ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

สวัสดีครับคุณอา...และทุกๆท่าน

 

สวัสดีครับลุง
พอกล่าวถึงการประจุพลังในวัตถุมงคล ไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่าอะไรดี
แกล้งกัน ลองกัน ประมาณว่า หลวงพ่อบางท่านชอบจับกระแสจิตของอีกรูป
บ้างก็ปล่อยกระแสไปที่ท่านอื่นบ้าง เช่น เล่นกสิณไฟ พาก้นร้อนซะหมดห้อง
ท่านใดที่แก่ประสบการณ์หน่ิอย ก็ปล่อยผ่าน ผ่านมาก็ผ่านไป
นับเป็นเรื่องที่น่าศึกษายิ่งนัก พลังจิตของคนนี้ ลึกล้ำ เหลือประมาณ
หากฟังปากต่อปาก ก็ได้รับเพียงลมปาก แต่ไม่ได้สัมผัส
ไอ้ครั้นว่าจะสัมผัส ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ

รบกวนลุง กล่าวถึงปาฏิหาริย์ ที่เกิดจากการปลุกเสกหมู่ด้วยนะครับ
เห็นแต่อาจารย์ผม ท่านเกริ่นแค่ว่า งานปลุกเสกหนึ่ง ในจำนวนพระ 9 รูป
หากสวดธรรมจักร แล้วมีเพียงผู้ที่มีจิตทีดีพอ สามารถทำให้้เกิดปรากฏการณ์ได้
ช่วงปลุกเสกจตุคามท่านชอบทายกันว่า ฝนจะตก หรือ อาทิตย์จะทรงกลด หรืออื่นๆ
ก็ได้รับฟังมาเท่านั้นล่ะครับ.....555

ข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ

 

.................................................
..แหม..อันนี้ก็ลำบาก..เหมือนกัน..เพราะผมก็ไม่รู้จริง...เพียงแต่สันนิษฐาน...เอา..
เรื่อง..อาทิตย์..ทรงกลด..ก็เพราะมีการบูชาทวยเทพด้วย..และก็มีการอธิษฐานจิต..ขอให้เกิดปาฏิหารย์เป็นที่..ประจักษ์ด้วยมั้งครับ..นี่เองอาจเป็น..สาเหตุทำให้..คนทั่วไปจะเข้าใจผิด..ว่าพิธีกรรม..หรือ..พุทธาภิเษก..จนถึง...ปลุกเสกหมู่...ที่มีปาฏิหารย์..อย่างเช่นว่า..จะต้องศักสิทธิ์..กว่า..พิธีที่..เรียบๆ..สงบๆ..ซึ่ง..พิสูจน์ไม่ได้หรอกครับ..ต้องพิสูจน์ที่..วัตถุมงคลนั้นๆมากกว่า..เหมือนที่ผมเคยเล่าไปแล้ว..พิธีเรียบ..อาจารย์ทั้งหลายท่านอธิษฐานส่งพลังเข้าวัตถุมงคล..อย่า่งเดียว..ไม่ได้เผื่อแผ่สิ่งอื่น..ฉะนั้น..ไม่แปลกที่จะ..ไม่เกิดอะไรขึ้น..แต่วัตถุมงคลนั้น..ทรงไว้ด้วยพลังความศักสิทธิ์..ยิ่งกว่า..ที่มีปาฏิหารย์..กับท้องฟ้าอากาศ..ก็มีให้เห็นเยอะแยะไป

 

ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
Post มาให้กำลังใจ..ชม..ติดตาม..และทักทาย

..................................................สวัสดีทุกท่าน.............................................................

...............................................กุรข่า...นักรบเลือดดุ......................................................
........การแต่งกายของ..ทหารกุรข่า..สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ..จะมีที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่าง
ชัดเจน..คือ..หมวกปีก...ที่ใช้ประกอบเครื่องแต่งกาย..ทั้งยามปกติ..และ..ยามสงคราม..ได้คง
เหลือ..เพียงแค่ในยามปกติเท่านั้น...เมื่อเข้าสนามรบ..ก็จะใช้”หมวกเหล็ก”..เหมือนอย่างทหาร
อังกฤษ...ที่เหลือก็คล้ายๆเดิม...ผมจะเล่า..ในส่วนของ..สมรภูมิในทางยุโรปก่อน..ประเทศที่..
กรมทหารราบเบากุรข่า..เข้าสมรภูมิเป็นหลักคือ..อิตาลี..ที่นี่..คู่กัด..ก็คือ..เยอรมัน..นักรบกุรข่า
จำนวน..สองคน..ได้รับVictoria cross ..จากความห้าวหาญเหนือ..มนุษย์..แต่ยังก่อนครับ..ผม
จะพูดถึง..กุรข่ายศ..สิบโท..เห็นหน้า..นี่นึกไม่ออกแน่..ว่าจะดุดันขนาด...................
.....................ที่บริเวณ..แนวหน้าใกล้เมือง Torcillino...สิบโท JITBAHADUR RAI..กำลังนำ
ลูกน้องเข้าตลุมบอน..กับ..เยอรมัน..ระหว่างนั้น..มีควันจากระเบิด..ตลบอบอวล..เป็นหมอกหนา
อยู่..แต่ด้วยความดุของนักรบร่างเล็ก..เขาก็วิ่งถือ..คูครี..ในท่าพร้อมประจัญบาน..เข้า..ไปใน
..ม่านหมอก..เพราะรู้ว่า..เยอรมัน..อยู่หลังหมอกควันนั่นเอง..Rai..สามารถปาดคอ..เยอรมันไป
ได้..๒ คน..แต่ปรากฏว่า..ร่างยักษ์ของเยอรมันที่ตาย..แล้วดันล้มมาทับเขา..ทำให้ที่แรกเขา..
ขยับ..ตัวแทบไม่ได้..แต่แล้วดัน..มีเยอรมันคนที่สาม..มาจากไหนไม่ทราบ..ปราดเข้ามา..จะแย่ง
..คูครี..จากมือRai..แต่นักรบกุรข่า..อย่างเขาปล่อยให้ศัตรูมาแย่ง..คูครี..จากมือได้..ก็อายหมา
แล้ว..Rai..สามารถดิ้นหลุดจากร่างทหารเยอรมัน..ขณะที่ต้องยื้อมือที่กำ..คูครี..จากเยอรมัน..
...ที่ผมบอกนี่แหละครับ..ว่า..กุรข่าเป็นคนภูเขา..แข็งแรงมาก..โดยเฉพาะ..กำลังแขน..และ..
กำลังขา..การที่เขาฝึกการใช้..คูครี(น้ำหนัก..ก็..ใกล้เคียงกับ..ขวานนั่นแหละครับ)..อยู่ประจำ
..ทำให้..เขาสามารถยื้อกับ..คนที่หนักกว่า..และ..ใหญ่กว่าเป็นสองเท่าได้..ขณะที่ร่างค่อยๆ..
หลุดมาจากศพทหารเยอรมันที่ทับอยู่..เขาก็สามารถสะบัดมือที่กำ คูครี..หลุดจากการจับของ
เยอรมัน..พร้อมกับ..การตวัด....คูครี..ขึ้นบนอย่างรวดเร็ว..คมของ..คูครี..ลากผ่าเนื้อแขนลงไป
..ถึงกระดูก..ยาว..ตั้งแต่..ประมาณข้อศอก..ขึ้นไปถึง..รักแร้..ทำให้เยอรมันที่ว่าใหญ่..ร่วงลง
กับพื้น..โชคดี..ของเยอรมันคนนี้..เพราะถ้าไม่ร่วงลงกับ..พื้น..หมู่RAI..ก็คงตัดคอ..เพื่อเผด็จ
ศึกให้สิ้นเรื่อง..สิ้นราวไปแล้ว.............(ผม..มีรูปชายร่างเล็กคนนี้ให้ดู..พร้อมกับ..คูครี..คู่ชีวิต
ของเขา...)....................
................................................ต่อตอนหน้าครับ.............................................





สิบโท Jitbahadur Rai กับ คูครี..คู่ชีวิต




หน่วยกำลังกุรข่า..กำลังยาตราเข้าเมือง..หลังจากกวาดล้าง..ทหารเยอรมันแล้ว....





หมู่ปืนกลเบากุรข่าของกรมฯที่ ๗กำลังสาดกระสุนใส่..ทหารเยอรมัน..ในสมรภูมิอิตาลี(ให้..สังเกตปลายปลอก..คูครี..ที่เห็นแหลมๆ.ยื่นลงมาจากก้น..พลยิงปืนกล)

..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
.....................................................พลังที่ฝากไว้........................................................
...............เรื่อง..การพรมน้ำมนต์..เพื่อประจุพลัง..ฝากไปกับสายน้ำ...ผมว่าคนพุทธ..ที่โตขึ้น
มาเป็นหนุ่ม..เกือบทุกคน..ก็ต้องได้เคยสัมผัส..มาแล้ว...ก็คือ..การประพรมน้ำมนต์..นั่นเอง..
แต่นั่น..เป้าหมาย..คือ..คน...ซึ่งก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ..เพราะน้ำมนต์(..ที่ตั้งใจทำจริงๆ
...และ..ผู้ที่ทำมีพลังจิตจริง...มีการเรียนวิชามาจริง..พลังความศักสิทธิ์..ย่อมถูกฝากมาถึงแน่
นอน..แต่ไม่ใช่..น้ำมนต์..ที่สาด..มาจากผู้นุ่งห่มเหลือง..นั่งอยู่ท้ายกระบะ..จอดอยู่ตามตลาด
ที่มีคนคับคั่ง..อย่างนี้..คงไม่ได้เรื่องหรอกครับ)...นั้น..สำหรับบางสาย..หรือ..อาจารย์บางรูป
นั่นเป็น..ส่วนประกอบสำคัญ..ในการประจุ..พลังลง...สู่วัตถุมงคลด้วย..ตัวอย่างก็..หลวงอาของ
ผมเอง...ท่านพระครูสมุห์ทองดี วัดบางด้วนนอก สมุทรปราการ(..ความจริงที่ผมจะเล่าต่อไป..
..ก็อยู่ในกระทู้..ชื่อเดียวกัน..ซึ่งเป็นกระทู้ที่..สองของผม..ถ้าอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม
ก็..ลองย้อนไปหาอ่านดูได้..หรือ..ไม่งั้นก็ไปตามLINK..ที่ผมจะให้ไว้ตอนท้ายครับ)..ท่านมีศักดิ์
เป็น..อา..คือแม่ของท่าน..เป็น..น้องของย่าผม..แล้วผมก็ได้มีโอกาศไปบวช..อยู่กับท่าน ๑
พรรษา..ได้รับทราบเรื่องราวของท่านมากมาย..และได้อยู่ใน..ระหว่างการปลุกเสกวัตถุมงคล..
ของท่าน..ท่านเอง..เป็นลูกศิษย์ของ..หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค..ก็สำเร็จวิชายันต์
เกราะเพชร..และยันต์”ทอ”..มา..รวมถึงวิชาการ..ทำน้ำมนต์..ปลุกเสกวัตถุมงคล..มาจากหลวง
พ่อปานด้วย.....ผมอยู่กับท่านทุกวัน..ตลอดพรรษา..ก็สังเกตได้ว่า..ไม่ว่าจะทำอะไร...จุดสำคัญ
คือ.....น้ำมนต์...ของท่าน...น้ำมนต์ของท่าน..จะมีวิธีทำ..ไม่ค่อยเหมือน..อาจารย์องค์อื่นที่ผม
สัมผัสมา...ท่านจะใช้”สื่อ”..ของพลัง..จากหลายทาง....ถ้าจะแยกออกมา..ก็จะเป็นดังนี้
...... ๑. พระหลวงพ่อปาน พิมพ์ขี่นก ...ซึ่งท่านได้รับมอบมาจาก..อาจารย์ท่าน...ส่วนนี้
เป็น..การผสม..คือพลังที่หลวงพ่อปานฝากไว้กับพระท่าน(พระหลวงพ่อปานเอง..เป็นการประจุ
พลังผสม..ทั้งด้านการประจุด้วยคาถา..และ..การประจุแบบอธิษฐานจิต)..หลวงอาดี(ชื่อที่ผม
เรียกท่าน)...ท่านจะใช้การประจุพลังแบบอธิษฐานจิต..โดย..ขอพลังจากการอาจารย์ท่านที่ฝาก
ไว้ในพระ..และ..พลังของอาจารย์ที่ยังอยู่ในโลกนี้(โดยใช้พระท่านเป็นสื่อด้วย)..รวมทั้ง..พระ
พุทธองค์..มาประจุลงใน..น้ำที่อยู่ใน..บาตรนี้..เพื่อให้เกิดความศักสิทธิ์...ฉะนั้น.หลวงอาท่านจะ
เอาพระของอาจารย์ท่านออกจากบาตร..ต่อเมื่อ..พิธีประจุพลังลงในน้ำมนต์เสร็จสิ้น..แล้ว...
...........................................ต่อตอนหน้าครับ......................................................

......................................................สวัสดี................................................................
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81.233742/

 

แวะเข้ามาให้กำลังใจคุณลุงครับ...(^_^)..

 

คุณลุงมีทิ้งท้ายไว้ให้อยากติดตามต่อซะด้วย
เกิดอาการอารมณ์ค้างเลยครับ

อย่างที่ลุงกล่าวไว้ข้างต้นครับ
พิธีใหญ่ไม่ได้บ่งบอกว่า พระที่ปลุกเสกหมู่จะศักดิ์สิทธิ์กว่า
เพราะอาจารย์บางท่าน มีความเข็มแข็งของจิตมากกว่าพระสิบรูปรวมกัน
บ้างท่านก็ปลุกเสกเดี่ยว แต่อัดทั้งพรรษา เก็บไว้หลายปีแล้วมาแจกก็มี
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ก็คือผู้ใช้ หรือเราๆ ท่านๆ ว่าเข้าถึงองค์พระขนาดไหน

มีเรื่องขำขันจากอาจารย์ท่านบอกกับพวกผมว่า
เวลาจะหาพระใช้นะ ให้หารุ่นแรกๆ ไว้
ผมเองก็สงสัยว่าทำไมล่ะครับ
อาจารย์ท่านว่า พระรุ่นแรกหลวงปู่หลวงพ่อท่านจะตั้งใจมาก
เพราะท่านกลัวจะไม่ขลัง ปลุกเสกทีเป็นพรรษา
พอหลังๆ มา แป้ปๆ ก็เสร็จแล้ว นึกภาพกันเอาเอง...(หลังๆ ท่านบอกเริ่มมั่นใจ)

 

เข้ามาอ่านบทควาทดีครับคุณลุง อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มชึ้นครับขอบคุณครับ....

 

ทหารกล้าผู้นี้ หน้าเหมือน หนุ่มไทยมากๆเลยค่ะ คุณ ลุง ขอบคุณค่ะ
<fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>

 

สวัสดีตอนเที่ยงๆครับคุณลุง และทุกๆท่านด้วยครับ คุณลุงครับอย่ามัวแต่อ่าน และพิมพ์จนเพลินลืมทานข้านข้าวน่ัะครับ รักษาสุขภาพด้วยครับผม

 

..................................................
นี่แหละ..คือที่มาของการ..ปลุกเสกหมู่..และ..การพุทธาภิเษก..เป็นการเสริมกัน..บางองค์ด้อย..บางองค์เลิศ..บางองค์เิด่นด้านนี้...บางองค์เด่นอีกด้าน...วัตถุประสงค์ของการปลุกเสกหมู่ตั้งแต่..โบราณกาลมา..เอายุคแรกเลย..เหรียญพระแก้วมรกต..ปี ๒๔๗๕..คุณว่ามีองค์ไหน..ด้อยกว่าใครบ้าง..คนที่นิมนต์ท่านมาแต่ละองค์..ยังไม่กล้าบอกเลย...สรุปโคตรเก่งทุกองค์..ของแท้ทั้งนั้น..แต่จริงๆที่ผมบอก..ต้องการให้ครบเครื่อง..ทุกด้านครับ..................
...ที่บอกมาคงคิดถึง..หลวงปู่โต๊ะ..ละซิ..อันนี้..มันแน่นอน..เวลาพุทธาภิเษกน้อย..แน่นอนถ้ากลับย้อนเวลาไปถามท่าน..ท่านก็คงบอกว่า..จะเท่ากันได้ยังไง...หลวงปู่โต๊ะท่านเรียนมา..หลายวิชา..หลายอาจารย์..แต่ละคาถา..แต่ละสูตร..สั้นยาว..ไม่เท่ากัน...อย่างเอาเฉพาะด้านคงกะพัน..ตั้งกี่อาจารย์ที่ท่านเรียน..แล้ว..คาถาแต่ละองค์..ก็ไม่ได้มีแค่ ๑..ฉะนั้น..พระของท่านจริง..อย่างน้อยสุด ๑ ไตรมาส ( ๑ พรรษา..๓ เดือน..ทุกวัน )( ..๑ ในพระที่ไม่ใช่ในนาม..หลวงปู่โต๊ะ..แต่ผสม..ผงของท่านทุกอย่างลงไปด้วย..เพราะทำให้เป็นที่ระลึกถึง..สหาย..ปลุกเสกเดี่ยว ๑ ไตรมาส ผมเคยเล่าไปแล้ว..ใน..ตอนหลวงปู่โต๊ะ..คือ สมเด็จสิบทิศ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ปี ๒๕๐๙ ..เรียกว่าใช้แทนได้เลย..)...นั่นคืออย่างน้อย..ยังมี ๓ ไตรมาส..อีก......เรียกว่า..ผมถามผม..ผมก็ต้องบอกว่า ๓ ไตรมาสเหนือกว่า..แน่..เหนือกว่า ๑ ไตรมาส..และ..เหนือกว่า..๑..วัน..แน่..อย่างงี้..เรียกว่า..มีเท่าไหร่..ใส่ให้หมด..มีคนถามต่อว่า..งั้น"สมเด็จแช่น้ำมนต์"..ท่านไม่ยิ่งกว่า..เข้าไปอีกเรอะ..ความเห็นผม..คนเดียวนะ..สันนิษฐานว่า..นั่นแหละครับ..ว่า..นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งในการ..ทำน้ำมนต์ท่านก็ได้..อาจจะไม่ได้ปลุกเสกเพิ่ม..แต่เป็น..การเสริมความศักสิทธิ์ของน้ำมนต์..ท่านอาจอธิษฐานไว้ให้ทำน้ำมนต์ได้..เหมือกับพระหลวงพ่อปานที่ท่านอธิษฐานจิต..ให้เอาไว้ทำน้ำมนต์ด้วย............

 

...............................................
..นี่ถ้าบอกว่า..เป็นทหารเกณฑ์จาก..สิงห์บุรี..หรือ..อ่า่งทอง...สงสัยมีคนเชื่อแหง....

 

สวัสดียามเย็นครับคุณอา..และทุกๆท่านครับ

 

มาให้กำลังใจลุงเหมือนเดิม.....

 

ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
Post มาให้กำลังใจ..ชม..ติดตาม..และทักทาย

......................................................สวัสดีทุกท่าน.........................................................
................กุรข่า...นักรบเลือดดุ..................................................................................
.....................................................ผลการรบ..ของกุรข่า..เป็นไปได้ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม
...แม้..ผู้ได้รับ VICTORIA CROSS ..ที่เป็น..กุรข่า...๒ นายจะเสียชีวิต..ระหว่างปฏิบัติการรบ
..แต่ทั้งสองได้แสดง..ให้เห็น..ความกล้าอย่างสูงสุด..และผลงานของ..ทั้งสอง..ได้ทำให้เหตุ
การณ์ในแต่ละสถานการณ์..เปลี่ยนแปลงได้เพราะ..คนๆเดียว....แม้แต่รูป..ของยอดนักรบกุรข่า
..ทั้งสองคนยังไม่มีด้วยซ้ำ..แต่ความมุ่งมั่น..และรับผิดชอบ..โดยไม่คำนึงถึงชีวิตตนเอง..ก็ได้
จารึกไว้..ในหอเกียรติยศ..ของ..ผู้ได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุดนี้..นี่คือ..การยุทธที่ดุเดือดเลือด
พล่าน..ในอิตาลี..ผมเองไม่อยากนำเสนอ..ผลงาน..ของทั้งสองท่าน..เพราะ..มันเศร้า..พวกพระ
เอก..ที่ต้องยอมสละชีพ..เพื่อ..ภาระกิจ..ในฉากจบ..ผมอ่านตั้ง..หลายรอบ..น้ำตายังเอ่อ..ขึ้นมา
เอง......นี่คือความจริง..ผมไม่อยากให้ผู้อ่าน..ที่อินในเรื่องราว..แบบผม..เศร้า..ไม่เหมือน..ตอน
ที่เล่าถึงขุนพลเฒ่า..ตาย..เพราะ..เมนเรื่องมันไม่ใช่คนๆเดียว..แต่นี่เป็นเรื่องของคนๆเดียว..
..เมื่อเราอ่านไป..จะconcentrateเฉพาะ..เขา.....ผมก็เลยเปลี่ยนใจ..ย้ายสมรภูมิ..ไปที่อาฟริกา
เหนือดีกว่า..ที่นั่น..กรมทหารราบเบากุรข่าที่ ๒..ได้ไปปฏิการรบอย่างห้าวหาญที่นั่น..โดยเฉพาะ
..ภูมิประเทศค่อนข้างแห้งแล้ง..ทะเลทรายก็มี..แล้วพื้นที่ๆเยอรมันตั้งอยู่จะอยู่บนเขา..ที่มีแต่หิน
..สลับซับซ้อน..ทหารอังกฤษ(ผสม)ทั้งหลายเห็นแล้ว..ส่ายหน้า..มีแต่..ทหารอินเดีย..กับ..กุรข่า
..ที่ไม่ค่อยเดือดร้อน..แต่พอต้องบุกขึ้นเขา..หรือ..เดินทางแคบๆที่มีหิน..ด้านล่างเป็นเหว..พวก
อินเดีย..เอง..ยังต้องส่ายหัว..แต่กุรข่าเองนั่นเอง..กลับชอบ(การคัดเลือกชาวกุรข่า..ที่จะมาเป็น
ทหารรับจ้างให้อังกฤษนั้น..ต้องทดสอบ..เอาของแบกใส่เป้ข้างหลังน้ำหนักมากกว่า ๓๐ กิโล..
..แล้ววิ่งขึ้นเขา(ชัน)..ตามทางเล็กๆ..ไปถึงจุดหมายบนยอดเขา..ตามเวลาที่กำหนด..ระยะทาง
หลายกิโลเมตร...แล้วต้องมีการทดสอบวิ่งบนพื้นราบด้วย..เพราะชาวกุรข่าส่วนใหญ่จะไม่ถนัด
วิ่งบนพื้นราบ..จะวิ่งช้ากว่าวิ่งขึ้นเขาด้วยซ้ำ..เพราะไม่ถนัดทางราบ)...ฉะนั้น..เกือบทุกครั้ง..ที่
หน่วยนักรบกุรข่า..ได้รับมอบหมาย..ให้เป็นหน่วยหน้า..ที่ขึ้นไปเคลียร์พื้นที่ให้..ทหารกุรข่าเอง
ก็มีความรู้สึกว่า..เหมือนกลับไปวิ่งเล่นที่บ้าน..เส้นทางที่ทางเยอรมัน..กะว่า..ฝ่ายอังกฤษคงแย่
และต้องเป็นเป้าให้สอย..แน่ๆ..เลยกลับตาลปัตร..เพราะไอ้ที่วิ่งไต่เขาขึ้นมา..นี่มันวิ่งยังกะ..วิ่ง
บนถนนราบๆธรรมดา..ทางเลียบเขา..แคบๆ..กลายเป็น..ขนมกรุบ..ของกุรข่า..เพราะเขาชิน..
แบบนี้..มาตั้งแต่หัดเดินแล้ว.......ตอนหน้าผมจะมาเล่าถึงวีรบุรุษกุรข่า..อีกคน..ที่..เหมือน...
คาวบอย..เลย..มือข้างหนึ่งถือปืนพก..อีกข้าง..คูครี..และเขาก็เป็นกุรข่าคนเดียวที่ได้รับเหรียญ
Victoria CROSS..ใน สมรภูมิอาฟริกาเหนือ....
...................................................ต่อตอนหน้าครับ............................................

หน่วยทหารกุรข่ากำลังวิ่งเข้าโจมตี..ในรุ่งสาง..ในสมรภูมิTunisia(สังเกต..ว่า..ถือ..คูครี..ในลักษณะเตรียมพร้อมไว้ด้วยทั้งสองคน)







ทหารกุรข่ากำลังเคลื่อนพลไปแนวหน้าผ่านหน่วยยานยนต์หุ้มเกราะอังกฤษของกองพลที่ ๘ ในสมรภูมิ Tunisia





............................................................................................................................
...............................................................................................................................
..................................................พลังที่ฝากไว้..........................................................
..............๒...การเอาพลังศักสิทธิ์อันเกิดจากอานุภาพของ..คาถา..และ..ยันต์”ทอ”(ของหลวง
พ่อปาน..ใครมีผ้ายันต์..หรือ..กระดาษยันต์ท่าน..จะเห็นยันต์สำคัญ..ที่อยู่..เหนือ..ศรีษะท่าน..
..นั่นแหละครับ..ยันต์”ทอ”...ส่วนยันต์เกราะเพชร..จะอยู่ข้างๆ)..รวมทั้งการขออธิษฐานจิตพลัง
ของหลวงพ่อปานเป็นที่สุด..ฝากหรือ..ประจุไว้ในแผ่นดินสอพองขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ(เดี๋ยวนี้
มีขาย..ที่เดียวคือ..จังหวัดลพบุรี..แหล่งดินสอพอง)..โดยหลวงอาดี..จะเขียนพร้อมว่าคาถากำ
กับยันต์ทอ..และลงท้ายด้วยการอธิษฐานจิตขอ..เจ้าของยันต์(หลวงพ่อปาน)ช่วยประสิทธิ์พลัง
ความศักสิทธิ์(ไม่ว่าอะไร..ที่ได้มาจากหลวงพ่อปาน..การอธิษฐานจะจบด้วย”.....อันมีหลวงพ่อ
ปานเป็นที่สุด”..เสมอ)...เมื่อปลุกเสกดินสอพองเสร็จ..ท่านจะบิแผ่นดินสอพอง..เป็นชิ้นเล็กๆใส่
ลงในบาตรน้ำมนต์(ที่มีพระของหลวงพ่อปานแช่อยู่)พร้อมกับการกำกับคาถาตลอดเวลา..และ
จะเหลือ..ชิ้น..สองชิ้นสุดท้าย..ใส่ลงในถ้วยผอบ(เมื่อ..ปลุกเสก..น้ำมนต์เสร็จ..ท่านก็เอาน้ำมนต์
มา ๑ ช้อน..ใส่ลงในผอบ..เพื่อเอามาทำเป็น “กระแจะ”..ไว้เจิมวัตถุมงคล..และเสก..หญ้าคา
๑๐๘ ใบ..ที่มัดรวมกันเป็นที่พรม..น้ำมนต์อีกที )..แล้ว..ท่านจะใช้..มัดหญ้าคาพรมน้ำมนต์..กวน
ให้..ดินสอพองชิ้นเล็กๆ..แตกตัว..ละลาย..กับน้ำในบาตร..ขณะกวนก็เช่นกัน..ท่านจะว่าคาถา
กำกับตลอด....(เดี๋ยวมีคน..สงสัย..เรื่องเทียนจุดทำน้ำมนต์ที่ติดไว้ที่ปากบาตร..ผมข้ามขั้นตอน
นี้ไปเพราะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา..ขั้นตอนนี้(เสกเสร็จจุ่มเทียนลงใน..น้ำมนต์..จบไปตั้งแต่ข้อ
๑ ตอนที่แล้ว...แล้วครับ).................................................................................
............ซึ่งจะเห็นว่า..ขั้นตอนที่สองนี่..ก็เป็นเอาพลังอานุภาพของยันต์และคาถากำกับ..พร้อม
การอธิษฐานจิต..มาประกอบเข้าด้วยกันอีก..เพิ่มพลัง..ที่อยู่ในน้ำมนต์เข้าไปอีก....
๓. การปลุกเสก..พระเครื่อง..สายสิญจน์ที่โยง..จาก..พระพุทธ..มาที่มือท่าน..ผ่านไป
วนรอบ..บาตรน้ำมนต์..แล้วไปยังถาด..วางวัตถุมงคล..โดยส่วนหนึ่งพาดไปบนวัตถุมงคล..ทุก
ถาด..ซึ่งการประจุพลังส่วนนี้..ก็คงเป็นด้านคาถาส่วนนึง..ซึ่งคาถาปลุกเสกนี้...ก็จะได้จากหลวง
พ่อปานทั้งนั้น..ยังไงก็ต้องพึ่งพลังของหลวงพ่อปานเป็นที่สุดอยู่ดี..รวมทั้งการอธิษฐานจิต..ขอ
พลังจากพระพุทธองค์(พลังจากพุทธคุณ)..ด้วย...
๔.เมื่อขั้นตอนการปลุกเสกพระเครื่อง..ขั้นต้นเสร็จ..ท่านจะเอาน้ำมนต์มาใส่..ดินสอ
พองที่เหลือไว้ในตอนแรก..ใช้นิ้วบี้..กวน..ดินสอพองให้เข้ากับน้ำเป็นเนื้อเดียวกัน..แล้วเสกอีก
ครั้ง...ท่านจะเริ่ม..จากเจิม..มัดหญ้าคาพรมน้ำมนต์..และทำการปลุกเสกเฉพาะ..อีกครั้ง(..ตอน
ทำใหม่ๆ..ท่านปลุกไปรอบนึงแล้ว)..แล้ว..ไปเจิมที่วัตถุมงคล(ว่าคาถาตลอดเวลา)ในถาด..สัก
๓ จุดมั้งต่อ ๑ถาด.........................ก็หมดขั้นตอนของการเจิม..
.........................................................ต่อตอนหน้าครับ................................................
.............................................................สวัสดี..........................................................


นี่แหละครับ..ยันต์"ทอ"..ของหลวงพ่อปาน..ที่ผมพูดถึง...ซึ่งเป็นยันต์หลัก..โดยแท้จริงของท่าน(หลวงอาดี..เป็นคนบอก) (ที่เห็น..ตัวยันต์..เข้าใจว่า..น่าจะเป็นลายมือหลวงพ่อปานเองเป็นต้นแบบ
แล้วเอาไปพิมพ์ลงบน..ผ้าอีกที..)

 

สวัสดียามดึกครับคุณอาmodpong..และทุกๆท่านครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

คุณอาครับ ตอนท่านเสกน้ำมนต์ แล้วเอาดินสอพองเขียนกำกับ
นี่คือเขียนบนกระดานชนวนเหรอครับ

 

สวัสดียามเช้าครับทุกๆท่าน
ขอให้วันนี้เป็นวันดีและโชคดีทุกๆท่านนะครับ

 

สวัสดียามเช้าครับคุณลุง...ผมชอบผ้ายันต์หลวงพ่อปานมากๆ..(^_^)

 

กระทู้นี้ดีมากครับเหมือนกับที่พี่หนุ่มได้กล่าวไว้ข้างต้นเลยครับ
ผมก็อ่านสลับกับกระทู้พี่หนุ่มอยู่ตลอดครับ เดี๋ยวต้นปีหน้ากระทู้
พี่หนุ่มก็จะปิดตัวลงแล้ว ต้องมาอาศัยพักพิงที่นี่เก็บเกี่ยวความรู้
และประสบการณ์ต่อไป เป็นกำลังใจให้คุณลุงmodนะครับบทความ
หรือกระทู้ดีๆแบบนี้หายากจริงๆครับ

 

"...........................................
....เอาดินสอ..เขียน..ยันต์..ลงบนแผ่นดินสอพอง..ครับ..คนไม่เคยเห็น..นึกไม่ออก..เป็น
แผ่นกลม..คล้ายๆแผ่นโรตี..ยังไม่ได้ม้วนแต่หนา..ประมาณ ๒ ซม....ครับ