ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เรื่องราวต่อไปนี้หลายๆท่านยกเว้นผม อาจจะเคยได้อ่านหรือเคยได้ยินคำบอกเล่ากันมานานแล้ว สำหรับผมเพิ่งจะได้อ่านพบเป็นครั้งแรกเมื่อสักครู่นี้เอง ต้องขอขอบคุณน้อง kib-kae เป็นท่านแรก ส่วนท่านต่อไปก็คือท่านผู้เขียนเรื่องนี้ซึ่งผมไมทราบนาม ด้วยคุณ kib-kae ไม่ได้ระบุไว้ ในโอกาสที่ผมได้นำมาโพสต์ลงในกระทู้ ณ วาระนี้ ก็ถือโอกาสขออนุญาตท่านผู้เขียน/ท่านเจ้าของเรื่องสำหรับการที่ได้นำเรื่องราวมาเผยแพร่ หากท่านผู้อ่านท่านใดพอจะทราบว่าท่านผู้เขียนเป็นใครก็ขอได้กรุณาโพสต์ลงในกระทู้เพื่อเป็นเกียรติยศแก่ท่านผู้เขียน/ท่านเจ้าของด้วย ขอเชิญติดตามกันครับ


    เรื่องนี้ชื่อว่า " ผู้กองครับ...พาผมกลับบ้านที "

    ...*เรื่องนี้ผมย่อมาจากบทเขียนเรื่องเล่าชีวิตส่วนตัวของ พล.ต ผู้ช่วยฑูตทหารไทยประจำต่างประเทศท่านหนึ่งในหนังสือศิทย์เก่าของเวสพอยท์ภาคเอเชียแปซิฟิค ที่รวมเล่มอยู่ในหนังสือประจำปีของ ฟอร์ทลีเวนเวิร์ธ อ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนนะครับ ผมเห็นว่ามันแปลกดีก็เลยเอามาถ่ายทอดให้อ่านกัน ที่ไม่เขียนชื่อท่านเจ้าของเรื่องนั้นเพราะ ด้วยหน้าที่และฐานะที่ท่านดำรงอยู่นั้นไม่เหมาะที่จะแพร่ไปในแง่นี้* ***เริ่มเลยละกันนะ***

    *เมื่อห้าปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไปประเทศเวียดนาม จากคำเชิญของนายทหารระดับสูงของเวียดนามการไปครั้งนี้เป็นการไปแบบส่วนตัวเป็นการตอบแทนที่ครั้งนายทหารเวียดนามผู้นั้นมาประเทศไทยและผมก็คอยอำนวยความสะดวกให ้กับเขา เขาเลยอยากชวนผมไปเที่ยวบ้านเขาบ้าง*

    **เมื่อไปถึงนั้น เขาพาผมเที่ยมชมสถานที่ต่างๆในหลายๆเมือง โดยเฉพาะเมืองที่ทหารไทยเคยมารบในสมัยสงครามเวียดนาม เช่น ลองถั่น โนนทรัค ฟุคโถ ฯลฯ รวมทั้งพาชมมิวเซี่ยมทางทหารต่างๆสถาพหมู่บ้าน อำเภอ ที่ทหารไทยเคยมาอยู่ ท่านนายพลท่านนั้นบอกกับผมว่า ยังคงสภาพเหมือนสมัยสงครามแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย เมื่อมาชมแล้วก็พาให้นึกถึงฉากการรบต่างๆที่ทหารรุ่นหลังอย่างผมได้เพียงแค่อ่า นจากตำราและหนังสือต่างๆ ในใจคิดไปว่า ทหารไทยไม่น่าจะต้องมาตายที่นี่ ทั้งนายทหาร ทั้งนายสิบ ก็หลายร้อยคนอยู่ เกิดเมืองไทยแต่ต้องมาตายเพื่อบ้านอื่นเมืองอื่นแท้ๆ น่าสงสารจริงๆ *ป่านนี้ดวงวิญญาณจะอยู่ที่ไหนหนอ ไทยหรือเวียดนาม* พอคิดได้เท่านี้ก็เกิดลมพัดเย็นซู่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ท่านนายพลหันมามองหน้าผมแล้วบอกว่า วิญญาณทหารไทยคงดีใจที่มีทหารไทยเหมือนกันมาเยี่ยมพวกเขา**

    ***คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายก่อนที่พรุ่งนี้ผมจะกลับเมืองไทยผมพักที่บ้าน รับรองที่ทางท่านนายพลจัดเตรียมไว้ให้ อยู่ในอำเภอลองถั่น จังหวัดเบียนหว่า ไม่ไกลจากสมรภูมิเดือดฟุคโถ เท่าไรนัก(ห่างประมาณ ๑๕-๒๕ กม.)คืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับ จึงออกมายืนบริเวณนอกชานบ้านพักชั้นสอง เวลาประมาณ ตี ๑ กว่าๆได้มั้ง จู่ๆอากาศที่เย็นสบายกลับมีลมแรงเหมือนฝนจะตก ผมรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างประหลาด หันหลังกลับจะเดินเข้าห้อง พลันในหูแว่วได้ยินเสียงปืน เหมือนมีการยิงกันแว่วๆอยู่ไกล เสียงปืนดังเป็นชุดๆสลับด้วยเสียงวี๊ดของลูกระเบิด นาทีนั้นผมขาแข็ง ตัวชา ใจอยากเดินกลับเข้าห้อง แต่ขามันไม่ยอมเดิน แล้วสายตาที่มองเข้าไปในบ้านก็มองเห็นภาพสะท้อนจากกระจกเงาบานใหญ่ในห้อง ภาพทหารในชุดสนามสีเขียวจางๆนับได้ ๖ คนยืนถือปืนทำท่าวันทยาวุธหน้ากระดานเรียงหกมองมาทางผม ทั้งหกยืนอยู่บนเนินสนามหญ้าหน้าบ้านพัก ผมหันหลังขวับหันไปมองทันที ไม่มี ไม่มีอะไรเลย มีแต่เนินสนามหญ้าว่างเปล่า ลมก็สงบบรรยากาศเงียบสนิท ไม่มีเสียงแมลงกลางคืน ไม่มีหมาหอน เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น***

    ****คืนนั้นผมสับสน ใจคิดถึงแต่เรื่องภาพที่เห็นในกระจก คิดไป เราเครียดรึเปล่า เราคิดถึงแต่เรื่องสงครามในอดีตมากไปรึเปล่า ตาเลยฝาด แต่บอกตรงๆว่าภาพมันชัดเจน ชัดมากจนเห็นสีหน้าของทหารทั้ง ๖ คนนั้นได้ทั้งที่ระยะไกลประมาณนั้น และยังสะท้อนจากกระจกอีก สีหน้าทุกคนเศร้าหมอง แต่ทุกคนท่าทางเข้มแข็ง ที่สำคัญคือ ทหารเวียดนามไม่ได้ใช้ปืนเอ็ม ๑๖ ผมนอนคิดพิจารณาจนหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แล้วก็ฝัน ในความฝันนั้น ผมรู้สึกว่ามันชัดเจนจนเหมือนตื่นอยู่ ในฝันนั้นผมแต่งชุดสนามเขียวสะพายปืนเฉียง ยืนอยู่ใต้ต้นตาล มีทหาร ๖ คนยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ตรงหน้าผม คนหัวแถวพูดกับผมว่า "..ผู้กองครับ พาพวกเรากลับบ้านที.. พวกเราอยู่ที่นี่มานานเหลือเกิน พวกเราหิวโหย ต้องต่อสู้กับพวกอื่นเพื่อรักษาฐานไว้ พวกเราต้องสู้กับมันทุกวันทุกคืน พวกเราไม่ยอมแพ้ แต่พวกเราอยากกลับบ้าน ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา เรารอผู้กองมานานแล้ว.. ผู้กองเคยบอกพวกเราว่าผู้กองจะไม่ทิ้งพวกเรา.." จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีก ในฝันนั้นผมน้ำตาไหลรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า เมื่อรู้สึกตัวตื่นมา น้ำตายังเปียกหน้าอยู่เลย****

    *****ตื่นมา ๗ โมงกว่า นั่งทบทวนความฝันเมื่อคืน ยิ่งสับสนหนัก เพราะสงสัยทำไมในฝันทหารพวกนั้นเรียกผมว่าผู้กอง ทั้งที่ตอนนั้นผมเป็นพันเอก แต่ก็เริ่มเอ่ะใจ รู่สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่าง จนกระทั่งท่านนายพลมารับเพื่อเลี้ยงอาหารเช้าและเพื่อไปส่งผมกลับที่สนามบิน ผมบอกท่านว่า เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ ฝันก็แปลก ท่านนายพลตอบผมว่า ผมเตรียมทุกอย่างไว้ให้คุณพาพวกเขากลับบ้านแล้ว ผมงี้ตกใจแทบตกเก้าอี้ ท่านพูดต่อว่า นายทหารที่นี่โดนกันจนไม่มีใครกล้ามาพัก ผมเองก็เคย เขามาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เขาอยากกลับบ้าน ผมเลยคิดว่าถ้าคุณมาเวียดนาม ผมจะให้คุณมาพักที่นี่ เพื่อให้คุณซึ่งเป็นทหารไทยเหมือนพวกเขาได้สัมผัสและช่วยเหลือพวกเขา เราลองมาแล้วทุกวิธีก่อนที่คุณจะมา แต่พวกเขาก็ไปไม่ได้ ซินแสอาจารย์ของผมท่านบอกว่า ดวงวิญญาณทหารไทยเหล่านี้จิตยึดติดอยู่กับสัญญา ต้องให้พวกพ้องเขาเท่านั้นที่จะปลดปล่อยเขาได้*****

    ******สิ่งที่ท่านนายพลเตรียมไว้ให้คือ ธูปเทียน และรูปของทหารไทยทุกคนในหนังสือที่มาประจำที่ฐานนี้ โดยให้ผมตั้งจิตและเอ่ยเรียกชื่อทหารทุกคนในหนังสือ(เพราะเราไม่รู้ว่าคนไหน)ซึ่่งมีรายชื่อทหารทั้งหมด ๑๐๕ คน แต่ผมคัดเพราะผมจำได้จากในฝันว่า เป็นเป็นจ่าสิบเอก ๑ คน(คนนี้แหล่ะที่พูดกับผมในฝัน)สิบเอก ๒คน พลทหาร๓ คน ก็เลยเอ่ยแต่ชื่อ จ่าสิบเอก สิบเอก พลทหาร ซึ่งก็น้อยลงไปแยะ ระหว่างตั้งจิตอฐิษฐานอยู่นั้น ลมแบบเมื่อคืนมาอีกแล้วพัดเหมือนฝนจะตก สักพักก็สงบ ผมเห็นสีหน้าท่านนายพล และนายทหารเวียดนามท่านอื่นพออกพอใจกันถ้วนหน้า แล้วสิ่งที่เหมือนปาฎิหารย์ก็เกิดจนได้ อฐิษฐานเสร็จ ปักธูปลงบนดินปุ๊บ พอผมวางหนังสือ(เล่มขนาดสมุดโทรศัพท์)ลงบนโต๊ะ ลมพัดกรรโชกอย่างแรง หนังสือเปิดพรึบๆๆๆ พอลมสงบ ปรากฎว่าหน้าที่ลมพัดเปิดค้างอยู่นั้น คือหน้าที่บรรยายการรบในคืนที่ทั้ง๖เสียชีวิตไว้เป็นภาษาเวียดนามว่า *เวลา ๗ โมงเช้า กำลังทหารไทย-อเมริกัน เข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณปะทะ พบศพทหารไทย ๖ นาย เป็นเป็นจ่าสิบเอก ๑ นาย สิบเอก ๒ นายพลทหาร ๓ นาย บาดเจ็บสาหัส ๙ คน ศพเวียดกง ๙๕ ศพ และได้ทำการเคลื่อนย้ายศพทหารไทยทั้ง ๖ นาย มายังจุดบราโว่ ๑(ที่ๆผมยืนอยู่นี่เอง โอ้ว แทบช๊อคตอนนั้น) เพื่อเตรียมส่งขึ้น ฮ.ชีนุค ของอเมริกันกลับฐานแบร์แคท******

    *******เมื่อกลับเมืองไทยวันแรก ผมรีบค้นคว้าเรื่องการรบที่ฟุคโถอย่างละเอียด ผลคือ ใน ๙ คนที่บาดเจ็บสาหัสในการรบมาราธอนกว่า ๘ ชั่วโมงนั้น(เวียดกงประมาณ ๖๐๐ คนเข้าโจมตีฐานทหารไทยซึ่งมีกำลังเพียง ๘๕ นายตั้งแต่ ๔ ทุ่ม จนถึงตี ๕ ครึ่งจึงล่าถอยไป)มาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก ๑ คนคือ ผบ.ร้อย ซึ่งมียศเป็นร้อยเอก และยิ่งค้นลงไปลึกๆแล้ว การนำศพทหารไทยทั้ง ๖ ออกจากเวียดนามนั้น ทำโดยทหารอเมริกันเพราะอเมริกันมอบเหรียญเชิดชูให้เป็นพิเศษเพราะเขายกย่องและทึ่งในความกล้าหาญ เลยตอบแทนด้วยการจัดส่งให้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งต่างจากทหารไทยทำเองเพราะจะมีพิธีเชิญดวงวิญญาณกลับประเทศด้วยพระสงฆ์ แต่อเมริกันหวังดีเลยไม่ได้ทำ กรรมแท้ๆ นี่แหล่ะคงเป็นสาเหตุให้ดวง วิญญาณทหารหาญทั้ง ๖ ต้องทนทุกข์ติดอยู่ในสมรภูมิรบนานหลายสิบปี ตัวร้อยเอก ผบ.ร้อยนั้น มาตายทีหลังจึงได้ทำพิธีเชิญวิญญาณโดยพระสงฆ์ไทย ส่วนจะเกี่ยวข้องยังไงกับผมนั้น ผมคงไม่อยากคิดแล้ว คิดแค่ได้มารับเพื่อนกลับบ้านก็รู้สึกเป็นเกียรติเป็นสุขในใจเป็นล้นพ้นแล้ว*** ****
     
  2. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เป็นของฝากจากคุณน้อง kib-kae อีกแล้วครับท่าน ผมขออนุญาตเป็นเสมือน
    messenger เท่านั้นนะครับ

    เราเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    เรา คือหนึ่ง ซึ่งเป็นไทย ในใต้หล้า
    เรา มีฟ้า อากาศดิน เป็นถิ่นผอง
    เรา มีราก เหง้าชีวิต พิชิตครอง
    เรา จึงร้อง บอกทุกที่ นี่เมืองไทย

    เป็นสยาม ตามกำเนิด ควรเชิดไว้
    เป็นคนไทย ใจสยาม ตามวงศา
    เป็นชีวิต ที่ลิขิต ตามกันมา
    เป็นดวงตรา จารึกไว้ ในใจเรา

    ทหารไทย ใจองอาจ ชาตินักสู้
    ทหารอยู่ คู่ประชา มาแต่ไหน
    ทหารเทิด เชิดในเกียรติ จอมทัพไทย
    ทหารไทย ใจยังเที่ยง เสียงมวลชน

    ของแผ่นดิน กินไม่ได้ ให้มันรู้
    ของย่าปู่ รู้บ้างไหม ต้องรักษา
    ของประเทศ มีขอบเขต ให้เมตตา
    ของพารา อย่าขึ้นป้าย จำหน่ายมัน

    พระบาทคุ้ม คลุมทั้งเกศ ประเทศชาติ
    พระบาทมาตร์ ราษฎ์จงรัก ภักดีสรวง
    พระบาทเบศร์ ทั้งขันธ์เขต ไทยทั้งปวง
    พระบาทสรวง ปวงชนภักดิ์ พระจักรี

    สมเด็จเจ้า เนาผ่านฟ้า มาพิภพ
    สมเด็จนบ พบพระคู่ สู่จอมไท้
    สมเด็จนารถ ราชชินี จักรีไทย
    สมเด็จใน ใจทั่วหล้า ทั่วฟ้าดิน

    พระเจ้าฟ้า โอรสสา มกุฎราช
    พระเจ้าวาด พระอาจ-อง ทรงเวหน
    พระเจ้าเดช สู่ประเทศ เจตน์เบื้องบน
    พระเจ้ารณ ณรงค์ยุทธ พสุธไทย

    อยู่หัวไทย ใจทั้งผอง ขอรองบาท
    อยู่หัวมาตร์ ราษฎ์ทั้งหลาย มลายสูร
    อยู่หัวเทิด เกิดสมาน ฉันท์เพิ่มพูน
    อยู่หัวทูน คูณอำนาจ ให้ชาติเรา


    ขอขอบคุณน้อง kib-kae และ จากพวกเรา ลูกกะจ๊อกปลายแถวนู่น เจ้าค่ะ---
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    น้องกิ๊บเก๋ เรื่องเล่าที่อ่านทำให้น้ำตาซึม ทหารกับความเสียสละเพื่อประเทศชาติเป็นของคู่กัน แต่ทหารก็มีเลือดมีเนื้อมีครอบครัวมีแฟนมีลูกให้ห่วงเช่นเดียวกับชาวบ้านนะคะ ดังนั้นความเศร้าไม่แบ่งด้วยอาชีพ เพียงแต่ครอบครัวทหารจะแสดงออกน้อยกว่าคนทั่วไปเพราะฝึกทำใจไว้ตลอดเวลากระมัง ใช่ไหมน้องเก๋
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    แม้ต่างกันเพียงใด..ในความจริง
    แต่มีสิ่งทียิ่งใหญ่..ให้..เรา..เหมือน

    คือสำนึกแห่งวิญญาณ..มิลบเลือน
    ถึงกาย..เคลื่อน จิตจดจาร..แสนมั่นคง

    แม้เพียงภาพ..จำลอง.. ยังก้องกึก
    ร้าวรำลึก...หวนอดีต..คิดใหลหลง
    เสียงช้าง..ม้าศึก กัมปนาท ดาบ..ฟาดลง
    ไทยจึงคงมีวันนี้....ที่ควรจำ

    เวลากาลผ่านกลายไปไกลลับ
    กี่ร้อยปี...วิญญาณกลับ...ไร้คำถาม
    ยัง..จงรักภักดี...พลีติดตาม
    พลิกฟ้าต่ำ ดินสลาย...หมายพบองค์<!-- google_ad_section_end -->

    คุณพี่กินเกลือไอโอดีนตลอดนี่เอง คุณพี่ดอกไม้จึงมีความสามารถด้านกลอนมาก สาธุ กลอนเค็มมากค่ะ อ่ะล้อเล่นนิดหน่อยค่ะพี่ กลอนพี่คมมากค่ะ

    คุณพี่ดอกไม้ รู้จักอาจารย์ เกรียงไกร ชำนิการโกศลไหมคะ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หนูไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่พุทธมณฑลสาย ๕ มีศาลาสวดพระอภิธรรมศพอาจารย์เกรียงไกร ชำนิการโกศล โดยที่กระดานดำหน้าศาลา มีรายชื่อเจ้าภาพงานสวดเป็นคุณทมยันตีและคุณภูเตศวร หนูนึกถึงพี่ดอกไม้ฯเลยว่า พี่ดอกไม้น่าจะรู้จักอาจารย์เกรียงไกร ชำนิการโกศลอยู่บ้าง ท่านมีประวัติด้านการปฎิบัติธรรมอย่างไรบ้างคะพี่ พอจะเล่าสู่กันฟังได้ไหมเจ้าคะ ท่่านพี่ดอกไม้ฯ
     
  5. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    คุณพี่กินเกลือไอโอดีนตลอดนี่เอง คุณพี่ดอกไม้จึงมีความสามารถด้านกลอนมาก สาธุ กลอนเค็มมากค่ะ อ่ะล้อเล่นนิดหน่อยค่ะพี่ กลอนพี่คมมากค่ะ

    คุณพี่ดอกไม้ รู้จักอาจารย์ เกรียงไกร ชำนิการโกศลไหมคะ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หนูไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่พุทธมณฑลสาย ๕ มีศาลาสวดพระอภิธรรมศพอาจารย์เกรียงไกร ชำนิการโกศล โดยที่กระดานดำหน้าศาลา มีรายชื่อเจ้าภาพงานสวดเป็นคุณทมยันตีและคุณภูเตศวร หนูนึกถึงพี่ดอกไม้ฯเลยว่า พี่ดอกไม้น่าจะรู้จักอาจารย์เกรียงไกร ชำนิการโกศลอยู่บ้าง ท่านมีประวัติด้านการปฎิบัติธรรมอย่างไรบ้างคะพี่ พอจะเล่าสู่กันฟังได้ไหมเจ้าคะ ท่่านพี่ดอกไม้ฯ[/QUOTE]
    ****************************************
    "แค๊ก แค๊ก.."อือม์..คงเค็มจริงๆแหละ คำว่า คม เติมสระตัวหน้า กับตัวบนเข้าไป มันก็ เค็ม..แหง ๆ จริงแท้แน่นอน มีไผจะเถียง บ่..

    ก่อนตอบขอถามนิ๊ดดด วัดอะไรคะ มีเจ้าแม่กวนอิม แล้วมีสวดศพ...

    คราวนี้ ตอบแล้วนะ...ไม่รู้จักหรอกอาจารย์เกรียงไกร .. พึ่งเคยได้ยินชื่อ ตรงนี้เอง..

    แหม.! เห็นคุณทมยันตีกับอาจารย์แม้ว(ภูเตศวร)
    แล้วนึกถึงพี่..พูดซะพี่เขินเลย พี่มันแค่ระดับลูกศิษย์ลูกหา 2 นักเขียน
    ชื่อดังนี้เอง (แต่ก็ขอบคุณ นะที่คิดถึงกันบ่อย ๆ จะแบบตะหงิด ๆ บ้าง
    ไม่ตะหงิดบ้างก็ยังดี แสดงว่ารักกันจริงแท้แน่นอน)

    ถามกลับ....ทำไมถึงคิดว่า..อาจารย์เกรียงไกรท่านมีประวัติด้าน
    การปฎิบัติธรรม ล่ะ

    แต่ถ้าอยากรู้จริงจัง จะร้องแย็บ ๆ ไปทางสาย ณ บ้านวรรณกรรม
    ได้ความว่าไง จะเก็บมาเล่าต่อก็แล้วกัน นะจ้ะ

    ถามอีกเล็ก ๆ เคยอ่านเจอว่าน้องหนู..ชวนทำบุญอะไรสักอย่าง
    พอดีอ่านแล้ว รีบไป ไม่ทันรู้รายละเอียด บอกอีกทีนะ (เลยไปละยัง ?)
     
  6. pbun

    pbun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +369
    คนไทยส่วนมาก มักใกล้เกลือแต่ชอบกินด่าง......เพราะเกิดแต่กรรม มันจีงเป็นเช่นนั้นเอง
     
  7. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    มีข่าวน่ายินดีมาไกลจากดอยไตแลง สมกับที่คุณจงรักภักดีเคยนำมาว่าไว้.เกี่ยวกับกฤษฎาภินิหารอันมิอาจบดบังได้
    เก็บมาจากยอดดอยมาเล่าต่อค่ะ

    กองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ได้ทำพิธีอัญเชิญพระบรมรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    ขึ้นประดิษฐานบนดอยไตแลงเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2553
    ในนาม สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (R.C.S.S.) / กองทัพรัฐฉาน (S.S.A. ) สำหรับพระบรมรูปนี้ มีขนาดความสูง 3 เมตร โดยเชิญขึ้นประดิษฐาน บนพื้นที่
    ของ บก.ดอยไตแลง เพื่อให้กำลังพลและประชาชนในพื้นที่ ได้สักการะบูชา ตลอดจนเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจแก่กำลังพลในการต่อสู้กอบกู้เอกราช
    ของประเทศชาติกลับคืนมา

    พล.ท.เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (R.C.S.S.)ได้เล่าว่า

    “เรื่องการดำเนินการเทองค์รูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่ออัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานบนดอยไตแลงนี้ ผมได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อ 5 ปี ก่อน แต่เพราะต้องเผชิญกับปัญหานานาประการ จึงทำให้ต้องประสบกับความล่าช้า จนเมื่อแก้ปัญหาทั้งปวงจนลุล่วงแล้ว จึงสามารถอัญเชิญองค์รูปหล่อพระนเรศวรมหาราช ขึ้นมาประดิษฐานบนดอยไตแลงได้สำเร็จในปีน และี้อยากให้ประชาชน ตลอดจนกำลังพลในกองทัพรัฐฉานทั้งหมดเอาวีรกรรมความกล้าหาญขององค์สมเด็จ
    พระนเรศวรมหาราชเป็นแบบอย่างในการต่อสู้เพื่อกอบกู้เอาเอกราชของประเทศชาติบ้านเมืองกลับคืนมา ในประวัติศาสตร์ของไต ได้จารึกไว้ว่า องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงมีน้ำพระทัยในการเคลื่อนทัพเข้าช่วยเหลือพระสหาย "เจ้าคำก่ายน้อย” ในการกอบกู้เอกราชของรัฐฉานจากน้ำมือของพม่า แต่ในระหว่างการเสด็จเคลื่อนทัพ พระองค์ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมาถือว่าเป็นความโชคร้ายของชาวไต แต่ผมมีความเชื่อว่า องค์วิญญาณของพระสมเด็จนเรศวรมหาราช คงสถิตอยู่ในผืนแผ่นดินรัฐฉาน เพื่อช่วยเหลือคุ้มครองชาวไต ตามพระประสงค์ของพระองค์ก่อนทรงเสด็จสวรรคต
    [/I]
    องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จสวรรคตที่เมืองหาง ฝั่งตรงข้าม อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เมื่อปี ค.ศ.1650 ขณะทรงเสด็จเคลื่อนทัพบุกโจมตีพม่า เพื่อขยายอาณาขอบเขตของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในสมัยขณะนั้น ถือได้ว่า ในพื้นที่ภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง สามารถแผ่ขยายบารมีครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่."

    ฟังเจ้า..พูดแล้วน้ำตาไหลเลยเชียว..ปิติยินดีที่มีคนชาติอื่นมารักศรัทธายึดถือพระองค์เป็น
    หลักชัยและแบบอย่าง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2011
  8. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    จากไทย ถึง ไตย
    Written by Administrator
    Tuesday, 17 February 2009 17:37





    จากดินแดน...แสนไกล...ในอดีต
    จากสายเลือด...ใกล้ชิด ญาติ...มิตร ผอง
    จากอ้อมอก..บูรพชน อันเรืองรอง
    จากความสุข เพียง พี่ น้อง ต้องแรมรา

    ด้วยถูกเขา เร้ารุก เกิดทุกข์เข็ญ
    จำกระเซ็น แยกไป...ทางซ้าย...ขวา
    ล่องถอยร่น ทนกันดาร บุกผ่านมา
    จำเอ๋ย...จำ..อำลา...คราจากจร

    แยกเป็นครัว...เป็นสาย ไปข้างหน้า
    พี่น้องกลุ่มหนึ่ง...มาฝ่าสิงขร
    มุ่งค้นหา แดนดิน ถิ่นเนานอน
    ทางเหนือค่อน อินเดียไป...ไทอาหม

    อีกสายหนึ่ง...ล่องตรงลงมาซ้าย
    สบที่หมาย...เป็นรัฐ..ฉาน...อันสุขสม
    อีกฝ่ายหนึ่ง...ตามสายน้ำฉ่ำอุดม ไร้ตรอมตรม...ไทล้านช้าง...ดังจิตปอง

    แยกไปซ้าย ไปขวา พากันจาก
    กลุ่มสุดท้ายเลย...ไกลมาก จากถิ่นผอง
    ถึงถิ่นฐาน...สุวรรณภูมิ...ดินแดนทอง คือ..ไทน้อย..อยู่เคียงท้อง...น้ำเจ้าพระยา

    อันพี่น้องของเรา...เผ่าสุดท้าย
    บ่ นิราศ ร้างไกล...ที่ใดหนา
    ยึดดินแดนบิดร เมืองมารดา
    คงอยู่มาเรียก...เชียงรุ่ง...จุ่งจดจำ

    จากดินแดน...แสนไกล...ในอดีต
    จากสายเลือด..ไท..สนิท..เป็น สอง สาม
    แต่คงไว้ประเพณี ที่ดีงาม
    อีก ถ้อยความเจรจา..ภาษาไตย

    กาลเวลาผัน..เวียนเปลี่ยน..ผิด แปลก
    แต่..อุรา..เราฤา..แยก..แตกตามสาย
    ความเป็น ไท สายเลือดข้น...ล้นดวงใจ
    สายสัมพันธ์ ผูกพันไว้ดั่ง..ไท เดิม

    จากบัดนั้น จนบัดนี้ ที่จำจด
    รัฐฉาน..หมดสุขสลาย..ไกลสุดเสริม
    ด้วยศัตรู จู่โจม ครอง..อย่างเหิมเกริม โหดเหี้ยมเติม..คุณธรรมหาย..กลายจากคน

    จากวันนั้น..สู่..วันนี้ ที่ยังสู้
    เป็นตำนานให้โลกดู..มิรู้ผล
    โลกก้าวไกล..ใครนึกบ้าง..ยังอับจน
    กรรมใดดล ฉาน วิบาก แต่จัก คง

    จากวันนาน...ผ่านมา..อาลัยนัก
    สิ้นพงศ์ภักดิ์..ศักดิ์เจ้าฟ้า..มาเป็น..ผง
    ต้องกอบกู้..สู้..ค้ำ เพื่อดำรง
    พันธุ์เผ่าวงศ์ รัฐไตย ให้เสรี

    พี่น้องเอ๋ย...มิเคยเห็น..เป็นไรบ้าง
    คงอ้างว้าง..กลางพงไพร..ไร้สุขศรี
    คงมีเพียง..มณีจันทรา..ยามราตรี
    ส่องชีวี ระวังภัย ไม่นิทรา

    พี่น้องเอ๋ย..ยามค่ำคืน..คงยืนหนาว
    กอดปืนเฝ้า ที่มั่น หวั่นผวา
    แต่จะถอย นั้นอย่าหวัง ดังวิญญา
    ปลิดลอยลา คงยังสู้ กู้แผ่นดิน

    พี่น้องเอ๋ย..ถึงต่างไกล.. ใจยังเกี่ยง
    ด้วยสายเลือด ข้นเคี่ยว ให้ถวิล
    ขอส่งใจ ผ่าน..เพลง..กลอน..วอน ยลยิน
    จาก...ยอดดอย..กล่อมชิวิน สิ้นผองภัย...

    ติดพันจากข่าวบนไตแลง เลยขออนุญาตเจ้าของบล๊อค
    นำกลอนที่เขียนให้พี่น้องไตซึ่งทางกองกำลังฯได้นำลงเผยแพร่ใน
    เว็บไซด์..ของกองกำลังตั้งแต่ปีก่อน เพื่อยืนยันว่า จะเป็นไทย หรือ ไต
    ก็พี่น้องร่วมสายโลหิตกันมา...



    โดย........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2010
  9. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    มีข่าวน่ายินดีมาไกลจากดอยไตแลง สมกับที่คุณจงรักภักดีเคยนำมาว่าไว้.เกี่ยวกับเดชะพระบารมีที่มิอาจบดบังได้
    เก็บมาจากยอดดอยมาเล่าต่อค่ะ

    กองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ได้ทำพิธีอัญเชิญพระบรมรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    ขึ้นประดิษฐานบนดอยไตแลงเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2553
    ในนาม สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (R.C.S.S.) / กองทัพรัฐฉาน (S.S.A. ) สำหรับพระบรมรูปนี้ มีขนาดความสูง 3 เมตร โดยเชิญขึ้นประดิษฐาน บนพื้นที่
    ของ บก.ดอยไตแลง เพื่อให้กำลังพลและประชาชนในพื้นที่ ได้สักการะบูชา ตลอดจนเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจแก่กำลังพลในการต่อสู้กอบกู้เอกราช
    ของประเทศชาติกลับคืนมา...



    ขอบคุณ คุณดอกไม้เมืองบน มากครับ เพิ่งจะได้ทราบจากคำบอกเล่าจาก ตชด.ผ่านมาทางคุณโมเยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่มีรายละเอียดสมบูรณ์อย่างนี้ เป็นอันว่างานของเพื่อนที่ต้องใช้ความมานะพยายามที่เปี่ยมด้วยความเคารพและแรงศรัทธาได้สำเร็จลุล่วงไปแล้ว ต้องถือว่าเป็นนิมิตรหมายทีดีมาก
    ส่วนงานของเราที่จะสร้างที่แม่สายนั้นก็คงจะอีกไม่นาน ภายหลังที่ประสบปัญหาและอุปสรรคที่คล้ายๆกัน ทราบว่าจะมีพิธีเททองหล่อพระบรมรูปที่บริเวณพระราชวังจันทร์ ที่พิษณุโลก จะเมื่อใดนั้นจะได้นำมาบอกเล่ากันในโอกาสต่อไปครับ


    ....ในประวัติศาสตร์ของไต ได้จารึกไว้ว่า องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงมีน้ำพระทัยในการเคลื่อนทัพเข้าช่วยเหลือพระสหาย “เจ้าคำก่ายน้อย” ในการกอบกู้เอกราชของรัฐฉานจากน้ำมือของพม่า แต่ในระหว่างการเสด็จเคลื่อนทัพ พระองค์ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมาถือว่าเป็นความโชคร้ายของชาวไต ...

    มีสาระสำคัญที่ดูจะสอดคล้องต้องกัน ขออนุญาตนำข้อความของคุณภาวิโต ที่ได้เคยเขียนไว้ดังนี้ครับ

    ...


    <TABLE id=post1275775 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 13-06-2008, 09:29 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#43 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ภาวิโต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1275775", true); </SCRIPT>



    สมาชิก ​





    [​IMG]





    วันที่สมัคร: Nov 2007


    ข้อความ: 307 ​


    Groans: 0​


    Groaned at 0 Times in 0 Posts ​


    ได้ให้อนุโมทนา: 5,942​


    ได้รับอนุโมทนา 3,131 ครั้ง ใน 379 โพส ​


    พลังการให้คะแนน: 219 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]









    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1275775 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->หากพิจารณาในแง่ยุทธศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถ้าพระองค์ไม่ทรงสิ้นพระชนม์เสียก่อนที่เวียงแหงแล้ว การบุกเข้ายึดเมืองนายน่าจะสำเร็จได้ง่าย เพราะไทใหญ่เองก็มีใจอยู่ด้วยกับศรีอยุธยาอยู่แล้ว ทางด้านยุทธวิธีสมเด็จพระนเรศวรทรงใช้รูปแบบการเข้าตีสองทิศทาง อาจจะคล้ายกับเป็นรูป



    คีมหนีบ หรือเป็นลักษณะค้อนกับทั่งก็ได้ โดยกำลังทัพของสมเด็จพระนเรศวรยกเข้าตีตรงหน้า วางกำลังเป็นเสมือนทั่ง ในขณะเดียวกันกำลังทัพของสมเด็จพระเอกาทศรถเปรียบเสมือนค้อนก็จะรุกเข้ามาทางด้านบน และเมื่อทัพศรีอยุธยายึดได้เมืองนายแล้วก็คงจะสนธิกำลังกันเพื่อรุกต่อไปยังกรุงอังวะ ด้วยสภาพของกรุงอังวะในขณะนั้นที่เพิ่งเริ่มจะตั้งตนเป็นใหญ่ไหนเลยจะสามารถต้านทานทัพศรีอยุธยาที่กำลังแข็งแกร่งและฮึกเหิมได้ ในที่สุดก็คงจะพ่ายแพ้หรือยอมสวามิภักดิ์ต่อกรุงศรีอยุธยาเหมือนดังมังมหานรธาช่อ พระเจ้าเชียงใหม่ก็ได้ หลังจากนี้เราลองหันมาพิจ


    ณาในกรอบยุทธศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยาที่ได้ออกมาแล้วว่าต้องยึดครองพม่า เพราะฉนั้นเราก็น่าจะได้คำเฉลยแล้วว่าภายหลังที่ทัพศรีอยุธยายึดได้อังวะ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าก็น่าจะนำทัพรุกลงมาทางทิศใต้ยึดหงสาวดีเพื่อลบรอยแค้นในพระทัย(หงสาวดีในขณะนั้นก็เหมือนหมดสภาพแล้ว) ตองอูก็อ่อนแอ (ได้เข้ามาสวามิภักดิ์ต่ออยุธยาในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ) แปรก็คงจะยอมสวามิภักดิ์ด้วยเช่นกัน จะเห็นว่าโอกาสที่มอญจะรวมกันเป็นประเทศก็จะมีมาก เพราะองค์สมเด็จพระนเรศวรเจ้าก็ดูจะทรงโปรดพวกมอญอยู่มากทีเดียว คงเหลือแต่ยะไข่ ที่อยู่ถัดจากอังวะ ลึกเข้าไปในพม่า ที่พระองค์อาจจะทรงเก็บไว้ก่อนหรือมอบให้สมเด็จพระเอกาทศรถยกทัพไปจัดการเสียให้หมดเสี้ยนหนามก็เป็นไปได้ เสียดายนะครับทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน ไม่อาจกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ เป็นการสูญเสียโอกาส


    ครั้งสำคัญที่สุดและมีครั้งเดียวเท่านั้น ไม่เฉพาะแต่เพียงไทยเราประเทศเดียว ไทใหญ่และมอญก็สูญเสียโอกาสทองที่จะรวมประเทศให้เป็นไทใหญ่ และมอญ ไปด้วยอย่างน่าเสียดาย ต้องใช้คำว่าสุดแสนเสียดาย โอกาสทองอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว<!-- google_ad_section_end -->



    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ภาวิโต : 09-07-2008 เมื่อ 01:26 PM





    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  10. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ธรรมะ จากพระรักเกียรติ รักขิตะธัมโม (พระรักเกียรติ สุขธนะ)

    ....อดีต รมต.รักเกียรติเท้าความชีวิตตัวเองว่า ตอนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยเป็นหนุ่มไฟแรง มีอุดมการณ์ ผ่านเก้าอี้ ส.จ. ประธาน ส.จ.ก็ไต่เต้าเป็น ส.ส.ได้เข้าสภาผู้แทนราษฎรก็คือเข้าสู่ระบบอุปถัมภ์ให้เขาดูแล พอปีกกล้าก็ดูแลหรืออุปถัมภ์คนอื่นต้องไขว่คว้าเป็นรัฐมนตรีเพื่อหาทุนอุปถัมภ์

    “สรุปแล้วมันเกิดจากความอยาก เกิดจากกิเลส เกิดจากความอยาก อยากได้ อยากมี อยากเป็น พอมั่นใจแล้วก็ไม่เกรงกลัวต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง”
    ........................

    วันนั้นพระรักเกียรติไม่ได้เสนอสูตรแก้ปัญหาคอร์รัปชันอะไรเป็นพิเศษนอกจากบอกว่า ถ้ายึดแนวทางพระพุทธเจ้าก็ต้องดับที่เหตุ ดับที่มูลเหตุการทุจริตคอร์รัปชัน

    “ไม่ว่าจะอย่างไรขอให้เชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่กรรม เวรกรรมมีจริง นรกสวรรค์มีจริง สำหรับอาตมาวันนี้กำลังหลงใหลในคำสอนของพระพุทธเจ้า อาตมากำลังรู้สึกว่าไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดน่าเลื่อมใสศรัทธาเท่าคำสอนพระพุทธเจ้าอีกแล้ว...”

    ขอขอบคุณ: Daily News - Manager Online -
     
  11. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ความสุขของท่านก่อนวันปีใหม่

    ....ตอบคำถาม ต่อไปนี้
    1. บอกชื่อคน 3 คน ที่รวยที่สุดในโลก
    2. บอกชื่อนางงามจักรวาล 3 คนล่าสุด
    3. บอกชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล 3 คนล่าสุด
    4. บอกชื่อนักแสดงนำชาย 3 คนล่าสุด ที่ได้รับรางวัลออสการ์
    นึกไม่ออกใช่ไหม? ไม่ใช่เรื่องแปลก
    ไม่มีใครหรอกที่จะจดจำคนเหล่านี้ได้ทั้งหมด
    คนที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญก็ล้วนล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา รางวัลต่างๆ เมื่อวางไว้นานก็จะถูกฝุ่นจับ แม้แต่ผู้ชนะก็จะถูกลืมในไม่ช้า
    ตอบคำถาม ต่อไปนี้
    1. บอกชื่ออาจารย์ 3 ท่านที่เคยช่วยเหลือคุณในเรื่องการเรียน
    2. บอกชื่อเพื่อน 3 คนที่ช่วยเหลือคุณในยามที่คุณต้องการ
    3. นึกถึงคน 3 คนที่ทำให้คุณรู้สึกว่า คุณได้เป็นคนพิเศษ
    4. บอกชื่อคน 3 คนที่คุณอยากใช้เวลาด้วย
    นึกออกง่ายกว่าใช่ไหม? นั่นเป็นเพราะว่า
    คนที่มีความหมายต่อชีวิตคุณ ไม่ได้เป็นคนที่ต้องเป็นที่สุด
    ไม่ได้มีเงินมากที่สุด ไม่ต้องได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
    เพราะยังมีคนใกล้ตัวคุณอีกหลายคน ที่ห่วงใยคุณ คอยให้การดูแลคุณ
    และเวลาที่มีอะไรเกิดขึ้น ก็จะคอยอยู่เคียงข้างคุณ
    ...ไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะมีความสุข
    มากกว่าช่วงเวลา ณ ปัจจุบันนี้..
    จงใช้ชีวิตให้มีความสุขกับช่วงเวลาปัจจุบันเถิด
    สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรจะไปคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้
    ๑.อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้น เขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง
    ๒.อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย
    ๓.อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้ รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
    ๔.อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก
    ๕.อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง
    ๖.จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ
    ๗.ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว
    ๘.ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
    ๙.ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...เพราะฉะนั้นจงอย่าเกลียดคนอื่น
    ๑๐.ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ
    ๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
    ๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต
    ๑๓.จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
    ๑๔.คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกเถียงกับคนอื่นหรอก...บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกันได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร
    แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเราล่ะ?
    ๑.อย่าลืมโทร.หาครอบครัวบ่อยๆ
    ๒.จงหาอะไรดี.ให้คนอื่นทุกวัน
    ๓.จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง
    ๔.จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6 ขวบ
    ๕.พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน
    ๖.คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณ ไม่ใช่เรื่องของคุณซักหน่อย
    ๗.งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้นอย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด
    และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้ ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้
    ๑.ทำสิ่งที่ควรทำ
    ๒. อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่สวย ไม่น่ารื่นรมย์ จงทิ้งไปเสีย เก็บไว้ทำไม?
    ๓.เวลาย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้
    ๔. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน
    ๕.ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน จงลุกจากเตียง แต่งตัวและปรากฏตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงานด้วย...get up, dress up and show up.
    ๖.คิดไว้เสมอสิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
    ๗.ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้ อย่าลืมขอบคุณพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
    ๘.เชื่อเถอะว่าส่วนลึกๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ ดังนั้นส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า
    และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด.....
    "ส่งบทความนี้ต่อไปให้คนที่คุณรักและห่วงหาอาทรด้วย"

    ....


    แหล่งที่มา www.thaipost.net (30 ธ.ค.53)
     
  12. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    มีสาระสำคัญที่ดูจะสอดคล้องต้องกัน ขออนุญาตนำข้อความของคุณภาวิโต ที่ได้เคยเขียนไว้ดังนี้ครับ

    ...





    <TABLE id=post1275775 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 13-06-2008, 09:29 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#43 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ภาวิโต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1275775", true); </SCRIPT>






    สมาชิก ​









    [​IMG]









    วันที่สมัคร: Nov 2007​




























    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1275775 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->หากพิจารณาในแง่ยุทธศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถ้าพระองค์ไม่ทรงสิ้นพระชนม์เสียก่อนที่เวียงแหงแล้ว การบุกเข้ายึดเมืองนายน่าจะสำเร็จได้ง่าย เพราะไทใหญ่เองก็มีใจอยู่ด้วยกับศรีอยุธยาอยู่แล้ว ทางด้านยุทธวิธีสมเด็จพระนเรศวรทรงใช้รูปแบบการเข้าตีสองทิศทาง อาจจะคล้ายกับเป็นรูป





    จะเห็นว่าโอกาส เสียดายนะครับทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน ไม่อาจกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ เป็นการสูญเสียโอกาส






    ครั้งสำคัญที่สุดและมีครั้งเดียวเท่านั้น ไม่เฉพาะแต่เพียงไทยเราประเทศเดียว ไทใหญ่และมอญก็สูญเสียโอกาสทองที่จะรวมประเทศให้เป็นไทใหญ่ และมอญ ไปด้วยอย่างน่าเสียดาย ต้องใช้คำว่าสุดแสนเสียดาย โอกาสทองอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว<!-- google_ad_section_end -->




    .......................................​


    ดีจังเลยค่ะ คุณจงรักภักดี ได้่อ่านแล้วทำให้เกิดภูมิต้านทานสำหรับสิ่งที่เราเคยคิดไว้ว่า มันน่าจะเป็นแบบนี้มั๊ย แบบนั้นมั๊ยจากจิตใต้สำนึกของเราเอง โดยอาจเป็นอุปทานหรือการปรุงแต่งก็ได้ และถึงแม้สิ่งที่คุณภาวิโตกล่าวมากก็ยังฟันธงไม่ได้ ทว่าก็ยังทำให้เรารู้สึกดีดีในความคิดนั้นทั้งของตนเองและของคุณภาวิโต หรือแม้แต่บางมุมมองของคุณจงรักภักดี ที่อย่างน้อยสอดคล้องกันหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยังติดค้างในใจเกี่ยวกับเมืองนาย ที่ได้เสียงสนับสนุนอีก หนึ่งเสียงจากคุณภาวิโต ขอบคุณที่นำมาให้อ่านกันค่ะ​











    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2010
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
  14. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    สรวมขวัญวันปีใหม่<O:p</O:p

    และแล้วก็ถึงกาลวันวารผัน
    ล่วงลุวันปีใหม่ศรีดิถืสวรรค์<O:p</O:p
    หอมบุปผามาลาโลกคลี่ประชัน
    แข่งกันบานรับมงคลวันต้นปี

    <O:p</O:pเสียงระฆังหง่าง เหง่งจากปลายฟ้า
    ปวงเทวาขานขับรับราศรี<O:p</O:p
    อำนวยพรประสาทชัยให้เปรมปรีดิ์
    แด่น้อง พี่ ถ้วนไซร้ให้สมปอง
    <O:p</O:p
    จะร้อยดาวพราวฟ้ามาสรวมขวัญ
    จะเก็บจันทร์เด่นฟ้ามาสนอง<O:p</O:p
    บรรจงร้อยสร้อยตะวันอันเรืองรอง
    แนบประคองมอบให้ในครานี้
    <O:p</O:p
    แม้เพื่อน พ้อง น้อง พี่มีใดหวัง
    จุ่งสัมฤทธิ์ประสิทธิ์ดังเป็นสักขี<O:p</O:p
    จตุรพิธพรชัยในชีวี
    นับเนื่องแต่ ณ บัดนี้ตลอดกาล<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ดาว.jpg
      ดาว.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56 KB
      เปิดดู:
      56
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2011
  15. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขอสวัสดีปีใหม่ 2554 คุณดอกไม้เมืองบน และเพื่อนพ้องน้องพี่ ตลอดจนท่านผู้อ่านทุกๆท่านครับ
     
  16. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>31 ธันวาคม 2553 20:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ส.ค.ส. พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ปีพุทธศักราช 2554 ทรงพระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทยเนื่องในโอกาสวาระดิถีขึ้นปีใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สวัสดีปีใหม่ วันที่ 1 มกราคม 2554 ค่ะ​

    น้องหมู(น้อย)เชิญชวนคุณพี่สร้างหลังคาโบสถ์วัดชุมพลฯ บางปะอินเจ้าค่ะ พรุ่งนี้จะไปขอกำหนดวันทอดผ้าป่าที่วัดชุมพลฯกับหลวงเตี่ย น่าจะทอดกลางเดือนกุมภาพันธ์นะเจ้าคะท่านพี่ งานผ้าป่าเล็กๆค่ะแต่น้องหมูศรัทธาเต็มร้อยค่ะท่านพี่

    ขอบคุณท่านพี่ดอกไม้ฯที่กรุณานำข่าวดอยไตแลงมาเสนอค่ะ ทำให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรที่มีต่อปวงชนชาวไทยที่ท่านกู้บ้านเมืองไว้ทำให้พวกเราไม่ต้องเป็นชนกลุ่มน้อยแบบเขา ทำให้ไทยน้อยมีบ้านเมืองมีแผ่นดินอยู่ ขอถวายพระพรขอให้พระองค์ท่านทรงบารมีสูงๆยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทิด ขอพระบารมีคุ้มเกล้าชาวไทยให้ร่มเย็นตลอดไป

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=51wBmAZXvCA&feature=related"]YouTube - Shan กู่อิสรภาพไทใหญ่ ตอน 6 ( taiyai.net )[/ame]​
     
  18. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ในท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นอย่างนี้ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์จะเป็นสถานที่ยอดนิยมแหงหนึ่งไม่แพ้เขาใหญ่ทีเดียว เนื่องจากมีเส้นทางคมนาคมดีไปมาสะดวก กอร์ปกับมีสถานที่ใกล้เคียงที่เป็นตัวเลือกให้กับนักท่องเที่ยว อาทิเช่น หินร่องกล้า หรือภูทับเบิก หรืออาจเลยขึ้นไปถึงด่านซ้าย ไปเลย หรือเชียงคานได้
    2 ธ.ค.54 โอกาสนี้ขอนำเรื่องราวของอนุสรณ์สถานผู้เสียสละ บนเขาค้อมาเล่าสู่กันฟัง อย่างน้อยก็เป็นอนุสรณ์ของวีรชนผู้กล้าอีกแห่งหนึ่ง ที่พวกเราสมควรจะรู้จักและจดจำกันไว้

    ...
    อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ
    เมื่อเดินทางมาเยือนเขาค้อ ระยะทางเพียง 1 กม. เศษของทางขึ้นเขา ณ ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,174 เมตร อยู่ในเขตพื้นที่ หมู่ที่ 13 ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ เป็นยอดเนินเขาสูงสุดของเขาค้อเราก็มาถึงยอดเขาค้อที่มีหินอ่อนรูปทรงสามเหลี่ยม ตั้งตะหง่านอยู่ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเสียสละของพี่น้องทหารหาญของชาติไทย ที่ต้องเสียสละทั้งชีพ และเลือดเนื้อเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ไว้ให้รอดพ้นจากภัยของผู้หลงผิดคิดร้ายต่อ ประเทศชาติ
    อนุสรณ์แห่งนี้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานให้เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2527 เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจคนไทยทั้งชาติว่า "ยามใดที่คนไทยขัดแย้งกัน จะต้องมีการสูญเสียอย่างผู้กล้า 1,171 ชีวิต จารึกกับองค์อนุสรณ์ จงอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก"
    อนุสรณ์แห่งนี้ สร้างโดยกองพันทหารช่างที่ 4 ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา ก่อสร้างโดยความร่วมมือและเงินบริจาคของประชาชนและ ข้าราชการทุกฝ่าย เป็นเงินประมาณ 6 ล้านบาท วัตถุประสงค์ของการจัดสร้างอนุสรณ์สถาน ผู้เสียสละเขาค้อ คือ
    1. เพื่อเป็นการสดุดีและระลึกถึงวีรกรรมของประชาชนพลเรือน ตำรวจ และทหารที่ได้ปฏิบัติภารกิจในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์
    2. เพื่อเป็นการระลึกถึงดวงวิญญาณของผู้กล้าหาญที่ได้เสียสละชีวิต และเลือดเนื้อเป็นแบบอย่างให้พี่น้องประชาชนชาวไทยได้ สำนึกว่าแผ่นดินนี้เป็นสมบัติของตนที่ต้อง หวงแหนและปกป้องรักษาไว้ยิ่งชีพ
    3. เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามัคคี และการรวมพลังในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนมีความรัก และเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
    4. เพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะ และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ทั่วไป
    สร้างเป็นรูปสามเหลี่ยมเป็นหินอ่อนทั้งหมด ขนาดและรูปทรงของอนุสรณ์สถานนี้ มีความหมายแตกต่างกันคือ รูปสามเหลี่ยมหมายถึง การปฏิบัติการร่วมกันระหว่าง พลเรือน ตำรวจ ทหาร ฐานอนุสรณ์ ฯ กว้าง 11 เมตร หมายถึง พ.ศ. 2511 อันเป็นปีที่เริ่มการปฏิบัติการรุนแรงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ความสูงจากแท่นบูชาถึงยอดอนุสรณ์ น สูง 24 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ. 2524 อันเป็นที่เปิดยุทธการครั้งใหญ่ ความสูงจากฐานถึงยอดอนุสรณ์ 25เมตร หมายถึงปี พ.ศ. 2525 อันเป็นปีที่สิ้นสุดการรบความกว้างฐานสามเหลี่ยมด้านละ 2.6 เมตร หมายถึงปี พ.ศ 2526 ซึ่งเป็นปีที่สร้างอนุสรณ์ ฯ แห่งนี้
    ความปลื้มปิติที่มีต่อทหารกล้าผู้เสียสละนั้น เราไม่สามารถแสดงออกมาได้เกินกว่าความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจ "ชีวิตหนึ่งชีวิตก็มีค่าแค่เพียงความมีชีวิต แต่การสร้างคุณค่าให้กับชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกที่จะสร้างคุณค่าให้กับจิตใจในทิศทางใด" เราคงภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อย ถ้าจุดสิ้นสุดแห่งชีวิตของเราต้องจบลงดั่งเช่นทหารเหล่านั้น
    ในบริเวณที่ใกล้กับอนุสรณ์สถานผู้เสียสละนั้น คือที่ตั้งฐานกรุงเทพ (ซึ่งเป็นชื่อเรียกขานทางวิทยุของร้อย 1741 ที่สามารถยึดยอดเขาค้อได้) ซึ่งแต่เดิมนั้นบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ผกค. แต่ฝ่ายเราก็สามารถยึดมาได้ด้วยความยากลำบาก เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2522 ปัจจุบันฐานกรุงเทพได้กลายเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่ง
    ผนังภายในมีการบันทึกประวัติอนุสรณ์ฯ รายชื่อวีรชนผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติและได้มีการสลักบทกวีพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ความรักประเทศสู้ ยอมสละ
    ทั้งร่วมและชีวะ ปลดเปลื้อง
    รักษาอิสระ ภาพแห่ง ไทยแฮ
    ยอยศสยามราชเรื้อง รัฐคุ้มอวสาน ฯ
    รวมทั้งรอยจารึกพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ผนังหน้าทางเข้าอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไป ได้มาทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2526 โดยสร้างขึ้นโดยเงินบริจาคของประชาชนและข้าราชการทุกฝ่าย
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานการเปิดอนุสรณ์สถานแห่งนี้เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2527 เพื่อเตือนใจคนไทยทั้งชาติว่ายามใดคนไทยขัดแย้งกันจะต้องมีการสูญเสียอย่างผู้กล้าหาญ 1,171 ชีวิต ที่จารึกไว้กับองค์อนุสรณ์ จงอย่าให้เกิดเช่นนี้อีก
    ทางจังหวัดเพชรบูรณ์จึงได้กำหนดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ของทุกปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา เป็นวันสมโภชอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อแห่งนี้
    ในบริเวณใกล้เคียงกันยังมีฐานกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของทหารไทยในอดีต ซึ่งฐานกรุงเทพฯ มาจากชุดปฏิบัติการขึ้นมาประจำที่ฐานนี้ อาคารสิ่งก่อสร้างหลงเหลืออยู่บางส่วนก็ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ฐานกรุงเทพฯ มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูกระดึง ภูเรือ และภูหินร่องกล้าด้วย บริเวณฐานแห่งนี้ได้สร้างศาลสิมารักษ์ ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ พันเอกอิทธิ สิมารักษ์


    รายละเอียดเพิ่มเติม www.khaoko.com
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เมื่อเอ่ยถึงเขาค้อ ก็สมควรได้รู้จักพระบรมสารีริกธาตุในบริเวณใกล้เคียงเพื่อจะได้เคารพกราบไหว้ในฐานะพุทธศาสนิกชน ไหนๆมีโอกาสไปเที่ยวกันแล้วก็สมควรได้เคารพกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต

    พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก
    [​IMG]
    ตั้งอยู่บนเขาค้อ ริมทางหลวงหมายเลข 2196 อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเขาค้อไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร จะเห็นพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก อยู่ติดถนนด้านขวามือ เป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งแบบสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนได้สักการะบูชา ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐธาตุของพระพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้กับประชาชนในพื้นที่ หลังจากยุติการสู้รบกับคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย
    ความเป็นมา
    เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งพระธาตุของพระอริยสาวก ในสถูปศิลาขนาดเล็ก ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร และหนึ่งในจำนวนของสถูปศิลาที่ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ถวายแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และพะราชทานพรบรมสารีริกธาตุแก่ พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์ เพื่อให้อัญเชิญไปประดิษฐานประจำสำนักสงฆ์วิชมัยปุญญาราม บ้านเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
    การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานไว้ ณ พื้นที่เขาค้อแห่งนี้ เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบ ระหว่างคนไทยด้วยกันเองมานาน จนทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต และเลือดเนื้อจำนวนมาก ยังเศร้าโศกเสียใจให้กับคนไทยทั้งชาติ และเมื่อการสู้รบยุติลง ความสงบสุขร่มเย็นก็เริ่มบังเกิดขึ้น ราษฎรในพื้นที่ได้รับการส่งเสริม ให้มีที่ทำกินเป็นของตนเอง มีการพัฒนาอาชีพทางการเกษตร ราษฏรในพื้นที่เขาค้อ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ มีรายได้เพียงพอต่อการครองชีพ และที่สำคัญราษฎรมีความรัก และหวงแหนในแผ่นดิน ที่แลกมาด้วยชีวิตเลือดเนื้อ และหยาดน้ำตาของทหารหาญและพี่น้องคนไทยจำนวนมาก
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้กับ พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์ เพื่อให้นำไปประดิษฐาน ณ พื้นที่เขาค้อนี้ให้เป็นที่เคารพสักการะ และนำความสงบสุขร่มเย็นมาสู่ราษฎรในพื้นที่ อีกทั้งให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุกหมู่เหล่า ให้ร่วมมือร่วมใจพัฒนาชาติไทย ให้วัฒนาสถาพร ดังนั้น จึงได้มีพระบรมสารีริกธาตุให้ราษฎรในพื้นที่เขาค้อ และใกล้เคียงได้เคารพสักการะ ณ สำนักสงฆ์วิชมัยปุญญาราม บ้านเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...

     
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    คุณโมเย ขอฝากสวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๔ กับพี่ๆน้องๆและเพื่อนทุกท่าน ขอให้มีแต่ความสุข คิดปราถนาสิ่งใดขอให้สำเร็จสมหวังทุกประการ

    (อินเตอร็เน็ตความเร็วต่ำทำงานไม่สำเร็จ อาจจะด้วยมีผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลกันมาเที่ยวเชียงใหม่ ทำให้รถติดและอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ปริมาณการใช้การสื่อสารก็เพิ่มมากขึ้นด้วย -เห็นใจทั้งท่านที่ไปเยือนและท่านที่เป็นเจ้าบ้านนะครับ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...