เสียงร้องประหลาด (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 10 มิถุนายน 2011.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    คน ถามอาตมาถึงเรื่อง เสียงประหลาดที่ท่านเจ้าเมืองปราจีนบุรี (นายประมวล รุจนเสรี) ได้ยินเมื่อคืนวันที่ ๙ เม.ย. ๓๔ นั้นว่าเป็นเสียงอะไรแน่

    จะเล่าให้ฟังสั้นๆ ว่า แถวย่านบ้านนี้เป็นบ้านโดนสาป ตอนสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จยกทัพกลับจากเชียงใหม่ ล่องไปสู่กรุงศรีอยุธยา ไปทางเรือ

    ตรงนี้เป็นสถานที่เมืองพรหมนคร มีเจ้าเมืองครองนครนี้ พระองค์ทรงแวะเข้ามาถามย่านบ้านนี้ว่า พม่ามีเหลือแถวนี้บ้างไหม

    พม่าอยู่หลังวัดนี้เยอะ สร้างวัดอยู่ที่นี่ หลังวัดอัมพวันเขาเรียกว่าวัดชีป่า สร้างหันหน้าโบสถ์ไปทางตะวันตก พม่ายังอยู่ที่นี่อีกกลุ่มหนึ่ง ยังกลับเมืองไม่หมด คนบ้านนี้เพ็ดทูลว่าไม่มีพม่า ท่านบอกว่า อย่าโกหกเรานะ ถ้าโกหกเราแล้วเอาดีไม่ได้ เลยไม่เสด็จแวะ เสด็จไปวัดสระเกศ เลยไชโยไปหน่อย อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา สมเด็จพระนเรศวรทรงสระพระเกศาที่นั่น จึงชื่อวัดสระเกศมาจนทุกวันนี้

    มีหลวงพ่อองค์หนึ่งชื่อ หลวงพ่อโต๊ะ เป็นอุปัชฌาย์ ท่านอายุมากหลายปีแล้วในสมัยนั้น (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) ท่านขุดในฐานโบสถ์เก่า เพื่อจะสร้างโบสถ์ใหม่

    ได้พระรูปสมเด็จพระนเรศวรเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ ไม่ทราบว่าใครสร้างตั้งแต่สมัยใด อาตมายังเคยไปเห็น บอกว่า "หลวงพ่อ ขอให้ผมไม่ได้เหรอนี่" ท่านบอกว่า "คุณอย่าเอาเลย ผมจะเอาไว้ถวายในหลวง"

    โอ้โฮ ! เนื้อดีจัง เป็นเนื้อสัมฤทธิ์เป็นพระรูปสมเด็จพระนเรศวร รูปลักษณะคล้ายกับที่ผู้ว่าฯ (นายประมวล รุจนเสรี) สร้างเป็นเหรียญ แต่พระองค์ยืนถือดาบ ตอนออกสงคราม ไม่ทราบใครสร้างไว้

    ในปีรุ่งขึ้น ในหลวงเสด็จวัดสระเกศ หลวงพ่อโต๊ะก็ถวายพระรูปสมเด็จพระนเรศวรแด่ในหลวงไป เลยเสียงร้องประหลาดที่วัดนี้มีเสมอนะ จะเล่าเรื่องแพทย์หญิงบุญเยี่ยม มานั่งเจริญกรรมฐาน ๗ วัน ที่กุฏิใต้ ทางโยมไปทานอาหารกัน เป็นกุฏิหลังเล็ก ๆ มีถนนเดิน ไฟสว่าง ตี ๔ อาตมาลงโบสถ์ สวดมนต์สอนพระนวกะในระยะเข้าพรรษา ณ โอกาสนั้น แพทย์หญิงบุญเยี่ยมก็ออกเดินจงกรม นั่งกรรมฐาน วันหนึ่งที่หน้ากุฏิไฟสว่างอย่างนี้ มีภิกษุรูปหนึ่งเดินเข้ามาหา แล้วกล่าวว่า

    "โยม ขอเจริญพร" แพทย์หญิงบุญเยี่ยมก็มองไปที่หน้ากุฏิ บอกว่า "พระคุณเจ้าอยู่วัดไหนคะ อยู่วัดนี้หรือเปล่าคะ ทำไม่จีวรขาดหมดนี่" พระภิกษุองค์นั้นตอบว่า

    "อาตมาชื่อพระเฟื่อง"

    "อาตมาอยู่ที่นี่ ได้ถึงแก่มรณภาพไป ๑๕ ปีแล้ว"

    "มาทำไม่เล่าคะ"

    "มาขอส่วนบุญ ช่วยแบ่งบุญให้อาตมาด้วยเถอะ" แล้วเล่าประวัติให้ฟังว่า

    "อาตมาก่อนมาบวชนี้เป็นจ่าตำรวจอยู่นครราชสีมาแล้วลาออกมาบวช บ้านอาตมาอยู่ใต้วัดอัมพวันนี้ ขอส่วนบุญได้ไหม?"

    ขอเจริญพร เพื่อทราบเสียตอนนี้ว่าผู้ที่มีบุญวาสนา มักจะมีผู้มาขอส่วนบุญอย่างนี้ บางที่จะได้ยินเสียงร้องครวญครางขอบุญกุศลให้ช่วยเขาหน่อย มันไม่ได้ยินทุกคนหรอก

    แล้วแพทย์หญิงบุญเยี่ยม ก็บอกว่า "พระคุณเจ้าดิฉันจะแผ่เมตตาถวายกุศลให้" นี่แหละคนมีบุญวาสนา บ้างจะมีผู้มาขอส่วนบุญ พระก็เป็นเปรตได้นะ

    อาตมาออกจากโบสถ์ยังไม่สว่างดีแลย ประมาณตีห้าครึ่ง แพทย์หญิงบุญเยี่ยมมาค่อยที่หน้ากุฏิแล้วบอกว่า

    "หลวงพ่อ ดิฉันจะถามอะไรสักหน่อย"

    "ถามอะไรล่ะ มาทำไม ยังมืดอยู่ ยังไม่สว่าง ไม่ได้นั่งกรรมฐานหรือ"

    "เมื่อสักครู่ ตอนตี ๔ ดิฉันออกมานั่งที่หน้ากุฏิกรรมฐาน มีพระองค์หนึ่งมาขอส่วนบุญ และพระองค์นั้นบอกว่าชื่อเฟื่อง มีไหมคะ"

    อาตมาก็บอกว่า "มี ตายไปตั้งสิบกว่าปีแล้ว"

    แพทย์หญิงบุญเยี่ยมบอก "โอ้โฮ ! ขนหัวลุกเลย" พระเฟื่องเป็นเปรตอยู่ที่วัดนี้ เดี๋ยวนี้ยังอยู่นะ ทำไมถึงเป็นเปรต ตอนบวชเป็นพระภิกษุอยู่วัดนี้ ไม่เคยทำกรรมฐาน สอนให้ก็ไม่เอา หัวดื้อหัวรั้น เวลาเย็นเข้าบ้านทุกวัน บ้านอยู่ใต้วัดนี้ บอกได้ไม่กลัวหรอก

    มีพระองค์หนึ่งชื่อหลวงตาอ้อน ชอบปลูกต้นน้อยหน่าปลูกไว้เยอะ ปลูกไว้ถวายพระ ไม่ได้เอาไปไหน ทำสวนน้อยหน่าไว้เยอะแยะ มีน้อยหน่าสุกแล้วก็ถวายพระกันเท่านั้นเอง เป็นของสงฆ์

    หลวงตาเฟื่องก็แน่เลย ลักของเขาไปเข้าบ้านทุกวันเอาโน่นไป เอานี่ไป ทำไมจะไม่เป็นเปรตเล่า เดี๋ยวนี้ยังอยู่ในวัดนี้ ถ้าแพทย์หญิงบุญเยี่ยมเคยรู้จักพระเฟื่อง เคยมาที่นี่ อาตมาจะไม่เชื่อเรื่องนี้ นี่เขาไม่รู้จักเลยนะ บอกเป็นตุเป็นตะหมด เลยบอกแพทย์หญิงบุญเยี่ยมไปว่า "โยม แผ่ส่วนกุศล ทำกรรมฐานเข้า" ทำกรรมฐานนี่ช่วยเหลือเปรตได้ดีมาก ก็แผ่ส่วนกุศล ให้สมประสงค์ไปซื้อผ้ามาถวายสังฆทานให้ พอวันที่เจ็ดจะกลับ เวลาเดียวกัน หลวงตาเฟื่องห่มผ้าสวยมาแล้ว

    "โยม ขออนุโมทนา ขอบพระคุณมาก บัดนี้ได้รับส่วนกุศลแล้ว" ก็เรียบร้อยไป และ "สัพพี" ให้ด้วย นึกว่าพระเปรตจะยถาสัพพีไม่ได้ แพทย์หญิงบุญเยี่ยมก็สาธุ เสร็จแล้วก็รีบมาหาอาตมาบอกว่า "หลวงพ่อ หลวงตาเฟื่องมาอีกแล้ว" นึกว่าจะมาขอส่วนบุญอีก แต่เปล่าไม่ได้มาขอ มา "ยถา" ให้ และ จีวรที่เคยขาด เป็นจีวรใหม่หมด นี่เห็นไหม

    เสียงร้องครวญคราง นี่มีมานานแล้ว มีโยมที่เป็นศาสตราจารย์คนหนึ่งอยู่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ มานอนพักกุฏิใต้ กุฏิสอนพระอภิธรรมหลังริมน่ะ พัก ๒ คน เพื่อนอาจารย์ด้วยกัน แต่ก็เป็นเวลา ๔-๕ ปีมาแล้ว

    กุฏินั้นแปลก บางทีโยมจะไปเขาก็เปิดไฟรับ ปิดไฟได้ เปิดไฟได้ อาตมาก็ให้ไปดูว่าคัตเอาท์อาจจะมีจิ้งจกเข้าไปต่อแล้วไฟช็อตไปติดได้ ให้ไปเปิดดูให้หมด ปรากฏว่าไม่เป็นอะไรเลย ก็เปลี่ยนคัตเอาท์ใหม่ ทำใหม่ ก็ยังเปิดไฟได้ ดังที่กล่าวนี้

    ศาตราจารย์นั่นก็นอนหลับ สวดมนต์ ไหว้พระ แผ่เมตตาเจริญกรรมฐาน พอสมควรแก่เวลาก็นอนหลับ มีเสียงคราง เหมือนอย่าง เสียงประหลาด ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ยิน ที่เล่าให้อาตมาฟังเป็นเสียงอันเดียวกัน มาร้องครวญครางอยู่ข้างหูศาสตราจารย์ก็ลุกปลุกเพื่อนอาจารย์ที่มาด้วยกันให้ ลุกฟัง อาจารย์นั่นก็ตื่นขึ้นมางัวเงียอาจจะไม่ได้ยิน เอ๊ะได้ยินคนเดียว ลืมถามท่านผู้ว่าฯ ไปว่า ที่ท่านนอนมีใครได้ยินด้วยไหม ถามท่านศึกษาเกษม (นายเกษม หน่วยคอน) ก็บอกว่าไม่ได้ยินเลย เมื่อคืนนี้ท่านศึกษามานอนบนศาลา บอกว่าผมมานอนกับพระดีกว่า เพราะเจ้าเมืองกลับแล้ว

    ที่เจ้าเมืองเล่าให้อาตมาฟัง ได้ยินเสียงครวญครางคล้ายๆ ว่า เกิดทุกข์อย่างแรง มาขอความช่วยเหลือฉะนั้น ศาสตราจารย์ก็แผ่เมตตาให้ เสียงร้องโหยหวนคล้ายๆ คนมีทุกข์อย่างแรงมาขอความช่วยเหลือนั้น แต่ยังมีจิตวิญญาณที่ติดค้างจากที่ประหารชีวิตอยู่อีกมากมาย โทษทัณฑ์ที่ฆ่าเขา ๗ ชั่วโคตร และยังมีเวรกรรมดุร้าย โดนทำโทษ เช่น อสุรกาย เป็นต้นอสุรกายยังมีในวัดนี้อีกมากหลาย โดยอย่ากลัวก็แล้วกัน ไม่ใช่ผีตาโบ๋ ไม่ต้องไปกลัว ออกมาเป็นคนอย่างนี้ ไม่น่ากลัวหรอก เหมือนนายวิโรจน์ที่ออกมารายงานตัวที่หอประชุมออกมาสวยๆ ไม่ใช่ตาโบ๋ ถ้าผีตาโบ๋นั่น ผีโทรศัพท์ ผีลิเกเอาหน้ากากสวมบางทีใครมานั่งกรรมฐานขี้เกียจลุก เดี๋ยวมาปลุกให้ได้ ที่นี่มีคนปลุก ไม่ต้องกลัวหรอก แต่นี่เราก็ไม่สามารถจะทายได้ ว่าเสียงอัศจรรย์ดลบันดาลนี้เป็นเสียงใคร คงเป็นเสียงที่ขอความช่วยเหลือ

    อาตมาก็เล่าเรื่องพระนเรศวร ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกลับมาว่าตรงกับเหตุผล ท่านจึงขอธูปไปจุดบอกเล่าตรงโน้น บอกว่าขอให้พ้นคำสาปเถอะอันนี้ขอเจริญพรว่า ผู้ใดมีบุญวาสนาสูง มักจะได้ยินเสียงมาร้องขอความช่วยเหลือ ถ้าเราไม่มีบุญกุศลพอ ก็ไม่มีใครมาร้องของความช่วยเหลือแต่ประการใด ก็เข้าในหลักนี้เช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถจะค้นเดาว่า เสียงนั้นคือของใคร อันนี้จะไม่ขอบอกในที่ประชุมนี้ มีตัวอย่างอยู่หลายราย


    คัดลอกมาจาก
    หนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม 5
    http://www.jarun.org/v4/lrule05h0601.html ::
     
  2. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ เรื่องนี้มีประโยชน์มากค่ะ เพราะคนเดี๋ยวนี้ทำบาปไม่รู้ตัวกันเยอะค่ะในเรื่องหนี้สงฆ์
    ขออนุโมทนาบุญกับท่านขจก.ที่ำนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ค่ะ^^
     
  3. หมี พลเสน

    หมี พลเสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +358
    ผม อนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยคนครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. evatranse

    evatranse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +571
    อนุโมทนาสาธุ

    "พระคุณเจ้าอยู่วัดไหนคะ อยู่วัดนี้หรือเปล่าคะ ทำไม่จีวรขาดหมดนี่"
    พระภิกษุองค์นั้นตอบว่า "อาตมาชื่อพระเฟื่อง"

    สรรพนามสำหรับพระภิกษุใช้"รูป"นะคะ
     
  5. ณัฐ ณัฐปพน

    ณัฐ ณัฐปพน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +48
    อนุโมทนา สาธุ


    แค่ไม่ทุกข์ก็สุขแล้ว;k05
     
  6. Violent Daughter

    Violent Daughter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +305
    มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
     
  7. Guide_Raito

    Guide_Raito เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    892
    ค่าพลัง:
    +2,990
    สาธุคับผม

    ___________________________________________________________
    <TABLE id=post20191 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: 1px solid" id=td_post_20191 class=alt1>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=post20191 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: 1px solid" id=td_post_20191 class=alt1></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=post20191 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: 1px solid" id=td_post_20191 class=alt1>พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ " หากเรามิเข้าสู้นรกภูมิแล้วไซร้ ผู้ใดเล่าจะเป็นผู้เข้านรกภูมิ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอนอบน้อมด้วยเศียรเกล้า แด่องค์พระกษิติครรภ์พระโพธิสัตว์ "หากนรกไม่ว่างเว้น จะไม่ขอเข้าสู่พุทธภูมิ"

    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...ทุนสร้างองค์พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์.270895/
    ขอเชิญร่วมสร้าง องค์พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์ หินแกรนิตแกะสลักองค์ใหญ่ สูง 9.9 เมตร เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล วันที่ 28 สิงหา 54 คับ
     
  8. gila

    gila สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณค่ะ ที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง
     
  9. เย็นจิต

    เย็นจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +709
    เคยไปกราบหลวงพ่อท่านครับ ตอนกลับว่าจะถ่ายรูปหลังกุฏิเป็นที่ระลึก ปรากฏว่ากดชัดเตอร์ไ่ม่ติดครั้งกดสองครั้งรูปก็ไม่ถ่าย ... ยกมือขอแล้วก็ยังไม่ได้อยู่ดี ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...