ร้องได้คำเดียวว่า "กลัวแล้วจ้า" (เพราะคนไทยยังไม่หายเข็ดกลัวพม่ายังไม่เชื่อมั่นในตัวผู้นำและขุนนาง เพราะสร้างความเหลวแหลกไว้เยอะในตอนก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา)
    นับได้ว่าเป็นยุคอึมครึม มืดดำ จริงๆ ไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ พระเจ้าตากเสียสติจริงหรืไม้? ถูกประหารชีวิตหรือไม่? ด้วยเหตุใด? เป็นยุคมืดที่น่ากลัวจริงๆ

    ๒. พาลยักษ์ ในสมัยรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นยุคแห่งความวิบัติเคราะห์ร้าย ของผู้คนในแผ่นดิน เนื่องจากเกิดอหิวาตโรค (โรคห่า โรคท้องร่วง) ในปี พ.ศ. ๒๓๖๓ โรค ได้ระบาดไปทั่วเมือง มีผู้คนล้มตายลงวันละมากๆ เพราะการแพทย์ในสมัยนั้นยังไม่เจริญ ตามสุสานวัดสำคัญต่าง ๆ เช่น วัดสระเกศ
    , วัด บพิตรพิมุข เต็มไปด้วยซากศพผู้เสียชีวิต ในแม่น้ำลำคลองก็ยังมีซากศพลอยขึ้นอืดกันให้เกลื่อน เป็นที่อุจาดตาส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง น่าสะอิดสะเอียนเป็นยิ่งนัก ถนนหนทางมีแต่ความเงียบสงัดวังเวง ผู้คนต่างหลบซ่อนอยู่ภายในบ้าน บางครอบครัวก็อพยพหลบหนีโรคร้ายไปอยู่เสียหัวเมือง ในการนี้ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๒ ถึงกับรับสั่งให้ทำพระราชพิธียิงปืนใหญ่รอบกำแพง พระบรมมหาราชวัง ๑ คืน (เป็นความเชื่อที่ว่า โรคห่า เกิดจากการกระทำของยักษ์มาร ภูติผีปีศาจ จึงต้องมีพิธีการสวดมนต์ ปัดรังควาน ยิงปืนใหญ่ขับไล่ ให้มันตกใจกลัวจะได้หนีไป ทำคล้ายกับพิธีสวดภาณยักษ์ หรือสวดอาฎานาฎิยปริตร นั่นแหละครับ) ทรงให้อัญเชิญพระแก้วมรกตอันศักดิ์สิทธิ์ และพระบรมธาตุออกแห่แหน เป็นการขับไล่และปลอบขวัญพลเมือง ในที่สุดโรคร้ายก็สงบ แต่กว่าจะสงบราบคาบประมาณกันว่ามีผู้เสียชีวิตถึงสามหมื่นคนทีเดียว นับว่าไม่น้อยเลยในสมัยนั้น

    ๓. รักมิตร หรือ รักบัณฑิต ในสมัยรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมากในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปกครอง การค้าขายกับต่างประเทศ (รัชกาลที่ ๒ ทรงสัพยอกท่านว่า"เจ้าสัว") ได้มีการเริ่มต้นเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศอันได้แก่ อังกฤษ
    , อเมริกา ฯลฯ โดยเริ่มต้นจากการค้านั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นยุคที่ทรงโปรดปรานชุบเลี้ยงคนที่ตั้งใจทำราชการอย่างจริงจัง มากกว่าพวกประจบสอพลอ

    ๔. สนิทธรรม ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระองค์ท่านทรงออกผนวชนานถึง ๒๗ พรรษา ตลอดรัชกาลที่ ๓ เลยก็ว่าได้ จะเรียกว่าบวชลี้ภัยการเมืองก็ได้ เพราะขนาดออกบวชแล้ว ยังไม่วายูถูกใส่ร้ายป้ายสี ว่าจะก่อการกบถเลยครับ(ดีนะครับที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ ท่านทรงมีน้ำพระทัยหนักแน่น เยือกเย็น ไม่หูเบา) ดังนั้นเมื่อพระองค์ท่านลา สิกขาขึ้นครองราชย์ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของข้าราชบริพารจึงทรงฝักใฝ่ในธรรม สนับสนุนการเผยแพร่จริยธรรม ตลอดจนการพระศาสนาต่างๆ พระองค์เองก็ทรงชุดขาวถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ฟังธรรมทุกวันธรรมสวณะจึงเรียกยุคนี้ว่า"ยุคสนิทธรรม"

    ๕. จำแขนขาด ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดเป็นยุคที่น่าเศร้าใจอีกยุคสมัยหนึ่ง เพราะเป็นสมัยที่พวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ และฝรั่งเศส กำลังแข่งขันกรีฑาทัพเข้ายึดประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเซีย เป็นเมืองขึ้น หรือที่เรียกกันว่า "ยุคล่าอาณานิคม" เมืองสยามของไทยเรานั้น เป็นเมืองรักสงบ เปรียบเสมือนลูกแกะ ไม่มีเขี้ยวเล็บอะไรที่จะไปต่อกรกับชาติมหาอำนาจอย่างกับอังกฤษและฝรั่งเศส ประเทศเพื่อนบ้านรอบ ๆ ไทยเรา ก็โดนเขากวาดเรียบไปหมดแล้ว เหลือพี่ไทยอยู่เจ้าเดียวเท่านั้น

    ดังนั้นในสมัยนี้ ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส จึงบีบไทยทุกด้าน หาเรื่องทุกอย่าง ที่จะเป็นเหตุยกทัพบุกยึดประเทศให้ได้ แต่ด้วยพระปรีชาญาณแห่งองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง พระองค์ได้ดำเนินวิเทศโยบายอย่างรัดกุม ทรงเสด็จประพาสยุโรป ถึง ๒ หน รวมไปถึงรัสเซียมหามิตรของไทยในสมัยนั้นด้วย นับว่าเป็นผลสำเร็จอย่างดีเยี่ยมเพราะไทยเราได้เพื่อนเอาไว้เป็นไม้กันหมา ถึงกระนั้นก็เถอะ ไทยเรายังต้องยอมเสียดินแดนส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ คือไม่ให้เกิดสงครามจนเราแพ้ต้องเสียเอกราช คือเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (ร.ศ ๑๑๒ หรือ พ.ศ. ๒๔๓๖) แก่ฝรั่งเศส หลังจากที่ในปี พ.ศ.๒๔๓๑ ได้เสียแคว้นสิบสองจุไทย ให้มันไปแล้ว (ขออนุญาตใช้คำว่ามัน เพราะพฤติกรรมเยี่ยงอันธพาล)
    ต่อมามันก็หาเรื่องอีก ได้ถอนทัพเรือไปยึดจันทบุรีเอาไว้ ไทยต้องยอมมันอีก โดยยกดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง และเมืองหลวงพระบาง ให้เจ้าเศษฝรั่งไปครอบครอง ให้ไปร้องไห้ไปล่ะครับ ให้จนกว่ามันจะพอใจหรือไม่สามารถหาเรื่องเราได้อีกแล้ว ต้องจำแขนขาดเพื่อรักษาชีวิต หรือผืนดินแผ่นใหญ่เอาไว้ให้ลูกหลานจนทุกวันนี้ (เรื่องของไอ้เศษฝรั่งนี่มันยังทำแสบ โดยวางแผนปลงพระชนม์รัชกาลที่ ๕ เมื่อคราวเสด็จประพาสบ้านเมืองของมันอย่างแยบยล เรื่องราวจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามอ่านในตอน "คำพยากรณ์หลวงปู่เอี่ยม กับ ร.๕"
    ส่วนอังกฤษ นั้น ค่อยยังชั่วน้อยหน่อย ไม่ถึงกับพาลหาเรื่องนัก โดยในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ ไทยเรายอมทำสัญญา ยกดินแดนหัวเมืองทางมาลายู คือ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส ให้อังกฤษ เพื่อแลกกับสิทธิสภาพนอกอาณาเขต หรือ อำนาจศาลกงสุล

    "จำแขนขาด" จึงเป็นยุคที่จำเป็นต้องเสียแขน ขา เพื่อรักษาชีวิต ดีกว่าเป็นเมืองขึ้นทั้งเมือง

    ๖. ราษฏร์โจร (ราชโจร) ในสมัยรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นยุคที่ไทยเรามีการนิยมของนอก มีการฟุ้งเฟ้อ เอาอย่าง เลียนแบบ วัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะในหมู่ข้าราชบริพาร ขุนน้ำขุนนางในราชสำนัก มีการแต่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์กันมากเกินไป จนแทบจะไม่มีความหมาย เป็นยุคเริ่มต้นแห่งภัยพิบัติในด้านเศรษฐกิจที่จะตามมาในยุคต่อไป การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน ทำลายแผ่นดินทางอ้อม ในสมัยนี้มีผู้คิดปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเหมือนกัน แต่ทำไม่สำเร็จกลายเป็นกบฎไป (กบฎ รศ.๑๓๐)

    ๗. ชนร้องทุกข์ ในสมัยรัชกาลที่ ๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดเป็นยุคที่ผู้คนพลเมืองต้องประสบกับภาวะ "ข้าวยากหมากแพง" ผู้คนอดอยาก แร้นแค้นด้วยสภาวะเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ และผลสืบเนื่องมาจากการฟุ้งเฟ้อในรัชกาลก่อน มีการปลดข้าราชการออกเพราะไม่มีเงินเบี้ยหวัด เงินปีให้ เป็น สมัยที่เริ่มให้ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงร้องทุกข์ แสดงความคิดเห็นจนกระทั่งมีการกระทำที่รุนแรงถึงขั้นปฏิวัติยึดอำนาจ ให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์ มาเป็นประชาธิปไตย จนในที่สุดพระองค์ต้องทรงสละราชสมบัติ และเสด็จไปสวรรคต ณ ต่างประเทศ

    ๘. ยุคทมิฬ ในสมัยรัชกาลที่ ๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล จัดเป็นอีกยุคหนึ่งที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยต้องจารึกไว้ไม่มีวันลืม เพราะ องค์ในหลวงอันเป็นที่รักยิ่งของเรา ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ ถึงแก่สวรรคต แม้จนกระทั่งปัจจุบันนี้ คดีก็ยังคลุมเครือ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เป็นที่กินแหนงแคลงใจของคนทั่วไปถึงสาเหตุแห่งการลอบปลงพระชนม์ และผู้บงการ บ้านเมืองในยุคที่เริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครองนี้ จัดเป็นยุคที่มีการแย่งชิงอำนาจ มีการปฏิวัติ รัฐประหาร เข่นฆ่าคนไทยด้วยกันเองจัดได้ว่าเป็น "ยุคทมิฬ" ยุคแห่งความเหี้ยมโหด ไร้ความปราณีและศีลธรรมอย่างแท้จริง

    ๙. ถิ่นตาขาว (ถิ่นกาขาว) ในยุคสมัยปัจจุบันแห่งองค์ล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระภัทรมหาราชเจ้า มีชื่อเรียกยุคนี้ว่า "ถิ่นตาขาว" ซึ่งคงจะหมายถึงพวกฝรั่งตาน้ำข้าวละกระมัง เพราะเป็นยุคที่องค์พระประมุขของเรา พร้อมด้วยองค์พระราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะซีกโลกทางด้านตะวันตก นอกจากนั้นแล้วยังทรงต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากประเทศต่าง ๆ ที่มาเยือนอย่างมากมายเช่นกัน ฝรั่งตาน้ำข้าวเองก็ "อะเมซิ่งไทยแลนด์" ไม่น้อย พากันมาเที่ยวเยี่ยมเยียน ไอ้ที่ติดใจสาวไทย รสอาหารแบบไทยๆ บรรยากาศแบบไทยๆ ก็ตั้งรกรากอยู่เมืองไทยซะเลย

    ฝรั่งบางกลุ่ม ลงทุนซื้อเกาะทั้งเกาะทำโรงแรม กลายเป็นถิ่นฐานของพวกเขาไปซะแล้ว ที่ สำคัญมีกองทุนชาวต่างประเทศ ลงทุนซื้อหนี้เน่าราคาถูกๆ ไล่บี้ ฟ้องร้องบังคับคนไทยเอากำไรอีกที เหตุนี้กระมังจึงเรียกยุคนี้ว่า "ถิ่นตาขาว" และอีกคำหนึ่งที่เพี้ยนเสียงไปเป็น "กาขาว" ล่ะ หมายความว่าอย่างไรดี ตอนแรกนะผมนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ว่า "ตา" จะเป็น "กา" ไปได้อย่างไร แต่พอมาระยะ ๕-๖ ปีให้หลังมานี้ก็ถึง "บางอ้อ" ไม่ใช่พี่ไทยเลี้ยงอีกาสีขาวหรอกครับ เพราะกายังไงเสีย กาขนมันก็ดำวันยังค่ำ แต่ คนไทยเราไม่เจียมบอดี้ หรือไม่เจียมตนน่ะซิครับ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนสมัยรัชกาลที่ ๖ ไม่ผิดเพี้ยนเลยคือมีการนิยมของนอก มีการใช้จ่ายที่เกินตัว ฟุ้งเฟ้อ เห่อเหิม อยากได้อะไรเป็นต้องได้ ขนาดลงทุนเป็นหนี้เป็นสินเขาดอกเบี้ยสูงขนาดไหนก็เอา เห็นผิดเป็นชอบ เห็นดำเป็นขาว เหมือนอีกาที่ขนดำก็อยากจะทำให้มันขาว คราวนี้แจ่มชัดหรือยังว่า ทำไมเมืองไทยถึงเป็น "ถิ่นกาขาว" หรือ"ถิ่นตาขาว" ไม่รู้ลองไปถามไอ้พวกฝรั่ง " IMF " ดู แล้วจะรู้ไปถึงก้นบี้งหัวใจ
    อีกอย่างหนึ่ง คนยุคนี้ อาจจะเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว และไม่ยอมต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถึงขนาดเรียกได้ว่า "ขี้ข้าฯตาขาว" หรือ "ขี้ขลาดตาขาว" ก็อาจจะเป็นได้เช่นกัน

    ๑๐. ชาวศิวิไลซ์ หมายถึงยุคที่ ๑๐ หรือรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งยังมาไม่ถึง มีผู้ตีความกันต่าง ๆ นานาเมื่อดูจากความหมายแล้ว คำนี้มาจากภาษาอังกฤษ หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง สงบสุขร่มเย็น ดังนั้นก็เป็นอันเชื่อขนมกินกันได้เลยว่า ในรัชสมัยต่อไป ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราจะต้องเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า มั่นคงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ประชาชนจะอยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข หน้าชื่นตาบานกันทุกถ้วนหน้า

    จริงเท็จประการใด กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์.




    ลองค้นใน google คำทำนาย 10 รัชกาล มีความน่าจะเกี่่ยวข้องกันไหมครับ




     
  16. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ตกลง กระทู้การเมืองใช่ป่ะเนี่ย!!![​IMG]
     
  17. countdown

    countdown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +3,165
    ยุคชาววิไลซ์ คือกลับไปยังยุคแบบทิเบต หรือภูฎาน กระมังครับ หลังจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ ครั้งนี้น้อง ๆ แบบหลายท่านที่ทำนายไว้
     
  18. chate_SP

    chate_SP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +220
    อย่าแส่

    ไม่ได้เกรียนนานแล้ว แต่คุณมาเกรียนก่อน

    ผมไม่ได้จิตใจคับแคบ แต่มองแค่ประเด็น คนตายในเหตุสลายม็อบ

    ผมอ้างอิงไปแล้ว ว่าถ้าจะเอาอดีตมาพูด ยังงัยมันก็ไม่จบ

    เคลียร์ประด็นแค่เสื้อสองสีนี้ก็น่าจะพอ คุณไปดูก่อนว่าผมตอบโต้ข้อความอะไร
     
  19. chate_SP

    chate_SP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +220

    ชัดเจนครับ

    แล้วที่เสธแดงโดนยิงนี่ สรุปฝีมือใคร เป็นไปได้ไหมที่พวกเดียวกันสั่งเก็บ

    เพราะถ้าเป็นทางกองทัพสั่งเก็บ ผมว่าไปเก็บแกนนำคนอื่นจะได้ผลมากกว่า

    ต้องดูว่าเสธแดงตายไป ฝ่ายไหนได้ประโยชน์มากกว่ากัน
     
  20. poopo_n

    poopo_n สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +21
    กระทู้ดันเสื้อแดงนี่หว่า หุ่นเชิดชัดๆ หลอกพาคนไปตายเพื่อแลกกัับอำนาจ เลวชาติ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 ตุลาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...