รบกวนพี่คนปั่นพระด้วยครับ

ฝากพี่ช่วยดูให้หน่อยครับ ขอบคุณมากครับ

 

องค์แรกเป็นพระศิลปอู่ทอง พิมพ์หน้าแก่ เกศแบบธรรมดา องค์ในภาพผมดูว่าศิลปยังไม่จัดและส่วนประกอบของยุคยังปนกันมั่วๆอยู่ น่าจะเป็นพระที่สร้างล้อยุคหลังๆนี่เองครับ

องค์ที่สองเป็นพระแท้ครับแต่ผมก็ไม่ทราบที่เหมือนกัน

 

ขอบคุณพี่มากๆครับ รบกวนอีกสักองค์นะครับพี่

 

น่าจะถ่ายภาพมาหลายๆมุมนะครับ ถ่ายแบบนี้ดูยากเหมือนกัน

เอาเท่าที่เห็นนะครับ คือดูศิลปะแล้วน่าจะเป็นพระทางล้านช้าง(ฝั่งลาว) ดูจากภาพถ่ายและศิลปแล้วไม่น่าจะเก๊ครับ แต่จะเป็นยุคไหนคงตอบลำบากเพราะมีมาแค่รูปเดียวเลย

 

ครับพี่เราถือเสียว่า พี่กับน้องคุยกันนะครับ คืออย่างนี้ครับพระองค์นี้ผมดูว่าจะเป็นของเชียงรุ้ง หรือเปล่าไม่รู้แต่องค์พระเนื้อ น่าจะเป็นสัมฤิทธิ์ทอง แต่ที่สำคัญนั้นพระองค์นี้นั้น หนักมากครับผิดปกติคือด้านล่างขององค์พระนั้นมี ฉนวนยาวเอามาเพราะด้านล่างขององค์พระปิดตันซึ่งผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ว่า อาจจะมีอะไรสักอย่างฝังอยู่ในตัวองค์พระ แล้วพี่คิดว่าอย่างไรครับในความเห็นของพี่ เดี๋ยวผมถ่ายหลายๆมิติ ให้ใหม่ครับ

 

คือถ้ามองปุ่มที่ใต้ฐานสามปุ่มก็อาจจะมองเป็นพระเชียงรุ้งได้ แต่ถ้าเป็นพระเชียงรุ้งเค้าจะไม่มีฐานที่เป็นผ้าทิพย์แบบนี้ครับ องค์นี้เอาศิลปหลายๆยุคมาใส่รวมกัน คือพระล้านช้างช่วงยุคปลายนั้นจะโดนอยุธยาเข้ามาควบคุมและมีอิทธิพลต่องานศิลปของล้านช้างเป็นอย่างมาก โดยปกติพระทางล้านช้างเค้าก็จะอิงไปทางเชียงรุ้ง เชียงแสนอยู่แล้ว แต่องค์นี้มีอยุธยาปนอยู่ด้วยครับ ก็เลยต้องวิเคราะห์ตามที่เห็นครับ และน้ำหนักมากก็เป็นเรื่องปกติของพระทางฝั่งล้านช้างอยู่แล้ว จำไว้ดีๆครับ ช่างยุคไหนถ้าหล่อพระเนื้อทองเหลืองทองแดง สัมฤทธิ์ออกมาแล้ว(ยกเว้นเนื้อทองคำ เงิน ตะกั่ว) มีน้ำหนักมากๆ แสดงว่าช่างยุคนั้นยังไม่เก่งจริง ช่วงเก่งจริงๆจะแต่งหุ่นเทียนได้ละเอียดและบางมากและเค้ามั่นใจในความร้อนที่พอจะหลอมโลหะได้ละลายดีทั้งหมด รวมทั้งการคัดเลือกโลหะที่นำมาหลอมจะต้องละลายได้ดีด้วยครับ
ไม่เหมือนพระรัชกาลที่หล่อแบบหนามาก่อนแล้วค่อยมาแต่งที่หลัง ตะไบกันจนบางเลยล่ะครับ(f)

 

ครับพี่ชายผมจะจำไว้เป็นแบบครับแล้วเรื่องมี ฉนวน ยื้นออกมาละครับพี่มันคืออะไรครับ ถ่ายมาใหม่แล้วครับพี่รบกวนด้วยครับ

 

จริงๆการหล่อพระบูชาสมัยก่อนเค้าจะทำแกนไม้เป็นตัวรับหุ่นขึ้นไปจนถึงเศียรพระ ถ้าเป็นพระอยุธยาหรือพระที่เทบางๆแกนไม้ตัวนี้จะยังอยู่ให้เห็นด้านใน แต่พระองค์ในรูปเทหนาและมีความร้อนของโลหะสูงมาก ทำให้แกนพระที่เป็นไม้ไหม้หมดและโลหะที่หลอมละลายก็ไหลเข้าไปแทนที่ครับ หรืออาจจะปั้นเทียนทำเป็นชนวนหุ่นไว้เป็นทางระบายอากาศส่วนเศียรก็เป็นได้
ส่วนเดือนที่เห็นสามปุ่มใต้ฐานเป็นจุดที่เทน้ำทองเข้าไปหนึ่งรูแล้วเป็นรูอากาศสองรู องค์นี้คนสร้างเค้าจงใจปลอยชนวนไว้ยาวๆแบบนี้เพื่อเป็นเอกลักษณะของคนสร้าง กล่าวคือการทิ้งฝีมือไว้ให้ดูวิธีการหล่อนั่นเองครับ
คำอธิบายของผมทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ข้อมูลของผมอาจจะผิดหรือไม่เหมือนกับที่ทางวงการพระเค้าเล่นกันก็เป็นไปได้นะครับ ฉะนั้นคุณศุภกานต์ก็ต้องเลือกที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ และก็ควรหาข้อมูลจากหลายๆที่ประกอบด้วยครับ

 

ขอบคุณพี่มากๆนะครับวันหลังเลี้ยงเหล้าครับพี่ 55555555