ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อภัยแล้งและทุพภิกขภัย ความอดอยากขาดแคลนอาหาร น้ำสะอาดกำลังมาถึง

    เป็นเหตุผลที่ต้องเร่งโครงการ บ ว ร ทำวัดให้เป็นที่พึ่งจากภัยพิบัติ ร่วมใจกัน สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนแผ่นดิน

    ก่อนที่จะสายเกินไป ตระหนักถึงเมื่อทำอะไรไม่ได้เสียแล้ว

    -----------------------------------------------



    ภัยแล้งคุกคามจีนหนัก โขง-แยงซี-ฮวงโห เริ่มแห้ง

    ภัยแล้งคุกคามจีนหนัก ธารน้ำแข็งเริ่มละลาย ทะเลสาบและที่ราบลุ่มต้นแม่น้ำโขง-แยงซี-ฮวงโหเริ่มแห้ง เตือนระวังอาหารจะขาดแคลน

    สำนักข่าวซินหัวรายงาน ว่ าบริเวณที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบตกำลังตกอยู่ในอันตรายอันเนื่องจากปัญหาโลกร้อน จนทำให้ธารน้ำแข็งหรือ กลาเซียร์เริ่มละลาย อันจะส่งผลกระทบต่อสันปันน้ำของแม่น้ำสายใหญ่อย่างน้อย 3 สายด้วยกัน

    ผู้เชี่ยวชาญปัญหาโลกร้อนในจีนเปิดเผยว่า การละลายของธารน้ำแข็งบริเวณที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต ได้กัดเซาะบริเวณทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์และบริเวณที่ราบลุ่มอันเป็นต้นน้ำ ของแม่น้ำฮวงโห แยงซีและแม่น้ำโขงทั้งสามสาย

    นักวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นผู้นำการสำรวจสิ่งแวดล้อมลุ่มแม่น้ำแยงซีให้ความเห็น ว่าการละลายของกลาเซียร์นับเป็นปรากฎการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงมาก คาดว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ 30 เปอร์เซ็นต์ของธารน้ำแข็งในภูมิภาคนี้จะละลายหายไปภายใน 10 ปีเท่านั้น และถ้าปัญหาโลกร้อนทวีความรุนแรงมากขึ้น การละลายของธารน้ำแข็งก็จะยิ่งรวดเร็วและยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงมาก ขึ้นเช่นกัน

    เขตที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต เป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำฮวงโหถึงเกือบครึ่งหนึ่งนอกเหนือจากเป็นแหล่งป้อน น้ำให้แม่น้ำแยงซีราว 25 เปอร์เซ็นต์ และให้แมน้ำโขงอีกราว 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งลุ่มน้ำทั้งสามแห่งมีประชากรรวมกันราว 580 ล้านคน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหล่งผลิตข้าว แต่ปรากฎว่าตลอดช่วงไม่กี่เดือนมานี้ พื้นที่เหล่านี้ได้รับผลกระทบรุนแรงจากปัญหาภัยแล้งจนระดับน้ำลดต่ำผิดปกติ

    ผลตามมาก็คือนับตั้งแต่ต้นปีมาแล้วชาวทิเบตราว 2 หมื่นคนต้องอพยพจากทุ่งหญ้าอันสมบูรณ์ไปตั้งรกร้างใหม่ตามหมู่บ้านหลายแห่ง ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของทิเบตที่สืบทอดกันมานับพันๆ ปี ส่วนฝูงปศุสัตว์ที่เคยปล่อยเลี้ยงอย่างเสรีตามทุ่งหญ้าก็ต้องเบียดเสียดกัน อยู่ในคอกที่มีพื้นที่จำกัด

    นอกจากทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ จะถูกน้ำกัดเซาะพังเป็นแถบๆแล้ว ทะเลสาบและที่ราบลุ่มหลายแห่งก็เริ่มแห้งขอด โดยนับตั้งแต่ปี 2519-2551 เขตทุ่งหญ้าและที่ราบลุ่มถูกกัดเซาะทำลายแล้วถึง 32 เปอร์เซ็นต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำแห่งสถาบันสิ่งแวดล้อมชิงไห่ให้ความเห็นว่า ขนาดของทะเลสาบในบริเวณลดลงไป 228 ตารางกิโลเมตร หรือราว 836 เปอร์เซ็นต์ของขนาดทะเลสาบโดยรวม

    ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมชาวอเมริกันคนหนึ่งเตือนว่า วิกฤติการณ์น้ำที่เริ่มปรากฎให้เห็นรางๆนี้ จะน้ำไปสู่วิกฤติการณ์การขาดแคลนอาหาร อันเนื่องมาจากสองฟากฝั่งแม่น้ำทั้งสามสายล้วนแต่เป็นแหล่งปลูกข้าวทั้งใน จีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์

    Content by VoiceTV
    ภาพ : chinaview.wordpress.com


    [​IMG]
     
  2. เฉยฉิบ

    เฉยฉิบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +251
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เขมรเปลี่ยนชื่อ"ปราสาทตาพรหม"เป็น"ปราสาท แอนเจลิน่า โจลี"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>29 พฤศจิกายน 2553 10:08 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    "ปราสาทตาพรหม" หรือ "ปราสาท แอนเจลิน่า โจลี"

    [​IMG]
    แอนเจลีนา โจลี กับ แม็ดด็อกซ์ บุตรบุญธรรมเชื้อสายกัมพูชา

    ไม่ใช่มีแต่เมืองไทยเท่านั้น ที่หยิบเอาชื่อของดาราสาวไปตั้งเป็นชื่อวัด แต่ปราสาทตาพรหมในเขมร ก็ถูกชาวบ้านท้องถิ่นเรียกชื่อว่า “ปราสาทแอนเจลิน่า โจลี” ตามชื่อของนักแสดงหญิงคนดังแห่งฮอลลีวูด ที่เคยเดินทางเข้าไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่นั่นด้วยเช่นเดียวกัน

    ชื่อของ แอนเจลิน่า โจลี ยังคงอยู่ในความทรงจำของชาวกัมพูชาเสมอ ภายหลังนักแสดงสาวคนดังเดินทางเข้าไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Lara Croft: Tomb Raider เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน และยังรับเด็กชายชาวกัมพูชาเป็นลูกบุญธรรมอีก 1 คน กระทั่งล่าสุดมีรายงานว่าชาวเขมรบางส่วน ถึงนั้นนำชื่อของเธอมาตั้งให้กับปราสาทโบราณในแถบนั้นกันเลยทีเดียว

    สื่อดังอย่าง The Guardian อ้างข้อมูลของ ราจาน เซ็ด ผู้นำของสมาคมชาวฮินดูในสหรัฐฯ ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว WENN ว่านักแสดงสาวชาวสหรัฐฯ ยังเป็นที่นิยมและได้รับการยกย่องจากชาวกัมพูชา จนนำชื่อของเธอไปตั้งให้กับปราสาทตาพรหมเสียใหม่เป็น 'ปราสาท แอนเจลิน่า โจลี'

    "โบราณสถานที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ที่มีชื่อเรียกว่าปราสาทตาพรหม อันที่จริงแล้วเป็นที่รู้จักในฐานะศาสนสถาน ของพราหมณ์แบบโบราณของราชวงศ์เก่าแก่ และมีชื่อเรียกตามจารึกว่า เรียชวิเหียร" ราจาน เซ็ด กล่าว "แต่ตอนนี้คนจะเรียกสถานที่แห่งนี้กันว่า 'ปราสาท แอนเจลิน่า โจลี' กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว"

    ปราสาทตาพรหมปรากฏอยู่ในหลายฉากของภาพยนตร์เรื่อง Tomb Raider ซึ่ง โจลี รับบทเป็น ลาร่า ครอฟต์ นักล่าสมบัติที่ต้องต่อสู้แย่งชิงวัตถุโบราณที่ทรงคุณค่ากับองค์กรลับ Illuminati

    ซึ่งนอกจากโบราณสถานสำคัญจะถูกเรียกตาม นักแสดงหญิงดารานำของเรื่องแล้ว ร้านอาหารหลายในแถบนั้นแห่งยังเสิร์ฟเครื่องดื่มคอคก์เทลซึ่งตั้งชื่อว่า ทูมด์เรดเดอร์ ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนผสมอย่าง เควโตร, มะนาว และโซดา ซึ่งว่ากันว่าเป็นเครื่องดื่มที่ โจลี เองก็โปรดปราน

    ราจาน เซ็ด ผู้นำเสนอเรื่องนี้ ได้กล่าวว่าโดยส่วนตัวของเขาแล้วคิดว่า การที่นักแสดงหญิงชื่อดังแห่งฮอลลีวูด ได้รับการยกย่องเชิดชูเช่นนี้ เธอก็ควรตอบแทนความรู้สึกของประชาชนชาวกัมพูชาที่มองเธอเป็น “นักบุญผู้ปกป้องคุ้มครองกัมพูชา” ด้วยการช่วยเหลือบูรณะโบราณสถานที่หลายๆ คนตั้งชื่อตามชื่อของเธอด้วยเช่นเดียวกัน

    "ผมอยากจะเรียกร้องให้คุณ แอนเจลินา โจลี ช่วยเหลือในการกระตุ้นเตือนถึงความสำคัญของการอนุรักษ์โบราณสถานในโลกใบนี้ รวมถึงการปกป้องโบราณสถานแห่งนี้ และอาณาเขตโดยรอบ จากการบุกรุกทำลาย และลักขโมยวัตถุโบราณที่เกิดขึ้นด้วย"

    ที่มา http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000168210

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2010
  4. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    กระทู้นี้ชื่อ "ประเทศไทยจะเกิอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆ หรือไม่" ถ้าอ่านเรื่องสถานการณ์ทะเลไทย แค่บางส่วนเสี้ยว จากข้างล่างนี้ อาจจะพอได้คำตอบเนาะ ว่าแนวโน้มจะเป็นยังไงต่อ แลัจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เมื่อท้องทะเล แหล่งอาหารสำคัญ ออกอาการแบบนี้มานานแล้ว


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=ecxheadline vAlign=baseline align=left>ความตายสีขาว </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=ecxdate vAlign=middle align=left>29 พฤศจิกายน 2553 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=center>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมตั้งใจไว้ ในคอลัมน์ Around & Outside ผมจะไม่เน้นเรื่องเมืองไทย เพราะไม่อยากให้ซ้ำซ้อนกับนักเขียนท่านอื่น อีกทั้งผมเขียนเรื่องเที่ยวเมืองไทยมาร่วม 15 ปี เคยเล่าเคยกล่าวถึงเกือบทุกสถานที่ จะให้กลับมาเขียนใหม่ให้ตื่นตาตื่นใจคงเป็นไปได้ยาก หากไม่เกิดเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดี เช่น วาฬบรูด้า หรือเรื่องที่เศร้าจริงจัง เช่น เรื่องที่คุณกำลังจะได้อ่าน ผมจะไม่พยายามผิดกติกาของตัวเอง

    แล้วอะไรคือเรื่องเศร้าจริงจังดังกล่าว ? เรื่องราวต้องย้อนไปตั้งแต่ต้นปี 53 ปรากฏการณ์เอลนิโญ่ทำให้สภาพแวดล้อมทางทะเลปั่นป่วน อุณหภูมิน้ำสูงขึ้นจากปรกติหลายองศา จากนั้นก็มีข่าวปะการังฟอกขาวในอันดามัน ตั้งแต่เหนือสุดที่หมู่เกาะสุรินทร์ เรื่อยลงไปทางใต้ ผ่านภูเก็ตและพีพี ต่อเนื่องถึงใต้สุด จากนั้นเริ่มมีปรากฏการณ์ทางฝั่งอ่าวไทย ยาวไปจนถึงปลายเดือนสิงหาคม

    ในช่วงเวลานั้น แทบทุกสำนักข่าวต่างรายงาน ปะการังที่เกาะนั้นฟอกขาวแค่ไหน ที่นี่เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ? ผู้หลักผู้ใหญ่ออกมาบอกมาตรการรับมือ เราจะเตรียมโครงการไว้ฟื้นฟู เราจะหาทางจัดการอนุรักษ์แนวปะการังไว้ให้ฟื้นตัว คนไทยไม่ต้องเป็นห่วง


    อย่างว่า...นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งแรกที่เมืองไทยเจอ เราเคยเจอก่อนหน้านี้ เช่น ปี 2535 ปะการังฟอกขาวในเกาะสุรินทร์ ปี 2540-41 ปะการังฟอกขาวทั่วอ่าวไทย เรายังรอดมาได้เลย


    [​IMG]


    ในยุคนี้ที่ผู้คนเสพข่าวสารกันอย่างแพร่หลาย ทุกข่าวถูกทำให้สั้น อาจตกหล่นข้อความบางประการ ผมจึงขออธิบายคำว่า “รอด” ให้ชัดเจน รอดของหมู่เกาะสุรินทร์ในปี 2535 คือแนวปะการังในอ่าวแม่ยาย แหล่งปะการังเขากวางใหญ่สุดของเมืองไทย อยู่ในสภาพโทรมสิ้น เกิดสาหร่ายเห็ดหูหนูขึ้นมาปกคลุมหนาแน่น กลายเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องยาวนาน จนท้ายสุด ต้องปิดพื้นที่นั้น ทำให้เป็นเขตสงวน เพื่อรอให้ปะการังฟื้นตัว ซึ่งมีแนวโน้นอยู่บ้าง แต่ยังห่างไกลจากคำว่า “เหมือนเดิม”

    ในปี 2540-41 ปะการังทั่วอ่าวไทยได้รับผลกระทบ เราแทบไม่ลงมือจัดการอะไรเลย ผลที่เกิดขึ้นคือปะการังเขากวางแทบไม่มีเหลือ ยังหมายถึงแนวปะการังที่ทรุดโทรมลงอย่างชัดเจนในหลายหมู่เกาะ

    นั่นคือคำว่า “รอด” ที่ตกหล่นคำว่า “อย่างปางตาย” และจนถึงปัจจุบัน อาการปางตายเมื่อ 10-20 ปีก่อน ยังปรากฏให้เห็น ในช่วงที่เราเผชิญปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวอีกครั้ง และเป็นครั้งที่รุนแรงมากสุดนับตั้งแต่เคยมีบันทึกมา เพราะครั้งนี้ทะเลทั้งสองฝั่ง ทั้งอ่าวไทยและอันดามัน ต่างเจอพร้อมกันและเจออย่างแรง

    น่าเสียดาย ข่าวสารใดในยุคนี้ ล้วนมีเวลาอยู่ในสื่อไม่นาน ประเด็นใหม่ ๆ จะกลบอย่างรวดเร็ว ทำให้เรื่องของปะการังฟอกขาวจบไป ยังมีบางข่าวที่ออกมาในระยะหลัง เช่น มาเที่ยวกันเถิด ปะการังเลิกฟอกขาวแล้ว ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปรกติ ทะเลพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ทุกแห่งทุกที่ทุกเวลา ขอเชิญมาโอ้ลัลล้าชมปลาชมแนวปะการัง


    [​IMG]


    และนั่นคือที่มาของบทความนี้ แม้จะเป็นบทความเล็ก ๆ ที่คงโดนข่าวอื่นกลบไปในไม่ช้า แต่อย่างน้อยผมก็บอกตัวเองได้ เราทำหน้าที่ของเราแล้ว และหน้าที่ของผมในฐานะนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล คือการบอกคุณด้วยข้อความที่ชัดเจน

    ปะการังเลิกฟอกขาวแล้ว...จริง เพราะปะการังตายแล้ว ปะการังคงไม่มีวิญญาณกลับมาฟอกขาวใหม่ ความตายที่เกิดขึ้น มิได้เกิดกับปะการังทุกกอ แต่เป็นความตายที่น่ากลัวเหลือเกิน กินพื้นที่กว้างและเกิดผลกระทบแทบทุกหมู่เกาะในทะเลไทย

    การ “เจอ” ของผม มิใช่แค่ลงไปดำน้ำ เจอปะการังตาย เสร็จแล้วมาตีโพยตีพายให้คุณฟัง นับตั้งแต่ปะการังเริ่มฟอกขาว เหล่านักวิทยาศาสตร์ทางทะเลทั่วหัวระแหงต่างรวมตัว สร้างเครือข่ายย่อม ๆ ที่ปราศจากความสนับสนุนของหน่วยงานใด (ว่าง่าย ๆ คือทำกันเอง)

    พวกเราช่วยกันรายงานสถานการณ์แนวปะการังในแต่ละพื้นที่ เท่าที่เรามีโอกาสได้ไปสำรวจ เราพอบอกให้คุณทราบได้ ปะการังที่เกาะพีพีตายเกือบครึ่ง ปะการังที่หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลัน และอีกหลายเกาะรอบภูเก็ต อยู่ในสภาพย่ำแย่ใกล้เคียงกัน มีบางอ่าวอาจรอด แต่บางอ่าว ปะการังเขากวางตายยกครัว


    [​IMG]


    “ตาย” หมายถึงอะไร ? ในตอนแรกปะการัง “ฟอกขาว” หมายถึงป่วยหนัก อาการเป็นตายเท่ากัน มาถึงตอนนี้ “ตาย” ของผมคือตายอย่างแท้จริง ตายแบบไม่ฟื้น ไม่ต้องตีความ ตายก็คือตาย ถูกสาหร่ายเคลือบ แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสื่อมสลายไปในที่สุด

    ข่าวสารยุคนี้นอกจากมาไวไปไว ยังต้องฟังหูไว้หู ผมจึงขอให้พวกคุณฟังพวกเราเหล่านักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเพียงหูเดียว อีกหูหนึ่งสามารถฟังจากเพื่อนที่ไปเที่ยวชมแนวปะการังในบางพื้นที่ ถามเธอถามเขาว่าเป็นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ

    ประเด็นที่สำคัญอีกประการ ที่ทำให้ผมเขียนบทความเรื่องนี้ เพราะถ้าปะการังฟอกขาวแล้ว แน่นอนว่า ย่อมต้องมีปะการังตาย ผมจะมาบอกคุณทำไม ?

    เผอิญมีอีกเรื่องที่ยังไม่จบ เท่าที่ผมติดตามมา ผมยังไม่เห็นโครงการหรือการจัดการใด ๆ เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว ไม่มีการปิดพื้นที่บางแห่งให้ปะการังฟื้นตัว ใครใคร่ดำน้ำตื้นลึกตรงไหนเชิญตามสบาย ไม่มีการสนับสนุนใด ๆ เกี่ยวกับการตรวจสอบติดตามหรือหาทางแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม คล้ายกับเหตุการณ์ปะการังตายสยองขวัญ เป็นเช่นลมเพลมพัด ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องทำอะไรก็ได้


    [​IMG]


    ผมชอบป่าน้อยกว่าทะเลนิดเดียว แต่ถึงตอนนี้ ผมเริ่มน้อยใจ ถ้าต้นไม้ในเขาใหญ่โกร๋นไปเกือบครึ่ง ถ้าพันธุ์ไม้ในห้วยขาแข้งล้มตายลง 10-20 เปอร์เซ็นต์ คงเป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้ทุกคนในประเทศสนใจ ผู้หลักผู้ใหญ่คงออกมาประกาศนโยบายโน่นนี่นั่น มีการดำเนินกิจกรรมมากมายเพื่อช่วยป่า

    น่าเสียดายที่ในทะเลมีน้ำ และน้ำเหล่านั้นปิดบังสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจมองเห็น แต่เป็นสิ่งที่ทำประโยชน์ให้ประเทศไทยเหลือหลาย กุ้งหอยปูปลาในสำรับของชาวบ้านริมฝั่งทะเลนับล้านครอบครัว รายได้จากการท่องเที่ยวที่กระจายไปทั่ว ผมคงไม่ต้องเน้นย้ำความสำคัญของแนวปะการังให้มากความ

    ผมไม่ต้องการบอกว่า อย่าไปทะเลกันเลย อย่าไปเที่ยวดำน้ำดูแนวปะการัง ผมแค่อยากแนะนำพวกเรา แนวปะการังตอนนี้เปรียบเสมือนคนไข้กำลังป่วยหนัก หากคุณอยากไปเยี่ยมเธอ ขอความกรุณาใช้ความระมัดระวัง กระทำการใด ๆ ด้วยใจรักอย่างสูงสุด เพราะโรงพยาบาลไม่สนใจคนไข้รายนี้ ทำแค่ออกข่าวเมื่อตอนที่เธอเริ่มป่วย จากนั้นก็ปล่อยปละละเลยให้เธอต่อสู้กับโชคชะตาเพียงลำพัง แถมบางครั้งยังบอกให้พวกเราไปเยี่ยมเธอกันเยอะ ๆ โดยหลงลืมว่า เธอต้องการเวลาพักผ่อน


    [​IMG]


    ผมเพียงขอให้โรงพยาบาลช่วยหันมาดูแลคนไข้ สนับสนุนให้คุณหมอตรวจอาการ ให้คุณพยาบาลช่วยดูแล จัดเวลาเยี่ยมไข้ให้เหมาะสม ทำทุกอย่างที่เราทำได้...ให้เธอ มิใช่หวังแต่ใช้งานเธอ

    มิฉะนั้น ความตายสีขาวจะพรากเธอจากพวกเราไป และหายนะครั้งใหญ่จะมาเยือนประเทศไทย ไม่มีทางแก้ ไม่มีทางฟื้นฟู ไม่มีทางออก ไม่มีทางเปลี่ยน จบคือจบ พินาศคือพินาศ ต้องรออีกกี่ชั่วอายุก็ไม่ทราบ กว่าปะการังจะกลับมาเป็นอย่างเดิม...หรือมิฉะนั้น ไม่มีทาง

    เวลาน้อยนิดที่เราเหลืออยู่ คือเวลาที่เราควรเลิกเสแสร้ง เลิกโย้ไปเย้มา เลิกเบือนหน้าหนี แต่หันหน้าเผชิญความจริงอย่างกล้าหาญ และกระทำทุกทางให้สมกับคำพูดที่เราพร่ำบอกตลอดมา - “เรารักทะเลไทย”

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    สถานการณ์ปะการังฟอกขาว วิกฤติกว่าที่คาดการณ์

    <!-- /#content-header -->

    กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านแนวปะการังจำนวน 80 ท่าน ร่วมประชุมเพื่อสรุปสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในปี 2553

    ซึ่งถือเป็นสถานการณ์วิกฤตของแนวปะการังรุนแรงที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยประสบมา และรุนแรงกว่าเหตุการณ์คลื่นสึนามิเมื่อปี 2547 การประชุมดังกล่าวจัดเมื่อวันที่ 11 – 12 ตุลาคม 2553 ณ โรงแรมทีเค พาเลส กรุงเทพมหานคร โดยมี ดร. เกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นประธาน



    [​IMG]อ.ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง หัวหน้าโครงการสำรวจ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพแนวปะการังและผลกระทบของการฟอกขาวที่มีต่อระบบนิเวศแนวปะการังในน่านน้ำไทย

    และอาจารย์ประจำสถานีวิจัยความเป็นเลิศความหลากหลายทางชีววภาพแห่งคาบสมุทรไทย ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

    ได้กล่าวสรุปผลจากการประชุมว่า “ถึงแม้ปะการังฟอกขาวในช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม 2553 ทำให้ปะการังยังไม่ตาย แต่ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบแนวปะการังหลายบริเวณทั้งอ่าวไทยและอันดามันตายลง และเสื่อมโทรมลงมากกว่าร้อยละ 70

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มีแนวปะการังเขากวาง ส่วนใหญ่จะตายเกือบหมด ซึ่งจะส่งผลต่อระบบนิเวศแนวปะการัง และกิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง

    ทั้งนี้ นักวิชาการพบว่า พื้นที่ที่ยังขาดความรู้ถึงสถานการณ์การตายของแนวปะการังที่ได้รับผลกระทบจากปะการังฟอกขาว เป็นพื้นที่แนวปะการังในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล ทางฝั่งทะเลอันดามันเป็นส่วนใหญ่

    ในขณะที่กำลังเริ่มจะเปิดฤดูการท่องเที่ยวในเดือนพฤศจิกายนแล้ว แต่มาตรการการจัดการที่เหมาะสมยังไม่มีการเตรียมการแต่อย่างไร

    ดังนั้น ผลจากการประชุมทางวิชาการได้เสนอให้อุทยานแห่งชาติต่างๆ ทางฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย เร่งประเมินสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในสภาวะปัจจุบัน

    และกำหนดมาตรการที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้แนวปะการังได้รับการฟื้นคืนสภาพทั้งโดยธรรมชาติ และการช่วยเหลือจากมนุษย์”

    อาจารย์ศักดิ์อนันต์เพิ่มเติมว่า “แนวปะการังหลายบริเวณอาจจะไม่จำเป็นต้องมีการจัดการใดๆ ปล่อยให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูตัวเองได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่ต้องทำอะไรเลย

    เพราะทุกวันนี้มีการใช้ประโยชน์อย่างมาก ดังนั้น อาจจะต้องมีการกำหนดรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่เหมาะสม การป้องกันผลกระทบจากกิจกรรมอื่นๆ

    เช่น ควบคุมไม่ให้มีน้ำทิ้งหรือเศษอาหารจากเรือท่องเที่ยว ที่พัก และกิจกรรมบริเวณชายฝั่งทะเลลงสู่แนวปะการัง แนวปะการังบางบริเวณอาจจะจำเป็นต้องปิด ไม่ให้มีการใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่นๆ

    ในขณะที่แนวปะการังบางบริเวณจะต้องได้รับการฟื้นฟูด้วยวิธีการที่จำเพาะเหมาะสมสำหรับแต่ละบริเวณ”

    นอกจากนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งยังจะต้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจ และความตระหนักในสถานการณ์ปะการังฟอกขาวให้เป็นที่รับทราบกันในทุกภาคส่วน เพื่อมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาปะการังฟอกขาวของประเทศ

    ในขณะที่ทางด้านวิชาการ จะต้องเตรียมตัวศึกษาหาองค์ความรู้ และจัดการองค์ความรู้อย่างเร่งด่วน เพื่อตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาปะการังฟอกขาว ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี อันเนื่องมาจากปรากฎการณ์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก


    [​IMG] [​IMG]
    <CENTER>[​IMG] [​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปะการังฟอกขาวทั่วทะเลไทย / วินิจ รังผึ้ง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>27 กรกฎาคม 2553</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สิ่งที่กำลังอยู่ในความเป็นห่วงเป็นใยของคนรักทะเลไทยในขณะนี้ก็คือการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ทั่วท้องทะเลไทย ทั้งแนวปะการังทางฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

    โดยการฟอกขาวของปะการัง เริ่มเกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนเมษายน โดยในช่วงนั้นอุณหภูมิของน้ำทะเลบ้านเราซึ่งปรกติจะอยู่ระหว่าง 28-29 องศาเซลเซียสเกิดสูงขึ้นไปถึง 30-31 องศาเซลเซียส และสูงขึ้นเป็นเวลานานติดต่อกันหลายสัปดาห์

    ทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวขึ้นเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลได้ลงความเห็นว่าเป็นการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย

    โดยประเทศไทยเคยเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ๆเช่นในปี 2527 ปี 2541 และในปี 2553 ครั้งนี้ ซึ่งผลกระทบจากการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นบริเวณกว้างเช่นนี้ อาจส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล และส่งผลกระทบต่อกิจกรรมท่องเที่ยวโดยเฉพาะการดำน้ำชมปะการังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    หลายคนอาจจะสงสัยว่าปะการังฟองขาวคืออะไร และจะมีผลกระทบต่อท้องทะเลไทยอย่างไร

    ก็ต้องขอเล่าให้เข้าใจง่ายๆ ว่าปะการังซึ่งเป็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง แต่ละตัวแต่ละชีวิตมีขนาดเล็กๆ โดยปะการัง 1 ตัวหรือ 1 โพลิปมีขนาดเล็กเท่ากับปลายดินสอ

    โดยปะการังชนิดโครงสร้างแข็งสามารถจะสร้างโครงสร้างที่เป็นหินปูนขึ้นมา เมื่อปะการังชนิดเดียวกันแต่ละตัวมาเกาะกลุ่มร่วมกัน สร้างโครงสร้างหินปูนที่มีลักษณะเป็นกิ่งก้าน เป็นก้อนกลม เป็นแผ่นผืน เป็นช่อชั้น เพิ่มขึ้นมาจนเกิดเป็นแนวปะการังอันกว้างใหญ่ไพศาล

    เช่น แนวปะการังเกรตแบริเออร์ รีฟ ซึ่งเป็นแนวปะการังใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย มีความยาวถึงกว่า 2,000 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ถึง 345,000 ตารางกิโลเมตร ได้รับยกย่องว่าเป็นสิ่งก่อสร้างของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว

    ซึ่งเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ที่ผลงานการสร้างสรรค์ขนาดมหึมานี้เป็นของเจ้าปะการังตัวเล็กๆ เท่าปลายดินสอเหล่านี้


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=center>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ชีวิตของปะการังที่เป็นสัตว์ทะเลขนาดจิ๋วนี้มีความน่ามหัศจรรย์ เพราะโครงสร้างของร่างกายปะการังแต่ละตัว จะมีสาหร่ายเซลล์เดียวซึ่งเป็นพืชที่ชื่อ "ซูแซนเทลลี" อาศัยอยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายด้วย

    โดย สาหร่ายซูแซนเทลลี จะมีรงควัตถุในตัวมัน สามารถจะใช้สร้างสีสันเพื่อช่วยปกป้องเนื้อเยื่อใสๆ ของปะการัง ไม่ให้ถูกแสงแดดและรังสีจากดวงอาทิตย์แผดเผาจนเป็นอันตราย

    ทั้งยังสามารถสังเคราะห์แสง สร้างอาหารและพลังงานให้กับตัวมันเองและตัวปะการังอีกด้วย ทำให้ปะการังสามารถจะเติบโตสร้างโครงสร้างหินปูนขยายออกไปได้อย่างรวดเร็ว

    ปะการังจึงได้รับประโยชน์อย่างใหญ่หลวงจากสาหร่ายซูแซนเทลลี ในขณะเดียวกันสาหร่ายก็ได้ที่อยู่อาศัยที่ยึดที่อยู่ในโครงสร้างที่มั่นคงไม่ต้องล่องลอยเคว้งคว้างไปในท้องทะเล ซึ่

    งหากอุณหภูมิของน้ำทะเลอยู่ในภาวะปรกติ ปะการังและสาหร่ายทะเลก็จะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข แต่เมื่อใดที่น้ำทะเลเกิดการเปลี่ยนแปลงไป จากภาวะปรกติอย่างรวดเร็วและเป็นเวลานานเกิน 3 สัปดาห์ ปะการังก็จะเกิดอาการผิดปรกติ โดยจะมีการขับสาหร่ายซูแซนเทลลีให้หลุดออกจากโครงสร้าง

    ทำให้ปะการังต้องเหลือแต่โครงสร้างหินปูนที่มีสีขาว และตัวปะการังที่มีสีใสเท่านั้น เราจึงมองเห็นปะการังกลายเป็นสีขาว เหมือนถูกฟอกด้วยน้ำยาเคมีนั่นเอง

    ซึ่งนอกจากปะการังแล้ว สัตว์ทะเลที่มีสาหร่ายซูแซนเทลลีอาศัยอยู่ด้วย หรือสัตว์ทะเลที่มีสาหร่ายไว้สังเคราะห์แสง ก็จะเกิดการฟอกขาวไปด้วย เช่นกัลปังหา ดอกไม้ทะเลบางชนิด หรือแม้แต่หอยมือเสือ ก็ยังฟอกขาวไปด้วย

    ปะการังที่เกิดการฟอกขาวนั้น หากเกิดการฟอกขาวนานไม่ถึงเดือนแล้วอุณหภูมิของน้ำกลับเข้าสู่ภาวะปรกติ ปะการังบริเวณนั้นก็อาจจะสามารถฟื้นตัวกลับมีสาหร่ายซูแซนเทลลีลงเกาะ แล้วกลับฟื้นค่อยๆ มีสีสันกลับขึ้นมาได้ในอีก 2-3 เดือนถัดมา

    แต่หากปะการังที่ฟอกขาวบริเวณใด ถูกแช่ด้วยอุณหภูมิของน้ำทะเลที่ผิดปรกติเป็นเวลานานๆ ปะการังบริเวณนั้น ก็อาจจะฟอกขาว โดยไม่สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ และจะตายลงในที่สุด

    เมื่อปะการังตาย โครงสร้างหินปูนที่ถูกฟอกขาวก็จะค่อยๆ มีสีหม่นมัวลงเนื่องจากตะกอนน้ำและสาหร่ายทะเลชนิดอื่นๆ ลงเกาะกิน และครอบคลุมพื้นที่แทน ปะการังตายเหล่านั้น ก็จะค่อยๆ ผุพังลง เหมือนบ้านร้างเมืองร้างที่ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย

    ซึ่ง ณ บัดนี้ อุณหภูมิของน้ำทะเลทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ก็ได้กลับคืนสู่ภาวะปรกติเนื่องจากเข้าสู่ฤดูมรสุม และเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ปะการังฟอกขาวคงไม่ขยายวงออกไปอีก แต่ก็ไม่ทราบว่า จะสามารถฟื้นตัวคืนชีวิตกลับมาได้มากน้อยเท่าใด


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=center>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ผลกระทบของการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลจะต้องลดลงไป

    เพราะแนวปะการังเป็นเสมือนหัวใจของท้องทะเล เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล เป็นแหล่งอาหาร ที่หลบภัย แหล่งเผยแพร่เผ่าพันธุ์ ปลาและสัตว์ทะเลหลายชนิด กินตัวปะการังเป็นอาหาร

    เช่น ปลากลุ่มปลาผีเสื้อ และสัตว์ทะเลอื่นๆ ซึ่งปลาและสัตว์ทะเลเหล่านี้ ก็คงจะลดปริมาณลงไป ปลาอื่นๆ ที่กินกันเป็นลูกโซ่ ก็คงจะหาอาหารยากขึ้น หาที่อยู่อาศัยยากขึ้น ก็อาจจะลดปริมาณตามลงไป

    เรือประมงก็คงจะหาปลายากขึ้น อาหารทะเลก็จะมีราคาสูงขึ้นไปด้วย สำหรับผลกระทบด้านการท่องเที่ยว หากแนวปะการังเสื่อมโทรม ลดความสวยงามลงไป หรือมีสัตว์ทะเลให้ดูให้ชมลดน้อยลง นักดำน้ำก็อาจจะมีปริมาณน้อยลงไปด้วย ธุรกิจดำน้ำก็อาจจะซบเซาลง

    เรือบริการดำน้ำก็คงจะมีลูกค้าลดลง ลูกเรือ ไดฟ์ลีดเดอร์ พนักงานอัดอากาศ พ่อครัว เรือรับจ้าง หรือแม้แต่คนขายข้าวปลาอาหารที่เป็นเสบียงลงเรือ ก็จะได้รับผลกระทบันไปหมด

    ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวนั้น แม้นจะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล แต่มนุษย์ก็คงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้ เพราะต้นเหตุของอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นก็เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ซึ่งมนุษย์ล้วนเป็นผู้ก่อขึ้นทั้งนั้น

    การเยียวยาแก้ไขปะการังฟอกขาว คงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เกินกำลังความสามารถของมนุษย์ คงต้องรอเวลาให้ธรรมชาติเยียวยารักษาตนเอง

    แต่เราท่านจะสามารถช่วยกันป้องกันการเกิดขึ้นครั้งใหม่ได้ด้วยการลดปัจจัยที่จะทำให้เกิดภาวะโลกร้อนกันคนละไม้คนละมือ การร่วมมือร่วมใจในมาตรการประหยัดพลังงาน ลดการสร้างมลพิษในอากาศ ลดการใช้ทรัพยากรบนผืนโลกด้วยการใช้ทุกสิ่งให้คุ้มค่า

    เริ่มต้นจากตัวเราก่อน ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ก็คงจะช่วยชะลอความเสื่อมโทรมของแนวปะการังและปรากฏการณ์ภัยธรรมชาติลงได้บ้าง ช่วยกันเถอะครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  6. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ความสำคัญของแนวปะการัง


    1. แนวปะการังบริเวณชายฝั่งและแนวปะการังแบบกำแพงจะทำหน้าที่ป้องกันชายฝั่งจากการกัดเซาะของคลื่น กระแสน้ำโดยตรง ถ้าไม่มีแนวปะการังนี้ชายฝั่งทะเลจะถูกคลื่นลมทะเลทำลายอย่างรุนแรงทุกครั้ง


    2. แนวปะการังเป็นตัวสร้างทรายให้กับชายหาด โดยเกิดจากการสึกกร่อนของโครงสร้างหินปูนจากคลื่นลมและสัตว์บางชนิด

    3. แนวปะการังเป็นแหล่งอาหารมนุษย์ เพราะมีสัตว์ที่อยู่ในแนวปะการังมากมายเช่น ปลาหมึก หอย กุ้ง แมงกะพรุน ฯลฯ

    4. สารพิษบางอย่าง ซึ่งสัตว์ทะเลในแนวปะการังสร้างเพื่อป้องกันตัวเองนั้น สามารถนำมาสกัดใช้ทำยาได้ เช่น ยาต้านมะเร็ง เป็นต้น

    5. แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตที่สวยงามใต้ท้องทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญยิ่ง

    สาเหตุและผลกระทบปัญหา การเสื่อมโทรมของแนวปะการัง

    การเสื่อมโทรมตามธรรมชาติ

    1. คลื่นรุนแรงที่เกิดโดยลมพายุ

    2. สัตว์ทะเลบางชนิดกัดกินปะการังเป็นอาหาร เช่น ปลานกแก้วกัดกินโครงแข็งของปะการัง

    3. สัตว์ทะเลบางชนิดกินเนื้อเยื้อของแนวปะการัง เช่น ปลาดาวหนาม

    การเสื่อมโทรมของปะการังตามธรรมชาติ ไม่สร้างความเสียหายร้ายแรง เพราะปะการังสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ ทันการทำลาย


    การเสื่อมโทรมจากการกระทำของมนุษย์

    1. การเก็บปะการังเป็นที่ระลึก ปะการัง 1 กิ่งที่ถูกหักเก็บไปเป็นของที่ระลึกนั้นต้องใช้เวลาสร้างนานนับร้อยปี

    2. การทิ้งสมอเรือและถอนสมอในแนวปะการังเป็นการทำลายแนวปะการังที่รุนแรงที่สุดเพราะสมอเรือจะกระแทกครูดแนวปะการังให้แตกหักเสียหาย

    3. การปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนริมทะเล ทำให้น้ำทะเลขุ่น ไม่ใส่สะอาดเป็นเหตุให้ปะการังตาย

    4. การระเบิดปลา เป็นการทำลายปะการังที่รุนแรง

    5. การทิ้งขยะในทะเล เช่น ขวดแก้ว กระป๋อง ถุงพลาสติก ทำให้แนวปะการังเสียหาย
    <!-- InstanceEndEditable -->


    www.rmuti.ac.th/user/thanyaphak/Web%20EMR/Web%20IS%20Environment%20gr.3/page12_tem.htm
     
  7. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>มวลอากาศเย็นปกคลุไทยตอนบนทะเลจีนใต้ภาคใต้ฝนตกชุก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.

    บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า


    สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวัง การเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย

    ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศา

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศา
    ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา

    ภาคตะวันออก อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด ประมาณ 23 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตุล อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร


    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา
    <!--อ่านล่าสุด คน-->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ปภ.ระนองสั่งเฝ้าระวังดินเลื่อนไหล/ดินโคลนถล่ม </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายชาสันต์ คงเรือง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนองเปิดเผยว่า

    ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในเขตพื้นที่จังหวัดระนองตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 2553 ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่สภาพดินอยู่ในลักษณะอุ้มน้ำเต็มที่ เสี่ยงที่จะเกิดสภาวะดินเลื่อนไหล และดินโคลนถล่ม ทาง สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง จึงได้สั่งเฝ้าระวังดินเลื่อนไหล และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย ตามลาดเชิงเขาต่างๆ พร้อมทั้งประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับพื้นที่ ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด หรือหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมิสเตอร์เตือนภัย กรมอุตุนิยมวิทยา ให้แจ้งเตือนหรือช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

    <DD>
    จังหวัดระนองมีพื้นที่เสี่ยงภัยที่เกี่ยวกับดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก ใน 5 อำเภอ คือ

    อ.เมือง อ.กระบุรี อ.ละอุ่น อ.กะเปอร์ และอ.สุขสำราญ รวม 28 ตำบล 84 หมู่บ้าน โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอกระบุรี และอำเภอละอุ่นได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนของน้ำตกนั้นมี 6 แห่ง ได้ประสานกับอุทยานแห่งชาติต่าง ๆ ในการเฝ้าระวังน้ำป่า หรือแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นพื้นที่ทางน้ำไหลผ่าน

    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>หวั่นเขื่อนปราณฯวิกฤต!น้ำแห้ง ใช้ประหยัดถึงฝนหน้า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ประจวบฯ - นายไพบูลย์ ยงค์ประดิษฐ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี

    เปิดเผยว่า ขณะที่ทุกภาคเกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายจังหวัดของประเทศ แต่ในส่วนของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในปีนี้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงมาหลายเดือนจนถึงปัจจุบัน แหล่งเก็บกักน้ำเขื่อน ปราณบุรีมีปริมาณน้ำต่ำกว่า 32% ส่งผลกระทบโดยตรงกับการใช้น้ำช่วงฤดูแล้งอย่างแน่นอน ความเสียหายจะครอบคลุมใน 5 อำเภอ เนื่องจากเขื่อนปราณบุรีต้องจ่ายน้ำให้กับพื้นที่บริการประกอบด้วย อ.หัวหิน อ.ปราณบุรี อ.สามร้อยยอด อ.กุยบุรี และอ.เมือง เพื่อใช้ในการเกษตร อุปโภคบริโภค ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีอยู่กว่า 20 โรง ขณะนี้เขื่อนปราณบุรี มีปริมาณน้ำ 112 ล้านลบ.ม. แต่น้ำที่ปล่อยไปให้ใช้ได้แค่เพียง 94 ล้านลบ.ม.เฉพาะการอุปโภคบริโภค

    นายไพบูลย์ กล่าวว่า ด้านการส่งน้ำเขื่อนปราณบุรีกำหนดจัดส่งน้ำให้ครั้งละ 3 วัน ทั้งหมด 9 วัน

    โดยจะส่งน้ำจากเขื่อนลงคลองส่งน้ำสายใหญ่ ต้องใช้น้ำไปกว่า 11 ล้านลบ.ม. ถ้าหากยังส่งน้ำอย่างนี้ ถึงสิ้นเดือน พ.ย.แล้วน้ำมีไม่ถึง 100 ล้านลบ.ม. จะไม่สามารถส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้เกินเดือนละ 10 ล้านลบ.ม. น้ำจะหมดในประมาณเดือนพ.ค. ต้องบริหารน้ำให้ได้ถึงเดือน ส.ค.หรือก.ย. ถ้ายืดเวลาเอาไว้ให้ได้ 10 เดือนจึงจะปลอดภัย เพื่อรอรับฝนหน้า ฤดูนาปรังนี้ข้าว อ้อยและพืชอื่นๆ ใช้น้ำไม่ได้ เพราะถ้าให้ไปน้ำจะหมดในเดือนมี.ค.จะทำให้ทั้งคนทั้งพืชตายหมด ขอความร่วมมือช่วยกันควบคุมดูแลน้ำไปให้ได้จนถึงฤดูฝนปีหน้าหรือจนถึงเดือนส.ค.จึงผ่านวิกฤต ไปได้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อังกฤษเผชิญหนาวจัดเป็นประวัติการณ์ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด ซึ่งปกคลุมอังกฤษ

    ทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ เช่นเดียวกับเวลส์และไอร์แลนด์เหนือต้องเผชิญอากาศหนาวเย็นจัด โดยเครื่องวัดอุณหภูมิในเวลส์ ลดต่ำลงอยู่ที่ลบ 18 องศาเซลเซียส และที่เมืองลอช ฟี ในไอร์แลนด์เหนือ อุณหภูมิลดลงลบ 9.5 องศาเซลเซียส

    ขณะที่ สกอตแลนด์ เครื่องวัดอุณหภูมิลดลงลบ 15.3 องศาเซลเซียส และที่อังกฤษ มีอุณหภูมิติดลบถึง 13.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเขตนอร์ธ ยอร์คเชียร์

    ด้าน นายสตีฟ วิลลิงตัน หัวหน้าฝ่ายพยากรณ์อากาศของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาในอังกฤษ

    ออกคำเตือนประชาชนว่า ยังมีหิมะตกหนักในสกอตแลนด์ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ ซึ่งปริมาณหิมะตกสะสมสูงถึง 10 นิ้ว และคาดว่า หิมะกับสภาพอากาศหนาวจะยังปกคลุมเกาะอังกฤษต่อไปอีกหลายวัน

    นอกจากนั้น นายวิลลิงตัน กล่าวต่อไปว่า ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ จะมีลมกระโชกแรง และจะรู้สึกความหนาวเย็นมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม เมืองบรามาร์ในสกอตแลนด์ ยังคงเป็นเมืองที่มีอุณหภูมิต่ำที่สุดของสหราชอาณาจักรในเดือนพฤศจิกายน โดยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนปีพุทธศักราช 2462 อุณหภูมิติดลบถึง 23.3 องศาเซลเซียส.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    30 พ.ย. 53


    ปีแห่งการเตรียมตัว 2011

    ธรรมชาติได้เตือนเราว่า ความไม่ปลอดภัยของคนเราเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น
    ดังนั้นในปีหน้า พวกเราคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในด้านลบมากขึ้น

    ผมได้เริ่มเตรียมการสร้างบ้านน็อคดาว์นเพื่อที่จะนำไปประกอบใช้ที่ฐานผาแบ่น
    คิดว่าเลยช่วงปีใหม่ไปแล้วคงได้นำขึ้นไปใช้

    แนวร่วมที่ได้เข้ามาแล้วในช่วงเวลานั้นก็ควรจะซื้อแผ่นปูนสำเร็จรูปไปวางไว้ใน
    ที่ๆจะวางเต็นท์นอน เพื่อความพร้อมของแต่ละครอบครัว คงจะไม่คอยแนวร่วม
    รายใหม่เข้ามาช่วยในส่วนนี้ ขอให้พึ่งตัวเองก่อนเพื่อความไม่ประมาท

    ขอให้แนวร่วมเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วย




    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหว 6.9 ริคเตอร์นอกชายฝั่งทางใต้ของญี่ปุ่น

    [​IMG]

    โตเกียว 30 พ.ย.-เกิดแผ่นดินไหว 6.9 ริคเตอร์ที่หมู่เกาะโบนินทางใต้ของญี่ปุ่น แรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารขนาดใหญ่กลางกรุงโตเกียวสั่นไหว แต่ไม่มีรายงานการเกิดคลื่นสึนามิ

    สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น รายงานว่าแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายตามเวลาท้องถิ่น ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากชายฝั่งทางใต้ของญี่ปุ่น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน.-สำนักข่าวไทย

    วันอังคาร ที่ 30 พ.ย. 2553

    การซ้อมรบร่วมสหรัฐ เกาหลีใต้ดำเนินต่อไปอย่างเต็มที่

    [​IMG]

    โตเกียว 30 พ.ย.-บรรษัทกระจายเสียงของญี่ปุ่น (เอ็นเอชเค) รายงานว่าการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้ในทะเลเหลืองยังคงดำเนินต่อไปอย่างเต็มที่ ท่ามกลางความตึงเครียดจากเหตุการณ์เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะของเกาหลีใต้เมื่อ 1 สัปดาห์ที่แล้ว

    สหรัฐส่งเรือรบและเครื่องบินรบประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ยูเอสเอสจอร์จ วอชิงตัน พร้อมอากาศยาน 70 ลำ เรือพิฆาตติดระบบเอจิส 4 ลำ เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 และเครื่องบินโจมตีเอ-10 ส่วนเกาหลีใต้ส่งเรือพิฆาตติดระบบเอจิสและเครื่องบินขับไล่เอฟ-15 ร่วมซ้อมรบ

    การซ้อมรบเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 2 ในกำหนด 4 วันของการซ้อมรบได้จำลองสถานการณ์ว่ามีศัตรูรุกล้ำน่านน้ำและน่านฟ้าของเกาหลีใต้ จึงส่งกำลังเข้าสกัดกั้นอากาศยานที่เข้าโจมตีเรือของสหรัฐ และเกาหลีใต้ ขณะที่สื่อของเกาหลีใต้รายงานว่ากองทัพอากาศสหรัฐส่งเครื่องบินอำนวยการรบทางอากาศรุ่นอี-8 เข้าร่วมซ้อมรบครั้งนี้ด้วย

    การซ้อมรบครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันความตั้งใจของกองทัพทั้งสองประเทศ ว่าจะร่วมมือกันในระดับทวิภาคีและป้องปรามการยั่วยุของเกาหลีเหนือ.-สำนักข่าวไทย

    วันอังคาร ที่ 30 พ.ย. 2553

    เกาหลีใต้เสริมกำลังปืนใหญ่-เครื่องยิงจรวดบนเกาะยอนพยอง

    [​IMG]

    โซล 30 พ.ย.-เกาหลีใต้นำเครื่องยิงจรวดและปืนใหญ่เข้าประจำการเพิ่มเติมบนเกาะชาย แดนที่ถูกเกาหลีเหนือยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ผู้นำของเกาหลีใต้ให้คำมั่นว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะต้องชดใช้ หากกระทำการยั่วยุเกาหลีใต้ครั้งใหม่

    ช่างภาพจากสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เห็นทหารมากเป็นพิเศษบนเกาะยอนพยอง และเห็นเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องกำลังถูกติดตั้ง ขณะที่สำนักข่าวยอนฮัพรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ทหารเปิดเผยว่า ได้นำปืนใหญ่อัตตาจรกระสุนวิถีโค้งรุ่นเค-9 เข้าประจำการบนเกาะแห่งนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 6 กระบอก เป็น 12 กระบอก

    เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงถึงแผนการซ้อมรบด้วยกระสุน จริงในวันนี้ และบอกประชาชนให้เข้าหลบภัยในบังเกอร์ แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาได้ประกาศว่า ไม่ซ้อมรบ และกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลผิดพลาด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทหารบอกกับสำนักข่าวยอนฮัพว่า มีแผนซ้อมรบจริง แต่เลื่อนออกไปก่อน โดยยังไม่ทราบเหตุผลที่แน่ชัด

    ประธานาธิบดีลี มยอง-บัก ผู้นำเกาหลีใต้ กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำสอง ซึ่งถ้าเกาหลีเหนือยั่วยุเกาหลีใต้อีก เกาหลีเหนือจะต้องชดใช้ เขากล่าวถึงการระดมยิงเกาะยอนพยองเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าเป็นการก่ออาชญากรรม ต่อมนุษยชาติ รัฐบาลเกาหลีใต้ให้คำมั่นจะเพิ่มความเข้มแข็งทางทหารบนเกาะ 5 แห่งที่ตั้งอยู่ชายแดน ขณะที่รัฐสภากล่าวว่า กองทัพต้องการงบประมาณ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า เพื่อซื้ออาวุธเพิ่ม.-สำนักข่าวไทย

    วันอังคาร ที่ 30 พ.ย. 2553

    เกาหลีเหนือเผยกำลังเดินเครื่องอุปกรณ์หมุนเหวี่ยงหลายพันเครื่อง

    [​IMG]

    โซล 30 พ.ย. - สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่าเกาหลีเหนือกำลังเดินเครื่องอุปกรณ์หมุนเหวี่ยงหลายพันเครื่องที่โรงเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม โดยอ้างว่าเป็นโครงการพลังงานเพื่อประชาชน

    สำนักข่าวเกาหลีเหนือรายงานอ้างบทบรรณาธิการจากหนังสือพิมพ์โรดงซินมุนของพรรครัฐบาลว่า เกาหลีเหนือกำลังอยู่ในขั้นตอนการเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์พลังน้ำ และเพื่อรองรับปริมาณความต้องการ จึงเดินระบบเสริมสมรรถนะยูเรเนียมแบบใหม่ด้วยอุปกรณ์หมุนเหวี่ยงหลายพันเครื่อง. -สำนักข่าวไทย

    วันอังคาร ที่ 30 พ.ย. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,277
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,490
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ดร.สมิทธ เผยเชื่อคำทำนายโหรวารินทร์ เกรง 30ธ.ค. เกิดคลื่นยักษ์สึนามิครั้งใหญ่ รุนแรงกว่าที่ผ่านมา
    รายงานข่าวแจ้งว่า ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยถึงสถานการณ์นํ้าท่วมที่ผ่านมาว่า เชื่อว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เพราะมีความผิดปกติจากสภาวะโลกร้อน ทำให้มีปริมาณฝนที่ตกลงมามากกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่ระดับน้ำฝนที่ตกลงมาสามารถรู้ล่วงหน้าได้ตลอดเวลา
    ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีการประกาศเตือนอยู่ตลอดเวลา แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับข้อมูลมาจากกรมอุตุฯ เพื่อนำข้อมูลไปแจ้งเตือนให้กับประชาชนได้รับทราบนั้น ไม่ได้มีการทำงานเท่าที่ควร ซึ่งหากปัญหานี้ไม่มีการแก้ไข เหตุการณ์น้ำท่วมก็จะเกิดขึ้นอย่างนี้ต่อไปและจะมีแนวโน้มที่จะหนักขึ้นทุกปี
    ขณะเดียวกัน ดร.สมิทธ กล่าวถึงกรณีที่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าของฉายา โหรคมช. หมอดูชื่อดังแห่ง จ.เชียงใหม่ ทำนายในวันที่ 30 ธันวาคม 2553 จะเกิดสึนามิครั้งใหญ่ที่ฝั่งอันดามัน ว่า ตนไม่สามารถพูดได้ว่าวันที่ 30 ธ.ค.53 นี้จะเกิดสึนามิขึ้นหรือไม่ เพราะไม่มีใครที่จะระบุวันที่เกิดสึนามิขึ้นได้แน่นอน

    อย่างไรก็ดี ต้องเชื่อคำพูดของ โหรวารินทร์ เนื่องจากหากวันที่ 30 ธ.ค.เกิดสึนามิขึ้นมาจริง ก็จะทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากก็ได้ แต่ตนต้องยอมรับว่า ไม่มีแต่แค่มีนักวิชาการจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศไอร์แลนด์เหนือที่ออกมา ทำนายว่าจะเกิดสึนามิอย่างแน่นอน โดยจะเกิดตั้งแต่จังหวัดระนอง , จังหวัดสตูล , จังหวัดพังงา ที่จะได้รับผลกระทบหนักมากที่สุดและรุนแรงมากกว่าเดิม

    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เผยประเทศที่เป็นเกาะวิตกจะสิ้นชาติเพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>แคนคูน 30 พ.ย.- นายอันโตนีโอ มอนเตโร ลิมา ผู้แทนจากสาธารณรัฐเคปเวิร์ดเปิดเผยในที่ประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของสหประชาชาติวันนี้ว่า

    หลายประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะกำลังเผชิญวิกฤตการสิ้นชาติ อันเนื่องมาจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เว้นแต่ว่าทั่วโลกจะพร้อมใจใช้มาตรการอันเข้มแข็งเพื่อชะลอการเกิดภาวะโลกร้อน

    นายลิมา รองประธานสหพันธ์ประเทศกลุ่มหมู่เกาะขนาดเล็ก (เอโอเอสไอเอส)

    แถลงต่อสื่อมวลชนว่า คิริบาตี ตูวาลู หมู่เกาะคุก หมู่เกาะมาร์แชลล์และมัลดีฟส์เป็นประเทศที่เสี่ยงต่อการสูญสิ้นประวัติศาสตร์มากที่สุด ประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะหลายประเทศเปิดเผยว่า คลื่นพายุหมุนยกซัดฝั่งกำลังกัดกร่อนชายฝั่งหลายแห่ง ทำให้น้ำทะเลไหลเข้าไปยังพื้นที่เพาะปลูกและปนเปื้อนน้ำสะอาด โดยในระยะยาว หลายประเทศเป็นกังวลว่า ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอาจทำให้ประเทศของพวกเขาหายไปจากแผนที่

    กลุ่มเอโอเอสไอเอสย้ำความต้องการที่ว่า การประชุมดังกล่าวซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 พ.ย. - 10 ธ.ค.นี้ ในเมืองแคนคูนของเม็กซิโก

    จะช่วยทำให้บรรลุข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายภายในสิ้นปี 2554 เพื่อควบคุมไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ คณะกรรมการวิทยาศาสตร์สภาพอากาศของสหประชาชาติระบุในรายงานเมื่อปี 2550 ที่ผ่านมาว่า ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นราว 18-59 ซม. ภายในศตวรรษนี้ โดยระดับน้ำทะเลสูงขึ้นราว 17 ซม.ในศตวรรษที่ 20 อันเนื่องมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล.-สำนักข่าวไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ปภ.ระนองสั่งเฝ้าระวังดินเลื่อนไหล/ดินโคลนถล่ม </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายชาสันต์ คงเรือง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนองเปิดเผยว่า

    ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในเขตพื้นที่จังหวัดระนองตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 2553 ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่สภาพดินอยู่ในลักษณะอุ้มน้ำเต็มที่ เสี่ยงที่จะเกิดสภาวะดินเลื่อนไหล และดินโคลนถล่ม ทาง สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง จึงได้สั่งเฝ้าระวังดินเลื่อนไหล และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย ตามลาดเชิงเขาต่างๆ พร้อมทั้งประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับพื้นที่ ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด หรือหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมิสเตอร์เตือนภัย กรมอุตุนิยมวิทยา ให้แจ้งเตือนหรือช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

    <DD>
    จังหวัดระนองมีพื้นที่เสี่ยงภัยที่เกี่ยวกับดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก ใน 5 อำเภอ คือ

    อ.เมือง อ.กระบุรี อ.ละอุ่น อ.กะเปอร์ และอ.สุขสำราญ รวม 28 ตำบล 84 หมู่บ้าน โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอกระบุรี และอำเภอละอุ่นได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนของน้ำตกนั้นมี 6 แห่ง ได้ประสานกับอุทยานแห่งชาติต่าง ๆ ในการเฝ้าระวังน้ำป่า หรือแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นพื้นที่ทางน้ำไหลผ่าน

    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ดร.สมิทธ เสนอปรับปรุงระบบเตือนภัยป้องกันน้ำท่วม

    [​IMG]

    ดร.สมิทธ ธรรมสโรช เสนอปรับปรุงระบบเตือนภัยใหม่จะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ พร้อมเสนอนายกรัฐมนตรีผลักดันปัญหาน้ำท่วมเป็นวาระแห่งชาติ

    ที่โรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ "โครงการ เหลียวหลัง แลหน้า น้ำท่วมปักธงชัย ปีหน้าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่" ถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในอนาคตว่า

    ปัญหาน้ำท่วมอาจเกิดขึ้นทุกปีก็ได้ แต่ถ้าระบบการแจ้งเตือนภัยไม่มีประสิทธิภาพย่อมมีความเสียหาย มองว่าน้ำท่วมธรรมดาไม่สมควรมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 คน หรือทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก ถ้ารู้ล่วงหน้าจะสามารถเตรียมตัวป้องกันได้ทัน แต่ทำไมไม่ทำ ทำไมไม่เตือนล่วงหน้า และคนที่มีอำนาจสั่งการก็ไม่มีอำนาจ เช่น จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปสั่งกองทัพไม่ได้ เพราะการทำงานแบบนี้ผู้บริหารระดับประเทศต้องเป็นผู้สั่งการ หรืออย่างน้อยต้องเป็นระดับรัฐมนตรี

    ซึ่งเรื่องอย่างนี้นายกรัฐมนตรีต้องลงมาแก้ปัญหาเอง และจัดทำเป็นวาระแห่งชาติเหมือนกับที่ต่างประเทศทำ เพราะข้อมูลน้ำท่วมสามารถรู้ล่วงหน้าได้ตลอดเวลา สถิติมีบอกอยู่แล้ว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานถ่ายทอดข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาไปยังหน่วยงานต่างๆ นอกจากนี้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว มีเครื่องมือ อุปกรณ์พร้อม แต่ไม่มีการถ่ายทอดข้อมูลนี้ของกรมอุตุนิยมวิทยาไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีการบอกล่วงหน้า ถ้าบอกล่วงหน้าให้ประชาชนอพยพไปในที่สูง ความสูญเสียจะน้อยลง ดังนั้นรัฐบาลต้องแก้ไขตรงจุดนี้

    โดยการแก้ไขระบบการเตือนภัย การแจ้งเตือนภัย และข้อมูลในการเตือนภัย กรมอุตุนิยมวิทยาก็ต้องบอกอย่างละเอียดด้วยว่า ฝนตกตรงจุดไหน เช่นบอกว่าฝนจะตก 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นพื้นที่ตรงไหนบ้าง และพื้นที่อีก 30 เปอร์เซ็นต์ตรงไหนจะไม่ตก มันต้องบอกให้ชัดเจน ฉะนั้นข้อมูลในการเตือนภัยต้องแน่นอน ละเอียด ถี่ถ้วน และต้องรวดเร็วมีประสิทธิภาพ จะทำให้เกิดความสูญเสียลดน้อยลง

    ส่วนการเกิดสึนามิในประเทศไทยนั้น มีนักวิชาการหลายคนทำนายไว้ว่าจะเกิดสึนามิใกล้จังหวัดระนองมากที่สุดไปจนถึง จ.สตูล พังงา จะมีผลกระทบรุนแรงมากกว่าเดิม ซึ่งเรื่องนี้เป็นการเตือนก็เตือนได้ แต่เตือนไม่ให้คนตื่นตระหนกตกใจ ฉะนั้นภัยธรรมชาติพี่น้องประชาชนอย่าประมาท และเตรียมรับมือไว้ และอยากฝากว่าอย่าไปเถียงกันว่าอีกกี่ปีจะเกิด แต่ควรจะเถียงกันว่าจะเกิดหรือไม่เกิด แล้วถ้ามันเกิดแล้วจะทำอย่างไร ซึ่งทางออกนายกรัฐมนตรี ต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นนโยบายแห่งชาติ ความเสียหายจะน้อยลง

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
    <!-- Share button -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เรียนรู้วิถีพอเพียงในงาน “สัปดาห์เศรษฐกิจพอเพียง”</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>30 พฤศจิกายน 2553 15:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) จัดงาน “สัปดาห์เศรษฐกิจพอเพียง พระคุณพ่อสูงสุดมหาศาล” ระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค. นี้ ที่พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีทั้งการถ่ายทอดความรู้หลักสูตรต่างๆ เพื่อการพึ่งพาตนเอง ตลาดนัดพลังงานทางเลือก และตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) หรือ พกฉ. เชิญชวนเข้าร่วมงาน “สัปดาห์เศรษฐกิจพอเพียง พระคุณพ่อสูงสุดมหาศาล” ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในระหว่างวันที่ 3-9 ธันวาคม 2553 เนื่องในวโรกาสมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม และเพื่อเป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณ และพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของชาวไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะด้านการเกษตร จนเกิดเป็นโครงการต่างๆ มากมาย

    โดยภายในงาน จะมีการถ่ายทอดความรู้เพื่อการพึ่งพาตนเอง วิชาพึ่งพาตนเอง ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กว่า 10 หลักสูตร อาทิ การทำนาโยนกล้าแบบเกษตรอินทรีย์ การทำสบู่เหลวธรรมชาติ โซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าและสูบน้ำแบบประหยัด การสกัดน้ำมันพืชแบบบีบเย็น เป็นต้น โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้แนะนำ ให้ความรู้ และฝึกปฏิบัติ

    สำหรับนิทรรศการภายนอกอาคาร สามารถเรียนรู้ต้นแบบการเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงหลากหลายรูปแบบ เช่น แปลงต้นแบบ 1 ไร่ 1 แสน เกษตรเมืองสำหรับคนพื้นที่น้อย ส่วนนิทรรศการภายในอาคาร จะจัดแสดงผลงานที่ชนะการประกวดร้อยกรอง ร้อยแก้ว เรียงความ บทความ และภาพวาด ในหัวข้อที่เกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    และในวันที่ 4-5 ธันวาคม จะจัดเป็นโซนตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นทั้งตลาดนัดความรู้ แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและเกษตรอินทรีย์จากวิถีการผลิตแบบพอเพียง เช่น ข้าวพันธุ์พื้นบ้าน เครื่องเงินทำมือ เครื่องสำอางธรรมชาติ เป็นต้น

    นอกจากนี้ก็ยังมีลานปากท้อง ที่จะจำหน่ายอาหารแปรรูปและอาหารพื้นบ้านนานาชนิด และตลาดนัดพลังงานทางเลือก ที่สามารถเข้าชมและเรียนรู้นวัตกรรมทางด้านพลังงานทางเลือกจากผู้ผลิตโดยตรง

    ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 0-2509-2212

    ที่มา http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000169002
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    30 พ.ย. 53


    ปรับกลยุทธ

    เมื่อสักครู่ (20.10น.) ผมได้เรียนหน่วยเหนือไปว่า ตามที่ผมได้เปิดฐานผาแบ่น
    เพื่อท่ี่จะรองรับคนดีมีศีลธรรมเข้ามาอยู่แต่ปรากฎว่าผลงานยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่
    ควรทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก คนส่วนใหญ่ยังมีตัวติดตัวเสียดายอยู่อีกทั้งยังกลัวการ
    หลอกลวงของเหล่ามิจฉาชีพ ที่แฝงเข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์ ผมจึงคิดว่าผมจะ
    ขายบ้านแถวรามอิทราซึ่งผมได้ช่วยพี่สาวซื้ออยู่ครึ่งหนึ่ง นำเงินมาทำการสร้าง
    ฐานผาแบ่นให้สมบูรณ์เพื่อทีจะรองรับผู้คนก่อน เพราะผมกลัวจะไม่ทันกาล
    ส่วนหน่วยเหนือจะมีความเห็นเช่นไร?คงต้องรอดูสัญญาณ




    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ภัยพิบัติสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 6.6 ล้านล้านบาท

    [​IMG]

    ซูริก 30 พ.ย. - ภัยพิบัติทางธรรมชาติและที่มีสาเหตุมาจากการกระทำของมนุษย์ สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจทั่วโลก คิดเป็นมูลค่า 222,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 6.6 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ มากกว่าปีที่แล้ว 3 เท่า

    บริษัท สวิส รี ซึ่งเป็นบริษัทรับประกันภัยต่อแห่งใหญ่ที่สุดของโลก กล่าวว่า ภัยพิบัติครั้งใหญ่ในปีนี้คร่าชีวิตผู้คน 260,000 คน ซึ่งจำนวนมากเกิดจากแผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 222,000 คน แต่ถึงแม้ความสูญเสียทางเศรษฐกิจในปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว 3 เท่า แต่ผลกระทบต่อบริษัทประกันภัยเพิ่มขึ้นเพียง 34% จากปีที่แล้ว โดยคิดเป็นเงินที่จะต้องจ่ายประกัน 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากภัยพิบัติส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภูมิภาคที่ทำประกันน้อย

    นายโทมัส ฮี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัท สวิส รี กล่าวว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศชิลีและนิวซีแลนด์ รวมถึงพายุฤดูหนาวในยุโรปตะวันตก เป็นเหตุภัยพิบัติที่ทำให้บริษัทประกันต้องจ่ายเงินมากที่สุด ส่วนแผ่นดินไหวในเฮติและอุทกภัยในเอเชีย แม้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก แต่แทบไม่มีผู้ทำประกันไว้

    นายโทมัส ระบุว่า เฉพาะแผ่นดินไหวที่ชิลีแห่งเดียว ทำให้อุตสาหกรรมต้องจ่ายเงินประกันก้อนใหญ่ที่สุดถึง 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนพายุฤดูหนาวในยุโรป ทำให้บริษัทประกันจ่ายเงิน 2,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนแผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์ ต้องจ่ายเงิน 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ภัยพิบัติจากน้ำมันรั่วไหลที่แท่นขุดเจาะของบริษัท บีพี ในอ่าวเม็กซิโก ทำให้บริษัทประกันต้องจ่ายเงินประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตัวเลขจะยังคงสูงกว่านี้ได้อีก. - สำนักข่าวไทย

    วันอังคาร ที่ 30 พ.ย. 2553

    ดินถล่มและน้ำล้นตลิ่งที่เวเนซุเอลาคนตาย 21 คน

    [​IMG]

    การากัส 1 ธ.ค.-ชาวเวเนซุเอลาหลายพันคนอพยพออกจากบ้านเรือน หลังเกิดดินถล่มและน้ำในแม่น้ำล้นตลิ่ง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 21 คน และเสี่ยงจะเกิดความเสียหายมากขึ้นอีก

    สภาพอากาศเลวร้ายทำให้โรงกลั่นน้ำมันใหญ่ที่สุด 2 แห่งของเวเนซุเอลาต้องหยุดทำงานเกือบทั้งหมด ฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้หลายคนนึกถึงเหตุดินถล่มปี 2542 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 10,000 คน ดินถล่มล่าสุดกลบทับบ้านเรือน ยวดยานและถนนหนทาง ผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะดินถล่ม บางส่วนเสียชีวิตเพราะถูกน้ำล้นตลิ่งซัด รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 รัฐและกรุงการากัส ยกเลิกการเรียนการสอนและเปิดศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยจำนวนมาก คาดว่าฝนจะตกต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 3 วัน

    ชาวบ้านในย่านยากจนของกรุงการากัสเข้าแถวยาวเหยียดรอลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าพักตามสถานที่พักพิงชั่วคราวที่รัฐบาลเปิดให้พักตามโรงแรม ที่ทำการรัฐบาลและแม้แต่ทำเนียบประธานาธิบดี ประมาณว่ามีชาวบ้านต้องอพยพออกจากบ้าน 5,600 คน ด้านบรรษัทพัฒนาแอนเดรีย ธนาคารเพื่อการพัฒนาในภูมิภาคได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเวเนซุเอลาแล้ว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,000 ล้านบาท).-สำนักข่าวไทย

    วันอังคาร ที่ 30 พ.ย. 2553

    ผู้นำรัสเซียเตือนอาจเกิดการแข่งขันสั่งสมอาวุธครั้งใหม่

    [​IMG]

    มอสโก 30 พ.ย. - ประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย เตือนว่าจะเกิดการแข่งขันกันสั่งสมอาวุธครั้งใหม่ในทศวรรษหน้า หากรัสเซียและตะวันตกไม่ทำข้อตกลงร่วมมือกันสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธ

    ผู้นำรัสเซีย แถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภานานกว่าชั่วโมง เรียกร้องให้กระชับความร่วมมือกับสหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) เพราะความตึงเครียดจะก่อตัวอย่างรวดเร็ว หากข้อเสนอของตะวันตกเรื่องร่วมกันสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธไม่บรรลุผลเป็นรูปธรรม ซึ่งจะบีบให้รัสเซียต้องเพิ่มแสนยานุภาพทางทหาร และจะเกิดการแข่งขันกันสั่งสมอาวุธรอบใหม่

    ผู้นำรัสเซีย เห็นพ้องกับข้อเสนอขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เรื่องร่วมมือกันสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธ แต่ข้อเสนอดังกล่าวยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง และรัสเซียต้องการมีสิทธิมีเสียงที่เท่าเทียมกับสมาชิกนาโต ในการประเมินภัยและการตอบโต้. - สำนักข่าวไทย

    วันอังคาร ที่ 30 พ.ย. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ถ้าต้องอพยพจะไปไหนดี ?
    โดย sutatip_b

    [​IMG]

    [​IMG]
    วัดธรรมยาน ก่อสร้างโดย พระอาจารย์วิรัช เจ้าอาวาส ซึ่งตั้งอยู่ ณ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์
    [​IMG]
    อุทยานมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งก่อตั้งโดยแรงศรัทธาของคุณ สรพงษ์ ชาตรี
    ตัวเองเพิ่งได้เข้ามาสัมผัสเว็ปพลังจิต ภัยพิบัติ ในปี ๒๕๕๐ ขออนุโมทนาทุกท่านที่มีจิตกุศลปิดทองหลังพระมาเนิ่นนาน......

    คือเตรียมตัวเรื่องที่คนทั่วไปไม่สน ไม่อยากได้ยิน ไร้ปัญญาพิจารณา อย่างมุ่งมั่น โดยไม่ได้ขอให้ใครเชื่อ ไร้ลาภสักการะ ขอเพียงแต่ได้ทำ เพราะคิดว่าเป็นบัญชาติดตัวมาว่านี่คือหน้าที่ เขาคิดว่าโลกจะล่มจมเลยจ้ะ ชนิดที่ว่าสงครามโลก ยิงนิวเคลียร์ใส่กัน เพลทเทคโทนิคกระเทือนแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด แกนโลกเคลื่อน ที่สุดคือประเทศไทยจมน้ำไปครึ่งประเทศ ตายไปกว่าครึ่งนั่นแหละ เวลาก็ไม่ใกล้ไม่ไกล สามเดือนถึงสองปี

    คล้ายๆได้เลขหวยมาจากในฝันน่ะ แต่ไม่รู้จะออกงวดไหน
    ถ้าคุณเพิ่งมาแถวนี้แล้วได้อ่านบทความนี้ ก็แปลว่าคุณมีบุญเยอะแล้ว ถ้าคุณคิดว่าฟังไว้ดีกว่าไม่ฟัง เตรียมไว้ดีกว่าไม่เตรียม คุณก็มีบุญเยอะจริงๆ ขออนุโมทนา เพราะเล่าให้คนงานที่บ้านฟังวันนี้ เขาบอกว่าฝันเห็นเลขยังไปซื้อหวยเลย คนดีๆ หลวงพ่อดีๆมาเตือนจะมาโกหกเล่นทำไม ถ้าเตรียมแล้วเหตุไม่เกิดก็มีเสบียงไว้กินเอง ถ้าเกิดโลกาวินาศไม่ได้เตรียม ถ้าตายเร็วก็แล้วไป กลัวไม่ตายกับตายช้าแต่ไม่ได้เตรียมนี่แหละ

    เตรียมใจ ถ้ามันเกิดอย่างน้อยเราก็พร้อม ถ้ามันไม่เกิ
    ดก็ถือว่าซ้อมมือ หัดมองวิกฤตให้เป็นโอกาส คนที่จะรอดแล้วไม่บ้าคือคนที่มองตรงนี้ได้ (จากประสบการณ์ treat ผู้ประสบภัยสึนามิ) เสร็จแล้วฝึกใจ หัดสวดมนต์ทุกวัน อิติปิโสก็ได้ ลองตี๊ต่างว่าเห็นคนตายเยอะๆ พอจะกลัวก็สวดมนต์เลย ฝึกไว้ถ้าเห็นจริงๆจะได้ประคองสติอยู่ หรือถ้าเราเกิดจะต้องตายนึกสวดมนต์เสียก็คงไปเกิดที่ดีๆ

    เตรียมกาย เราเดินขึ้นบันไดไหวไหม เดินสองร้อยเมตรห
    อบรึเปล่า เบาหวานความดันเพียบ กินแต่จั้งค์ฟู้ดที่แกะจากซอง ถ้าเป็นอย่างนี้หัดเดินเพิ่มสมรรถภาพ เริ่มจากวันละ ๑๕ นาที ขยับเป็น ๓๐ นาที คิดเสียว่าถ้าน้ำมันรถหมดลงแล้วหาซื้อไม่ได้คงต้องเดิน หัดอาบน้ำเย็น หัดกินของที่ได้จากธรรมชาติ เช่นถั่วเขียวต้มแทนโปรตีนสัตว์ ข้าวสวย ผัก (ซื้อเมล็ดไว้เพาะ) ข้าวโอ็ต (ซื้อเก็บตุนได้) หัดลูกให้กินของพวกนี้ทีละน้อย หัดนอนปิดแอร์ หัดหายใจลึกๆช้าๆ ให้ถึงก้นปอดเพิ่มสมรรถภาพการรับอ็อกซิเจน

    เตรียมแผน ถ้ามันเกิด ฟ้าแดงเป็นสีเลือดสองสามวันเราจะไปละ ทรัพย์สมบัติบ้านช่องต้องไม่เสียดายนะถ้าจะเอาชีวิตรอด เขาให้ไปตามรอยพระบาทหรือวัดที่อยู่ที่สูงเพราะอยู่ใกล้ผู้มีศีลมีโอกาสรอดสูง ที่จะได้รับการคุ้มครอง ช่วงนี้ลองไปกราบพระนอกกรุงเทพหน่อย เอาทางโคราชหรือเลยนครสวรรค์ขึ้นไปก็ได้ ถ้าจะไปอาศัยอยู่กับท่านจะได้ไม่เคอะเขิน ไม่แนะนำให้อยู่บ้านเพราะจะถูกปล้นฆ่าชิงน้ำและอาหาร

    เตรียมของ ตอนนี้ฟ้ายังไม่แดง ให้เตรียมพระเครื่องที่นั
    บถือ เสื้อผ้าออกสนามซักง่าย รองเท้าหุ้มส้นใส่เดิน ถุงเท้า ชั้นใน ผ้าขนหนู โสร่งอาบน้ำหรือผ้าขาวม้า หวี สบู่ ยาสีฟัน มีดสนาม ผ้าห่ม เสื้อหนาๆกันหนาว หมวก ร่ม เสื้อฝน ผ้าพลาสติก ยาประจำตัว ไฟฉายและถ่านสำรอง เชือก สมุดโน้ตและดินสอ แผนที่ประเทศไทย ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ ขันน้ำ ถังน้ำเล็กและกะละมังซักผ้า หม้อเล็ก ไม้ขีดไฟ ใส่ถุงพลาสติกกันน้ำมัดปาก เทียน หรือตะเกียงบวกน้ำมันตะเกียง ถ้ามีถุงนอนและเต้นท์ก็ดี ผ้าพลาสติก วิทยุใส่ถ่าน สะสมถุงก็อบแก็บด้วย (ไว้ใส่อุจจาระผูกโยนทิ้งจ้ะ) ถ้ามีรถให้หาเตาปิกนิกเล็ก ๑ ชุด จอบเสียมอย่างดี และถุงมือผ้า

    เตรียมอาหาร เช่น กล้วยตาก ลูกเกด ผลไม้แห้ง ข้าวสาร น้ำตาล ถั่วเขียว ข้าวโอ๊ต น้ำดื่ม จะกินอะไรก็ขนไป

    คุยกันในเว็ปพลังจิตนานแล้ว จำไม่ได้ว่าใครเขียน แต่ยืนยันข้อมูลว่าอัพเดทค่ะ เรื่องการอพยพคงไม่มีปัญหามากสำหรับผู้เตรียมความพร้อม ทั้งร่างกาย จิตใจและสติปัญญา ซึ่งคงจะเป็นกลุ่มคนเพียงน้อยนิดที่จะมีโอกาสรอดจากภัยพิบัติ แต่ ปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านทั้งหลายได้แสวงหาที่พักอาศัยที่จะอพยพไปอยู่ได้เป็นหลักฐานมั่นคงแล้วหรือยัง เพราะยังไม่มีท่านผู้ใดกล่าวถึงเลย

    เพราะการอพยพไปครั้งนี้ หมายถึงการสละละทิ้งที่อยู่ปัจจุ
    บันของท่าน ในกรุงเทพและปริมณฑลไปอย่างถาวร ไม่ใช่การไปพักแรมหรือออกค่ายแค่ไม่กี่วันและเมื่อก่อนถึงเวลาจริงๆ ต้องถามกันวันนี้ก่อนว่า "จะอพยพไปไหนกัน"

    ท่านจะต้องทิ้งการงาน โรงเรียนของลูกๆ ไปไกลจากความเจริญขอ
    งโลกแสงสี จากสังคม ท่านไม่สามารถจะเข้าไปอยู่ในหัวเมืองใหม่ ที่อยู่ห่างไกลออกไปได้ เพราะจะมีสภาพเกือบไม่ต่างกับกรุงเทพฯ การไปตั้งรกรากอยู่อย่างถาวร จำเป็นต้องมีปัจจัยหลายอย่างเพื่อความอยู่รอด นอกเหนือปัจจัย 4 แล้วยังต้อง มีแหล่งพลังงาน แหล่งน้ำ แหล่งอาหาร อาจจะต้องรวมถึงอาวุธยุทธภัณฑ์ไว้ป้องกันตัวด้วย เพราะคงจะหวังพึ่งใครในยามนั้นคงลำบาก

    การอพยพที่เป็นกระบวนทัศน์และมีจุดมุ่งหมาย จะต้องมีความ
    ชัดเจนในที่จะไปอยู่อาศัยจริงๆ น่ะ..............ท่านได้เตรียมไว้แล้วหรือยัง จะได้ไม่ฉุกละหุก โกลาหล อย่าไปคาดหวังในน้ำบ่อหน้าเชียวนะเพราะเวลานั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นใครกันแล้ว ทางที่ดีความจะเกาะกลุ่มกันไปหาสถานที่ตามที่เราต้องการ แล้วเริ่มทำการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อรองรับอนาคตที่ใกล้มาถึงเสียก่อน คนเดียว ครอบครัวเดียว คงจะไปไม่น่าจะรอด ก็ขอฝากข้อสังเกตไว้เท่านี้ก่อน

    ...ที่อพยพ ใกล้สุดคงเป็นวัดหลวงพ่อโตของคุณสรพงษ์ ชาตรี บนถนนมิตรภาพเลยฟาร์มโชคชัยไปหน่อย ท่านทราบกันหมดแล้วว่าเมื่อภัยมาคนจะมาพึ่งบารมีสมเด็จโตกันมาก สาธุ

    อีกที่ถ้าไปได้ เรียนเชิญที่หลวงพ่อวิรัช สำนักสงฆ์ ธรรมยาน จ. เพชรบูรณ์ กม. 178 เส้นไปจ. เพชรบูรณ์ เลี้ยวซ้ายมีป้ายหน้าปากทาง รับรองได้เป็นหมื่นคนเอาเครื่องนอนไปเอง เดินทางเพียงสามชม. จากหน้าธรรมศาสตร์ เส้นอยุธยาไม่แนะนำเพราะถนนต่ำค่ะ

    วันนี้มีเมล์มา ถามว่าถ้ามีภัยพิบัติเตรียมตัวยังไง มีเงินติดตัวเท่าไหร่ดี (น่าตี ไม่อ่านหนังสือ ให้อ. เฉลยข้อสอบ) ขอตอบเมล์ วางแผนไว้ก่อน ว่าถ้าต้องออกจากบ้านจะไปไหน ถ้ายังไม่มีที่แนะนำวัดสมเด็จโต ของคุณสรพงษ์ ชาตรีที่ปากช่อง รับคนได้เป็นหมื่น ไปรถขับเองหรือรถทัวร์ ลองเส้นทางก่อน ไปเยี่ยมก่อนภัยมา

    เกิดภัยก็ตาย... ไม่เกิดก็ตาย...รวยก็ต้อง
    ดินกลบหน้า.. ไม่รวยสุดท้ายก็ต้องกลบหน้า..แต่คนรวยอาจไม่มีแผ่นดินจะนอนหลับตา (เฝ้าเสื้อแดงบุกกรุงมาสามวันแล้ว เหลืออดแล้ว ขอกระแทกเสียหน่อยค่ะ)

    เตรียมเป้หลังใบเก่ง เอกสารสำคัญ อาหารแห้ง น้ำ
    ดื่มสักลิตร เสื้อกางเกงขายาวแขนยาวซักง่าย (ฝ้าย) สักสองชุด ยาประจำตัว ยาสามัญ ไฟฉาย ถ่านไฟฉายสำรอง พระเครื่อง แผนที่ สมุดดินสอ นกหวีด เงินสักห้าพันก็พอ คนอื่นที่ไม่รู้ไม่มีเงินติดตัวเลย

    ถ้าเป็นเขื่อนแตก คลื่นยักษ์รู้แล้วคว้าเป้ไปก่อนเลย รอดแล้
    วจะทำอะไรก็ได้ สองมือ สองเท้า จิตบริสุทธิ์ ตั้งมั่นในความดี มีเมตตา ขวนขวายในกิจท่าน มีคนต้อนรับเสมอ ท่านอื่นจะตอบข้อสอบว่าไงคะ เชิญ เชิญ เชิญ

    15 มีนาคม พ.ศ.2553

    sutatip_b ฝ่ายประสานงานเพื่อการเตือนภัย

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 44.jpg
      44.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.6 KB
      เปิดดู:
      1,800
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.4 KB
      เปิดดู:
      1,846
    • DSC-1616.JPG
      DSC-1616.JPG
      ขนาดไฟล์:
      63 KB
      เปิดดู:
      98
    • DSC-1618.JPG
      DSC-1618.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51 KB
      เปิดดู:
      1,788
    • DSC-1636.JPG
      DSC-1636.JPG
      ขนาดไฟล์:
      68.7 KB
      เปิดดู:
      100
    • DSC-1645.JPG
      DSC-1645.JPG
      ขนาดไฟล์:
      174.2 KB
      เปิดดู:
      100
    • koraj_03.jpg
      koraj_03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.5 KB
      เปิดดู:
      106
    • koraj_04.jpg
      koraj_04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.6 KB
      เปิดดู:
      104
    • koraj_08.jpg
      koraj_08.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.9 KB
      เปิดดู:
      109
  17. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขอบคุณ คุณเกษมค่ะ ที่เอาข้อความของ อ.ไก่ มาโพสต์อีกครั้ง เป็นการเตือนใจน่ะค่ะ
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิเคราะห์และตีความจาก"พุทธทำนายในศิลาจารึก"

    [​IMG]

    พุทธทำนายที่นำมาลงที่เวบ metteya.org นี้เป็นต้นฉบับ แต่จะไม่ถือว่าถูกหรือถือว่าผิด ขึ้นอยู่กับผู้อ่านจะพิจารณากันเอง

    ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธทำนายต้นฉบับนี้ เมื่อ พ.ศ. 2540 มีีท่านเจ้าคุณฯ วัดบวรนิเวศวิหาร หรือ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และผู้ใหญ่ระดับสูงหลายท่าน และอาจารย์ที่จุฬาฯ ได้จัดทำตามฉบับที่ไปคัดลอกมาจาก ประเทศอินเดีย และ metteya.org จะแสดง พ.ศ. ตามด้วยปี ที่แก้ไขแล้วกำกัับไว้ด้วย

    สำหรับการแปลความหมายในตัวบทพุทธทำนาย อาจไม่เหมือนของท่านอื่นๆ ก็ถือว่าเป็นความเข้าใจของทาง metteya.org ในการจัดทำเอง ซึ่งท่านใดนำข้อมูลไปใช้ ขอได้ทบทวนตามอัธยาสัย

    การทำความเข้าใจพุทธทำนาย จำเป็นต้องศึกษาและวิเคราะห์เรื่องราวที่เกี่ยวข้องต่างๆ ตั้งแต่สมัยที่พระพุทธองค์ยังมีพระชนชีพอยู่ และเหตุการณ์ในปัจจุบันตามที่พระผู้มีพระภาคตรัสช่วงเวลาต่างๆ ที่จะเกิดเหตุกาณ์นั้นๆขึ้น แต่สืิ่่งหนึ่งที่ท่านผู้อ่านควรยอมรับข้อเท็จจริงในเรื่องภาษาที่ใช้ี่เขียนในสมัยพระพุทธเจ้าู่นั้น เป็นภาษาเก่าที่ได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงมาหลายทอดหลายสมัย กว่าจะมาถึงปัจจุบัน ความชัดเจนของการแปลความอาจ ไม่ตรงทีเดียวกับความเข้าใจดั้งเดิม ซึ่งความจริงนี้จะเห็นได้ว่า แม้แต่การแปลความจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งในปัจจุบันด้วยกัน ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้

    นอกจากนี้ พระผู้มีพระภาคยังตรัส ถึงช่วงเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นๆ ขึ้นในปัจจุบันนี้ โดยนับจากเวลาที่ี่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว (พ.ศ.) ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ก่อนว่า ที่องค์การวิชาการทางพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์หลายแห่ง ทำไมบ่งว่า พ.ศ. ไทยยังไม่ถูกต้อง ฉะนั้นจะต้องหาความเป็นจริงว่า พ.ศ. ไทยผิด-ถูกอย่าไร แค่ไหนก่อน

    เพื่อให้เห็นความชัดเจนในเรื่อง พ.ศ. จะนำเอาแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ยกมาเป็นตัวอย่างว่า ไม่มีความตรงกันดังนี้

    1. UNESCO agrees with the fact that Siddhartha Gautama was born in 623 B.C (์Nirvana 543 BCE)
    2. The Cambridge and Oxford histories of India accept 483 B.C as the date of Buddha’s nirvana. He was 80 years old when he died, so this puts his birth year at 563 BCE
    3. In January 2006 an Indian historian challenged the historical assertion that Buddha was born between 560-624 BCE. He cites evidence that Buddha was born in 1887 BCE

    อ้างอิง: Astrology Explorer: Solving the Controversy of Year of Birth of Gautama Buddha through Astrology

    การวิเคราะห์พุทธศักราช ไทยว่าผิด-ถูกอย่างไร

    การที่ พ.ศ.ไทยใช้ 543 + กับปี ค.ศ. นั้นมีหลักฐานปรากฏอยู่ในสีหฬภาษาไหม่ีจริง แต่ไมมีปรากฏในสีหฬภาษาเก่า เรื่องนี้อาจเป็นข้อมูลหนึ่งที่องค์การวิชาการด้านพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์นั้นๆ ยกขึ้นเป็นประเด็นไม่ยอมรับ พ.ศ. ไทย ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีหลักฐานอื่นๆ ที่ขัดแย้งกับ พ.ศ. ไทย

    สำหรับเรื่อง พศ. ที่เวบ metteya.org มี ปธ.๙ และ อาจารย์หลายท่าน ได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวในพระไตรปิฎก เรื่องราวในพระพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์อินเดียและกรีก หลักฐานโบราณคดีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันแล้ว สรุปงานการวิจัยว่า พ.ศ. ที่ควรมีความถูกต้องเป็นเช่นไร และได้ทดลองนำไปใช้ในพุทธทำนาย เห็นว่ามีความสอดคล้องกันกับเหตุการณ์ในปัจจุบันจริง มีความเป็นเหตผล นอกจากนี้ยังมีความสอดคล้องกับคำพยากรณ์ของมายันและอเมริกันอินเดียนเมื่อประมาณ 3000 ปีมาแล้ว และยังสอดคล้องกับคำทำนายโลกอื่นๆ เกี่ยวกับการมาปรากฏของพระธรรมมิกราช ทำให้เกิดศรัทธาในพุทธทำนายยิ่งขึ้น แต่เรื่องนี้ใครจะเห็นเป็นอย่างอื่นก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล

    การวิเคราะห์ พ.ศ. ไทย มีหลายวิธี จะขอยกตัวอย่างการวิเคราะห์์โดยหา พ.ศ. ที่แท้จริงด้วยการใช้นับจากเวลาของการสังคยานาดังนี้

    ขอเริ่มด้วยการสังคายนาครั้งที่ 3 กระทำหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ไปแล้ว 234 หรือ 235 ปี หลังจากพระเจ้าอโศกมหาราช ขึ้นตรองราชแล้ว 16 - 17 ปี หรือสรุปว่า 218 ปี หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน จากประวัติศาสตร์ของอินเดียและกรีกและในช่วงพระเจ้าอโศกมหาราช สรุปได้ว่าพระเจ้าอโศกมหาราชขึ้นครองราชประมาณ 269 ฺBCE ฉะนั้นสรุปได้ว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานเมื่อ 487 BCE. โดยประมาณ และถ้าจะมีพุทธทำนายฉบับอื่นใดที่แตกต่างไปจากพุทธทำนายต้นฉบับนี้ เวบ metteya.org ไม่ขอแสดงข้อคิดเห็นใดๆ

    เนื้อเรื่องในพุทธทำนาย

    โดยที่คณะธรรมทูตไทย ผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระศรีมหาโพธิ์ที่ประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ( ไม่ต้องปรับแก้ ) ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ทำนายจากศิลาจารึกเขตมหาวิหารในสวนมฤคทายวัน แปลได้ดังนี้ "สาธุ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาแก่สัตว์โลก ซึ่งเกิดมาล้วนแต่ลำบากยิ่งนัก ในคราวที่พระองค์ไกล้ถึงพระชนมายุย่างเข้าพระปรินิพานตามกาลเวลา จึงตรัสแก่พระอานนท์ผู้ศิษย์อันสนิทพากเพียรพยาบาลว่า

    ดูกรอานนท์ สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาล้วนแต่ลำบากทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติที่หมุนเวียนของโลก โลกหมุนไปใกล้ความแตกทำลายจนถึงสมัยที่ตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๕๐๐๐ ปี เมื่อโลกไปใกล้กึ่งจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้ ( คือ ก่อนปี ๒๕๐๐ ปี หรือ ก่อน พ.ศ. 2548 ) มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทิศเสียครึ่งหนึ่ง ( สิ่งนี้ถ้าจะเดา น่าจะหมายถึง ก่อนปี พ.ศ. 2548 มาแล้ว ผู้คนครึ่งหนึ่งของโลกจะได้รับภัยพิบัติเสียครึ่งหนึ่ง )

    พ.ศ. 2533 – 2563 : ช่วงในระยะ ๓๐ ปี สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบเห็น ยักษ์หิน ถูกสาป (แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ) ให้หลับก็กลับตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งหนัก เมื่อใกล้กึ่งศาสนาของตถาคต ก็ทวีภัยใหญ่ขึ้นทุกทิพาราตรี และมนุษย์นอกศาสนาก็จะรบราฆ่าฟัน กันถึงเลือดนองแผ่นดินและแผ่นน้ำ แม้ในอากาศก็มี อำนาจภัยจากฟ้าทุกทิศานุทิศ ไฟจะลุกลามเผาผลาญมนุษย์ไม่ขาดระยะต่างฝ่ายต่างทำลายกันย่อยยับเหมือนยักษ์ กระหายเลือด แผ่นดินแผ่นน้ำจะเดือดเป็นไฟ และตายกันไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรา ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยของยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งกำเนิดมจากสัตว์ป่าอำมหิต

    ( อธิบาย : ผูู้้มีพระภาคตรัสเกี่ยวกับก่อนกึ่งพุทธกาล หรือปี 2500 หรือ ก่อน พ.ศ. 2548 ว่า ก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ผู้คนนอกศาสนาพุทธ ได้สู้รบกัน และที่รู้จักดีคือทั้ง สงครามโลกครั้งที่ 1 และที่ 2 ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก แม้การต่อสู้ทางอากาศ มีลูกระเบิดจากเครื่องบินทำให้เกิดเป็นเพลิงเผาพลานไปทั่ว ทางพื้นน้ำก็มีการสู้รบกันทางเรือ ทั้งสองฝ่ายต่างเสียชีวิตเป็นอันมาก และแล้วก็เลิกรากัน )

    ส่วนศาสนิกชนผู้ขวนขวายในทางบุญตามเดิม วัจนะของตถาคต ก็จะสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดที่เคารพสักการะพระศรีมหาโพธิ์และ กาสาวพัสตร์จะได้รับวิบัติเบาบางลง แต่จะหนีธรรมชาติไม่พ้น ( พระผู้มีพระภาคตรัสถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่กล่าวแล้วข้างต้นว่า มนุษย์ต้องเผชิญภัยพิบัติต่อไป )

    เริ่มแต่ศาสนาตถาคตล่วงมาได้ ๒๔๘๕ ปี ( พ.ศ. 2533 ) เป็นต้นไป ไฟจะลุกมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม ( อธิบาย : พระสงฆ์ ครูอาจารย์ทางพุทธศาสนาเสื่อมลงตามทีพระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว ศาสนาและลัทธิอื่นเข้ามาเผยแพรในแดนพระพุทธศาสนา่ เดียรถีย์เพิ่มพูล ) สมณชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ ( จากการวิเคราะห์ อาจเดาว่า พระผู้มีพระภาคน่าจะตรัสถึง สมณชีพราหมณ์ ที่ประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จะอดยากยากเข็ญ เพราะไม่มีผู้นิยม ) คนบ้านจะเข้าป่า ( อธิบาย : คนในเมืองบุกรุกป่า มีทั้งจับจองที่ดิน และหาผลประโยชน์จากป่า ) สัตว์ป่าจะเข้ากรุง ( สัตว์ป่าไม่มีทีหากิน เข้ามาหากินตามไร่สวนรบกวนผู้คน ) เมืองหลวงจะร้อนเป็นไฟ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทรจะชอกช้ำ ( เกิดมลพิษต่างๆ )

    สงครามจะทั่วทิศ ( สงครามในรูปแบบต่างๆ จะเกิดขึ้นมากมาย ) ศึกจะติดเมือง ( สงครามนั้นๆ อยู่ในเมืองนี่เอง ) ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง ( คอร์รัปชั่นจักเกิดมาก ) ปราชญ์เปรื่องจะสิ้นสูญ ( คนดีมีวิชาความรู้ไม่มีปากเสียง ) ราชตระกูลอำมาตย์ ราษฎรทุกคนจะพากันถืออำนาจไม่เป็นธรรม ไม่เคารพหลักธรรม โดยปรวนแปรนิยมเชื่อถือถ้วยคำของคนโกง คนกล่าวคำเท็จ คนประจบสอพลอ ย่อมได้รับการเชื่อถือในท่ามกลางสังคมสันนิบาต ( อธรรมจะได้รับการยกย่อง เชื่อถือ )

    ผู้ดีมีศีลธรรมประพฤติชอบไม่มีเสียง ( ผู้ยึดถือพระธรรมะจะวางอุเบกขา ) จะเกิดการจลาจลวุ่นวาย ลูกจะพลัดแม่ แม่จะพลัดจากลูก ( ลูกและพ่อแม่จะแยกกันอย ู่) โคกจะเป็นน้ำ ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองทรงเมืองจะเข้าไพร เทวดาจะเรียกแมลงบี้เหล็กโกฏิหนึ่งผีเสื้อแสนหนึ่งมาปล่อยแสนหนึ่งมาปล่อย ไข้เป็นไฟผลาญ ( สรุปว่าเมืองหลวงจะเต็มไปด้วยสิ่งไม่ดีต่างๆ นาๆ )

    ( ในส่วนต่อไปนี้ ได้สรุปมาจากการศึกษาพระสูตรและเรื่องราวเกี่ยวกับพระศรีอาริยเมตไตรย [ พระศรีอารย์ ] และคำพยากรณ์ต่างๆ ซึ่งกล่าวไว้ตรงกัน ซึ่งการวิเคราะห์สรุปได้ว่าเป็นทางสองแพร่ง ซึ่งตรงกับการทำนายของโลก ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว )

    ทางสองแพร่งเป็นอย่างไร ที่ได้มาจากการวิเคราะห์วิจัยตามหลักฐานและวิชาการ สรุปคือ

    1. ทางที่หนึ่งเกิดสันติสุขขึ้น โดยการนำของพระศรีอารย์ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในส่วนต่อไป พระศรีอารย์เป็นพระจักรพรรดิ ไม่ใช่ศาสดา ศาสนาพระศรีอารย์จึงไม่มี พระศรีอารย์จะมานำผู้คนสร้างสันติสุข และช่วยให้เป็นคนดีมีศีลธรรม ทุกคนจักมีกินมีใช้ มีที่อยู่อาศัยไม่ลำบาก กิจการงานก็ไม่ต้องแข่งขัน มีการชวยเหลือซึ่งกันและกันตามพรหมวิหาร 4 เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้คนก็จะทำอะไรไม่รีบร้อน ไม่ต้องแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน

    ทุกคนมีสติ มีสมาธิ เกิดปัญญากันทั่วหน้า เพื่อการปรับเข้าสู่ยุคทองที่มีคนดีทั้ง 4 ส่วน เหตุการณ์นี้จักเกิดอย่างช้าสุดในปี พ.ศ. 2555 ถ้าสิ่งดีงามไม่เกิดในปีนี้ ปี พ.ศ. 2556 ก็จะเกิดโลกาวินาศ ซึ่งคำทำนายโลกต่างๆ และมายันยังทำนายละเอียดถึงวันโลกาวินาศไว้ที่ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งคงไม่ได้ต่างอะไรมากนักกับปี พ.ศ. 2556 ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เรื่องนี้ไม่สนับสนุนให้ใครเชื่อ แต่นำมาแสดงไว้ตามข้อมูลของพุทธทำนาย

    2. ทางที่สอง ถ้าผู้้คนไม่สนใจการมาปรากฏของพระศรีอารย์ ก็จะเกิดโลกาวินาศขึ้นบนโลก ในปี พ.ศ. 2556 (ทำไมถึงต้องเกิดโลกาวินาศ การเป็นเช่นนี้เพราะคนในปัจจุบัน มีคนดีเพียง 1 ใน 4 ของประชากรโลก ดังนั้นโลกาวินาศที่จะเกิดขึ้นเพื่อล้างโลก ล้างคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรม และคัดเฉพาะคนดีเข้าสู่ยุคทอง นอกนั้นจะถูกส่งไปนรกภูมิ [ เรื่องดังมีกล่าว มีในพยากรณ์ของโลกที่สามารถค้นหาเองได้ ทั้งของชาวมายัน และของศาสนาต่างๆ ที่ได้กล่าวไว้ตรงกัน จนเป็นที่น่าสังเกตุว่า ทำไมคำทำนายเหล่านี้ต่างทั้งเวลาและสถานที่ ถึงได้กล่าวเป็นคำทำนายไว้ตรงกัน ] )

    เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงมาได้ ๒๕๐๗ ( ปีมะโรง พ.ศ. 2555 ) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน ( อาจจะเกิดพายุสุริยะพัดเข้ากระหน่ำโลก หรือขั้วแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกกลับขั้วอย่างกระทันหัน จนแรงโน้มถ่วงของโลกเสียสมดุล ผู้คนบนโลกล้มลุกคลุกคลาน )

    ล่วงได้ ๒๕๐๘ ( ปีมะเส็ง พ.ศ. 2556 ) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล ( น่าจะเกิดโลกาวินาศ ถ้าผู้คนไม่สนใจพระศรีอารย์ และมนุษย์ยังถูกซ้ำเติมต่อไปในปี พ.ศ. 2560 ผู้มีศีลธรรมจะอยู่รอด )

    ล่วงได้ ๒๕๑๒ ( ปีระกา พ.ศ. 2560 ) เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ บุคคลเจริญด้วยเมตตา กรุณา ไม่เบียดเบียนข่มเหงอิจฉาพยาบาทและไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม และยึดถือคาถาของตถาคตจะพ้นภัยพิบัติ

    ให้เจริญภาวนาดังนี้ "หิตะชิราทัน มันกะโลอังคะ ศิลากะละสา สาสะสะติ โหตะถิ โหคะหะคะเน" ให้ท่องบ่นภาวนาเป็นนิจ ให้จดอักษรใส่กระดาษหรือผ้าขาวปิดไว้หน้าบ้าน หัวนอน หรือพันศรีษะไว้ สารพัดภัยพินาศ สันติประสิทธิ์

    ดูกรอานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์โลกเป็นล้นพ้นที่มีอายุขัยอยู่ได้ไกล้ยุคกึ่งยุคลลาย

    เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงมาได้ ๒๕๑๒ ( ต่อจากปลายปีระกา ปีจอ พ.ศ. 2560 ) พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก ครั้นล่วงได้ ๒๕๑๕ ( ปีชวด พ.ศ. 2563 ) นับพ้นระยะปี ๓๐ ปี ( จาก พ.ศ. 2533 - 2563 ) พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก อธรรมแพ้ในที่สุด ( เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2563 )

    ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร คนที่จรจะกลับเข้ากรุงบำรุงธรรม ธรรมจะชนะ พระจะอยู่บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ ( ตรงกับพยากรณ์อื่น เช่นในระหัสลับดาวินซี ) ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนแรงผู้ใด ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรมและชีวิตผาสุก

    ส่วนนี้พระผู้มีพระภาคตรัสถึง พระมหาเถรโพธิิสัตว์ และพระธรรมมิกราช ดังมีความดังนี้

    มหากษัตริย์ธรรมิกราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์ องค์หนึ่งจะเกิดภายในความอุปภัมถ์ของพระมหาเถระโพธิสัตว์ ( การตีความ แสดงว่า พระธรรมมิกราช นั้นอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหาเถรโพธิสัตว์ ) ทั้งสององค์นั้น จะจัดการบำรุงศาสนาของตถาคต ในระยะนี้เป็น "ยุคศิวิไล" ( ตรงคำทำนายโลกอื่นๆ และสมเด็จพุฒาจารย์ [ โต ] พรหมรังสี )

    พระมหาเถระโพธิสัตว์ จะเกิดในสมัยของตถาคตล่วงมาแล้ว ๒๔๕๔ ปี (พ.ศ. 2502 ) เมื่อล่วงได้ ๒๔๖๗ ถึง ๒๔๘๖ ( พ.ศ. 2515 - 2534 ) พระมหากษัตริย์ธรรมิกราชจะมาเกิด

    ทั้งสองพระองค์นั้นสถิตอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชฌิมประเทศ ( อธิบาย : พระโพธิสัตว์สองพระองค์จะอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชณิมประเทศ หรือกล่าวได้ว่าเป็นไปในภาคกลางของประเทศเขตชมพูทวีป หรือทวีปของพระพุทธศาสนา มาทางทางตะวันออกที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เมืองที่ประทับดังกล่าวคือ กรุงเทพมหานครฯ ของประเทศไทย )

    ระหว่างปีจอปีกุน เมื่อศักราช ๒๕๑๓ กับ ๒๕๑๔ ( พ.ศ. 2561 – 2562 ) ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้นจะเสด็จเข้าบำรุงศาสนาให้เที่ยงแท้สมณชีพราหมณ์ จะเสด็จมา ๘๔,๐๐๐ รูป

    ดูกรอานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที ( ยกของเดิมมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2556 - 2563 = 30 ปี ) พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก ( นี่ี่คือคำตอบ "เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที" เพราะพวกไม่มีศีลธรรมได้หมดไปจากโลกหมดแล้ว )

    คำทำนายของตถาคตนี้ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ใน ความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อ ๆ ไป นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา ผู้ใดปรารถนาจะได้เห็นหรือทันมีบุญ ให้รักษา ศีลห้าประการหนึ่ง ยำเกรงบิดามารดา รู้จักบุญคุณท่านผู้มีคุณหนึ่ง ให้เจริญภาวนาในพรหมไตรสภาพหนึ่ง คาถาว่าดังนี้

    พุทธิทุกขัง อนิจจัง อนัตตา นโมสัพพราชา ขัตติโย อิติ ปารมิตา ตึสา อิติ สัพพัญญุมาคตา อิติ โพธิ มนุปปัตโต อิติปิโส จ เต นโม"

    ที่มา http://www.metteya.org/

    ขอเชิญอ่านคำทำนายเรื่องของภัยพิบัติ โดยสมเด็จพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี ได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ

    http://www.dannipparn.com/discuz/viewthread.php?tid=357
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2010
  19. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    1 ธ.ค. 53


    ความกังวล

    วันนี้หลานจิ๊บได้เมลล์และโทรฯมาคุยในช่วงเย็นพร้อมกัน ได้แจ้งให้ผมทราบ
    เรื่องเบื้องบนของหลานได้เตือนลงมาว่าให้ระวังปีหน้าและให้ขึ้นก่อนสัก 3-4
    เดือนแต่ยังไม่ทราบเวลาขึ้นที่แน่นอน (ให้ขึ้นหลังจากข้างล่างถูกกวาด) ผม
    ได้ปลอบใจว่าหน่วยเหนือคงให้เวลาอีก 1ปี ท่านคงไม่ใจร้ายนัก แต่พวกเรา
    ก็ต้องเตรียมตัวให้เร็วและพร้อมให้มากที่สุด

    วันนี้ผมได้เริ่มสั่งเหล็กเข้ามาเพื่อที่จะสร้างบ้านน็อคดาน์ว ผมคิดว่าคงใช้เงิน
    ประมาณหกหมื่นบาทน่าจะอยู่ขนาดบ้านก็กว้างสี่ยาวห้าเมตรส่วนขาของปั้ม
    โยกได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว



    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ข่าวจากชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลก: UCSA

    [​IMG]

    เรื่อง อย่าตื่นตกใจกับข่าวลือร้ายๆเรื่องภัยพิบัติ
    เรียน สมาชิกชมรม UCSA และเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย
    อ้างถึง ข่าวลือร้ายๆเรื่องคลื่นยักษ์สึนามิจะถล่มภาคใต้ในวันที่ 30 ธันวาคม 2553

    ตามที่มีผู้กล่าวอ้างว่า จะเกิดมหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิถล่มภาคใต้ของไทย โดยจะเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งชายทะเลด้านตะวันออก คือ อ่าวไทย และฝั่งทะเลด้านตะวันตก คือ อันดามัน ในเวลาระหว่างเที่ยงคืนถึงตีสองของเช้าวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และด้ามขวานจะหักจมทะเลตั้งแต่ชุมพรยันนราธิวาส แล้วแจ้งให้รีบอพยพผู้คนโดยด่วน ซึ่งมีการเผยแพร่ข่าวร้ายนี้ไปทั่วจนสร้างความตื่นกลัวแก่พี่น้องเป็นจำนวนมาก และมีผู้นำข่าวสารนี้สอบถามไปยังชมรมของเรากันแทบทุกวัน ​

    เราจึงขอเรียนมายังท่านทั้งหลายเพื่อทราบโดยทั่วกันว่า ความทราบถึงท่านประธานชมรม คือ อาจารย์ปริญญาผู้เป็นองค์ความรู้ของพวกเราแล้ว ท่านเมตตาให้แจ้งมายังท่านทั้งหลายในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล “พระผู้ทรงเริ่มต้นและสิ้นสุดแห่งทุกสรรพสิ่ง” ความว่า​

    1.สึนามิจะไม่เกิดขึ้นในวันเวลาที่มนุษย์ “คาดเดา” คือ เที่ยงคืนถึงตีสอง ของวันที่ 30 ธ.ค.2553 นั้นแน่นอน โดยคลื่นยักษ์จะไม่มีวันกระโจนเข้าสู่แผ่นดินทั้งสองฝั่งพร้อมกันจนทำให้แผ่นดินตั้งแต่ชุมพรยันนราธิวาสจมหายไปใต้ทะเลตามข่าวลือเด็ดขาด​

    ในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล อาจารย์ยืนยันว่าทุกๆภัยที่จะเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ เป็นปฏิบัติการชำระโลกโดยช่างเท็คนิค (เจ้ากรรมนายเวร) เป็นผู้กระทำเมื่อพระองค์ทรงเห็นเหมาะสมให้กระทำเท่านั้น พวกเขาจะกระทำให้เกิดมหันตภัยร้ายๆโดยพละการเองไม่ได้ และถ้าจะเกิดเหตุร้ายจริงๆ จะไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกที่จะได้รับอนุญาตให้ล่วงรู้ก่อนใครอื่น!!!​

    2.ไม่ต้องอพยพผู้คนหนีภัยคลื่นยักษ์สึนามิ และแผ่นดินด้ามขวานที่มันจะจมภายในสิ้นปีหรอก เพราะมันเป็นแค่เพียงข่าวลือเท่านั้น!!!

    ในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล ผู้ขันอาสามาทำหน้าที่ชี้ทางไปนิพพานและแจ้งข่าวสารการชำระโลกแก่มวลมนุษย์ด้วยดวงจิตอันบริสุทธิ์แท้จริง อาจารย์ท่านฝากเรียนมายังสมาชิกและเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายว่า ถ้าต้องการมีชีวิตรอดปลอดภัยจากปฏิบัติการชำระโลกของเจ้ากรรมนายเวร (ช่างเท็คนิค) ที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ตัวคุณเข้ามาเรื่อยๆ ที่เคยเกิดแล้วก็จะเกิดซ้ำอีกเพราะเขารู้ว่ามนุษย์ประมาท และมันก็จะเกิดในที่ๆไม่เคยเกิด ก็ให้ทุกคนจงอย่าตื่นกลัว คนที่กลัวตายจะถูกกากบาทเป็นเครื่องหมายไว้บนหน้าผากทันที เพราะคนกลัวตายคือคนที่ยังไม่พร้อมและไม่ยอมตายด้วยจิตยังไม่ใสพิสุทธิ์​

    ขอให้ชาวจิตจักรวาลและเพื่อนมนุษย์ผู้มีบุญบารมีที่ได้อ่านข่าวสารชิ้นนี้ จงเร่งปฏิบัติตนให้เคร่งครัดในหลักการดำเนินชีวิตประจำวันเอาไว้ดังต่อไปนี้​

    1.จงมีมหาสติในยามตื่น (รู้สติ-มีสติ-ใช้สติ)
    2.จงรักผู้อื่นให้ได้ (แม้เขาแสดงเงื่อนไขไม่น่ารักต่อตัวเรา)
    3.จงให้ผู้อื่นให้เป็น (ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และให้แม้แก่บุคคลที่เราไม่สมควรจะให้)
    4.จงใช้ปัญญาของตนในการดำเนินชีวิต (คิดก่อนคิด-คิดก่อนพูด-คิดก่อนทำ: ใช้กฎ 4 ถูกของ “ปริญญา”)
    5.จงมีปณิธานแห่งนิพพาน (ไม่ก่อกรรมใหม่-แก้ไขกรรมเก่า-เข้าให้ถึงองค์จิตจักรวาล)​

    ผู้ปฏิบัติตามทั้งห้าข้อนี้อย่างเคร่งครัดด้วยจิตสำนึกที่แท้จริงเท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้สามารถข้ามผ่าน มหันตภัยพิบัติทั้งหลายที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ตาม​

    3.เราเคยเตือนล่วงหน้ามาแล้วว่า น้ำจะท่วมโคราชถึงฐานย่าโม แต่หลายคนไม่เชื่อเพราะเข้าใจว่าโคราชเป็นที่ราบสูงหากจะท่วมจริง กรุงเทพฯคงไม่เหลืออะไรแน่นอน แต่ปรากฏว่าโคราชท่วมก่อนเพื่อนเลยขณะที่กรุงเทพฯยังอยู่ดีมีสุข....เห็นหรือยัง? (มีบันทึกภาพยนตร์และเสียงเอาไว้ทุกครั้งที่สื่อเป็นหลักฐานให้ค้นคว้าได้)​

    เราเคยเตือนไว้อีกว่า หาดใหญ่น้ำจะท่วมซ้ำสองอีกและจะหนักกว่าเดิม ปรากฏว่ามันก็ท่วมหนักกว่าเดิมจริงๆ....เห็นหรือยัง? (มีบันทึกภาพยนตร์และเสียงเอาไว้ทุกครั้งที่สื่อเป็นหลักฐานให้ค้นคว้าได้)​

    4.ครั้งนี้อาจารย์ฝากเตือนมาว่า ครั้งหน้าน้ำจะท่วมใหญ่ทั้งอีสานและภาคใต้หนักกว่าเดิม และจะท่วมนานกว่าเดิมด้วย ก่อนหน้าจะท่วมหนักนั้นประเทศไทยเราจะมีฤดูร้อน 2 หน!!!

    ข่าวสารต่อไปนี้จงฟังหูไว้หูเท่านั้น:

    ในปี ค.ศ.2011 ไทยเราและทั่วโลก จะเป็นปีแห่งภัยพิบัติ สังคมวิบัติ การเมืองวิบัติ เศรษฐกิจวิบัติ จิตสำนึกมนุษย์วิบัติ และเชื้อโรควิบัติรุนแรงกว่าปี ค.ศ. 2010 ประมาณเท่าตัว....โปรดคอยเผชิญ​

    ปี ค.ศ.2011 จะเป็นปีแห่งอุบัติภัย มีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นได้ทั่วโลก อาจมีการตายหมู่คราวละมากๆ จะเกิดสึนามิในบางประเทศหรือบางเกาะที่ไม่เคยเกิด อาจจะมีแผ่นดินไหวรุนแรงในระดับช็อคโลกกันอีกครั้ง จะมีข่าวมนุษย์ต่างดาวเยือนโลกแบบเปิดเผยหนาหูขึ้น ​

    ปี ค.ศ.2012 อาจเกิดพายุหมุนร้ายแรงพัดถล่มกรุงเทพฯ...โปรดเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า (ในปีหน้าจะยืนยันการเกิดไม่เกิดอีกครั้ง) กรุงเทพฯน้ำจะท่วมมากสุดในรอบสิบปี​

    ปี ค.ศ.2015 ระวังพม่าแผ่นดินไหวใหญ่ด้านติดทะเลอันดามันจนหักโค่นจมทะเล อาจทำให้ด้ามขวานไทยตรงประจวบฯหักจมตามไปด้วยเพราะแผ่นดินติดกันและจะก่อให้เกิดสึนามิรุนแรงทั่วมหาสมุทรอินเดียและอ่าวไทย บางเกาะในมหาสมุทรนี้จะจมทะเลหายไปจากแผนที่โลก ที่สำคัญอ่าวไทยกับอันดามันอาจจะทะลุถึงกันในคืนนั้นเลย?​

    ปี ค.ศ.2010 ราวๆ พ.ย.-ก.พ. ค.ศ..2011
    u คนไทยต่างสีเสื้อกันอาจก่อหวอดตีกันให้วุ่นวาย เพราะเรื่องการเมืองอีกแล้ว
    v เด็กอาชีวะจะก่อคดียกพวกตีกัน-ฆ่ากันให้วุ่นวายอีก
    w อาจมีบุคคลสำคัญหรือชนชั้นสูงถึงแก่ชีวิตกะทันหัน
    x คนดังที่เกี่ยวข้องทางการเมืองบางคน เพิ่งพบว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรง
    y อาจมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แต่จะมีปัญหาในการหาเสียง และมีปัญหาในการตั้งรัฐบาลเรื่องใครจะเป็นนายกฯ​

    อาจารย์บอกว่าไม่มีใครห้ามภัยพิบัติได้ เพราะเป็นแผนปฏิบัติการเพื่อการชำระโลกที่ถูกพิพากษาหรือกำหนดเอาไว้แล้ว เพียงแต่มันจะเกิดวันไหน ช้าหรือเร็วและหนักหรือเบาแค่ไหนเท่านั้นเอง จึงขอทุกคนจงปฏิบัติตาม 5 ข้อที่แนะนำไว้ข้างต้นเถิด อย่ามัวเสียเวลาไปกับข่าวลืออันใดเลย​

    ด้วยรักและปรารถนาดีแท้จริง
    ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ ชมรมฯ UCSA
    Tel.089-105-2727, 086-374-0088, 02-938-0062​

    ที่มา http://ufokaokala.com/index.php?topic=1729.0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...