กรรมหนักจากการทำไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 16 พฤษภาคม 2011.

แท็ก: แก้ไข
  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    ผู้ฆ่าคนมีบาปหนักกว่าผู้ฆ่าวัวฆ่าควาย ผู้ทำร้ายพระพุทะเจ้ามีบาปหนักว่าผู้ฆ่าคน

    เห็นได้จากพระเทวทัตที่ถึงถูกธรณีสูบ แต่อย่าประมาทคิดว่าเราปลอดภัยจากการถูกธรณีสูบแน่แล้ว เพราะ...ไม่มีพระพุทธเจ้าให้เราคนใดคนหนึ่ง ซึ่งถึงจะชั่วช้าเพียงไร ทำร้ายพระองค์ได้ พระพุทธเจ้าไม่มีพระองค์ปรากฏให้เห็นก็จริง ทำร้ายพระองค์ท่านไม่ได้ก็จริง แต่สิ่งที่เกี่ยวเนื่องแนบแน่นกับพระองค์ท่านมีอยู่ ทำลายสิ่งนั้นจะผิดไปจากทำลายพระองค์ท่านหาได้ไม่

    นึกถึงใจตนเอง...มีลูกเป็นที่รักเพียงด้วงใจ เฝ้าทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมาจนเติบใหญ่ ถูกผู้ร้ายประหัตประหาร...ใจของผู้เป็นแม่พ่อก็เหมือนกับตนเองถูกประหัตประหารด้วย

    พระพุทธศาสนา คือ สิ่งที่เกี่ยวเนื่องแนบแน่น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระพุทธเจ้า กว่าจะทรงค้นพบและตั้งขึ้นได้ลำบากยากเย็น ยิ่งกว่าใครสักคนจะมีลูกเป็นที่รักดังดวงใจ ทำร้ายลูกก็เท่ากับทำร้ายผู้เป็นแม่พ่อ ทำลายพระพุทธศาสนาจึงไม่แตกต่างกับทำลายพระพุทธเจ้าแน่นอน...ไม่มีผู้ใดได้ทำ

    แต่แน่นอน...เพียงการพยายามทำ ก็บาปหนักยิ่งกว่าบาปฆ่าคนตาย ผลของกรรมนี้อาจจะลี้ลับ เห็นยกและเห็นช้า จึงทำให้พากันคิดว่าการทำลายพระพุทธศาสนานั้นไม่เป็นบาป ไม่เป็นอกุศล

    การจงใจทำลายพระพุทธศาสนาที่ไม่สำเร็จผล น่าจะเกิดผลไม่ดีแก่ผู้มุ่งทำร้ายน้อยกว่าผู้ไม่ได้เจตนาทำลาย แต่ประพฤติตนเช่นเจตนาทำลาย

    บุคคลประเภทหลังนี้ โดยเฉพาะที่นับถือพระพุทธศาสนา กล่าวได้ว่า...เป็นผู้ที่ทำกรรมไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตั้งขึ้น ทรงประคับประคองมาโดยมีพุทธบริษัทที่ดีมารับมาประคับประคองต่ออย่างถือเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่มีพระพุทธองค์แล้ว...พระพุทธศาสนา คือ ตัวแทนพระพุทธองค์ ผู้เป็นสมาชิกของบริษัทสี่ในพระพุทธศาสนา แม้ทำคนให้เศร้าหมองด้วยประพฤติผิดศีล ผิดธรรม ผิดวินัย แม้จะทำให้พระพุทธศาสนาเศร้าหมองไม่ได้ แต่เมื่อตนเป็นจุดหนึ่งในพระพุทธศาสนา...ก็เท่ากับทำให้พระพุทธศาสนามีจุดเศร้าหมองปะปนอยู่...เล็กน้อยเพียงไรก็เป็นจุดดำ

    ความประพฤติปฏิบัติเช่นนั้นจึงเป็นการทำกรรมไม่ดีต่อสิ่งสูงสุด ผลไม่ดีที่จะเกิดแก่ผู้ทำกรรมไม่ดีนั้นย่อมร้ายแรงแน่นอน พึงอย่าประมาท พึงกลัวกรรมหนักที่จะเกิดจากการทำไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา

    พึงปฏิบัติต่อพระพุทธศาสนาให้รอบคอบ

    ผู้เบาปัญญา มีมิจฉาทิฐิ เห็นว่าพระพุทธศาสนาไม่ใช่คน ไม่มีเลือดเนื้อชีวิตจิตใจ คิดจะทำลายก็ทำกันไปต่าง ๆ นานา

    ผู้เบาปัญญาหารู้ไม่ว่า เมื่อกรรมตามทัน...โทษนั้นร้ายแรงหนักหนานัก พระเทวทัตก็มิได้ถูกธรณีสูบทันทีที่ทำร้ายพระพุทธเจ้า เมื่อถึงเวลากรรมตามทัน... พระเทวทัตจึงจมธรณี พ้นที่จะดิ้นรนให้พ้นจากความตายอย่างทนทุกข์ทรมานน่าสยดสยองนั้นได้ ผู้พยายามทำลายพระพุทธศาสนาก็เช่นกัน ฉะนั้นอย่าประมาท... อะไรที่ไม่น่าเชื่อเกิดอยู่เสมอ เกิดได้เสมอในอดีตธรณีสูบได้ ในปัจจุบันหรือในอนาคตธรณีก็สูบได้ เมื่อต้องเป็นไปตามอำนาจอันยิ่งใหญ่ของกรรม

    แม่พ่อที่มีลูกรักเพียงดวงใจ แม้ลูกนั้นมิใช่ลูกที่ดี มิใช่ลูกที่มีคุณประโยชน์แก่ใคร เมื่อใดเขาถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส หรือถึงเสียชีวิต เมื่อนั้นก็เหมือนทำร้ายแม่พ่อหนักหนาเช่นนั้นด้วย พระพุทธศาสนาเป็นดวงพระหฤทัยของพระพุทธเจ้า ทรงได้มาด้วยพระมหากรุณาเปี่ยมพระพุทธหฤทัยเปรียบเป็นพระพุทธบุตร พระพุทธศาสนาก็เป็นพระพุทธบุตรที่ประเสริฐเลิศล้ำ หาผู้เปรียบเสมอมิได้ มีคุณประโยชน์กว้างใหญ่ไพศาลปราศจากขอบเขต และยั่งยืนยาวนานอยู่ทุกกาลเวลา เป็นที่รักที่เทิดทูนสูงส่งนักหนาของพรหม เทพ มนุษย์ สัตว์ เสมอกันกับองค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระผู้ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนาไว้แทนพระองค์ อย่าเป็นคนเบาปัญญา... พึงปฏิบัติต่อพระพุทธศาสนาให้รอบคอบ มิฉะนั้นจะเสียประโยชน์จากการมีชีวิตอยู่ในชาตินี้ที่น้อยนัก ชีวิตผ่านไปพ้นเมื่อไร จะเรียกกลับคืนไม่ได้ กรรมไม่ดีทั้งหลาย จะห้อมล้อมจนแหลกเหลว ดังที่ปรากฏให้เห็นให้ได้ยินอยู่เสมอ ให้ขนลุกขนพองสยดสยองอยู่ไม่เว้นวาย

    ชีวิตในอดีตชาติล่วงเลยไปแล้ว กรรมดีกรรมชั่วก็ได้เป็นอันทำแล้วทั้งนั้น... ไม่มีที่จะให้ไม่ได้ทำ แต่ชีวิตในอนาคตชาติกำลังใกล้เข้ามาเป็นลำดับ ไม่นานนักก็จะถึง เพราะชีวิตนี้น้อยนัก... จบสิ้นง่าย ชีวิตในภพชาติข้างหน้าต่างหากที่ยาวนานจนประมาณไม่ได้ ความสุขอันยาวนาน หรือความทุกข์ที่ยืดเยื้อ จะมีมาพร้อมกับชีวิตในชาติอนาคตแน่นอน

    ชีวิตนี้ชีวิตเดียวที่จะพาไปสู่นิพพานได้

    เรามีบุญที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้มีชาตินี้ มีชีวิตนี้... ที่แม้จะน้อยนักแต่ก็เป็นชีวิตเดียวที่สามารถจะพาเราหนีกรรมไม่ดีได้ และก็เป็นชีวิตเดียวที่จะพาเราไปสวรรค์ก็ได้ นิพพานก็ได้

    พระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธศาสนาประกอบพร้อมด้วยพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์อริยสาวกของพระพุทธเจ้า พระพุทธศาสนาจึงมีคุณเช่นเดียวกับที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระคุณ พระคุณของพระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่เพียงไรพระพุทธองค์ได้ทรงมอบไว้ในพระพุทธศาสนาหมดสิ้นแล้ว เราเรียนพระพุทธศาสนาหรือเรียนพระธรรมกันอยู่ตลอดมาแม้นจนทุกวันนี้ เท่ากับเรากำลังพยายามจะให้สามารถแลเห็นพระพุทธเจ้าให้ได้ แต่ก่อนที่จะได้เห็นพระพุทธองค์ เราจำเป็นต้องรอบคอบ ระวังรักษาพระพุทธศาสนาอย่างดีอย่าประมาท มองให้เห็นผู้เบาปัญญามีมิจฉาทิฐิ แม้ผู้นั้นจะเป็นตัวเราก็ต้องมองให้ตรงตามความจริง ไม่เห็นภัยจะกันภัยไม่ได้ ไม่เห็นผู้มุ่งทำลายพระพุทธศาสนา... ก็จะป้องกันพระพุทธศาสนาไม่ได้

    ยึดมั่นในความกตัญญูกตเวที

    การที่จะป้องกันตัวเองมิให้หลงใหล เลื่อนลอยไปเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนาแม้โดยมิได้ตั้งใจ จำเป็นต้องมีหลักยึดมั่น กระแสใด ๆ ก็จะพัดพาไปไม่ได้

    หลักที่น่าจะมั่นคง แข็งแรง และสามารถที่จะรับการยึดเหนี่ยวได้ทุกเวลานั้น น่าจะเป็นหลักแห่งความกตัญญูกตเวที พึงยึดกตัญญูกตเวทีไวให้เป็นหลักประจำใจมั่น ผลที่เกิดตามมานั้น... จะไม่มีเสียหายแม้แต่น้อย

    “กตัญญูกตเวที” ...ความรู้คุณที่ท่านทำแล้วแก่ตน และตอบแทนพระคุณนั้น พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญว่าเป็นธรรมของคนดี คือคนดีมีธรรมนี้ หรือธรรมนี้ทำให้คนเป็นคนดี คือ คนใดมีธรรมคือความกตัญญูกตเวทีคนนั้นก็คือคนดีนั่นเอง ในด้านตรงกันข้าม คนใดไม่มีกตัญญูกตเวที คนนั้นไม่ใช่คนดี

    เร่งอบรมใจให้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม
    เพื่อสร้างชีวิตในภพชาติข้างหน้าให้งดงาม


    เชิญสำรวจตนให้ทุกคน ให้เห็นตนอย่างชัดเจนตรงความจิรงว่ามีความกตัญญูกตเวทีหรือไม่ แล้วก็จะได้รู้จักตนเองว่าเป็นคนดีหรือไม่

    ไม่มีกตัญญูกตเวที... ไม่เป็นคนดีจริง ๆ อย่าสงสัย แต่จงเร่งอบรมใจตนเอง ให้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรมให้จงได้ อย่าให้ผ่านชีวิตนี้ไปสู่ชีวิตหน้าที่ยาวนาน โดยไม่ถือโอกาสสร้างชีวิตในภพชาติข้างหน้าให้สวยสดงดงามอย่างยิ่ง

    “กตัญญูกตเวทิตาธรรม” เป็นเครื่องสร้างคนให้เป็นคนดีได้จริง ๆ เพราะ...ความรู้คุณท่านผู้มีคุณ และตั้งใจจะตอบแทนพระคุณ คือเครื่องป้องกันที่สำคัญที่สุดที่จะกันให้พ้นจากการทำผิดคิดร้ายได้ทั้งหมด โดยมีจุดมุ่งอยู่ที่ความไม่ปรารถนาจะทำให้ผู้มีพระคุณเป็นทุกข์เดือดร้อนกายใจ

    กตัญญูกตเวทีเป็นเหตุให้คิดดี พูดดี ทำดี

    ทุกคนมีผู้มีพระคุณของตน อย่างน้อยก็มารดาบิดา ครูอาจารย์ เพียงมีกตัญญูรู้คุณท่านเท่าที่กล่าวนี้ ก็เพียงพอจะคุ้มครองตนให้พ้นจากความไม่ดีทั้งปวงได้ ขอให้เป็นความกตัญญูกตเวทีจริงใจเท่านั้น อย่าให้เป็นเพียงนึกว่าตนเป็นคนกตัญญู ความจริงกับความนึกเอาแตกต่างกันมาก ผลที่จะได้รับจึงแตกต่างกันมากด้วย

    ผู้มีกตัญญูกตเวทีจะรู้จักบุญคุณของผู้มีบุญคุณทั้งหมด จะตอบสนองทุกคนอย่างเต็มสติปัญญาความสามารถควรแก่ผู้รับ และนี่เองที่จะเป็นเหตุให้ “คิดดี... พูดดี... ทำดี” เพราะเกรางว่าการคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี จะมีส่วนทำให้ผู้มีบุญคุณเดือดร้อน เช่น มารดา บิดา เป็นผู้มีพระคุณ ลูกกตัญญูจะประพฤติตัวเป็นคนดี จะไม่เป็นคนเลว เพราะเกรงว่ามารดาบิดาจะเสื่อมเสีย ก็เท่ากับคุ้มครองตนเองได้แล้วด้วยความกตัญญูกตเวที

    พึงมีกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าทรงมีพระคุณใหญ่ยิ่งอย่างที่สุด ทรงมีพระคุณต่อโลกต่อศาสนิกของโลก พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่ทำให้พุทธศาสนิกเป็นคนดีมีธรรมะนั้น มิได้เป็นคุณเฉพาะพุทธศาสนิกเท่านั้น แต่เป็นคุณไปทั่วถึง คนดีคนเดียว...ให้ความร่มเย็นเป็นสุขได้อย่างกว้างไกล เช่นเดียวกับคนไม่ดีเพียงคนเดียวให้ความทุกข์ความร้อนได้มากมาย

    พระพุทธศาสนาสร้างพุทธศาสนิกชนที่ดี ก็เท่ากับพระพุทธศาสนาได้สร้างความร่มเย็นเป็นสุขให้แก่โลกด้วยเหมือนกัน พึงมีกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธเจ้า คิดดี พูดดี ทำดี ให้เป็นไปดังที่ทรงแสดงสอนไว้ จะหนีกรรมเก่าได้ทัน และจะสร้างชีวิตในชาติใหม่ในภายหน้า ให้วิจิตงดงามเพียงใดก็ได้

    พระพุทธบารมีแห่งพระพุทธองค์
    ทำให้พบความสวัสดีทั้งชีวิตนี้และชีวิตหน้า


    พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วไม่ได้หายไปไหน พระพุทธบารมียังคงปกปักรักษาโลกอยู่ คนในโลกยังรับพระพุทธบารมียังคงปกปักรักษาโลกอยู่ คนในโลกยังรับพระพุทธบารมีได้ มิได้แตกต่างไปจากเมื่อยังทรงดำรงพระชนม์อยู่ เพียงแต่ว่าจำเป็นต้องเปิดใจออกรับ มิฉะนั้นก็จะรับไม่ได้

    การเปิดใจรับพระพุทธบารมีไว้คุ้มครองรักษาตนไม่ยากลำบาก ไม่เหมือนการเข็นก้อนหินใหญ่ที่ปิดปากถ้ำ เพียงน้อมใจนึกถึงพระพุทธเจ้าให้จริงจังอยู่เสมอก็รับพระพุทธบารมีได้ จะมีชีวิตที่สวัสดี มีสุข สงบได้
    ....



    หมายเหตุ จากหนังสือชีวิตนี้สำคัญนัก
    โดย สมเด็จพระญานสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก
    หน้า ๔๑ - ๔๗ (ฉบับจัดพิมพ์โดยธรรมสภาและสถาบันบันลือธรรม)

     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
    อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต

    พยสนสูตร
    [๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายกล่าวโทษพระอริยะ
    ภิกษุนั้นจะไม่พึงถึงความฉิบหาย ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส
    ความฉิบหาย ๑๐ อย่างเป็นไฉน คือ
    ภิกษุนั้นไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ ๑
    เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ๑
    สัทธรรมของภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว ๑
    เป็นผู้เข้าใจว่าตนได้บรรลุในสัทธรรมทั้งหลาย ๑
    เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ๑
    ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง ๑
    ย่อมถูกโรคอย่างหนัก ๑
    ถึงความเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน ๑
    เป็นผู้หลงใหลกระทำกาละ ๑
    เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย กล่าวโทษพระอริยะ
    ภิกษุนั้นจะไม่พึงถึงความฉิบหาย ๑๐ อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส ฯ
    จบสูตรที่ ๘<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
  3. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    อนุโมทนา สาธุ ครับ

    พวกทุศีล เดียยรถีย์ นอกรีต เอาศาสนาบังหน้า หลอกลวงผู้คนให้เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ตอนนี้อาจยังไม่สำนึก เวรกรรมตามทันเมื่อใด คงได้ไปสำนึกในอบายภูมินรกอันลึกที่สุด อันมืดมนธนกาล อันมีแต่การลงฑัณฑ์ อันมีแต่เปลวเพลิงที่แสบร้อนเผาไหม้ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นแน่แท้
     

แชร์หน้านี้

Loading...