ติดตามกิจกรรมพระกรรมฐาน

ขอแจ้งข่าวงานบุญมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ที่ทาง สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติจะจัดขึ้น ตรงกับวันพระพุทธเจ้าเปิดโลกใน วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553

23 ตุลาคม 2553 วันปราวนาออกพรรษา
หมายกำหนดการวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553
เวลา 7.38 น. ตักบาตรเทโวโรหนะ
เวลา 8.08 -9.08 น. พิธีบวงสรวงและวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถ
เวลา 9.08-10.08 น. ทอดผ้าพระกฐินและพิธีเสี่ยงตาล
เวลา 10.08-11.00 น. พิธีเททองหล่อพระ
เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุสามเณร
พิธี หล่อพระในวันนี้มีด้วยกันหลายองค์ครับเรียกได้ว่ามาวันเดียวได้บุญมหาศาล เพราะในวันนี้มีการหล่อพระด้วยกันทั้งสิ้น จำนวน 5 องค์ ดังนี้ครับ
1.หล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงิน หน้าตัก 10 นิ้ว จำนวน 1 องค์ โดย จะใช้บล็อกเดียวกับสมเด็จองค์ปฐมทองคำหน้าตัก 10 นิ้วที่ได้หล่อไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พ. ย. 2552 น้ำหนักเงินที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 20 กิโลกรัม
2 .หล่อสมเด็จพระพุทธเจ้าปางสมาธิ ด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์หน้าตัก 29 นิ้ว จำนวน 1 องค์
3. หล่อสมเด็จพระพุทธเจ้าปางอุ้มบาตร (หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา) โลหะทองสัมฤทธิ์ ความสูงประมาณ 1.80 เมตร จำนวน 1 องค์
4. หล่อหลวงพ่อฤาษีลิงดำลอยองค์ (ยืนถือไม้เท้า) โลหะทองสัมฤทธิ์ จำนวน 1 องค์
5. ฉลองบล็อกพระสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก 4 ศอก ทำจากไฟเบอร์ จำนวน 1 องค์ บุญนี้ถือว่าเป็นต้นบุญอันยิ่งใหญ่ครับ
6. หล่อพระอนุรุทธะมหาเถรเจ้า (เลิศทางด้านทิพย์จักขุญาณและเป็นผู้ไม่รู้จักคำว่า ไม่มี )ปางอุ้มบาตร
7. หล่อพระสีวลีมหาเถระเจ้า (เป็นผู้มีลาภมหาศาล) ปางอุ้มบาตร
8. หล่อพระอุปคุตมหาเถระเจ้า (พระผู้ปราบมารและมีชัยเหนือหมู่มารทั้งหลาย) ปางอุ้มบาตร
ทุก ๆ ท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมสร้างมหาบุญมหากุศลในครั้งนี้ได้โดยร่วมโอนปัจจัยมายัง​

พระ อาจารย์ยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต ธ.กรุงไทย บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 021-0-11506-8 สาขาสะพานขาว สอบถามที่ได้ 081-1901125(บอล) หรือพระสิทธิชัย 083-4969085​

<!-- google_ad_section_end --> __________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ขอเชิญร่วมบุญบูชาสมเด็จองค์ปฐมเนื้อทองคำพิธีเสาร์ห้า ปี53 วัดท่าซุง

 

PANTIP.COM : Y5259375


ผู้ชนะที่แท้จริง

“ชนพาลกล่าวคำหยาบด้วยวาจา ย่อมสำคัญว่าวชนะทีเดียว แต่ความอดกลั้นได้ เป็นความชนะของบัณฑิตผู้รู้แจ้งอยู่ ผู้ใดโกรธ ตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลผู้โกรธแล้ว เพราะการโกรธตอบนั้น บุคคลไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ย่อมชื่อว่าชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติ สงบอยู่ได้ ผู้นั้นย่อมชื่อว่าประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือ แก่ตนและแก่ผู้อื่น เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่าย คือของตนและของผู้อื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า เป็นคนเขลา ดังนี้”

อสุรินทกสูตรที่ ๓ ส. สํ. (๖๓๖)


ด้วยอานุภาพแห่งพระบารมีของสมเด็จพระผู้มีพระภาคอันไม่มีประมาณ...ขอความเป็นมหามงคลอันสูงสุดจงสำเร็จแด่ผู้บำเพ็ญธรรมทุกท่านทุกประการ..

 

http://palungjit.org/threads/ใส่บาต...กระบือ-วันอาทิตย์-28-พฤศจิกายน-2553-a.256499/

 

สวัีสดีครับ
ขอเชิญชวนเพื่อนๆมาร่วมบุญกฐินด้วยกันครับ
เสาร์20พย.นี้ผมจะไปเป็นประธานทอดกฐิน2วัดที่ศรีสะเกษ สร้างศาลาการเปรียญอเนกประสงค์ (ยังไม่มีโบสถ์กันครับ)

วัดบ้านดอนสั้นโสภณ ทอดต่อเนื่องกันหลายปีจนปลายโครงการ ศาลาจะเสร็จแ้ล้วครับ
มหากฐินผ้าล้นวัดครับ ผ้าไตรจีวรประมาณ9-11ชุด มีพระจำพรรษา5รูป เณร1รูป

วัดบ้านหนองยาง เริ่มต้นทอดมาไม่กี่ปีครับ เพิ่งเริ่มโครงการ คงต้องใช้เวลาทอดอยู่ครับ มหากฐินผ้าล้นวัดเช่นกันครับ ผ้าไตรจีวรประมาณ9-11ชุด มีพระจำพรรษา5รูป

ธนาคารกรุงเทพ สาขาทีโอที แจ้งวัฒนะ
บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ เลขที่0067003830
ชื่อ กุศลมงคล สุวรรณกูฏ

ยอดปัจจัยที่ได้ผมจะหาร2แบ่งเข้าทั้ง2วัดนะครับ
นอกจากจะระบุเป็นพิเศษ (วัดหนองยางต้องการสำหรับเริ่มต้นโครงการและเจ้าภาพช่ีอฟ้าเอกครับ)

สอบถามข้อมูล 0893006902,0893201413ครับ
ผิดพลั้งไปขออภัยขมาด้วยครับ
สาธุๆๆ อนุโมทามิ ขอให้งานบุญกุศลนี้สำเร็จเรียบร้อยโดยดีงามครับ
__________________

 

http://palungjit.org/threads/สั่-ง-ส-ม-ส-ะ-ส-ม.211581/page-45

 

http://palungjit.org/attachments/a.1253028/

 

ขอเชิญร่วมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ปีที่ 15 ครั้งที่ 18

"พลังจิตเพื่อชีวิตที่เป็นสุข"

วันที่ 9-10-11-12 ธ.ค. 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.
ณ ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน ชั้นฮอลล์ 8


ร่วมทำบุญพระกรรมฐาน 89 รูป จากทั่วประเทส ในวันศุกร์ ที่ 10 ธ.ค. 2553 ตั้งแต่เวลา 06.00-09.30 น.
กราบสักการะพระพุทธเจ้าองค์ดำ พระนาคปรก 9 เศียร และเวียนเทียนพระธาตุ ณ ลานพิเศษ อยากพูดได้พูด อยากแสดงได้แสดง ที่ลานพิเศษนี้
พบนักพยากรณ์ทางในมากมาย สิ่งที่ไม่เคยเห็น จะได้เห็น เครื่องมือฝึกจิต


www.lokthip.net

เกี่ยวกับสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต

 

เมื่อต้นเดือนพย.2553 งานบุญมูลนิธิ ลป.มั่น
ได้มีงานบุญนานาตามปกติ
ได้สร้างพระพุทธรูปด้วยไม้หอมหน้าตักประมาณ9-12นิ้วงดงามมาก แล้วขอเมตตาสงเคราะห์จากสงฆ์ครูบาอาจารย์หลายท่านอธิษฐานจิตให้

พระอาจารย์แปลง สุนทโร วัดป่าอุดมสมพร ท่านมองที่ผมและพระพุทธรูป แล้วกล่าวว่า พระญี่ปุ่น ครับ (พระน่าจะแกะโดยสกุลช่างเวียตนาม ดูแล้วน่าจะพระพุทธรูปไดบุสสุ ญี่ปุ่นครับ) ประจวบกับช่วงสิงหาคมผมไปธุระงานที่ญี่ปุ่นมาด้วยครับ
พระอาจารย์สมศักดิ์ วัดบูรพาราม สุรินทร์ ท่านถามผมว่ามีชื่อหรือยัง(ผมคิดในใจว่า) แล้วเมตตาชื่อว่า พระพุทธเมตตา(...)มหาเตชะวันโต ครับ สาธุ (ท่านทำอาการดังเบิกเนตร พระพุทธรูป อีกด้วยครับ)

งานบุญมูลนิธิ ลป.มั่น ต้นเดือนธันวาคม พระอาจารย์ สมศักดิ์ ท่านเมตตาเป็นองค์เทศน์ ช่วงหนึ่งท่านเทศน์ว่า อย่าประมาท จนผิดศีล โดย(ทนงว่า)เน้นที่ภาวนา .....(เดี๋ยวจะต่ำกว่าความเป็นคน?)


อนึ่งงานบุญมูลนิธิลป.มั่นนเดือนธันวาคมนี้ ได้กล่าวรายงานเรื่องสร้างพระพุทธรูปบรรจุเจดีย์กับพระอาจารย์ประสาร สุมโน ท่านแสดงใบหน้ายิ้มแย้ม อนุโมทนา รับทราบการสร้างพระในกลุ่มเบญจภาคี และพระพุทธเมตตา 84000 องค์

ยังขาดปัจจัยอีกมาก ท่านใดสนใจร่วมบุญขอเชิญติดต่อผมได้นะครับ 0893006902 , 0893201413 อาจโทรติดง่ายกว่าในตอนบ่ายนะครับ

 

คาถาใช้หนี้พ่อแม่บิดามารดา
พระอาจารย์วิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม จังหวัดเชียงราย มอบให้ ขณะแสดงพระธรรมเทศนา ในโอกาสงานบุญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๔ องค์การเภสัชกรรม ข้างโรงพยาบาลสงฆ์ เยื้องตรงข้ามโรงพยาบาลรามาฯ มีคนมาร่วมงาน (ตักบาตรพระกรรมฐานมากกว่า ๕๐ รูป) ประมาณมากกว่า ๕๐๐๐ คน (วันเสาร์ที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๓)


อาโช หาระนัง รูปักขันโธ
(เจริญภาวนาท่องบ่นพระคาถานี้เพื่อใช้หนี้พ่อบิดา)


ขีลัง ทะทิ นะมะติ
(เจริญภาวนาท่องบ่นพระคาถานี้เพื่อใช้หนี้แม่มารดา)


-ท่านว่าให้เจริญภาวนาคาถานี้โดยดีงามครั้งละ ๗จบ เช้าเย็น ทุกวัน
หากพ่อหรือแม่ท่านผู้ภาวนา ถึงแก่กรรมไปแล้ว ตกอยู่ในอบายภูมิ ภายในหนึ่งปี ท่านจะสวมชุดขาว(เข้าฝัน..?)มาหา หากยังภาวนาต่อไป ๒ ปี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมา (เข้าถึงพุทธคุณ ?) ผู้ภาวนาเจริญพระคาถานี้จะเจริญรุ่งเรืองไม่ตกต่ำ(กระทำสิ่งใดที่ดีงามก็จะได้ผล)
-สามารถภาวนาทั้งสองพระคาถาติดกันเหมือนเป็นคาถาเดียวกันได้ หรือท่องพระคาถาแยกกันก็ได้ (กระผมนำมาเจริญภาวนาเป็นบทพระกรรมฐานสุขใจดี)
-(หากแม้นพ่อแม่บุพการีท่านใดยังมีชีวิตอยู่ ท่านลูกผู้ภาวนาเจริญพระคาถานี้ให้ ก็จะมีความสุขเจริญรุ่งเรืองไม่ตกต่ำ ทั้งพ่อแม่บุพการีและลูกโดยดีงาม)


ผลจากการบำเพ็ญบารมี๑๐และ ธรรมทานนี้ ขออุทิศเฉพาะส่วนบุญกุศลบารมีให้แก่สรรพชีวิต ขอให้เป็นสรรพพลวปัจจัยให้ได้พุทธภูมิและได้ช่วยให้ผู้อื่นได้ด้วย โดยดีงามเทอญฯ .....กุศลมงคล สุวรรณกูฏ บิดามารดา และคณะ

 

พระราชโมลี วัดราชผาติการาม ท่านกล่าวในวันที่5 ธันวาคม ณพุทธมณฑล วโรกาส เจริญพระคาถาอุปาตะสันติงหลวง ว่าตามที่พิจารณาจากพระไตรปิฎก

พระอาทิตย์และพระจันทร์ เป็นพระโสดาบันครับ

 

คำเทศนาของพระอาจารย์ยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต ณ สำนักเจโตวิมุตติ วันที่ 28 / 11 / 53

วันนี้พระอาจารย์ได้เมตตาสอนการนั่งกรรมฐานคือ

ให้เราหลับตา จากนั้นกำหนดจิตไว้ที่เหนือสะดือ โดยนับขึ้นไปเหนือสะดือ 2 นิ้วให้รวมจิตไว้ตรงนั้น จากนั้นให้คิดว่ามีไม้ยาวๆ แทงเข้ามาในตัวเรา โดยแทงจากด้านข้างลำตัวหรือช่วงเอวแทงทะลุมาอีกด้านหนึ่งเหนือสะดือ 2 นิ้ว และคิดว่ามีไม้ยาวๆ อีกอันหนึ่งแทงจากด้านหน้าเหนือสะดือ 2 นิ้วทะลุไปยังด้านหลังตัวเรา ซึ่งจะกลายเป็น ไม้ 2 ไม้ไขว้กันเป็นรูปกากบาทอยู่ภายในตัวเรา
จากนั้นให้คิดว่าตรงกลางกากบาทนั้นมีแผ่นกลมๆ สีขาวอยู่ตรงกลางกากบาทนั้น
แล้วเราจะตั้งสัจจะอธิษฐานว่า เวลาที่เราหายใจเข้า เราจะเห็นคำว่า พุท อยู่ตรงกลางกระดาษนั้น เวลาที่เราหายใจออกเราจะเห็นคำว่า โธ อยู่ตรงกลางกระดาษนั้น และจิตของเราจะไม่วอกแวกไปไหน ทุกครั้งที่เรานับพุท-โธ เราจะนับเป็น 1 ครั้ง ให้นับพุท-โธได้ถึง 10 ครั้ง แต่ถ้าระหว่างนับ 1 -10 นี้จิตของเรา
ว่อกแวกไปไหน เราจะตั้งต้นนับ 1 ใหม่ให้ได้จนกระทั่งนับได้ 1-10

ส่วนการก้าวหน้าทางด้านวิปัสสนาญาณเป็นเช่นไร
และการก้าวหน้าในการประพฤติปฏิบัติธรรมนั้นเราดูอย่างไร
พระอาจารย์ท่านได้เมตตาสอนว่า..

“บางคนนับไปเเล้ว กว่าจะนับได้ 1-10 บางคนก็ล่อไปเป็นชั่วโมงกว่าจะนับได้ นั่นเป็นเพราะว่าเรายังไม่ก้าวหน้าเท่าไรนัก ส่วนคนที่จะก้าวหน้าทางวิปัสสนาญาณกับก้าวหน้าในการประพฤติปฎิบัติธรรมมันจะต้องก้าวหน้ายังไง ดูที่ตรงไหน
ดูตอนที่สติมันเข้ามาตัวเรา สติมันตั้งขึ้น มันระลึกถึงทันมั้ย และกิเลสที่เข้าสู่ใจของเรามันเกิดขึ้นมาแล้วสติเราตั้งรับมันทันรึเปล่า นั่นคืออันดับที่ 1 นะ
อันดับที่ 2. เมื่อมันเข้ามาสู่ตัวเรา สติเราตั้งรับมันทัน แต่มันขังอยู่ในใจเรานานแค่ไหน ไอ้กิเลส ตัณหา อุปาทานต่างๆ ความรัก ความโกรธ ความโลภ ความหลง ตัณหา ราคะ ต่างๆ มันเกิดขึ้นมาแล้วขังอยู่ในใจเรานานแค่ไหน แล้วมันตกลงไปจากใจเราใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะตกลงไป เห็นมั้ย นี่คือความก้าวหน้าของทางด้านวิปัสสนาญาณ
ถ้าเรามีสติตั้งรับทันปุ๊บ แล้วจิตมันต้านทัน แล้วกิเลสมันก็ตกฮวบลงไปเลย มันอยู่ที่ระยะเวลาที่กิเลสมันตกลงไปจากใจของเรา นี่แหละสติตรงนั้นคือความก้าวหน้าของวิปัสสนาญาณ


ถึงที่สุดของมันก็คือ เมื่อกิเลสมันเกิดขึ้นมา มันไม่รู้สึกอะไรเลย มันไม่เข้าถึงใจ สติมันรับทันหมดเลย และมันไม่เข้าถึงใจ ดีไม่ดีสติมันไม่มีประโยชน์อะไรด้วยซ้ำ เพราะสติมันเป็นอนุศัยคือมันเล็กน้อย มันซึมปั๊บ มันซึมเข้าไปในเนื้อ เหมือนกับเราเอาครีมทาเข้าไปในเนื้อ แล้วมันก็ซึมๆ เข้าไปเลยในเนื้อนุ่มๆ มันซึมเข้าไปเลยในดวงจิตในดวงใจของเรา จนมันเชื่อว่าเราไม่มีสติ แต่เมื่อกิเลสมันเกิดขึ้นปุ๊บ กิเลสมันไม่เข้าถึงใจเลย เพราะสติมันต้านกิเลสไว้


และความเข้าใจ ปัญญาญาณ ปัญญาที่มันเกิดขึ้นระหว่างนั้น การที่เรามีเหตุ มีผล มีปัญญา รู้มาก ฟังมาก ได้เรียนมาก ได้ยินมาก มันก็จะเป็นปัญญา ปัญญาเราก็จะเข้มแข็ง เมื่อปัญญาเราเข้มแข็งปุ๊บ กิเลสที่เข้ามาปุ๊บมันเข้ามาไม่ถึงและมันก็จะเข้าใจหมด


อย่างเช่นไอ้เนี่ยมันเข้ามา ไอ้ความรักที่มันเข้ามา หรือว่าความโลภมันเข้ามา จิตมันมีปัญญามันจะบอกทันทีเลยว่า เราโลภไปเพื่ออะไร ในเมื่อความตายก็จะเกิดขึ้นกับเราและทุกขณะจิต โลภไปก็ไม่มีประโยชน์ เอาไปไม่ได้ แล้วความโลภมันก็ไม่เที่ยง มีแต่ความทุกข์ ในที่สุดมันก็เสื่อมสลายไปในที่สุด เห็นมั้ย นี่ยกตัวอย่างในเรื่องความโลภ ความโกรธ ความรัก ความหลง ตัณหา ราคะ ความรัก ความใคร่ต่างๆ
ความก้าวหน้ามันวัดอยู่ที่เวลาที่มันขังอยู่ในใจ พูดกันง่ายๆ มันขังอยู่ในใจน้อยที่สุด ให้อยู่ในใจได้น้อยที่สุด นั่นก็แปลว่าเราฝึกมาดี สติเราดี ปัญญาเราเลิศ และความก้าวหน้าจะต้องมากขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อมันเข้ามา มันขังได้แค่ 5 นาที 10 นาที มันก็ลดลงมาที่ 5 4 3 2 1 หรือเข้ามาแค่วินาทีเดียว นั่นเรียกว่าความก้าวหน้าเค้าดูกันตรงนี้ สติเป็นสิ่งที่เราต้องเจริญอยู่แล้ว ให้มันเข้มแข็ง ให้มันมีพลัง นี่เรื่องความก้าวหน้าทางด้านวิปัสสนาญาณ

ส่วนความก้าวหน้าด้านสมถะ คือ คือการสำรวม สติ ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้ดี แล้วก็มีสติ แล้วจิตของเราก็โฟกัสเข้าไป โฟกัสอะไร
โฟกัสจิตให้รวมเป็นหนึ่งเดียว เหมือนเราเอาแว่นขยายส่องแดด เคยเห็นมั้ย เพื่อเราจะเผากระดาษ

แว่นขยายคืออะไร?แว่นขยายคือจิต พอเข้าใจมั้ย
แสงคืออะไร?แสงก็คือจิตนั่นแหละ
แต่มือคนที่ถือน่ะคืออะไร?แว่นขยายคือเหมือนกองกรรมฐาน ส่วนแสงนี่คือจิต พอเข้าใจมั้ย มือคนที่ขึ้นลงๆ ให้มันปรับโฟกัสน่ะคืออะไรจ้ะ
คือสติ จำให้ดีนะ คือสติส่วนกระดาษคืออะไร?คือกิเลสการรวมแสงกับการรวมจิตมันอันเดียวกัน เหมือนกัน สติเป็นสิ่งสำคัญ เราจะต้องรวบรวมสติของเราให้มากๆ เพื่อจะโฟกัจจิตให้ไปรวมที่เดียวกัน พูดเป็นวิทยาศาสตร์มาก เพื่อเป็นการรวมจิตให้เป็นหนึ่งเดียว กำหนดไว้ที่ใดที่หนึ่ง

แต่ส่วนใหญ่อาตมาจะสอนการรวมจิตไว้ที่เหนือสะดือ 2 นิ้ว นับให้ได้ถึง 10 ถูกต้องมั้ย
เมื่อเธอเข้าสู่สมาธิตรงนี้ ความก้าวหน้าของเธอ หน้าที่ของเธอคือ เธอจะต้องนับให้ได้ถึง 10 โดยที่จิตของเธอไม่ว่อกแวกไปไหน บางคนก็นับได้ถึง 1 2 3 แล้วก็นับ 1 ใหม่ เพราะมันฟุ้งซ่าน เธอก็นับของเธอไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะครบ 10 บางคนก็นับ 10 ได้ไว นั่นคือความก้าวหน้า

บางคนนับถึง 10 แล้วอยากจะนับอีกต่อไปเรื่อยๆ เธอก็นับไปเรื่อยๆ ของเธอไป หมุนกลับไป หมุนกลับมา หูเธอจะเริ่มดับ จิตเธอจะเริ่มตึงแน่น นั่นคือความก้าวหน้า
และความก้าวหน้านั่นคือเธอสามารถทรงอำนาจแห่งสมาธินั่นได้ง่ายๆ เพียงแค่เธอคิดจะทำเข้าสู่สมาธิได้ เธอก็เข้าสู่สมาธิได้ตลอด นั่นคือความก้าวหน้า บางคนก็ทำถึงฌานนั่นนี่ได้แต่ทรงตัวอยู่ไม่ได้ นั่นก็เรียกว่าไม่ก้าวหน้า

เพราะคนที่ก้าวหน้าคือ คนที่จะทรงมันได้ คนที่จะทรงอารมณ์นี้ได้ตรงอาศัยสติ ความเมตตาและมีสัจจะ และวิริยะให้มากๆจำได้มั้ย?
สติ สัจจะ ความเพียร และความเมตตา 4 อย่างด้วยกัน จำให้แม่น
คุณธรรมนี้จะต้องอยู่ประจำใจ แล้วเราจะมีความก้าวหน้าในด้านสมถะและวิปัสสนาญาณ เราจะไม่มาอยู่ที่นี่ ที่เกิดเป็นมนุษย์หรืออยู่ในพุทธศาสนา จะไม่เรียกว่าเสียชาติเกิด และไม่เสียอะไร

ไม่เสียความมุ่งหมายของผู้พูด คือ พระพุทธเจ้า ของพระอริยะเจ้า นั่นแปลว่าเธอแสดงความกตัญญูได้มากที่สุดเท่าที่เธอทำได้ คือการประพฤติปฎิบัติ เป้าหมายทุกสิ่งทุกอย่างในบุญ เป้าหมายในการสร้างพระ เป้าหมายในการทำทุกอย่าง เป้าหมายที่จะหลังขดหลังแข็งในการไปไหว้นั่นทำนั่นนี่ เป้าหมายมันไม่ได้อยู่ที่วัตถุ แต่มันอยู่ที่ใจของเธอทุกคน ทุกคนที่มาที่นี่ เข้าใจมั้ย พอเข้าใจนะ?

อย่าลืมสำคัญไปผิดที่ เธอจะต้องสำคัญที่ตัวของเธอเอง เอ็นดูเขาได้ แต่อย่าให้เอ็นเราขาดด้วย เธอมีแสงเท่าหิ่งห้อย แต่จะริอาจจะสว่างเท่ากับดวงอาทิตย์ไม่ได้ เธอจะต้องรวมจิตของเราให้ดีที่สุด แล้วถึงจะช่วยผู้อื่นได้


เมื่อก่อนนั้นอาตมาก็โดนด่ามาเยอะ อยากจะช่วยคนตั้งแต่ไม่ได้อะไร โดนด่าว่าหน้าอย่างเอ็งจะไปช่วยใครได้ แสงในจิตริบหรี่ๆ ดังปลายธูป ใยเล่าจะไปช่วยผู้อื่นเขาได้ ก็ถูกของเขา แล้วเราจะไปช่วยใครได้ ถ้าจิตเรามีแค่นั้นจริงมั้ย


บุญกุศลใด เราทำได้ จงทำ จงเพียรทำไปเถอะ เพราะมันเป็นคุณงามความดี มันเป็นสาธารณประโยชน์ และเป็นประโยชน์ของเราเอง ถ้าจิตของเรามีความเมตตามากๆ
ก็สิ่งที่เราทำทุกวันนี้ เพื่อจะรองรับสถานที่ปฎิบัติธรรม เพื่อจะรองรับคนทั้งหลายทั้งปวงมาเพื่อสนทนาธรรม มาเพื่อได้นั่งกรรมฐาน ทำจิตของตนเองให้บริสุทธิ์ นั่นก็เป็นเพราะว่าเราเป็นคนที่มีความเมตตา เป็นคนที่มีความเอื้อเฟื้อ เป็นคนที่มีปัญญา พอเข้าใจใช่มั้ย?

ที่มา
http://palungjit.org/threads/%E0%B...236229.34/
__________________

 

ได้เห็นกระทู้จันทรุปราคาสีส้มแดงถ้าจำไม่ผิดตรงกับวันที่20ธันวาคม ที่ฟากโลกตะวันตก

ทำให้ผมนึกถึงบุญพิธีขอเงินพระจันทร์ ในวันจันทร์ ที่20 ธันวาคม วันพระจันทร์เพ็ญสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ ณ สถานปฏิบัติธรรมเจโตวิมุติ
ซึ่งเป็นเทวตานุสสติกรรมฐาน มีการบำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา และอธิษฐานมุ่งสู่พระนิพพาน
ตอนนั้นผมนั่งอยู่ข้างนอกฟังพิธีไปพิจารณาพระจันทร์เต็มดวง ว่าสวยงามดีสีออกส้มแดง(เดียวกับรูปในกระทู้จันทรุปราคา)แปลกตาไป ขณะพระอาจารย์ยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต ท่านพาคณะลูกศิษย์ท่านกระทำบุญพิธีอยู่
พอเสร็จพิธีพระจันทร์เต็มดวงกลับเป็นสีนวลดังพระจันทร์ปกติ(ผมประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ค่อนข้างชินกับเรื่องราวเหล่านี้ในงานบุญพิธีต่างๆของพระอาจารย์ ซึ่งท่านก็ไม่ได้แสดงความสนใจมาก)ครับ

 

วันเสาร์ที่25 ธันวาคม ที่องค์การเภสัชกรรม ใกล้โรงพยาบาลสงฆ์ มีพิธีตักบาตรพระกรรมฐานไม่ต่ำกว่า 50รูป
มีบุคคลหลายท่าน เล่าให้ฟังในทำนองว่า
มีเด็กผู้หญิงแต่งชุดสีเหลือง(สีเดียวกับพระจันทร์) อายุยังน้อย ไปเดินขอสิ่งของที่สนใจ กับ พระสงฆ์ครูบาอาจารย์ที่นั่งอันดับกันอยู่ แต่บางครั้งครูบาอาจารย์ให้ก็ไม่รับ กระทำอาการดังคล้ายกับเทวดาลองใจพระภิกษุสงฆ์ ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ลักษณะของเด็กผู้หญิงท่านนี้มีลักษณะอาการแปลกน่าสนใจ ผู้คนในงานหลายท่านยอมรับว่าได้สังเกตุเห็นด้วยครับ
ผิดพลั้งไปขออภัยขมาครับ

 

ตอนนี้หลวงตาพระมหาบัว ท่านย้ายมารักษาตัวที่รพ.ศิริราชแล้ว


ช่วยๆกันสวด โพชฌงค์ปริตร , อุณหิสสวิชัยคาถา ถวายท่าน

กันเถอะครับ

ที่มาครับ__________
http://palungjit.org/threads/นอกชานระเบียงบ้าน.258369/page-353#post4199844

 

มติคณะสงฆ์ใหญ่ ฉบับที่ ๑ (แนวทางในการรักษาธาตุขันธ์ หลวงตามหาบัว)


Posted Date : วันที่ 23 ธ.ค. 2553 เวลา 09:39 น.





มติคณะสงฆ์ใหญ่ ฉบับที่ ๑


เรื่อง แนวทางในการรักษาธาตุขันธ์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ

เนื่องด้วยพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้อาพาธไม่สามารถลงฉันภัตตาหารที่ศาลาได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน เป็นต้นมา ซึ่งคณะศิษยานุศิษย์ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ได้ถวายการดูแลรักษาด้วยการแพทย์แขนงต่างๆ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือกอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดแต่การรักษายังไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร เพื่อให้การดูแลรักษาเป็นไปในแนวทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพอันเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวที ความพร้อมเพรียงสามัคคีของคณะศิษยานุศิษย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้คณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ได้มีส่วนร่วมทำหน้าที่ตามหลักพระธรรมวินัยในการถวายการอารักขาดูแลการอาพาธขององค์ท่านพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ พระมหาเถระผู้มีคุณูปการอย่างสูงยิ่ง ให้ธาตุขันธ์องค์ท่านยืนยาวนานเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของศิษยานุศิษย์ คณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์พ่อแม่ครูอาจารย์จึงได้ร่วมประชุมหารือโดยพร้อมเพรียงกันในวันอุโบสถขึ้น ๑๕ เดือน ๑ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณ วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายดำเนินตามแนวทางต่อไปนี้

๑. คณะแพทย์แผนปัจจุบันและคณะแพทย์ทางเลือกซึ่งถวายการดูแลรักษาพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ต้องได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ซึ่งคณะสงฆ์ใหญ่ได้พิจารณาคัดเลือกตามที่พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เห็นชอบ โดยต้องมีการประชุมหารือพิจารณาร่วมกันในการรักษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก เพื่อให้ได้ข้อสรุปความเห็นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและให้การประชุมทุกครั้งมีบันทึกการดูแลรักษา วิธีการรักษา และระบุชื่อแพทย์ผู้ให้การรักษาเป็นลายลักษณ์อักษร โดยเก็บไว้ในแฟ้มประวัติการรักษา ณ กุฏิพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เพื่อให้ความสะดวกแก่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาในการประเมินอาการอาพาธอย่างมีประสิทธิภาพ

๒. ข้อสรุปความเห็นของคณะแพทย์แผนปัจจุบันและคณะแพทย์ทางเลือก ให้นำกราบเรียนเสนอต่อคณะสงฆ์ก่อน เพื่อให้คณะสงฆ์ได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการถวายการรักษาใดๆ ต่อพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ

๓. คณะสงฆ์พร้อมด้วยคณะแพทย์นำความเห็นที่ได้ประชุมหารือพร้อมเพรียงกันแล้วกราบเรียนขอความเมตตาต่อพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เพื่อขออนุญาตถวายการรักษา เมื่อองค์ท่านพิจารณาเห็นควรอย่างไรก็ให้ปฏิบัติตามนั้น เพื่อให้เป็นไปตามอัธยาศัยขององค์ท่านโดยคณะสงฆ์จะได้นำข้อสรุปแจ้งต่อพระผู้เป็นหัวหน้าวาระอุปัฏฐากประจำวันและแพทย์เวรให้ยึดถือและปฏิบัติตาม

๔. ในกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน ให้แพทย์เวรที่ถวายการรักษาพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ติดต่อขอคำปรึกษาคณะแพทย์ในทันที เพื่อให้ได้ข้อสรุปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และให้แพทย์เวรกราบเรียนต่อพระเถระที่ปรึกษาและพระผู้เป็นหัวหน้าวาระอุปัฏฐากประจำวันซึ่งคณะสงฆ์ได้มอบหมายให้เป็นผู้ตัดสินใจในกรณีเร่งด่วนให้ความเห็นชอบก่อน แล้วนำขึ้นกราบเรียนขอความเมตตาต่อพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เพื่อขออนุญาตถวายการรักษา เมื่อองค์ท่านพิจารณาเห็นควรอย่างไรก็ให้ปฏิบัติตามนั้น เพื่อให้เป็นไปตามอัธยาศัยขององค์ท่าน

แพทย์เวรและพระผู้เป็นหัวหน้าวาระอุปัฏฐากประจำวันต้องคอยระวังและป้องกันมิให้บุคคลผู้มีโรคติดต่อ เช่น ไข้หวัด เข้าอุปัฏฐากดูแลใกล้ชิดองค์พ่อแม่ครูอาจารย์

๕. การประชุมปรึกษาหารือของคณะสงฆ์เพื่อรับทราบความคืบหน้าการถวายการรักษา ควรจะมีเป็นประจำทุกวันในกรณีที่อาพาธหนัก และเป็นครั้งคราวทุก ๓-๗ วันในกรณีอาพาธทั่วไป โดยมีข้อสรุปบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเก็บรักษาไว้ในแฟ้มบันทึกการประชุมของคณะสงฆ์โดยมอบหมายให้พระรูปใดรูปหนึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่บันทึกการประชุม เก็บรักษาไว้ ณ กุฏิพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เพื่อสะดวกในการประเมินอาการอาพาธอย่างมีประสิทธิภาพ

๖. ในกรณีที่มีผู้เสนอแนวทางในการรักษาเพิ่มเติมใดๆ ที่นอกเหนือจากคณะแพทย์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ ให้นำเรียนขออนุญาตต่อคณะสงฆ์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมก่อนเมื่อคณะสงฆ์เห็นชอบแล้วให้เข้าร่วมปรึกษาหารือกับคณะแพทย์ชุดเดิมก่อนให้การรักษาใดๆ

๗. ภัตตาหารที่จัดถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะสงฆ์ และต้องได้รับการแนะนำจากแพทย์เวรก่อนทุกครั้งที่จะถวาย เพื่อให้ได้รับคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนตามหลักมาตรฐานทางการแพทย์และไม่เป็นอันตรายต่อธาตุขันธ์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ

๘. บุคคลผู้ถวายการนวดเพื่อบำบัดอาการอาพาธของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะสงฆ์ และต้องได้รับการแนะนำจากแพทย์เวรก่อนทุกครั้งที่จะถวายการนวด เพื่อให้การนวดเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่เป็นอันตรายต่อธาตุขันธ์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ

๙. ให้คณะแพทย์สรุปอาการอาพาธประจำวันนำเสนอต่อคณะสงฆ์ เพื่อมอบหมายให้พระเถระรูปใดรูปหนึ่งร่วมกับตัวแทนคณะแพทย์เป็นผู้ทำหน้าที่ในการให้ข้อมูลอาการอาพาธของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ แก่สาธารณชนตามโอกาสอันสมควร เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ในที่ไกลมีโอกาสได้รับทราบข้อมูลข่าวสารและมีความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ยังความพร้อมเพรียงสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ศิษยานุศิษย์

๑๐. ขอให้คณะศิษยานุศิษย์พร้อมเพรียงกันปฏิบัติตามมติคณะสงฆ์นี้โดยความเคารพ เพื่อให้การรักษาธาตุขันธ์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เป็นไปตามมาตรฐานการแพทย์ และเพื่อให้สมพระเกียรติขององค์ท่านผู้เป็นพระมหาเถระผู้มีคุณูปการอย่างสูงยิ่งต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หากมีผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมติคณะสงฆ์โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรตามธรรมแล้ว ให้คณะสงฆ์พิจารณาดำเนินการตามสมควรต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน






(พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน)

ตัวแทนคณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ



Luangta.Com -

 

http://palungjit.org/threads/เวลาที่ควรเข้ากราบนมัสการหลวงปู่แต่ละรูป.230648/

 

..........................................................................................................................................................
ซี่งถูกเรียกว่า ถุงเงิน ตามควมเชี่อ

ถ้าส่งข้อความนี้ให้คนดี ๆ 8 คน
จะทำให้โชคดี รับแต่ เงิน ๆ ๆ ๆ

โชคดีทุกคน และ ขอให้รวย ๆ ถ้วนหน้า นะครับ”
__________________