ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขอขอบคุณสำหรับรายชื่อทุกๆ ท่านข้างต้น รวมถึงคุณวันทนาด้วยที่ได้สละปัจจัยเพื่อนำมาบริจาคแด่สงฆ์อาพาธตามเจตนารมย์ของทุนนิธิฯ ขอกุศลและผลบุญที่ได้มีจิตจำนงค์นี้ช่วยอำนวยอวยชัยให้ท่านและครอบครัวพบแต่สิ่งที่ดี และอย่าได้มีชีวิตที่ตกต่ำจนกว่าชีวิตจะหาไม่ด้วยเทอญ...

    [​IMG]
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    ทุกวันนี้ คนโดยมากมักสับสนจนแยกไม่ออกว่าอะไรที่เรียกว่าการอธิษฐาน อะไรคือการอ้อนวอนขอร้อง
    เวลาจะอธิษฐานอะไรก็เลยกลายเป็นการอ้อนวอนขอร้องไปก็มี

    การอธิษฐานเพื่อให้ได้ ให้สำเร็จ (ด้วยอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอก) เรียกว่าอ้อนวอนขอร้อง
    แต่การอธิษฐานเพื่อจะทำให้สำเร็จ อันนี้คือความหมายของการอธิษฐานของชาวพุทธ

    ตัวอย่าง เช่น พระบวชใหม่รูปหนึ่ง เพื่อจะตัดปัญหาคิดอยากจะสึกในช่วงพรรษาแรก ๆ
    ท่านจึงอธิษฐานว่า "ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐานขอประพฤติพรหมจรรย์ตลอด ๕ พรรษาแรกนี้ โดยจะไม่สึกอย่างเด็ดขาด"

    ด้วย เหตุนี้ ในขณะที่พระบวชใหม่รูปอื่น ๆ เจอะเจออุปสรรค แล้วพากันลังเลว่าจะสึกดีไหมหนอ
    พระรูปที่อธิษฐานจิตไว้กลับไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัวเลย มีแต่คิดว่าจะจัดการแก้ปัญหานั้น ๆ ได้อย่างไร
    นี่คือประโยชน์ของการอธิษฐานที่ช่วยตัดความลังเลสงสัย และทำให้หนักแน่นในการกระทำตามที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จให้จงได้

    ในบางกรณีการอธิษฐานอาจผสมกับการขอร้อง (แต่ก็เป็นการขอร้องที่ไม่เหมือนกรณีแรก)
    เช่น "ข้าพเจ้าขอปฏิบัติสมาธิภาวนาให้ครบ ๒ ชั่วโมงโดยไม่ขยับตัว ขอคุณพระและสิ่งศักดิ์ช่วยให้ข้าพเจ้าทำได้สำเร็จ
    และช่วยให้ข้าพเจ้ารู้ธรรมเห็นธรรมที่เหมาะกับสภาวจิตของข้าพเจ้าด้วยเทอญ"

    จะเห็นว่าการขอร้องในกรณีนี้ เป็นเพียงการขอกำลังใจและแรงสนับสนุน
    โดยผู้ปฏิบัติหลักก็ยังคงเป็นตัวผู้อธิษฐานเองนั้นแหละ เพราะเชื่อคำครูบาอาจารย์ที่ว่า
    "พระท่านคอยจะช่วยเหลือ สนับสนุนเราอยู่ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติเท่านั้นแหละ"

    ในขณะที่การอ้อนวอนขอร้องอย่างแรก เป็นการกระทำอย่างลัทธิเทวนิยม
    คือสักแต่ขอให้สิ่งศักดิ์ดลบันดาลความสำเร็จมาให้ โดยตัวเองไม่ต้องลงมือทำ (เหตุ)
    จึงเป็นความเลื่อนลอย ไม่ชัดเจนว่าจะสำเร็จขึ้นมาได้อย่างไร เพราะอิงกับอำนาจลึกลับภายนอกโดยสิ้นเชิง

    มาถึงตรงนี้ คงพอแยกแยะออกนะครับ ถ้าเป็นการอธิษฐานเพื่อจะทำความดีเรื่องหนึ่งเรื่องใดให้สำเร็จ
    เป็นการตอกย้ำเป้าหมายให้ตัวเอง พร้อมกับขจัดความโลเลออกจากใจ
    อันนี้จึงจะเรียกว่าเป็นการอธิษฐานจิต ซึ่งถือเป็นบารมีที่สำคัญตัวหนึ่ง

    แต่ถ้าสักแต่ขอความสำเร็จจากภายนอก
    โดยไม่มีเนื้อหาที่บอกกล่าวความพยายามในการประกอบเหตุในส่วนของตัวเราเองเลย
    อันนี้ไม่เรียกว่าอธิษฐาน แต่เรียกว่าอ้อนวอนขอร้อง

    อีกประการหนึ่ง หากอธิษฐานในสิ่งที่ไม่ชอบไม่ควร เช่น การอธิษฐานจองเวร
    อย่างนี้ก็ไม่จัดเป็นอธิษฐานบารมีนะครับ เป็นแต่การตั้งจิตเจตนาด้วยมิจฉาทิฏฐิ

    ใครมีทัศนะในเรื่องนี้อย่างไร หรือมีตัวอย่างคำอธิษฐานที่ดี ๆ ก็เอามาแลกเปลี่ยนกันก็จะเกิดประโยชน์ครับ

    [​IMG]
    [​IMG] www.luangpordu.com
    ขอขอบคุณ คุณพรสิทธิ์ ผู้เขียน
     
  3. somsakasat

    somsakasat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,904
    วันนี้ได้โอนเงินร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ ประจำเดือนมีนาคม 2554
    21/03/11 time 12:32
    From Kbank to BAYA a/c 3481232459
    Name Pratom F.
    amount 400.99
    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ร่วมบุญกันด้วยครับ
     
  4. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    อนุโมทนาบุญด้วยนะครับผม ขอให้มีความสุข เจริญทั้งทางโลก และ ธรรม นะครับ
     
  5. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    10 อันดับของสังฆทาน ที่พระจะได้ประโยชน์มากที่สุด


    สกู๊ปรายการจุดเปลี่ยน เมื่อวันเสาร์ที่ 14 และ 21 มิถุนายน 2551 ทางช่อง 9 เวลา 13.00 น.

    ออกอากาศเรื่อง '10 อันดับของสังฆทาน ที่ทำแล้วพระท่านจะได้ประโยชน์มากที่สุด'

    อันเนื่องมาจากมีการสำรวจของในถังสังฆทานสำเร็จรูป (ถังเหลือง) ที่เห็นวางขายกันอยู่ทั่วไป
    พบว่า กว่า 50 % เป็นของที่ไม่มีคุณภาพ ใช้งานจริงไม่ได้ เช่น ผ้าจีวรสั้นและบางจนแทบจะเป็นผ้าซีทรู
    ใบชาเหม็นผงซักฟอกที่วางมาข้างๆ (กลายเป็นใบชารสโอโม่) กระดาษชำระหยาบและมีกลิ่นเหม็น
    แปรงสีฟันแข็งจนพระค่อนประเทศเป็นโรคเหงือกอักเสบ
    สบู่ แชมพู ที่ถวายมีกลิ่นหอมแรง และผสมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์
    ทำให้พระผิดศีลต้องปลงอาบัติกันทุกวัน (มีศีลข้อหนึ่งห้ามการประทินผิวและใช้เครื่องหอม)
    เครื่องชงดื่มมักหมดอายุ ถ่านไฟฉายหมดอายุ แบตฯ เยิ้ม ฯลฯ
    หรือแม้แต่ตัวภาชนะที่ใส่ คือถัง ก็ยังทำจากพลาสติกคุณภาพต่ำ
    ใส่อะไรได้แป๊บเดียวก็ฉีก แตก พัง เป็นต้น

    รายการจุดเปลี่ยนจึงได้ไปสอบถามพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง
    แล้วจัดอันดับสิ่งของสังฆทาน ตามความจำเป็นในการใช้งาน
    รวม 10 อันดับ ซึ่งเรียงจากจำเป็นมากสุดไปน้อยที่สุดได้ ดังนี้

    1. เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ เนื่องจากพระสมัยนี้ต้องเรียนพระปริยัติธรรม
    และจดกำหนดนัดหมายต่างๆ ช่วยจำ บางรูปท่านเป็นเหรัญญิกดูแลค่าใช้จ่าย
    ยิ่งต้องใช้มาก แต่ไม่ค่อยมีใครถวายเครื่องเขียนเหล่านี้ พระท่านจึงต้องไปเดินหาซื้อเองเสมอ
    หากเราถวายไป พระท่านจะได้ใช้อย่างแน่นอนค่ะ อันดับ 1 จึงตกเป็นของ 'เครื่องเขียน'

    2. ใบมีดโกนตราขนนก (Feather) หรือยี่ห้อ Gillette ยิลเลตต์เนื่องจากพระต้องโกนผมทุกวันโกน
    แต่ใบมีดยี่ห้ออื่น พระใช้โกนผมแล้วเลือดสาด !!! ท่านจึงใช้ได้แค่ 2 ยี่ห้อนี้เท่านั้น
    อนึ่ง ใบมีดตราขนนกจะคมกว่ายินเลส ใช้ในการโกนครั้งแรก ส่วนยิลเลตต์จะใช้เก็บความเรียบร้อยอีกครั้ง
    หากท่านใดถวายใบมีด ก็ได้ชื่อว่า ช่วยไม่ให้พระต้องเสียเลือดเนื้อทุกวันโกน
    ข้าพเจ้าเห็นว่าได้บุญดีกว่าให้ยาอีกนะท่าน

    3 ผ้าไตรจีวร ที่มีความยาวพอที่จะนุ่งห่มได้ มีความหนาพอเหมาะสม
    เพราะผ้าที่ติดมากับถังเหลือง มันทั้งสั้น ทั้งเต่อ ทั้งบาง ทำให้พระท่านลำบากใจเวลาสวมใส่ขาดความมั่นใจ และเสียภาพลักษณ์ที่ดีของสงฆ์ ผู้ใดถวายผ้าไตรจีวร จึงได้อานิสงส์มากนัก
    นี่ก็ใกล้จะถึงเทศกาลเข้าพรรษาแล้ว เตรียมผ้าอาบน้ำฝนไปถวายพระกันเถอะนะคะ

    4. หนังสือธรรมะ สารคดี นิตยสาร หรือที่ให้ความรู้ด้านอื่นๆ เนื่องจากพระสงฆ์ มีหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา
    จึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ที่แตกฉาน ทั้งทางธรรม และรู้ทันข่าวสารบ้านเมือง เพื่อจะได้สาธิตยกตัวอย่างให้ ชาวบ้านเข้าใจได้แจ่มแจ้ง การถวายหนังสือเหล่านี้ จึงถือเป็นต้นทุนแห่งธรรมทาน ให้พระท่านได้นำไปต่อยอด กระจายสู่ผู้คนได้อีกมาก ทั้งยังถือเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง แถมได้ผลตอบแทนสูง น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง

    5. รองเท้า (ยกเว้นพระนิกายธรรมยุตต์นะจ๊ะ สังเกตให้ดีล่ะว่าวัดที่เราไป พระท่านใส่รองเท้ากันหรือเปล่า)
    พระท่านต้องเดินบิณฑบาตร ธุดงค์ ไปเรียนหนังสือ ไปกิจนิมนต์ตามที่ต่างๆ
    บางรูปต้องทำงานที่ใช้แรงงานในวัด เช่น ก่อสร้าง ทำสวน สิ่งที่ต้องรับภาระหนักก็คือ 'รองเท้า' ที่มักจะขาด
    เสียหายอยู่บ่อยๆ นั่นเอง รองเท้าจึงถือเป็นอีก item หนึ่งที่มีความสำคัญอย่างสูง

    6. ยาหลักๆ ที่จำเป็น ยาสามัญประจำบ้าน ยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง ยาแก้ไอ แก้ไข้ ลดกรดในกระเพาะอาหาร
    ยาใส่แผลสด แผลเปื่อย แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลพุพอง เป็นหนอง ผิวหนังอักเสบ เป็นหนอง

    7. ผ้าขนหนูสีสุภาพ ไม่ต้องสีเหลืองก็ได้ เพราะผ้าขนหนูที่ติดมากับถังเหลืองมักหยาบ เล็ก
    และคุณภาพต่ำ จนเอามาใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง

    8. ชุดคอมพิวเตอร์ อู้วววว.... ไฮโซไปนิดนึง แต่ถ้าใครรวบรวมเงินได้เป็นกอบเป็นกำอย่างกฐิน ผ้าป่า
    ก็น่าพิจารณาถวายคอมพิวเตอร์แด่วัดที่ขาดแคลน ... ถ้าเป็นวัดที่อินเตอร์เน็ตเข้าไม่ถึงจะดีมากๆ ค่ะ

    9. น้ำยาเช็ดพื้น เหอ... งงไปเลย พระท่านจะเอาน้ำยาเช็ดพื้นไปทำอะไร??
    เฉลย ก็เอาไปผสมน้ำ ถูกุฏิ ศาลา อุโบสถ ไงจ๊ะ เพราะนอกจากจะช่วยผ่อนแรงในการทำความสะอาด
    สลายคราบแล้ว บางยี่ห้อยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในมูลนกพิราบ ฉี่หมา ฉี่แมว ฉี่หนู เห็บ หมัด ของหมาวัดได้อีกด้วย

    10. แชมพู พระท่านไม่มีผมแล้วจะเอาแชมพูไปทำไมเนี่ย แถมยังฮอตฮิตติดท็อปเท็นของที่มีประโยชน์อีกด้วย
    แซงหน้าไมโล โอวัลติน ชาเขียว ขิงผง สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ทิชชู่ ฯลฯ ที่เห็นสลอนอยู่ในถังเหลืองซะด้วยซี
    คืองี้ เมื่อพระท่านไม่มีผมมาปกป้องหนังศีรษะเนี่ย ทั้งความร้อน ฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆ
    ก็จะเข้าถึงหนังศีรษะของท่านได้โดยตรง แถมการรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของหนังศีรษะก็จะเสียไป
    เพราะไม่มีผมปกคลุม ทำให้หนังศีรษะของพระ มักจะแห้ง และเกิดโรคผิวหนังอยู่เสมอ เช่น ชันตุ เป็นต้น
    สิ่งที่จะช่วยบรรเทาได้ก็คือ แชมพูยา ที่มีส่วนผสมปกป้องหนังศีรษะ รักษาสมดุล
    สังเกตง่ายๆ ที่ฉลากจะมีคำว่า 'Scalp' เป็นสำคัญ ยี่ห้อที่เป็นแบบนี้ก็มักจะเป็นพวก แชมพูขจัดรังแค
    อย่างคลินิคเป็นต้น แต่น่าเศร้าใจ ที่ไม่มีใครถวายแชมพู
    พระท่านจึงจำต้องใช้สบู่แก้ขัด ซึ่งทำให้ยิ่งคันหัว ศีรษะแห้งไปกันใหญ่ ดังนั้นจึงขอท่านโปรดจำไว้ว่า
    เราควรซื้อแชมพูไปถวายพระ แต่ก็เลือกสูตรกันนิดนึงนะคะ ให้เป็นสูตรดูแลหนังศีรษะ
    เพราะถ้าเกิดเราเลือกสูตร 'เพื่อผมนิ่มสลวยดำเงางาม' ไปถวายท่าน... ท่านอาจเข้าใจผิด คิดว่าเราแซวได้ค่ะ

    การทำสังฆทาน นอกจากจะถวายเป็นสิ่งของแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ การบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อช่วยเหลือพระภิกษุที่อาพาธค่ะ หวังว่าข้อมูลนี้คงจะเป็นประโยชน์ ทั้งกับท่านพุทธศาสนิกชนที่มีจิตกุศลต้องการทำสังฆทาน และกับพระภิกษุสามเณร ผู้รับสังฆทาน ที่เป็นเนื้อนาบุญของโลก และเป็นผู้ที่จะสืบทอดพระพุทธศาสนาของเราต่อไปค่ะ

    สุดท้ายนี้ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตเป็นกุศลและบุญรักษา
    ที่มา : <!-- m -->http://blog.hunsa.com/papamama/blog/29341<!-- m -->

    .....................................................
    "ใครเกิดมา ไม่พบพระพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย"

    "ให้พากันหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา"

    พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
    <!-- m -->Luangta.Com -
     
  7. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ธรรมเทศนา



    <TABLE borderColor=#ffcc99 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="95%" align=center border=1><TBODY><TR><TD>
    ธรรมเทศนาของ หลวงพ่อชา สุภัทโท (วัดหนองป่าพง)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG]

    หลวงพ่อชา สุภัทโท

    ชื่อเดิม ชา ช่วงโชติ เกิด วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2461 ที่บ้าน จิกก่อ หมู่ที่ 9 ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้อง 7 คน
    ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ ที่เคร่งครัดมาก ท่านได้ออกธุดงค์ไปจำพรรษายังที่ต่าง ๆ เพื่อสืบเสาะหาความรู้ด้านปฏิบัติ วิปัสนาธรรม โดยท่านได้รับการอบรมสั่งสอนธรรมจากพระอริยสงฆ์หลายท่าน อาธิเช่น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, หลวงปู่ กินรี จันทิโย และ ท่านได้ออกธุดงค์ เผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอน แก่ชาวบ้านตามชนบท ที่กันดารต่าง ๆ เรื่อยมาจนกระทั่ง เดือน มีนาคม 2497 ขณะที่ท่าน ธุดงค์ พร้อมด้วย พระ เณร กลับบ้านเกิด ได้บรรลุถึงชาย ป่าแห่งหนึ่ง ใน ต.โนนผึ้ง ท่านจึงได้ตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นที่นี่ ซึ่งก็คือ วัดหนองป่าพง อันเลื่องชื่อในปัจจุบัน และได้มีการขยาย สาขา ไปยัง ที่ต่าง ๆ เกืองร้อยแห่ง ทั้งในประเทศไทย และ ต่างประเทศ
    เชื่อกันว่า ท่านปฏิบัติธรรม จนบรรลุถึงขั้นพระอรหันต์ ดังนั้น ธรรมเทศนาของท่าน จึงเป็นหลักธรรมที่นำมาซึ่ง ความสุข ความสงบ โดยแท้จริงโดยหลักธรรมที่ท่านมักจะกล่าวถึงบ่อย ๆ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และ ทางสายกลาง ซึ่งเป็นแนวทางแห่งการปฏิบัติ เพื่อไม่ให้ยึดมั่น ถือมั่น การปล่อยวาง ละทิ้งซึ่งอัตตา ไม่ยึดติดกับสิ่งใด ไม่ยึดติดกับสุข ไม่ยึดติดกับทุกข์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง มันไม่แน่นอนไม่เที่ยง เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ แท้จริงแล้วตัวตนคือสิ่งสมมุติ แต่เราก็มายึดติดว่ามันมีจริง มีตัว มีตน เกิดเป็นอุปาทาน ตัวอุปาทานนี่แหละ ที่ทำให้เกิดทุกข์ เกิดภพ เกิดชาติ ชรา พยาธิ มรณะหากเราละได้ซึ่งตัวตน ตัวตนไม่มี อุปาทาน ก็ไม่มี ทุกข์ก็ไม่เกิด ภพชาติก็ไม่เกิด
    ดังธรรมเทศนา ที่หลวงพ่อชาท่านได้สั่งสอนไว้ดังนี้
    "ที่พระพุทธองค์ ตรัสว่า ไม่มีภพ ไม่มีชาติ คือ ไม่มีอุปาทานนั่นเอง อุปาทาน เป็นเหตุให้ทุกข์เกิด ถ้าอุปาทานนั้น เราปล่อยไม่ได้ เราอยากสงบมันก็ไม่สงบ คนเราอยู่กับภพ ถ้าไม่มีภพ คิดไม่ได้ เพราะนิสัยของคนมันเป็นอย่างนั้น กิเลสของคนมันเป็นอย่างนั้น พระนิพพาน ที่พระพุทธองค์ท่านว่า พ้นจากภพชาติฟังไม่ได้ ไม่เข้าใจ มันเข้าใจแต่ว่า ต้องมีภพชาติ ถ้าไม่มีภพ ถ้าไม่มีที่อยู่ ฉันจะอยู่อย่างไร ยิ่งคนธรรมดา ๆ อย่างเราแล้วนี่ ฉันจะอยู่อย่างนี้ ไม่ดีกว่ารึ อยากจะเกิดอีก แต่ก็ไม่อยากตาย มันขัดกันซะอย่างนี้ ฉันอยากเกิด แต่ฉันไม่อยากตาย มันพูดเอาคนเดียว ตามประสาคน แต่การเกิดแล้วไม่ตายนั้น มีมั้ยในโลกนี้ เมื่อคนอยากเกิด ก็คือคนนั้นอยากตายนั่นเอง แต่เขาพูดว่า ฉันอยากเกิด แต่ไม่อยากตาย มันคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เขาก็ไปคิดให้มันเป็นทุกข์ ทำไมเขาคิดไปอย่างนั้น เพราะเขาไม่รู้จักทุกข์ เขาจึงคิดไปอย่างนั้น พระพุทธองค์ ท่านว่า ตายนี้มาจากความเกิด ถ้าไม่อยากตาย อย่าเกิดสิ แต่นี่อยากเกิดอีกแต่ไม่อยากตาย พูดกับกิเลส ตัณหานี่มันยาก มันลำบาก มันถึงมีการปล่อยวางได้ยาก"
    :: อ้างอิงจากคลิปธรรมเทศนา เรื่องการปล่อยวาง นาทีที่ 32:12
    ธรรมมะของท่านไม่สอนให้ยึดติด ท่านสอนให้ละ ให้ปล่อย ให้วาง สุขก็ไม่ยึด ทุกข์ก็ไม่ยึด ทำใจให้อยู่เหนือสุข เหนือทุกข์ เหนือดี เหนือชั่ว เหนือเหตุ เหนือผล ดังจะเห็นได้จากว่า ท่านจะไม่สร้าง พระเครื่อง หรือ ปลุกเสก วัตถุมงคลใด ๆ ทั้งสิ้น ท่านเห็นเป็นทางเสื่อม ทำให้คนยึดติด ทำให้คนหลงงมงายไปในทางที่ผิด เห็นเป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ แท้จริงแล้ว ธรรมะ ไม่ได้เป็นของขลังของศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นของจริง เป็นแนวทาง ที่ช่วยให้เราพ้นทุกข์ นั่นคือ นิพพาน นั่นเอง นิพพานที่แท้ เงินหาซื้อไม่ได้ แม้จะเอาเงิน เอาทองทั้งโลก มากองรวม ๆ กันก็หาซื้อได้ไม่ แต่ก็เป็นสิ่งที่ราคาถูกที่สุดในคราวเดียว คือ ได้มาฟรี ๆ นิพพานที่แท้ ได้มาฟรี ๆ ดังนั้น คนทุกคน ในโลกนี้ สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาย หรือ หญิง ถ้ารู้หลักปฏิบัติ และ เข้าใจในหลักธรรม การเข้าใจธรรมอย่างเดียวไม่พอ ต้องปฏิบัติด้วย ธรรมะ ที่ไม่ปฏิบัติ ไม่เกิดผลใด ๆ
    ดังธรรมเทศนา ที่หลวงพ่อชาท่านได้สั่งสอนไว้ดังนี้
    "เจ้านายบางคน ก็มากราบหลวงพ่อ เข้ามาถามว่า บ้านเมืองมันจะเป็นยังไงหนอ คงจะไม่เป็นอะไรมังครับ มันมีอำนาจของพระพุทธ อำนาจของพระธรรม อำนาจของพระสงฆ์ มีอำนาจของพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา ไม่มีอำนาจอะไร แม้ก้อนทองคำ ก็ไม่มีราคา ถ้าเราไม่มารวมกันว่า มันเป็นโลหะที่ดี มีราคา ทองคำมันก็จะถูกทิ้ง เหมือนก้อนตะกั่ว เท่านั้นแหละ พระพุทธศาสนา ตั้งไว้ มีอยู่ แต่ถ้าเราไม่ประพฤติ ปฏิบัติ จะไปมีอำนาจอะไรเล่า อย่างธรรมะเรื่องขันติมีอยู่ แต่เราไม่อดทนกัน มันจะมีอำนาจอะไรมั้ย อำนาจหลักพระพุทธศาสนาก็คือ พวกเรา ที่เป็นเจ้าของพระพุทธศาสนานี่แหละ ช่วยกันบำรุง เช่น ทำให้ศีลธรรมให้เกิดขึ้นมา ทำศีลธรรมให้เกิดขึ้นมา มีความสามัคคีกัน มีความเมตตาอารี ซึ่งกันและกัน มันก็จะเกิดขึ้นมาเป็นกำลังของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ว่า พระพุทธศาสนา มันมีอำนาจ ที่มีอำนาจก็เพราะ เราเอาธรรมะ มาปฏิบัติให้ถูกต้อง มันจึงจะมีพลังเกิดขึ้นมา ช่วยแก้ปัญหา หลายสิ่งหลายอย่าง อย่างเช่น คนในศาลานี้ ตั้งใจจะรบกัน แต่พอมาฟังธรรมะที่ว่า การอิจฉา หรือ การพยาบาท มันไม่ดี เข้าใจทุก ๆ คน เท่านั้นก็เลิกกัน อำนาจพระพุทธศาสนา ก็เต็มเปี่ยมขึ้นมาเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าพูด ให้ฟังเท่าไร ๆ ก็ไม่ยอมกัน มันก็รบกัน เท่านั้นแหละ พระพุทธศาสนา จะมากันอะไรได้ นี่มันเป็นอย่างนี้"
    :: อ้างอิงจากคลิปธรรมเทศนา เรื่องธรรมที่หยั่งรู้ยาก นาทีที่ 40:10



    ขอขอบคุณเว็บไซท์
    ธรรมเทศนา ออนไลน์
     
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ตอนแรกกะว่าจะเข้ากท.เพื่อร่วมทำบุญที่ร.พ.สงฆ์ด้วยและพบญาติธรรม(P'Chanida)ในวันที่ 27
    เผอิญจัดงานขึ้นบ้านใหม่-ทำบุญวันเกิด...ในวันที่ 24 มี.ค (แบบเร่งด่วน) เสียก่อน

    ก็ขอ...โมทนาสาธุ สาธุ สาธุด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2011
  9. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    จัดสังฆทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>[​IMG][​IMG]

    สังฆทานคืออะไร

    พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุดคำวัด โดย พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ. 9 ราชบัณฑิต) วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ ให้ความหมาย “สังฆทาน” ไว้ดังนี้

    “สังฆทาน” คือ ทานที่ตั้งใจถวายแก่สงฆ์หรือผู้แทนของสงฆ์ ไม่จำเพาะเจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง หากถวายโดยเจาะจง เรียกว่า ‘บุคลิกทาน’ ดังนั้น สังฆทานมีอานิสงส์มากกว่าบุคลิกทาน เพราะผู้ถวายมีจิตใจที่กว้างขวาง ไม่เจาะจงว่าจะเป็นภิกษุรูปใด เป็นการแสดงถึงความตั้งใจจะถวายด้วยศรัทธาอันเป็นสาธารณะ

    ดังนั้น การทำบุญเลี้ยงพระในงานต่างๆ การไปทำบุญตักบาตรที่วัด การใส่บาตรพระที่เดินบิณฑบาต หากไม่จำเพาะเจาะจงพระรูปใดรูปหนึ่ง นับเป็นสังฆทานทั้งสิ้น

    มีทานอีกรูปแบบหนึ่งที่คล้ายๆ สังฆทาน เป็นทานที่มีอาณาเขตกว้างขวางกว่าคือ ทานที่ให้แก่หมู่พวกที่ไม่เฉพาะกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งเรียก สาธารณทาน เป็นทานที่ไม่จำกัดเฉพาะในรั้ววัด เป็นการให้ที่ไม่มีขอบเขต สังฆทานเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณทานเช่นนั้น

    [​IMG]

    จัดสังฆทานให้ได้ประโยชน์

    เดี๋ยวนี้เวลาพูดถึง “สังฆทาน” พวกเราจะนึกถึงถังสีเหลืองๆ ภายในบรรจุข้าวของเครื่องใช้เยอะแยะมากมาย จนล้นออกมาปากถัง แล้วมีพลาสติกใสหุ้มทับอีกที

    แท้จริงแล้วของที่จะถวายหมู่พระสงฆ์โดยไม่เจาะจงที่เรียกว่า สังฆทาน นั้น คืออะไรก็ได้ที่เหมาะกับชีวิตสมณะ ไม่จำเป็นต้องเป็นถังเหลืองๆ ที่วางขายตามหน้าร้านสังฆภัณฑ์เสมอไป

    ข้าวของเครื่องใช้ที่บรรจุมักเป็นของที่พระภิกษุเก็บไว้ใช้ในช่วงวันเข้าพรรษา (ประมาณ 3 เดือน) ส่วนมากก็จะเป็นของที่ใช้ดำรงชีวิตทั่วไปเหมือนเราๆ ท่านๆ นี่แหละ เช่น ผงซักฟอก, ยาสีฟัน, แปรงสีฟัน, สบู่, ยาสระผม เป็นต้น จะมีเพิ่มมาหน่อยก็จะเป็นผ้าอาบน้ำฝน สบงจีวรเครื่องนุ่งห่ม ที่พระภิกษุจะต้องมีไว้ใช้

    [​IMG]

    ถ้าเราไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรไปถวายพระสงฆ์ดี เพราะฉะนั้นจึงต้องอาศัยเครื่องสังฆทานที่มีจำหน่ายตามร้านบรรจุให้สำเร็จรูป อีกทั้งการบรรจุกระป๋องก็ทำมาให้เรียบร้อยสวยงาม ซื้อปุ๊บก็ถือไปถวายปั๊บ เข้ากับยุคสมัยพอดี ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อหามาประกอบให้ลำบาก

    ถึงเวลาที่ต้องมาทบทวนการทำสังฆทานกันเสียที สังฆทานที่ดีไม่จำเป็นต้องมีของถวายมากมาย ขอเพียงเป็นของที่จำเป็นและมีคุณภาพดีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว และการเลือกซื้อของมาประกอบเป็นสังฆทานเอง จะได้ของดีมีคุณภาพกว่าการไปซื้อ “ถังเหลืองๆ” ตามร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป หากผ้าอาบน้ำฝนราคาผืนละ 60-80 บาท ราคาถังสังฆทานก็จะประมาณ 200-600 บาท แล้วแต่ของข้างในและขนาดถัง

    “ถังเหลืองๆ” ที่มีวางขายตามร้านสังฆภัณฑ์นั้น บางร้านจะยัดหนังสือพิมพ์หรือกระดาษแข็งเข้าไว้เต็มกระป๋อง ส่วนที่เป็นสังฆทานหรือข้าวของเครื่องใช้จริงๆ จะถูกบรรจุไว้แถวขอบปากถัง เพื่อให้ดูว่ามีของใช้มากมายจนล้นปากถัง แล้วเอาพลาสติกใสหุ้มอีกทีเพื่อไม่ให้ของล้นจนหก แท้จริงแล้วมีของใช้ไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง

    [​IMG]

    ข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อหามาจัดเป็นสังฆทานได้

    - สบู่ จัดเป็นเครื่องประทินผิว แต่พระก็ใช้ได้เพื่อทำความสะอาดและระงับกลิ่นกาย

    - ยาสีฟัน ชนิดผงหรือแบบหลอดก็ได้ ยาสีฟันสมุนไพรก็น่าสนใจ

    - แปรงสีฟัน เลือกที่เป็นชนิดขนแปรงอ่อนๆ จะได้สบายเหงือก

    - ยาสระผม เอาไว้ใช้เวลาโกนศีรษะจะได้โกนได้ง่ายขึ้น

    - ใบมีดโกน เป็นของจำเป็นมาก เพื่อใช้โกนศีรษะ

    - ผงซักฟอก ใช้ซักจีวรเพื่อความสะอาด

    - เครื่องดื่มสมุนไพรพร้อมชง จำพวกขิงผง ชารางจืด มะตูม, นม UHT, น้ำผัก-น้ำผลไม้ 100 % , เครื่องดื่มผสมธัญพืช หรือจะเป็นเครื่องดื่มรสช็อกโกแลต ไมโลหรือโอวัลตินพร้อมดื่มก็ได้ ที่สำคัญอย่าลืมดูวันหมดอายุก่อนซื้อด้วย

    [​IMG]

    - ผ้าอาบน้ำฝน เลือกที่เนื้อหนาๆ หรืออาจเลือกซื้อเป็นสบง (ผ้านุ่ง) หรือจะเป็นอังสะก็ได้ เพราะพระท่านมักจะมีผ้าอาบน้ำฝนอยู่มากแล้ว จะขาดแคลนก็คือสบงและอังสะ ถ้าถวายให้สามเณรก็จัดเหมือนพระเช่นกัน

    - ถวายสังฆทานแม่ชี ก็เปลี่ยนจากผ้าเหลืองเป็นชุดแม่ชี ซึ่งหาซื้อได้จากวัดบวรนิเวศวิหาร, สถาบันแม่ชีไทย หรือร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป หากหาซื้อไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นผ้าขาวเนื้อดีตามร้านขนาด 2-4 เมตรแทน จากนั้นแม่ชีท่านจะนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อ ผ้าถุง ผ้าครอง ตามสมควร

    - ซีดีธรรมะ หนังสือธรรมะ หนังสือเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม หนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ หรือหนังสือความรู้ต่างๆ ที่คิดว่าพระสงฆ์ควรรับรู้เพื่อนำไปบอกกล่าวแก่ญาติโยมได้

    - ยาสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งยาแผนปัจจุบัน เช่น พาราเซตามอล ยาแก้ปวดท้อง ท้องเสีย ยาลดกรด ในกระเพาะอาหาร แอลกอฮอล์ล้างแผล เบตาดีนสำหรับใส่แผลสด ยาบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และยาทาเมื่อถูกแมลงสัตว์กัดต่อย ฯลฯ

    - เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ รวมทั้ง ซองจดหมาย แสตมป์

    - ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย ซึ่งวัดตามชนบทและวัดป่าสิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก

    [​IMG]

    - จาน ชาม ช้อน ส้อม อาจสอบถามดูว่าวัดนั้นๆ ต้องการจำนวนมากหรือไม่ จะได้จัดเป็นชุดใหญ่ถวายเป็นของสงฆ์ เพื่อให้ชาวบ้านหยิบยืมได้ด้วยในงานบุญประเพณีต่างๆ รวมทั้งเครื่องมืองานช่าง เช่น ค้อน ตะปู ไขควง หรืองานเกษตร เช่น จอบ เสียม พลั่ว และอุปกรณ์งานทำความสะอาด เช่น ไม้กวาดอ่อน ไม้กวาดแข็ง ถังขยะ ที่ตักผง ฯลฯ

    - ร่ม สำหรับให้พระท่านได้ใช้ในช่วงฤดูฝน ควรหาซื้อสีที่เหมาะสม เช่น สีดำหรือสีน้ำตาล

    - บาตร ควรหาซื้อบาตรที่มีความหนาพอสมควร เวลาที่ญาติโยมใส่ข้าวสุกร้อนๆ ลงไป มือท่านจะได้ไม่พอง ที่สำคัญไม่ควรมีน้ำหนักมาก เพราะท่านต้องใช้เดินบิณฑบาตเป็นระยะทางไกล

    - ของอื่นๆ ที่มักนิยมใส่ก็มี กระดาษชำระ ข้าวสาร หัวหอม กระเทียม น้ำมันพืช น้ำตาล เกลือ น้ำปลา ฯลฯ ที่จัดว่าเป็นของแห้งเก็บไว้ได้นาน ของเหล่านี้ถ้าพระท่านใช้ไม่ทัน ท่านก็มักจะเก็บรวบรวมนำไปบริจาคต่างจังหวัดอีกที นับเป็นวงจรบุญไม่มีที่สิ้นสุด

    จัดเรียงข้าวของที่ซื้อมาลงในภาชนะซักผ้าที่ซื้อมาต่างหาก อาจจะเป็นถังหรือกะละมังก็ได้ แล้วนำไปถวายได้ทันที

    [​IMG]

    ข้าวของบางอย่างที่ไม่ควรถวาย

    - บุหรี่ กาแฟ สิ่งเสพติด เครื่องดื่มชูกำลังทุกประเภท

    - ผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุด้วยโฟม เพื่อหลีกเลี่ยงมลพิษทางสิ่งแวดล้อม

    - อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง เพราะเป็นอาหารที่มีสารกันบูด สารเคมี ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ใส่เป็นผลไม้สดจะดีกว่า ถ้าในวัดมีครัวอาจซื้อผักสดเข้าครัวก็ได้

    - ใบชาคุณภาพต่ำ พระไม่ค่อยได้ชงฉัน ควรเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ให้ประโยชน์กับสุขภาพมากกว่า

    - กล่องสบู่ ปกติพระท่านมีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องซื้อถวายอีก

    - บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารบิณฑบาตในตอนเช้าเป็นอาหารสด และมีคุณค่ากว่า ไม่ควรส่งเสริมให้ท่านฉันอาหารที่มีคุณค่าน้อย

    - น้ำอัดลมหรือน้ำที่ผ่านการปรุงแต่งกลิ่นและสี เช่น น้ำส้ม น้ำองุ่นที่แต่งกลิ่นและสี

    [​IMG]

    แสงสว่างไสวถึงชาติหน้า

    เทียนและหลอดไฟ เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เป็นของนิยมในการถวาย เพราะในสมัยก่อนพระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาในวัดต่างจังหวัดต้องใช้เทียนเพื่อเป็นแสงสว่างในวัด แต่ในปัจจุบันวัดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้ากันแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากเราจะเปลี่ยนมาถวายหลอดไฟนีออนกันบ้าง ราคาเทียนที่ถวายกันก็จะประมาณ 150-1,600 บาท แล้วแต่ว่ามีสลักลายหรือไม่มี ถ้าขนาดเดียวกันก็จะต่างกันประมาณ 100 บาท

    ถ้าดูจากความหมายแล้วก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่นัก เพราะนัยว่าจะทำให้ชีวิตของผู้ถวายรุ่งโรจน์สว่างไสวไปถึงภพหน้าชาติหน้า ยิ่งถ้าใครหนทางชีวิตมืดมิด ถือโอกาสดีช่วงเทศกาลเข้าพรรษานี้ถวายเทียนหรือหลอดไฟนีออนกันแก้เคล็ดสักหน่อย สาธุ !!!

    [​IMG]



    ....................................................................

    ขอขอบคุณเว็บไซท์</TD></TR></TBODY></TABLE>::
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    กิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ ประจำเดือนนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2554 ที่จะมาถึงนี้ โดยนัดพบเพื่อจัดเตรียมสังฆทานอาหารที่โรงอาหารด้านข้าง รพ.สงฆ์ในเวลา 7.30 น.-8.00 น.

    จึงขอแจ้งให้ผู้ที่สนใจได้ทราบทั่วกัน โดยผมและนายสติ ได้เบิกเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ มาเพื่อเตรียมการบริจาคเรียบร้อยแล้ว โดยมีรายละเอียดการบริจาคสำหรับเดือนนี้ตามประมาณการดังนี้



    1 รพ.สงฆ์

    - ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.- (ประมาณการพระสงฆ์ไว้ 200 รูป โดยจะถวายเป็นอาหารกล่องๆ ละ 30.-)
    - ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
    - ถวายค่าโลหิต 5,000.-
    รวม 16,000.-

    2 รพ.ภูมิภาค

    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 8,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราช (ปัว) 5,000.-
    จ.น่าน
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย 8,000.-
    จ.เลย
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 5,000.-
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 8,000.-
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 5,000.-
    - รพ.สงขลา จ.สงขลา 8,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 5,000.-
    รวม 52,000.-

    รวมเงินบริจาคตามข้อ 1.+2. = 68,000.- (หกหมื่นหกแปดพันบาทถ้วน)


    3. กิจกรรมประจำเดือน

    ในเดือนนี้สำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นการประจำทุกเดือน ก็จะแจกเหรียญหรือรูปหล่อองค์เล็กของกรมหลวงชุมพรฯ ให้คนละ 1 องค์ ซึ่งวัตถุมงคลข้างต้นได้ผ่านการทำพิธีใหญ่จากผู้ทรงฌาณมาเรียบร้อยแล้ว แต่มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นคือ 50 องค์ เสร็จแล้วก็จะมีการสอนให้ดูพระสกุล ๒๔๐๘ และ ๒๔๑๑ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่กัน หากท่านผู้ใดสนใจ ขอเรียนเชิญครับ

    พันวฤทธิ์
    22/3/54
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันก่อนได้รับจดหมายมาจาก รพ.ปัตตานี ว่ามีสามเณรถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยิงด้วยเอ็ม 16 กระสุนเข้าที่ลำคอทะลุออกแก้ม ในขณะที่บิณฑบาตรพร้อมกับพระสงฆ์อีก 2 รูป เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งพระสงฆ์นั้นเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนสามเณรได้มาพักรักษาตัวที่ รพ.ปัตตานี ก่อนถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ในจังหวัดสงขลา โดยในขณะนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้รับเป็นคนไข้ในพระองค์แล้ว ทาง รพ.ปัตตานี ที่ทุนนิธิฯ บริจาคปัจจัยให้เป็นประจำจึงขออนุญาตผมในนามประธานทุนนิธิฯ ใช้เงินที่ได้รับบริจาคมาในทุกเดือนนำไปจัดซื้อเป็นของเยี่ยมสามเณรรูปนี้ ผมจึงตอบตกลง โดยในภาพ จะเห็นท่าน ผอ.รพ.ปัตตานี เป็นตัวแทนของทุนนิธิฯ นำกระเช้าไปเยี่ยมท่านถึงเตียง ผมจึงนำภาพนี้มาลงเพื่อให้ทุกท่านได้โมทนาบุญกัน และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นอกจากสามเณรแล้ว กลุ่มแพทย์และพยาบาลที่ออกหน่วยเมื่อมีเหตุการณ์ปะทะกันราวๆ 30 คน มักถูกลอบยิงเป็นประจำ ยามเมื่อต้องเข้าไปรับจนท.หรือผู้บาดเจ็บมารักษาที่ตัวเมือง บางทีก็เสียชีวิตคาเครื่องแบบ หรือเสียชีวิตทั้งที่มีครรภ์ คณะกรรมการทุนนิธิฯ จึงได้ประชุมกัน และมีมติที่จะจัดหาพระวังหน้าชนิดกันปืนส่งให้ทั้งทีมแพทย์และพยาบาลเหล่านี้ไว้ใช้ป้องกันตัว ทั้งนี้ อย่างน้อยก็ให้เห็นว่าพวกเราส่วนกลางก็ไม่ได้ทิ้งกัน และพวกเราก็มีความมั่นใจในพระวังหน้าว่ากันปืนได้ด้วยเช่นกัน สำหรับพระวังหน้าที่จัดส่งให้นั้น เป็นพระวังหน้าสมัยอยุธยาคือพิมพ์ซุ้มไทรย้อย ซึ่งสำเร็จโดยคณะหลวงปู่พระธรรมฑูตโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ครับ โดยจะจัดส่งพร้อมกับใส่ตลับแสตนเลสให้เรียบร้อยแบบว่าพร้อมใช้งานได้ทันที โดยทั้งค่าจัดส่งและค่ากรอบกรรมการฯ ทุกคนใช้เงินส่วนตัวแทนการใช้เงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. kujakuo19

    kujakuo19 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +119
    เดือนนี้โอน เงินทำบุญ 500 บาทครับ
    110045 21/03/11 1702 7512A 348-1-23245-9 ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ
    ครอบครัวโรจนินทร์ ธนาพลพิพัชร์ ครูอาจารย์
    ขออนุโมธนาบุญครับ
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขอนำหนังสือขอบคุณ ใบอนุโมทนาบัตรและหลักฐานการใช้จ่ายเงินบริจาคของทุนนิธิฯ มาลงกันเพื่อให้อนุโมทนาบุญกันครับ โดยในส่วนของ รพ.ปัตตานีนั้น ได้รับแจ้งจาก จนท.พยาบาลของ รพ.ที่เป็นผู้ประสานงานของทุนนิธิฯ ว่า ในบางคราวเมื่อมีการปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ หรือทหารและชาวบ้านถูกลอบยิงเมื่อมี ว.เข้ามาขอความช่วยเหลือกลุ่มแพทย์และพยาบาลที่จัดเตรียมไว้ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 ท่าน ก็จะเวียนไปช่วยเหลือกัน บางคราวขาไป จนท.เหล่านี้ก็ถูกยิงซ้ำ หรือบางทีขากลับก็โดนด้วยเช่นกัน จนท.เหล่านี้ถูกยิงในชุดพยาบาล บางรายเสียชีวิตในขณะตั้งครรภ์โดยการเข้ามาจ่อยิงซ้ำ คณะกรรมการฯ ทุนนิธิฯ จึงได้ตกลงกันที่จะหาพระพิมพ์ที่มีอิทธิคุณโดดเด่นทางด้านกันปืนให้ โดยได้คัดเลือกเป็นพระพิมพ์วังหน้าในสมัยอยุธยา คือพระพิมพ์ซุ้มไทรย้อย ซึ่งจะได้จัดเตรียมใส่กรอบแสตนเลสอย่างดีประเภทพร้อมใช้งานเลยส่งไปให้คนละองค์ การดำเนินการทั้งหมดคณะกรรมการฯได้ใช้เงินโดยส่วนตัวกันโดยมิได้ใช้เงินจากทุนนิธิฯ เพียงแต่มุ่งให้ จนท.ของ รพ.ปัตตานีปลอดภัยจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเท่านั้นก็พอครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2011
  14. สุตโม

    สุตโม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมได้โอนเงินเข้า ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ จำนวนเงิน 1,000 บาทวันที่ 23/03/2554 เวลา 10.25 น. และวันอาทิตย์นี้ขอร่วมกิจกรรมด้วยนะครับ
    สอบถามเพิ่มเติมครับ ถ้าผมนำน้ำมันมะกอกไปด้วยจะต้องทำอย่างไรบ้างครับ
    เห็นเพื่อนบอกว่า พระบางรูปเป็นโรคเบาหวานผิวท่านจะแห้งขอบคุณครับ
    นายอาคม แขวงนคร และครอบครัว
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    หลักฐานการโอนเงินไปยัง รพ.ต่างๆ ตามรายละเอียดข้างต้น นำมาลงให้อนุโมทนาบุญกันครับ

    [​IMG]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    มีประเยชน์ดีมากๆนะครับผม
     
  17. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    อาทิตย์นี้ไปร่วมด้วยครับ อนุโมทนาบุญกับคุณพันวฤทธ์และนายสติพร้อมทั้งทีมงานทุกท่านเลยครับ
     
  18. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    [​IMG]


    วิธีอบรมจิตของ
    หลวงพ่อจง พุทธัสสโร
    <O:p
    หลวงพ่อจง พุทธัสสโร ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในการปฏิบัติกรรมฐานอันเป็นเครื่องชำระจิตให้หมดจดจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม<O:p
    <O:p
    ในขบวนการใช้อุบายแยบคายอบรมบ่มจิตให้ได้รับความสงบ จนบังเกิดเป็นสมาธิและฌาน กับอาการอบรมจนให้ดวงจิตบังเกิดปัญญาที่เรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน ก็ดี หลวงพ่อจงพอใจชอบใช้ฝึกจิตในแนวทางเรียกว่าอสุภะมากกว่าวิธีอื่น<O:p
    <O:p
    อสุภะ ตามความหมายก็คือ หมายความถึงสิ่งอันเป็นซากของวัตถุ หรือซากร่างปราศจากชีวิตอันไร้ความน่าดู ปราศจากความสวยงาม ตรงข้ามน่าพึงชังรังเกียจ น่าพึงเบื่อหน่าย ขยะแขยงสะอิดสะเอียน หลวงพ่อจงพอใจใช้วิธีการเพ่งอสุภะ เป็นแนวทางอบรมบ่มจิต ก็เพราะได้คิดว่า มันเป็นการช่วยให้ตนสามารถมองเห็นชัดด้วยตาและบังเกิดความรู้สึกในใจให้คิดสังเวชอย่างซาบซึ้งถึงความจริงในข้อที่ว่า ตนและสรรพสัตว์ เมื่อต้องมีอันเป็นไปบังเกิดเป็นความตายแล้ว ก็ต้องมีสภาพน่าอเนจอนาถ ไม่น่าดู ไม่น่ารัก แต่น่าชัง น่ารังเกียจ ทุเรศอุจาดตา ดังนี้ด้วยกันทั้งนั้น และเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น<O:p
    <O:p
    ซึ่งจากข้อคิดนี้ จะทำให้ดวงจิตแห้งแล้งหดหู่ ปราศจากความร่านยินดีในรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ ปราศจากความหลงงมงายคิดว่าร่างกายเป็นสิ่งสวยงาม จะได้เป็นเครื่องบรรเทาอัสมิมานะ คือความสำคัญผิดเพ้อเห็นไปว่า ร่างกายนั้นหนอ มันเป็นตัวตนของเขาของเราจริงแท้ ซึ่งความจริงมันมิใช่
    ความจริงมันเป็นเพียง อัตตะ ปราศจากตัวตน เป็นที่รวมอยู่ของธาตุทั้งห้า ชั่วครั้งคราวโดยสภาวะปรุงแต่งแวดล้อม ครั้นถึงกาลเวลาก็แตกดับล่วงลับสลายไป ไม่เป็นเขาไม่เป็นเรา ดังนั้นจึงไม่บังควรไปหลงคิดรัก หลงหวงแหน หลงป้อยอ หลงรับ ใช้หาของกินรสโอชะ หรือหลงไหลกดขี่ขูดรีดคนโกงแย่งชิงสรรพสิ่งจากที่อื่นสิ่งอื่นไปบำรุงบำเรอมัน เพราะอย่งไรในที่สุดก็ไม่พ้นเสียเปล่าและสูญสิ้นเปล่า เหมือนชีวิตไม่เคยมีใครรักษามันไว้ได้<O:p
    <O:p
    หลวงพ่อจงชอบเพ่งมองอสุภะ คือรูปเน่าเปื่อยของศพที่มีผู้เอามามอบให้ และท่านเก็บไว้ในห้องที่จัดไว้พิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซ่อนเร้นมิให้ประเจิดประเจ้อต่อความรู้เห็นของผู้อื่น<O:p
    <O:p
    ท่านจะใช้เวลายามปลอดและสงัดผู้คนเข้าห้องพิเศษ พร้อมด้วยดวงเทียนหรุบหรู่ เข้าไปนั่งเฝ้าเพ่งมองดูรูปศพคนตาย ไม่เลือกว่าจะเป็นศพขึ้นอืดจนเป็นน้ำเหลืองหยด จะมีกลิ่นเหม็นหรือเป็นซากศพแห้งเหี่ยวย่น หน้าตาน่าเกลียดเพียงใด ท่านก็จะเฝ้าจ้องมองเพ่งดูอย่างจริงจัง เพ่งมองให้เป็นภาพติดตาจนจำขึ้นใจว่า ศพนั้นท่าทางรูปร่างเป็นอย่งนี้ แห้งเหี่ยวเป็นรอยย่นผิดหน้าตามนุษย์ธรรมดายังงั้นยังงี้ หรือมีน้ำเหลืองหยดเพราะอาการเน่าเปื่อยตรงนั้นตรงนี้<O:p
    <O:p
    พร้อมกันนั้น ก็กระทำจิตให้บังเกิดอารมณ์สังเวชว่า รูปกายเกิด เกิดมาแล้วก็ต้องถึงวาระมีอันเป็นเบียดเบียนให้เจ็บป่วย ถูกทำร้ายหรือบังเกิดอุบัติเหตุเป็นภัยอันตรายถึงตาย ตายแล้วก็มีอาการน่าอเนจอนาถต่าง ๆ นานา เป็นเช่นนี้เสมอไป<O:p
    ร่างกายหนอ...ชีวิตหนอ...ต่างล้วนเป็นภาพน่าอนาถ น่าสังเวช น่าชิงชัง น่าเบื่อด้วยกันทั้งนั้น เช่นนี้แล<O:p
    <O:p
    เกี่ยวกับการพิจารณาซากอสุภะของหลวงพ่อจงนี้เคยมีผู้สงสัยถามว่า เมื่อทำดังนี้และปลงอารมณ์ได้ดังนี้แล้ว จะบังเกิดประโยชน์อะไร<O:p
    <O:p
    หลวงพ่อจงให้คำตอบว่าได้ประโยชน์คือ ทำให้ไม่หลงไหลรักตัวตนว่าเป็นตัวตนของเขาของเรา มันเป็นแค่ชีวิตกายที่ก่อสารรูปขึ้นได้ด้วยสภาวะแวดล้อมของธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้ารวมตัวกัน ความคิดเห็นแก่ตนเองเอาเปรียบเบียดเบียนผู้อื่นจะหย่อนหายไปจากสันดานโลภโมโทสันเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งขัดเกลาสันดานจิตใจให้ผ่องใสสะอาด

    [​IMG]
    <O:p
    <O:p
    หากมนุษย์อันเป็นตัวสมมุติของกายเกิด ไม่หลงนึกแยกประเภทของกายเกิดว่านั่นเป็นเขา นี่เป็นเรา ดังนี้แล้ว การอยู่ร่วมกันในสังคม บ้านเมือง ตลอดทั่วโลกก็จะมีแต่ความสงบสุข ไม่ต้องมีการดิ้นรนจองล้างจองผลาญย่ำยีต่อกัน นั่นคือคำตอบอันเป็นการไขข้อสงสัยในกรรมฐานที่ท่านพิจารณาอยู่ทุกเมื่อของหลวงพ่อจง

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2011
  19. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    เดือนนี้ครอบครัวผมโอนเงินทำบุญ ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ
    จำนวน500 บาท
    ( 23/03/11 เวลา16:43น.)
    ขออนุโมธนาบุญทุกประการครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สำหรับจำนวนพระสงฆ์อาพาธที่ตึกกัลญานิวัฒนาที่จะถวายภัตตาหารในวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม นี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 170 รูป หากท่านใดพอมีเวลาว่างผมและคณะกรรมการทุนนิธิฯ ทุกท่าน ก็ขอเชิญให้ไปร่วมบุญเพื่อไปถวายภัตตาหารแด่ท่านเหล่านั้นถึงเตียงนอน พร้อมทั้งได้รับพรอันประเสริฐจากท่านเหล่านั้น อย่างน้อยก็พอให้ท่านช่วยคลายเหงาจากการที่ท่านได้ห่างไกลจากวัดที่ท่านได้พักอยู่เป็นประจำได้ไม่มากก็น้อยครับ


    [​IMG]


     

แชร์หน้านี้

Loading...