เจ้าแม่กวนอิม ไปสู่นิพพานแล้ว จริงหรือ???

โปรดใช้วิจารณาณในการอ่านค่ะ

เท่าที่เราทราบและรู้มา ก็ทราบอย่างนั้นนะค่ะ เพราะท่านวางอุเบกขาเรื่องเมตตาบารมีไม่ได้ ยอมเวียนว่ายตายเกิด จนกว่า ทุกคนจะเข้านิพพาน และท่านจะขอนิพพานเป็นคน(หรือองค์) สุดท้ายนะค่ะ

ส่วนใครคิดว่าเป็นเรื่องงมงายนั้น เราเอง ไม่มีตัวเลข ยืนยัน แต่จากข้อมูลที่ได้มานั้น ค่อนข้างแน่ใจ

คำว่า งมงายนั้น อาจจะหมายถึงลัทธิหนึ่ง ซึ่งชอบอวดอ้างบารมีท่าน และยกตนข่มคนอื่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง แต่คนที่ทำให้ท่านแปดเปื้อนนั้นคือกิเลสมนุษย์เรานี่เอง ว่า เจ๋งกว่าเขา รู้ดีกว่า คนที่เป็นพุทธเถรวาทอย่างในเวปพลังจิต
อ้างได้แม้แต่ พระพุทธเจ้ายังเข้าทรงลัทธิเขาได้

หรือมีพุทธเถรวาทท่านนึงศึกษามามาก แต่ดูถูกท่าน ด้วยความว่า บารมีท่านน้อยกว่า พระพุทธเจ้า ไม่ขอเคารพ (อันนี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวของเขา แต่คิดว่า เขาคงไม่ทราบเรื่องปณิธานท่านว่าเป็นอย่างไร)

ถึงบอกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์แปดเปื้อนด้วยอัตตามนุษย์ทั้งสิ้น

 

พระแม่กวนอิม ที่เราเคยรู้จักท่านไปนิพพานแล้ว แล้วถ้ามีผู้ที่เกี่ยวเนื่องกับท่านมาโปรดในภาคพระแม่กวนอิม จะเป็นไปได้หรือไม่ เช่น ความเชื่อโบราณที่ว่า พระแม่กวนอิม ก็คือ ภาคอวตารหนึ่งของพระศรีอาริยเมตรไตรย หรือถ้าศัพท์แบบชาวบ้านคือ เป็นปางอวตาร หรือ ก็คือผู้ที่เกี่ยวกับพระศรีอริยเมตรไตรย ดังนั้น หากพระศรีอาริยเมตรไตรยจะมาโปรดในรูปลักษณ์ของพระแม่กวนอิม ก็คงจะได้ หรือ พระแม่กวนอิม จะเป็นตำแหน่งหนึ่ง เหมือน ตำแหน่งของพระอินทร์ อิอิ เป็นปัจจัตตัง จริงๆ

 

ในโลกจิตวิญญาณนั้น ยากเกินหยั่งรู้จริงๆ หากเรายังเป็นปุถุชนคนธรรมดา ย่อมมีความสงสัย จากการสดับรับฟัง ครูอาจารย์ท่านสอนว่า พุทโธอัปมาโณ พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้แบ่งภาค แต่ท่านสามารถมาปรากฎพร้อมๆกันในสิบที่ ก็ย่อมได้ ทำไมท่านจะทำไม่ได้ ไม่เกินวิสัยความสามารถของความเป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน เรื่องบางอย่างคิดไปก็เสียเวลาในการปฎิบัตินะผู้อ่าน เดี๊ยวพอเราตายไปจากชาตินี้ หากมีโอกาสขึ้นไปบนสวรรค์บ้าง ค่อยถามท่านแล้วกัน คิดว่าข้อสงสัยพวกนี้ อีกไม่เกินร้อยปีคงได้คำตอบเอง อิอิ

 

ไม่เห็นน่าแปลกอะไร ขนาดมนุษย์กิเลสหนาเค้ายังพากันไปเดินบนนิพพานเป็นว่าเล่น

ถ้าเจ้าแม่กวนอิมจะเดินผ่านไปแถวนั้นบ้างก็คงไม่น่าแปลกใจ

 

ขออนุโมทนาด้วยนะครับ.

 

พระสัทธรรมยังอยู่
ท่านก็ยังอยู่
พระธรรมขันธ์ทั้ง84000 นั้นแล
มองด้วยปัญญาจักษุ ย่อมเห็นอยู่
เหตุไรๆเรียกว่านิพพาน?

 

พุทธดำรัส“.....ดูก่อนอัคคิเวสสะ สาวกของเราในพระธรรมวินัยนี้ย่อมเห็นเบญจขันธ์นั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันใดอันหนึ่ง ทั้งที่ล่วงไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่มาถึงทั้งที่เกิดขึ้นเฉพาะในบัดนี้ ที่เป็นภายในก็ดี ที่เป็นภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี เลวก็ดี ประณีตก็ดี ในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี ทั้งหมดก็เป็นแต่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตนของเราดังนี้
“ดูก่อนอัคคิเวสสนะ ด้วยเหตุเท่านี้แหละ สาวกของเราจึงชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสั่งสอน ทำถูกตามโอวาท ข้ามความสงสัยเสียได้ ปราศจากความแคลงใจอันเป็นเหตุให้กล่าวว่าข้อนี้เป็นอย่างไร ถึงความแกล้วกล้า ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น อยู่ในคำสอนของศาสดาตนฯ”

จูฬสัจจกสูตร มู. ม. (๔๐๑)
ตบ. ๑๒ : ๔๓๓-๔๓๔ ตท.๑๒ : ๓๕๗-๓๕๘

 

ในฐานะที่เรานับถือพระพุทธศาสนา เราต้องมีศรัทธา เชื่อมั่น และเคารพในพระรัตนตรัย อันมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ การที่เราจะยกย่องท่านใดให้เหนือพระรัตนตรัยนั้น เราก็คงจะไม่ใช่ชาวพุทธที่แท้จริง ทุกวันนึ้ชาวพุทธเราคงลืมไปว่าพระพุทธเจ้าของเราเป็นผู้ประเสิรฐที่สุดแล้ว แต่กลับไปเคารพนับถือเทพ เทวดาต่างๆ เช่น พระพิฆเนศ พระศิวะ เจ้าแม่กวนอิม จตุคามรามเทพ ฯลฯ ซึ่งในพระไตรปิฎกไม่เคยกล่าวว่าท่านเหล่านี้มีตัวตนจริงเลย ลองถามตัวเองดูเถิดว่าตอนนี้ท่านนับถือศาสนาอะไรกันอยู่ ท่านเข้าเว็บพลังจิตก็เพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ไช่หรือ อย่าให้ต้องได้ชื่อว่าเกิดมาเหยียบแผ่นดินพลาดกันเลย...มาเป็นชาวพุทธที่แท้จริงกันเถิด

 

เจ้าแม่กวนอิม ยังไม่ไปสู่นิพพาน

เพราะองค์พระแม่ตรัสเอาไว้ว่าต่อหน้าพระพุทธเจ้า ว่าถ้าข้าพเจ้าไม่ช่วยให้ไวนัยสัตว์ รอยพ้นต่อกรรมบาปข้าพเจ้าจะไม่ไปสู่นิพพานกว่า ไวนัยสัตว์จะรอยพ้นต่อบาปจึงไปสู่นิพพาน เพราะองค์ท่านสงสารไวนัยสัตว์ที่รับบาปท่านจะคอยช่วยเหลือให้รอยพ้น ต่อบาปโดยการสั่งสอนด้วยธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนเพื่อได้ไปสู่นิพพานและรอดพ้นต่อการไปขุม นรก

 

เห็นด้วยนะครับ แต่เรื่องบางเรื่อง พูดไปก็เหนื่อยป่าว ปล่อยๆเค้าไปเถอะ
ให้เค้าไปเดินเล่นบนนิพพานกันซักพัก เดี๋ยวเหนื่อยเค้าก็ลงมากันเอง
ดีไม่ดี บางทีอาจเจอซัดดัมเดินเล่นแถวนั้นด้วยก็ได้นะ อย่าเอ็ดไปจุ๊ๆ

 

<TABLE class=tborder id=post4917010 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 11:52 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#31 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->napat youkong<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4917010", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2011
ข้อความ: 1
พลังการให้คะแนน: 0



</TD><TD class=alt1 id=td_post_4917010 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->เจ้าแม่กวนอิม ยังไม่ไปสู่นิพพาน<!-- google_ad_section_end -->

</CENTER>
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->เพราะองค์พระแม่ตรัสเอาไว้ว่าต่อหน้าพระพุทธเจ้า ว่าถ้าข้าพเจ้าไม่ช่วยให้ไวนัยสัตว์ รอยพ้นต่อกรรมบาปข้าพเจ้าจะไม่ไปสู่นิพพานกว่า ไวนัยสัตว์จะรอยพ้นต่อบาปจึงไปสู่นิพพาน เพราะองค์ท่านสงสารไวนัยสัตว์ที่รับบาปท่านจะคอยช่วยเหลือให้รอยพ้น ต่อบาปโดยการสั่งสอนด้วยธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนเพื่อได้ไปสู่นิพพานและรอดพ้นต่อการไปขุม นรก<!-- google_ad_section_end -->

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ตอนที่พระโพธิ์สัตว์กวมอิม ท่านตรัสต่อหน้าพระพุทธเจ้า

คุณnapat youkong<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4917010", true); </SCRIPT> ได้ยินกับหู ได้เห็นกับตา ตัวเองหรือเปล่าครับ ?





<TABLE class=tborder id=post4920282 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 12:35 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#32 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->5314786<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4920282", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Aug 2010
ข้อความ: 500
พลังการให้คะแนน: 89



</TD><TD class=alt1 id=td_post_4920282 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ napat youkong
เพราะองค์พระแม่ตรัสเอาไว้ว่าต่อหน้าพระพุทธเจ้า ว่าถ้าข้าพเจ้าไม่ช่วยให้ไวนัยสัตว์ รอยพ้นต่อกรรมบาปข้าพเจ้าจะไม่ไปสู่นิพพานกว่า ไวนัยสัตว์จะรอยพ้นต่อบาปจึงไปสู่นิพพาน เพราะองค์ท่านสงสารไวนัยสัตว์ที่รับบาปท่านจะคอยช่วยเหลือให้รอยพ้น ต่อบาปโดยการสั่งสอนด้วยธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนเพื่อได้ไปสู่นิพพานและรอดพ้นต่อการไปขุม นรก

</TD></TR></TBODY></TABLE>
เห็นด้วยนะครับ แต่เรื่องบางเรื่อง พูดไปก็เหนื่อยป่าว ปล่อยๆเค้าไปเถอะ
ให้เค้าไปเดินเล่นบนนิพพานกันซักพัก เดี๋ยวเหนื่อยเค้าก็ลงมากันเอง
ดีไม่ดี บางทีอาจเจอซัดดัมเดินเล่นแถวนั้นด้วยก็ได้นะ อย่าเอ็ดไปจุ๊ๆ<!-- google_ad_section_end -->

</TD></TR></TBODY></TABLE>



ระวังการปรามาสพระอรหันต์ด้วยนะครับ คุณกำลังเอ่ยถึงคนที่ฝึกวิชามโนมิยิทธิหรือเปล่า ?


" คนดีเขาไม่ตีใคร "

 

คนกิเลสหนา ไปไม่ได้ครับ

แต่คนที่เขาฝึก มโนมยิทธิ เขาขอบารมีพระ ท่านขึ้นไปเห็นด้วยจิต

ไม่เคยฝึกอย่าปรามาสครับ

 

น่าจะจริงนะครับผมเห็นท่านอยู่กับองค์ปฐมบ่อยเหมือนกัน ท่าน่าจะกำลังทำ

นกับท่านจี้กงด้วย

 

ขอบคุณนะครับ ที่ตักเตือนผมด้วยความหวังดี ว่าจะเป็นการปรามาส พระอรหัน

แต่ผมก็หวังดีที่ไม่อยากให้ปรามาสพระมหาโพธิสัตว์ กรรมน่าจะหนักกว่าผมนะเนี่ย

ผมก็ไม่อยากพูดอะไรมาก เพียงแค่อยากบอกว่า ในสมัยพุทธกาล

พระอัครสาวก ทั้งพระโมคลา และพระสารีบุตร ยังมองพระอชิตะไม่ออกเลยครับ

ขนาดอยู่ร่วมด้วยกันตั้งนาน ถ้าพระพุทธเจ้า ไม่แสดงให้พระสาวกทั้งหลายทราบ

ก็ไม่มีใครที่จะทราบได้เลย นอกจากพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว ว่าท่านเป็นใคร

เรื่องของพระมหาโพธิสัตว์ มันเป็นเรื่องที่เหนือ วิสัยของ พระสาวก

ฉะนั้น ผมก็มิอยากให้ ใครมาปรามาสพระมหาโพธิสัตว์ เพราะกรรมจะหนักกว่า

การปรามาสพระอรหัน แต่ถ้าพวกท่านจะดื้อดึงกันต่อไป ก็ตามใจครับ

 

โปรดใช้วิจารณาณในการอ่านค่ะ

พระพุทธเจ้าในยุคของเราเป็นองค์ที่ 4 และจะมีองค์ที่ 5 ในอนาคตกาล และในสายเทพทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเทพจีนเทพอินเดียเทพไทยตามที่ทราบมาล้วนมาจากพระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 พระอมิตตาภะพุทธเจ้า (สายมหายาน)ซึ่งมีพื้นฐานในพระธรรมคำสั่งสอนเดียวกัน
(แต่เคยได้ยินคนพูดว่า)เพียงแต่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นสมบูรณ์แบบที่สุด

โดยที่องค์ที่ 3 ท่านมีความเมตตาที่จะโปรดสัตว์เป็นหลักจึงได้แบบจิตลงมาโปรดสัตว์เพราะพระองค์ท่านนิพพานแล้ว องค์พระอวโลกิเตศวร องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม องค์พระศิวะ องค์แม่อุมาเทวีก็ล้วนมาจากองค์ท่านเพียงแต่หน้าที่ในการเกิดมานั้นต่างกันซึ่งสายมหายานจะโดดเด่นในเรื่องของการโปรดสัตว์ด้วยเมตตา และ กรุณานำพาสัตว์โลกสู่กระแสพระธรรมคำสอนให้มีดวงตาเห็นธรรมสอนให้มีเมตตาและกรุณาสอนให้รู้จักสร้างบุญบารมีเคยอ่านประวัติขององค์พระโพธิสัตว์กวนองค์ท่านทรงมีพระปนิธานอันแรงกล้าว่าจะไม่ไปสู่นิพพานหากมนุษย์ยังไปสู่นิพพานได้ไม่หมดนี่ด้วยเกิดจากพระเมตตาและพระมหากรุณาขององค์ท่านต่อสัตว์โลกทั้งหลาย

ส่วนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงเน้นเรื่องตนเป็นที่พึ่งแห่งตนและการหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงเพื่อปลายทางคือถ้าสัตว์โลกมีดวงตาเห็นธรรมไม่ยึดมั่นถือมั่นไม่มีตัวกูของกูของของเรานั้นไม่ใช่ของเราคือหมดแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวงก็จะพร้อมที่จะไปสู่นิพพานไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

จุดหมายปลายทางเดียวกันทางมหายานและเถรวาท ค่ะ ล้วนอยากให้หลุดพ้นจากทุกขเวทนา <O</O

 

เคยถามแล้ว ท่านก็ไม่ตอบ ก็รู้แต่ว่าท่านก็ไปทุกที่เหมือนเดิม

(บุญน้อยไม่เคยขึ้นนิพพาน ไม่กล้าฟันธง)

 

เอาแค่มีสติตั้งมั่นตลอดเวลา ไม่หลงๆลืมๆ ก็พอแล้วครับ บางทีเราก็สำคัญผิด ว่าการเข้าสมาธิต้องไปเห็นสิ่งต่างๆมากมาย สำหรับผมแล้ว ขอแค่มีสติอยู่กับจิตใตตนเอง เห็นจิตเห็นใจตนเองก็พอ เรื่องพระอวโลกิเตศวร ก็ยังไกลเกิน ที่จะรับรู้จริงๆ

 

เมื่อก่อนลูกศิษย์หลวงพ่อหลายๆคน เขาก็ชวนแต่ให้ลาพุทธภูมิตามหลวงพ่อ เขาก็บอกว่า
พระเจ้าตาก, สมเด็จโต, เจ้าแม่กวนอิม ก็ลากันหมดแล้ว ก็สงสัยว่าไม่น่าจะเป็น
อย่างนั้น เพราะคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าต้องไม่คลาดเคลื่อนแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าญาณ
พระพุทธเจ้าเห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้่า ท่านก็คงไม่พยากรณ์

เจ้าแม่กวนอิม นั้นไม่ทราบว่าท่านได้รับพยากรณ์หรือยัง เพราะยังมีรุปแสดงเป็นสตรีอยู่
แต่พระเจ้าตาก กับ สมเด็จโต น่าจะได้รับการพยากรณ์แล้วนะ
หรือว่ายัง?????

 

ปัญหา พระอรหันต์ที่พ้นจากการสมมติและบัญญัติแล้ว เวลาพูดกับสามัญชนใช้ภาษาอะไรพูด ?

พุทธดำรัส ตอบ “ภิกษุใดเป็นผู้ไกลจากกิเลส มีกิจทำเสร็จแล้ว มีอาสวะสิ้นแล้ว เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งร่างกายอันมีในที่สุด ภิกษุนั้นพึงกล่าวว่า เราพูดดังนี้บ้าง บุคคลทั้งหลายอื่น พูดกะเราดังนี้บ้าง ภิกษุนั้นฉลาดทราบคำพูดในโลก พึงกล่าวตามสมมติที่พูดกัน”

 

พระอรหันต์สิ้นชีพแล้วไปไหน

ปัญหา พระอรหันต์ผู้สิ้นกิเลสอาสวะแล้ว เมื่อสิ้นชีพดับขันธ์ ย่อมขาดสูญหมดสิ้นไป ไม่เกิดอีกใช่หรือไม่ ?

พระสารีบุตรตอบ “.....ดูก่อนท่านยมกะ รูป....เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง ?
พระยมกะ “ไม่เที่ยง ท่านสารีบุตร”

พระสารีบุตร “.....ดูก่อนท่านยมกะท่านเห็นว่า รูป....เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ เป็นสัตว์เป็นบุคคลหรือ ?
พระยมกะ “ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านสารีบุตร”

พระสารีบุตร “.....ดูก่อนท่านยมกะท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลมีใน รูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ หรือไม่ ?
พระยมกะ “ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านสารีบุตร”

พระสารีบุตร “.....ดูก่อนท่านยมกะท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลนี้นั้นไม่มีมี รูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ หรือ ?
พระยมกะ “ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านสารีบุตร”

พระสารีบุตร “.....ดูก่อนท่านยมกะ โดยที่จริง โดยที่แท้ ท่านจะค้นหาสัตว์ บุคคลในขันธ์ ๕ เหล่านี้ในปัจจุบันชาตินี้ก็ยังไม่ได้ ควรแลหรือที่ท่านจะยืนยันว่า.... พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้ว ย่อมหายสูญ ย่อมหมดสิ้นไป ย่อมไม่เกิดอีก.... ดูก่อนท่านยมกะ ถ้าชนเหล่าพึงถามท่านว่า ภิกษุผู้เป็นอรหันต์ขีณาสพ เมื่อตายไปแล้วเป็นอย่างไร ท่าน.... จะพึงกล่าวแก้ว่าอย่างไร ?”
พระยมกะ “ข้าแต่ท่านสารีบุตร ผมฟังกล่าวแก้อย่างนี้ว่ารูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นดับไปแล้ว ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้แล้ว”

พระสารีบุตร “.....ดูก่อนท่านยมกะ พระอริยสาวกผู้ใดเรียนรู้แล้ว ฉลาดในอริยธรรม ย่อมไม่เห็น รูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ว่าเป็นตน ย่อมไม่เห็นตนมีรูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ย่อมไม่เห็นรูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ในตน ย่อมไม่เห็นตนในรูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณอันไม่เที่ยงว่าไม่เที่ยง อันเป็นทุกข์ว่าเป็นทุกข์ อันเป็นอนัตตาว่าเป็นอนัตตา อันปัจจัยปรุงแต่งว่าปัจจัยปรุงแต่ง อันเป็นผู้ฆ่าว่าเป็นผู้ฆ่า เขาย่อมเข้าไปยึดมั่นถือมั่นซึ่ง รูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ว่าเป็นตัวตนของเรา อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านั้นอันอริยสาวกไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขตลอดกาลนาน”


ยมกสูตร ขันธ. สํ. (๑๙๙-๒๐๗)