หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่บุดดา ถาวโร

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 10 ธันวาคม 2005.

  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    [​IMG]




    เรื่องที่จะนำมาถ่ายทอดต่อไปนี้ คัดลอกมาจากหนังสือ "เสียงจากถ้ำ (นารายณ์) ฉบับพิเศษ : บนเส้นทางพระโยคาวจร" เขียนโดย "สายฟ้า" [หลวงตาวัชรชัย เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)] ผู้ถ่ายทอดกราบขออนุญาตต่อหลวงตาวัชรชัย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ และจะขอตัดตอนนำเฉพาะบางตอนที่กล่าวถึงหลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่บุดดา ถาวโร โดยตรงมาถ่ายทอด ดังนี้


    "ถ้าจะมีพระสงฆ์สักองค์หนึ่งที่สามารถนั่งสนทนาโต้ตอบกับพ่อ (หลวงพ่อของพวกเรา) ได้แบบทันปากพ่อ ทันใจพวกเราแล้ว ผู้เขียนนึกออกมาได้เพียงองค์เดียวจริงๆ นั่นคือ พระคุณหลวงปู่บุดดา ถาวโร หนึ่งในจำนวนพระสุปฏิปันโนที่พ่อนิมนต์มาในงานฉลองวัดเมื่อเกือบ 24 ปี มาแล้ว


    .....พระคุณหลวงปู่บุดดา ท่านพรมน้ำมนต์ที่ศาลา 4 พระองค์ วันนั้นดูเหมือนไม่เหนื่อย แต่พอกลับมาพักที่กุฏิก็จับไข้ตามเดิม ผู้เขียนจำได้ไม่มีลืม กลับมาท่านก็ยังไม่ยอมนอนพัก นั่งอยู่ชั้น 2 กุฏิเบอร์ 2 กับผู้เขียนตัวต่อตัว ท่านมองฟ้า มองหลังคาพระอุโบสถวัดท่าซุง ผ่านหน้าต่างกุฏิ ตายังงี้ใสแจ๋วเหมือนแก้ว ไร้อารมณ์ไร้เดียงสา บริสุทธิ์เหมือนดวงตาเด็ก (เด็กดีๆ นะ) ปากก็พูดลอยๆ แต่ชัดเจนว่า



    [​IMG]



    "เออ..งานนี้ (หมายถึงงานวัดเราที่มีพระสุปฏิปันโนมารวมกันถึง 10 องค์) จัดยากนักหนา ใครๆ จะไปนิมนต์พระดีหลายๆ องค์มารวมกันยังงี้ทำไม่ได้หร็อก พระเจ้าแผ่นดินทั่วโลก พระสังฆราช พระสันตะปาปารวมกัน ไปนิมนต์ท่าน ท่านไม่มาให้หร็อก..! แต่พระมหาวีระ (ตอนนั้นพ่อยังไม่ได้สมณศักดิ์) องค์เดียวทำได้ ท่านทำให้ลูกหลานได้ดีกัน แต่หลวงปู่ยังสงสัยว่า ลูกหลานทั้งหลายจะเข้าใจเจตนาครูบาอาจารย์ และฉวยความดีนั้นเอาไว้ได้ไหม?.."


    ท่านพูดแค่นั้นแหละ...นิ่งเงียบไปเลย ผู้เขียนธรรมดาโง่อยู่แล้ว หลังจากนั้นอีก 3 ปี จึงได้เข้าใจจุดหมายอันลึกซึ้งยิ่งใหญ่ไพศาลที่หลวงปู่บุดดาพูดถึง จะเล่าให้ฟังในตอนสรุปท้ายเรื่อง "พระผู้เป็นเนื้อนาบุญ" ตามลำดับระยะเส้นทางพระโยคาวจร


    หลวงปู่บุดดามีจริยาวาจาตรงๆ ง่ายๆ ใครก็ทราบกันอยู่แล้ว ที่สำคัญก็คือ เป็นพระสงฆ์ที่รักผ้าครอง 3 ผืน ยิ่งนัก จะเห็นว่า ท่านจะพาดสังฆาฏิติดตัวอยู่เสมอไม่เคยขาด อีกอย่างก็คือไม่จับเงินทอง ไม่ให้ผู้หญิงเข้าใกล้ตัวเลย เรื่องสนุกมากๆ ก็เกิดตรงจุดนี้ คือ เมื่อเสร็จจากงานวัดแล้ว พ่อก็จัดรถนำลูกหลานไปกราบเยี่ยมหลวงปู่ที่ อ.สรรคบุรี ไปกันหลายคันรถ ศาลารับแขกของหลวงปู่ที่สำนักนั้นแน่นไปหมด พ่อก็บอกว่า


    "ลูกหลานเอ๊ย...ช่วยหลวงปู่สร้างศาลาใหม่นะลูก ช่วยกันคนละเล็กละน้อย"


    โธ่เอ๋ย...ถ้าหลวงพ่อออกปากอย่างนี้ ซ้ำยังบอกว่า




    [​IMG]




    "หลวงปู่บุดดาเป็นพระทองคำทั้งองค์นะลูกนะ ทำบุญกับท่านก็คือทำบุญกับพระอรหันต์นะ" จากคนละเล็กละน้อยก็รวมเป็นก้อนใหญ่มากๆ จำไม่ได้ว่าเท่าไร หลวงพ่อสั่งให้นับจำนวนเงินมัดรวมเข้าเป็นปึกสวยเชียว


    "ถวายหลวงปู่เข้าไป เอ๊า...โมทนาพร้อมๆ กันลูกเอ๊ย..."


    คนถือเงินน้อมถวายปุ๊บ หลวงปู่ก็คว้าย่ามมาแหวกปั๊บ แหวกกว้างเลยกะให้เงินหล่นใส่ย่ามไม่ถูกมือท่าน เท่านั้นแหละท่านผู้อ่าน พ่อเราก็คว้าเงินทั้งปึกมาถือไว้... แย่งเอาเสียเองเลย


    "หลวงปู๊....." พ่อทำเสียงยาวเลย


    "นี่...ถ้าจับเงินไม่ได้ก็ไม่ต้องเอานะ... นี่ถ้าพระใจเป็นแก้วทั้งใจอย่างหลวงปู่ยังคิดว่าไอ้แบงก์กับธาตุดินมันยังมีค่าต่างกัน...ถ้าธาตุดินนี้มันทำให้ใจหลวงปู่เสียหายได้ ก็ไม่ต้องเอาน๊ะ...."


    เท่านั้นแหละหลวงปู่ผู้ไม่จับเงินมาตลอดชีวิต ก็มีอันเปลี่ยนไป ท่านคว้าเงินมาจากมือพ่อ

    "เอาของเขาคืนมานะ..." จับ 2 มือแน่นชูขึ้นตรงหน้าเลย

    "นี่..นี่..นี่ บุดดาจับเงินแล้วนะ จับเงินแล้วนะ"

    จับยัดใส่ย่ามวางบนตัก ชนิดใครก็มาแย่งไปอีกไม่ได้ พวกเราหัวเราะกันลั่นเลย หัวเราะไปใจเป็นสุขที่สุด ไม่รู้ว่าเป็นสุขเพราะอะไร... พ่อบอกอยู่เสมอว่า ใจพระทองคำแท้ (พระอรหันต์) ท่านไม่ติดอะไรทั้งโลก แม้ร่างกายตัวท่านเอง แต่ท่านอยู่กับร่างกายและโลก เกี่ยวพันบริหารงานโลกโดยใจไม่มีทุกข์โทษเวรภัยใดๆ มาทำให้มัวหมองแปดเปื้อนได้ เมื่อใจไม่ติดแน่นอนแล้ว จริยาทางกาย วาจา ก็ลดลงมาหากระแสโลกเพียงเพื่อสงเคราะห์ จะได้พูดกันแนะนำกันรู้เรื่องแบบธรรมดาโลกเขา แต่จริยาท่านอยู่ในสมณมารยาท ในวินัยประเพณี ไม่มีบกพร่องด่างพร้อย เมื่อพ่อกล้าทำอย่างนั้น พ่อก็กล้าชักชวนให้หลวงปู่องค์อื่นออกมาทำงานแทนคุณพระพุทธเจ้าก่อนที่ร่างกายจะสลายหายประโยชน์ไป พระคุณหลวงปู่บุดดาท่านเข้าใจ เต็มใจทำอยู่แล้ว เมื่อมีเพื่อนผู้รู้ใจมารับรองประคองเชิญ ท่านก็ก้าวออกมา... นับแต่นั้น ! หลวงปู่บุดดาก็จับเงินทองได้ ให้ญาติโยมผู้หญิงผู้เลื่อมใสศรัทธาเข้าใกล้ตัวท่านได้ ด้วยประการะฉะนี้ (เอาเข้าให้..)"


    [​IMG]




    รูปหลวงพ่อ จากเว็ปพระรัตนตรัย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a_budda1shre.jpg
      a_budda1shre.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.7 KB
      เปิดดู:
      20,323
    • budda-01.jpg
      budda-01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.1 KB
      เปิดดู:
      11,598
    • normal_lingdum53.jpg
      normal_lingdum53.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.6 KB
      เปิดดู:
      17,380
    • lp_lp.jpg
      lp_lp.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.7 KB
      เปิดดู:
      11,358
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2005
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    [​IMG]



    เอาละ...ทีนี้มาต่อความ หลังจากพ่อชวนหลวงปู่บุดดาเป็น "พระเปิด" เรียบร้อยแล้ว เรื่องมันก็ยิ่งตรงแน่ไม่ต้องแปลกันแล้ว ขอออกตัวคือบอกความจริงกันเสียก่อนว่า ผู้เขียนไม่มีวาสนาได้ตามพ่อไปทุกที่ หรือได้ฟังได้เห็นไปเสียทุกเรื่องราวที่พ่อทำ... นานๆ จะได้พบเห็นปรากฏการณ์บริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนาจากจริยาที่พ่อประพฤติเป็นธรรมดาๆ สักครั้ง จึงจดจำสลักเข้าไปในใจตัวเอง... แต่ไม่หวงแหนที่จะเล่าให้ท่านฟัง

    เหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ "บ้านซอยสายลม" ของพวกเรานี่แหละ ตั้งแต่สมัยพี่อ๋อย (คุณเฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา เจ้าของบ้าน) ยังมีชีวิตอยู่นั้น หลวงปู่บุดดาก็มักจะมาเยี่ยมพ่อที่บ้านนี้บ่อยครั้ง พี่อ๋อยจะยิ้มเต็มปากเต็มหน้าเต็มใจต้อนรับหลวงปู่ ชี้ถวายที่นั่ง..... ประเคนถวายน้ำฉัน แล้วก็จะนั่งยิ้มคุยกับหลวงปู่คอยเวลาที่พ่อจะลงมาพบ พี่อ๋อยกับหลวงปู่บุดดาคงจะเป็นคนประเภทเดียวกันคือ พูดตรงไปตรงมา เสียงดังฟังชัด สมัยก่อนโน้นหลวงปู่บุดดาพูดเสียงดังมาก โดยเฉพาะเวลาคุยกับพ่อนี่ไม่ต้องใช้ไมโครโฟนหรอก ถ้าพระคุณ 2 องค์นี่คุยกันทีไร พวกเราคอยหัวเราะได้เลย ท่านทันกันจริงๆ พ่อบอกว่า

    "ก็ไอ้คน "ถาวโร" เหมือนกันนี่ มันก็อย่างนี้แหละ...."

    ครั้งหนึ่งพ่อคุยเรื่องอารมณ์พระนิพพานกับหลวงปู่... พวกเราก็นั่งเชียร์กันเต็มที่ ท่านปรารภเรื่องร่างกายว่าเป็นของไม่ดี แล้วถามหลวงปู่ว่า

    "หลวงปู่...ร่างกายนี่มันทุกข์ไหมครับ ?.."
    "มันทุกข์น่ะเช้..." หลวงปู่มักจะทำเสียงยาว ทำหน้าจริงจัง จ้องตายืนยันคำพูดทุกครั้ง ซึ่งมักจะตกหลุมพ่อทุกครั้งเหมือนกัน
    "อ้าว...ถ้ามันทุกข์แล้วหลวงปู่ "เสือก" เกิดมาทำไมล่ะ...."
    " ก้อ ก้อ มันโง่น่ะเช้...."
    แล้วท่านก็ไปกันได้ทุกครั้ง...ไม่เคยอับจนซักที

    เกี่ยวกับเรื่องที่พ่อมักจะใช้คำพูดที่ "ดูเหมือนจะไม่เคารพ" ต่อพระที่มีพรรษามาก ซ้ำยังเป็นพระสุปฏิปันโนเสียอีกด้วยนั้น พวกเราใช้หูคนฟังใช้ใจมนุษย์คิด ก็มักจะมีข้อข้องใจกันบ่อยๆ แต่ถ้าฟังให้ตลอดเรื่องถึงตอนจบ ก็จะพบเห็นว่า พ่อจะยกมือไหว้เป็นเชิงขอขมาพร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อนโยนตบท้ายเสมอ

    "อ้อ..ครับ...ครับ.. แล้วหลวงปู่จะเกิดอีกไหมครับ..."
    "จาไปเกิดให้มันโง่อีกเร้อ..."
    หลวงปู่ก็พูดไปชี้ๆ จิ้มๆ ไปเหมือนเดิมอีก

    ครั้งหนึ่งที่หลวงปู่มาคอยอยู่ แต่ว่าพ่อออกไปกิจนิมนต์นอกบ้านสายลมเป็นกรณีพิเศษ พ่อกลับมาก็พบหลวงปู่นั่งอยู่บนเก้าอี้เชิงประตูทางขึ้นที่พ่อพัก... พ่อหยุดยืนเอามือชี้หลวงปู่
    " เอ้า...พระที่ไหนเล่านี่.."
    หลวงปู่ก็เอามือชี้ไปที่พ่อ
    " ก้อ ก้อ พระที่วัดท่าซุงนะเช้..."

    พ่อมักจะหัวเราะเสียงดังชอบอกชอบใจ พวกเราก็ชอบมากๆ ด้วย มาถึงครั้งสำคัญของบ้านซอยสายลม คือ คราวที่พี่อ๋อยเสียชีวิตด้วยโรคประจำวิบากกรรมของท่าน คือโรคมะเร็งที่หน้าอก....... ศพของพี่อ๋อยตั้งอยู่ตรงห้องพรมเขียว (ตอนนี้เปลี่ยนสีหรือยังไม่ทราบเพราะผู้เขียนไม่มีโอกาสได้ไปบ้านซอยสายลมมาหลายปีแล้ว) คือ ห้องที่ใช้ฝึกญาณ 8 ในปัจจุบัน (พ.ศ.2542) ตั้งโลงชิดผนังห้อง ด้านท้ายห้องมีม่านกั้นห้องน้ำไว้สวดพระอภิธรรมกันที่นี่ ต้อนรับแขกที่ห้องนี้แหละ

    พวกเรารุ่นโน้น คือที่ไปซอยสายลมทันช่วงเวลาปี 2516 - 2522 คงจะจำความรู้สึกร่วมสมัยได้ว่า เราก็มั่นใจในพ่อ... พอใจพระนิพพาน ทำตามพ่อสอนเต็มใจอิ่มใจ แต่ไม่วายสงสัยว่า "แล้วจะไปพระนิพพานได้จริงๆ หรือนี่.."
    พี่อ๋อยก็เคยคุยกันถึงเรื่องนี้ พอพี่อ๋อยตายพ่อก็บอกว่า
    "ท่านอ๋อยสบายแล้ว ไปนิพพานเสียแล้ว..."

    พวกเรา (ก็ขออนุญาตเชิญท่านเจ้ากรมเสริม..พี่หนุ่ย..คุณหน่อย..คุณโหน่ง คุณหน่าและคุณหน่อง..ครอบครัวพี่อ๋อยเป็นต้นแถว ไม่รู้ว่าจะอนุญาตไหม) ทุกคนเชื่อพ่อ ยิ้มแย้มแจ่มใสที่พี่อ๋อยชนะแล้ว คงจะเป็นสุขกันแบบคนไม่สนใจในโลกไปชั่วขณะ จนญาติมิตรที่มากันในงานศพพากันบ่นว่า
    " คุณเสริมนี่จะยังไงเสียแล้ว เมียตายไม่ทันเผาก็ยิ้มย่อง คงอยากมีเมียใหม่ซีนะ..."

    แต่ทั้งๆ ที่เชื่ออย่างนี้แล้วก็แหม... อยากจะให้มัน... ให้มันยังไงก็นึกไม่ออก ก็พอดีหลวงปู่บุดดามาเยี่ยมศพพี่อ๋อย พ่อก็นั่งอยู่ด้วย "หลวงปู่พระมหาอำพัน วัดเทพศิรินทร์" ก็นั่งอยู่พร้อม คนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ผู้เขียนน่ะตาลุกหูผึ่งเชียวละ อยากให้หลวงปู่บุดดายืนยัน นี่...สารภาพกันตรงๆ ไม่กลัวใครด่าแล้ว พ่อคงจะทราบถึงไข้ประจำสันดานของผู้เขียนและของใครๆ ด้วย ท่านเลยถามหลวงปู่บุดดาตรงๆ

    "นี่หลวงปู่... คุณอ๋อยนี่ตอนมีชีวิตอยู่ท่านมีคุณต่อพระศาสนามาก ใจท่านก็รักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ตอนตายแล้วนี่อ๋อยอยู่ที่ไหน..."

    หลวงปู่หันขวับมาทางหลวงพ่อ ตาก็อย่างเดิมนั่นแหละ จ้องเป๋งใสแป๋วเลย... แล้วชี้ไปบนอากาศพูดเสียงดังฟังชัด

    "จาไปไหน... ก็เป็นพระอรหันต์ไปอยู่ในนิพพานนะเช้ ตัวใสแจ๋วเป็นแก้วอยู่นั่นน่ะไม่เห็นเร้อ..."

    เฮกันเลย... ฮากันในงานศพต่อหน้าแขกเหรื่อนั่นแหละ หน้ายังงี้ยิ้มระรื่นกันไปหมด ลืมดูไปว่าตอนนั้นแขกเหรื่อที่ไม่ใช่ศิษย์พ่อเขาทำหน้าตากันยังไง

    ปฏิปทามารยาทของหลวงปู่บุดดาในบั้นปลายที่เห็นกันอยู่นั้น ใครๆ ก็จะเห็นท่านเทแป้งฝุ่นใส่หัว ใส่มือโยมผู้หญิง เขาขอให้ท่านจับหัว ท่านก็จับเสกเป่าให้บ้าง โยมผู้หญิงเขาขอนวดเท้า ท่านก็ยื่นให้เขานวดบ้าง นี่เป็นกริยาอาการสงเคราะห์ผู้มีศรัทธา ตามวาะบุญบารมีของญาติโยมเท่านั้น... ใครทำอะไร มีความสุขใจก็ทำไปเถิด ร่างกายท่าน วัตถุที่ร่างกายท่านเกี่ยวข้องอยู่ ส่วนไหนชิ้นไหนที่ทำประชาชนเข้าถึงความสุข ความปลื้มใจได้ ท่านพร้อมสละออกไปหมดแล้ว ชีวิตหลวงปู่ยืนยาวครบ 100 ปี มานี้ เคยมีใครรู้ใครเห็นว่า ท่านเคยทำความเดือดร้อนให้ใครบ้าง ท่านเองนั่นแหละที่ได้มอบชีวิตร่างกายและเวลาทั้งหมดรับใช้ให้ผู้อื่นเป็นสุขใจสะดวกกายมาโดยตลอด เหน็ดเหนื่อยมาโดยตลอด

    บัดนี้หลวงปู่ก็จากเราไปแล้ว... โอกาสที่เราจะเห็นสังขารร่างกายของท่านทำประโยชน์สุขแก่ผู้คน ไม่มีอีกแล้ว

    ผู้เขียนจำภาพสุดท้ายที่หลวงปู่มาเยี่ยมศพพ่อระหว่างงาน 100 วัน ที่ศาลา 12 ไร่ ท่านนั่งห่อตัวซึ่งเหลือนิดเดียว ตาจ้องโลงศพพ่อ ชี้มือไปที่ศพพ่อ พร้อมกับพูดเสียงเบาแผ่วว่า

    "ยังไงเล่า... วันนี้ทำไมไม่ลุกขึ้นมาคุยกันเล่า... ทีก่อนโน้นล่ะพูดเก่ง ทีนี้ทำไมนอนเฉยเสียเล่า เอ๊อ...เก่งจริง ก็ลุกขึ้นมาเถียงกันอีกเช้..."

    โธ่เอ๋ย...เจ้าประคุณ... แม้องค์หนึ่งตาย องค์หนึ่งร่างกายหมดสภาพแล้วก็ยังอุตส่าห์ระลึกถึงลีลาที่เคยบ้นเทิงธรรมให้ลูกหลานชื่นใจ ใจเลวๆ ของเกล้ากระผม จะขอจารึกพระคุณทั้งสองไว้...ไม่มีลืม.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2008
  3. jakchan

    jakchan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +158
    จำหลวงปู่ได้ ท่านมาเยี่ยมหลวงปู่เมตตาหลวงที่กลางดง มาดึกมาโรยแป้งเต็มไปหมด แล้วก็ขี่คอกลับไป ไม่ต้าง ท่านมีเมตตามากๆ เลย ยังจำได้
     
  4. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,921
    อ่านแล้วซาบซึ้งในปฏิปทาของท่านทั้งสองมาก ขอบคุณ คุณตั้มศักดิ์ ที่นำเรื่องดีๆแบบนี้มาเล่าสู่กันอ่าน

    สวัสดีครับ
     
  5. semmi

    semmi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +70
    ขอกราบอนุโมทนา สาธุ
    เป็นบทความที่ดีมากๆครับ
    ขอขอบคุณมากๆครับที่นำเรื่องดีๆอย่างนี้มาเล่าสู่กันฟัง
    สาธุ
     
  6. นายหนึ่ง

    นายหนึ่ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +36
    ขออนุโมทนาครับ

    อ่านไปใจก็เบิกบานเป็นที่สุดครับ
     
  7. Mr.tom

    Mr.tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    269
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,185
    อนุโมทนาครับ.........
     
  8. Fame

    Fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +266
    สาธุกับพี่คะ ...

    [b-wai]
     
  9. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,402
    ซึ้งจังครับ
     
  10. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    ขออนุโมทนาครับ

    [b-wai]
     
  11. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ขอขอบคุณเว็บมาสเตอร์ที่ช่วยนำรูปหลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่บุดดา ถาวโร มาประกอบเรื่องให้ครับ
     
  12. ถิ่นกระถินแดง

    ถิ่นกระถินแดง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +33
    (kiss) (kiss) ยิ่งได้อ่านยิ่งคิดถึง รู้สึกปิติทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องราวที่หลวงพ่อได้ทำให้กับลูกหลาน โมทนากับท่านที่หยิบยกเรื่องดี ๆให้เราอ่านนะครับ
     
  13. bigger

    bigger Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +58
    ขออนโมทนาด้วยครับ
     
  14. tassanai_k

    tassanai_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,518
    อ่านแล้วใจมันปิติมาก

    ขอโมทนาด้วยครับ
     
  15. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    มีความสุขมากเลยครับถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร่วมวงสนทนาด้วยกับท่าน...
    --------------------------------------------------------------
    ขออนุโมทนาครับ...
     
  16. เวอร์โก้ชากะ

    เวอร์โก้ชากะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +105
    [​IMG]

    หลวงตาวัชรชัยผู้เล่าเรื่อง
     
  17. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    อนุโมทนาสาธุ
     
  18. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    สนทนาธรรม กับ หลวงพ่อฤๅษี (พระมหาวีระ ถาวโร)
    [​IMG]


    หลวงพ่อ หวัดดีครับหลวงปู่ อย่าพึ่งตายนะ
    หลวงปู่ ยังไม่ตายหรอก ลมหายใจยังทำงานอยู่
    หลวงพ่อ เป็นลมเหรอ
    หลวงปู่ ป่วยแต่กาย จิตไม่ป่วย หมอให้น้ำเกลือ ๓ ขวด
    หลวงพ่อ ให้น้ำเกลือทำไม ทำงานมากไป หมอต้องฉีดยาสลบ ใช่ไหมหลวงปู่
    หลวงปู่ กายสังขารหยุดเอง จิตสังขารหยุดอยู่แล้ว
    หลวงพ่อ ยังเก่ง ยังไม่ยอมแพ้ ยังพูดได้ รับรองยังไม่แพ้
    หลวงปู่ หลวงปู่ชัยวงศ์ก็มาบ่อย ๆ ครูบาธรรมชัยก็มา หลวงปู่เย็นก็มาผูกแขนให้ บอกว่าให้อยู่ก่อน ให้ทำงานเสียก่อน นั่งพูดมาตั้ง ร้อย ๆ ปี กรุงธนบุรีนี่น่ะ ๒ พรรษาจะแล้วหรือต่ออีก ๑๐ พรรษา มันจะแล้วไม่แล้วก็ไม่รู้
    หลวงพ่อ ถ้ามันแล้ว ก็เสร็จ หลวงปู่จะต่ออะไร
    หลวงปู่ ต่องาน
    หลวงพ่อ งานอะไร
    หลวงปู่ งานซ่อมวัด ซ่อมโบสถ์ โบสถ์ก็ยังไม่แล้ว ตกค้างตั้ง ๑๐ ปีแล้ว
    หลวงพ่อ อยากต้องการให้แล้วไหมล่ะ ?
    หลวงปู่ อยากให้แล้วทุกวันนั่นแหละ!
    หลวงพ่อ เห็นหลวงปู่แข็งแรงก็สบายใจแล้ว หลวงปู่จำวัดหลับดีไหมครับ?
    หลวงปู่ หลับ
    หลวงพ่อ เมื่อกี้ก็หลับใช่ไหม?
    หลวงปู่ หลับก็ตื่นแล้ว กลางคืนก็หลับ
    หลวงพ่อ ถ้ากลางวันหลับ กลางคืนก็หลับนะ
    หลวงปู่ ตามันหลับก่อน ตัวรู้มันหลับทีหลัง รู้ทำงานอยู่
    หลวงพ่อ ตัวรู้มันอยู่ตรงไหน ? ตัวรู้น่าจะหลับ
    หลวงปู่ รู้อยู่ตรงรู้นั่นแหละ รู้อยู่ตรงไม่ติดนั่นแหละ
    หลวงพ่อ อายุยืนอีก ๘ หมื่นปี หลวงปู่เวลาเป็นลมเห็นนิพพานไหม?
    หลวงปู่ อ้า! มันก็หยุดทำงานเท่านั้น
    หลวงพ่อ เห็นนิพพานหรือเปล่า?
    หลวงปู่ อื่อ! ไม่ต้องไปดูอะไรหรอก รู้แต่ว่ากายสังขารหยุดงาน วจีสังขารหยุดงาน รู้กัน
    หลวงพ่อ ยังมีอุปาทานอยู่หรือ ?
    หลวงปู่ มันหยุดของมันเอง ไม่มีของใคร
    หลวงพ่อ หลวงปู่สร้างอะไรครับ ?
    หลวงปู่ สร้างโบสถ์ เจ้าคุณท่านทำไว้ มาตายเสียก่อน
    หลวงพ่อ ท่านสั่งไว้หรือเปล่าครับว่า กี่ตายจึงจะเสร็จ?
    หลวงปู่ ท่านไม่ได้สั่งเลย
    หลวงพ่อ เวลานี้สร้างอะไรก็แพง เงินแสนก็ไม่มีความหมาย
    หลวงปู่ ๓๓ ล้านคนมาช่วยคนละบาท ๆ มาไม่ถึงสักที ๒ พรรษาก็ยังมาไม่ถึง
    หลวงพ่อ หลวงปู่จะลาละนะ จะตายเมื่อไหร่ล่ะ?
    หลวงปู่ ตายเมื่อไร บอกเมื่อนั้น
    หลวงพ่อ ตายแล้วบอกได้หรือ
    หลวงปู่ ตายซิมันบอกกันได้ ยังไม่ตายก็บอกกันไม่ตายอยู่แล้ว
    http://dharma-gateway.com/monk/preach/lp_budda/lp-budda-09.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2006
  19. นำธรรม

    นำธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +2,914

    ขอนอบน้อมโมทนาในธรรมทาน แห่งท่านผู้เจริญที่ได้ บอกเล่าเรื่องราวแห่งพระ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้สนทนาธรรม และมีความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน การได้รับรู้เรื่องราว ยังเป็นประโยชน์เจริญศัทธาแก่ผู้ไม่รู้ ได้รู้ได้เข้าใจ จริยาแห่งพระอริยะเจ้าผู้มีคุณยิ่ง ขอด้วยเดช อำนาจบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ อันมีองค์สมเด็จ องค์ปฐมเป็นต้น พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย คุณแห่งบิดามารดา ครูบาอาจารย์ เทพไท้เทวา พรหม จงให้ท่านเป็นผู้เจริญแห่งโลก ยังประโยชน์แห่งโลก และพระศาสนา เป็นผู้รู้แจ้งในธรรมทั้งปวง มีอภิญญาบารมี และถึงนิพพานเป็นที่สุดเทอญฯ

    นำธรรม อนันตชัย(f) (f) (f)
     
  20. ten@hotmail.com

    ten@hotmail.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +1,335
    สา...ธุ สา...ธุ สา...ธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...