สาเหตุแผ่นดินไหว โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย อภิราม, 8 มกราคม 2011.

  1. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD class=alt1>[​IMG]





    ไอ้คำว่า " แผ่นดินไหว" นี่มันก็เป็นเรื่องพูดกันสั้น ๆ แต่ความจริงต้นเหตุแห่งแผ่นดินไหว ว่าแผ่นดินไหวเพราะอะไร



    ความจริงอันนี้ผมก็ไม่รู้จริง ๆ เหมือนกัน เรื่องแผ่นดินไหว พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ ๘ อย่าง ไอ้กฎแห่งธรรมชาตินี่มันมีอยู่ แต่ธรรมชาติมันทำอย่างไรแผ่นดินจึงไหว อย่าลืมว่าแผ่นดินน่ะไม่ใช่กระต๊อบนะครับ กระต๊อบลมพัดมามันไหวได้ แผ่นดินมันใหญ่มันหนักเหลือเกิน มันไหวเพราะอะไร



    ก็รวมความว่าเมื่อถึงกาลเวลาจะนอนก็นอนลงไป ตามปกติของพระเวลาจะนอนทำอย่างไร ก็ทราบกันอยู่แล้ว ยังไม่นอนหรือนอนก็มีคติคล้ายคลึงกัน นั่นก็คือทำจิตให้เป็นสุขก่อน พอนอนจับอานาปานุสสติ พอเริ่มจับปรี๊ดเดียว หายใจเข้าไม่ทันหายใจออก เห็นภาพพระ พระพุทธเจ้า ท่านมายืนตระหง่านอยู่ใกล้ ๆ ข้างหน้า สวยงามมาก ในภาพทรงแย้มพระโอษฐ์



    นี่ใครจะหาว่าผมบ้าภาพก็ตามใจ ภาพพระพุทธเจ้าผมชอบบ้า ถ้าบ้าเห็นพระพุทธเจ้า ผมอยากบ้าตลอดทุกวินาทีของชีวิตที่ทรงอยู่ และก็ได้ยินเสียงท่านถามว่า



    "เธอสงสัยเรื่องแผ่นดินไหวหรือ ?"



    ก็กราบทูลให้ทรงทราบว่า "สงสัยพระพุทธเจ้าข้า"



    ท่านบอกว่า "สงสัยทำไมจึงไม่ถาม"



    ก็ตอบกับท่านว่า "เห็นว่ามันเป็นเรื่องของโลก ไม่เป็นสาระไม่เป็นแก่นสารแห่งธรรม ก็ไม่กล้าถามและก็ไม่กล้าจะยุ่ง เกรงว่าจิตจะวุ่นวาย"



    ท่านก็บอกว่า "ไม่เป็นไร มันเป็นสาระไม่ใช่ไร้สาระ"



    ท่านบอก "ถ้าอยากจะรู้ก็ตามฉันมา"




    ตอนนี้ได้เรื่องแว๊บเดียวลงไปใต้ดินเลย ไปเห็นแผ่นดิน มันเป็นร่องใหญ่ โอ้โฮ! จะว่าเป็นแม่น้ำนี่ไม่ใช่แล้ว บางจุดมันกว้างแบบทะเลน้อย ๆ ไอ้ทะเลใหญ่ ๆ เขากว้างกันเท่าไหร่ก็ไม่รู้ คือศูนย์ที่กว้างที่ห่างจริง ๆ มันเป็นไมล์ ๆ บางทีถึง ๗ ไมล์ ก็มี กว่าก็มี กว้าง มันเป็นร่องลึกเรื่อยไป ในความรู้สึกว่าผมก็ตามท่านไปเรื่อย ๆ ไปรอบโลก ไอ้รอยแตกของแผ่นดินนี่มันรอบโลกจริง ๆ และก็ในรอยแตกของแผ่นดินนี่ มองดูแผ่นดินข้างใต้มันเหมือนกับดินผสมน้ำเป็นโคลนอยู่ มันเดือน ปุด ๆ ท่านก็เลยบอกว่า



    "แผ่นดินจริง ๆ ข้างล่างมันแตกแยกกันอย่างนี้ ร่องมันใหญ่มาก"



    เมื่อไปถึงเห็นโคลนมันเดือด ดินปนน้ำ เป็นลักษณะโคลนเดือนปุด ๆ ทั่วไปหมด อาการเดือดของมันก็เป็นไอขึ้นมา บอกว่าลมนี่มันมาจากจุดนี้ ลมมันก็มาจากไอน้ำที่มันระเหยขึ้นมาและมันเกาะตัวมาก ๆ เข้า ก็กลายเป็นลม เป็นลมกระแสใหญ่ ขึ้นมาเป็นลมใหญ่ ลมใหญ่มันก็กระแทกทางโน้นกระแทกทางนี้ ก็ถามท่านว่า



    "ลมมันขึ้นมาทีละน้อย ๆ นี่ มันน่าจะไหลไปตามกระแสร่องของแผ่นดิน ซึ่งมันยาวเหยียด ไม่น่าจะมีกำลังแรง และทำไมแผ่นดินมันจึงไหวได้ ไม่น่าจะเป็นไปได้"



    นี่เป็นด้านอารมณ์ความโง่ของผม ผมยอมรับ ท่านก็บอกว่า



    "ลมใหญ่มันจะวิ่งไปตามสาย สายของร่องแผ่นดินแตกก็จริงแหล่ แต่ทว่าเธอต้องคิดถึงความเป็นจริงจุดหนึ่ง ซึ่งกระแสลมแรงนี่เขาเรียกว่า ไต้ฝุ่น"



    ผมเรียกชื่อกับเขาไม่ถูก ไอ้โซนร้อนโซนหนาวอะไรผมก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เรียกว่าลมแรง ๆ ก็เหมือนกัน ในมหาสมุทร ถึงแม้ในประเทศไทยเราก็โดน มันมีขึ้นมาแล้ว มันพุ่งชนเรือเขาล่มไปบ้าง ดีไม่ดีเรือสินค้ามีน้ำหนักเป็นแสนตัน ยังหอบเอาไปไว้บนเกาะบ้าง พอชนบ้านเรือนโรงพังไปบ้าง ที่แคลิฟอร์เนียนั่นผมไปชายฝั่งเห็นไม้ไร่หักระเนระนาด บ้านช่องเขาพัง เขาบอกนี่ลมใหญ่ในทะเล มันพุ่งเข้ามาบ้านช่องพัง ท่านก็เลยบอกว่า



    "เธอสังเกตุหรือเปล่าว่าผิวโลกมันมีความกว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน และลมเกิดขึ้นน้ำน่าจะลอยไปบนอากาศ แต่มันไม่ไป กลับไปทิ่มบ้านทิ่มเรือนเขาพัง ทำไมมันถึงเป็นไปได้ ก็ไอ้ใต้แผ่นดินมันมีร่องแคบ ๆ ไอ้ช่องที่อากาศจะลอยตัวขึ้นไป หรือความร้อนจะลอยตัวขึ้นไป ลมจะลอยตัวขึ้นไป มันก็มีน้อย คือว่าเพดานมันต่ำ ในเมื่อมันรวมตัวขึ้นมา มันขยายตัวไม่ทันอย่างในมหาสมุทรมันน่าจะขยายเร็วแสนเร็ว ไปไหนก็ได้ แต่มันไม่ไปมันรวมกลุ่มแล้วก็วิ่งไปชนบ้านชนเรือนเขา



    ข้อนี้ฉันใด แม้แต่ลมที่เกิดขึ้นในซ่องแผ่นดินแยกหรือที่เป็นร่องพื้นผิวที่เรานั่งอยู่ มันก็ก่อตัวในลักษณะเดียวกัน ในเมื่อมันรวมตัวกันจัด มันก็พุ่งไปชนทางโน้นบ้าง ชนทางนี้บ้างในช่องแคบจนกว่ามันจะไหลไปทั่ว ๆ ร่อง ก่อนที่จะไปความแรงของมันก็ชนกันเป็นเหตุให้แผ่นดินไหว"



    ก็เลยเป็นอันว่าทราบว่าไอ้เจ้าลมนี้มันไม่ได้มาจากข้างนอก มันมาจากไอน้ำข้างในมีความร้อนสูง และผมก็ขอร้องให้ท่านไปสำรวจความร้อน ว่าความร้อน จริง ๆ ใต้ผิวแผ่นดิน ที่แผ่นดินเป็นร่อง ใต้ผิวลงไปนะ มันมีความร้อนขนาดไหน



    ดูแล้วโอ้โฮ้...ใต้แผ่นดินนี่มันร้อนจริง ๆ มันร้อนจัดมาก ดีไม่ดีนี่เราเผลอเรียกว่า "ไฟนรก" ความจริงมันไม่ใช่ นรกไม่ได้อยู่ใต้ดิน ถ้านรกอยู่นั่น ผมไปต้องเจอะนรกมากแล้ว



    อีตอนรู้มาแล้วชักเริ่มสงสัยตัวเอง ตอนนั้นที่มีความรู้สึกเชื่อมั่นว่าเป็นจริงตามนั้น พอรู้สึกตัวขึ้นมาก่อนจะฉันอาหาร


    "เอ๊ นี่เรามีความรู้สึกอย่างนี้มันตรงกับความเป็นจริงไหม"


    ผมก็มีความมั่นใจว่าฝรั่งนี่เขาเป็นคนอยู่ไม่สุข เขาก็พยายามค้นคว้าหาเหตุหาผลตามความเป็นจริงจนได้ เวลาที่ออกไปฉันข้าว ก็พบหน้า ดร.ปริญญา นุตาลัย เธออยู่ ก็เรียกเข้าไปบอกว่า



    "ด็อกเต้อร์ ไอ้ที่ผืนแผ่นดินที่มันมีลมขึ้นมา เมื่อกี้ฉันไปเห็นมาแล้วด้วยอาการเคลิ้ม และปรากฏเห็นแผ่นดินมันมีน้ำโคลนเดือนปุด ๆ ๆ ความร้อนมันสูงมาก"



    และ ดร.ปริญญา ก็บอกว่า "ฝรั่งเขารู้แล้วครับ"



    เธอคงคิดว่าผมอาจจะคิดว่าฝรั่งยังไม่รู้ ความจริงมันไม่ใช่ ผมอยากจะพูดกับเธอก็หมายความว่าผมจะสอบดู ว่าไอ้ความเคลิ้มของผมน่ะมันตรงตามความเป็นจริงไหม ผมเชื่อมั่นว่าฝรั่งเขารู้จริง เธอก็ตอบว่า "ไอ้เรื่องนี้ฝรั่งเขารู้แล้วครับ"



    ก็เลยบอก "ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันต้องการว่าฉันรู้ตรงหรือไม่ตรง ยังไง ๆ ฝรั่งรู้ไม่ผิด"



    เธอก็บอก "รู้ตรงครับ"



    เธอก็พูดต่อไปตามความรู้เดิมของเธอที่ศึกษามาด้านธรณีวิทยาว่า


    "ลมที่เกิดขึ้นก็คือไอ้น้ำนี่เอง"



    เธอพูดตรงเป๋ง แหมผมก็ดีใจ บอกเออดีจริง ๆ ไอ้ความรู้เคลิ้ม ๆ ของเราก็ไปตรงกับความรู้ของฝรั่ง



    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ความรู้ทางพระพุทธศาสนาของเรา ถ้าเรามีความมั่นใจจริง ๆ มันก็ชนกับความจริงได้ ซึ่งเป็นหลักวิชาที่เราไม่ต้องใช้ทุนมากเลย ไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียน ในประเทศเราเยอะไม่ต้องจ่ายเงินไทยเป็นประโยชน์กับประเทศอื่น กลับมาไม่เป็นประโยชน์ ผมก็เสียดายสตางค์เหมือนกัน



    จากหนังสือ มโนมยิทธิและประวัติของฉัน
    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน)
    วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อทัยธานี


    ขอขอบพระคุณแหล่งที่มา : http://www.luangporruesi.com/book/4.html
    </TD></TR></TBODY></TABLE><FORM onsubmit="return fb_prepare_submit(this, 0)" method=post name=vbform action=newreply.php?do=postreply&t=274792> </FORM>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2011
  2. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มกราคม 2011
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260


    *
    [​IMG]

    [​IMG]





    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p

    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p

    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา </O:p>
    *
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  4. ac3

    ac3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +114
    อนุโมทนาบุญด้วย ครับ.../// มันเป็นแบบนั้นจริงๆ โลกของเราเป็นดาวเคราะห์หินซึ่งมีธาตุหนัก...

    นักธรณีวิทยาพบแกนโลก (อาจ) ยังมีชั้นนอกสุดอีก จากการวัดคลื่นแผ่นดินไหวจากใจกลางโลก เชื่อการค้นครั้งนี้จะช่วยไขความลึกลับของสนามแม่เหล็กโลกที่คงอยู่มากว่า 3,000 ล้านปี

    หลักๆ แล้วแกนโลกประกอบด้วยเหล็กซึ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ แกนกลางที่เป็นแข็งกว้าง 2,440 กิโลเมตร และปกคลุมชั้นของเหลวด้านนอกที่มีความหนา 2,250 กิโลเมตร แม้ว่าความจุส่วนใหญ่ของแกนโลกจะเป็นเหล็ก แต่นักวิจัยทราบอีกว่า แกนโลกยังมีธาตุเบาๆ อย่างออกซิเจนและซัลเฟอร์ด้วย

    นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ตลอดเวลาที่แกนโลกตกผลึกนั้นกระบวนการนี้จะบีบให้ธาตุเบาเหล่านี้หนีออกมาสู่ชั้นของเหลวด้านนอก และตอนนี้นักธรณีวิทยาเชื่อว่าได้ตรวจพบความเข้มข้นที่มากขึ้นของธาตุเบาเหล่านี้ทั้งหมดในแกนโลกชั้นนอกแล้ว

    “ตั้งแต่ที่ได้เริ่มศึกษาโครงสร้างของแกนโลก ก็มีเค้าลางของโครงสร้างตั้งแต่นั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เราค้นหา” ไลฟ์ไซน์รายงานเรื่องนี้และคำพูดของ จอร์จ เฮล์ฟฟริช (George Helffrich) นักธรณีวิทยาและนักแผ่นดินไหวจากมหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) อังกฤษ

    เพื่อสืบเสาะทำความเข้าใจเกี่ยวกับแกนโลกไลฟ์ไซน์ระบุว่า นักวิจัยต้องเฝ้าดูคลื่นแผ่นดินไหวที่เคลื่อนผ่านชั้นแกนโลกชั้นนอก คลื่นดังกล่าวได้กระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวในแอฟริกาใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก แล้วได้บันทึกข้อมูลด้วยเครือข่ายเครื่องมือตรวจวัดแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นและยุโรปตอนเหนือ

    ความเร็ว ณ จุดที่คลื่นแผ่นดินไหวเคลื่อนผ่านแกนโลกด้านนอกที่ความลึกแตกต่างกันนั้น บ่งชี้ว่าองค์ประกอบของแกนโลกแต่ละระดับความลึกนั้นไม่เหมือนกัน โดยชั้นบนสุดที่มีระยะ 300 กิโลเมตรนั้นมีโครงสร้างที่แตกต่างอย่างชัดเจนกับส่วนที่อยู่ใกล้ที่สุดซึ่งมีธาตุเบาอยู่ 5% โดยน้ำหนัก

    เฮล์ฟฟริชกล่าวว่า ยากที่จะไม่ยอมรับโครงสร้างแผ่นดินไหวที่พบได้ เพราะสัญญาณจากข้อมูลที่ใช้นั้นชัดเจนมาก แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถึงการค้นพบครั้งนี้ ว่าเป็นการค้นพบชั้นใหม่อีกชั้นของแกนโลก หากแต่ระบุว่าคนอื่นอาจจะบอกว่า “ใช่” ซึ่งเขาได้เกี่ยวโยงกรณีชั้นใหม่ของแกนโลกที่น่าจะเป็นได้มากนี้กับชั้นของบรรยากาศ

    “ลองคิดถึงชั้นสตราโตสเฟียร์ที่อยู่เหนือหัวเราขึ้นไป มันมีชั้นให้เห็นไหม? มันไม่มีขอบเขตบอกไว้ มีเพียงการเปลี่ยนอุณหภูมิตามระดับความสูง เหมือนกัน กรณีนี้ไม่มีขอบเขตเช่นกันเราอนุมานว่า ภายในชั้นบนของแกนโลกนั้นความเร็วคลื่นค่อยๆ ลดลง และเป็นไปได้ว่าค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อขึ้นสู่พื้นผิว” เฮล์ฟฟริชกล่าว

    การค้นพบสิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ไขปริศนาของสนามแม่เหล็กโลกได้ ซึ่งเฮล์ฟฟริชกล่าวว่า ปัญหาหนึ่งที่คงอยู่มานานมากคือ อะไรเป็นพลังงานให้สนามแม่เหล็กโลกคงอยู่มานานกว่า 3,000 ล้านปีได้อย่างไร และดูเหมือนว่ายังคงอยู่ต่อไป ซึ่งการหมุนของแกนโลกนี้เข้าใจว่าเป็นพลังงานที่ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กรอบโลก

    คำตอบที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดตามที่เฮล์ฟฟริชอธิบาย คือการขับธาตุเบาออกจากแกนโลกชั้นในได้ปลดปล่อยพลังงานศักย์เชิงโน้มถ่วงออกมา ขณะที่ของเหลวพุ่งขึ้นด้านบนก็ทิ้งพลังงานลงด้านล่าง ซึ่งได้ขับให้โลหะไหลอยู่แกนโลกชั้นใน และช่วยให้สนามแม่เหล็กยังคงมีอยู่ต่อไป ซึ่งข้อสันนิษฐานนี้สอดคล้องกับความเร็วของคลื่นแผ่นดินไหวที่พวกเขาค้นพบ

    อนาคตเราอาจทำนายการเกิดแผ่นดินไหวได้ดีขึ้นด้วยการจับตาดูชั้นแกนโลกชั้นนอกนี้ด้วย อีกทั้งเครือข่ายข้อมูลแผ่นดินไหวใหม่ๆ ในจีน อินเดีย หรือในสหรัฐฯ เองจะช่วยให้มีชุดข้อมูลที่มากขึ้น ซึ่งเฮล์ฟฟริชคาดว่าการปรับปรุงหลักๆ ของงานนี้จะช่วยสร้างแบบจำลองแกนโลกที่เป็นของเหลวได้ดีขึ้น และสร้างสมดุลการเติบโตของแกนโลกชั้นในกับองค์ประกอบของชั้นแกนโลก

    สำหรับผลงานของเฮล์ฟฟริชซึ่งร่วมศึกษากับ ซาโตชิ คาเนชิมา (Satoshi Kaneshima) จากมหาวิทยาลัยเคียวชู (University of Kyushu) ญี่ปุ่น ได้เผยแพร่การค้นพบครั้งนี้ลงในวารสารวิชาการเนเจอร์ (Nature)


    ที่มา
    Science - Manager Online - �᡹�š� (�Ҩ) �ѧ�ժ�鹹͡�ش�ա

    Bloggang.com : scimovie : ขอบคุณข้อมูลจากเจ้าของ blog ด้วยนะครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. noolegza

    noolegza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +3,844
    สาธุ...เห็นดีเห็นชอบแท้ ..สรรพวิชาในไทยยังเรียนมิจบสิ้นจริงๆ..ที่รู้ที่เห็นนั้นจริง แต่ไม่มีใบกระดาษรับรองเหมือนของฝรั่ง เขาเลยไม่เชื่อถือ..เฮ้ออ
     
  6. HBme1551

    HBme1551 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +8
    อืม เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ
     
  7. ผู้หลงผิด

    ผู้หลงผิด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +65
    ขอขอบพระคุณ ที่ทำให้กระผมได้กระจ่างในความจริงครับ ไม่เคยทราบเลย
    อนุโมทนา..สาธุ ครับ
     
  8. ต้นบุญ

    ต้นบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +239
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
    ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนประกอบไปด้วยธาตุสี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม
     
  9. sylvenus

    sylvenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +3,283
    อนุดมทนาบุญกับทุกท่านที่ทำความดีครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...