ความตายที่น่าอภิรมย์

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย syton-666, 18 พฤศจิกายน 2010.

  1. syton-666

    syton-666 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +8
    โลกของคนเป็นโรคซึมเศร้า ร้องไห้ได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่มีเหตุผล ท้อแท้ไปหมด อยากตายเพราะไม่อยากเผชิญกับความรู้สึกของตัวเอง คิดถึงแต่อดีตที่ร้ายๆ เรื่องดีๆไม่อยู่ในโสตประสาท มักย้อนอดีตคิดไปถึงสมัยเด็กๆที่ขาดความเอาใจใส่หรือพ่อแม่ตีกัน คิดว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่มีความหมายแล้วจะอยู่ไปทำไม บางคนคิดว่าเรียกร้องความสนใจ แต่ไม่ใช่เลย... บางครั้งมีอาการของจิตประสาทร่วมด้วย เช่น หูแว่ว ได้ยินคนมาด่าอยู่ข้างๆหู มีเสียงพูดอยู่ในหัวตัวเอง มีเสียงคนเถียงกันอยู่ในหัว บางทีก็รู้สึกว่ามีอีกคนอยู่ในตัวเองที่เรียกกันว่า 2 คนในร่างเดียว บ้างก็มีมากกว่า 2 ต้องเรียกตัวเองกลับมาโดยการทำร้ายตัวเองให้เจ็บ เมื่อเราเจ็บแล้วอีกคนหนึ่งในตัวของเราก็จะหนีไป คิดตลอดเวลาโดยเฉพาะเรื่องร้ายๆ โทษตัวเอง ใครก็ตามที่มีอาการดังกล่าวมานี้ต้องไปปรึกษาหมอจิตเวชให้เร็วที่สุด ยาช่วยได้จริงๆแต่บางครั้งก็มีบ้างที่อาการเดิมกลับมาเป็นอีกเวลาที่มีเรื่องแรงๆมาประทบจิตใจ
    ก่อนกระทำทุกครั้งจะสั่งลากับเพื่อนสนิทและฝากบอกถึงคนในครอบครัวก่อน หรือไม่บอกใครแต่จะพูดเป็นนัยๆว่าเรารักและเป็นห่วงทุกคนและขอโทษต่อทุกสิ่งที่ได้ทำไม่ดีไว้หรือขออโหสิให้ตัวเอง ทุกครั้งที่ทำการไม่มีใครเห็นหรืออยู่ในสถานการณ์ มีสติสมบูรณ์ ตั้งใจและเตรียมพร้อมต่ออาการหรือความทรมานที่จะเกิดขึ้น ก่อนสิ้นสติทุกครั้งจะขออภัยบาปต่อพระเจ้าและขอให้ตัวเองได้ขึ้นสู่สวรรค์
    ลำดับการตาย
    ยานอนหลับของยาย ทุกเม็ดที่มี จำนวน 1 กำมือ เม็ดเล็กขนานเท่ายาแก้แพ้(ไม่รู้ยาอะไร) โดยประมาณ 30-40 เม็ด และยาลดน้ำมูก Actifed 5 เม็ด
    ความตั้งใจ : คิดว่าหลับตายไปเลย
    ง่วงนอน หลับ รู้สึกตัวอีกทีก็คลื่นไส้ ลุกขึ้นมาอาเจียนแล้วนอนต่อ หลับข้ามวันโดยที่ไม่ได้กินข้าวกินน้ำเลย 2 วันกับ 2 คืน ตื่นเช้าถัดมาก็ไปเรียนตามปกติ
    ครั้งแรกเห็นหน้าตัวเองในกระจกวันที่ไปโรงเรียน ปากเขียวจนม่วง หน้าซีดสุดๆ เดินตัวลอยๆ เซๆแต่พอทรงตัวได้ ต่อจากนั้นมาก็ไม่มีอะไร หายเป็นปกติโดยไม่มีใครรู้
    ยาแก้แพ้ เม็ดเหลือง Clophenilamine ซื้อมาเป็นขวดขนาดครึ่งหนึ่งของยาเม็ดพาราเซตามอลแบบขวดขาว กินทั้งหมดขวด
    ความตั้งใจ : คิดว่าหลับตายไปเลย
    หลับ ตื่นเช้าวันถัดมา ไม่เป็นอะไร หายเป็นปกติโดยไม่มีใครรู้
    ยา Paracetamal 20 เม็ด
    ความตั้งใจ : รู้ว่าไม่ตาย แต่ไม่อยากรับรู้สิ่งรอบข้าง
    แค่มึนหัว เหมือนเมาเหล้าแค่ตึงๆไม่เป็นไรและหายเป็นปกติโดยไม่มีใครรู้
    ยา Aspirine หนึ่งขวด ขนาด100 เม็ด รวมแล้วกินประมาณ 4 กำมือ (หมดขวด) วิธีนี้ทรมานเป็นอันดับสองเท่าที่ทำมา
    ความตั้งใจ : ให้ยาตัวนี้กัดกระเพาะอาหารให้ทะลุและตายไป
    มึนหัว ต่อมาก็เวียนหัวขนาดหนัก อาเจียนไม่หยุด เดินไม่ไหวเพราะเวียนหัว ไม่มีแรงเพราะอาเจียนมาก
    ต่อมาคนเห็นว่าอาเจียนหนักเลยส่งโรงพยาบาล นอนให้น้ำเกลือ 1 คืน วันต่อมาก็ไปโรงเรียนได้ตามปกติแต่ยังเวียนหัวอยู่ และหายเป็นปกติโดยที่ไม่มีใครรู้
    ฉีด Insulin เข้ากล้ามเนื้อ 1 ขวด จำไม่ได้ว่ากี่ซีซี (ซื้อจากตรงข้ามโรงพยาบาลจุฬา) เข็มและอุปกรณ์
    ความตั้งใจ : ให้ร่างกายขาดน้ำตาลจนช็อกและตายไป
    ฉีดตอนก่อนนอน
    มึนหัวนิดหน่อยแต่นอนไม่หลับเพราะหิวมาก หิวจนทนไม่ไหวต้องกิน
    อยากของหวานมากๆ กินท๊อฟฟี่เยอะมากเพราะหิวมาก อยากกินแต่ของหวาน
    วันต่อมา... หายเป็นปกติโดยที่ไม่มีใครรู้
    ยาฆ่าเชื้อโรค Dettol ขวดใหญ่ กินครึ่งขวด
    ความตั้งใจ : ดูในโทรทัศน์ว่ามีคนกินแล้วตาย
    ตั้งใจอยู่นานเพราะรู้ว่าต้องเจ็บปวดแน่นอน
    รสชาติ ... แสบปาก แสบคอ แสบจมูก น้ำตาไหล แสบหน้า แสบตา
    รู้กลิ่นยาตัวนี้อย่างลึกซึ้ง หายใจเข้าออกมีแต่กลิ่นยา น้ำลายไหลไม่หยุดเหมือนเทน้ำ
    ทรมานสักพักก็หลับไป โดนพาเข้าโรงพยาบาลแต่หมอไม่ล้างท้องให้เพราะดูดซึมไปหมดแล้ว เพราะกินตั้งแต่ บ่าย 1 โมง ไปโรงพยาบาลตอนประมาณ 2 ทุ่ม
    2 วันถัดมา... หายเป็นปกติ
    ยา Anxira ยานอนหลับที่ได้จากจิตเวช เท่าที่มีอยู่โดยประมาณ 30 เม็ด และ ยา Clozapine ประมาณ 30 เม็ด วิธีนี้ทรมานที่สุดเท่าที่ทำมา
    ความตั้งใจ : ทำลายสมองตายไปเลย
    หลับ ต่อมาก็ตื่นเพราะคลื่นไส้ ไปอาเจียนแล้วนอนต่อ
    หิวน้ำมาก ขึ้นมากินน้ำ เวียนหัวจนต้องคลาน
    หลับ 2 วันกับอีก 3 คืน ทรมานสุดๆ กรามค้างต้องอ้าปากตลอด รู้ตัวว่าตาเหลือกขึ้น หัวหมุนไปมา ทรมานสุดๆแล้วหลับไป แล้วก็ตื่นขึ้นมากินน้ำแล้วก็หลับแล้วอาเจียน สลับกันอยู่อย่างนี้
    ตื่นขึ้นรู้สติในวันที่ 3 ต่อจากนั้นก็ดีขึ้นและเป็นปกติ โดยไม่ต้องไปพบแพทย์

    จากการศึกษา แต่ละครั้งที่ทำแล้วไม่ตายก็เป็นเพราะเป็นวิธีที่ไม่รุนแรงพอ
    จึงไปค้นหาวิธีการที่จะตายได้เร็วที่สุดและทรมานน้อยที่สุด เพราะที่ผ่านมามันเจ็บปวดทรมานมาก ค้นพบว่า
    ปลอกสายไฟพันคอแล้วเสียบปลั๊ก (แต่กลัวศพไหม้จนดูไม่ได้)
    ผูกคอ... คงหายใจไม่ออก เลือดไม่เลี้ยงสมอง ถ้าเชือกยาวมากไปตอนกระโดดลงมา กระดูกคอหักคงตายทันที
    โดดตึก แต่ต้องสูงกว่า 12 ชั้น เพราะถ้าพลาดจะไม่ตายแต่พิการ ศพอาจไม่สวย
    เอาปืนยิงที่หัวใจ แต่ถ้าพลาดไม่โดนหัวใจก็ไม่ตาย
    ฮาราคีรี ต้องทนเจ็บให้ได้และต้องทำแบบรวดเร็ว ไม่งั้นจะเจ็บจนถอดใจไม่ทำต่อ
    ปืนยิงหัว ไม่เจ็บ เหมือนวงจรถูกดับไปเฉยๆ แต่ต้องดูว่าจะใช้กระสุนขนาดเท่าไหร่ เพราะถ้า sizeใหญ่ไปจะทำให้กระโหลกฝั่งที่กระสุนทะลุออกจะระเบิดกระจายออกมาจนสยองศพดูไม่ได้ ถ้ากำลังดีก็ .22 น่าจะพอดีอยู่
    มีดกรีดข้อมือเพื่อตัดเส้นเลือดใหญ่ แล้วแทงที่คอเพื่อตัดเส้นเลือดใหญ่ที่คอด้วย (มีดต้องคมมาก อาจต้องกินเหล้าให้เมาก่อนเพื่อจะได้ลดความรู้สึกเจ็บ)
     
  2. oil4711610

    oil4711610 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    น่ากลัวไม๊นี่

    วิธียิงหัวน่าจะดีสุดนะ:boo:
     
  3. unchalee

    unchalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +104
    ล้อเล่นหรือว่าทำจริงๆ ไม่อยากเชื่อ และก็ไม่อยากให้ใครทำตาม ทำไมต้องฆ่าตัวตายถึงเวลาก็ต้องตายอยู่ดี
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    เป็นรายงานการวิจัยเชิงทดลองที่น่าอ่านมาก
    แต่ไม่ควรปฏิบัติตาม
    ความจริง ติงมีวธีตายที่คุณหมอบอกว่าจะตายแบบมีความสุขมาก แต่ติงไม่บอกคุณหรอก
    เพราะติงไม่เชื่อคุณหมอ
    (ความจริงมีคนใช้วิธีนี้สำเร็จแล้ว เค้าทำให้คนที่เค้ารักมากที่สุด ที่เป็นโรคร้าย รักษาไม่หาย และได้รับทุกขเวทนาทางกายมาก...)
     
  5. syton-666

    syton-666 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +8
    เรื่องจริงและทำจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่นนะ

    แค่อยากบอกว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าก็คิดแต่เรื่องตายๆนี่ล่ะค่ะ ตอนนี้กำลังรักษาอยู่
     
  6. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    ขอให้อาการดีขึ้นและหายซึมเศร้าเร็วๆนะค่ะ
     
  7. syton-666

    syton-666 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +8
    หลังฉากโรงพยาบาลบ้า

    จะไม่บอกว่าชื่อโรงพยาบาลอะไร แต่จะบอกแค่ว่าเป็นสถาบันจิตเวชแห่งหนึ่ง ไม่ได้จะโจมตีแต่อยากบอกใครๆให้รู้ว่าคนที่ยู่ในนั้นเป็นอย่างไรบ้าง หลายคนคิดว่าคนบ้าคงไม่รู้เรื่อง ทำอะไรก็ไม่รู้ตัว จริงอยู่ว่าบางครั้งอาจไม่รู้ตัวแต่คนบ้าก็มีจิตใจ อย่างที่เราได้เคยเข้าไปสัมผัส ไม่สิ...ต้องเรียกว่าเข้าไปพักรักษาตัวชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลายคนคิดว่าสายเนอะ คงไม่ต้องทำงานอะไร วันๆก็คงเหมือนในละครก่อนค่ำ คือเดินไปมาในสวนสวยงาม ถึงเวลาก็กินข้าว แต่จริงเป็นยังไงรู้ไหม...
    ที่โรงพยาบาลจิตเวชขาดพวกผู้ช่วยเหลือผู้ป่วยไม่ได้ (พวกใส่เสื้อเหลืองกางเกงเหลืองนั่นแหละ) พวกเขาอาจดูธรรมดาในสายตาของคนทั่วไป แต่รู้ไหมเวลาอยู่ในนั้น... เขาคือผู้คุมนักโทษ และผู้ป่วยทุกคนคือนักโทษของเขา ที่เขาจะด่า ตะโกนใส่ หรือผูกมัดทำโทษคุณได้ถ้าคุณไม่ทำตามที่เขาสั่ง (ขอเรียกว่าผู้คุมแล้วกัน)
    โดยภายนอกดูว่ามีสวนน่าเดินเล่น แต่คนไข้ไม่มีโอกาสได้เดินเลย เพราะอยู่แต่ในตัวตึกที่ล้อมรอบด้วยเหล็กดัดกันคนโดดตึก ในตึกของโรงพยาบาลก็จะมีแค่เนื้อที่แคบๆให้คนไข้เดินวนไปเวียนมา มองไปทางไหนเจอแต่คนเดินตาลอย บ้างก็พูดคนเดียว

    สิ่งที่ต้องเจอะเจอแน่ๆสำหรับคนที่อยู่ห้องรวม

    1. เป็นการฝึกถึงการปลดและละจากสิ่งของ มีแต่ตัวเพราะไม่มีใครมีสิทธิจะมีอะไรติดตัวเลยนอกจากเสื้อผ้าที่ใส่อยู่
    2. ทุกคำพูดของเราไม่มีความหมาย ... เพราะเขาคิดว่าเราบ้าไง บอกว่าปวดหัวขอพาราเซตามอลกินหน่อย คำตอบคือ "จะไปนอนดีๆหรือจะให้ฉีดยา"
    3. การอาบน้ำยุทธวิธีทหาร (หรือนักโทษก็ไม่รู้) ... ทุกคนแก้ผ้าเหลือแต่ตัวเปลือยๆ แล้วผู้คุมก็จะฉีดน้ำใส่คุณ ปล่อยคุณถูสบู่สักพัก แล้วฉีดน้ำให้คุณอาบเอาสบู่ออก สำหรับคนที่รู้เรื่องหน่อยก็เอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมไว้กันอาย แต่พออยู่ไปอยู่มานานเข้าก็จะเกิดความชิน เลยแก้ผ้าไปกับเขาด้วย
    4. การขับถ่ายที่ต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน ... หากคุณปวดท้องเข้าห้องน้ำ คุณต้องบอกผู้คุมอย่างน้อน 30 นาที เพราะว่าจะมาเปิดประตูให้ออกมาได้นั้นเขาต้องให้ทุกคนปวดก่อนจึงเปิดห้องให้ออกมาเข้าห้องน้ำ
    5. การนอนที่เหมือนอบซาวน่า ... ในห้องมีพัดลมเพดานซึ่งไม่ทั่วถึงเลย หลับก็หลับไป ไม่หลับก็เดินแก้ผ้ามาเอาน้ำราดตัวแล้วกลับไปนอนใหม่ (เรื่องจริง เห็นกับตา)
    6. ญาติใครมีตังค์หน่อยก็จ้างผู้คุมพิเศษ สิทธิพิเศษของเราคือ 1. เข้าห้องน้ำเมื่อไหร่ก็ได้ 2. ไม่ต้องไปแออัดอยู่ตรงที่แคบๆอึดอัด 3. ได้กินข้าวก่อนคนอื่น
    7. การลงโทษของคนไข้คือ การถูกผูกอยู่กับเตียง หรือฉีดยา (บางคนถูกตบหัวยังมีเลย) แล้วใครจะเชื่อคนบ้าฟ้องล่ะ

    ความน่ากลัวของการทำ ECT (การช็อกด้วยไฟฟ้า)
    1. อดข้าว-น้ำ ตั้งแต่ 20.00 น.
    2. ตื่นตอนตี 5 แล้วเรียงคิวกันเรียกชื่อ
    3. ถอดเสื้อใน เตรียมถอดรองเท้า เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย
    4. สวมหมวกอาบน้ำของทางโรงพยาบาล (แต่เป็นหมวกผ้า)
    5. นั่งรอเรียกตามคิว จะมีคนไข้ที่กลัวการบำบัดด้วยไฟฟ้า ดิ้นไปมาไม่ยอมเข้าห้อง พวกนี้แหละที่จะโดนก่อนเพื่อน
    เอาล่ะ ทีนี้เราจะมาพูดเรื่องราวในห้องที่ทำ ECT กันล่ะ แล้วนึกภาพตามนะ
    ขึ้นเตียงนอนนิ่งๆ มีหมอนอันนึงรองหลัง แล้วพยาบาลจะมากดคุณไว้กับเตียงข้างละ 4 คน ให้คุณกัดยางเอาไว้เพราะเวลาชักคุณจะกัดลิ้นตัวเอง มีสายOxygenเข้าจมูกสองข้างของคุณ
    คุณหมออยู่ด้านบนของศีรษะคุณ เอาเจลใสเครื่องมือของเขาแล้วติดตรงขมับสองข้างของคุณ เสร็จแล้วเหมือนเอาเส้นยางอะไรมารัดหัวไว้ ต่อจากนั้นก็ไม่รู้ตัวอีกเลยจนตื่นขึ้น และตื่นขึ้นแบบงงๆด้วย แล้วผู้คุมก็จะพาคุณกลับห้อง

    ปัจจุบัน ... ออกมาแล้วค้นหาการทำ ECT
    1. รู้ไหมว่าคนไข้จะชักจนต้องใช้พยาบาลถึง 8 คนในการกดคุณให้ติดอยู่กับเตียงไม่ให้หล่นลงมาระหว่างที่กระแสไฟฟ้าชาร์จเข้าสู่สมองของคุณ
    2. เหตุผลที่ต้องอดข้าว-น้ำ ก่อนทำ ECT อย่างน้อย 8 ช.ม. เพราะตอนคุณชัก ... ทุกอย่างที่คุณกินไปจะขย้อนออกมาจากทั้งปากและจมูก

    การทำการบำบัดด้วยไฟฟ้านี้ จริงๆแล้วไม่มีโทษเลยแต่ยังช่วยเหลือคนไข้ที่อาการรุนแรงและยารักษาไม่ได้ผลและเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูง เพียงแค่อยากบอกประสบการณ์ว่าภายในเป็นอย่างไร
    ขอเป็นกำลังใจแก่คนวิกลจริตหรือไม่ปกติด้วยโรคเรื้อรังเกี่ยวกับจิตประสาทหรือซึมเศร้า (เราหัวอกเดียวกัน) กินยาตามหมอสั่งแล้วคุณจะดีขึ้น...
     
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ขอบคุณมากนะคะ
    ติงอ่านกระทู้ของคุณด้วยความสนใจและตั้งใจอ่าน
    ขอบคุณสำหรับตัวอักษร สระ วรรณยุกต์ทุกๆตัว
    ขอให้คุณมีความสุขกายสบายใจนะคะ
     
  9. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    คุณไม่ลองตัดสินใจแก่ตายดูมั่งล่ะ

    วิธีนี้โอเคนะ
    แต่ใช่จะทรมาณน้อยกว่าวิธีอื่นแยะเลย

    คุณเลิกวิธีอื่นเถิด เพราะเค้าว่าตายแล้วบางคนเป็นผียังติดนิสัย ฆ่าตัวตายเรื่อยไปไม่รู้ตื่นเหมือนคนฝันร้ายนั้นแล

    มาแก่ตายกันเถิดน้อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...