นักฟิสิกส์ฮ่องกง พิสูจน์ "การเดินทางข้ามเวลา" เป็นไปไม่ได้

นั่นสิครับ ผมถึงเปรียบว่ามันเร็วกว่าแสง ไม่ใช่แง่วิทย์ ที่เอาระยะทางมาวัด แค่ความรู้สึกหน่ะ 555

 

เข้ามาแซวชาวบ้านเขาอยู่เรื่อยนะเบทร์
เบื่อจริงๆ พวกรู้แล้วอมภูมิเนี่ย! 55 :d

หนุกอะดิ ที่เห็นคนไม่รู้ (อย่างป้า) เขางงอ่ะ

 

อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ mamboo
ไม่จริง >< (เธญเธดเธญเธด ^^)

mamboo คิดว่า ความคิดไม่ได้เดินทางเร็วกว่าแสง

แต่.. ความคิดของคนเนี่ย ไม่มีการเดินทางเลยตะหากล่ะ ><

ตามทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ก็พิสูจน์ให้เห็นได้แล้วว่า เวลา และ ระยะทาง เป็นแค่ ภาพลวงตา สามารถยืดหดได้ และเป็นสิ่งสมมติ

ความคิดคนเรา ไม่ได้เดินทางเร็วกว่าแสง.. แต่ความคิดของเรา ไม่มีการเดินทางเลยตะหากล่ะ >< (เธ„เธทเธญ เน„เธกเนˆเธเธดเธ™เน€เธ™เธทเน‰เธญเธ—เธตเนˆ เน„เธกเนˆเธเธดเธ™เธฃเธฐเธขเธฐเธ—เธฒเธ‡ เน„เธกเนˆเธ‚เธถเน‰เธ™เธเธฑเธšเน€เธงเธฅเธฒ)
</td> </tr> </tbody></table>

ผม เปรียบเปรยให้ฟังหน่ะครับคุณ mamboo ความเร็วแสงมีค่าเท่ากับ... 1,079,252,848.8 Km/H (เอามาจาก วิกิพีเดียนะ ผมคำนวนเองไม่ไหว)
ผมไม่ได้หมายความว่า ความคิดมีการเดินทาง หรือ เอามาเทียบเป็น กิโลเมตร ได้ แค่ผม จะบอกว่า ....แค่คุณคิดถึงสิ่งใดสิ่งนึง หรือ มันแวบขึ้นมาในสมอง มันก็คือความคิด...ถูกมั้ย ผมเลยเปรียบเปรยเล่นๆ ว่าความคิดคนเรามันไวกว่าแสง แสงยังใช้เวลาเดินทาง...แต่ความคิดคนเรา...แค่คิดก็ถึงแล้ว อะไรเงี้ย..โหยย ไม่มีรมณ์ศิลปินเรย ^^

ตอบแบบศิลปิน งั้นเพลงนี้คงถูกใจคุณ Enzo นะ v
โยกให้หัวสั่นหัวคลอนไปเลยค่า
เก่าหน่อย แต่สุดยอด :d

<iframe width="425" height="349" src="http://www.youtube.com/embed/KLD_cDPcVfk?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ไวกว่าแสง - หรั่ง

ไปเครื่องบินยิ่งบินยิ่งช้า ล้าสมัยไม่ทันเวลา
ไกลมากไปก็มีปัญหา ไม่อยากบินสิ้นเปลืองเวลา
F 15 ช้าไป ไทยอินเตอร์ไวไม่พอ
UFO ก็ไม่ทัน มันต้องไวกว่านี้

ไปอย่างแรงแซงความเร็วแสง ล้ำสมัยไม่กินเวลา
คนอยู่ใกล้ก็มีปัญญา เห็นหน้ากันได้ทุกเวลา
เหมือนกับฉันใกล้เธอ คล้ายกับเราใกล้กัน
เพียงหลับตาเท่านั้น

ใจไปไวกว่าแสง.............................
ใจไปไวกว่าแสง.............................
ใจไปไวกว่าแสง.............................
ใจไปไวกว่าแสง.............................

ใจส่งไปไม่มีใครขวาง ไม่มีทางก็ไปสบาย
ใจกับใจใกล้กันทันใจ ขอให้เปิดคลื่นรักตรงกัน
คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา เพียงหลับตาเท่านั้น

ใจไปไวกว่าแสง.............................
ใจไปไวกว่าแสง.............................
ใจไปไวกว่าแสง.............................
ใจไปไวกว่าแสง.............................

ไปอย่างแรงแซงความเร็วแสง ล้ำสมัยไม่กินเวลา
คนอยู่ใกล้ก็มีปัญญา เห็นหน้ากันได้ทุกเวลา
แว๊บไปแว๊บมา เพียงหลับตาเท่านั้น

ใจไปไวกว่าแสง.............................

คำเตือน โปรดระวังเหมาะกันคนหูเหล็กและชอบบริหารคอ!

 

อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Mr.Boy_jakkrit
ฉนั้นการเข้าไปในมิติอื่นจึงไม่ใช่สิ่งที่จับต้องได้ด้วยประสาทสัมผัสของมิตินี้ทั้งสิ้น
ในความคิดเห็นของผมจึงมั่นใจว่า หากวิทยาศาสตร์สามารถแทนค่าสมการของจิตในพุทธศาสนาได้ เมื่อนั้นก็ใกล้จะเข้าใกล้ความยิ่งใหญ่อีกครั้งสำหรับการเป็นมิติใหม่ใน อนาคต

ในมุมมองของผม วิทยาศาสตร์ผิดพลาดในการแยกแยะ และหลีกเลี่ยงการวิจัยในตัวเอง(จิต) ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น การจำแนก สิ่งนอกกาย กับ สิ่งในกาย มันจึงเหลื่อมล้ำกันอยู่นิดหน่อย แต่ที่นิดหน่อยนี้มันหมายถึงทั้งหมด
</td> </tr> </tbody></table>
ขออนุญาตคิดด้วยคน

เรื่องจิตนี่เป็นปัจจัตตัง (รู้ไ้ด้เฉพาะตน) รึเปล่าคะ?
คือต้องใช้ประสาทสัมผัสที่ 6 หรือใจ เป็นเครื่องมือพิสูจน์

แต่วิทยาศาสตร์มุ่งนำความจริงที่พิสูจน์ไ้ด้ทางประสาทสัมผัส 5 มาตีแผ่
มันก็เลยเป็นข้อแตกต่างกันอย่างคนละขั้ว

ถ้านักวิทยาศาสตร์ศึกษาเรื่องทางจิต เขาอาจพิสูจน์ได้ รู้ได้ด้วยตนเอง สามารถอธิบายหรือให้ทฤษฎีได้ แต่ถ้าเขาไม่สามารถนำมาแสดงให้สาธารณชนทราบได้ทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 มันก็ดูจะขัดแย้งกันกับแนวทางของเขา

วิทยาศาสตร์จึงเหนื่อยหนักมากในการพิสูจน์ความจริง เพราะต้องทำให้คนอื่นเห็นได้ด้วย

ดิฉันหมายถึงเรื่อง 'จิต' ในทางพุทธศาสนาซึ่งเป็นนามธรรมค่ะ
การศึกษาเรื่องทางจิตซึ่งเป็นนามธรรม ผู้ศึกษาและปฏิบัติเท่านั้นจึงจะรู้ว่าเป็นอย่างไร?

ยกตัวอย่าง ปรากฎการณ์ทางจิตอย่างเรื่องการเห็นอดีตชาติ ผู้ที่ศึกษา-ปฏิบัติที่สามารถเห็นอดีตชาติของตนได้ สิ่งที่ตนได้รับรู้นั้น ไม่สามารถนำมาแสดงให้คนอื่นเห็นหรือรับรู้ได้เช่นเดียวกับที่ตนเห็น คนฟังไม่สามารถพิสูจน์ความจริงได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 (ซึ่งเป็นเบื้องต้นในการรับรู้ของคนทั่วไป) มีทางเดียวเท่านั้นที่สามารถจะรู้ได้คือ ทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง (ปัจจัตตัง) หากอยากพิสูจน์ / คนทั่วไปที่ไม่ได้ปฏิบัติด้วยตนเอง อาจเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามแต่แนวคิดและประสบการณ์ของแต่ละคนไป

ส่วนการพิสูจน์ว่าโลกกลมหรือแบนซึ่งเป็นลักษณะรูปธรรม ผู้ศึกษา-ทดลอง สามารถนำมาแสดงหรือพิสูจน์ให้คนทั่วไปเห็น เข้าใจ หรือรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยที่คนทั่วไปไม่จำเป็นต้องปฏิบัติหรือพิสูจน์ด้วยตนเอง แต่ถ้าอยากพิสูจน์ด้วยตนเองอีกก็ได้

ดิฉันจึงบอกว่า การศึกษาเรื่องทางจิต มันเป็นปัจจัตตัง เป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน
ถ้าจะให้ชัดกว่านั้นคือ มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้เฉพาะตนสำหรับคนทั่วไป

 

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Mr.Boy_jakkrit
ปัจจัตตัง...ความหมายโดยแท้แล้ว ไม่ได้จำกัดว่า จะรู้เฉพาะตนโดยที่ผู้อื่นไม่สามารถรับรู้ได้นะครับ


ดิฉันก็ไม่ได้เข้าใจอย่างนั้นเลยค่ะ

เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติเท่านั้นจึงจะรู้ ไม่เป็นสิ่งที่จะรู้ได้ด้วยการฟังคนอื่นเล่า หรือให้คนอื่นปฏิบัติแทนตน

อย่างเรื่องที่เป็นปรากฏการณ์ทาง'จิต' มีคนบอกสิ่งที่เขาเห็น อาจบอกวิธีให้เราศึกษา และมีผลสรุปมาให้เรา แต่ในเบื้องต้น เราไม่สามารถเห็นหรือเข้าใจได้อย่างที่เขาเห็น จนกว่าจะปฏิบัติจนเห็นเองรู้เอง.....สรุป มันเป็นเรื่องเฉพาะตน ไม่ใช่เรื่องที่สาธารณชนทั่วไปจะเห็นหรือรับรู้ได้ถ้าไม่ปฏิบัติ อาจเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ถ้าต้องการรู้เห็นเช่นเดียวกันต้องปฏิบัติ ตามความเข้าใจของดิฉันก็ประมาณนี้แหละค่ะ

ปัจจัตตังคำแปล2

ว. เฉพาะตน, (ศน.) พระธรรมคุณบทหนึ่งว่าปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ แปลว่า พระธรรมอันผู้บรรลุจะพึงรู้เฉพาะตัว, คำว่า ปัจจัตตัง ในที่นี้หมายถึงว่า ความสุขที่เกิดจากการบรรลุธรรมนั้น เป็นความสุขที่ผู้บรรลุจะรู้กับใจของตัวเอง ต้องปฏิบัติจึงจะรู้ ไม่เป็นสิ่งที่จะรู้ได้ด้วยการฟังคนอื่นเล่าหรือให้คนอื่นปฏิบัติแทนตน.

http://guru.sanook.com/dictionary/di...8%B1%E0%B8%87/

 

แล้วจิตสำนึก และ จิตใต้สำนึก เป็นคลื่นไฟฟ้าในสมองด้วยหรือเปล่าครับ ?

ทำไมคนแก่ยังคิดลามกหมกมุ่นเหมือนสมัยวัยรุ่น ในเมื่อเซลล์ต่างๆในร่างกายถูกย่อยสลายโดยปฏิกิริยาของแสง ?

เมื่อสมองทำงานมากๆอุณหภูมิจงสูงขึ้นเพราะคลื่นไฟฟ้าในสมองเป็นอนุภาค ถ้างั้นคนที่คิดมากอาจมีโอกาสสมองระเบิดได้ ?

 

เมื่อผมได้สนทนากับคุณ ผมรู้สึกจะได้สัมผัสคำว่า "ปัจจัตตัง" ของจริงเข้าแล้วครับ ดีนะที่ยังมีสติในการพิจารณาธรรมอันนี้ ...(^^)v

 

สุดยอดคร้าบบบ

ป.ล. คอหักได้เลยนะนี่ 555+

 

ครับผมก็พอทราบอยู่แล้่วแต่เดียวมีบางคนจะเข้าใจผิดว่าเร็วกว่าแสงจริงๆ

 

พยายามอ่านตั้งนาน ยังไม่ค่อยเข้าใจ
ขอบคุณค่ะ สำหรับความรู้



งานทำที่บ้าน รายได้พิเศษ | งานพิเศษ รายได้เสริม

 

สมัยก่อนผมเรียนฟิสิกส์ ได้เรียนสูตร S=vt นั่นคือ ระยะทางจะได้มาจากการเอาความเร็วมาคูณกันกับเวลา ถ้าเรากลับข้างกัน เวลา ก็จะได้มาจากการเอา ระยะทางมาหารกับความเร็ว t = S/v สามสิ่งนี้ ระยะทาง เวลา และความเร็ว จะต้องมาด้วยกันเสมอ จากสูตรฟิสิกส์นี้จะเห็นได้ว่า เวลาจะต้องมีค่าน้อยสุดคือศูนย์ ไม่เช่นนั้นสูตรนี้จะใช้ไม่ได้ การเดินทางข้ามเวลาก็เช่นกัน ถ้าสามารถทำให้เวลาต่ำว่าศูนย์ได้ เราก็จะสามารถข้ามเวลาได้ แต่จะทำได้อย่างไร ผมไม่ทราบจริงๆ ใครเป็นนักฟิสิกส์พอจะไขปัญหานี้ได้ไหมครับ ในอนาคต อาจจะมีผู้ทำได้ก็ได้ แต่จะทำอย่างไร คงต้องรอดูกันต่อไป

 

!
!
!
!
!
!

!
!
!


ตาผุย แถวๆบ้าน แกก็ยืนยันว่า"ไม่ได้"มาตั้งหลายปีแล้ว ไม่เห็นประโคมข่าว

ฝรั่งกับเจ๊คประโคมข่าวหน่อยเดียว นักวิชาการวิ่งวุ่น ชาวบ้านแตกตื่นไปทั่ว

 

ตาผุยนี่ใครคับ 5555

 

ร่างกายมนุษย์มีขีดจำกัด อายุไม่ถึง 100 ปีก็ต้องตาย จึงไม่เป็นแก่นสารอะไร แต่จิตวิญญาณไม่ตาย
สมเด็จโตเทศน์ไว้ มีหลักฐานในหนังสือ 7 พิภพจักรวาล ของสำนักปู่สวรรค์พิมพ์เมื่อ 2540 ลองไปหาอ่านดู กล้าบอกความรู้ที่ทันสมัยกว่า นาซ่า มากมาย แต่จริงหรือไม่ให้เป็นเรื่องอนาคต ที่แน่ๆ เราเคยได้ยิน สมเด็จโตบอกว่า ดวงจันทร์มีน้ำมาร่วม 20 ปีแล้ว นาซ่าเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี่เอง
สมเด็จโตบอกเกี่ยวกับความเร็วและไอน์สไตน์ดังนี้.....................
ไอน์สไตน์ก่อนสิ้นจากโลกมนุษย์ได้อุทานว่า.....ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไหวเร็วสู้จิตวิญญาณไม่ได้ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าโง่มานานแล้ว.....

ป.ล. พิจารณาและติดตามเอาเอง เพราะ ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด

 

ถ้าคนไทยสนใจเรื่องพวกนี้ จริงจัง...ป่านนี้ คงเห็นกระสวยอวกาศ ติดธงชาติไทยที่หางเสือแล้ว...

 

ขอแค่มีนักบินอวกาศคนไทย ได้ไปกับกระสวยอวกาศของมหาอำนาจแถบเอเชียก่อนก็ได้ จะได้เป็นตัวแทนคนไทยไปรู้ไปเห็นเรื่องของอวกาศ :d

มีรึยังก็ไม่รู้ หาข้อมูลไม่เจอเลย ใครทราบบอกด้วยค่ะ

 

พลังงานนิวเคลียร์ ก็ใช้ได้ครับ ยิงนิวตรอน กับ โปรตรอน เข้าหากันเท่ากับความเร็วของแสง คือ 9999 ของความเร็วแสง ชนกันก็เกิดหลุมดำขึ้น เทคโนโลยี ไปตามยุคสมัยค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ครับ อย่าพึ่งสิ้นหวังไม่ตายก็คิดค้นใหม่ได้ ยังไม่สาย

 

เอาไม่สามรถย้อนเวลาไปได้แน่นอน แต่เราสามารถย้ายไปยังมิติที่ยังไม่เกิดขึ้นได้มิติมีมากมายและเกิดขึ้นเรื่อยๆ ในอวกาศก็มี้เดินทางไปอยู่ นั่นก็คือหลุมดำ แรงโน้มถ่วงไม่แสงก็ผ่านไปไม่ได้

 

ย้อนเวลาทำได้ ผมมั่นใจ

เพราะคนไทย ถ้าตั้งใจทำอ่ะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก

 

สามารถทำได้ ครับ ขนาดบุคคลสมัยก่อนยังบอกว่า มนุษย์อยากบินได้เหมือนนก แต่คนในสมัยก่อนบอกว่ามนุษย์ไม่สามารถบินได้เหมือนนกแล้วว่าบุคคลนั้นบ้า หรือ ประสาท แต่ 2 พี่น้อง ตระกูลไรท์ ได้ิสูจน์ให้ชาวโลกได้เห็น เค้าสามารถสร้างเครื่องบินได้และบินได้จริง ซึ่งเค้าได้แหกกฎของแรงโน้มถ่วงของโลกได้ มนุษย์ถ้าไปตามกฎก็ไม่สามารถคิดค้นอะไรๆ ได้ต้องแหกกฎ กฎมีเอาไว้แหกครับไม่ใช่เอาไว้ตามกฎ อย่างเช่นกฎของกาลเวลาถ้าเราสามารถแหกกฎ มิติที่4 ได้ก็สามารถเดินข้ามเวลาได้และข้ามมิติได้ ถ้าข้ามเวลาได้ ก็จะสามารถ สร้างสะพานข้ามดวงดาวได้เช่นกัน ในยุคสมัยนี้เราไม่สามารถทำได้นั้นเป็นเพราะ เครื่องไม้เครื่องมือยังไม่ทันสมัยพอที่จะทดลองเกี่ยวกับมิติเวลาต้องรอเวลาอีกในอนาคตข้างหน้า มนุษย์อาจสามารถ ประดิษฐ์ เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยพอที่จะทดลองแล้วสร้างมันขึ้นมา มิติเวลา ก็ต้องรอการค้นพบ อย่างเช่น เครื่องควบคุมดินฟ้าอากาศถ้าคนคิดแคบๆ ก็คิดว่ามันไม่มี ถ้าคิดให้กว้างๆ แล้วลึกๆ ถ้าคุณไม่ได้มีความรู้ด้านนิวเคลียร์ฟิสิกก็จบแห่ แล้วก็มันเป็นไปไม่ได้ ก็เหมือนที่เราจะคอมพิวเตอร์ ถ้าเราไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ก็จะ สร้างไม่ได้ ไม่เป็น แล้ว คุณจบอะไรมาเหรอ สิ่งที่คุณบอกมันว่าเป็นไปไม่ได้ มันมีทั้งคนต่อต้านและไม่ต่อต้าน ก็เหมือนกับ พลังงานนิวเคลียร์นั้นแหละครับ