การทดลองแผ่เมตตาตลอด 2 วัน(วิญญาณแห่มากันเต็มห้อง)

ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสทดลองแผ่เมตตาเกือบตลอดทั้งวัน โดยอธิษฐานขอพุทธานุภาพแห่งพระรัตนไตรมาช่วยในการแผ่เมตตา ก็เลยได้ทดลองใช้คำแผ่เมตตาใหม่ฉบับคิดเองเป็นภาษาไทยนี่ล่ะ เอาล่ะเรามาดูกันดีกว่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ในขั้นแรกก็เหมือนเดิมตั้งสมาธิกำหนดอารมณ์สบาย ให้จิตผ่อนคลาย จากนั้นเรียกกสินแสงขึ้นมา ดวงกสินปรากฎเป็นแสงสว่างเจิดจ้า จากนั้นเริ่มการแผ่เมตตาอย่างต่อเนื่อง เวลาผ่านไปเท่าใดไม่ทราบชัด มีความรู้สึกเหมือนมีมือจำนวนมากมาสัมผัสบ้าง รู้สึกเหมือนมีอะไรพยายามไชเข้ามาทางปลายเท้าบาง มีอาการสยองตัวสั่น จากอาการจิตที่สงบเริ่มรู้สึกสยองพองขน ซึ่งปกติก็ทำสมาธิเป็นประจำแต่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เลยลองกำหนดจิตขอดูภาพรอบตัว ปรากฎว่า
โอ้โห มากันอื้อเลย เต็มห้องไปหมด เป็นควันบ้างเป็นตัวบ้าง สมาธิแทบหลุด ก็เลยถามพวกเขาไปว่า

ผม; พวกเธอเป็นใคร
พวกกายทิพย์;พวกกระผมเป็นผีบ้านผีเรือนพวกหนึ่ง เป็นสัมพเวสีพวกหนึ่ง เป็นเจ้าที่อีกพวกหนึ่ง เป็นต้น ขอรับ

ผม; แล้วเหตุใดพวกท่านถึงมากันมากมายเช่นนี้
พวกกายทิพย์; เพราะพวกกระผมอดอยากมานาน ไม่ค่อยได้กิน ทรมานกันเหลือเกิน

ผม; พวกท่านไม่ได้ของเซ่นและส่วนกุศลจากเจ้าของบ้าน-คนแถวนี้บ้างหรือ
พวกกายทิพย์; คนแถวนี้(ซอยราม53)ไม่ค่อยทำบุญอีกทั้งการแผ่ส่วนกุศลก็ยังไม่มีพลังพอพวกข้าพเจ้าทั้งหลายจึงไม่ค่อยได้รับส่วนบุญกันขอรับ

ผม; แล้วปกติข้าพเจ้าก็แผ่ส่วนกุศลพวกท่านได้รับบ้างหรือไม่
พวกกายทิพย์; ได้บ้างไม่ได้บ้างขอรับ เพราะบางวันที่ท่านแผ่ส่วนบุญจิตมีกำลังมากบ้างน้อยบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะน้อย เพราะตอนที่ท่านแผ่ส่วนบุญจิตของท่านไม่มีกำลัง แต่วันนี้ท่านแผ่ส่วนบุญตอนจิตมีกำลังมาก และแผ่ให้อย่างต่อเนื่องพวกเรารู้สึกกันได้เป็นช่วงระยะหนึ่ง จากนั้นพวกเราก็ปากต่อปากก็เลยมากันมากมายดังที่ท่านเห็น

ผม; แล้วเมื่อพวกท่านได้รับส่วนกุศลจากเราแล้วพวกท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง
พวกกายทิพย์; พวกเรารู้สึกดีขึ้นมาก พอประทังหิวของพวกเราไปได้บ้าง ขอให้ทั้งเมตตาแผ่ส่วนบุญให้พวกเราอีกนะขอรับ(มีงี้ด้วย)

ผม; แล้วทำไมเมื่อกี้เราจึงมีอาการสยอง(ดังข้างต้น)
พวกกายทิพย์; พวกเรานี้เมื่อมารวมกันเป็นจำนวนมากก็รวมพลังกันพยายามสื่อสารกับท่านขอรับ(ถึงว่า สยองยั่งกับอยู่ในป่าช้า)ที่จริงพวกเราก็รู้จักท่าน พวกเราดูท่านมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ดังที่ท่านได้เห็นพวกเราเป็นบางคราวที่จิตท่านพร้อม

ผม; ถ้างั้นพวกท่านก็เตรียมรับส่วนกุศลต่อนะเราจะเราจะอันเชิญพุทธานุภาพเพื่อแผ่เมตตาให้ท่านทั้งหลายต่ออีกซักพัก
พวกกายทิพย์;ขอรับ

หลังจากนั้นผมก็ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องการจะแผ่เมตตาว่า ต้องใช้ักำลังจิตมาร่วมด้วยจึงจะมีประสิทธิภาพ เพราะพวกเขาบอกว่าหากจิตไม่มีกำลังก็แผ่ไม่ได้ผล คงเปรียบเหมือนกับการพูดลอยๆกระมัง แต่หากจิตมีกำลังก็จะสามารถแผ่ได้ผล ได้ไกล ได้เเรง แล้วแต่กำลังของจิต

หวังว่าประสบการณ์นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนชาวพลังจิตบ้างนะครับ
อ่อหากท่านใดที่ยังไม่รู้ ไม่ได้ลองวิธีนี้(แผ่เมตตา-ส่วนบุญโดยใช้กำลังจิต) ผมไม่สงวนนะครับ แล้วถ้าได้ผลอย่างไรก็ช่วยมาโพสบอกกันด้วยนะครับ
หรือว่าท่านใดมีวิธีที่ได้ผลดีก็มาเล่ากันได้นะครับ

ปล.วันอาทิตย์ขณะนั่งอ่านหนังสือ พวกเล่นยิงสัญญาณกันเป็นว่า ทั้งกระตุก ทั้งจี้ฝ่าเท้า ร้อนวูบวาบบ้าง ต่างๆนานา พอก่อนนอนก็เหมือนเดิมแต่คำแรกที่สื่อกับพวกเขาคือ "ทวงกันทั้งวันเลยนะ"

 

O_O! มิน่าละผม อยู่ 65 ตอนนั่งสมาธิ และแผ่เมตตา ถึงได้มีอะไรแปลกๆทุกวัน

 

แถวหน้าราม คงมีวิญญาณเร่ร่อนเพียบ

โดยเฉพาะคลองแสนแสบ...

 

เข้ามาทักทาย....55555
ได้วิชาดี....ก็ช่วยได้มากหน่อยนะ.....ไว้ว่างมาบ้านพี่บ้างก็ได้นะ.....
ไม่บอกเค้าละ...มาบอกกันตรง ๆ ก็ได้...อย่าให้สยองนักเลย...เดี๋ยวเค้าก็มีมารยาทขึ้นเองแหละ......
พี่หลิน

 

เราก็เป็นเหมือนกันค่ะ แสดงว่าหน้ารามมีจิตวิญญาณเยอะพอสมควร

 

รับรองข้อมูลอีกคนค่ะ

มารับรองข้อมูลค่ะ แต่โดยส่วนตัวไม่เคยเห็น เพราะบอกเขาไว้ว่าไม่ต้องมาให้เห็น แต่เขามาในลักษณะอื่นๆ (สัมผัสได้) เป็นประจำอยู่แล้ว เขาจะมาแบบที่เราไม่กลัว

 

ของผมนี่แบบว่าแผ่เมตตาเสร็จ แล้วขนลุกวูบอ่ะครับ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

 

ถ่อมตัวจังเลยนะครับพี่หลิน ระดับพี่แล้วเรื่องแค่นี้ผมว่าจิ๊บๆ ไว้มีโอกาสไว้เจอกันนะครับ ส่วนวันที่ 11 ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะว่างหรือเปล่า เพราะต้องไปต่างจังหวัด

 

ได้เทคนิคใหม่มาจากคุณอัศนีวาต...ก็มาทดลองดูนะ....ดีขึ้นเล็กน้อย...แต่ก็มีรู้สึกได้
ตอนนี้เลยคิดค้นเทคนิคใหม่ไว้ใช้เลย...เพราะทาสีห้องใหม่..เลยต้องเอาของเก่าออก..เราทาสีบ้านเอง ทาไป ก็ท่องนะโม ไป ทุก ๆ เวลาที่ปาดสี ผนังแรก โอ้ย...จะเอาอยู่หรือเปล่าหน่อ...ขนหัวลุก..เลยตั้งใจใหม่ ห้ามวอกแวก ให้สติอยู่กับการขึ้นลงของแปลงทาสี แล้วท่องนะโม อีกคนท่องสัพเพ พอเสร็จทั้งห้อง ตอนนี้โล่งเลย เข้าไปทีไร ไม่สยองแล้ว
......
แต่ยังไม่เคย นั่งคุยในเวลาสมาธินะเนี่ย แค่รู้ว่านั่งมอง ก็มองตากันไป ๆ มองกันมา ใจก็คิดว่า เดี๋ยวเราก็เป็นพวกเดียวกัน...ไว้จะลองเอาแบบโยไปฝึกมั่ง...จะได้คุยกันได้.....

 

แนะนำแบบผู้มีประสบการณ์นะ

ให้แผ่เมตตาไปอีก หลาย ๆ รอบ จนกว่าความรู้สึกสยองจะหมดไป แสดงว่า เค้าอิ่มแล้ว(แบบเจ้าของกระทู้เค้าบอก)
เดี๋ยวก็ชิน...พอจับสังเกตได้ เราก็จะรู้ทันที่ว่า ควรแผ่เมตตา

 

จริงหรอ พูดขอรับด้วยหรอ

 

อนุโมธนาคับ สาธุ สาธุ ถ้ากลัวแผ่บุญกุลศลไปไม่ถึงก็ใช้วิธีกวดน้ำก็ได้คับ แต่ถ้าจิตนิ่งเป็นสมาธิก็ใช้จิตส่งเลยก็ได้คับ ได้ไวดีๆ

 

แผ่เมตตาบุญที่ไม่มีวันหมด

www.mongkol-luck.com/index.php?mo=3&art=194001

การเบิกบุญ โอนบุญ

www.mongkol-luck.com/index.php?mo=3&art=235062

 

อยากทราบ ขั้นตอนและรายละเอียดการแผ่เมตตา ครับ ใช้ประโยคว่าอะไรแผ่เหรอครับ

 

อย่างพี่การท่องจำ...ทำอย่างไงมันก็จำไม่ได้
ท่องผิด ๆถูก ๆ ทุกครั้งไป...แต่พอจิตนิ่ง...บางที่เราพูดตามสมองออกมาเลย..จนแปลกใจว่าจำได้อย่างไร....
แต่ว่าน่าจะอยู่ที่เจตนามากกว่าว่าเราตั้งใจให้...สมัยก่อนที่จะเข้าบอร์ดพลังจิต ก็ท่องไป เพราะเรากลัว...เข้าตำรา ยิ่งกลัวยิ่งเจอ...ไม่รู้จะมาวุ่นกับเราทำไม
แต่พอเจอบอร์ด เจออาจารย์หลาย ๆท่าน แนะนำมาให้...ตอนนี้ก็ใช้หลากหลายวิธี...ดูที่ความเหมาะสมของจิต..มันบอกไม่ถูกนะว่าตอนไหนอย่างไร แต่มันจะพอรู้ว่า..ต้องอย่างนี้ถึงดี...ทำแล้วตัวเบา จิตเบา และ..สำคัญคือการให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจที่ต้องการช่วยเค้าเพราะเราสามารถช่วยได้
แต่มีอีกเรื่อง...ที่ได้มาคือการสัพเพ ฯ มันสามารถช่วยตัวเรา ได้เองด้วย...จากความกลัว
ไม่ใช่แค่การกลัวผี....มันช่วยได้ทุกเรื่องที่เรากลัว....เพราะจิตของเรานิ่งนั่นเอง

 

เข้ามาอ่านค่ะ.............

 

ช่วงเรียกกสินแสง สมาธิเลยอุคหนิมิตมาแล้วถอยจากฌาน 4 ใช่มั้ยครับ
แล้วกสินแสงปรากฎในจิต หรือเป็นภาพเวลาลืมตา
แล้วช่วงอฐิษฐานเห็นภาพเข้าฌาน4แล้วถอยมาที่อุปจาระหรือไม่่ครับ
รบกวนชี้แนะด้วยครับ

 

เราใคร่ถามท่านสักนิดเถิด
เราก็ได้เคยกระทำเยิ่ยงนี้
คือกรวดน้ำในสมาธิขอใช้คำว่าธรรมรมณ์นะ
เรารู้ว่าท่านผู้มาขอมารายล้อมมาเป็นจำนวนมาก ระรอกเก่าไประรอกใหม่มารับเราก็กรวดให้จนหมด คือเมื่อเรากรวดไปแล้วจักมีกระแสตอบกลับมา เรากรวดให้จนหมดผู้มาเยือน
เรากรวดสู่นรก กรวดสู่สากลโลก ทุกคราที่กรวดจักมีกระแสตอบรับกลับมา แต่ก็มีกระแสอนุโมทนากรวดให้เรากลับมาเช่นกันในบางคราคือเราได้รับ
การกรวดของเราแบบ เจาะนามและไม่เจาะนาม
หากผิดนามก้ไม่มีกระแสตอบรับ ต้องกล่าวให้ถุกนามถูกสกุล
เราเคยเลิดเพลินสนุกกับความเมตตานั้น
แต่เรามีผลข้าเคียงคือ
เมื่อพลบค่ำในเพลาย่ำค่ำอีกวันหนึ่ง
เราจักเพลียมากๆ ต้องนอนหลับ
จักเป็นเสียหลายวันกว่าจักหาย
ท่านมีอาการนี้ไหม
หากมีจักแก้ไขอย่างไร วานบอกเราด้วย
เพราะมีผลในควมเพียรเสียยิ่งนัก
บางคราจักหายคือต้องนั่งสมาธิให้เข้าสู่ธรรมรมณ์แล้วจึงดีขึ้น

และในหลายๆ ครา สุขนัขจักหอนแถมมาอีกต่างหากในช่วงกรวดน้ำ
ช่วงนี้เลยหยุดกรวดน้ำในธรรมรมณ์ ค่อยออกจากสมาธิแล้วกรวด
บางคราออกจากสมาธิแล้วอารมณ์ยังค้างแล้วกรวดก็มีอาการเช่นกัน
แต่ไม่หนักเท่ากรวดในธรรมรมณ์

ก็น่าสงสารในท่านเหล่านั้นที่ทรมารเสียยิ่งนักในทุกข์ที่เขาได้รับ
เราก็มีเพียงเมตตาที่มอบให้
รึว่ากำลังเรายังน้อยไปที่เป็นเยี่ยงนี้

ตอนนี้เราเลยหยุดการถ่ายพลังการรักษาหยุดการกรวดในธรรมรมณ์ หาสาเหตุถึงความอ่อนล้าอยู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ได้รับ คือ อาการปวดหลังกำเริบ อันนี้คงมีผลจากที่เราถ่ายพลังไปรักษาเขา อาการเขาดีขึ้น หายจากเดิมมาก แต่เรากลับรู้สึกแย่ ก็คงเป็นผลจากเจ้ากรรมเขา อันนี้เดี๋ยวเราค่อยต่อว่าวาจากับเขา เพราะท่านผู้ที่เรารักษาไม่ได้ไปทำบุญให้เจ้ากรรมเขา
เราผู้ใหม่อยู่จึงมีผลดังนี้แล

ท่านใดมีข้อแนะนำเรา
โปรดแถลงไขในการก้าวเดินต่อไปด้วยเถิด

 

อ่านดู..ก็แตกต่างกัน
ถ้าสมัยก่อนก็รู้แค่ว่า ถ้าผิดสังเกต ก็ท่องสัพเพฯไป จนหมดความรู้สึกที่ว่าสยอง แต่เดี๋ยวนี้
ได้ผู้รู้หลายท่านสอนว่า ให้อัญเชิญ หรือเชิญ พลังแห่งพุทธะ, แสงแห่งพุทธะ,จิตแห่งประภัสสร, และ ตัวเราคือแค่ทางผ่านเท่านั้น ใหม่ ๆ ก็ฝึก ให้ตัวไม่รับภาระหนักเกินไป เพราะกำลังของจิตน้อย ก็ต้องนั่งสมาธิ ตั้งจิตเป็นสมาธิ หรือกำหนดจิตเป็นสมาธิ ประกอบกับการหายใจที่เบาสบาย และตัวเบา เสียก่อน ถึงจะแผ่ไปให้เค้า ด้วยจิตที่มีเมตตา(ความหมายของเมตตา มันล้ำลึกมาก ตรงนี้จะรับรู้ได้เมื่อฝึกไปนาน ๆ ว่า ต้องเมตตาประมาณไหน) แต่ก็เคยสังเกตตัวเองนะ กินไม่อิ่ม นอนไม่ พอ ก็อย่าไปเห็นแก่ใครเลย มันเหมือนโดนสูบ แล้ว ก็จะมากินแบบหิวโซ
และอีกอันที่ได้มา....การทำบุญใส่บาตร สมัยก่อนจะไปซื้อที่ตลาด แล้วใส่ เค้าบอกไม่ได้รับ เพราะอาหารเค้าเวียนเทียน ต้องทำไปเอง หรือไม่ก็ซื้อใหม่ ๆ
ต้องหาที่ปรึกษาเก่ง ๆ ในบอร์ด พลังจิต มีหลายท่าน...ลองดูนะ
และขออนุโมทนาด้วยค่ะ

 

จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ จากคำพูดของไอน์สไตล์