เวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 15 มีนาคม 2011.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    [​IMG]

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย และพระคุณเจ้าที่เคารพ ที่กล่าวมาแล้ว กล่าวถึงความตาย ความจริงเรื่องความตายมีเรื่องเล่าสู่กันฟัง บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านบอกว่า “คนเราจะตาย จะเห็นนิมิตก่อน”

    ตามที่หนังสือโบราณท่านเขียนไว้ แล้วก็คนโบราณ โบราณสมัยนี้ สมัยหลวงพ่อปาน ท่านก็เขียนไว้ ท่านบอกว่า ลอกมาจากตำรา ก็ไม่ทราบว่า ตำราเล่มไหนเหมือนกัน ท่านบอกว่า คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต เรื่องนี้สำคัญ บรรดาท่านพุทธบริษัท คนจะตายต้องเห็นนิมิต คือ

    ๑. เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นไฟ กองไฟ หรือดวงไฟ แสดงว่า คนนั้นตรงไปนรกทันที ไม่ผ่านสำนักของพระยายม
    ๒. ถ้าเห็นป่า จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
    ๓. ถ้าเห็นก้อนเนื้อ จะเกิดเป็นคน
    ๔. ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นบุญ เป็นกุศล ของที่เคยให้ทานหรือวัดที่เคยทำบุญ พระที่เคยไหว้ จะเป็นพระพุทธรูปก็ตาม พระสงฆ์ก็ตาม เป็นอันว่า สิ่งที่เป็นบุญ เป็นกุศล อย่างนี้ก็จะไปเกิดบนสวรรค์ ไปสู่สุคติ

    ตามที่ท่านเขียนมาอย่างนี้ อาตมาก็ไม่ใช่ต้องการพิสูจน์ แต่ก็เข้าไปประสบโดยคาดไม่ถึง นั่นก็คือ มีอยู่ว่า มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ชื่อ จวน นามสกุลว่าอย่างไรก็จำไม่ได้ อยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    เมื่อเวลาสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ สมัยท่านจอมพลแปลก เป็นนายก ฯ เวลานั้นก็เกณฑ์คนไปทำงานที่เพชรบูรณ์ ตามลีลาที่เขาเล่ากันบอกว่า ตั้งใจจะต่อต้านญี่ปุ่น ว่าอย่างนั้นชาวบ้านพูด แต่ท่านจอมพลแปลกไม่ได้พูดให้ฟัง แต่ท่านมาแถลงการณ์ทางวิทยุทีหลัง ก็คล้ายคลึงแบบนี้ ต้องการจะเอาคนงานทั้งหมดเป็นทหารต่อต้านญี่ปุ่น จะเอานักเรียนนายร้อยไปไว้ที่นั่น เป็นผู้บังคับหมวด อย่างนี้เป็นต้น

    ก็เป็นอันว่า เมื่อเลิกสงคราม เธอเลิกงานมาแล้ว ก็ปรากฎว่าเป็นโรค เป็นไข้ ต่อมาก็เป็นวัณโรค คือ เป็นโรคฝีในท้อง เป็นโรคปอด วันหนึ่ง เป็นวันสุดท้ายของชีวิตของเธอ อาตมาไปเทศน์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ก็พอดีกลับมา เขาบอกว่า จวนป่วยหนัก เป็นเวลาเย็น ประมาณสัก ๔ โมงเย็นก็นิมนต์พระไปเป็นเพื่อน ๔ องค์ อาตมาด้วย ๑ องค์ เป็น ๕ องค์ ที่ไปเป็นเพื่อนไม่ใช่คิดว่ากลัวใครจะทำร้าย ที่นำไปแบบนั้นก็คิดว่าคนป่วยหนัก ถ้าเห็นพระอาจจะเป็นมงคลก็ได้ เพราะว่าตามตำราท่านบอกว่า ถ้าเป็นสิ่งที่เป็นกุศล คนนั้นจะไปสวรรค์
    พอไปถึงเข้าจริง ๆ จวนก็อาการหนักจริง ๆ หายใจเบา หายใจช้า ๆ แล้วก็เบาลง ๆ แต่ว่าอาตมาไปนั่งข้าง ๆ ก็เรียกชื่อ “จวน จำฉันได้ไหม?”

    เธอเหลียวหน้ามา ก็พยักหน้าตอบว่า “จำได้” เสียงเบามาก
    ก็ถามเธอว่า “เวลานี้เห็นอะไรไหม? ไม่ใช่เห็นฉัน มีภาพอะไรลอยข้างหน้าบ้าง?”

    เธอก็ตอบว่า “เวลานี้มีภาพไฟลอยข้างหน้า” เธอก็แสดงอาการหวาดกลัวมาก กลัวไฟ

    เมื่อฟังเท่านั้นก็ตกใจ คิดว่า ท่าจะไม่ได้การแล้ว นิมิตตามที่ท่านเขียนไว้ปรากฏ นึกในใจ ไม่พูด คิดว่า นิมิตอย่างนี้ ถ้าเห็นไปนรกทันที ก็คิดอะไรไม่ถูก ถามว่า “จวน ภาวนา พุทโธ ไหม ?”

    เธอส่ายหน้าบอกว่า “คิดไม่ออก”

    จึงหันไปหาภรรยาเขา อาตมาก็จำชื่อภรรยาไม่ได้ ลืมเสียแล้ว
    ถามว่า “มีสตางค์ไหม?”

    เธอก็บอกว่า “มี”

    ก็เลยบอกว่า “ถ้ามีละก็ ขอสัก ๒๐ บาทได้ไหม?”

    เธอก็นำธนบัตรใบละ ๒๐ บาทมาให้

    อาตมาก็ไปใส่มือจวน เอามือทั้งสองประกบกันในท่าพนมมือ บอกว่า

    “จวน เอาอย่างนี้นะ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราจะตายหรือไม่ตายนั้น ไม่มีความสำคัญ ตั้งใจทำบุญก็แล้วกันนะ เวลานี้ฉันมาพร้อมกัน ๔ องค์ ขอจวนตั้งใจชำระหนี้สงฆ์ คิดว่าของต่าง ๆ ในวัดทั้งหลาย ที่มีพระสงฆ์ก็ดี หรือไม่มีพระสงฆ์ เป็นวัดร้างมีพระพุทธรูปก็ดี หรือว่าเป็นวัดร้างไม่มีพระพุทธรูปก็ตาม หรือเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่มีสภาพเป็นวัดก็ตาม เราไปนำอะไรมาจากที่นั่นก็ตาม จะเป็นของหนักก็ดี ของเบาก็ดี ของน้อยก็ตาม ของมากก็ตาม มีค่ามากก็ตาม มีค่าน้อยก็ตาม ขอชำระหนี้สงฆ์ด้วยเงิน ๒๐ บาท”

    เธอก็พูดเบา ๆ ตาม แล้วก็น้อมทำท่าผงกศีรษะนิดหน่อย ก็เลยบอกพระท่านบอกว่า

    “คุณทั้งหลาย ถ้าเห็นชอบ ให้ สาธุ พร้อมกันนะ”

    พระทั้งหลายก็ “สาธุ” พร้อมกัน

    พอพระสงฆ์สาธุพร้อมกัน รู้สึกว่าจิตใจของเธอสดชื่นขึ้นมามาก ถามว่า

    “จวน เวลานี้เห็นภาพอะไร ไฟหายไปแล้วหรือยัง”

    เธอก็ตอบ“ไฟหายไปแล้ว”

    ถามว่า “เธอเห็นภาพอะไร”

    เธอบอก “เห็นภาพพระประธานในอุโบสถวัดบางนมโค”

    เพราะว่าเธอบวชวัดนั้น เธอก็ไปทำวัตรเป็นประจำ

    ถามว่า “เห็นชัดไหม”

    เธอก็บอก “เห็นชัด อยู่ใกล้มาก”

    ก็บอก “จวน นึกในใจก็ได้นะ ออกเสียงมันจะเหนื่อย นึกภาวนาในใจว่า พุทโธ”

    แทนที่เธอจะนึกในใจ เธอก็ออกเสียงว่า “พุทโธ ๆ ๆ ๆ” เบา ๆ

    เธอว่าไปสัก ๓ – ๔ ครั้ง รู้สึกว่าหายใจเบาลง แต่ว่ามีเสียงเล็กน้อย

    ถามว่า “จวน เวลานี้เห็นพระไหม”

    เธอตอบว่า “เห็นพระ”

    ถามว่า “ชัดขึ้นไหม”

    เธอก็ตอบว่า “ชัดเจนแจ่มใสมาก สุกสว่างมาก ใหญ่กว่าเดิมมาก”

    บอก “ถ้าอย่างนั้น นึกถึงพระเป็นที่พึ่งนะ นึกถึงเวลานี้เราอยู่กับพระพุทธเจ้า ภาพที่เห็น คือ ภาพพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ามาสงเคราะห์ จะหายจากโรค ถ้าจำเป็นต้องตายก็ไปสวรรค์”

    เธอยิ้มนิดหนึ่ง เธอตอบว่า “พอพูดจบก็มีวิมานลอยมาอยู่ข้างหน้า พระก็ชี้ แสดงว่า วิมานนี้เป็นของเธอ”

    จึงถามเธอว่า “เวลานี้ ต้องการอยู่บ้านหรือต้องการอยู่วิมาน”

    เธอก็ตอบเบา ๆ ว่า “ต้องการวิมานครับ”

    ก็ไม่ต้องการรบกวนให้เหนื่อยต่อไป ก็บอกว่า “ตั้งใจไปวิมานนะ ภาวนาว่า พุทโธ” เธอก็ภาวนาเบา ๆ ว่า “พุทโธ ๆ ๆ ๆ”

    ในที่สุดก็เงีบบไปพร้อมกับคำภาวนา และลมหายใจเข้า-ออก รวมความว่า เธอตายคู่กับพุทโธ

    เป็นอันว่า นิมิตเครื่องหมายนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท มีจริง อาตมาผ่านแบบนี้มาหลายสิบราย ที่พบมาเองนะ ไม่ใช่หลายราย หลายสิบราย และวิธีแก้ของอาตมาก็มีวิธีเดียววิธีนี้ เพราะว่าอย่างอื่นเวลานั้น มันแก้กันไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินชำระหนี้สงฆ์ ถ้าบังเอิญไม่เป็นหนี้สงฆ์ ก็เป็นสังฆทานและวิหารทาน รวมความว่า เป็นบุญใหญ่ที่เขาจะพึงได้รับ นี่เป็นอันว่า มนุษย์เราที่ตายนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท ทุกคนจะเห็นนิมิตก่อน

    <CENTER>จากหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง) </CENTER>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มีนาคม 2011
  2. ตอไม้

    ตอไม้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    315
    ค่าพลัง:
    +82
    ขอน้อมกราบอนุโมทนากุศลผลบุญของพระเดชพระคุณท่านพ่อฤาษีลิงดำ และท่านผู้นำมาให้อ่านขอรับ สาธุ
     
  3. thanan

    thanan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,216
    อยากเห็นบุญที่เคยสร้างมาครับ
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
     
  5. tim6996

    tim6996 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2010
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +40
    น่ากลัวจริงๆ ผมจะใช้วิธีหลวงพ่อไปโปรดญาติโยมและพระสงฆ์ที่ทุศีลทั้งหลายครับ ถ้าตอนท่านมีชีวิตดีสบายอยู่ผมก็จะซื้อหนังสือเกี่ยวกับโทษการทุศีลให้ท่านครับ ส่วนโยมก็จะสอนวิธีการทำบุญด้วยกุศลกรรมบท 10 ครับ ถ้าเวลาใกล้ตายผมก็จะช่วย โยมให้เต็มที่ครับ ขอบารมีหลวงพ่อช่วมให้ผมทำดีได้มากๆๆ และช่วยสงเคราะห์ให้ผมทำสำเร็จด้วยนะครับ สาธุ
     
  6. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ...ผมขออนุญาตนำไปเผยแผ่เป็นธรรมทานนะครับ

    พอดีไปอ่านเจอ เป็นเรื่องต่อเนื่องกันกับกระทู้นี้พอดีครับ...

    คนใกล้จะตายควรแนะนำอย่างไร

    โดย หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง


    [​IMG]

    “..ถ้าป่วยใหม่ๆ อาตมาแนะนำให้ทำดังนี้คือ
    ๑) ให้นำพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร พร้อมอาหารและของใช้ที่จำเป็น นำไปให้ผู้ป่วยเห็นและให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า



    ของ ทั้งหมดนี้ขอถวายเป็นสังฆทานแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญทั้งหมดนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยได้โมทนาและ อโหสิกรรมให้ผู้ป่วยด้วย”

    แล้วญาติก็นำของทั้งหมดไปถวายพระเป็นสังฆทาน จิตใจของผู้ป่วยจะได้สบายเพราะได้เห็นพระพุทธรูปและได้ทำบุญ


    ๒) ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก ก็ควรนำเงินจะมากหรือน้อยตามแต่ศรัทธา ให้ผู้ป่วยถือเงินไว้และให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า


    เงินจำนวนนี้ขอถวายชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าเคยไปหยิบหรือนำของสงฆ์มาโดยเจตนาหรือไม่ได้เจตนาก็ตาม”

    ๓) ในระหว่างที่นอนป่วยอยู่ ควรนำพระพุทธรูปมาตั้งไว้ให้ผู้ป่วยได้มองเห็น อย่าไปตั้งไว้ในที่ผู้ป่วยเห็นไม่ถนัด ผู้ป่วยลืมตาขึ้นมาเมื่อใดก็จะเห็นพระทันที จิตของผู้ป่วยจะได้จับอยู่ที่พระใจจะสบายช่วยให้คลายจากทุกขเวทนาได้บ้าง และถ้าตายเมื่อใดก็จะไม่ลงนรก

    ๔) ถ้าป่วยมากมีทุกขเวทนามาก ควรแนะนำสั้นๆ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้า หรืออย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า ถ้าไปแนะนำยาวๆ จะเกิดอาการกลุ้ม


    ๕) ถ้าต้องการให้ผู้ป่วยตายแล้วไปพระนิพพาน ให้นึกภาวนาว่า นิพพานัง สุขัง” ถ้าคิดว่าป้องกันไม่ให้ลงนรกก็ให้ภาวนาว่าพุทโธ” ให้บอกสั้นๆ อย่าบอกยาว


    ๖) ถ้าผู้ป่วยภาวนาไม่ไหว ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ให้นึกถึงพระไว้หรือจะนึกถึงพระสงฆ์ก็ได้ อย่าไปแนะนำยาวๆ เพราะเวลานั้นทุกขเวทนามากจะทำให้กลุ้ม ดีไม่ดีจิตใจเขาดีอยู่แล้ว ถ้าแนะนำไม่ดี พูดมากไปเขาจะกลุ้มจะทำให้ลงนรกไป ให้ดูตาคนป่วย ถ้าตาลอยๆ ตาปรือๆ อย่าไปพูดมาก


    ฉะนั้น การแนะนำคนป่วยก่อนตาย ต้องระมัดระวังให้ดี..”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2011
  7. gitti

    gitti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,035
    อนุโมทนาบุญค่ะ ขออนุญาตนำธรรมะของหลวงพ่อไปเผยแพร่ต่อนะคะ
     
  8. purivat

    purivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +254
    อ่านแล้วจำ จำไว้ใช้ เผยแพร่ต่อไปครับ กราบอนุโมทนาครับ
     
  9. maniamanias

    maniamanias เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +175
    ขออนุญาตนำธรรมะของหลวงพ่อไปเผยแพร่ต่อนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
     
  10. Namo1

    Namo1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +26
    อนุโมทนา สาธุค่ะ ต้องฝึกมรณานุสติกรรมฐาน ถึงเวลาตายจะำได้มีสติ
     
  11. kruoya

    kruoya Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอกราบอนุโมทนาหลวงพ่อเป็นที่สุดค่ะ..<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. Wesnatur

    Wesnatur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +154
    ขออนุโมนาบุญด้วยครับ
     
  13. Apichet Dokkhamdand

    Apichet Dokkhamdand สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +1
    "พุทโธ" คำๆนี้ข้าพเจ้าน้อมปฏิบัติไปจนวันตาย...ขออนุโมทนาด้วยครับ
     
  14. prapaphan

    prapaphan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    อ่านแล้ว..รู้สึกดีมากๆค่ะ จะขอนำไปเผยแพร่ เพื่อเป็นบุญกุศลต่อไป ขออนุโมทนา... สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...