เตือนพระหาเงิน ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฏหมาย!

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย THODSAPOL SETTAKASIKIT, 28 พฤศจิกายน 2010.

  1. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    องค์กรตำรวจทั่วประเทศ ร่วมพิทักษ์รักษาพุทธศาสนา
    ͧ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2010
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    พระรับเงิน ถ้า "ใจไม่ยินดีกับเงิน" ก็ไม่ถือว่าผิด
    พระไม่รับเงิน ถ้า "ใจยังติดกับเงิน" ก็ถือว่าผิด

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ขอบคุณค่ะ โดยส่วนตัว ไม่เห็นด้วยกับพระที่มีพฤติกรรมหาเงินอยู่แล้ว
     
  4. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ปี ๒๕๑๗ - ๒๕๑๘ - ๒๕๑๙ วัดท่าซุงเริ่มก่อสร้างโบสถ์ หลวงปู่บุดดาพร้อมด้วยหลวงปู่หลวงพ่ออีกประมาณ ๑๐ องค์ก็ไปช่วยงาน หลวงพ่อท่านนิมนต์ไปพักอยู่ที่วัดท่าซุงเลย คราวนี้พวกเราเคยชินกับคำว่าทำบุญ มักจะเอาแก้วสารพัดนึกก็คือเงินไว้ก่อน

    หลวงปู่บุดดาท่านจะทำอย่างไร ? ลูกศิษย์ท่านก็เอาถุงวางไว้ตรงหน้า พวกเราก็ใส่เงิน ใส่เงิน พอถึงเวลาโยมทำบุญเสร็จเรียบร้อย ลูกศิษย์ก็ผูกปากถุงส่งให้ หลวงปู่บุดดาแหวกย่ามเสียกว้างเชียวนะ กลัวจะกระทบเงิน ลูกศิษย์ก็หย่อนใส่ย่าม

    หลวงพ่อหันมาพอดี "อ๋อ..ไม่อยากได้ใช่ไหม ?" ท่านคว้าหมับเลย หลวงปู่บุดดาสองมือตะครุบหมับ "จับแล้วครับ.." บอกหน้าตาเฉยเลย "จับแล้วครับ.."

    หลวงพ่อบอก "เออ..ต้องอย่างนั้นซิ กะอีแค่ธาตุสี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม ปล่อยให้เกาะใจได้ก็อย่าเอาเลย ผมเอาเองก็ได้.."

    ตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่บุดดาจับเงินมาตลอด แล้วก็ไม่มีพระธรรมยุติรูปไหนกล้าว่าหลวงปู่ นั่นแหละ..หลวงพ่อท่านทำให้รู้ว่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จริง ๆ แล้วสำคัญตรงใจ แต่ว่าสิ่งใดก็ตามที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามเอาไว้ เราต้องเคารพและปฏิบัติตาม

    เพียงแต่ว่า ก่อนที่พระพุทธเจ้าท่านจะปรินิพพาน ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า “อานันทะ ดูก่อน..อานนท์ หลังจากตถาคตนิพพานไปแล้ว สิกขาบทเล็กน้อยที่ไม่เหมาะสมกับยุคสมัย ให้สงฆ์พร้อมใจกันสวดเพิกถอนสิกขาบทนั้นได้”คือว่าศีลข้อไหนถ้าไม่เหมาะกับยุคสมัย ให้พระพร้อมใจกันยกเลิกได้ แต่คราวนี้ว่า พระทั้งหมดท่านเคารพพระพุทธเจ้า ก็เลยไม่มีใครกล้าแตะต้องมาตลอด


    http://palungjit.org/threads/การถวายเงินพระขัดกับพระวินัยหรือไม่.221733/
     
  5. j.chaisat

    j.chaisat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +842
    คำๆ หนึ่งโดนมากครับ
    มีคนในกรุงถามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่า " หลวงปู่ท่านรักษาศีลกี่ข้อ"
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บอกว่า "รักษาข้อเดียว" อ้าว.......อะไรนิหลวงพ่อ งง
    "ก็เพียงรักษาใจเท่านั้น" จบ
     
  6. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    ชาวพุทธทั้งหลายเข้าใจธาตุสี่อย่างไร?
    พระพุทธเจ้าเข้าใจธาตุสี่อย่างไร?
    เล่ม ๑๗ หน้า ๑
    http://palungjit.org/tripitaka/index.php
    http://www.dhammahome.com/front/tipitaka/
    http://www.samyaek.com/tripidok/book17/001_050.htm

    อันเก่าเอามาใส่ของใหม่...

    กำหนดรู้ คือ กำหนด+รู้
    กำหนด ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง จำกัดไว้ แต่หมายถึง กำหนดเป้าหมาย หรือ เล็งเป้าหมาย
    จึงได้ความหมายว่า เล็งที่จะไปเรียนรู้ หรือ มุ่งที่จะไปเรียนรู้ เรียนไปเรียนรู้อะไร

    ตัวอย่าง
    ย่อมสำคัญหมายธาตุดินว่าของเรา ย่อมยินดียิ่งซึ่งธาตุดิน.
    ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร. ? เราตถาคตกล่าวว่าเพราะเขาไม่ได้กำหนดรู้.

    ถอดกำหนดรู้ออก แล้วใส่ความหมายเข้าไป

    ย่อมสำคัญหมายธาตุดินว่าของเรา ย่อมยินดียิ่งซึ่งธาตุดิน.
    ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร. ? เราตถาคตกล่าวว่าเพราะเขาไม่ได้ มุ่งไปเรียนรู้.

    แล้วไปเรียนรู้อะไรหล่ะ? ไปที่ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    จึง ปรากฏความหมายขึ้นมาว่า เพราะเขาไม่ได้เรียนรู้ว่ามันมีการแปรเปลี่ยน มันเป็นทุกข์ มันไม่มีตัวตน ใครเข้าไปยึดถือหรือแม้ยินดีก็ตาม ใจเขาย่อมได้ชื่อว่า ไปสู่การเปลี่ยนแปลง อันเป็นความทุกข์ ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไร แล้วคิดว่าถ้าพระบวชไปแล้วแล้วไปหลงติดยินดีเงินทองแล้วสึกออกมามีลูกมีเมีย แล้วน่ายินดีไหมหล่ะ?

    -----------------------------------------------------------------------------------
    ชาวพุทธทั้งหลายเข้าใจในพระพุทธเจ้าอย่างไร?
    เข้าใจในสาวกอย่างไร?
    เพราะเหตุไร เจ้าศากยะนั้นจึงตรัสอย่างนี้.
    เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นพระสัพพัญญู. ก็เจ้าศากยะนั้น ย่อมมีความ
    คิดอย่างนี้ว่า ภิกษุสงฆ์ แม้ไม่รู้พึงกล่าว เพราะตนมิใช่สัพพัญญู ส่วน
    พระศาสดาขึ้นชื่อว่าไม่ทรงทราบไม่มี
    เล่ม ๓๑ หน้า ๓๓๓
    http://palungjit.org/tripitaka/index.php
    http://www.dhammahome.com/front/tipitaka/
    http://www.samyaek.com/tripidok/book31/301_350.htm


    บุญจากการเปิดธรรมวินัยนี้ จงสำเร็จแก่ ญาติ เทวดาที่รักษา นายเวร เชื้อโรคข้า ครอบครัวข้า ชาวทิพย์ที่ดูแลกิจการที่ข้าเกี่ยวข้อง ชาวทิพย์ที่ดูแลรักษาพุทธศาสนา และ ผู้ต้องการตลอดไป.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2011
  7. สนังกุมารพรหม

    สนังกุมารพรหม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +992
    พี่ครับอย่าร้อนนะพี่ อืมคำว่าหาเงินเนี่ยพี่ช่วยอธิบายให้กระจ่างพร้อมยกตัวย่างให้ผมฟังสักหน่อยนะครับผม พอดีผมมันคนโง่อะครับไม่ค่อยจะเข้าใจ

    อีกอย่างนะพี่นะพี่เขียนมามันยาว ผมสมาธิสั้น ผมมันโง่อะครับ ผมไปวัดนะ พระท่าน(หลวงไตรภพ) ท่านบอกผมกะปิหน่อย กะปิหน่อย ผมวิ่งโล่ไปโรงครัวเลยครับ พอไปกลับมาท่านถามไปทำไมโรงครัว ผมตอบว่าอ้าวก็ไปหากระปิไงครับหลวง

    ท่านหัวเราะ ไม่ใช่กระปิ บอกให้กะปิอาหาร คือตามพระธรรมวินัยนะพี่ ท่านกำหนดไว้ว่าพืฐชนิดไหนที่สามารถปลูกเกิดได้ และมีเมล็ดที่จะสามารถเคี้ยวแตกได้ ก่อนจะรับประเคนต้องให้ผู้ประเคนนั้นกะปิอาหารนั้นเสียก่อน

    อาหารประเภทนี้นะจะมี หัวหอม หระเทียม ผักบางชนิด แล้วก็พวกมีเมล็ดและเม็ดทั้งปวงหนะครับ ต้องกะปิหมดเลย ผมเกาหัวเลยพี่ โอ้วมายก๊อด อะไรนี่ 5555

    ดูความโง่ของผมสิครับ เรื่องนี้ก็เหมือนกันนะพี่นะ พี่ต้องยกตัวอย่างให้ผมสักหน่อย ชี้ผิดชี้ถูก แต่ห้ามยาวนะพี่ พยายามรวบลัดแต่ได้ใจความอะครับ ไม่ต้องไปโยงไยนู่นนี่มาหรอก หากผิดจริงหนะ เอาแค่ในหนังสือวินัยมุข หรือพระไตรปิฎก ก็พอแล้ว อย่าเอาโลกมาถมธรรมนะพี่นะ

    พี่จะบวชเมื่อไหรหละครับ ผมว่าพี่ถ้าบวชนะคงเคร่งน่าดูเลย คงปฏิบัติตามพระธรรมวินัยหมดทุกข้อเลยมั้งเนี่ย โอ้วสุดยอดมากเลยครับผม

    เออคุณพี่ ชอบทำบุยหรือเปล่าครับ แล้วไปทำวัดไหนอะครับ แนพนำผมหน่อยสิ สงสัยวัดนั้นคงจะเคร่งน่าดูเลยผมว่านะ เพราะขนาดศิษย์ยังเคร่งได้ใจขนาดนี้แล้วพระท่านจะขนาดไหนอะ อืม

    แต่เอ บางสมัยนะพี่ ผมได้ยินมาว่าพระพุทธองค์ท่านยังเคยทรงลดหย่อนผอนปลน วินัยลงบ้างเลยนะพี่ เช่น สมัยเมื่อคราวข้าวยากหมากแพง ท่านก็ทรงอนุญาติให้พระสงฆ์สามารถเก็บพวกอาหารแห้งเอาไว้ได้ สามารถเก็บผลไม้ เง่าอุบลเองได้ และยังมีอีกสองยามอย่างอะครับ เพราะมันขาดแคลน

    เรื่องการขอของนี่ก็เหมือนกันนะพี่นะ คือ สมัยนึงพระโมคคัลลาท่านไปทรมาณเศร็ษฐีคนนึงนะ เพราะเศร็ษฐีคนนั้นเป็นคนตระหนี่ขี้เหนียวมากแถมยังไกลจะตายแล้วด้วย

    ท่านพระมหาโมกคัลลานะ ท่านทำทุกวิถีทางเพื่อให้เศร็ษฐีคนนั้นได้ให้ทาน ได้ทำบุญ คือแบบว่าตื้อสุดๆเลยพี่ ขนาดเศร็ษฐีหนีขึ้นไปบนชั้นบนสุดท่านยังเหาะขึ้นไปอยู่หน้าต่างเลยพี่ ขนาดนั้นเลยอะครับ

    แบบนี้ท่านพระมหาโมลคัลลานะจะไม่ผิด จะไม่ตกนรกหรือครับพี่

    เนี่ยแหละคือปัญหาที่ทำให้ผมคาใจอะครับ พี่ช่วยผมหน่อยนะ อย่าปล่อยให้ผมโง่ไปกว่านี้เลยนะพี่นะ อืม อยากรู้จริงๆ แต่ไม่อยากอ่าน
    ผมพูดจริงๆนะพี่นะ ช่วยสงเคราะห์ผมหน่อยนะครับ ขออนุโมทนาจากใจครับผม
     
  8. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,437
    ค่าพลัง:
    +1,770
    ในปัจจุบันทุกอย่างต้องใช้เงิน วัดก็ต้องจ่ายค่าน้ำไฟค่าโทรศัทพ์ ถาวรวัตถุก็ต้องจ้างบริษัทรับเหมามาสร้าง แม้จะทำพระผงให้ญาติโยมบูชา ค่าทำบล๊อกเป็นหมื่น

    ถ้าพระรับเงินไม่ได้เลยก็จะเป็นแบบนี้นะครับ
    -วัดใช้เทียนพรรษาแทนหลอดไฟ
    -พระสงฆ์ต้องไปหาบน้ำมาใช้
    -เวลาสร้างศาลา พระก็ต้องสร้างเอง ชาวบ้านก็ต้องลงแรงก่ออิฐถือปูน
    -แล้วถ้าพระอาพาธ ???
    -แล้วถ้าพระท่านต้องการเดินทาง เช่นไปสอบที่กรุงเทพต้องเดินหรือ

    มนุษย์เราปัจจัย4 ทุกวันนี้ต้องใช้เงิน

    โปรดพิจรณา ขออณุโมทนา
     
  9. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    ขอทราบชื่อนามสกุล และอายุด้วยครับ

    ผู้ให้อายุย่อมได้อายุ จะได้ลำดับได้ถูก

    ส่วนชื่อนามสกุลนั้น เพื่อเป็นการเคารพในธรรม ไม่ปิดบังตัวเอง
    การทำความเข้าใจธรรมย่อมง่ายกว่า ผู้ปิดบัง.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  10. 道教พินอิน

    道教พินอิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +510
    อืมนะ มีถามชื่อนามสกุลด้วยนะครับผม สงสัยเป็นนักกฏหมายตัวยงเลย จริงหรือครับที่กล่าวอ้างไปถึงธรรม ที่บอกว่าผู้ให้อายุย่อมได้อายุ ส่วนชื่อนามสกุลนั้น เพื่อเป็นการเคารพในธรรม ไม่ปิดบังตัวเอง

    พูดดีนะครับ แต่ผมว่าแฝงไปด้วยเลศนัยมากมายเลยนะ การบอกกล่าวธรรมตามเป็นจริงแก่ผู้สงสัย ทำไมต้องบอกชื่อนามสกุลและอายุด้วยครับ ก็ท่านเองเป็นคนมาตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ท่านไม่รู้หรือว่าในนี้หนะมีคนอ่านมากมาย และคนอ่านมากมายหนะเขามีชื่อที่ใช้ภายในเว็ปนี้กันทุกๆคน
    ชื่อในนี้ก็คือเครื่องหมายแทนตัวตนของบุคคลเหล่านั้นทุกๆคน แล้วท่านมาโพสท์กระทู้ทำไมหากไม่กล้าที่จะอธิบายให้ผู้สงสัยให้เข้าใจ
    ท่านน่าจะกำหนดด้วยนะว่า คนที่จะอ่านกระทู้ของท่านได้ ต้องบอกอายุ ชื่อ พร้อมทั้งนามสกุลจริงด้วย จึงจะสามารถเข้ามาอ่านกระทู้ได้

    ท่านกำหนดสิครับ ทีนี้เวลาใครเขามาอ่านท่านจะได้ตอบเขาได้ทันทีไม่ต้องมาถาม แต่ตอนนี้ท่านมาตั้งกระทู้ให้คนที่เขาไม่ได้บอกชื่อนามสกุลจริง ไม่ได้บอกอายุ อ่านกัน เขาเหล่านั้นก็ต้องมีความสงสัยกันเป็นธรรมดา

    แล้วท่านจะมาบ่ายเบี่ยงทำไมครับ หรือว่าท่านเป็นแค่คนประเภทที่ว่าเห็นช้างขี้แล้วขี้ตามช้างครับ

    แบบว่ามักอวด มักแบกตำรามาข่มมาขู่ผู้อื่น อะไรแบบนั้นหนะครับ

    ขอโทษนะครับที่ผมพูดอะไรตรงไปหน่อย ก็เห็นท่านเป็นแค่คนธรรมดาเหมือนกันกับผม ผมจึงกล้าพูดคำตรงไปตรงมา

    ขนาดท่านยังกล้าใช้คำที่ร้อนแรงกล่าวอ้างในกระทู้ของท่าน จาบจ้วงถึงพระสงฆ์อีกด้วยไม่ใช่หรือครับ ท่านไม่เกรงใจผ้าเหลืองได้ แล้วจะให้ผมเกรงใจท่านได้อย่างไรหละครับ

    ท่านมีศีลกี่ข้อครับ บอกผมหน่อยนะครับ แล้วสามแยกหนะไปทุกวันไหมครับท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 พฤศจิกายน 2010
  11. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ภูมิธรรมผมไม่สูงมาก ชื่อผมก็หาไม่ยาก ถ้าท่านจะหา หาเจออยู่แล้ว
    การถามชื่อคนอื่นนั้น ต้องระบุเหตุผลที่ชัดเจนว่า ถามไปเพื่ออะไรนะครับ

    สำหรับเรื่องพระรับเงินนั้น พิจารณาได้ 2 มุม นั่นคือ
    เงินที่ญาติโยมถวาย ก็เพื่อให้พระได้ใช้ในกิจเพื่อพระศาสนา
    หลาย ๆ วัดได้มีการแยกการทำบุญ คือ

    1. ทำบุญ อาทิ การก่อสร้างวิหารทาน ค่าไฟฟ้าในวัด ค่าอื่น ๆ
    2. ให้พระใช้ส่วนตัว เช่น ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ อื่น ๆ

    โดยปกติพระที่ดี จะนำเงินไปใช้เพื่อประโยชน์ในพระศาสนา

    การที่ห้ามพระรับเงินนั้น จะต้องอธิบายให้ชัดว่า หมายถึงอะไร
    หากพระเดินเรี่ยไรเงิน อันนี้ผมเห็นด้วยว่า ไม่สมควรครับ

    แต่ถ้าพระมีโครงการเพื่อพระศาสนา และมีผู้ถวายเงินท่าน
    หรือ เห็นท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้วถวายเงินท่าน
    อันนี้ท่านจะรับเงินจากญาติโยม ก็คงจะไม่ผิด
    เพราะท่านมิได้รับไปเพื่อใช้ส่วนตัว และท่านมิได้ยินดี
    ในเงินที่ได้รับ

    ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ พระห้ามจับสตรีเพศ
    แต่พระ (ลูก) สามารถปรนนิบัติมารดาได้
    ซึ่งในเรื่องนี้พระพุทธองค์ได้ โมทนาสาธุ และ
    ประกาศว่า ไม่ผิด และเป็นเรื่องที่ชอบแล้ว

    ดังนั้นทุกอย่าง สำเร็จที่ "ใจ" ครับ
    ถ้า "ใจคิดดี" ทุกอย่างก็ไม่น่าจะผิดครับ

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  12. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    การที่คุณไปโพสต์ที่เว็บสามแยก ใน link คลิก

    แล้วไปชวนเพื่อนมาช่วยตอบในกระทู้นี้ คลิก ผมคิดว่า ไม่ดีหรอกครับ
    ถ้าคุณเชื่อว่า พระไม่ควรรับเงิน ก็เป็นสิทธิ์ของคุณครับ

    ถ้าคนในเว็บพลังจิตจะเชื่อว่า พระรับเงินได้ ถ้าใจไม่ติดหรือยินดีในเงิน
    ก็ไม่น่าจะผิดนะครับ ตัวอย่างพระอริยสงฆ์ที่จับเงินก็มีเยอะครับ

    คนเรามีสิทธิเสรีภาพครับ คนเราเห็นต่างได้ แต่ไม่ควรจะขัดแย้งกัน
    ผมเข้าไปอ่านในเว็บสามแยกแล้ว เห็นพระอาจารย์เกษมท่านบอกว่า

    "ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

    พระวัดสามแยก ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจให้กับทุกคนได้ ผู้ใดสามารถที่จะเข้าใจในสิ่งที่พวกเราอธิบาย ก็ไปด้วยกันกับพวกเราได้ ก็จงอยู่ศึกษาเล่าเรียนธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยกันกับพวกเรา

    ส่วนผู้ใดเมื่อฟังพวกเราอธิบายธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ ก็ควรไปหาผู้อื่นที่สามารถจะอธิบายให้ท่านเข้าใจได้ และควรปล่อยให้พวกเราได้ดำเนินไปตามเรื่องของพวกเราซะ

    พระเกษม อาจิณฺณสีโล และพระวัดสามแยก"


    ดังนั้นผมคิดว่า พระอาจารย์เกษมท่านเปิดกว้างนะครับ

    ถ้าพระที่รับเงิน แล้วใจติดกับเงิน เขาเรียก สมมติสงฆ์ นั่นคือ ไม่ใช่พระครับ

    แต่พระที่รับเงิน แล้วใจไม่ติดกับเงิน เขาเรียก พระอริยสงฆ์ครับ

    ถ้าคนในเว็บพลังจิต เชื่อว่า พระรับเงินได้ คุณก็ควรจะยอมรับ และไม่ควรตั้งหลายกระทู้

    ถ้าจะนำเสนอมุมมองของคุณ ก็ขอให้อยู่ในกระทู้เดียว เพื่อไม่ให้ประเด็นกระจายครับ

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  13. cmhadtong

    cmhadtong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +2,034
    โลกนี้ไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยงนะครับ
    วันเวลาล่วงไปเรากำลังทำอะไรกันอยู่
    เวลาแต่ละวินาทีที่ผ่านไปเท่ากับเราเดินเข้าไปหาความตาย
    จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้
    นักบวชในพระพุทธศาสนาจะควรรับเงินหรือไม่รับเงิน อย่าไปให้ความสำคัญมากเลย
    ดูตัวของเราดีกว่า ว่าศีลเราบกพร่องหรือเปล่า สมาธิเราตั้งมั่นพอจะกดกิเลสได้ไหม
    วิปัสนาพอที่จะเห็นไปตามความจริงของโลกหรือเปล่า
    จุดหมายของเราและท่านต่างก็คือ พระนิพพาน ไม่ใช่หรือ
    ตราบใดที่ยังไม่ถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์ย่อมมีพลั้งพลาด ผิดเผลอเป็นธรรมดา
    แต่ต่างก็ปรารถนาดีต่อพระพุทธศานาเช่นกันนะ
    เจริญในธรรมนะท่านนะ
     
  14. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    ต้องขออภัยท่านอื่นที่เปิดเผยตัวด้วยนะครับ
    เป็นความผิดของผมเองที่ถามไม่รอบคอบ
    เพราะผู้ที่ใช้ชื่อว่า สนังกุมารพรหม เขาถาม แล้วผมเข้าไปดูแล้วไม่เจอ
    จึงถามขึ้น ถ้ามันคลาดเคลื่อนไป ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย และไม่เลี่ยงว่าไม่ผิดครับ
    ขออภัยด้วยครับ
     
  15. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    [​IMG]
    ทีนี้มีปัญหาให้หลายคนสงสัยว่าจับเงินบาปหรือไม่ ในปัยหานี้หลวงปู่ท่านแก้ดั่งนี้
    ปัญหา ..... หลวงปู่เดี๋ยวนี้เขาบอกว่าพระห้ามจับเงินพระจับเงินเป็นบาป ถวายเงินพระโดยใส่ซองก็บาป จริงเท็จอย่างไรครับ
    หลวงปู่อ่อนแสง.....โอ๊ยเจ้าสิเป็นธรรมยุติ(หลวงปู่อำผู้ถาม) เอาอย่างนี้นะ ที่เอ็งถวายหลวงปู่เป็นอะไร
    ปัญหา.... เป็นเงินมั้งครับ
    หลวงปู่อ่อนแสง...... เป็นเงินที่ไหนเป็นกระดาษ
    ปัญหา...งงครับหลวงปู่
    หลวง ปู่อ่อนแสง.... เอ้างี้ในพระธรรมวินัยโบราณ พระเจ้าท่านบัญญัติว่าพระภิกษุห้ามจับเงินจับทอง ท่านให้หมายว่าเป็นก้อนเงิน ก้อนทองจริงๆๆ
    สมัยนี้ที่พวกเราใช้อยู่มัน เป็นสิ่งสมมติ เป็นกระดาษสมมติไงล่ะ ใส่ไปเถอะบางทีพระเองท่านต้องใช้เงินไปหาหมอ ซื้อยูกยาหรือค่าอะไรที่ใช้ในกิจการพระศาสนา
    รับเงินอ่ารับไม่ได้แต่รับสิ่งสมมติแทนมุลค่าเงินก็ได้ มันเป้นไปตามสมัยน้อ สมัยนี้กระดาษแทนมูลค่าเป็นสิ่งสำคัญจำเป็นอยู่ ก็ใช้ได้
    ปัญหา....แล้วที่บอกให้เอาเงินไว้กับเด็กวัด มอบเป็นใบปวารณาไว้
    หลวง ปู่อ่อนแสง..... อันนี้ที่ถามเพราะเอาแนวนิกายธรรมยุติมาปรับกับหลวงปู่น้อ(หัวเราะ) จริงๆๆจะใช้แบบใบปวารณาก็ถือว่าพระสงฆ์รับเงินอยู่ดีแม้นไม่ใช้เงินไมไ่ด้ ใส่เป็นซอง
    ก็ใช้ใบแทนอยู่ดี ให้เด็กเก็บเงินแทนไว้มันลำบากน้อ เวลาเกิดเหตุจะใช้เด็กไม่อยุ่จะไปเอาเงินที่ไหน เกิดเด็กโลภเอาเงินสงฆ์ใช้ไปก็บาปอีก พระโกรธก็กำลังใจลดลงอีกไม่ดีทั้งสองฝ่าย
    อย่างไรเก็บเงินไว้กะตัวดีกว่าน้อ
    ปัญหา...หลวงปู่ครับที่บางวัดบอกว่าเราเอาเงินใส่ซองถวายพระเราไม่ได้บุญได้บาป นี่ตกลงว่าอย่างไรครับ
    หลวงปุ่อ่อนแสง...โธ่เอ้ยก็ได้บุญนะสิ เราเห็นพระเราเกิดศรัทธาใส่ซองปัจจัยถวายพระก็ได้บุญสิไอ้หนู
    ปัญหา... แต่บางที่ว่าทำให้พระอาบัติ บาปครับ
    หลวงปุ่อ่อนแสง.... อืมในสมัยพุทธกาลพระเจ้าท่านบอกว่าสิกขาบทเล็กน้อยเห็นสมควรถอนบ้างก็ได้ไม่เป็นไรนี่
    ปัญหา...แต่เขาบอกว่าหลวงปู่พระมหากัสสปะคงไว้หมดไม่ให้ตัดครับ
    หลวงปู่อ่อนแสง...ป่วยการไปอ้างท่านบาปปากเราเปล่าๆๆ หลวงปู่มีนิทานจะเล่าให้ฟัง แล้วพิจารณาเอาเองนะ
    มีอยู่ที่เลย พระรูปนี้ไปศึกษาธรรมมาจากกรุงเทพ ในพระวินัยบอกว่าห้ามพรากของเขียวใช่ไหม ท่านมาอยู่เลยใหม่ๆๆก็ประกาศความเคร่ง
    โดย ปลูกกุฏิ แต่ด้วยกลัวผิดพระวินัย ท่านเลยไม่ดายหญ้า ปล่อยให้หญ้านั้นสูงขึ้นจนท่วมวัด นานไปนานไปก็ไม่มีคนไปทำบุญ ทีนี้ชาวบ้านมาทำบุญอีกวัดที่ไกลกว่าหมู่บ้านตนมาก
    หลวงปู่ก็ถามว่าเอ้า วัดนี้ใกล้ๆๆทำไมไม่ไป ชาวบ้านก็ตอบว่
    พระสงฆ์ที่วัดนั้นขี้เกียจหญ้าไม่ดาย ปล่อยจนรกท่วมวัดวา พระแบบนี้ไม่สมควรไปทำบุญ
    อย่างเรื่องนี้ อะไรที่มันเปลี่ยนไปพัฒนาไป ก็ต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพแวดล้อม พระเจ้าพระองค์ก็ทราบก็อนุญาต จะมาถือเรื่องสิ่งสมมติเหล่านี้ทำไม
    ปัญหา....อีกข้อหลวงปู่การที่เขาบอกว่าพระมาเรี่ยไรทำบุญสร้างโน่นสร้างนี่ไม่ใช่กิจของสงฆ์เป็นอาบัติ จริงไหมครับ
    หลวง ปู่อ่อนแสง....พระที่สอนนี่มันมีทิฏฐิผิดน้อ สมัยก่อนใช่พวกโยมมาสร้างวัดวาให้พระสงฆ์อยู่แต่บัดนนี้ที่สร้างมันทรุดโทรม หากพระไม่บอกบุญ ญาติโยมจะรู้ได้อย่างไรว่าวัดทรุดตรงไหน
    โทรมตรงไหน และคติเดี๋ยวนี้ไม่ต้องสร้างวัดกัน แล้วจะรอใครมาสร้างให้แล้วนิมนต์ไปจำ การมาบอกของพระก็ดีเผื่อให้ญาติโยมต่อบุญกัน ไม่ใช่เรี่ยไรสักน้อย อย่างนี้พระธาตุพระบาทพระเจ้าทรุด
    จะไปบอกให้มาร่วมบูณณะก็ผิดหมด ถืออย่างนี้มิจฉาทิฏฐินะ(หลวงปู่ท่านว่ามิจฉาทิฏฐิลงโลกันตนรก หนักกว่าอเวจี แม้พระเจ้ามาตรัส3องค์ยังไม่ขึ้นมาเลย)
    ท่านผู้้อ่านก็ลองอ่านแล้วคิดตามดูนะครับ

    ที่มา ไขปัญหาธรรมโดยหลวงปู่อ่อนแสง ตอน พระจับเงิน
     
  16. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    เข้ามาอ่านค่ะ................
     
  17. 道教พินอิน

    道教พินอิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +510
    ผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับคุณสนังกุมารพรหมหรอกนะครับ ถ้าจะเกี่ยวก็คงเป็นคำถามที่เขาถามท่านไป คงจะไปสะกิดอมิกดาลา อไมกดาลา ของคุณเข้ากระมังครับ ถึงได้โพ่งออกมาอย่างนั้น ผมว่าเขาไม่เห็นจะผิดอะไรเลยนี่ครับ เขามีสิทธิ์ที่จะถามเพราะเขาสงสัย คุณในฐานะที่เป็นผู้นำเสนอ คุณต้องสามารถตอบคำถามให้กับผู้ที่สงสัยทุกๆคนได้

    หรือคุณกลัวเขาจะอมภูมิหรือครับ กลัวแพ้ทางหรือครับ มันไม่ได้กว้างขวางอะไรเลยนี่ครับ ก็แค่อธิบายคำว่าผิด ผิดตรงไหนครับ ผิดอย่างไร

    หากรู้ไม่จริงผมว่าคุณอย่าริมาสอนคนอื่นเลยครับ สอนตัวเองให้ได้เสียก่อน ไปศึกษามาให้ดีก่อนนะครับก่อนที่จะมาสอนมาเตือนใครๆเขา

    เออถ้าคุณนำคำเตือนของครูบาอาจารย์มาโพสท์ มันก็อีกอย่างนะ แต่นี่มันเป็นทัศนะของคุณเอง คุณก็น่าจะสามารตอบได้

    แล้วตกลงจะตอบคุณสนังกุมารพรหมหรือเปล่าหละครับท่าน
    หากไม่ตอบเพราะเหตุใดครับ
    คนโกงหนะเขาต้องวางแผนอย่างแนบเนียน บางทีนะครับคนที่แลดูเด่นชัดอยู่ในที่แจ้ง อาจจะเป็นคนที่ลึกลับที่สุดก็ได้ หรือไม่จริงครับท่าน
     
  18. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    ตอบคุณคมณ์ครับ

    ..การที่คุณไปโพสต์ที่เว็บสามแยก ใน link คลิก
    แล้วไปชวนเพื่อนมาช่วยตอบในกระทู้นี้ คลิก ผมคิดว่า ไม่ดีหรอกครับ
    ถ้าคุณเชื่อว่า พระไม่ควรรับเงิน ก็เป็นสิทธิ์ของคุณครับ...

    ชี้แจงว่า ผู้ที่ใช้ชื่อว่า theboo ไปโพสจริงครับ และผมก็มาจริง แต่ไม่ได้ชวนมา
    แต่มีมากันจริง ซึ่งก็เห็นกันอยูในเว็ป เพราะลำพังผมคนเดียวเว็ปพลังจิตก็ปั่นปวนแล้วไม่ใช่หรือ? แต่ไม่ได้หมายมาป่วนนะ มีแค่มาเปิดออก ใครมีความอย่างไรก็ว่าไป เห็นว่ามันไม่เข้าในธรรมข้อไหนก็เปิดออกมา เขาจะยอมหรือไม่ยอม มันก็สิทธิ์ของเขา เพราะมีหน้าที่เปิดให้ศึกษาเท่านั้น ไม่บังคับใครให้เชื่อ เพราะมันบังคับให้รู้กันไม่ได้ มีแค่เปิดให้ศึกษากันไป ส่วนคุณสันต์นั้น เขาก็อยู่ในนั้น เมื่อมีผู้ไปโพสไว้ เขาก็มาของเขาเอง (เพราะเขาก็ต้องการมาเปิดธรรมวินัยเหมือนกันครับ)
    แต่ไม่ได้ชวนใครมาครับ ขอยืนยันชี้แจงตามนี้แหล่ะครับ

    ...คนเรามีสิทธิเสรีภาพครับ คนเราเห็นต่างได้ แต่ไม่ควรจะขัดแย้งกัน...
    ใช่ครับ และก็ไม่บังคับให้ต้องมาเชื่อมาทำตามครับ แต่เมื่อใครมาตอบ ถ้ามันขัดกับที่พระพระพุทธเจ้าสอนก็ต้องเปิดออกมาให้รู้จัก ว่ากำลังขวางคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยไม่รู้ตัว
    มันต้องเปิดออกมาให้รู้จักว่าท่านกล่าวอย่างนี้ มันมีผลอย่างนี้ ชี้ไป แจงไป ก็มีแค่นี้แหล่ะครับ ไม่ต้องมาเชื่อกัน และไม่เกี่ยวว่าใครจะเห็นว่าอย่างไรแม้ผู้เปิดเองก็ตาม
    ทำผิด เกิดผลผิดเหมือนกัน ทำถูกต้องเกิดผลถูกต้องเหมือนกันครับ

    ...ดังนั้นผมคิดว่า พระอาจารย์เกษมท่านเปิดกว้างนะครับ...
    ที่ผมมาเปิดนี้เป็นส่วนตัวโดยเฉพาะ ทางเว็ปหรือคณะพระหรือหลวงปู่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ
    ผมเองจึงขอประกาศรับผิดชอบต่อการกระทำของผมไว้ ณ ที่นี้ครับ

    ...ถ้าพระที่รับเงิน แล้วใจติดกับเงิน เขาเรียก สมมติสงฆ์ นั่นคือ ไม่ใช่พระครับ
    แต่พระที่รับเงิน แล้วใจไม่ติดกับเงิน เขาเรียก พระอริยสงฆ์ครับ...

    ใช่ในความเข้าใจของคุณคมณ์
    แต่ไปดูในพระไตรปิฎกกี่ที่ กี่ที่พระพุทธเจ้าก็สอนให้ระมัดระวังกายวาจา สำรวมกายวาจา แล้วการไปขัดที่ใจ ศาสนานี้มีลำดับ ไม่ใช่ไม่มีลำดับ ภิกษุสงฆ์ กับสงฆ์ตามที่เรียนรู้มา คนละอัน คนละอย่างเลย ถ้าอย่างนั้นพระพุทธเจ้าบัญญัติว่า ภิกษุเว้นขาดจากทองและเงินทำไม? และถ้าอยู่ที่ใจ พระพุทธเจ้าก็ไม่ต้องบัญญัติศีลไว้สิ แล้วจะคิดว่าอย่างไร
    แล้วถ้าเข้าใจว่าการรับเงินทองนี้เป็นพุทธบัญญัติเล็กๆน้อยๆ แล้วจะตัดออก ในคณะสงฆ์ของพระมากัสสปะผู้ทำพระไตรปิฎกไว้ก็ประกาศไว้แล้วว่า จะไม่บัญญัติเพิ่มในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ จะไม่เพิกถอน ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่อนุญาต แล้วจะให้เข้าใจอย่างไรครับ ควรจะปล่อยผ่านไป หรือ ควรจะเปิดให้ศึกษากันหล่ะที่นี้
    *เพราะได้ยินมาว่าพระอานนท์ก็ไม่ได้ถามว่าอะไรที่ตัดออกได้อะไรตัดออกไม่ได้ คณะสงฆ์ท่านมหากัสสปจึงถือตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ

    ..ถ้าคนในเว็บพลังจิต เชื่อว่า พระรับเงินได้ คุณก็ควรจะยอมรับ และไม่ควรตั้งหลายกระทู้
    ถ้าจะนำเสนอมุมมองของคุณ ก็ขอให้อยู่ในกระทู้เดียว เพื่อไม่ให้ประเด็นกระจายครับ..

    ถ้าจะเชื่อกันไปอย่างนั้นก็ไม่ได้บังคับเพราะความเข้าใจมันบังคับกันไม่ได้ มีแต่เปิดให้ศึกษากันไป ส่วนกระทู้นั้น ผมตั้งเองกระทู้นี้กระทู้เดียวและก็คงไม่ไปมากกว่านี้แล้วครับ เพราะแค่กระทู้นี้ก็ป่วนกันแล้ว มากกว่านี้ก็ไม่ไหวครับ เพราะมีงานที่ต้องทำเลี้ยงชีพอยู่ด้วยครับ

    ถ้ายังสงสัยอย่างไรก็ถามได้ครับ เพราะก็ไม่ปิดว่าผมถูกคุณผิด เพราะถ้าผมทำผิดจากคำสอนก็ไปไม่รอดเหมือนกันครับ อยู่ภายใต้ธรรมของพระพุทธเจ้าเหมือนกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2010
  19. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    คุณ เราไม่ต่างถ้าต้องการคุยกันจริงๆ ก็แสดงชื่อนาสกุลก็ได้ครับ
    ไม่ต้องอายุก็ได้ครับ

    มันคุยกันง่ายครับ เพราะคุณคมณ์ยังเปิดเลย คุณจะกลัวอะไรครับ
    ผมก็ไม่ได้ปิดเหมือนกัน

    เรื่องอายุนั้นอยู่เรื่องสัตว์สามสหาย เคารพกันแล้วไปสวรรค์ เพราะเคารพกันตามอายุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  20. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมเองเปิดเผยตัวอยู่แล้วครับ ชื่อผมกดดูจากบัญชีบริจาคได้ครับ
    หน้าตาผม ดูในรูปครับ อายุผมก็ 32 จะเข้า 33 แล้ว (บางคนดูภาพ อาจเข้าใจว่า 40 กว่าก็ได้ครับ)

    เว็บพลังจิตไม่ได้กลัวคุณมาป่วนนะครับ เว็บพลังจิตเปิดกว้างทางความคิดครับ
    แต่ไม่อยากให้มีการตั้งโพสต์กระจายหลายโพสต์ในเรื่องเดียว เพราะกระทู้ที่ผมบอก ก็คุยกันเรื่องนี้แล้ว กระทู้นี้ก็แยกออกมาอีก
    ผมว่า เอาสักกระทู้ดีกว่าครับ จะได้ต่อเนื่อง

    เรื่องพระไม่ควรรับเงิน ตามพระวินัยผมเห็นด้วยครับ แต่ในสภาพปัจจุบันนั้น จำเป็นต้องมีการปรับให้เข้ากับยุคสมัยนะครับ เพราะถ้าเทียบตามสมัยพุทธกาลจริง ๆ พระต้องทำจีวรเอง ย้อมเอง แล้วต้องไปหาเศษผ้าจากป่า นะครับ

    แต่ปัจจุบันบางข้อก็มีการปรับให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งมิได้ทำให้เสียหายเลยครับ

    พระพุทธเจ้าสอนว่า เราต้องสำรวจ กาย วาจา และที่สำคัญที่สุด คือ "ใจ"

    การรับเงินนั้น ผมมองว่าเป็นเพียง "กาย"
    ส่วนการขอเงินนั้น ผมมองว่าเป็นเพียง "วาจา"

    แต่สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือ "ใจ"

    ถ้าพระบอกบุญ (วาจา) และรับเงิน (กาย) แต่ "ใจ" ท่านมิได้ยินดีในเงินนั้น
    ก็ถือว่า ท่านบริสุทธิ์อยู่ เพราะใจท่านมิได้ติดอยู่กับเงิน

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...