*** สัจจะ ****

*** ศีล กับ สัจจะ ****

เรื่อง ศีล กับ สัจจะ ...พูดกับคนทั่วไปเขาไม่เข้าใจ....
ความหมายลึกๆ ที่ไม่ใช่แปลตามตัวหนังสือ... ศีล คือ การทำได้เป็นปกติ ...ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องฝืนทนฝืนใจ...ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจกันในสมัยนี้ ...ที่เข้าใจไปว่าเป็นลักษณะการปฏิบัติตนเป็นข้อ ๆ...ศีล เป็นเรื่องที่กว้างมาก....ความหมายของ ศีล สมัยพระพุทธกาล...คนที่ปฏิบัติตนตามปกติและทำได้ตาม ศีล ๕ ก็เป็น อรหันต์แล้ว...ถ้าได้ตาม ศีล ๘ ก็เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว...ศีล แต่ละข้อสมัยนี้ ความหมายผิดไปจากสมัยก่อนมาก...เดิม ศีล เป็นของพราหมณ์ ที่ถือปฏิบัติกันมานานแล้ว...มีมาก่อนพระพุทธเจ้า...และพระองค์ก็ได้ลองด้วยตนเองเช่นกัน...แต่ก็ไม่สามารถขจัดนิสัยสันดาน กิเลสให้หมดไปจากจิตใจได้....ซึ่งเหมือนกับยุคปัจจุบันนี้ ที่ ศีล ไม่สามารถนำให้มนุษย์เราหลุดพ้นไปได้...แต่ เมื่อถึงเวลา พระพุทธเจ้าได้พบกับ โลกุตตระใน โลกอุดร...พระองค์จึงได้คำสอนให้มาพิจารณาการกระทำของตนเอง...จนท่านได้พบกับ "หลักสัจจะธรรม" ว่าสิ่งที่เราทำไปแล้ว ไม่สูญหาย มีตัวมีตน ไม่ตาย และมีผลตอบแทน...ซึ่งพระองค์ทรงเรียกว่า "ตัวกระทำ" ที่เปรียบเสมือนถ่ายวีดีโอ รูปถ่ายเอาๆไว้....เมื่อ ท่านพบหลักสัจจะนี้แล้ว...ท่านจึงทราบทันทีว่า ศีล ไม่สามารถนำให้หลุดพ้นจากการเกิดได้...เพราะ ศีล นั้นใหญ่และกว้างมาก มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถปฏิบัติได้จริง...เมื่อรับ ศีล ไม่ได้กำหนด เวลาที่ชัดเจน...จึงกลายเป็นว่า รับศีลข้อปฏิบัตินั้นๆ แล้วทำกันไม่ได้จริง...จึงกลายเป็นผิดศีล ละเมิดศีลที่ให้ไว้ กลายเป็นคนไม่มีสัจจะ...พระองค์ รู้ว่าสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดคือ นิสัยสันดาน...ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดการกระทำต่าง ๆ ขึ้นมา...หากมนุษย์ไม่ตั้งใจที่จะลดนิสัยสันดานที่ติดตัวมาเหล่านี้ ก็ยากที่จะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมรูปแบบเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ตายแล้วก็ต้องไปเกิดใหม่....พระองค์ทรงเห็นว่า

 

ชาวพุทธยุคนี้...ไม่ค่อยจะสนใจ "สัจจะ"

 

*** ใครเชื่อบ้าง ****

ยุคพระศรีอารย์...คนเขาถือ "สัจจะ" ปฏิบัติกัน...ไม่ใช่ "ศีล"

ถ้า "ศีล" ทำให้มนุษย์หลุดพ้นไม่เกิดใหม่ไป "นิพพาน" ได้จริง....
ทุกวันนี้ ก็น่าจะมี...พระอรหันต์ เดินอยู่เต็มทั่วประเทศแล้ว...
เดินไปทางไหนก็พบแต่ "ผู้เห็นธรรม ผู้บรรลุธรรม" สามารถสอนให้คนมุ่งนิพพานเดินได้ถูกทาง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ลองถามตัวเอง ****

ตัวของเรา...รู้จัก ศีล....ถือ ศีล...ปฏิบัติใน ศีล....มานานเท่าใด ?
แล้ว ตัวเรา...บรรลุธรรม ถึงขั้นไหนแล้ว ?
แล้ว นิสัย หรือ สันดานไม่ดี ในตัวเรา...ลดลงบ้างหรือไม่...หมดไปกี่เรื่องแล้ว ?
แล้วในแต่ละวัน อารมณ์...โกรธ โมโห ในตัวเรา...หมดลง หรือยัง ?
ศีล ที่เรารับมาจากพระสงฆ์...เราทำได้จริงหรือ ?
แล้ว ใครกัน เป็นคนคิดเรื่อง ศีล ?
แล้ว ใครบอกว่า ศีล จะนำให้เราหลุดพ้นจากการเกิดใหม่ได้ ?
แล้ว เรารู้เรื่อง ศีล มาจากใคร ?
แล้ว คนที่บอกบรรลุอรหันต์ จริงหรือไม่ ?
แล้ว เรารู้ได้อย่างไรว่า เขาบรรลุอรหันต์ได้จริง ?

ท่านเคยคิดบ้างไหม...ว่า มีสิ่งใดที่อยู่เหนือ ศีล ?
เคยคิดบ้างไหม...ว่า ศีล นั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานอะไร ?
ท่านสนใจบ้างไหม...ว่า อาจมีสิ่งอื่น ที่อยู่นอกเหนือกว่าที่เราเคยรู้มา ?
ท่านเคยคิดบ้างไหม...ว่า อาจมีบางอย่างที่เป็นทางตรงสู่นิพพาน ?
เคยคิดบ้างไหม....ว่า แก่นสารสำคัญที่พระพุทธเจ้ากล่าวสอนมานาน อาจมีอะไรผิดเพี้ยนไปจากเดิม สองพันห้าร้อยกว่าปี

ท่านรู้ไหมว่า...ท่านเกิดมาทำไม ?
แล้ว...สิ่งที่ท่านปรารถนา ต้องการมากที่สุดในชีวิต คืออะไร ?
หากท่านปรานานิพพานเป็นสิ่งสูงสุด...เคยมีใครบอก "การปฏิบัติที่เป็นเส้นทางตรงสู่นิพพาน" บ้างไหม ?
ท่านเคยคิดบ้างไหม...ว่า สิ่งที่ "หนุมาน ผู้นำสาร" นำมาลงในที่นี้...อาจเป็นความจริง !!!!!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** แก่นสาร ทางตรงสู่นิพพาน ****

"สัจจะปฏิบัติ"... คือ แก่นสาร ของพุทธศาสนา....เป็น "ทางตรงสู่ นิพพาน"
"สัจจะปฏิบัติ".... ไม่พาให้หลงออกนอกเส้นทาง...ไม่หลงกาย....ไม่หลงวัตถุ...ไม่หลงพิธีการ...ไม่หลงอภินิหาร....ไม่พาให้หลงงมงาย
"สัจจะปฏิบัติ"....ทำให้ลด...ไม่ทำให้เพิ่ม
ลดนิสัย ลดสันดาน...ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดให้หมดไป...ทำให้ลดกิเลสจนหมดสิ้น
ไม่ทำให้เพิ่ม...ความอยาก ความต้องการ กรรม สิ่งผูกพันธ์ที่ส่งผลเสียในอนาคต
"สัจจะปฏิบัติ".... ทำให้เกิด "การกระทำใหม่" ในชีวิตของเรา...ฝืนไม่ทำตามนิสัยตนเอง
ทำให้เกิด "ผลของการกระทำ" ติดตัวของเราไปตลอดกาล
"สัจจะ" ทำให้ชีวิตเราในอนาคต ดีขึ้นเรื่อยๆ ...ไม่ตกต่ำลง

"สัจจะปฏิบัติ"....มีผลต่อผู้ที่ปฏิบัติได้เท่านั้น...เป็นเรื่องเฉพาะตัว
อยู่บนหลัก "ตนพึ่งตน"....
ทุกคนต้องพึ่งการกระทำของตนเองที่ได้ทำมาแล้วในอดีต !!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** เหนือโลก เหนือความคิดความเชื่อ ****

เรื่อง "พระไตรปิฎก และ โลกุตตระ" ...คือ สิ่งที่อยู่เหนือโลก เหนือชะตาลิขิต
จึงไม่มีผู้รู้เห็นในการมาอุบัติของ องค์โลกุตตระ ที่อยู่ในรูปร่างมนุษย์ที่ดูธรรมดา
เมื่อถึง ...กึ่งพุทธกาลพระโคดม ศาสนาหักกลาง คือ แก่นสาร หลักสัจจะรรม ในศาสนา ถูกบดบังด้วยการนำสิ่งต่างๆ ความเชื่อ และประเพณีนอกศาสนาเข้ามาปะปนอย่างมาก
จึงถึงกาลเวลา...ที่พระไตรปิฎก จะอุบัติกำเหนิดขึ้นบนโลกมนุษย์...เรียกว่า "องค์โลกุตตระ"
เป็น "มนุษย์เหนือโลก"...รอบรู้เหตุผลของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในจักรวาล
รู้ความเป็นมาเป็นไปของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์...เพราะเป็นบรมาจารย์ของพระพุทธเจ้าทุกองค์
รู้ชะตาลิขิต กรรมที่จะเกิดขึ้นของมนุษย์ทุกคน ทุกยุคทุกสมัย
ท่านกล่าวว่า ...ปัจจุบัน โลกกำลังเข้ายุคพระศรีอารย์
พันธุกรรมของทุกสรรพสิ่ง...กำลังถูกจัดสรรใหม่ ให้สมบูรณ์ด้วย "น้ำแข็งจากทางช้างเผือก" ที่ลงมาที่ ไซบีเรีย
"พระไตรปิฎก" ที่อุบัติเป็น "โลกุตตระ" ...ท่านได้ย่อการกระทำทั้งหมดจนเหลือเพียง "สัจจะ"
แล้วจึงมอบให้มนุษย์ผู้หนึ่ง ได้นำไปโปรดเผยแพร่สู่มวลมนุษย์ที่เชื่อและศรัทธา
ท่านกล่าวไว้ว่า...ดินฟ้าอากาศ คือพี่เลี้ยงคอยดูแลท่านเมื่ออยู่บนโลก คนที่ไม่เชื่อในสัจจะ โลกเขาไม่ปล่อยไว้แน่นอน
"สัจจะ" คำสั่งสอนของโลกุตตระ พระไตรปิฎกปรากฏแล้วบนโลก
โลกกำลังเข้ายุคพระศรีอารย์
จึงอยู่ที่ตัวท่าน ว่าเชื่อหรือไม่

รีบน้อมรับ "สัจจะ" ไปปฏิบัติ
ด้วยการตั้ง "สัจจะ" วันละข้อ และกำหนดเวลาที่จะปฏิบัติให้ชัดเจน
เช่น ไม่โกรธ ไม่โมโห วันละหนึ่งชั่วโมง
ผลของการกระทำที่ทำได้ เรียกว่า "ตัวกระทำ" จะติดตัวท่านตลอดกาล
และมีผลตอบแทนแน่นอน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัจจะ ช่วยท่านได้ ****

ควบคุมตนเองด้วยความตั้งใจจริง....ด้วยการฝึกฝนตนเอง ...เช่น "สัจจะ ไม่เชื่อว่าตนดีแล้ว"...."สัจจะ ไม่เห็นผู้อื่นผิด" ....ขอเพียงวันละข้อ วันละชั่วโมง...วันนี้ทำได้ ...พรุ่งนี้ทำได้....วันต่อๆไปทำได้....นานๆเข้านิสัยสันดานเปลี่ยนไป...เป็นปกติ ...ก็คือ "หลุดพ้นจากนิสัยสันดาน" ตัวนั้น ... ก็คือ "หลุดพ้นจาก กรรม" ที่จะต้องเกิดจากนิสัยสันดานตัวนั้น...เมื่อทำได้เป็นปกติ...ก็คือ "ศีล" นั่นเอง....การขจัดนิสัยสันดาน ต้องค่อยเป็นค่อยไป...ก็คือ "เดินสายกลาง"... ไม่มาก และ ไม่น้อยจนเกินไป...ค่อยๆทำเท่าที่ได้.......วันนี้ คลานได้.......พรุ่งนี้ เดินได้.......มะรืนนี้ วิ่งได้.......สุดท้าย ก็หลุดพ้นได้ !!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัจจะ อธิษฐาน ****

เรื่อง "สัจจะ อธิษฐาน" ที่ประชาชน เคยถวายในหลวง ในปีก่อนหน้านี้....
น่าเสียดายยิ่งนัก...หาก ประชาชนเข้าใจว่า...สิ่งที่เขาและเธอ แต่ละคนทำได้ตาม "สัจจะ" ที่ให้ไว้...จะมีผล...ทั้ง ต่อตนเอง...ต่อในหลวง...ต่อศาสนา....และต่อประเทศชาติอย่างมาก....
ปัจจุบัน สถานการณ์บ้านเมือง คงจะดีกว่านี้แน่นอน....

ซ้ำร้าย "สัจจะ" สัญญาใจที่...ทำไม่ได้...และไม่ได้ทำ....กลับส่งผลร้าย เปรียบเมือนคำสาป....
เพราะ ผิดสัจจะ ผิดสัญญาตนเอง.......
แต่ ยังไม่สายเกินไปที่จะขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า....
และรีบตั้งใจ "ถวาย สัจจะ" ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกครั้ง....
กรรมหนักที่กำลังจะปรากฏ จะได้เป็นเบา....เรื่องนี้สำคัญมากต่อประเทศชาติไทยเรา....

หากอ่านแล้วเข้าใจ และเมตตาจะช่วยคนไทยคนอื่นๆ ....
ก็ช่วยกันส่งต่อให้ผู้อื่นได้มีโอกาสอ่านและแก้ไขตนเอง
เพื่อให้ตนเองเป็น "คนมีสัจจะ" ต่อไป....... ขอให้เชื่อ "สัจจะ มีผลตอบแทน"

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

***************************************
สัจจะ...จากพระไตรปิฎก ช่วยชาติบ้านเมืองไทย
***************************************

ผลตอบแทนจาก สัจจะ
ที่ทำได้ของประชาชนทุกคน !!!
จะรวมตัวกัน เกิดเป็นพลังงาน ที่มีตัวตน
สามารถ เปลี่ยนแปลง สถานการณ์วิกฤติบ้านเมือง
และ สรรพภัยทั้งปวงกึ่งพระพุทธกาล...ที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน
และ จะเกิดขึ้นอย่างโหดร้ายในอนาคต !!!

-

 

ถ้าตั้งสัจจะจำทำแล้ว ให้ดูจิตตลอดเวลาว่า
ทำได้ไหม พลาดตรงไหน เมื่อพลาด ไม่ต้องฝืน
ไม่ปรุงแต่ง ไม่ยึดข้างใดข้างหนึ่ง
(เช่น ชอบสาวสวย แต่ไปยึดว่าภาพที่เห็นเขาเป็นศพเน่า)

แค่ได้ "สติ" แล้ว "ปล่อยวางความผิด" ลง
เอาง่ายๆ เบาๆ อย่าบีบเค้นจิต สอนให้ชิน
ให้คล่อง ให้เร็วๆ เหมือนนักวิ่ง ค่อยๆ วิ่ง
แล้วเร็วๆ ขึ้นๆๆ อย่าหักโหม อย่าบังคับจิต

เมื่อจิตถูกฝึกจนชินกับการ "ตั้งสติ" แล้ว "วาง"
จาก "สติปัฏฐานสี่" จะกลายเป็น "สมถะ" และ "วิปัสสนา"

ชนะกิเลสได้ทั้งมวล...

 

ผมเคยผิดสัจจะ ที่ให้ไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คงต้องเริ่มแก้ไปทีละนิดแล้ว

 

สัจจะ แปลว่า อย่างไร . . .
ธรรม แปลว่า อย่างไร . . .
สัจจะธรรมแปลว่า อย่างไร . . .
การตั้งสัจจะแล้วทำไห้ได้ ต่างหรือไม่ต่าง
กับการรักษาศีลไห้ได้ เพียงแค่ 5 ข้อ
ตั้งสัจจะแล้วรักษาหรือทำไม่ได้ บาปหรือ

เราไม่จำเป็นต้องรักษาศีล แต่ไห้รักษา สัจจะดีกว่างั้นหรือ
รักษา สัจจะมีผลดีกว่า การรักษาศีลงั้นหรือ
สังคมจะดี ถ้าคนหันมารักษาสัจจะ แทนการ รักษาศีลหรือ . . .

 

*** อนาคตอีกไม่นาน ****

คนไม่มี "สัจจะ" ...เมื่อรับ "ศีล"....
ไม่นาน ก็ผิดศีล จนได้...
คนมี "สัจจะ"... หากตั้งใจแล้ว....ไม่ว่าจะเป็น ศีล หรือ สัญญา สาบาน ปฏิญาณตน...ก็จะทำจริง
จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม..."สัจจะ" ย่อมปรากฏ...เพราะ คือ ลิขิตจากพระไตรปิฎก ที่มาจัดสรรช่วงกึ่งพุทธกาล
เมื่อถึงเวลา...หากเรารักษา ชีวิตและร่างกาย ไว้ได้...เราก็ได้พบว่า "แก่นสารของพทธศาสนา" คือ "หลักสัจจะธรรม" ...ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน....และ "การปฏิบัติด้วย สัจจะ"
ปัจจุบัน...อรหันต์ ปรากฏน้อยนัก เพราะยังติดอยู่ตามตำราที่เขียน ปรุงแต่ง และส่งต่อกันมา

ข้าพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ พระพุทธเจ้า...ไม่ใช่พระศรีอารย์
แต่นำสารของ โลกุตตระ พระไตรปิฎก มาโปรด มาให้ทราบเท่านั้น
ผู้ใดจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ...เป็นสิทธิของมนุษย์ ที่สามารถเลือกทางเดินของตนเองได้
มิจฉาทิฐิ...มีอยู่ในใจเราทุกคน....ปราบเสียให้สิ้น
ทำอย่างพระพุทธเจ้า...ปิดโลก เปิดธรรม

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ศีล ...เป็นข้อปฏิบัติ ****

"สัจจะ" ....เป็นผู้นำให้เกิด "การกระทำใหม่" ...ที่ยังทำไม่ได้ ทำไม่ค่อยได้ หรือ ยังไม่ได้ทำเลย
คำว่า "ศีล" มีความหมายในยุคพระพุทธกาล...คือ "การทำได้เป็นปกติ"
ศีล...เป็นเรื่องใหญ่ กว้าง ไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดการปฏิบัติ ... จึง ลึกซึ้งกว่าการกระทำทางกาย แต่ ครอบคลุมไปถึงเรื่องจิตใจ
มนุษย์ทุกคนมีจิต นิสัยสันดานแตกต่างกัน....จึงไม่สามารถปฏิบัติตนให้เป็นปกติตามศีลที่รับ ที่ถือกัน
พระพุทธเจ้า...จึง สอนให้นำ "สัจจะ" มาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
เพื่อให้เกิดการขจัดกิเลส นิสัยสันดาน แบบ...ค่อยเป็นค่อยไป...ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป
"สัจจะ" จึงเป็นหนทางหลุดพ้นที่เป็นไปได้จริง...มนุษย์ทุกคนสามารถปฏิบัติได้จริง
"สัจจะ" เป็นการฝึกฝนตนเอง...ให้กระทำในสิ่งที่ดี ทำในสิ่งที่ดีขึ้น...
โดยการตั้งใจ "ทำในสิ่งที่ดี"... และ "ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี"...ภายใน..."กำหนดเวลา" ที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสมและสามารถทำได้จริง
เช่น
ไม่พูดให้ผู้อื่นเดือดร้อน มีกำหนด ๑ ชั่วโมง
ไม่โกรธโมโห มีกำหนด ๑ ชั่วโมง
ไม่ประพฤติผิดทางเพศ มีกำหนด ๗ วัน
ไม่ฆ่าสัตว์ใหญ่ ตลอดชีวิต
ไม่ฆ่ามนุษย์ในครรภ์ และนอกครรภ์ ตลอดชีวิต
ไม่เห็นว่าตนเองดีแล้ว มีกำหนด ๑ ชั่วโมง
ไม่วิพากวิจารณ์การกระทำของผู้อื่น กำหนด ๑ ชั่วโมง
ไมนำของของวัดมาเป็นของตนเอง ตลอดชีวิต
ไม่ซื้อขายพระ ตลอดชีวิต
ไม่ดื่ม ไม่เสพสุรา ของมึนเมา มีกำหนด ๑ สัปดาห์
ไม่สูบบุหรี่ มีกำหนด ๑ เดือน
ไม่เสพสิ่งเสพติด ตลอดชีวิต
นับถือพระพุทธศาสนา ตลอดชีวิต
พิจารณา การกระทำของตนเอง คือที่พึ่งที่แท้จริง มีกำหนด ๑ ชั่วโมง
สวดมนต์ พระคาถา... มีกำหนด ๑ ชั่วธูป
และ สัมมาอาชีวะต่างๆ ที่เราพิจารณากำหนดให้เหมาะสมกับตนเอง

ผู้ใดมี "สัจจะ" ....จะนำตนเองได้...เมื่อนำตนเองได้ ก็จะเป็นผู้นำคนอื่นได้ต่อไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ช่วยกันโปรดสัตว์ นำสัตว์ให้หลุดพ้น ****

สงครามกำลังจะเกิด....การใช้อาวุธนิวเคลียร์ ใกล้จะเป็นจริง
หาก สารนี้กระจายไปทั่วโลก...จะสามารถช่วยหยุดยั้ง "สงครามนิวเคลียร์" ได้
ทุกข้อความของข้าพเจ้า....ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ที่จะเผยแพร่
เพราะ ทุกข้อความ...คือ ธรรมะ ความจริงที่มีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์
โลก ...กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น....
"หลักสัจจะธรรม" ปรากฏแล้ว
มนุษย์ จึงควรหยุด "การกระทำที่โหดร้าย" เข่นฆ่ากัน
ศาสนาต่างๆ กำลังจะรวมกันเป็นหนึ่ง....คือ ศาสนศาสตร์ของโลก
ที่มานำสัตว์...หมายถึง มนุษย์ให้หลุดพ้นจากความทุกข์....สู่สรวงสวรรค์ที่ทุกคน ทุกศาสนาปรารถนาไว้

ขอให้ผู้ที่รู้ตัว และ ผู้ที่เพิ่งเริ่มรู้สึกตัวว่าเป็น หน่อพุทธภูมิ โพธิสัตว์ มหาโพธิสัตว์...นำพา "หลักสัจจะธรรม" และ "การปฏิบัติสัจจะ" ออกสู่มวลมนุษย์ ต่อไป...เพื่อเป็นการสานต่อพระพุทธศาสนาในช่วงหลังกึ่งพุทธกาล ที่แก่นสารของศาสนาขาดหายไป

มนุษย์ ที่ยังอยู่ในศาสนาอื่นๆ ...กำลังรอคอย สารที่ข้าพระพุทธเจ้านำมา
จึงขอให้ช่วยกันอย่างเต็มกำลัง....อย่าให้เสียชาติที่มากำเหนิดในครั้งนี้...ทำให้เต็มที่
โปรดนำ....ธรรมจากข้าพระพุทธเจ้า ไปโปรดมนุษย์ต่อไป
กองทัพธรรม เริ่มก้าวออกเดินแล้ว...

-" หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สิ่งที่ไม่ตาย ไม่สูญสลาย คงอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ ****

พระพุทธองค์...กล่าวว่า
" ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน "

ประโยคนี้...เพียงประโยคเดียว....ครอบคลุมทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้น ทั่วทั้งจักรวาล
เพราะ....ประโยคนี้ คือ "หลักเดียวที่สูงสุด" ... ปักไว้มั่นคง นิ่ง ไม่กระดุกกระดิก
นั่นคือ... "หลักสัจจะธรรม"
สิ่งที่มนุษย์มุ่งค้นหากัน
ซึ่ง พระพุทธเจ้าค้นพบมานานแล้ว ... แต่เมื่อถึงยุคปัจจุบัน กลับสูญหายไป
ไม่มีผู้ใดอธิบายได้ว่า "หลักสัจจะธรรม" คือ อะไร หมายถึงอะไร

ดังนั้น...ผลจากการกระทำ ที่เกิดขึ้นจาก "สัจจะ"...จึงเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ประมาณค่ามิได้ !!!
ผลที่เกิดขึ้น คือ "ตัวกระทำ"....ที่จะติดตัวไปกับจิตวิญญาณของเรา ตลอดไป
และ นี้คือ หนทางเดียวเท่านั้น...ที่จะช่วยให้ มนุษย์สามารถเดินทางหลุดพ้นจากความทุกข์ ...เพื่อไปพบกับพระผู้เป็นเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาลได้

อย่า...มัวหลงการปฏิบัติที่ขัดกับ "หลักสัจจะธรรม" อยู่อีกเลย
เวลา...ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่ผิดพลาดได้
วันนี้...และวันต่อๆ ไป...ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ดำเนินชีวิตด้วย "สัจจะ"....กำหนดสิ่งที่ดี ตั้งใจทำ วันละข้อ วันละหนึ่งชั่วโมง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

สัจจะ...จะนำชีวิตตัวของเราให้เกิด "การกระทำ"...ให้ได้ตาม ศีล แต่ละข้อ
กำหนด "สัจจะ"... วันละข้อ ตามศีล...ทำให้ได้จริง วันละอย่าง...วันละ ๑ ชั่วโมง
จะเป็นบารมี ติดตัวไป ไม่สูญสลาย !!!!!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ผู้ที่ทำผิด รู้ตัวว่าผิด ... แล้วสำนึก เริ่มต้นใหม่
ดีกว่า...ผู้ที่รู้ว่าผิด แล้วไม่ยอมรับผิด

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ผู้เผยแพร่ สัจจะ ****

ใคร...คือ ผู้ที่นำ

 

*** สัจจะ... การกระทำ....นิสัย...ปัญญา....เวลา ****