ข้อห้ามสำหรับเพศที่สามสำหรับการปฏิบัติกรรมฐานมีด้วยหรือ

ได้ยินมาว่า สำหรับคนที่ชอบเพศเดียวกัน ไม่สามารถปฏิบัติกรรมฐานได้หรือครับ หากมีผู้รู้ ตอบทีครับ สงสัยครับ

 

ปฏิบัติธรรมทำได้สิครับ แต่ห้ามบวชในพระศาสนาเท่านั้นเองนะครับ....

 

ท่าน Phanudet กล่าวถูกต้องครับ :

( แต่แถวบ้านผม พระประเภทที่ 3 เยอะมากเลย ) :'(

 

คือว่าพวกเขาปฏิสนธิพร้อมกับวิบากจิตที่ไม่ดีเท่าไหร่ พวกเขาจึงเป็นเพศทางเลือก
ข้อจำกัดคือจิตบางชนิด เจตสิกบางตัวเกิดไม่ได้ ตามกฎของธรรมชาติ
ส่งผลให้ไม่สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยะได้... เพราะฌานจิตเกิดไม่ได้
แต่พวกเขาสามารถเจริญวิปัสสนาได้บ้าง แต่ปัญญาเห็นความเป็นจริงจะไม่แก่กล้า
ด้วยเหตุที่ปฏิสนธิด้วยวิบากจิตที่เป็นญาณวิปปยุตต์ คือไม่กอปรด้วยปัญญา

ถ้าพวกเขาตั้งใจปฏิบัติ ย่อมมีมนุษย์ สวรรค์เป็นที่ไปได้ไม่ยาก
แต่ไม่สามารถมีรูปพรหม อรูปพรหมเป็นที่ไปได้ ไม่สามารถถึงพระนิพพานได้

 

นั่นกรณี เพศที่ไม่ตรงรูป นะ

แต่ อย่าไปคิดมากเลย สมัยนี้ ดูอย่างเพศแท้ๆ เขาก็ไม่มีสิทธิบวช
ก็ไม่เห็นจะมีใครคนไหนท้อใจเลย

เพศแท้ๆที่ไม่มีสิทธิบวช ก็ เพศหญิงไง บวชเป็นภิกษุณีไม่ได้ หากจะ
บวชก็ต้องถือนิกายต่างประเทศ หากเป็นนิกายในประเทศเราเอง ก็จะ
หมดสิทธิบวช ก็ไม่เห็นมี ผู้หญิงคนไหนน้อยอกน้อยใจ

ใส่ชุดขาว ก็เห็นว่า มีสำเร็จอรหันต์ได้เหมือนกัน

ส่วนเพศอย่างอื่น แทนที่จะนั่งคิดไปล่วงหน้า ลุยพิสูจน์ไปเลยดีกว่า
ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ดีกว่าเสียเวลานั่งตัดแต้มตัดเวลาบำเพ็ญ

 

เชื่อพระพุทธเจ้าเถอะครับ ท่านตรัสไว้ "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประทาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ" ท่านไม่ได้บอกว่าเพศเป็นใหญ่ เพศเป็นประทาน ปฏิบัติไปเถอะครับ อย่างน้อยก็เก็บแต้มไว้ อย่าเชื่อตำรามาก พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายองค์ถึงเน้นให้ปฏิบัติครับ เดี๋ยวก็รู้เอง เห็นเอง ไม่ต้องถามใคร ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าคุณจะบรรลุได้หรือไม่ได้ .... อีกอย่าง การบรรลุอรหันต์ ไม่ใช่บรรลุไปเพื่อไปมีเพศสัมพันธ์กับหญิงนะครับ ....เพราะฉะนั้น ไม่ต้องสนใจเพศ ปฏิบัติไปเลยครับ

 

ช่วงนี้รู้สึกว่าในบอร์ดเรามีคนที่รู้พระอภิธรรมมากขึ้น ดีมากเลยนะครับ....

ต้องโมทนาสาธุกับหลายท่านนะ....

เพราะท่านที่ศึกษาและรู้พระอภิธรรม จะบรรยายสภาวะอารมณ์ได้ดีและละเอียด....

เสียแต่ที่ว่าภาษาพระอภิธรรมเป็นบาลี ถ้ามีวงเล็บอธิบายให้เข้าใจง่าย...จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับผู้ที่ไม่เคยศึกษาพระอภิธรรมมาก่อน....

โมทนาสาธุธรรมนะครับ...

 

ปฎิบัติเถอะครับ. สร้างเหตุดี. ผลที่ได้ก็จะดี.

 

แยกประเด็นก่อนว่า เพศที่ 3 ไปบวชตามประเพณีความเชื่อเพื่อให้เกิดกุศลแก่ผู้เป็นบิดามารดาก็กรณี 1 แต่ผู้ที่ชอบเพศเดียวกันเป็นไปตามอำนาจกรรม แต่ก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าฌาณ จะไม่เกิด เพราะขึ้นอยู่กับวิบากที่นำเกิด ถ้าวิบากเป็นเหตุให้องค์ฌาณเกิดขึ้นได้ ก็เกิด แต่ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงว่าบัณเฑาะว์ที่ไม่อาจบรรลุธรรมได้ ก็มีเพียง 2 ใน 3 ประเภทเท่านั้นจากบัณเฑาะว์ทั้ง 5 ประเภท และการที่จะรู้ได้ว่าสามารถกระทำฌาณได้ก็ไม่ใช่อำนาจของปุถุชน พระอริยะสาวกทั่วไป แต่ต้องเป็นด้วยพระสัพพัญญุตตญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น นอกนั้คือต้องรู้เฉพาะตน กล่าวคือกระทำฌาณแล้วสังเกตุการเกิดของฌาณด้วยตนเอง ถ้าเกิดได้จริงก็ต้องมาพิจารณาเหตุและปัจจัยอื่นๆอีกมาก ว่าประกอบด้วยโยนิโสมนสิการหรือไม่ ถ้าเป็นอโยนิโสมนสิการ ก็สำเร็จฌาณได้เช่นกันแต่ไม่อาจให้เกิดอริยมรรคได้อย่างเช่นพระเทวทัต กับพระเจ้าอชาติศัตตรู ก็เป็นติเหตุกบุคคล แม้ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ทรงอุทานว่า หากพระเจ้าอชาติศัตตรูไม่ได้ก่ออนันตริยกรรม คือปิตุฆาตแล้วไซร้ ต้องได้บรรลุเป็นพระอรหันต์อีกองค์หนึ่งในพระพุทธศาสนาเบื้องพระพักต์พระองค์เป็นแน่แท้

 

แล้วพวกที่เกิดเป็นพรหมมานานแสนนานล่ะครับ ข้างบนมันไม่มีเพศ พอกลับมาสร้างบารมีต่อ เมืองมนุษย์เขามีการกำหนดเพศไว้ซะแล้วคือ ชายและหญิง อย่างนี้มันเข้าแก๊บเพศที่สามด้วยหรือเปล่า พวกนี้ก็บารมีสูงเหมือนกันนะ ทรงฌานเป็นอารมณ์ ไม่ยึดติดกับเพศ กับรูปที่เขากำหนดให้มีไว้

ธรรมภัฎเจอกับตัวและสงสัยมาทันทีเลย

เจริญธรรม

 

...ไม่เคยได้ยินเลยค่ะว่า ห้ามบุคคลเพศที่3 ปฏิบัติธรรม คนทุกคนสามารถปฏิบัติธรรมได้ทั้งนั้น แค่ใจคิดจะทำ ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีแล้วนะคะ
การปฏิบัติธรรม คือการทำความดี จะเป็นเพศอะไรก็ตาม เมื่อทำความดีแล้วจงมั่นใจ และเชื่อเถิดว่า ถ้ามีความเพียรก็สามารถจะบรรลุธรรมได้เช่นกัน อาจจะไม่ใช่ชาติปัจจุบันนี้ ก็สามารถไปต่อเพิ่มบารมีได้อีกในชาติหน้า
ขอเพียงได้เริ่มทำ สะสมบารมีไปเรื่อยๆ ไม่ละเมิดศีล โดยเฉพาะศีลข้อ 3 ไม่แน่นะคะ ผลการปฏิบัติอาจจะมีผลดีกว่า เพศแท้ๆอีกค่ะ...เป็นกำลังใจให้นะคะ

 

...น่าคิดนะคะ ..

 

ชอบ ชอบ ชอบ
อย่าไปสนใจเรื่องเพศมากเลยครับ
ผมก็เห็นพวกเพศธรรมดา ปฏิบัติมาเป็นปี ๆ ก็ยังไม่ได้อะไรก็มีถมไป
ถ้าศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เราแข็งแกร่ง สักวันเราก็ได้เห็นธรรม
อย่าไปคิดว่าเพศไร หรือว่าช้าเร็ว อย่างที่ครูบาอาจารย์ได้สั่งสอนกันมาว่า
ต้นไม้ที่เจริญเติบโตเต็มที่ ย่อมผลิดอกออกผลตามกาลอันควร
ฉันใดก็ฉันนั้น เราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ทำไปเรื่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ สักวันมันก็ถึงเอง
ของอย่างนี้ต้องเริ่มจากที่ไหนสัก แล้วสะสมไปเรื่อยๆ มานั่งเกี่ยงงอน คิดว่าตัวเองไร้วาสนา
หรือว่าอ้างบุญอ้างกรรม แล้วไม่ปฏิบัติเสียที ต่อให้ เป็นชายจริง หญิงแท้ ก็ไม่ไ้้ด้ไปไหน
ช้าเร็ว ชาตินี้ชาติหน้าชาติไหน ทำไปสะสมไปเรื่อยๆ ครับ สักวันก็ถึงเอง
อย่าเอาเรื่องเพศ มาเป็นเครื่องขวางกันธรรมเลยครับ
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ

 

ไม่ห้ามหรอกครับ แต่เพศที่สามน้อยนักที่สนใจปฏิบัติธรรมส่วนมากโดนกรรมบังตา จะสนใจเรื่องโลกมากกว่า บางคนก็ไม่เชื่อเลย

 

ทุกอย่างอยู่ที่ใจครับผม

ฟันธงครับ

 

เป็นคำถามที่ค้าคางใจมานานเพราะเราเองก็ตกอยู่ในกลุ่มนี้

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่จะชอบหญิงหรือชายหรืออื่นๆ ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่ว่าเราไม่รู้สึกว่าเป็นหญิงหรือเป็นชาย เคยพยายามเป็นทั้งสองอย่างและอย่างอื่น รู้สึกว่ามันฝืนใจ แต่ความรู้สึกว่า-เป็นเรา-ยังปรากฏอยู่ ไอ้ความรู้สีกว่า-เป็นเรา-นี้แหละมันเข้มแข็งมากซะจน ไม่สนใจว่าจะต้องเป็นหญิง เป็นชาย หรือเป็นอย่างอื่น รูปที่พ่อแม่ให้มาเราก็ตกแต่งตามสังคมไม่ให้น่าเกลียดแค่นั้น ไม่ใช่จะต้องแต่งหญิง แต่งชาย ประกาศให้รู้ในสามโลกว่าฉันเป็นหญิง เป็นชายเหมือนที่ทำกัน

พอได้มารู้จักธรรมะ เลยยิ่งเข้าใจมากกว่าเดิมว่ามันสมมุติ แม้แต่ความรู้สึกว่าเป็นเรามันก็สมมุติ ไหนๆ เกิดมามีร่างมนุษย์สมบูรณ์ 32 ประการแล้ว ถึงมันจะทุกข์แต่เราก็ใช้มันสร้างบารมี ให้เป็นดอกเป็นผลดีกว่าจะตายเสียเปล่า

และขอรับรองตรงนี้อีกคนว่า -ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประทาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ-

 

ดูอย่างหมอเกิด ฟันเฟิมสิ อภิญายังเเน่นซะขนาดนั้น

เเล้วนับประสาอะไรกับ---------------

อิ อิ อิ

 

สรุปง่ายๆ เลยครับ ทำความดีทำไปเถอะครับ ทางจะลำบากก็ช่างมันไม่สน
เรามีเป้าหมาย ก็เดินไปทำไปให้ถึง

 

กฏบางข้อในพุทธกาล เป็นอุบายเพื่อให้ผู้จะเข้ามาบวชเรียนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชายวัยรุ่นที่ถึงวัยแห่งกามเมื่อกินนอนรวมกันมากๆ ทำให้เกิดคำว่าบันเฑาะซึ่งเป็นกันมากในหมู่ชายหนุ่มจึงมีกฏเรื่องน้ำกามเคลื่อนโดยตั้งใจ ต้องสังฆาทิเสสคืออาบัติรุนแรงเกือบสึก เพราะถือเป็นมารศัตรูตัวร้ายที่ฉกฉวยผู้เดินทางผ่านโลกตกนรกหมกไหม้มามากมาย แต่หากละทิ้งตัณหา สลายมันท่ามกลางความปราถนาอันแรงกล้ากลิ่นชายหนุ่มที่หอมติดวิญญาณ ย่อมเป็นความอุตสาหะที่อุกอาจ การปฏิบัติกรรมฐานหรือบวช หากยังไม่ตัดลึงค์ก็ย่อมบวชได้ หากไม่แสดงอาการจนพระท่านไม่ยอมให้บวชเพราะกลัวกุฏิแตก มรรคผลแห่งพุทธเส้นทางสายนี้ไม่มีเพศไม่มีร่างกายแนวทางที่ไม่มีอะไรเลย ว่างจนไม่มีที่ว่าง...