สภาวะจิตหลุดพ้น

มีนักจิตวิทยาหรือตำราจิตวิทยาสมัยใหม่ที่ไหนบ้างไหมครับที่เคยได้อธิบายสภาวะจิตหลุดพ้นไว้ในตำรา อันนี้อยากจะทราบว่ามีนักจิตวิทยาตะวันตก เก่ง ๆ ได้เคยอธิบายไว้บ้างไหม สภาวะจิตหลุดพ้น สภาวะนิพพาน หรือสภาวะจิตบรมสุขตามแนวทางของจิตวิทยา ถ้ายังไม่มีน่าจะแสดงว่าจิตวิทยาสมัยใหม่ยังล้าหลังพุทธศาสตร์อีกหลายขุม อาจจะล้าหลังเราเท่าอายุโลกนี้ก็ได้

.....ของแท้มีให้หาอย่าไปคว้าเอาแร่

 

ของจริงย่อมนิ่งใบ้ ผู้รู้ทั้งหลายย่อมไม่แสดงตัว
พระพุทธศาสนาก้าวล้ำหน้าไป 5000 ปีแล้ว(f)(f)(f)

 

ถ้าสภาวะจิตหลุดพ้นของตะวันตกหรือตามหลักจิตวิทยาผมยังไม่เคยอ่านเจอ (ถ้าไม่ได้หมายถึงแค่เฉพาะการถอดจิตนะครับ เพราะถ้าการถอดจิตของตะวันตกก็มีหนังสือตัวอย่างให้อ่านมากมาย)

ถ้าหมายถึงสภาวะจิตที่หลุดพ้นตามหลักพระพุทธศาสนาแล้วล่ะก็ ผมก็เคยอ่านเจอหลายท่านเหมือนกันจากในหนังสือ แต่ละท่านก็มีสภาวะธรรมช่วงนั้นแตกต่างกันไปนะครับ เช่น หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว หลวงปู่ชื้น หลวงพ่อฤาษี(พระราชพรหมยาน) แล้วก็มีพระที่ผมรู้จักเป็นการส่วนตัวท่านแต่งเป็นกลอนบรรยายถึงสภาวะธรรมตอนที่จิตท่านหลุดพ้นออกมาเลยล่ะครับ แต่ว่าผมขอไม่เอ่ยชื่อท่านเนื่องจากไม่แน่ใจว่าท่านอนุญาตรึเปล่า ฯลฯ

 

ผมได้รู้คำตอบของอารมณ์พระนิพพานแล้ว ก็คือว่าให้ดูในจิตเราว่า มีอะไรที่มันค้างคาเราอยู่บ้างไหม เราต้องเอามันออกไปจากจิต จนกระทั่ง จิตเราไม่มีบ่วงใดๆ มา พัน-ทะ-นา-การ

 

ไม่เอาแบบตามตำรานะครับเช่นว่า ละสังโยชน์ได้ 10 ข้อ เอาแบบที่อธิบายสภาวะจิตจริง ๆ

 

อันนี้จากอนุตรจารย์ผู้รู้ท่านหนึ่ง..

อ : ใช่, ใช่แล้ว พระจิตศักดิ์สิทธิ์ก็คือแก่นสารของร่างกายเรา เรามาจากสิ่งนั้น และเวลาเธอมีปัญญาสูงขึ้น เธอก็จะรู้ว่าร่างกายนี้เป็นจิตวิญญาณด้วย มาจากแรงสั่นสะเทือนที่สูงกว่านี้ มันถูกอัดแน่นกลายมาเป็นรูปร่างนี้เท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าเธอบำเพ็ญไปสูงๆมาก หรือมีอาจารย์ที่บำเพ็ญระดับสูง ซึ่งเวลาเธอนั่งสมาธิอยู่ที่นั่นเธอจะมองไม่เห็นอาจารย์ท่านนั้น แต่เธอก็ต้องบำเพ็ญให้สูงขึ้นด้วย หรือว่าอาศัยพระพรของอาจารย์ท่านนั้น เธอจะไม่เห็นอาจารย์ท่านนั้นเลย เห็นแต่มีแสงอยู่เท่านั้น และแสงนี้ก็มีมากมายจนห่อหุ้มผู้ฟังทั้งหมดนี้ ทั้งห้องประชุม เธอจะไม่เห็นใคร เธอจะเห็นว่าไม่มีอะไรอยู่เลยที่จริงแล้วมันว่างเปล่าจริงๆ

นั่นก็คือที่เราเรียกว่า "ความว่างเปล่า" แต่ในความว่างเปล่านั้นเธอก็รู้สึกอิ่มเอมใจ รู้สึกพึงพอใจ ไม่ใช่ว่าความว่างเปล่านั้นทิ้งให้เธอว่างเปล่าและโดดเดี่ยวเหมือนกับความว่างเปล่าธรรมดาของโลกนี้ ยิ่งเธอว่างเปล่าในแง่ทางด้านจิตใจเธอก็ยิ่งอิ่มเอมใจและมีปัญญามากขึ้น มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภาษาทางโลกนี้มันแย่จริงๆ ทุกคนถึงได้เข้าใจผิดว่าศาสนาพุทธเป็นลัทธิของการเป็นศูนย์ เป็นความไม่มีอะไรเลย เป็นความว่างเปล่า มันไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปสู่ความเป็นศูนย์ กลับไปเป็นไม่มีอะไร ถ้าเป็นอย่างนั้นพระพุทธเจ้าก็จะไม่เน้นหรอกให้เธอรักษาศีล เป็นคนดี มีคุณธรรม มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? เพราะว่าเธอก็จะกลายเป็นไม่มีอะไรอยู่ดี กลายเป็นความว่างเปล่าไป เข้าใจไหม? เปล่าเลย มันไม่ใช่อย่างนั้น


http://www.godsdirectcontact-thai.com/lecture-web/lec1989-nov4-2.htm

 

คุณหาธรรม ตั้งกระทู้น่าสนใจและมีสาระทางจิตมากๆครับ
มีผู้รู้กล่าวว่า สภาวะจิตที่หลุดพ้นในขณะที่มีกายมนุษย์อยู่ อาจเรียกเป็น"หลุดพ้นแบบดิบๆ"ก็ได้ครับ (คือยังไม่สุก) แต่ถ้าหลุดพ้นออกไปจริงๆจากกายหยาบ ไปเป็นดวงจิตที่บริสุทธิ์ คือถอดรหัสต่างๆออกหมดจด กลับไปเป็นพลังงานดั้งเดิมได้อีกครั้งหนึ่งนั่นล่ะ"จิตหลุดพ้นแท้จริง"

จะเห็นว่าภาษาทางโลกนี้จะอธิบายสภาวะจิตหลุดพ้นได้ยากจริงๆครับ
ลองอ่านข้อความนี้ดูครับ...อาจพอได้คำตอบบ้างเกี่ยวกับ"สภาวะจิตหลุดพ้น"

"ฉันคือพลังงานซึ่งปราศจากร่างกายแต่เต็มไปด้วยบุคลิกภาพ ฉันเลิกหลงไหลผูกพันกับวัตถุธาตุ มันทำให้ฉันมีสติสัมปชัญญะที่สามารถล่วงรู้ถึงความเป็นจริงแห่งธรรมชาติ ซึ่งเธอทั้งหลายไม่อาจรู้ได้ เพราะเธอมัวแต่ใช้สติจดจ่ออยู่กับร่างกายและวัตถุธาติรอบตัวของเธอ นอกเหนือไปจากโลกที่เธอรู้จักนี้ มีโลกแห่งความเป็นจริงอันกว้างใหญ่ไพศาล เป็นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา ฉันอยู่เหนือการเป็นตัวตนที่ถูกจำกัดด้วยแรงดึงดูดของโลก กฎเกณฑ์แห่งระยะทาง ช่องว่างและกาลเวลา ฉันรู้จักใช้ชีวิตโดยปราศจากร่างกายและตัวตนจำเพาะ"


"ฉันจึงเป็นได้ทั้งต้นไม้ ใบหญ้า สายลม แสงแดด สายรุ้ง ดาวฤกษ์ ภูเขา เมฆ ผีเสื้อ เม็ดทราย แม้แต่ลมหายใจของเธอ เป็นส่วนหนึ่งของเธอหรือทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล"


"ฉันจึงเป็นอิสระจากความปรารถนาที่จะอยู่รอด เพราะฉันไม่เกิด-เสื่อมสลายหรือตาย ฉันเพียงแต่ดำเนินชิวิตด้วยความปรารถนาที่จะถ่ายทอดความรู้ ความรู้สึกนึกคิดอยู่ตลอดเวลา ความรู้ที่เป็นของกลางในจักรวาล ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีการครอบครอง มีแต่การถ่ายทอดแลกเปลี่ยนโดยตรงด้วยจิตวิญญาณ"


"เธอทั้งหลายไม่ใช่มนุษย์ผู้ใฝ่หาประสบการณ์ในมิติของจิตวิญญาณ แต่เธอคือจิตวิญญาณผู้มาหาประสบการณ์ในมิติของมนุษย์ เธอและฉันจึงไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรเลย..เพียงแต่ฉันได้เรียนรู้สะสมประสบการณ์มามายมาย จนในที่สุดฉันก็ได้พบแล้วว่า ฉันคืออะไร และอะไรมาเป็นฉัน"


"แต่เธอมัวแต่สงสัยอยู่เพียงว่า เธอคือใครและใครมาเป็นเธอ อย่าเสียเวลากับคำถามเช่นนี้อยู่เลย เมื่อเธอตั้งคำถามผิดเธอจะไม่มีวันได้คำตอบที่ถูกต้อง"


คัดมาจากหนังสือ "ธรรมชาติของชาติภพ" ซึ่งเขาบอกว่าเขาเป็นพลังงานที่เต็มไปด้วยความรู้ บุคลิกภาพ ความรู้สึกนึกคิด เพียงแต่เราอาจเรียกนามเขาว่า "โนวา อนาลัย" เขาบอกว่าเขามีอายุเก่าแก่เกินกว่าที่จะคำนวณได้ ผู้รับสื่อถ่ายทอดนี้เป็นคนไทยครับ ก็อ่านได้สาระความรู้ไปอีกแบบครับ

 

อนุโมทนาและขอบคุญ ๆ Mead ครับ ที่ได้พยายามอธิบายสิ่งที่ยาก ๆ ให้ท่านทั้งหลายเข้าใจเป็นธรรมทาน

 

อันนี้ผมผ่านไปเจอมาครับ
เอามาฝากครับ

 

เมื่อเจ้ามามีอะไรมากับเจ้า จะมัวเมาโลภมากไปถึงไหน

เมื่อเจ้ามามือเปล่า จะเอาอะไร เจ้าก็ไปมือเปล่า เหมือนเจ้ามา

 

อืม น่าสนใจมาก

 

จะไม่มีใครอธิบายสภาวะจิต หลุดพ้น เพราะไม่ใช่อะไรๆทั้งหมด