ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับที่ร่วมกันไปครั้งนี้นะครับผม
     
  2. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    มหาโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  3. สิทธิชัยพัทยา

    สิทธิชัยพัทยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +304
    <TABLE class=MainTb border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ธนาคารผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>ธ.กรุงศรีอยุธยา - BAY </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>เลขที่บัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>348-1-23245-9 </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>PRATOM F. </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>จำนวนเงิน (บาท)</TD><TD class=RightCL colSpan=2>1,000.00 </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ค่าธรรมเนียม </TD><TD class=RightCL colSpan=2>0.00</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>กำหนดวันโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>04/05/2011 01:36:40 PM </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>หมายเลขอ้างอิงรายการ</TD><TD class=RightCL colSpan=2>tmbi8397013 </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>หมายเลขอ้างอิงระหว่างธนาคาร</TD><TD class=RightCL colSpan=2>304490939927
    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    วันนี้ผมโอนเงิน ทำบุญสงฆ์อาพาธครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพบรรยายจากการไปไหว้พระเจดีย์ ณ วัดถ้ำซับมืด จ.นครราชสีมา

    ตอนที่ 2

    ข้างบนของพระเจดีย์ มีพระธาตุของพระอริยสงฆ์เจ้า ดังนี้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    กระผมขอกราบขอขมามา ณ โอกาสนี้ ของคุณพระคุณเจ้าทั้งหลาย
    ที่กระผมอาจล่วงเกินโดยมิได้เจตนา หรือเจตนา ครับ

    และขออนุญาตนำภาพมา เผยแพร่ เพื่อเป็นกำลังใจ แห่งความพากเพียร
    ในการหมั่นปฏิบัติเข้าสู่ทางธรรมครับ

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Disc_0043.jpg
      Disc_0043.jpg
      ขนาดไฟล์:
      215.9 KB
      เปิดดู:
      421
    • Disc_0044.jpg
      Disc_0044.jpg
      ขนาดไฟล์:
      222.4 KB
      เปิดดู:
      415
    • Disc_0047.jpg
      Disc_0047.jpg
      ขนาดไฟล์:
      197.4 KB
      เปิดดู:
      474
    • Disc_0049.jpg
      Disc_0049.jpg
      ขนาดไฟล์:
      210.7 KB
      เปิดดู:
      435
    • Disc_0078.jpg
      Disc_0078.jpg
      ขนาดไฟล์:
      224.1 KB
      เปิดดู:
      418
    • Disc_0055.jpg
      Disc_0055.jpg
      ขนาดไฟล์:
      211.1 KB
      เปิดดู:
      411
    • Disc_0056.jpg
      Disc_0056.jpg
      ขนาดไฟล์:
      212.8 KB
      เปิดดู:
      418
    • Disc_0059.jpg
      Disc_0059.jpg
      ขนาดไฟล์:
      211 KB
      เปิดดู:
      418
    • Disc_0061.jpg
      Disc_0061.jpg
      ขนาดไฟล์:
      209.6 KB
      เปิดดู:
      427
    • Disc_0080.jpg
      Disc_0080.jpg
      ขนาดไฟล์:
      230.3 KB
      เปิดดู:
      465
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤษภาคม 2011
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ที่วัดถ้ำซับมืดนี่ เป็นวัดที่มีเจดีย์สวยงามมาก มองเห็นอ่างเก็บน้ำลำตะคองอยู่ไกลๆ ท่านหลวงปู่ทา อดีตประธานสงฆ์ที่นี่ท่านเก่งมาก ที่วัดมีรูปปั้นที่ปั้นรูปเสมือนจริงของท่านทำจากขี้ผึ้งสวยงามมาก ขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชมกันให้ได้ ทางที่ไปให้วิ่งเข้าไปที่ อ.ปากช่อง อย่าวิ่งออกเส้นนอกให้ตัดเข้าเส้นเก่า ต้องไปแบบแกะรอยไป ในเจดีย์มีพระธาตุของพ่อแม่ครูอาจารย์เสาร์ และพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นอยู่ด้วย ส่วนบนยอดเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุธสันโธ (ท่านที่มีตาในดีบอกมา) ส่วนรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ทาอยู่กุฏิท่าน ทุกวันนี้ท่านยังไม่ไปไหน ไปกราบท่านๆ ก็รู้ อริยเจ้าระดับนี้กระแสจิตท่านเร็วมากอยู่แล้ว อย่าลืมผ่านไปโคราชแถวปากช่อง ไปกราบพระบรมสารีริกธาตุที่วัดซับมืดนี้ให้ได้น๊ะครับ ทางเข้าดีมากรถวิ่งเข้าถึงวัด เข้าถึงเจดีย์เลย (ทางเข้าช่วงแรกขรุขระเล็กน้อย หลังจากนั้นราดยางตลอด)
    [​IMG]

    เสร็จแล้ววิ่งกลับเข้าเส้นทางหลัก ผ่านลำตะคอง เลยเข้าไปที่ อ.สูงเนิน วิ่งเข้าตัวอำเภอ เลยที่ทำการไปนิดนึงไปไหว้พระนอนอายุกว่า 2 พันปี รวมถึงวงล้อธรรมจักรสมัยเดียวกัน แนะนำให้ไปอีกเช่นกัน พลังแรงดีมากๆๆๆ ครับ ขอบอก ลองค้นหาในกูเกิลดูครับ

    [​IMG]

    พระนอนหินทรายอายุกว่า 2 พันปี มีเทพพรหมเทวา รักษาท่านมาก ไปถึงแล้วทำบุญกับทางวัดอย่าลืมขอพรจากปวงเทพพรหมเทวาด้วยจะดีมากครับ และหากมีเวลานั่งสมาธิภาวนาถวายท่านด้วย นับเป็นกุศล และเป็นมงคลแก่ตนเองอย่างที่สุด

    [​IMG]

    ธรรมจักรหินทราย สมัยเดียวกัน องค์จำลองคือตามภาพ ส่วนองค์จริงอยู่ในตู้กระจกด้านหลัง พลังสุดๆ เช่นกัน หินทั้งหลายที่อยู่ในห้องนี้ ปวงเทพพรหมเทวาท่านดูแลอยู่ พลังจึงเหลือเฟือ อธิษฐานขอได้ตามใจปรารถนาเช่นกัน หากไม่เกินกรรม ผมว่าสมประสงค์แน่ หินที่สำคัญๆ ในห้องนี้นี้คือ พระบาทหนึ่งคู่จากหินทราย ให้กราบท่านที่พระบาทคู่นี้ก่อนเปรียบเสมือนเรากราบแทบเท้าพระบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสร็จแล้วจึงมากราบ ฐานดอกบัว เสาจารึก หินกลิ้งสำหรับบดยา ใครโรคมากขออธิษฐานให้พลังจากหินบดยานี้ ให้โรคร้ายหายหรือทุเลาได้เช่นกัน เพราะกระแสพลังโบราณจารย์สมัยทราวดีท่านทำไว้อย่างนี้จริงๆ ที่อธิบายมานี้ยังไม่ซึ้งใจ หยุดยาวๆ กลางเดือนนี้ ไปกราบท่านแล้วจะรู้เองว่าบ้านเมืองเรายังมีสิ่งศักดิ์สิทธิอีกเยอะมากครับ ส่วนของฝากจากอำเภอสูงเนินคือ ซาละเปาทอด ราคากล่องละ 40 บาท อยู่ใกล้ที่ว่าการอำเภอ อร่อยสุดๆ เช่นเดียวกัน ขับรถไกล เหน็บเข้าปากทีละลูก สะใจมาก โดยเฉพาะไส้หมูแดงทอด...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2011
  6. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพบรรยายจากการไปไหว้พระเจดีย์ ณ วัดถ้ำซับมืด จ.นครราชสีมา

    ตอนที่สุดท้าย บริเวณรอบๆ วัด

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1020511.JPG
      P1020511.JPG
      ขนาดไฟล์:
      146.3 KB
      เปิดดู:
      368
    • P1020514.JPG
      P1020514.JPG
      ขนาดไฟล์:
      159.6 KB
      เปิดดู:
      370
    • P1020519.JPG
      P1020519.JPG
      ขนาดไฟล์:
      142.7 KB
      เปิดดู:
      366
    • P1020524.JPG
      P1020524.JPG
      ขนาดไฟล์:
      156.2 KB
      เปิดดู:
      403
    • P1020527.JPG
      P1020527.JPG
      ขนาดไฟล์:
      143.3 KB
      เปิดดู:
      375
    • P1020530.JPG
      P1020530.JPG
      ขนาดไฟล์:
      191.3 KB
      เปิดดู:
      365
  7. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพบรรยายจากการไปไหว้พระพุทธรูป ปางไสยาสน์

    ณ วัดธรรมจักรเสมาราม ต.เสมา อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา

    ดังเช่นพี่ท่านกล่าวข้างต้นครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    หากมีโอกาสไปกราบนมัสการ จะเป็นการดีมากๆ ครั้งหนึ่งของชีวิตเลยทีเดียวครับ

    เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ ครับ

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1020533.JPG
      P1020533.JPG
      ขนาดไฟล์:
      180.6 KB
      เปิดดู:
      424
    • P1020537.JPG
      P1020537.JPG
      ขนาดไฟล์:
      171.5 KB
      เปิดดู:
      402
    • P1020541.JPG
      P1020541.JPG
      ขนาดไฟล์:
      187.7 KB
      เปิดดู:
      371
    • P1020550.JPG
      P1020550.JPG
      ขนาดไฟล์:
      173.1 KB
      เปิดดู:
      400
    • P1020554.JPG
      P1020554.JPG
      ขนาดไฟล์:
      173.2 KB
      เปิดดู:
      385
    • P1020556.JPG
      P1020556.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.3 KB
      เปิดดู:
      367
    • P1020562.JPG
      P1020562.JPG
      ขนาดไฟล์:
      171.1 KB
      เปิดดู:
      370
    • P1020571.JPG
      P1020571.JPG
      ขนาดไฟล์:
      166 KB
      เปิดดู:
      369
    • P1020566.JPG
      P1020566.JPG
      ขนาดไฟล์:
      165.3 KB
      เปิดดู:
      354
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤษภาคม 2011
  8. Fuangfah

    Fuangfah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2010
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +2,494
    อนุโมทนาสาธุการค่ะ

    วันนี้เวลาประมาณ 16.38 น. โอนเงินร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ 150 บาทค่ะ
     
  9. วันทนา vijit

    วันทนา vijit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2008
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +359
    วันนี้ 06/05/2554 เวลา 10:20
    ข้าพเจ้า น.ส.วันทนา วิจิตรวัชรเวช
    ได้โอนเงินทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ 100 บาทค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
    จากธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขากระทรวงการคลังค่ะ
    ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
     
  10. บูรพาพยัคฆ

    บูรพาพยัคฆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +143
    ขออนุโมทาบุญด้วยครับผม

    [​IMG]
     
  11. nathaphat

    nathaphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +750
    วันนี้รวมทำบุญในนาม ครอบครัว อัครานนท์ และ ครอบครัว สุระนันท์ 300 บาท
    และ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • slip060554.jpg
      slip060554.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.6 KB
      เปิดดู:
      62
  12. natta_pea

    natta_pea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +1,515
    วันนี้ เวลา 17.45 น. ผมได้โอนเงิน 300 บาท
    ร่วมทำบุญฯ ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้ขอแนะนำอดีตพ่อแม่ครูอาจารย์รูปหนึ่งให้รู้จัก ท่านละสังขารไปเรียบร้อยแล้ว แต่จิตตานุภาพของท่านน้อยคนที่จะรู้ได้นอกจากระดับฌาณลาภีบุคคลเท่านั้น ก็จะไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างใดเล่า ก็ในเมื่อท่านเป็นหลานแท้ของสำเร็จลุน ผู้เข้มขลังด้วยบารมีและพลังจิตแห่ง สปป.ลาวนั่นเอง

    [​IMG]


    [​IMG]


    http://www2.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talk&No=230401


    <TABLE width=550 align=center><TBODY><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE style="FONT-SIZE: 10pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 align=center border=0><TBODY><TR height=15><TD width=420></TD><TD width=10></TD><TD width=120></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>


    </TD></TR></TBODY>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2011
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ในนามประธานุทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธขอขอบพระคุณทุกๆ ท่าน ตามรายชื่อข้างต้น ที่ได้ร่วมบริจาคปัจจัยผ่านทุนนิธิฯ เพื่อรักษาสงฆ์อาพาธ ตาม รพ.ต่างๆ ที่ทุนนิธิฯ ได้มีการติดต่อไว้ทั้ง ภาคใต้ เหนือ อีสานตอนบน อีสานตอนล่าง และภาคตะวันออก รวมถึงที่ รพ.สงฆ์ในส่วนกลางด้วยครับ

    [​IMG]

    ภาพการรักษาพระสงฆ์อาพาธจากโรงพยาบาลสงขลา จ.สงขลา ที่ทุนนิธิฯ ได้รับมาในปี 2553 ซึ่งการรักษาพระภิกษุตามภาพข้างต้น ทางโรงพยาบาลฯ ไม่สามารถช่วยชีวิตท่านไว้ได้ เนื่องจากท่านอาพาธเป็น มะเร็งที่หลอดลมในระยะสุดท้าย จึงมรณภาพด้วยอาการสงบในที่สุด และด้วยเหตุผลดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลจึงได้ขออนุญาตต่อทุนนิธิฯ ในการใช้เงินที่ทุนนิธิฯ บริจาคให้ทุกเดือนช่วยจัดหาโลงศพพร้อมกับค่าใช้จ่ายในการส่งศพ และผ้าไตรทอดหน้าโลงศพ 1 ผืน เพื่อเป็นการช่วยเหลือท่านเป็นครั้งสุดท้าย ในคราวนั้นทำให้คณะกรรมการฯ ทุกท่านต่างมีกำลังใจในการทำงานนี้ขึ้นอีกโข หลังจากที่มีการท้อใจ เนื่องจากภารกิจในทุนนิธิฯ มีผลต่อการทำงานประจำและการพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์กับครอบครัวของแต่ละคนมากนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2011
  15. ไชยชุมพล

    ไชยชุมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +1,873
    วันศุกร์ที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา คุณแม่ได้ร่วมทำบุญกับทุนนิธิฯ ประจำเดือนจำนวน 500 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พุทโธ หาย หรือ วาสนาของคนดอย? เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ก็คงจะหลายสิบปีมาแล้ว แล้ววันนี้ล่ะ คนเมือง เริ่มหาพุทโธ หรือยัง?


    [​IMG]


    หลวงปู่มั่นกับชาวเขา

    เกร็ดประวัติตอนนี้เป็นช่วงที่หลวงปู่มั่น
    ได้ธุดงค์ไปในแถบจังหวัดเชียงใหม่
    และได้พบกับชาวเขากลุ่มหนึ่ง



    ...................................................................


    ทั้งนี้ท่านเคยเล่าให้ฟังเวลาท่านไปพักอยู่กับพวกชาวเขา ซึ่งไม่เคยเห็นพระสงฆ์เป็นส่วนมาก นอกจากผู้มีโอกาสได้ลงมาเมืองหรือหมู่บ้านที่มีพระสงฆ์ถึงจะมีโอกาสได้เห็นบ้าง

    ขณะท่านไปถึงทีแรกสององค์ด้วยกัน ก็พากันพักอยู่ชายภูเขา ห่างจากหมู่บ้านชาวเขาราวสองกิโลเมตร พักอยู่ร่มไม้ธรรมดา

    ตอนเช้าพากันเข้าไปบิณฑบาต คนชาวเขาเห็นท่านเข้าไปบิณฑบาตก็ถามท่านว่า ตุ๊เจ้ามาธุระอะไร

    ท่านก็บอกว่ามาบิณฑบาต เขาถามว่ามาบิณฑบาตอย่างไร ?

    เพราะพวกเขาไม่เข้าใจ ท่านบอกว่าบิณฑบาตข้าว เขาถามว่าข้าวสุกหรือข้าวสาร ท่านบอกว่าข้าวสุก เขาก็บอกกันให้หา ข้าวสุกมาใส่บาตรท่าน ได้แล้วก็กลับมาที่พัก และฉันแต่ข้าวเปล่าๆ อยู่นาน

    ขณะไปพักอยู่ที่นั้นทีแรกชาวบ้านเขาไม่มีความเลื่อมใสและไว้วางใจท่านเลย ตกกลางคืนหัวหน้าบ้านตีเกราะนัด ให้ชาวบ้านมาประชุมรวมกัน และประกาศว่าขณะนี้มีเสือเย็นสองตัว (หมายถึงท่านอาจารย์กับพระที่อยู่ด้วยกันสององค์) มาพักอยู่ในป่าแห่งนั้นจะเป็นเสือเย็นประเภทใดก็ยังทราบไม่ได้ พวกเราไม่ไว้ใจเสือเย็นสองตัวนั้น จึงห้ามไม่ให้เด็กและผู้หญิงเข้าไปในป่านั้น แม้ผู้ชายจะไปก็ควรมีพวกมีเพื่อนและมีเครื่องมือติดตัวไปด้วย ไม่ควรไปคนเดียวและไปแต่ตัวเปล่าๆ เดี๋ยวเสือเย็นสองตัวนั้นเอาไปกินจะว่าไม่บอก

    ขณะที่เขากำลังประชุม ประกาศเรื่องเสือเย็นให้ชาวบ้านทราบ ก็เป็นเวลาที่ท่านอาจารย์กำลังเข้าที่ภาวนาอยู่พอดี เรื่องที่เขาประกาศให้ชาวบ้านทราบทั้งหมดจึงเป็นเหมือนประกาศให้ท่านซึ่งกำลังตกอยู่ในคำกล่าวหาว่าเป็นเสือเย็นทราบด้วยโดยตลอด

    ท่านเกิดความสลดสังเวชใจอย่างยิ่งที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่า ตนจะเป็นพระประเภทเสือเย็นดังคำกล่าวหา ขณะนั้นแทนที่ท่านจะโกรธและเสียใจในคำกล่าวหาของเขา แต่กลับเกิดความเมตตาสงสารเขาอย่างบอกไม่ถูก กลัวเขาผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็มีจำนวนมากจะพลอยเชื่อตามคำเหลวไหลนั้น และพลอยเป็นบาปกรรมไปตามๆ กัน เมื่อตายจากชาตินี้ไปแล้ว เขาจะไปเกิดเป็นเสือกันทั้งบ้าน

    พอตื่นเช้าท่านก็รีบบอกกับพระที่อยู่ด้วยว่า คืนนี้พวกชาวบ้านเขาประชุมประกาศกันว่า เราทั้งสององค์เป็นเสือเย็นที่ปลอมแปลงตัวเป็นพระมาหลอกลวงอย่างแยบยลลึกลับ เพื่อให้เขาตายใจเชื่อ แล้วกลับทำลายชีวิตและทรัพย์สินเขาด้วยวิธีต่างๆ ฉะนั้น เขาจึงไม่เลื่อมใสและไว้ใจพวกเราทั้งสองเลย เวลานี้หากว่าเราทั้งสองหนีไปจากที่นี่เสียในเวลาที่เขากำลังคิดไม่ดีอยู่ขณะนี้ เวลาเขาตายไปจะพากันไปเกิดเป็นสัตว์เป็นเสือกันทั้งบ้าน ซึ่งนับว่าเป็นกรรมแก่เขาไม่เบาเลย เพื่อความอนุเคราะห์เขาซึ่งควรแก่สมณะกิจพอทำได้ จึงควรอดทนอยู่ที่นี่ไปก่อน แม้จะทุกข์ลำบากก็พยายามอดทน ไปจนกว่าเขาจะพากันกลับใจได้ แล้วจะไปที่ไหนค่อยไปกันดังนี้

    นอกจากเขาไม่ไว้ใจและเลื่อมใสแล้ว พวกผู้ชายยังพากันมาคอยสังเกตการณ์ตามสถานที่ที่ท่านพักอยู่บ่อยๆ ครั้งละ ๓ - ๔ คน โดยมีเครื่องมือติดตัวมาด้วย มายืนลอบๆ มองๆ อยู่แถวบริเวณใกล้ๆ บ้าง มายืนอยู่ข้างทางจงกรมบ้าง มายืนอยู่ที่หัวจงกรมบ้าง มายืนอยู่กลางทางจงกรมบ้าง ในเวลาท่านกำลังเดินจงกรมทำความเพียรอยู่ ต่างคนต่างจ้องและสอดส่ายสายตามองมายังท่านและเหลือบมองไปรอบๆ บริเวณ เขาใช้เวลาสังเกตการณ์ด้วยความไม่ไว้ใจอยู่ทำนองนั้นนานประมาณครั้งละ ๑๐ นาทีบ้าง ๑๕ นาทีบ้าง แทบทุกวัน และไม่พูดจาไต่ถามอะไรกับท่านในระยะเริ่มแรก แล้วก็พากันกลับไป วันหลังได้โอกาสก็พากันมาใหม่ เขาใช้เวลาสังเกตท่านอยู่นานวันพอสมควร ส่วนอาหารปัจจัยเครื่องอาศัยเป็นอยู่หลับนอนของพระเสือเย็นทั้งสองตัวจะขาดตกบกพร่องหรือจะเป็นจะตายอย่างไรบ้างนั้น เขามิได้พากันสนใจคิดและขวนขวายกันเลย

    ฉะนั้น การเป็นอยู่ของท่านทั้งสองที่เขาให้นามว่าเสือเย็นจึงลำบากอัตคัดมากอาหารบิณฑบาตอย่างมากก็ได้ข้าวเปล่าๆ มาฉัน บางวันรวมทั้งฉันน้ำด้วยก็อิ่มพอเบาะๆ บางวันรวมทั้งฉันน้ำก็ไม่พอ ที่อยู่หลับนอนก็อาศัยโคนไม้เป็นประจำ ทั้งแดด ทั้งฝนก็ทนเอา เพราะที่นั้นไม่มีถ้ำหรือเงื้อมผาพอได้อาศัยถ้าฝนตกชุกมาก ในบางวันตกทั้งวัน พอฝนเบาลงบ้างก็พยายามเที่ยวเก็บใบไม้แห้ง หญ้าแห้งมาทำเป็นจากมุงพอบังแดดบังฝนไปพลาง พอประทังชีวิตไปวันหนึ่งๆ ด้วยความทุกข์ลำบากมากมาย

    ขณะฝนตกก็เข้าหลบซ่อนอยู่ในกลดในมุ้ง พอบรรเทาความหนาว เวลาลมพัดจากภูเขามาอย่างแรงฝนก็สาด กลดก็จะปลิวหลุดมือ องค์ท่านและบริขารก็เปียกตัวสั่น เหมือนลูกนกลูกกา ถ้าเป็นตอนกลางวันก็พอทำเนา มองเห็นที่ไปที่หลบซ่อนและที่เก็บบริขารต่างๆ บ้าง แต่ฝนตกเอาตอนกลางคืนรู้สึกลำบากมาก ตาก็มองไม่เห็นอะไรทั้งฝนกระหน่ำลง ลงกระหน่ำมาประดังกัน กิ่งไม้ที่ถูกลมพัดอย่างแรงต่างก็ขาดตกลงข้างหน้า ข้างหลังตูมตามๆ ไม่แน่ใจว่าชีวิตจะต้านทานฝน ต้านทานลม ต้านทานความเหน็บหนาว หรือจะต้านทานกิ่งไม้น้อยใหญ่ที่หักตกลงและโหมกันมาจากทิศต่างๆ ในขณะนั้น เมื่อชีวิตยังอยู่ก็ทนกันไป ร้อนก็ทนไป หนาวก็ทนไป หิวก็ทนไป กระหายก็ทนไป อดบ้างอิ่มบ้างก็ทนไป จนกว่าจะหมดกลิ่นแห่งความระแวงสงสัยของชาวบ้านที่หวาดระแวงต่อท่านว่าเป็นเสือเย็นคอยหลอกลวงกินเนื้อกินหนังเขา

    การขบฉันแม้เพียงข้าวเปล่าๆ ก็อดมื้อ อิ่มมื้อ สิ่งอื่นนั้นไม่จำต้องพูดถึงว่าเขาจะมีความสนใจไยดีให้ท่าน ที่พักที่อยู่ก็แบบคนอนาถาหา ที่เกาะที่พึ่งไม่ได้เราดีๆ นี่เอง น้ำก็หิ้วกาน้ำลงไปในคลองซึ่งอยู่ตีนเขา กรองให้เต็มกาแล้วก็หิ้วขึ้นมาฉันมาใช้ หลังจากสรงเสร็จแล้ว แต่ทำความเพียรสะดวกดีมากหมดกังวลทุกด้านไม่มีอะไรเกาะเกี่ยว ตอนกลางคืนยามดึกสงัดทำภาวนาฟังเสียงเสือกระหึ่มไปมาทีละหลายๆ ตัว ใกล้ๆ บริเวณที่ท่านพักใต้ร่มไม้ แต่แปลกอยู่อย่างหนึ่งที่เสือไม่เข้ามาหาท่านเลย ล้วนเป็นเสือโคร่งใหญ่ลายพาดกลอนทั้งนั้นท่านว่าท่านเพลิดเพลินไปกับเสียงสัตว์ชนิดต่างๆ แต่บางทีเสือก็เข้ามาหาท่านและลูกศิษย์ท่านเหมือนกัน เขาคงสงสัยว่าเป็นสัตว์ซึ่งควรจะเป็นอาหารได้บ้าง แล้วแอบเข้ามาดู พอคนกระดุกกระดิกขึ้น เขาร้องโก้ก พร้อมกับกระโดดเข้าป่าไป วันหลังไม่เห็นเขามาหาอีกเลย

    พอตกบ่ายๆ ก็มีชาวบ้านราว ๓ - ๔ คน ออกมาสังเกตการณ์แทบทุกวัน แต่เขาไม่พูดจาอะไรกับท่าน ท่านก็มิได้สนใจกับเขา เฉพาะพวกเขาเอง บางครั้งมีการพูดกระซิบกระซาบกัน ขณะที่พวกเขามาที่นั่นท่านกำหนดจิตดูจิตใจเขาที่คิดปรุงอยู่ทุกขณะ และทุกเวลาที่เขามา ส่วนพวกเขาเองก็คงไม่สนใจคิดว่า ท่านจะรู้เรื่องความคิดปรุงทางใจตลอดคำพูดเขาที่ระบายออกจากใจผู้บงการอะไรเลย คงเข้าใจว่าตนมีความลับที่ไม่มีใครสามารถสอดรู้อยู่ภายใน จึงสนุกคิดเรื่องต่างๆ อย่างเพลินใจ ซึ่งโดยมากก็เป็นความคิดคอยจับผิดท่านอยู่ภายใน ท่านกำหนดดูใจของใครของใครที่มาด้วยกันกี่คนก็มีความรู้สึกนึกคิดที่คอยจับผิดอยู่ภายในเช่นเดียวกันหมดสมกับเขาประกาศสั่งพวกเขาให้มาสังเกตการณ์จริงๆ ท่านเองแทนที่จะคิดระวังตัวกลัวเขาจะจับผิด แต่กลับคิดสงสารเขาเป็นกำลัง ว่าคนในบ้านนั้นมีไม่กี่คนที่เป็น ผู้ชักนำชาวบ้านซึ่งมีหลายคนให้เห็นผิดไปด้วย

    ท่านพักอยู่ที่นั้นเป็นเดือนๆ ยังไม่เห็นเขาลดละความพยายามคอยจับพิรุธความผิดพลาดท่าน พวกใดมาหาล้วนมีความจ้องมองหาแต่ความผิดกับท่านเช่นเดียวกัน ท่านว่าเขาช่างพยายามเอาเสียจริง ๆ แต่ยังดีอยูอย่างหนึ่งที่เขาไม่พร้อมใจ กันมาขับไล่ท่านให้หนีจากที่นั้น เป็นเพียงจัดวาระกันมาควบคุมโดยทางลับเท่านั้น เมื่อท่านอยู่นานไป ทั้งพวกเขาก็มาสังเกตดูอยู่หลายครั้ง เฉพาะพวกหนึ่งๆ ยังไม่อาจจับความเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดท่านได้ เขาคงแปลกใจอยู่มาก

    ในเวลาต่อมาคืนวันหนึ่งท่านกำลังนั่งภาวนาอยู่ ได้ยินหรือทราบขึ้นในใจว่า หัวหน้าบ้านประชุมสอบถามผลของการสังเกตการณ์ว่าได้ผลคืบหน้าไปเพียงใดบ้าง

    ชาวบ้านบรรดาที่มาสังเกตให้คำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีผลอะไรตามความคิดเห็นของพวกเราที่คิดกันไป ทำอย่างนั้นดีไม่ดี น่ากลัวจะเป็นโทษมากกว่าผลที่คาดกัน

    ผู้สงสัยซักขึ้นทำไมว่าอย่างนั้น เขาตอบกันว่าก็เท่าที่สังเกตดูแล้ว ตุ๊เจ้าสองตนนั้น ไม่เห็นมีกริยาท่าทางใดๆ ที่เป็นไปดังที่พวกเราคาดกัน ไปสังเกตดูทีไรก็เห็นแต่ท่านนั่งหลับตานิ่งอยู่บ้าง ท่านเดินกลับไปกลับมาในท่าสำรวม ไม่มองโน้นมองนี้อย่างคนทั่วๆไปบ้าง คนที่จะเป็นเสือเย็น ตั้งท่าคอยฉีกสัตว์กัดคนคงไม่ทำอย่างนั้น ต้องมีอาการแสดงออก ให้พอจับได้บ้าง แต่ตุ๊เจ้าสองตนนี้ไม่มีกริยาเช่นนั้นแฝงอยู่บ้างเลย ถ้าขืนไปทำอย่างที่พากันทำอยู่ทุกวันนี้ จึงน่ากลัวเป็นบาป ทางที่ถูกควรไปศึกษาไต่ถามท่านดูให้รู้เหตุผลต้นปลายก่อน อยู่ๆ ก็ไปเหมาว่าท่านไม่ดี เอาเลยตามความคิดเห็นเฉยๆ อย่างนี้น่ากลัวเป็นบาป

    บรรดาพวกที่ไปสังเกตท่านมาแล้ว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านเป็นตุ๊เจ้าดียากจะหาได้ พวกเราก็เคยเห็นตุ๊เจ้ามาบ้างพอจะรู้ของดี ของไม่ดี บางรายก็ว่าเคารพเลื่อมใสท่านมากกว่าจะคิดแส่หาโทษท่าน ถ้าอยากทราบรายละเอียดก็ควร ไปศึกษาไต่ถามท่านดูบ้างว่า การนั่งหลับตานิ่ง ๆ ก็ดี การเดินกลับไปกลับมาก็ดี ท่านนั่งเพื่ออะไร และท่านเดินหาอะไร ท่านว่าสุดท้ายแห่งการประชุมของชาวป่าได้ความว่าให้คนไปไต่ถามท่านดูตามที่ตกลงกัน

    ตื่นเช้ามาท่านก็พูดกับพระที่อยู่ด้วยว่าเขาเริ่มกลับใจมาทางดีแล้ว คืนนี้เขาประชุมกันเกี่ยวกับการมาสังเกตดูพวกเรา ตกลงกันว่าจะจัดให้คนมาไต่ถามข้อข้องใจกับพวกเรา พอวันหลังตอนบ่ายๆ เขาพากันมาจริงๆ


    ดังที่รู้ไว้ในจำนวนที่มามีคนหนึ่งถามขึ้นว่า ตุ๊เจ้านั่งหลับตานิ่งๆ และเดินกลับไปกลับมานั้น ตุ๊เจ้านั่งและเดินหาอะไร

    ท่านตอบเขาว่า "พุทโธเราหาย" เรานั่งและเดินหา "พุทโธ"

    เขาถามท่านว่าพุทโธเป็นตัวอย่างไร พวกเราจะช่วยตุ๊เจ้าหาได้ไหม ?

    ท่านตอบว่าพุทโธเป็นดวงแก้วอันประเสริฐเลิศโลกในไตรภพ เป็นดวงฉลาดรอบรู้ทั่วไตรโลกธาตุ ถ้าสูจะช่วยเราหาก็ยิ่งดีมาก จะได้เห็นพุทโธเร็วๆ ง่ายๆ ด้วย (สูเป็นคำที่ชาวเขานับถือกันว่าดีมากสนิทกันมาก)

    เขาถามว่า พุทโธตุ๊เจ้าหายมานานแล้วหรือ ?

    ท่านตอบว่าไม่นาน ถ้าสูช่วยหาให้ยิ่งจะพบเร็วกว่า เราหาเพียงคนเดียว

    เขาถามว่า พุทโธเป็นดวงแก้วใหญ่ไหม ?

    ท่านตอบว่าไม่ใหญ่ไม่เล็ก พอดีกับเราและกับพวกสูดีๆ นี่เองใครหาพุทโธพบ คนนั้นประเสริฐ มองเห็นอะไรได้ตามใจหวัง

    เขาถามมองเห็นนรกสวรรค์ได้ไหมตุ๊เจ้า ?

    ท่านตอบว่ามองเห็นซิ ไม่เห็นจะว่าประเสริฐได้อย่างไร

    ลูกเมียผัวตายมองเห็นได้ไหมตุ๊เจ้า ?

    ท่านตอบว่าเห็นหมด ถ้าต้องการอยากเห็นเมื่อได้พุทโธแล้ว

    เขาถาม สว่างมากไหม ?

    ท่านตอบว่า สว่างมาก ยิ่งกว่าพระอาทิตย์ตั้งร้อยดวงพันดวง เพราะพระอาทิตย์ไม่สามารถส่องเห็นนรกสวรรค์ได้ แต่ดวงพุทโธสามารถส่องเห็นหมด

    เขาถามผู้หญิงช่วยหาได้ไหม ? เด็กๆ ช่วยหาได้ไหม ?

    ท่านตอบได้ทั้งนั้น ไม่นิยมว่าหญิงว่าชาย ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ใครหาก็ได้ทั้งนั้น

    เขาถามท่านว่าพุทโธนั้นประเสริฐในทางใดบ้าง กันผีได้ไหม ?

    ท่านตอบว่าพุทโธประเสริฐ และใช้ได้หลายทางจนนับไม่ถ้วน ในโลกทั้งสาม คือ กามโลก รูปโลก อรูปโลก โลกทั้งสามต้องยอมกราบพุทโธทั้งนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าพุทโธ ผีก็กลัวพุทโธมาก ต้องกราบพุทโธ ใครหาพุทโธแม้ยังไม่พบ ผีเริ่มกลัวผู้นั้นแล้ว

    เขาถามท่าน พุทโธเป็นแก้วสีอะไรตุ๊เจ้า

    ท่านตอบพุทโธเป็นแก้วดวงสว่างไสวและมีหลายสีจนนับไม่ได้ พุทโธนี้เป็นสมบัติอันวิเศษของพระพุทธเจ้า พุทโธนั้นเป็นองค์แห่งความรู้ความสว่างไสวไม่เป็นวัตถุ พระพุทธเจ้าท่านมอบให้พวกเราไว้หลายปีแล้ว แต่เราเองยังหาพุทโธที่ท่านมอบให้ยังไม่เจอ ไม่ทราบว่าอยู่ที่ตรงไหน แต่จะอยู่ที่ไหนไม่สำคัญนัก ที่สำคัญก็คือถ้าสูจะพากันช่วยเราหาพุทโธจริงๆ ให้พากันนั่ง หรือเดินนึกในใจว่าพุทโธๆ อยู่ภายในโดยเฉพาะ ไม่ให้จิตส่งออกไปนอกกาย ให้รู้อยู่กับคำว่าพุทโธๆ เท่านั้น ถ้าทำอย่างนี้พวกสูอาจเจอ พุทโธก่อนเราก็ได้

    เขาถามท่านว่า การนั่งหรือเดินหาพุทโธ จะให้นั่งหรือเดินนานเท่าไรถึงจะพบพุทโธแล้วหยุดได้

    ท่านตอบ ให้นั่งหรือเดินเพียง ๑๕ หรือ ๒๐ นาทีก่อนสำหรับผู้ตามหาพุทโธทีแรก พุทโธท่านยังไม่อยากให้พวกเราตามหาท่านนานนัก กลัวจะเหนื่อยแล้วตามพุทโธไม่ทัน เดี๋ยวจะขี้เกียจเสียก่อน ทีหลังจะไม่อยากตามหาท่านแล้วเลยจะไม่พบท่าน เอาเพียงเท่านี้ก่อน ถ้าอธิบายมากกว่านี้ จะจำวิธีไม่ได้แล้วตามหาพุทโธไม่พบ

    เสร็จแล้วเขาพากันกลับบ้าน การลาท่านสำหรับเขาแล้วไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาไม่เคยลาใคร ว่าจะไปเขาลุกขึ้นแล้วก็ไปทันทีทันใดไม่สนใจคำลาใครทั้งนั้นพอไปถึงบ้านแล้วชาวบ้านต่างมารุมถามเป็นการใหญ่ เขาอธิบายให้ฟังตามที่ท่านสั่งสอนเขาแต่โดยย่อไว้ก่อนนั้น นอกจากนั้นเขายังอธิบาย เรื่องท่านพระอาจารย์ให้ชาวบ้านฟังว่าที่สงสัยการนั่งหลับตานิ่งๆ และการเดินกลับไปกลับมานั้น ท่านนั่งและเดินหาพุทโธดวงเลิศต่างหาก มิได้นั่งและเดินแบบเสือเย็นดังที่พวกเราเข้าใจกันพอชาวบ้านทราบวิธีตามที่พวกมาถามท่านนำไปเล่าให้ฟังแล้ว ต่างคนต่างสนใจฝึกหัดนึก พุทโธภายในใจโดยทั่วกัน นับแต่หัวหน้าบ้านลงมาถึงผู้หญิง และเด็กๆ ที่พอรู้วิธีนึกพุทโธได้

    เป็นที่อัศจรรย์ไม่คาดฝันว่าจะมีผู้รู้เห็นธรรมของพระพุทธเจ้าภายในใจอย่างประจักษ์โดยไม่เนิ่นนานนัก คือผู้ชายคนหนึ่งซึ่งตามหาพุทโธ แล้วประสบธรรมคือความสงบสุขทางใจจากการนึกบริกรรมพุทโธ ตามวิธีที่ท่านบอกเขา ท่านเล่าว่าก่อนหน้า ๓ - ๔ วัน ที่เขาจะประสบผลจากพุทโธ เขานอนหลับฝันถึงท่านพระอาจารย์ว่าท่านเอาเทียนใหญ่ที่จุดไฟอย่างสว่างไสวไปติดไว้บนศีรษะเขา พอท่านติดเทียนเสร็จ แล้วนับแต่ศีรษะลงมาถึงตัวเขาปรากฎว่าสว่างไสวไปโดยตลอด เขาดีใจมากว่าตนได้ของดีมีความสว่างแผ่ออกไปนอกกายตั้งหลายๆ วา พอจิตเขาเป็นขึ้นมาก็รีบมาหาท่านพระอาจารย์ และเล่าเรื่องความเป็นและความฝันให้ท่านอาจารย์ฟังอย่างน่าอัศจรรย์

    จากนั้นท่านก็ได้อธิบายเพิ่มเติมให้เขาไปทำต่อ ปรากฏว่าได้ผลอย่างรวดเร็วและยังสามารถรู้ใจของผู้อื่นได้อีกด้วย ว่าใจของใครยังมีเศร้า หมองและผ่องใสเพียงใด เขาพูดกับท่านอย่างไม่มีการสะทกสะท้านเลย ซึ่งตรงกับจริตคนป่าที่มีนิสัยพูดตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ในเวลาต่อมาเขาออกมาเล่าธรรมให้ท่านฟังว่า เขาได้พิจารณารู้เห็นจิตท่านอาจารย์และพระที่อยู่กับท่านได้อย่างชัดเจน

    ท่านเองก็ถามเขาบ้างเป็นเชิงเล่นๆ ว่าจิตของท่านเป็นอย่างไร มีบาปมากไหม ?

    เขาตอบท่านทันทีเลยว่า จิตของตุ๊เจ้าไม่มีจุดมีดวงเหลืออยู่แล้ว มีแต่ความสว่างไสว อันเป็นที่อัศจรรย์อย่างยิ่งอยู่ภายในเท่านั้น ตุ๊เจ้าเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลกไม่มีใครเสมอเหมือน เฮาไม่เคยเห็น ตุ๊เจ้ามาพักอยู่ที่นี่ตั้งนานร่วมปีแล้ว ทำไมไม่สอนเฮาบ้างก๊าแต่แรกมาอยู่

    ท่านตอบว่า จะให้เราสอนอย่างไร ก็ไม่เคยเห็นพวกสูมาศึกษาไต่ถามเรานี่นา

    เขาตอบท่านว่า ก็เฮาบ่ฮู้ก๊า ว่าตุ๊เจ้าเป็นผู้วิเศษ ถ้าฮู้จะทนอยู่ได้อย่างไร ต้องมาแน่ ๆ ทีนี้พวกเฮาฮู้แล้วก๊าว่าตุ๊เจ้าเป็นผู้ฉลาดมาก เวลาพวกเฮามาถามว่าตุ๊เจ้านั่งหลับตานิ่งๆ และเดินกลับไปกลับมานั้น ทำทำไม หรือหาอะไร ตุ๊เจ้าก็บอกพวกเฮาว่าพุทโธหาย ให้พวกเฮาช่วยหา เมื่อถามถึงพุทโธเป็นลักษณะอย่างไร ก็บอกไปว่า เป็นแก้วดวงสว่างไสว ความจริงจิตตุ๊เจ้าเป็นพุทโธอยู่แล้ว มิได้สูญหายไปไหน แต่เป็นอุบายฉลาดของตุ๊เจ้าที่เมตตาสงสารพวกเฮา ให้ภาวนาพุทโธเพื่อให้จิตพวกเฮาสว่างไสว เหมือนจิตตุ๊เจ้าต่างหาก เฮาฮู้แล้วว่าตุ๊เจ้าเป็นผู้ประเสริฐและเฉลียวฉลาด ปรารถนาให้พวกเฮาได้บุญ มีความสุข และพบพุทโธดวงประเสริฐที่ใจตัวเอง มิใช่หาพุทโธให้ตุ๊เจ้า


    นับแต่เขาคนนั้นได้เห็นธรรมกายในใจเพียงคนเดียวเท่านั้น เรื่องก็กระจายไปทั่วบ้านในไม่ช้า คนในบ้านต่างก็เกิดความสนใจและ พากันภาวนาพุทโธไปตามๆ กัน ตลอดเด็กเล็กๆ และเกิดความเชื่อถือและเลื่อมใสท่านพระอาจารย์มั่นมาก เรื่องเสือเย็นเลยหายซากไป ไม่มีใครกล่าวถึงเลย

    นับแต่นั้นมา เวลาท่านกลับจากบิณฑบาตคนที่ภาวนาเป็นนั้นต้องตามส่งบาตรและ ศึกษาธรรมกับท่านทุกวัน ถ้าวันไหนเขามีธุระไม่ได้ตามส่งบาตรท่าน ก็สั่งกับคนไว้

    ในหมู่บ้านนั้นทราบว่ามีคนภาวนาเป็นอยู่หลายคน มีทั้งชายและหญิง ที่เก่งกว่าเพื่อนก็คือเขาคนเป็นก่อนนั่นเอง คนเราเมื่อความพอใจมีแล้ว สิ่งอื่นๆ ก็ค่อยเป็นไปเอง เช่นคนพวกนี้แต่ก่อนเขาไม่เคยสนใจกับท่านเลยว่า ท่านได้อยู่ได้นอนได้ขบฉันอย่างไรบ้าง แม้จะเป็นหรือจะตายเขาไม่สนใจทั้งนั้น พอเขาเกิดความเชื่อถือและเลื่อมใสแล้ว ทุกสิ่งที่เคยขาดแคลนก็กลับกลายเป็นความสมบูรณ์ขึ้นมาเป็นลำดับ

    ทางจงกรม กุฏิที่พัก ที่ฉัน เขาพร้อมกันมา ทำถวายท่านเองจนเรียบไปหมดโดยมิได้บอกกล่าวเลย มิหนำเขายังมาตำหนิท่านเป็นเชิงชมเชยอยู่อย่างลึกลับด้วยว่า ทางจงกรมอย่างนั้นอย่างนั้นตุ๊เจ้าก็เดินได้ ดูแล้วมีแต่ต้นไม้เครือเขาเถาวัลย์เต็มไปหมด ตุ๊เจ้ามิใช่หมูพอจะเดินบุกป่าฝ่าดงไปอย่างนั้น แต่ทำไมยังอุตส่าห์เดินบุกไปได้เมื่อเฮาถามว่า นี่ทางอะไร ก็บอกว่าทางเดินหาพุทโธ พุทโธเราหาย

    เมื่อเฮาถามว่า นั่งหลับตาอยู่นิ่งๆ นั้นนั่งทำไม ก็บอกว่านั่งหาธรรมบ้าง นั่งหาพุทโธบ้าง

    พูดอย่างนั้นก็ได้ ตุ๊เจ้านี้แปลกกว่าคนทั้งหลาย ตุ๊เจ้าวิเศษเลิศโลกเท่าไรก็มิได้บอกว่าวิเศษ ตุ๊เจ้าคนนี้แปลกมาก เฮาชอบนิสัยตุ๊เจ้าตนนี้มาก ทีหลับทีนอนก็มีแต่ใบไม้ปูเต็ม พื้นดินจนจะเหม็นเน่าอยู่แล้ว ท่านทนนอนมาตั้งหลายเดือนทำไมทนได้ เฮาดูที่นอนตุ๊เจ้าแล้วเหมือนที่นอนหมู เห็นแล้วเฮาสงสารตุ๊เจ้ามากจนเกือบร้องไห้

    พวกเฮาเองก็โง่จริงๆ โง่กันทั้งบ้าน ไม่รู้จักของดี มิหนำบางคนยังหาว่าตุ๊เจ้ามาอยู่เพื่อหลอกลวงชาวบ้านแล้วเขาก็พากันรังเกียจระแวง แต่เวลานี้พวกเขา พากันเชื่อถือและเลื่อมใสตุ๊เจ้ากันทั้งบ้านแล้ว เพราะเขาทราบเรื่องของตุ๊เจ้าจากเฮาก๊า

    ดังนี้ ท่านว่าคนพวกนี้ถ้าลงเขาได้เชื่อและเคารพนับถือแล้ว ต้องนับถือแบบถึงใจจริงๆ และถึงไหนถึงกัน เป็นก็เป็นด้วยกันตายก็ตายด้วยกัน แม้ชีวิตก็ยอมสละได้ เราพูดอะไร เขาเชื่อฟังและเคารพนับถือมาก การบริกรรมภาวนาหาพุทโธของเขา ท่านก็สอนให้เขยิบเวลาขึ้นไปตามความเคยชิน และผู้ชำนาญเป็นลำดับ ปีนั้นท่านต้องจำพรรษากับพวกเขา รวมแล้วเป็นเวลาปีกว่า ท่านไปอยู่กับพวกเขา ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนเมษายน ปีหลังจึงได้จากเขาไป ก่อนจะจากเขาไปได้ก็นับว่าทุลักทุเลด้วยความสงสารเขาเอาการอยู่ เนื่องจากเขาไม่ยอมให้ท่านหนีไปไหนเอาเลย

    เขาบอกท่านว่า แม้ท่านตายลงไปในที่นั้น เขาทั้งบ้านจะรับรองเผาศพท่าน แม้เขาเองก็มอบชีวิตไว้กับท่านด้วย เพราะความรักและเคารพเลื่อมใสท่านมาก ผลดีก็เห็นประจักษ์ตาประจักษ์ใจ น่าชมเชยเขาที่มีความฉลาดระลึกในความผิดได้ พอเห็นพระที่ปฏิบัติดีน่าเลื่อมใสจริงๆ แล้วก็กลับมาเห็นโทษความผิด ของตนที่คิดไม่ดีแต่ก่อน แล้วพร้อมกันมาขอขมาโทษท่านให้อโหสิกรรมให้ก่อนจากพวกเขา

    ท่านได้พูดกับพระที่อยู่ด้วยว่า ที่นี่เขาหมดโทษแล้วเราจะไป ที่ไหนก็ได้ไม่ขัดข้องแล้ว แต่สำคัญตอนลาเขาออกจากที่นั้น ท่านว่าน่าสงสารสังเวชกับความรักความนับถือ ความเคารพเลื่อมใสและคำวิงวอนเขาจนบอกไม่ถูก

    พอพวกเขาทราบว่าท่านจะจากเขาไปเท่านั้น เขาพากันออกมาทั้งบ้านมาร้องไห้วิงวอนกันอย่างชุลมุนยุ่นวายไปทั้งป่า เหมือนคนร้องไห้คิดถึงคนตายนั่นเอง ท่านก็พยายามแสดงเหตุผลที่จำต้องจากเขาไป และปลอบโยนพวกเขาไม่ให้เสียใจจนเลยขอบเขตแห่งธรรม คือความพอดี จนเขาเป็นที่ลงใจแล้วก็ออกจาก ที่พักอันแสนสำราญนั้น สิ่งที่ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้นอีก คือทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างคนต่างวิ่งออกไปรุมล้อมท่าน และเข้าแย่งเอาบริขาร กลด บาตร กาน้ำ กับผู้ตามส่งท่าน และฉุดชายสบงจีวรกอดแข้งกอดขาท่านดึงท่านกลับมาที่พักอีก เหมือนเด็กๆ โดยไม่ยอมให้ท่านไป ท่านต้องกลับมาแสดงเหตุผลและ ปลอบโยนใจให้สงบเย็นอีกพักหนึ่งแล้วค่อยพากันปล่อยให้ท่านไป พอท่านก้าวออกจากที่พักเดินไปได้ประมาณ ๔-๕ วาเท่านั้น ต่างก็ร้องไห้แล้วพากันตาม ฉุดเอาท่านกลับมาอีก ทำเอาท่านเสียเวลาไปหลายชั่วโมง ฟังเสียงร้องไห้ระเบ็งเซ็งแซ่ฉุกละหุกวุ่นวายไปทั่วทั้งป่า ซึ่งเป็นที่น่าสมเพชเวทนาเอานักหนา

    คำว่า เสือเย็น ที่เกิดขึ้นในตอนแรกๆ จึงหมดความหมายไปทั้งสองฝ่าย ที่ยังเหลืออยู่จึงมีแต่ความเคารพเลื่อมใสความอาลัยอาวรณ์ ในท่านผู้ทรงคุณ ธรรมอันสูงส่งที่สุดจะอดกลั้นไว้ได้ ขณะที่ท่านจากไปจึงมีแต่เสียงร้องไห้ระทมทุกข์ของพวกชาวเขาที่พิไรรำพัน ทั้งเสียงร้องไห้และสั่งเสียว่า เมื่อตุ๊เจ้าไปแล้วให้รีบกลับคืนมาหาพวกเฮาอีก อย่าอยู่นาน พวกเฮาคิดถึงตุ๊เจ้าแทบอกจะแตกตายอยู่เดี๋ยวนี้แล้วก๊า จนไม่ทราบว่าเป็นเสียงเด็กหรือ เสียงผู้ใหญ่ทีต่างคนต่างร้องไห้ไว้ทุกข์ในคราวท่านจากไปเวลานั้น

    นับว่าท่านไปอยู่ในท่ามกลางแห่งความระแวงสงสัยไม่พอใจของเขาในครั้งแรก แต่จากไปในท่ามกลางแห่งความอาลัยเสียดายของเขาในภายหลัง จึงนับว่าท่านเที่ยวชะล้างสิ่งสกปรกรกรุงรังให้กลายเป็นของสะอาดปราศจากมลทิน ควรแก่ความเป็นของมีคุณค่าขึ้นได้สมกับท่านบวชมา เป็นลูกศิษย์ของพระตถาคตผู้ไม่ถือโกรธถือโทษกับผู้ใดจริงๆ ใครรังเกียจ ท่านก็พยายามอนุเคราะห์ด้วยความเมตตาสงสาร ไม่ยึดเอาความผิดพลาด ของเขามาเป็นอารมณ์เครื่องขุ่นข้องหมองใจให้เป็นภัยแก่ตนและผู้อื่น มีใจที่เต็มเปี่ยมด้วยเมตตาอันเป็นที่เจริญศรัทธาของโลกผู้ร้อนด้วยกิเลสตัณหา วิ่งเข้ามาอาศัยให้ได้รับความไว้วางใจและเย็นฉ่ำทั่วหน้ากัน นับว่าเป็นผู้อัศจรรย์ด้วยคุณธรรมอันหาที่เปรียบได้ยาก



    ..................... เอวัง .....................


    คัดลอกเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
    ซึ่งบันทึกโดยท่านพระอาจารย์หลวงตามหาบัว ญานสัมปันโน
    http://se-ed.net/platongdham/





     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    ภัย ๔ อย่างของผู้ภาวนา
    โดย หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

    กลางดึกคืนหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังจำวัดอยู่ ท่านได้สะดุ้งขึ้นอย่างแรง พระผู้ปฏิบัติอยู่ใกล้ๆ ต่างรีบจัดหมอนและผ้าห่มถวายท่าน องค์หนึ่งสงสัยจึงกราบเรียนถามท่านว่า ท่านสะดุ้งตื่นด้วยเหตุใด หลวงปู่เลยบอกศิษย์ว่า ดูเมื่อกี้นี้ ไม่เห็นพระมีแต่จระเข้อยู่เต็มกุฏิ

    ไปดูซิ นอนอยู่ใต้ถุนตัวหนึ่ง นอนอยู่บนเตียงตัวหนึ่ง ตัวใหญ่ๆ นอนอยู่ตรงกลาง ไปดูซิ...ใช่ไหม...

    พระเณรรีบไปดู ก็จริงดังท่านว่า...!

    กล่าวคือ แทนที่จะเห็นภาพพระเณร ศิษย์ของท่านกำลังนั่งภาวนาอย่างเอาเป็นเอาตาย ให้สมกับที่ปวารณาตัวถวายเป็นศิษย์พระกรรมฐาน แต่กลับมีพระเณรนอนอยู่ใต้ถุน...บนเตียง...องค์ใหญ่นั้นนอนตรงกลาง....

    ไม่น่าประหลาดใจที่ทำไมบรรดาศิษย์จึงเกรงกลัวท่านกันนัก ท่านไม่ต้องลุกเดินไปตรวจตราดูใคร ท่านเป็นอัมพาต นอนอยู่กับที่ แต่ท่านก็ทราบได้ดีว่า ศิษย์คนไหนภาวนาหรือไม่

    ผู้ไม่ภาวนา ท่านเห็นเป็นภาพจระเข้นอนกลิ้งเกลือกกองกิเลสอยู่...!

    หลวงปู่เตือนเสมอถึงภัย ๔ อย่างของพระกรรมฐาน ท่านสอนให้ศิษย์ของท่านควรระวัง...ระวังเหมือนถ้าเฮาจะลงไปในฮ้วงน้ำข้ามโอฆสงสารก็ต้องระวังภัย ๔ อย่างคือ คลื่น หนึ่ง จระเข้ หนึ่ง วังน้ำวน หนึ่ง....และปลาร้าย อีกหนึ่ง ท่านบอกศิษย์ให้ระวัง ทั้งคลื่น ทั้งจระเข้ ทั้งวังน้ำวน และปลาร้าย

    ความดื้อดึงไม่อดทนเชื่อฟังต่อโอวาทที่ครูบาอาจารย์พร่ำสอนแนะนำ

    เปรียบด้วยภัย คือ คลื่น

    ความเห็นแก่ปากแก่ท้อง เห็นแก่หลับแก่นอน ไม่บำเพ็ญเพียร

    เปรียบด้วยภัย คือ จระเข้

    กามคุณ ๕ อย่าง...รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

    เปรียบด้วยภัย คือ วังน้ำวน ใครหลงติดกามคุณทั้ง ๕ นี้ ก็จะ “ติด” เหมือนลิงติดตัง อยู่ในวังน้ำวน และมีแต่จะถูกกระแสน้ำดูดจมลงอย่างไม่ต้องสงสัย

    มาตุคาม

    ที่พระพุทธเจ้าสอนพระอานนท์ไว้ก่อนจะเสด็จปรินิพพานว่า...ควรหลีกเลี่ยงไม่พบปะด้วย...หากจำเป็นต้องพบปะก็ไม่ควรพูดด้วย...หากจำเป็นต้องพูดด้วยก็ต้องพูดด้วยความสำรวมมีสติ...ท่านเปรียบด้วยภัย คือ ปลาร้าย...!

    ผู้จะผ่านพ้นโอฆสงสาร หรือห้วงน้ำใหญ่ ไปถึงพระนิพานได้ จะต้องอาศัยหลักของความเชื่อ...ต้องเชื่อมั่นในหลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เชื่อมั่นในปฏิปทาทางดำเนินของครูบาอาจารย์ จะต้องมีความเชื่อมั่นแน่นอนว่า มรรคผลนิพพานเป็นของมีอยู่จริง เมื่อเราเชื่อว่า มรรคผลนิพพานมีอยู่จริง เราก็ปฏิบัติมุ่งต่อมรรคผลนิพพานได้ เมื่อเราเชื่อว่ามนุษยสมบัติมี สวรรคสมบัติมี เราก็ทำทาน รักษาศีล ไหว้พระ เจริญเมตตาภาวนาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป

    เมื่อเราเชื่อว่าจิตของเราเป็นธรรมชาติที่ไม่ตาย รูปร่างกายเราต่างหากที่แตกดับ เมื่อเราเชื่อว่าโอวาทคำสอนของครูบาอาจารย์ เราก็ขวนขวายสร้างคุณงามความดี สร้างบุญกุศล เป็นอริยทรัพย์อริยบารมีฝังไว้สำหรับติดตัวเราไปทุกชาติทุกภพ จนกว่าจะถึงพระนิพพาน

    ถ้าเราไม่เชื่อโอวาท ไม่เชื่อกรรมดีกรรมชั่ว จิตใจก็หวั่นไหวเป็นลูกคลื่นมากระทบจิตใจ สู้คลื่นแรงที่ซัดโถมมาไม่ไหวก็อาจจะจมน้ำตาย

    ผ่านคลื่นมาได้ หากมาติดการเห็นแก่ปากท้อง ไม่ปรารภความเพียรถูกจระเข้ร้ายฟาดฟันงับลงสู่ใต้ท้องน้ำ หรือกลายเป็นจระเข้ไปเสียเอง ดังนิมิตเกิดขึ้นฟ้องหลวงปู่ก็ได้

    ผ่านคลื่น ผ่านจระเข้ ก็อาจมาติดวังน้ำวน มัวรัก มัวชอบ มัวหวง มัวห่วง มัวอาลัย ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เกิดความยึดถือมั่นหมายว่าเป็นของเรา เดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวป่วย กลัวเป็นหนัก กลัวล้มตาย กลัวแก่ กลัวตาย ไม่แต่ร่างกายของเรา แม้ที่อยู่ ที่อาศัยก็ห่วงก็หวง กลัวชำรุด ทรุดโทรม ร่างกายของคนอื่น ก็ห่วง ก็หวง ก็อาลัยไปด้วย จิตใจก็หวั่นไหว แหวกว่ายอยู่กลางวังน้ำวน หลงยึด หลงติด ก็ถูกกระแสน้ำดูดลงสู่วังน้ำวน เป็นวัฏฏวนตลอดไป

    หลบคลื่น หลบจระเข้ หลบวังน้ำวน เผลอๆ อาจจะถูก ‘ปลาร้าย’ จับกินเป็นภักษาหาร ศิษย์ของท่านเองก็ต้องสึกหาลาเพศออกไปนักต่อนักแล้ว ท่านจึงเตือนศิษย์เสมอถึงภัย ๔ อย่างของผู้ภาวนา


    จากหนังสือ : ฐานสโมบูชา หน้า ๙๒-๙๔

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10667
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <HR>
    [​IMG]


    อิตถีเพศกับการทำบุญ
    โดย ร.ต.ประเวศ ณ เชียงใหม่


    เราเคยเห็นผู้หญิงสวยๆ ซึ่งแต่ละคนจะสวยไม่เหมือนกัน เห็นดารานักแสดง นางเอก นางงาม แต่ละคนก็หน้าตาสวยไม่เหมือนกัน แต่สรุปแล้วว่าสวยก็แล้วกัน อยากรู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ผู้หญิงแต่ละคนสวยไม่เหมือนกัน มีเหตุมีผลหรือมีเหตุมีปัจจัยอะไรที่เกี่ยวข้องกับความสวยของคุณผู้หญิง ซึ่งคุณประเวศ ณ เชียงใหม่ ได้รวบรวมเรียบเรียงเรื่องนี้ไว้ในชื่อเรื่อง “อิตถีเพศกับการทำบุญ” แล้วได้พิมพ์ไว้ในหนังสือเมื่อวันวิสาขบูชา ปี พ.ศ.๒๕๑๕

    ผู้พิมพ์ได้อ่านพบเรื่องนี้จึงพิมพ์มาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านเพื่อความบันเทิงทางธรรม และได้ข้อคิดในการทำบุญที่ดี ก็คือเรื่องของกรรมดีที่มีเจตนาในการทำบุญนั่นเอง การทำกรรมดีที่มีเจตนาต่างกัน ก็มีผลให้ผลของกรรมนั้นๆ แตกต่างกันไปด้วย

    ๑. หญิงสาวไปทำบุญที่วัดบ่อยๆ เพื่อจะได้เห็นหน้าพบปะสนทนากับพระภิกษุ, สามเณรที่ตนหลงรักอยู่ “ผลบุญนั้นทำให้เธอเป็นผู้มีเสน่ห์ยั่วยวนเพศตรงข้าม คือสาวเซ็กส์ซี่นั่นเอง”

    ๒. หญิงสาวไปทำบุญที่วัดบ่อยๆ เพื่อจะได้คุยกับชายหนุ่มซึ่งมาทำบุญที่วัดนั้นเป็นประจำ “ผลบุญนั้นทำให้เธอมีเสน่ห์อย่างลึกลับ คือไม่สวยแต่เย้ายวน”

    ๓. หญิงสาวริษยาความงามของสาวอื่น เพราะตนเองไม่สวยไม่มีชายใดเหลียวแล จึงทำบุญบ่อยๆ ปรารถนาจะให้เกิดชาติใหม่หน้าตาสวยงามเช่นหญิงคนอื่นบ้าง “ผลบุญทำให้เธอเป็นคนสวยงาม แต่ไม่มีเสน่ห์ คือสวยแบบกระด้างๆ”

    ๔. หญิงสาวไปทำบุญที่วัดเพื่อแสดงความสามารถในการทำครัวให้ประจักษ์แก่สังคม หรือเพื่อแสดงความสามารถในการจัดดอกไม้ให้แท่นบูชาของวัดสวยงาม “ผลบุญนั้นทำให้เธอเป็นคนมีเสน่ห์แก่คนทั่วไป เป็นที่ชื่นชอบของชายหนุ่มที่นิยมความสามารถ”

    ๕. หญิงสาวไปทำบุญที่วัดเพื่อช่วยเหลือวัดให้พ้นความขาดแคลนทางด้านปัจจัย อาหาร เครื่องใช้ เป็นต้น “ผลบุญทำให้เธอมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ความสวยเกิดจากสุขภาพอันดีของเธอ”

    ๖. หญิงสาวเบื่อหน่ายโลกมนุษย์ ทำบุญประสงค์ไปสู่สวรรค์หรือโลกทิพย์อันน่ารื่นรมย์ “ผลบุญทำให้เธอเกิดเป็นคนสวยงามแบบงามพิศ คือยิ่งมองยิ่งสวย”

    ๗. หญิงสาวพิถีพิถันในการทำบุญ สำรวมระวังกายวาจาขณะอยู่ต่อหน้าสมณะ และสถานที่ทำบุญ “ผลบุญทำให้เธอเป็นคนน่ารัก คือผู้คนเห็นอาจหลงชอบหลงรัก ทั้งๆ ที่เธออาจไม่มีอะไรเด่น”

    ๘. หญิงสาวทำบุญเสียสละต่างๆ เพื่อมุ่งสู่พรหมโลก ปฏิบัติธรรมให้ใจสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น “ผลบุญนั้นทำให้เธอสวยงามสง่าดุจนางพญา เป็นความสวยที่ทำให้คนทั่วไปไม่นึกไปในทางเพศ แม้ชายคู่ครองก็ยังให้ความเกรงใจ”

    ๙. หญิงสาวติดตามผู้ใหญ่ ติดตามสมณะที่ตนเลื่อมใส จาริกแสวงบุญ ช่วยงานด้านสังคมสงเคราะห์ “ผลบุญทำให้เธอสวยงามแบบเด็กๆ มีคนรักใคร่เอ็นดู สามีรักใคร่เอ็นดูเธอเหมือนลูกเหมือนหลาน”

    ๑๐. หญิงสาวเข้าร่วมขบวนทำบุญเป็นกลุ่มเพื่อรักษาประเพณี เพื่อความครึกครื้น เพื่อความสนุกสนานตามประสาหนุ่มสาว “ผลบุญนั้นทำให้เธอมีบุคลิกภาพดีเป็นสง่าในที่ชุมนุมชน”

    ๑๑. หญิงสาวนอกจากจะทำบุญให้ทานแล้วยังปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม เผยแผ่ธรรมอีกด้วย “ผลบุญนั้นทำให้เธอมีสติปัญญาเฉียบแหลม พูดจาเป็นที่น่าเลื่อมใส มีความสวยงามแบบสงบเย็น ใครได้พูดคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ เป็นเสน่ห์ที่ใช้เวลายิ่งนานวันยิ่งรักใคร่คิดถึง”

    ๑๒. หญิงสาวทำบุญเพื่อเอาใจเพื่อนหรือทำบุญเพื่อให้คนรักสบายใจ “ผลบุญทำให้เธอเป็นคนที่มีความสบายใจ สวยงามแบบเรียบๆ ผู้คนพบเห็นรู้สึกว่าเธอสะอาดหมดจด มองดูแล้วประหนึ่งดมความสะอาดได้”

    ๑๓. หญิงสาวแต่งตัวไปทำบุญที่วัดเพื่ออวดเครื่องประดับของตัวว่าสวยเหนือกว่าคนอื่น อวดอาหารที่ตนถวายดีกว่าน่ากินกว่าของคนอื่น “ผลบุญทำให้เธอสวยงามแบบดูแล้วไม่สบายใจ ชายที่พบเห็นมองในแง่ทางเพศ”

    ๑๔. หญิงสาวถวายทานต่างๆ มุ่งคุณภาพ เช่น อาหารไม่สวยงามแต่รสดี มีประโยชน์ ของใช้ที่คงทนถาวร ประณีตละเอียดอ่อน พิจารณาวัตถุทานให้เป็นประโยชน์มากที่สุดแก่สมณพราหมณ์ “ผลบุญทำให้เธอสวยและมีรสสัมผัสดี ผู้ถูกเนื้อต้องตัวเธอจะรู้สึกนุ่มนวลละมุนละไม ลูกๆ เด็กๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอจะรู้สึกอบอุ่น มองว่าเธอเป็นที่พึ่งอย่างดี”

    [​IMG]

    ๑๕. หญิงสาวแนะนำสั่งสอนคนอื่นๆ ให้ทำบุญทำกุศล ส่วนตัวเองไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำบุญ หรือฝากเงินให้คนอื่นทำบุญแทนตน เพราะตัวเองขี้เกียจไปทำบุญเองหรือหาเวลาว่างยาก “ผลบุญทำให้เธอเป็นคนเข้าที่ไหนเข้าได้ ผู้คนให้ความเป็นกันเองให้ความสนิทสนม แม้คบกันเพียงสามสี่วันเหมือนคบกันมานานเป็นปี”

    ๑๖. หญิงสาวไปทำบุญที่วัดเป็นประจำ ประสงค์จะแลกเปลี่ยนอาหารที่มีคนมาทำบุญหรือแลกเปลี่ยนอาหารของตนกับเพื่อนผู้มาทำบุญผู้อื่น “ผลบุญจะทำให้เธอมีผิวพรรณผ่องใส หน้าตาแช่มชื่น แต่มีรูปร่างอ้วนท้วนเหมือนตุ่ม”

    ๑๗. หญิงสาวชอบไปช่วยเหลือผู้อื่นหรือทางวัด ทำบุญบำเพ็ญกุศลเป็นประจำ เมื่อไปช่วยงานใดก็มักจะเรียกร้องอาหารการกินหรือสิ่งของที่ตนปรารถนาจากเจ้าภาพหรือเจ้าอาวาส เป็นอย่างนี้เสมอ “ผลบุญจะทำให้เธอมีหน้าตาสวยงาม น่ารักน่าสงสาร รูปร่างผอมเกร็งหรือผอมแห้ง”

    ๑๘. หญิงสาวทำบุญอย่างไม่มีความประณีตในวัตถุทาน ไม่ใส่ใจว่าของนั้นจะมีคุณภาพดีเลว จะใช้งานได้ดีแค่ไหน จะทนทานหรือไม่อย่างไรก็ไม่คำนึงถึง แต่เธอจะชอบตกแต่งประดับประดาให้วัตถุทานนั้นดูดีงดงามน่าดู “ผลบุญนั้นจะทำให้เธอมีหน้าตาสวยงาม แต่ยิ้มไม่สวย หัวเราะน่าเกลียด ท่าทางเคลื่อนไหวอิริยาบถบางอย่างไม่น่าดู”

    ๑๙. หญิงสาวบางคนพิจารณาคัดเลือกวัตถุทานเป็นอย่างดี ของมีคุณภาพดี ใช้ได้ทนทาน เป็นต้น แต่ไม่จัดตกแต่งให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น จับยัดๆ ใส่เข่งใส่ลังพอๆ ไปที แล้วให้คนนำไปส่งที่วัด หรือวางของทำบุญสุมๆ หมกไว้ตามมีตามเกิดแบบไม่ใส่ใจความเป็นระเบียบ “ผลบุญทำให้เธอมีความสวยงามแบบจืดๆ ต้องอาศัยความยิ้มแย้ม หัวเราะอันมีเสน่ห์ จึงจะดึงดูดใจได้”

    ๒๐. หญิงสาวตกลงร่วมทำบุญกับหมู่คณะ เช่น จัดกฐินสามัคคี จัดทอดผ้าป่า เป็นต้น แต่เธอชอบไปร่วมงานช้า ชอบไปที่หลังคนอื่น มีความรู้ความสามารถน้อยแต่ชอบไปแก้ไขวัตถุทานที่เขาตกแต่งประดับประดาไว้ดีแล้ว ฉกฉวยโอกาสเอาหน้าเอาตาว่าฉันก็ใจบุญคนหนึ่ง งานนี้ฉันเป็นหัวหน้าหัวเรี่ยวหัวแรง “ผลบุญทำให้เธอเกิดมาเป็นคนหน้าตาสวยงามพอใช้ได้ทีเดียว แต่ในความสวยงามนั้นมักจะมีความบกพร่องปะปนอยู่ด้วย เช่น หัวเบี้ยวไปนิด, รูปหน้าค่อนข้างยาวมาก, ตาเล็กมาก, มีปานที่หน้า เป็นต้น”

    ๒๑. หญิงสาวบางคนใจบุญชอบทำบุญ ขณะที่มีพระภิกษุผ่านหน้าบ้าน เธอจะรีบคว้าข้าวปลาอาหารอะไรก็ได้หยิบฉวยมาใส่บาตรไว้ก่อน โดยไม่คำนึงถึงว่าอาหารนั้นเป็นของพ่อแม่ญาติพี่น้องที่แบ่งไว้บริโภคในมื้อต่อไป เป็นการทำบุญใส่บาตรแบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างกระทันหัน “ผลบุญนั้นไม่สะอาดบริสุทธิ์นัก จึงส่งผลให้เธอเกิดมาเป็นคนสวยงามแต่ไม่หมดจด คือแฝงความไม่น่าดูไว้ในหน้าตาหรือเรือนร่าง”

    ๒๒. หญิงสาวบางคนเมื่อจะทำบุญกุศลคราวใด มักจะไปเรี่ยไรเรียกร้องเอาจากญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง รบกวนเขา ขืนใจเขา เซ้าซี้เขาให้ช่วยทำบุญด้วยจนได้ “ผลบุญทำให้เธอไปบังเกิดเป็นเทพธิดาประจำแดนทุรกันดาร เทพธิดาคุมบริวารเปรต เทพธิดาประจำแดนปีศาจ ถ้าเกิดเป็นคนจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในดินแดนถิ่นด้อยพัฒนา เช่น รับราชการเป็นอาจารย์ใหญ่ในจังหวัดที่แร้นแค้น เป็นต้น”

    ๒๓. หญิงสาวบางคนมิได้เตรียมตัวมาเพื่อจะทำบุญ ครั้นประสบเหตุที่ต้องยอม อยู่ในสภาวะจำยอมทำบุญเพื่อไม่ให้เสียหน้า หรือมีภาพสะเทือนใจอยู่ต่อหน้า เช่นคนพิการมาขอเงิน เธออดสงสารไม่ได้จึงจำต้องเจียดเงินที่มีอยู่เล็กน้อยทั้งที่เสียดายอยู่ หรือจำต้องแบ่งปันอาหารที่พอมีติดตัวมาจำต้องให้ทานไป (จาคะ-การตัดออกจากกรรมสิทธิ์ กับ ทานะ-การให้ เกิดขึ้นกระชั้นชิดติดกัน ทำให้ผลบุญเป็นไปในรูปของความดีผสมกับความเสียดาย) “ผลบุญนั้นทำให้เกิดมาเป็นคนสวยงามแบบเศร้าๆ สวยปนโศก ลักษณะคล้ายๆ ผู้ดีตกยาก”

    ๒๔. หญิงสาวที่มีจิตฟุ้งซ่านคิดแต่อยากจะทำบุญ แต่ครั้นไปถึงบุญสถานแล้วกลับคิดถึงแต่ความสนุกสนานในงานบุญ เช่น งานบุญสงกรานต์ งานบุญประจำปีของวัด ซึ่งทางวัดจะมีงานรื่นเริงบันเทิงใจอยู่ด้วยพร้อมกับงานบุญ แต่เมื่อเธอได้ไปงานบุญนั้นแล้วมักจะเพลิดเพลินสนุกสนานกับงานรื่นเริงจนใจไม่มีใจจดจ่อกับการทำบุญ “ผลบุญนั้นทำให้เธอเกิดมาสวยงาม แต่ในความสวยงามนั้นมีความเด๋อๆ ด๋าๆ แทรกปนอยู่ด้วย”

    ๒๕. หญิงสาวไปทำบุญที่วัดขณะรอพิธีกรรม ก็ทักทายปราศรัยกับผู้มาร่วมทำบุญ อำนวยความสะดวก ขยับขยายที่นั่งของตนให้กับผู้ใหญ่ จัดหาที่นั่ง น้ำดื่ม ให้ผู้อาวุโส “ผลบุญทำให้เธอเกิดมามีความสวยงาม ดูชุ่มชื่น แม้จะถึงวัยสูงอายุแล้วก็ยังมีหน้าตาสดใส เพราะอานิสงส์ของทานะ และโสรัจจะ”

    ๒๖. หญิงสาวไปทำบุญที่วัด เสร็จจากพิธีกรรมแล้ว ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านก็ทักทายกันสนุกสนานกับเพื่อนฝูงมิตรสหายผู้ร่วมทำบุญ “ผลบุญเกิดภพใหม่เธอมีหน้าตาสวยงาม ดูเป็นกันเอง” , “ถ้าคุยเรื่องตลกขบขัน จะทำให้เธอมีหน้าตาชวนให้ดู ไม่ใช่ดูเพราะว่าสวย แต่ดูเพราะดูแล้วสนุกตา”

    ๒๗. หญิงสาวหลีกความซ้ำซากจำเจในการทำบุญด้วยอาหารที่ไม่เหมือนใคร เช่นนำอาหารแปลกๆ ที่ไม่ค่อยมีใครนำมาทำบุญกัน เช่นหูฉลามนึ่งซีอิ้ว เป็นต้น มาถวายพระเพื่อให้พระได้ฉันอาหารที่ไม่จำเจทั่วไป “ผลบุญนี้ทำให้เธอเกิดมาสวยงามแบบไม่ซ้ำใคร มีลักษณะดึงดูดความสนใจ คือมีหน้าตาเก๋”

    ๒๘. หญิงสาวยากไร้อนาถา ปรารถนาจะร่วมบุญกับคนอื่นก็ไม่มีเงินสิ่งของอันใดไปสมทบ เธอจึงไปร่วมงานด้วยมืออันว่างเปล่าและหัวใจอันเปลี่ยมด้วยศรัทธา ศรัทธาได้ข่มความน่าขยะแขยงในสิ่งโสโครกทั้งปวง เธอรับอาสาเทกระโถน เก็บกวาดขยะ ล้างถ้วยชาม ทำความสะอาดส้วม เป็นต้น “ด้วยอานิสงส์นี้เธอจะเกิดเป็นคนมีกลิ่นตัวหอม ไม่ใช่ความหอมของน้ำหอมหรือความหอมของดอกไม้ แต่ความหอมมาจากภายในตัวเธอเหนือกว่าสาวอื่น”

    การทำบุญแล้วได้รับผลบุญต่างกันนั้นเนื่องจากเจตนาต่างกัน ในการทำบุญนั้นแฝงกิเลสอะไรไว้หรือไม่ ? หรือทำบุญด้วยจิตที่ไม่แฝงกิเลสใดๆ ซึ่งเจตนาอย่างไรในการทำบุญ ผลบุญนั้นก็จะให้ผลตามเหตุแห่งเจตนานั้น ความจริงการทำบุญและผลของบุญนั้น ผู้ทำจะเป็นหญิงหรือเป็นชาย ผลบุญจะทำให้สวยให้หล่อก็เกิดกับทั้งหญิงและชาย ถ้าเป็นผู้ชายก็เป็นความหล่อผู้หญิงก็เป็นความสวย

    แม้ว่าจะทำบุญแล้วทำให้หน้าตาสวยงามได้ดั่งใจหรือไม่อย่างไร ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรือจุดมุ่งหมายทางพระพุทธศาสนา การทำบุญแล้วได้ผลบุญเกิดมาสวยงามก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางโลกอยู่ ซึ่งการทำบุญให้ทานนั้นเป็นพื้นฐานและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความดี มีการละชั่ว ทำบุญให้ทาน รักษาศีล ทำสมาธิภาวนา และมีปัญญา เป็นเรือพาข้ามฟากข้ามฝั่งหรือเป็นหนทางให้เดินทางไปสู่เป้าหมายแห่งการพ้นทุกข์ในกาลต่อไป คือ พระนิพพาน ซึ่งเป็นเป้าหมายของพระพุทธศาสนาโดยแท้จริง


    [​IMG]



    ::
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    การถวายข้าวพระพุทธ



    อันการถวายข้าวพระนั้น แต่เดิมครั้งสมัยพุทธันดร ขณะที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ พระอานนท์พุทธอุปฐาก แห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์กตัญญู มีความเคารพนับถือองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่ง ไม่มีอย่างอื่นใดจะเปรียบได้

    เมื่อครั้งที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จักเสด็จไปในที่ใดพระอานนท์พุทธอุปฐากนั้นไซร์ก็ได้ติดตามไปใกล้ชิดพระยุคลบาทมิได้ห่างเหินเลย ครั้นทรงอาพาธด้วยโรคอย่างใด พระอานนท์พุทธอุปฐากก็ได้พยายามปรนนิบัติรักษาอย่างเต็มความสามารถเสมอ

    การถวายภัตตาหารก็ดี น้ำฉันก็ดี ปูอาสนะนั่งนอนก็ดีนั้น เป็นหน้าที่ของพระอานนท์พุทธอุปฐาก และได้กระทำสม่ำเสมอมา ไม่ว่าพระพุทธองค์จะทรงเสด็จไปในที่แห่งใด เมื่อเป็นเช่นนี้พระอานนท์จึงเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดต่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่ง

    และยิ่งกว่านั้นยังเป็นผู้ที่กระทำตนให้เหมือนตู้แห่งพระธรรม ที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาฯ ตรัสออกจากพระโอษฐ์เพื่อเทศนาสั่งสอนปุถุชนเวไนยสัตว์ทั้งหลายก็ตาม พระอานนท์ย่อมจะต้องเป็นผู้รับรู้ซึ่งธรรมอันนั้นด้วย

    ในการที่จะแก้ปัญหาธรรมและตอบแก่ผู้มาถามทุกฝ่าย การปฏิบัติต่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาฯ ขององค์พระอานนท์พุทธอุปฐากนี้ ย่อมกระทำเป็นกิจวัตรตลอดมา โดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลงและกระทำโดยสม่ำเสมอ

    เมื่อครั้งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาฯ เสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานแล้ว พระอานนท์พุทธอุปฐากก็ยังระลึกถึงองค์สมเด็จพระบรมศาสดาอยู่มิรู้วาย พระอานนท์คิดเสมอเหมือนหนึ่งว่า องค์สมเด็จพระบรมศาสดาฯ ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่

    แม้ว่าพระพุทธองค์จะเป็นผู้ขันธปรินิพพานไปแล้วก็ตาม แต่การปฏิบัติของพระอานนท์พุทธอุปฐากก็หาได้ยุติลงไม่ เหตุทั้งนี้ก็เพื่อเป็นเครื่องแสดงซึ่งกตัญญูกตเวทิตาคุณ ต่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาฯ

    เมื่อภายหลังประชาชนทั้งหลายได้ทราบเรื่อง จึงพากันซุบซิบนินทาว่า พระอานนท์ได้ปฏิบัติการไปนั้นไม่เป็นการถูกต้องสมควร

    แต่ได้มีพระมหากัสสปเถระผู้เป็นใหญ่ แก้ปัญหาข้อนี้ว่า

    การที่พระอานนท์กระทำไปหมายถึงว่า พระอานนท์ได้ระลึกถึงพระคุณขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาฯ อยู่ตลอดเวลา การปฏิบัติถวายข้าวพระ น้ำดื่ม ปูอาสนะนั่งนอน แม้เมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาฯ ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ก็ยังแสดงซึ่งกตัญญูกตเวทิตาคุณแก่ผู้มีพระคุณดังนี้

    การปูอาสนะที่นั่งนอนและภัตตาหารทั้งหลาย น้ำผลไม้หรืออัฏฐบาล น้ำดื่ม น้ำใช้ทั้งปวง เมื่อพระอานนท์เคยจัดอย่างไร เมื่อสมัยที่พระบรมศาสดาฯ ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ พระอานนท์ก็ได้จัดไว้เช่นนั้น จนตราบเท่าที่พระอานนท์ดับขันธปรินิพพานไปเช่นเดียวกัน

    การกระทำเช่นนี้เป็นการแสดงกตเวทิตาธรรม อันวิญญูชนทั้งหลายพึงทราบความเป็นจริง ตามที่กล่าวมานี้ เข้าใจหรือยัง
     
  20. Fuangfah

    Fuangfah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2010
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ จำนวน 150 บาท
    โอนแล้ววันนี้เวลาประมาณ 19.54 น.
     

แชร์หน้านี้

Loading...