ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Mr.tom

    Mr.tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    269
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,185
    ระยะช่วงหลายปีที่ผ่านมาเห็นฮอลลีวู้ดสร้างหนังสะท้อนความจริงที่เกี่ยวกับ ผลจากการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ของพวกชาติตะวันตก แล้วก็นำมาขายให้แก่ประเทศต่าง ๆ โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันตัวเอง และให้ประเทศอื่น ๆ ป้องกันตัวเอง ท้ายที่สุดก็นำมาทำลายล้างกันเอง เกิดสงครามอ้างนู้นอ้างนี่ ลงท้ายก็เพื่อแสวงหาทรัพยากรของประเทศอื่น ๆ รุกรานประเทศอื่น ๆ โดยทางอ้อม ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ต่าง ๆ นานา เราชาวไทยต้องรีบยืนด้วยตนเองโดยเศรษฐกิจพอเพียงให้ได้โดยทั่วกันประเทศจะมั่นคงโดยทั่วหน้า...เพราะไม่ว่าจะเกิดวิกฤติการใด ๆ ค่าเงินจะตก ส่งออกไม่ได้ ภัยธรรมชาติรุมเร้า ต่างชาติกีดกันการค้า สงครามจะเกิดในที่ต่าง ๆ ฯลฯ กับประเทศเรา และทั่วโลก ประเทศเราก็สบายเพราะเรามีกินมีใช้ในประเทศเราอยู่แล้ว ขอให้โชคดีทุก ๆ ท่านครับ...
     
  2. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    บิล คลินตัน เยือนไทย ปาฐกถาโลกร้อน
    Mthai news: ผู้สื่อข่าวรายงานจากตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ดุสิตว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (12 พฤศจิกายน) นายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 42 ในฐานะประธานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เดินทางมาประเทศไทย เพื่อเป็นประธานปาฐกถา ในหัวข้อ ลดโลกร้อน หรือ Embracing Our Common Humanity โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลพ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายชวรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอิริค จี. จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมด้วยคณะเอกอัครราชทูตแต่ละประเทศประจำประเทศไทย กว่า 30 ประเทศให้การต้อนรับและร่วมฟังบรรยาย
    ทั้งนี้นายบิล คลินตันได้ใช้เวลาในการปาฐกถา ประมาณ 40 นาที ก่อนจะร่วมงานกินเลี้ยงสังสรรค์กับบรรดาคณะทูตแต่ละประเทศอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะเดินทางกลับโรงแรมที่พัก
    ขณะเดียวกัน นายบิล คลินตัน มีภารกิจในประเทศไทยจนถึงช่วงบ่ายของวันนี้ (13 พฤศจิกายน) ก่อนจะเดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นของตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย
    โดย Mthai news
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG]
    <LI class=news_src_item>[​IMG]<LI class=news_src_item>[​IMG]
    ตี๋น้อย ติดเอดส์ สุดว้าเหว่ ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวในบ้านหลังเล็ก
    Mthai news : 11 พ.ย.สำนักข่าวไชน่าเดลี่ ของจีน รายงานการใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ของเด็กชายวัย 6 ขวบ ที่เคราะห์ร้ายติดเชื้อเอดส์ ส่วนผู้เป็นพ่อและแม่เสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากติดเชื้อดังกล่าว ทิ้งให้อยู่เดียวดายในบ้านเล็กๆ เพียงลำพัง
    ชีวิตประจำวันของตี๋น้อย ไม่มีของเล่น ไม่มีใครปลอบยามเสียใจ และไม่มีใครกล่อมนอน โดย “อาหลง” (Aaron Liuzhou )วัย 6 ขวบ ต้องอยู่ใช้ชีวิตบนโลกอย่างว้าเหว่ ใน มณฑลกวางซี (Guangxi) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และได้รับเงินจุนเจือเป็นค่าช่วยเหลือจากทางการ เดือนละ 350 บาท ส่วนยารักษาโรคก็มีผู้ใจบุญช่วยบริจาคให้
    [​IMG]
    ด้วยความที่ตี๋น้อย ติดโรคร้ายทำให้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ โรงเรียนก็ไม่รับเข้าศึกษา เกรงว่าจะไปติดกับเด็กคนอื่น ส่วนยายวัย 84 ปี ญาติที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่อยู่คนละบ้านใช้เวลาเดินเท้า 15 นาทีมาเยี่ยมหลานอยู่บ้าง โดยทำแปลงผักปลูกไว้ให้ 2 แปลง แต่อาตี๋ต้องเก็บฟืนมาหุงหาอาหารกินประทังชีวิตเอง ยามเหงาจะมีก็แต่เจ้าสุนัข ที่ชื่อว่า เล่าเหย คอยอยู่เป็นเพื่อนเคียงข้าง
    โดย Mthai news
    [​IMG]
    <LI class=news_src_item>[​IMG]<LI class=news_src_item>[​IMG]

    12 พ.ย. 53 ข่าวความใจบุญสุดใจป้ำครั้งนี้กลายเป็นที่ฮือฮาขึ้นมาทันที่ประเทศแคนาดา เมื่อ นายอัล เลน วัย 75 อดีตช่างเชื่อม กับนาง ไวโอเล็ต ลาร์ก สองสามีภรรยาผู้ใจบุญได้บริจาคเงินให้กับการกุศลกว่า 300ล้านบาท

    ให้กับโบสถ์ หน่วยดับเพลิง สุสาน และกาชาด รวมทั้งโรงพยาบาลที่คุณป้าไวโอเล็ตกำลังรักษาโรคมะเร็ง หลังทั้งคู่ถูกรางวัลลอตเตอรี่คว้าเงิน 336 ล้านบาท โดยทั้งคู่ได้ปรึกษาและตัดสินใจเก็บเงินเพียง 5 ล้านบาทไว้ใช้เท่านั้น
    โดยคุณลุงอัล เลน ได้กล่าวว่า “เราพอใจกับความเป็นอยู่ของทุกวันนี้อยู่แล้ว และเราไม่มีแผนจะทำนั่นทำนี่ อีกทั้งเราไม่ใช่คนชอบท่องเที่ยว ไม่ใช่นักท่องราตรี เราไม่ใช่พวกชอบเข้าผับเข้าบาร์ ถึงแม้เราไม่ใช่เศรษฐี แต่เราก็มีเงินพอที่จะใช้ชีวิตในวัยเกษียณ เราเป็นแค่สองตายายในบ้านชนบทพื้นๆ” คุณลุงใจบุญกล่าว

    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
  3. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    13 พ.ย. 53


    พาคนหนีภัย

    เมื่อคืนได้ชวนหลานจิ๊บไปช่วยงานแต่งลูกสาว อาได้นัดกันว่าจะเปิดนัดพบช่วง
    ต้นเดือนธันวา ครั้งนี้จะนัดรวมผู้ที่สนใจทางอากับทางจิ๊บมาพร้อมกัน ท่านใดที่
    หลานบอกว่าสนใจก็เมลล์มาคุยกับอาก่อนก็ได้ ส่วนเรื่องความสูงที่เชียงคาน
    อาคงจะเข้าใจผิดไปเอง






    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. lemon112233

    lemon112233 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +287
    สุดยอดเลยค่ะ :cool: :cool:
     
  5. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ระวัง!! เดินเรืออ่าวบ้านดอน หลังเรือสินค้าจมหายทั้งลำ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>13 พฤศจิกายน 2553 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ หัวหน้าสำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 4 สาขาสุราษฎร์ธานี ประกาศเตือนเรื่อง ระมัดระวังการเดินเรือ เนื่องจากเรือบรรทุกสินค้าชื่อ ศรีวิชัยนาวี 1 กว้าง 13 เมตร ยาว 50 เมตร ลึก 4.75 เมตร ขนาด 834 ตันกรอสส์

    จมลงฝั่งทะเลอ่าวไทย บริเวณตำบลที่ระยะแบริ่ง มุมเล็งวัดจากเรือ ไปถึงทุ่นปากร่องบ้านดอน ระยะ 31 ไมล์ทะเล

    ลักษณะการจมเป็นแบบเรือจมทั้งลำ จุดที่เรือจม ละติจูด 9 องศา 49.27 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 99 องศา 27.37 ลิปดาตะวันออก

    จึงขอเตือนเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ ให้เรือที่แล่นใกล้บริเวณดังกล่าว ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือเมื่อผ่านบริเวณดังกล่าว


    </TD></TR></TBODY></TABLE>แปลกดี ตรงนั้นร่องน้ำลึกเท่าไร...?</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผู้ประสบอุทกภัยในปากีสถานกำลังเผชิญอากาศหนาวจัด

    [​IMG]

    ปากีสถาน 13 พ.ย.- เหยื่ออุทกภัยในปากีสถานกว่า 1 แสนคนกำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด โดยปราศจากที่พักอาศัยที่แข็งแรง โดยมีเพียงกระโจมที่พักเท่านั้น

    นางฟาห์มิดา กานชา คุณแม่ลูก 6 เหยื่ออุทกภัยในจังหวัดซินด์ของปากีสถาน ที่ต้องหนีจากบ้านที่ถูกน้ำท่วมสูงถึง 5 ฟุต มาพักอาศัยพร้อมลูกทั้ง 6 อยู่ในค่ายบรรเทาทุกข์ในเมืองชาบาซ จังหวัดไฮเดอราบัด ในสภาพที่ขาดแคลนผ่าห่มกันหนาวทั้งที่ฤดูหนาวอันโหดร้ายของปากีสถานกำลังจะเริ่มต้น สำนักงานบรรเทาทุกข์สากลเช่น ออกซ์แฟม ได้เคยเตือนว่าเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของสหประชาชาติกำลังเหลือน้อยเต็มที่ และความช่วยเหลือที่ร้องขอต่อประชาคมโลกมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์นั้น ขณะนี้ได้รับการสนองตอบเพียง 39% เท่านั้น. -สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 13 พ.ย. 2553

    หลายเมืองในจีนเผชิญฝุ่นเหลือง

    [​IMG]

    โตเกียว 13 พ.ย. – บรรษัทกระจายเสียงของญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเครายงานวันนี้ว่า ประชาชนในหลายเมืองทางตอนเหนือและตะวันออกของจีนกำลังได้รับผลกระทบจากฝุ่นเหลือง

    รายงานระบุว่า ในเมืองจี่หนาน มณฑลชานตง ฝุ่นเหลืองทำให้ทัศนะวิสัยลดลง นอกจากนี้ ยังปกคลุมอาคารและรถยนต์ในเมืองดังกล่าว และทำให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากป้องกันในขณะขับขี่รถจักรยานและรถจักรยานยนต์ ทางการท้องถิ่นได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่มีปัญหาระบบทางเดินหายเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านพัก โดยปกติปรากฏการณ์ฝุ่นเหลืองในจีน มักจะเกิดในช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม โดยกระแสลมได้พัดพาฝุ่นทรายขนาดเล็กมาจากทะเลทรายในมองโกเลียและพื้นที่ตอนกลางของจีนไปยังฝั่งตะวันออก

    ส่วนญี่ปุ่น ได้รับผลกระทบจากฝุ่นเหลืองเมื่อวานนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่ฝุ่นเหลืองปลิวไปถึงเมืองในญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้ .-สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 13 พ.ย. 2553

    พายุทรายพัดถล่มภาคเหนือของจีนอย่างหนัก

    [​IMG]

    จีน 13 พ.ย. - พายุทรายพัดถล่มภาคเหนือของจีนอย่างหนัก ทำให้หลายสิบเมืองเหมือนถูกทาด้วยสีเหลืองไปทั่วทั้งเมือง

    โทรทัศน์จีนได้รายงานสถานการณ์พายุทรายถล่มหนักใน มองโกเลียใน และเขตปกครองตนเอง หนิงเซียหุย มณฑลซานซี เหอเป่ย และชานตุง คาดกันว่าพายุทรายนี้มาจากทะเลทรายในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดยอาศัยลมหนาวที่พัดจากตะวันตกไปสู่ตะวันออก นายหยาง กุ้ยหมิน หัวหน้านักวิเคราะห์ของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีนกล่าวว่า การที่ฝนทิ้งช่วง ในภาคเหนือเป็นตัวการทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน และกลายเป็นพายุทรายพัดถล่มเมืองในที่สุด. -สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 13 พ.ย. 2553

    เกาหลีเหนือกำลังสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำมวลเบา

    [​IMG]

    โตเกียว 13 พ.ย. – สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานวันนี้ว่า เกาหลีเหนือกำลังสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำมวลเบาที่โรงงานนิวเคลียร์ยองเบียน

    สำนักข่าวเกียวโดรายงานอ้างคำกล่าวของนายซิกฟรีด เฮกเกอร์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการทดลองแห่งชาติลอส อลามอส ซึ่งเดินทางไปยังเกาหลีเหนือเมื่อไม่นานมานี้ โดยเขากล่าวต่อผู้สื่อข่าวในกรุงปักกิ่งของจีนว่า เขาได้รับรายงานว่าเกาหลีเหนือกำลังก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่มีกำลังการผลิต 25-30 เมกะวัตต์ แต่การก่อสร้างยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นและคาดว่าอาจจะต้องใช้เวลาหลายปีจึงแล้วเสร็จ

    ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือพยายามปกป้องการสร้างเครื่องปฏิกรณ์แบบน้ำมวลเบามานานหลายปี โดยอ้างว่า โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อผลิตพลังงานอย่างสันติ เกาหลีเหนือระงับกิจกรรมที่โรงงานยองเบียนตามข้อตกลงเมื่อปี 2548 กับห้าชาติมหาอำนาจเพื่อแลกกับความช่วยเหลือ แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานว่าเกาหลีเหนือได้รื้อฟื้นกิจกรรมที่โรงงานดังกล่าวอีกครั้ง ขณะที่การเจรจาหกฝ่ายยังคงชะงักงันมาเป็นเวลาสองปี .-สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 13 พ.ย. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    [คืนนี้นอนดึกขอร่วมด้วยสัก1ข่าวครับ]

    นครศรีฯพบภูเขาปริแยก-เฝ้าระวังเล็งอพยพคน

    <!-- CSS = "article-detail partners" -->

    [​IMG]
    จ.นครศรีธรรมราช

    นายอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบภูเขาปริแยก เป็นทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร แจ้งเตือนเฝ้าระวัง เตรียมพร้อมอพยพแล้ว

    ที่บ้านเขาหลัก หมู่ที่ 6 และ หมู่ที่ 2 ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนและนักเรียน พร้อมมอบถุงยังชีพ แก่นักเรียนที่ได้ประสบอุทกภัยในพื้นที่การประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 จำนวนโรงเรียนที่ประสบอุทกภัย มีทั้งหมด 145 แห่ง มีข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา 1,989 คน นักเรียน 38,560 คน ที่ได้รับผลกระทบ
    ส่วนในสถานการณ์เฝ้าระวังพื้นที่ดินถล่มตามเทือกเขาสูง ล่าสุดชาวบ้านพื้นที่ ต.ละอาย อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้เข้าไปหาของป่า ได้เข้าแจ้งกับ นายสกล จันทรักษ์ นายอำเภอฉวาง ว่ามีพื้นที่ภูเขาปริแยก เป็นทางยาวกว่า 2 ก.ม. กว้างประมาณ 1-2 เมตร บนภูเขาบ้านสวนอาย เทือกเขาหลวง ที่บ้านสวนอาย รอยต่อระหว่าง หมู่ที่ 16 และหมู่ที่ 9 ต.ละอาย ซึ่ง นายอำเภอฉวาง เปิดเผยว่า สภาพภูเขาได้อุ้มน้ำมาอย่างต่อเนื่อง จากที่ฝนตกสะสม
    อย่างไรก็ตาม วันนี้ฝนได้ทิ้งช่วงไปหลายชั่วโมงแล้ว สถานการณ์ยังคงไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะเรื่องดินถล่มในจุดดังกล่าวนั้น อย่างใกล้พื้นที่สวนยางของชาวบ้านห่างจากชุมชน ประมาณ 300 เมตร ทางเข้ายากลำบากเป็นชุมชนที่ใกล้ที่สุด ขณะนี้ได้มีการแจ้งเตือนผ่านหอกระจายข่าว ให้มีการเฝ้าระวังและแจ้งพื้นที่ปลอดภัย โดยในที่บริเวณวัดสวนอาย เป็นจุดอพยพ

    นครศรีฯพบภูเขาปริแยก-เฝ้าระวังเล็งอพยพคน
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จงระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่น !!!

    [​IMG]

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->อัคนีวาต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4037439", true); </SCRIPT> สมาชิก

    ช่วงนี้รู้สึกว่ามึนหัวและจักระหมุนมั่วไปหมด ตาทั้ง 2 ข้าง หู ส้นเท้า จนถึงระดับรูขุมขน จิตใจและอารมณ์รุนแรงขึ้น ต้องใช้สติและปัญญาในการระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่น

    สังคมมนุษย์คงใช้ความรุนแรงเข้าหากันมากขึ้น อันเป็นผลจากสภาพแวดล้อมและสมดุลพลังที่ไม่เสถียร คงต้องผ่านช่วง 2 ปีนี้ไปให้ได้แบบผจญมารทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิเลสมาร

    ก่อนจะเจอกับอะไรที่หนักกว่านี้ หลังปี ค.ศ.2012 ขอบอกเพื่อนๆด้วยความรักว่า ฝึกสติไว้มากๆนะครับ เพราะสภาพของโลกเปลี่ยนไปมีผลกับจิตใจมนุษย์และสัตว์ทั้งหมด สัตว์โลกจะดุร้ายพร้อมจะเข่นฆ่ากันมากขึ้น

    เศรษฐกิจโลกจะ melt down เกิดทุกขพิขภัย ผู้คนในประเทศด้อยพัฒนาจะอดอยากล้มตายกันเป็นจำนวนมาก แย่งชิงอาหารและน้ำ เกิดโรคระบาด ภัยธรรมชาติต่างๆ จะกระหน่ำซ้ำเติม

    ในปี พ.ศ.2555 เมื่อดาวเสาร์โคจรมาเล็งพฤหัสจรในราศีเมษ ในช่วงปีนั้น โลกจะพบกับการระเบิดของภูเขาไฟที่ใหญ่มากที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา จงฝึกสติเพื่อใช้เอาตัวรอดให้ได้ ทั้งทางโลกและทางธรรมนะครับพี่น้อง<!-- google_ad_section_end -->

    14 พ.ย.53 01:36 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ไม่รู้ว่ามีใครเห็น-planet-x-หรือยัง.253139/page-20
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.4 KB
      เปิดดู:
      2,442
    • กรวดน้~1.JPG
      กรวดน้~1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      27.6 KB
      เปิดดู:
      2,351
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    โอบามา ไปสักการะวัดพุทธที่ญี่ปุ่น

    [​IMG]

    คามาคุระ 14 พ.ย. - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เดินทางเยือนวัดคามาคุระ วัดพระใหญ่ชื่อดังของญี่ปุ่นในวันนี้ โดยกล่าวว่าเคยมาสักการะครั้งสุดท้ายเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ

    ผู้นำสหรัฐมาสักการะองค์พระพุทธรูปที่ทำด้วยทองแดงสูง 13 เมตร หนัก 93 ตัน สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 1795 ประดิษฐ์สถานอยู่ที่วัดคามาคุระของญี่ปุ่นนับเป็นสถานที่สุดท้ายในการเยือนเอเชียเป็นเวลา 10 วัน โดยเริ่มตั้งแต่ที่ อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นปิดท้าย

    ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวว่า เขามาที่นี่ครั้งแรกตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งให้ความรู้สึกว่าใหญ่โตมาก ส่วนในครั้งนี้ผู้นำสหรัฐนั่งร่วมกับแขกเหรื่อ รับประทานไอศกรีมเล่นและมีของฝากกลับไปด้วย .- สำนักข่าวไทย

    วันอาทิตย์ ที่ 14 พ.ย. 2553

    ผู้นำจีนระบุเศรษฐกิจโลกยังไม่พ้นความเสี่ยง

    [​IMG]

    โยโกฮามา 14 พ.ย. – ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงไม่ชัดเจน พร้อมเตือนปัญหากีดกันการค้ากำลังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    ประธานาธิบดีหู กล่าวในการปราศรัยระหว่างการประชุมสุดยอดเอเปกที่ญี่ปุ่น ระบุว่า ผลลัพธ์จากความร่วมมือของประชาคมโลกทำให้เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวขึ้นทีละน้อย อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวดังกล่าวยังขาดความแข็งแกร่งและความสมดุล จึงทำให้ทิศทางยังคงคลุมเครืออยู่มาก โดยผู้นำจีนยังเน้นให้เห็นความจำเป็นในการรักษาสมดุลการเติบโตเศรษฐกิจเพื่อที่จะค้ำจุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

    อีกด้านหนึ่งสหรัฐวิจารณ์ว่า จีนกำหนดให้เงินหยวนอ่อนค่ากว่าความเป็นจริงเพื่อชิงความได้เปรียบด้านการส่งออก ขณะที่จีนก็โต้กลับว่า นโยบายการเงินผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐนั้น มีเป้าหมายลดค่าเงินดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการส่งออก และอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศอื่น.- สำนักข่าวไทย

    วันอาทิตย์ ที่ 14 พ.ย. 2553

    ซู จี กล่าวปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในรอบ 7 ปี

    [​IMG]

    ย่างกุ้ง 14 พ.ย. - นางออง ซาน ซู จี แกนนำเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า กล่าวปราศรัยเป็นครั้งแรกภายหลังได้รับอิสรภาพเมื่อวานนี้ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ทางการเมืองต่อไป

    นางซู จี กล่าวต่อผู้สนับสนุนหลายพันคนที่สำนักงานใหญ่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี ว่า เธอต้องการทราบความต้องการของประชาชน เพราะอยากรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงกว่า 6 ปีที่ผ่านมาว่า ผู้คนมีความคิดเห็นอย่างไร

    นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย กล่าวเรียกร้องต่อประชาชนว่าอย่าเพิ่งหมดหวัง และว่าพร้อมร่วมงานกับแนวร่วมเพื่อประชาธิปไตยทุกฝ่าย โดยยึดมั่นในสิทธิมนุษยชนและหลักนิติรัฐ

    นางซู จี กล่าวต่อไปว่าไม่ได้โกรธแค้นรัฐบาลทหารที่ควบคุมตัวเธอมานานนับสิบปี และว่าเธอได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีระหว่างที่ถูกควบคุมตัวในบ้านพัก จึงขอให้รัฐบาลปฏิบัติต่อประชาชนชาวพม่าอย่างดีด้วย

    นางซู จี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถูกควบคุมตัวในบ้านพักหรือที่เรือนจำ รวมเป็นเวลา 15 ปี ในช่วงตลอด 21 ปีที่ผ่านมา .- สำนักข่าวไทย

    วันอาทิตย์ ที่ 14 พ.ย. 2553

    อิหร่านจะเริ่มการซ้อมรบทางอากาศในสัปดาห์หน้า

    [​IMG]

    เตหะราน 14 พ.ย.-กองทัพอิหร่านจะเริ่มการซ้อมรบทางอากาศในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นการทดสอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ

    การซ้อมรบจะมีขึ้นเป็นเวลา 5 วัน เริ่มขึ้นในวันอังคารนี้ โดยจะเป็นการซ้อมรบทั่วประเทศเพื่อปรับปรุงความสามารถในการป้องกัน รัฐบาลอิหร่านมักทำการซ้อมรบเป็นประจำเพื่อแสดงแสนยานุภาพทางทหารและทดสอบขีปนาวุธที่ผลิตขึ้นเองในประเทศ ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่าน กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าอิหร่านจะทดลองขีปนาวุธเอส-300 รุ่นที่ผลิตขึ้นเองในเร็วๆนี้ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะนำมาทดสอบในการซ้อมรบที่จะถึงนี้หรือไม่ รัฐบาลอิหร่านกำลังถูกนานาชาติกดดันเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งประเทศตะวันตกเกรงว่าจะนำไปสู่การสร้างอาวุธปรมาณู แต่อิหร่านปฏิเสธมาโดยตลอด .-สำนักข่าวไทย

    วันอาทิตย์ ที่ 14 พ.ย. 2553

    พายุฤดูหนาวถล่มมินนิโซตา ทำให้จราจรชะงัก

    [​IMG]

    สหรัฐ 14 พ.ย.-พายุฤดูหนาวพัดถล่มรัฐมินนิโซตาในสหรัฐ ทำให้เกิดหิมะตกหนัก เป็นอุปสรรคต่อผู้สัญจรบนท้องถนน

    ผู้ขับขี่ภายในเมืองโกลเด้น วัลเลย์ รัฐมินนิโซตา ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการใช้รถใช้ถนน หลังพายุหิมะพัดเข้าถล่ม ทำให้มีหิมะตกหนัก วัดความสูงได้ถึง 10 นิ้ว ขณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวณทางด่วนเผยว่าเกิดอุบัติเหตุถึงราว 200 ครั้งบนทางด่วน และผู้คนราว 200 คนต้องติดอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต พายุฤดูหนาวครั้งนี้ยังทำให้เกิดไฟฟ้าดับในเขตเมืองมินนิโซตา และเซนต์พอลด้วย.-สำนักข่าวไทย

    วันอาทิตย์ ที่ 14 พ.ย. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    <TABLE id=post622876 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>17-07-2007, 04:23 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #2888 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_622876", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 10,412
    Groans: 1
    Groaned at 470 Times in 323 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 212
    ได้รับอนุโมทนา 69,471 ครั้ง ใน 9,838 โพส
    พลังการให้คะแนน: 4914 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_622876 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->*** โปรดญี่ปุ่น ****<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เกษม [​IMG]
    [​IMG]

    The Great Buddha Kamakura



    คือ สถานศักดิ์สิทธิ์ ที่พึ่ง ที่ปลอดภัยของคนญี่ปุ่น ธรรมของโลกุตตระได้ปรากฏ ณ ที่นี้

    การถวายสัจจะ ต่อหน้าองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า จะส่งผลที่ประเมินค่ามิได้

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    "เจ้าลิง" ในยุคสมัยแห่งมัคสัญญียุค ในญี่ปุ่น
    "หนุมาน" ในยุคสมัยแห่งมัคสัญญียุค ในไทย
    "เจ้าลิง" เปลี่ยนดาบซามูไร ให้กลายมาเป็นพระพุทธรูป
    "หนุมาน" เปลี่ยนการกระทำของคน ให้เป็นปฏิหาริย์ เพื่อรอดพ้นกรรม


    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตำนานท้าวกกขนาก กับเรื่องไฟไหม้เมืองลพบุรี

    [​IMG]

    ในสมัยโบราณคนลพบุรีมีความเชื่อว่าไม่ให้นำน้ำส้มสายชูเข้าเมืองลพบุรี ความเชื่อเรื่องนี้ผู้ใหญ่เล่าต่อกันมาให้ลูกหลานฟังจนติดหู แม้ในปัจจุบันความเชื่อนี้จะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม

    ความเชื่อเรื่องไม่ให้นำน้ำส้มสายชูเข้าเมืองลพบุรี มีที่มาเกี่ยวกับตำนานการสร้างเมืองลพบุรีว่า หลังจากที่พระรามปูนบำเหน็จความชอบให้หนุมานทหารเอก ที่ช่วยปราบวงศ์ยักษ์ได้สำเร็จ โดยการให้มาครองเมืองลพบุรีนั้น ยังมียักษ์ตนสุดท้ายหลงเหลือมาอาจหาญลองดีต่อกรกับพระรามอีก ยักษ์ตนนี้ชื่อ "ท้าวกกขนาก" คอยทำร้ายและจับชาวเมืองกิน ร้อนถึงพระรามต้องเสด็จมาปราบท้าวกกขนาก พระรามทรงใช้เขากระต่ายมาทำเป็นคันศร ใช้หนวดเต่ามาขึงเป็นสายศรและใช้หญ้าปล้องทำเป็นลูกศรแผลงไปฆ่าท้าวกกขนาก ฤทธิ์ศรทำให้ท้าวกกขนากกระเด็นจากกรุงลงกาในชมพูทวีปมาตกบริเวณเขาวงพระจันทร์ จังหวัดลพบุรี แต่ยักษ์ตนนี้ยังไม่ตายเพียงแต่สลบไปเพราะฤทธิ์ศรของพระรามเท่านั้นพระรามทรงสาปให้ศร

    ดังกล่าวปักอกตรึงยักษ์ตนนี้ไว้บนยอดเขาชั่วกัลป์ จะได้ไม่ไปทำอันตรายใครๆ ได้ ศรที่ปักอกท้าวกกขนากนั้นจะคลายความแน่นลงทุกๆ สามปี และถ้าปล่อยให้ลูกศรหลุดจากอกได้เมื่อไรท้าวกกขนากก็จะกลับฟื้นคืนชีวิต ลุกขึ้นมาจับคนกินหมดทั้งเมือง ด้วยความรอบคอบพระรามจึงทรงสั่งให้ไก่แก้วมาคอยเฝ้าท้าวกกขนากไว้ ถ้าเห็นศรเขยื้อนขึ้นเมื่อใดให้ไก่แก้วขันขึ้นเป็นสัญญาณให้หนุมานเจ้าเมืองได้ยิน หนุมานจะเหาะมาตอกศรกลับตรึงให้แน่นตามเดิม ตามตำนานยังเล่าอีกว่าขณะที่หนุมานตอกศรจะเกิดเป็นประกายไฟกระเด็นไปเผาผลาญบ้านเรือนของชาวเมืองลพบุรี

    เชื่อกันว่าด้วยเหตุนี้เองจะทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นในจังหวัดลพบุรีทุกๆ สามปี นอกจากนี้ศรพระรามที่ปักอกท้าวกกขนากจะหลุดถอนออกได้โดยง่ายถ้าถูกราดด้วยน้ำส้มสายชู ทำให้ชาวเมืองลพบุรีในสมัยก่อนไม่มีใครกล้านำน้ำส้มสายชูเข้าเมืองลพบุรี เพราะเกรงว่านางนงประจันต์ หรือนงพระจันทร์ ซึ่งเป็นลูกสาวคนสวยของท้าวกกขนากจะแอบมาขอซื้อน้ำส้มสายชูเพื่อนำไปช่วยยักษ์ผู้เป็นบิดาของนาง แต่นางก็ไม่เคยซื้อน้ำส้มสายชูได้เลยเพราะชาวเมืองลพบุรีสมัยก่อนไม่ยอมนำน้ำส้มสายชูเข้าเมืองเด็ดขาด

    ที่มา http://www.prapayneethai.com/th/belief/center/view.asp?id=0101

    ลพบุรี-ไฟไหม้ตลาดท่าขุนนาง วอด 100 ล้าน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เคราะห์ซ้ำหลังน้ำแห้งไฟไหม้ตลาดเก่าชุมชนท่าขุนนาง จ.ลพบุรี อายุกว่า 100 ปี วอดกว่า 50 หลัง ประเมินเสียหายกว่า 100 ล้านบาท สันนิษฐานต้นเพลิงน่าจะมาจากหม้อแปลงระเบิด

    โดยเมื่อเวลา 07.30 น.วันนี้ (14 พ.ย.)ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณถนนราชดำเนิน ด้านหลังพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ ซึ่งเป็นชุมชนตลาดเก่าท่าขุนนาง อายุกว่า 100 ปี เป็นอาคารไม้ 2 ชั้นตลอดทั้งแถว โดยต้นเพลิงเริ่มจากบ้านเลขที่ 93 ซอยท่าขุนนางของ นายบุญส่ง ทองทัศนี ที่เป็นร้านขายน้ำมันขวด และแก๊สหุงต้ม และอีกหลังคือบ้านของ นางกชพรรณ ทรัพย์สุขฤทธิ์ เลขที่ 93/1 ซอยท่าขุนนาง ซึ่งเป็นบ้านหลังริมติดกับเสาไฟฟ้า

    ก่อนเกิดเหตุได้เกิดหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดขึ้นและเกิดประกายไฟขึ้นจึงทำให้ประกายไฟไปติดกับร้านของนายบุญส่งที่ขายน้ำมันและแก๊สหุงต้ม และบ้านของนางกชพรรณ ก่อนที่กระแสลมจะพัดให้ไฟลุกลามไปติดบ้านเรือนใกล้เคียง ทางเทศบาลเมืองลพบุรีต้องระดมรถดับเพลิงจากทั้งจังหวัด ประกอบด้วยเทศบาลเมืองลพบุรี ท่าโขลง ท่าศาลา ถนนใหญ่ เขาสามยอด กว่า 20 คัน เข้าระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกโหมอย่างรุนแรงแต่ก็ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ เนื่องจากกระแสลมแรงไฟจึงลุกลามอย่างรวดเร็ว ประกอบกับมีถังแก๊สระเบิดเป็นระยะๆจนทำให้การเข้าฉีดน้ำเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก

    ในเวลาต่อมา นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาติชาย แตงเอี่ยม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ได้สั่งปิดการจราจรใกล้กับที่เกิดเหตุ และระดมรถดับเพลิงเพิ่มเติมจากจังหวัดใกล้เคียง ต้องใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟก็ยังครุกรุ่นตลอดเวลา ขณะบ้านฝังตรงข้ามที่ห่างจากจุดไฟไหม้ไม่มากต้องใช้น้ำฉีดเลี้ยงบ้านของตนเองเพราะเป็นบ้านไม้ และส่วนใหญ่เป็นโรงไม้ หากไฟลามไปติดจะทำให้ดับยากขึ้น

    และจนถึงขณะนี้สามารถควบคุมเพลิงไว้ในวงจำกัดได้แต่ก็ยังไม่สามารถดับไฟได้สนิท ยังคงมีไฟลุกและควันไฟกระจายไปทั่วบริเวณ และจากการสำรวจในเบื้องต้นพบว่าเพลิงเผาไหม้ตลาดเก่าอายุ 100 ปี ริมแม่น้ำลพบุรี วอดไปกว่า 50 หลังคาเรือน คาดมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพราะจุดดังกล่าวเป็นจุดขายของที่ดีอีกจุดหนึ่งของจังหวัด มีการค้าขายกันตลอดทั้งค้าปลีกและส่ง

    สำหรับชุมชนตลาดท่าขุนนางแห่งนี้เคยถูกไฟไหม้ใหญ่มาแล้วเมื่อกว่า 30 ปีก่อน ซึ่งถือเป็นไฟไหม้ใหญ่ลพบุรีที่มีบ้านเรือนและร้านค้าถูกเผาวอดไปหลายร้อยหลังคาเรือน แม้ครั้งนี้ไม่เท่าครั้งก่อนแต่ก็เผาวอดเกือบหมดทั้งชุมชน

    ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้เข้าไปบัญชาการดับไฟเอง พร้อมเปิดเผยว่าเป็นความเสียหายใหญ่อีกจุดของจังหวัดหลังปีนี้ถูกน้ำท่วมใหญ่เสียหายจำนวนมากแล้ว แต่ในจุดที่เกิดไฟไหม้ครั้งนี้ไม่ถูกน้ำท่วมเนื่องจากทางจังหวัดสามารถรักษาให้พ้นจากน้ำท่วมไว้ได้ แต่สุดท้ายก็มาถูกไฟไหม้ซ้ำ ถือเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของจังหวัดลพบุรีจริงๆ

    ซึ่งทางจังหวัดคงต้องเข้ามาให้ความช่วยเเหลือในระยะยาวกับชาวบ้านตลาดเก่าชุมชนท่าขุนนาง เพราะแต่ละบ้านไม่สามารถขนของหรือทรัพย์สินออกมาได้เลยเนื่องจากไฟไหม้เร็วมาก เวลาเพียงไม่กี่นาทีลุกลามไปทั่วบริเวณจึงสร้างความเสียหายอย่างหนักกับชุมชน แต่ที่น่าเสียดายคือในจุดนี้น่าจะเหลือชุมชนเก่าเพียงชุมชนเดียวของจังหวัดแล้วที่ตั้งอยู่คู่กับพระราชวังนารายณ์

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2010
  12. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>หลวงพ่อคูณลุกเดินได้แล้ว ลั่น"กูยังไม่ตาย"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันที่ 14 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

    ที่เข้ารักษาตัวด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดเฉียบพลันเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา และต่อมาเมื่อวันที่ 13 พ.ย. หลวงพ่อคูณมีอาการไข้ขึ้นสูง ฉันอาหารไม่ได้ และนอนซมเพราะพิษไข้ นั้น เช้าวันนี้ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 ตึกเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา หลวงพ่อคูณตื่นจากจำวัดแต่เช้าด้วยสีหน้าที่สดชื่นแจ่มใส โดยลูกศิษย์ใกล้ชิดที่นอนเฝ้าอาการเปิดเผยว่า เมื่อคืนหลวงพ่อหลับได้ดีมากไม่สะดุ้งตื่นและมีอาการสับสนเหมือนคืนที่ผ่านมา ไข้ลดลงจนเกือบปกติแล้ว อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นพยาบาลได้วัดอุณภูมิในร่างกายได้ 36.7 องศาเซลเซียส ความดัน 100/60 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 72-80 ครั้งต่อนาที หายใจ 20 ครั้ง/นาที ซึ่งแพทย์ยังคงให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อและน้ำเกลือผสมวิตามินทางหลอดเลือด โดยหลวงพ่อคูณมีอาการไอเล็กน้อยและมีเสมหะปนด้วย

    ต่อมา น.ส.วันนา พิจารณาธรรม กรรมการวัดบ้านไร่ฝ่ายอาหาร ได้นำภัตตาหารเช้ามาถวาย

    ประกอบด้วย ปลานิลทอด หมูทอด น้ำพริกปลาฉลาด ผักต้ม ผัดผักคะน้า แกงจืดแตงกวาใส่เห็ดออรินจิและหมูสับ แกงบวบใส่กุ้ง กล้วยน้ำว้า มะละกอ และขนมครก โดยหลวงพ่อคูณฉันภัตตาหารเช้าได้เป็นมื้อแรกหลังจากเข้ารับการรักษาตัว และฉันได้มากพอสมควร

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ต่อมา น.พ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด พร้อมด้วยทีมแพทย์ที่ทำการรักษา

    ได้เข้าตรวจร่างกายหลวงพ่อคูณ โดย น.พ.พินิศจัยเปิดเผยว่า อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ดีขึ้นมาก ไม่มีไข้ ส่วนการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะที่ส่งผลให้กรวยไตอักเสบแพทย์ยังคงให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ น้ำเกลือและวิตามินเพื่อให้ร่างกายหลวงพ่อฟื้นตัว ซึ่งจะต้องดูอาการไปอีกอย่างน้อยประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ท่านได้พักผ่อนจนกว่าจะหายเป็นปกติ คณะแพทย์จึงจะพิจารณาเรื่องอนุญาตให้หลวงพ่อกลับวัดบ้านไร่อีกครั้ง

    ในเวลาต่อมา นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ เลขานุการหลวงพ่อคูณ พร้อมลูกศิษย์ใกล้ชิด ประคองหลวงพ่อคูณเดินออกกำลังกายภายในห้องและด้านหน้าห้องผู้ป่วยเพื่อช่วยย่อยอาหาร ซึ่งหลวงพ่อมีอาการร่างกายสั่นเล็กน้อย แต่ยังมีสีหน้าที่สดชื่นแจ่มใสและอารมณ์ดีพูดคุยกับลูกศิษย์อย่างร่าเริง

    หลวงพ่อคูณ กล่าวว่า
    "ลูกหลานเอ๊ย กูไม่เป็นอะไรแล้ว การเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ไม่ถึงคราวตายก็ยังไม่ตาย แต่เวลานี้กูสบายดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงดอกลูกหลานเอ๊ย"

    ผู้สื่อข่าวถามว่าลูกศิษย์เป็นห่วงเรื่องความจำของลูกพ่อเป็นอย่างไรบ้าง หลวงพ่อคูณ ตอบว่า

    "กูก็จำได้และก็เรียกชื่อได้แล้ว" จากนั้นหลวงพ่อก็เรียกชื่อลูกศิษย์ใกล้ชิดที่มาเฝ้าอาการ เช่น ไก่น้อย ตาผี วันนา เป็นต้น ผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรฝากถึงลูกศิษย์ทั้งในและต่างประเทศบ้าง หลวงพ่อคูณ ตอบว่า "ไม่มีอะไรดอก กูก็พูดไปแล้ว ขอให้ลูกหลานอย่าได้เป็นห่วง กูดีขึ้นแล้ว ใครห่วงกูก็ขอให้ทำความดีรักษาศีล 5 กันถ้วนหน้าทุกคนเด้อหลานเอ๊ย" หลวงพ่อคูณ กล่าว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯประกาศเตือนภาคใต้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน ระหว่าง 15-18 พ.ย นี้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา

    เปิดเผยว่าศูนย์อุตุฯได้ออกประกาศเตือนฉบับที่ 1 เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกและคลื่นลมแรงในอ่าวไทย โดยบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมามีอิทธิพลต่อลักษณะอากาศของอ่าวไทย และภาคใต้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (15 พฤศจิกายน)


    โดยจะทำให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น

    ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงมามีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัดดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายน สำหรับอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พิษน้ำท่วมเสียหายแสนไร่ ธกส.ให้กู้สวนยางรายละ2แสน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ธ.ก.ส.เผยผลสำรวจพิษน้ำท่วม ใต้ฝุ่นถล่มใต้

    ทำสวนยางเสียหายแสนไร่ พัทลุงหนักสุด 6 หมื่นไร่ ตามด้วยสงขลา ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ ธ.ก.ส. เตรียมให้สินเชื่อเพื่อปลูกใหม่ รายละ 2 แสน ดอกเบี้ยผ่อนปรน พร้อมระยะปลอดหนี้ 6 ปี นานกว่าลูกค้าน้ำท่วมภาคอื่น ชี้เหตุยางใช้เวลาปลูกนาน


    นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า

    จากการตรวจสอบความเสียหายจากอุทกภัยและวาตภัยของชาวสวนยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ของสาขา พบว่าในจังหวัดพัทลุงสวนยางได้รับความเสียหายมากที่สุดประมาณ 6 หมื่นไร่ และที่สงขลาประมาณ 3 หมื่นไร่ นอกนั้นกระจายในจังหวัดยะลา ตรังและปัตตานี รวมกันประมาณ 1 หมื่นกว่าไร่ โดยรวมแล้วพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมีประมาณ 1 แสนไร่ ที่รัฐบาลอาจจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้ ซึ่งส่วนนี้เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.ประมาณ 70-80% คิดเป็นสินเชื่อประมาณ 2,000 ล้านบาท


    สำหรับการจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรชาวสวนยางนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.)

    มีมติให้จ่ายชดเชยทุกรายเท่าเทียมกันทั้งกลุ่มที่เป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์สวนยาง (กสย.) และเกษตรกรที่ไม่ได้เป็นสมาชิกหรือใช้เงินทุนของตัวเองในการลงทุน โดยเห็นด้วยกับแนวทางการจ่ายชดเชยเบื้องต้นไร่ละ 1.7 หมื่นบาท เพราะต้นทุนเงินกู้ต่อไร่ก็อยู่ที่ 8 พันถึง 1 หมื่นบาทต่อไร่อยู่แล้ว และการปลูกยางพาราต้องใช้เวลา 6-7 ปี จึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้


    "การจ่ายเงินชดเชยอัตราไร่ละ 1.7 หมื่นบาทต่อไร่ จะช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางมีเงินทุนส่วนหนึ่งไว้สำหรับปลูกยางใหม่แต่คงไม่เพียงพอ โดยส่วนนี้ ธ.ก.ส.จะเข้าไปสนับสนุนสินเชื่อใหม่ให้ด้วย" นายลักษณ์กล่าว

    สำหรับมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูลูกค้าของธนาคารนั้นอยู่ระหว่างหารือความเหมาะสม

    เพราะอาจใช้มาตรการเดียวกับพืชชนิดอื่นอย่างนาข้าวหรือพืชสวนเสียหายไม่ได้ ซึ่งขณะนี้ยังมีเวลาเพราะหลังน้ำท่วมไม่ใช่ว่าจะสามารถลงต้นกล้ายางได้ทันที ต้องรอช่วงฤดูแล้งประมาณเดือนมีนาคม-เมษายนปีหน้า โดยอาจมีระยะเวลาพักชำระหนี้นานกว่า 3 ปี ที่ช่วยเหลือผู้ปลูกข้าว เช่น อาจปลอดระยะเวลาชำระคืนเงินต้น 6 ปี และปลอดดอกเบี้ย 3-4 ปี ซึ่งระหว่างนั้นเกษตรกรอาจปลูกพืชชนิดอื่นหารายได้เสริมไปด้วยทำให้มีเงินมาชำระดอกเบี้ยได้

    ส่วนวงเงินกู้ก็อาจจะพิจารณาให้มากกว่าจากที่กำหนดรายละ 1 แสนบาท

    โดยอาจให้รายละ 1.5-2 แสนบาท เพราะเกษตรกรรายย่อยเฉลี่ยมีพื้นที่ปลูกสวนยางประมาณ 10-15 ไร่เท่านั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ยอาจจะอยู่ในระดับเดียวกันคือเอ็มแอลอาร์ลบ 3% ซึ่งส่วนของสวนยางพารา ธ.ก.ส.จะเสนอให้ทำเป็นโครงการพิเศษดูแลเกษตรกรโดยเฉพาะ เพราะต้องประสานความร่วมมือกับสถาบันวิจัยพัฒนากล้ายางและกระทรวงเกษตรฯด้วย ในการให้ความรู้และจัดหากล้ายางเตรียมให้ชาวสวนหลังน้ำลด รวมถึงจูงใจให้เลิกปลูกยางในพื้นที่ไม่ควรปลูก เช่น ที่นาเพราะทำให้ต้นยางได้รับความเสียหายง่าย

    <!--อ่านล่าสุด คน-->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ศชอ.เตือน3อำเภอสุราษฎร์เสี่ยงดินไหล เร่งแผนฟื้นใต้ระยะ2</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันที่ 14 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.)

    แถลงว่า ขณะนี้ยังมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 18 จังหวัด 163 อำเภอ 763 ตำบล 5,749 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 456,865 ครัวเรือน 1,523,553 คน มีผู้เสียชีวิต 223 ราย ทั้งนี้มีพื้นที่เตือนภัยพิเศษที่เสี่ยงภัยต่อสถานการณ์ดินไหลใน 3 อำเภอได้แก่ อ.ท่าชนะ (ต.ประสงค์ ต.คลองพา) อ.ไชยา (ต.ปากหมาก) และ อ.วิภาวดี (ต.คลองมุย) จ.สุราษฎร์ธานี และพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ดินไหลได้แก่ อ.ลานสกา อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช รวมถึง 5 อำเภอใน จ.ชุมพร ได้แก่ อ.ปะทิว อ.สวี อ.เมือง อ.หลังสวน อ.ละแม เนื่องจากช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำฝนสะสมมาก ทำให้ดินอุ้มน้ำอิ่มตัวอยู่ หากมีฝนตกอีกในปริมาณมาก อาจเกิดน้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มตามมาได้ หลังจากก่อนหน้านี้ได้อพยพชาวบ้าน350 คน ต.ปากหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ออกจากพื้นที่แล้วเนื่องจากเกิดเหตุดินไหล ท่อระบายน้ำขาดเสียหายเป็นพื้นที่กว่า 400 เมตร

    นายอภิรักษ์กล่าวว่า ศชอ.ได้มอบให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไปกำหนดพื้นที่ฟื้นฟูระยะที่สอง ในพื้นที่ภาคใต้

    ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล กระบี่ ชุมพร และระนอง แล้วรายงานให้ คณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามผู้ประสบอุทกภัย(คชอ.) ทราบในวันที่ 15 พ.ย.นี้ เพื่อเข้าไปซ่อมแซมฟื้นฟูบ้านเรือน ถนน ศาสนสถาน โรงเรียนที่ได้รับความเสียหาย เหมือนที่เคยกำหนดพื้นที่ฟื้นฟู 7 จังหวัดก่อนหน้านี้ รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน 5,000 บาท แก่ผู้ประสบภัยในภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสานที่ยังค้างอยู่ ตลอดจนให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำรวจความเสียหายของสวนยางพาราและการประมง เพื่อรายงานให้ครม.ทราบในวันที่ 16 พ.ย.นี้

    นายอภิรักษ์กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในภาคอีสาน ขณะนี้ระดับลำน้ำชียังสูงสุดที่ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด

    ในระดับ 1.49 เมตร และกำลังเข้าสู่ อ.ทุ่งเขาหลวง ส่วนปริมาณลำน้ำน้ำมูลสูงสุดอยู่ที่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ มีน้ำล้นตลิ่งที่ระดับ 1.56 เมตร ขณะที่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ได้สั่งให้เตรียมฟื้นฟูกทม. นนทบุรี ปทุมธานี หากระดับน้ำลดลงมาต่ำกว่า 1.60-1.70 เมตร

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "ทสรถชาดก"
    ตำนานรามเกียรติ์ในพระไตรปิฏก

    [​IMG]


    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภกุฎุมพีผู้บิดาตายแล้วคนหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า เอถ ลกฺขณสีตา จ ดังนี้.

    ความพิสดารว่า กุฎุมพีนั้น เมื่อบิดาถึงแก่กรรมแล้วถูกความเศร้าโศกครอบงำ จึงทอดทิ้งหน้าที่การงานเสียทุกอย่าง ครุ่นแต่ความเศร้าโศกอยู่แต่ถ่ายเดียว.

    พระศาสดาทรงตรวจดูสัตวโลกในเวลาใกล้รุ่ง ทอดพระเนตรเห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติผลของเขา รุ่งขึ้นจึงเสด็จโปรดสัตว์ในกรุงสาวัตถี เสวยพระกระยาหารเสร็จแล้ว ทรงส่งภิกษุทั้งหลายกลับ ทรงชวนไว้เป็นปัจฉาสมณะเพียงรูปเดียว เสด็จไปยังเรือนของเขา เมื่อตรัสเรียกเขาผู้นั่งถวายบังคมด้วยพระดำรัสอันไพเราะ จึงตรัสว่า ดูก่อนอุบาสก เจ้าเศร้าโศกไปทำไม

    เมื่อเขากราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความเศร้าโศกถึงบิดากำลังเบียดเบียนข้าพระองค์

    จึงตรัสว่า ดูก่อนอุบาสก บัณฑิตในปางก่อนทราบโลกธรรม ๘ ประการตามความเป็นจริง เมื่อบิดาถึงแก่กรรมแล้ว ก็มิได้ประสบความเศร้าโศก แม้สักน้อยหนึ่งเลย

    เขากราบทูลอาราธนา จึงทรงนำอดีตนิทานมาตรัสว่า

    ในอดีตกาล พระเจ้าทสรถมหาราชทรงละความถึงอคติ เสวยราชสมบัติโดยธรรมในกรุงพาราณสี พระอัครมเหสีผู้เป็นใหญ่กว่าสตรี ๑๖,๐๐๐ นางของท้าวเธอ ประสูติพระโอรส ๒ พระองค์ พระธิดา ๑ พระองค์

    พระโอรสองค์ใหญ่ทรงพระนามว่า รามบัณฑิต องค์น้องทรงพระนามว่า ลักขณกุมาร พระธิดาทรงพระนามว่า สีดาเทวี

    ครั้นจำเนียรกาลนานมา พระอัครมเหสีสิ้นพระชนม์ พระราชาเมื่อพระนางสิ้นพระชนม์แล้ว ทรงถึงอำนาจแห่งความเศร้าโศกตลอดกาลนาน หมู่อำมาตย์ช่วยกันกราบทูลให้ทรงสร่าง ทรงกระทำการบริหารที่ควรกระทำแก่พระนางแล้ว ทรงตั้งสตรีอื่นไว้ในตำแหน่งอัครมเหสีพระนางเป็นที่รัก เป็นที่จำเริญพระหฤทัยของพระราชา.

    ครั้นกาลต่อมา แม้พระนางก็ทรงพระครรภ์ ทรงได้รับพระราชทานเครื่องครรภ์บริหาร จึงประสูติพระราชโอรส. พระประยูรญาติขนานพระนามพระโอรสนั้นว่า ภรตกุมาร.

    พระราชาตรัสว่า แน่ะนางผู้เจริญ ฉันขอให้พรแก่เธอ เธอจงรับเถิด ด้วยทรงพระเสน่หาในพระโอรส.

    พระนางทรงเฉยเสีย ทำทีว่าทรงรับแล้ว จนพระกุมารมีพระชนมายุได้ ๗-๘ พรรษา จึงเข้าไปเฝ้าพระราชา กราบทูลว่า พระทูลกระหม่อม พระองค์พระราชทานพระพรไว้แก่บุตรของกระหม่อมฉัน บัดนี้ ขอทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระพรนั้นแก่เธอ

    เมื่อพระราชาตรัสว่ารับเอาเถิด นางผู้เจริญ จึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระทูลกระหม่อม ขอพระองค์โปรดทรงพระกรุณาพระราชทานราชสมบัติแก่บุตรของกระหม่อมฉันเถิด พระเจ้าข้า.

    พระราชาทรงตบพระหัตถ์ตรัสขู่ว่า เจ้าจงย่อยยับเสียเถอะ นางถ่อย บุตรของข้า ๒ คน กำลังรุ่งเรืองเหมือนกองเพลิง เจ้าจะให้ข้าฆ่าเขาทั้ง ๒ คนเสียแล้ว ขอราชสมบัติให้ลูกของเจ้า.

    พระนางตกพระทัย เสด็จเข้าสู่พระตำหนักอันทรงสิริ ถึงในวันอื่นๆเล่าก็คงทูลขอราชสมบัติกับพระราชาเนืองๆ ทีเดียว.

    พระราชาครั้นไม่พระราชทานพระพรแก่พระนาง จึงทรงพระดำริว่า ขึ้นชื่อว่ามาตุคามเป็นคนอกตัญญู มักทำลายมิตร นางนี้พึงปลอมหนังสือหรือจ้างคนโกงๆ ฆ่าลูกทั้ง ๒ ของเราเสียได้.

    พระองค์จึงตรัสสั่งให้พระราชโอรสทั้ง ๒ เข้าเฝ้า ตรัสความนั้นมีพระดำรัสว่า พ่อเอ๋ย อันตรายคงจักมีแก่พวกเจ้าผู้อยู่ ณ ที่นี้ เจ้าทั้งหลายจงพากันไปสู่แดนแห่งสามันตราช หรือสู่ราวป่า พากันมาก็ต่อเมื่อพ่อตายแล้ว ยึดเอาราชสมบัติของตระกูลเถิด ดังนี้ แล้วรับสั่งให้พวกโหราจารย์เข้าเฝ้าอีก ตรัสถามกำหนดพระชนมายุของพระองค์ ทรงสดับว่าจักยั่งยืนไปตลอด ๑๒ ปีข้างหน้า จึงตรัสว่า พ่อเอ๋ย โดยล่วงไป ๑๒ ปีถัดจากนี้ พวกเจ้าจงพากันมาให้มหาชนยกฉัตรถวาย.

    พระราชโอรสเหล่านั้นกราบทูลว่า ดีแล้วพระเจ้าข้า พากันถวายบังคมพระราชบิดา ทรงพระกันแสงเสด็จลงจากพระปราสาท. พระนางสีดาเทวีทรงพระดำริว่า ถึงเราก็จักไปกับพี่ทั้งสอง ถวายบังคมพระราชบิดา ทรงพระกันแสงเสด็จออก.

    กษัตริย์ทั้งสามพระองค์นั้นแวดล้อมไปด้วยมหาชนออกจากพระนคร ทรงให้มหาชนพากันกลับ เสด็จเข้าสู่หิมวันตประเทศโดยลำดับ สร้างอาศรม ณ ประเทศอันมีน้ำและมูลผลาผลสมบูรณ์ ทรงเลี้ยงพระชนมชีพด้วยผลาผล พากันประทับอยู่แล้ว.

    ฝ่ายพระลักขณบัณฑิตและพระนางสีดาได้ทูลขอร้องพระรามบัณฑิตรับปฏิญญาว่า พระองค์ดำรงอยู่ในฐานะแห่งพระราชบิดาของหม่อมฉัน เหตุนั้นเชิญประทับประจำ ณ อาศรมบทเท่านั้นเถิด หม่อมฉันทั้งสองจักนำผลาผลมาบำรุงเลี้ยงพระองค์.

    จำเดิมแต่นั้นมา พระรามบัณฑิตคงประทับประจำ ณ อาศรมบทนั้นเท่านั้น. พระลักขณบัณฑิตและพระนางสีดาพากันหาผลาผลมาปรนนิบัติพระองค์.

    เมื่อกษัตริย์ทั้งสามพระองค์นั้น ทรงเลี้ยงพระชนมชีพอยู่ด้วยผลาผลอย่างนี้ พระเจ้าทสรถมหาราชเสด็จสวรรคตลงในปีที่ ๙ เพราะทรงเศร้าโศกถึงพระราชโอรส. ครั้นจัดการถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระเจ้าทสรถมหาราชเสร็จแล้ว พระเทวีมีพระดำรัสให้พวกอำมาตย์ถวายพระเศวตฉัตรแด่พระภรตกุมารผู้โอรสของตน. แต่พวกอำมาตย์ทูลว่า เจ้าของเศวตฉัตรยังอยู่ในป่า ดังนี้แล้วจึงไม่ยอมถวาย.

    พระภรตกุมารตรัสว่า เราจักเชิญพระรามบัณฑิตผู้เป็นพระภาดามาจากป่า ให้ทรงเฉลิมพระเศวตฉัตร ทรงถือเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ๕ อย่างพร้อมด้วยเสนา ๔ เหล่าบรรลุถึงที่ประทับของพระรามบัณฑิตนั้น ให้ตั้งค่ายพักแรมอยู่ ณ ที่อันไม่ไกล เสด็จเข้าไปสู่อาศรมบทกับอำมาตย์ ๒-๓ นาย ในเวลาที่พระลักขณบัณฑิตและพระนางสีดาเสด็จไปป่า เข้าเฝ้าพระรามบัณฑิตผู้ปราศจากความระแวง ประทับนั่งอย่างสบาย ประหนึ่งรูปทองคำที่ตั้งไว้ ณ ประตูอาศรมบท ถวายบังคม ประทับยืน ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง กราบทูลข่าวของพระราชาแล้ว ก็ทรงฟุบลงแทบพระบาททั้งคู่ ทรงพระกันแสงพร้อมกับเหล่าอำมาตย์.

    พระรามบัณฑิตมิได้ทรงเศร้าโศกเลย มิได้ทรงพระกันแสงเลย แม้เพียงอาการผิดปกติแห่งอินทรีย์ ก็มิได้มีแก่พระองค์เลย ก็แลในเวลาที่พระภรตะทรงพระกันแสงประทับนั่ง เป็นเวลาสายัณหสมัย พระลักขณบัณฑิตและพระนางสีดาทั้งสองพระองค์ ทรงพากันถือผลาผลเสด็จมาถึง.

    พระรามบัณฑิตทรงดำริว่า เจ้าลักขณะและแม่สีดายังเป็นเด็ก ยังไม่มีปรีชากำหนดถี่ถ้วนเหมือนเรา ได้รับบอกเล่าว่า บิดาของเธอสวรรคตแล้วโดยรวดเร็ว เมื่อไม่อาจจะยับยั้งความเศร้าโศกไว้ได้ แม้หัวใจของเธอก็อาจแตกไปได้ เราต้องใช้อุบายให้เจ้าลักขณะและแม่สีดาจงไปแช่น้ำแล้วให้ได้ฟังข่าวนั้น.

    ลำดับนั้น ทรงชี้แอ่งน้ำแห่งหนึ่งข้างหน้าแห่งกษัตริย์ทั้งสองพระองค์นั้น ตรัสว่า เจ้าทั้งสองมาช้านัก นี่เป็นทัณฑกรรมของเจ้า เจ้าจงลงไปแช่น้ำยืนอยู่ ดังนี้แล้ว จึงตรัสกึ่งพระคาถาว่า มานี่แน่ะเจ้าลักขณะและนางสีดาทั้งสอง จงมาลงน้ำ.

    คำอันเป็นคาถานั้น มีอธิบายว่า มานี่แน่ะเจ้าลักขณะและนางสีดา จงพากันมา จงลงสู่น้ำทั้งสองคน.

    พระลักขณะและพระนางสีดาทั้งสองพระองค์นั้น พากันเสด็จลงไปประทับยืนอยู่ ด้วยพระดำรัสครั้งเดียวเท่านั้น. ลำดับนั้น พระรามบัณฑิต เมื่อจะทรงบอกข่าวแห่งพระราชบิดาแก่กษัตริย์ทั้ง ๒ พระองค์นั้น จึงตรัสกึ่งคาถาที่เหลือว่า

    พ่อภรตะนี้ กล่าวอย่างนี้ว่า พระราชาทสรถสวรรคตเสียแล้ว.

    พระลักขณะและพระนางสีดาทั้งสองพระองค์นั้นพอได้สดับข่าวว่า พระราชบิดาสวรรคตเท่านั้นก็พากันวิสัญญีสลบไป. พระรามบัณฑิตตรัสบอกซ้ำอีก ก็พากันสลบไปอีก.

    หมู่อำมาตย์ช่วยกันอุ้มกษัตริย์ทั้งสองพระองค์อันทรงถึงวิสัญญีภาพไปถึงสามครั้งด้วยอาการอย่างนี้ ขึ้นจากน้ำ ให้ประทับนั่งบนบก.

    เมื่อเธอทั้งสองได้ลมอัสสาสปัสสาสะแล้ว ทุกพระองค์ต่างก็ประทับนั่ง ทรงพระกันแสงคร่ำครวญกันเรื่อย. ครั้งนั้น พระภรตกุมารทรงพระดำริว่า พระภาดาของเรา ลักขณกุมารและพระภคินีสีดาเทวีของเรา สดับข่าวว่า พระทสรถสวรรคตเสียแล้วมิอาจจะยับยั้งความเศร้าโศกไว้ได้ แต่พระรามบัณฑิตมิได้ทรงเศร้าโศก มิได้ทรงคร่ำครวญเลย อะไรเล่าหนอ เป็นเหตุแห่งความไม่เศร้าโศกของพระองค์ ต้องถามพระองค์ดู.

    เมื่อท้าวเธอจะตรัสถามพระองค์ จึงตรัสพระคาถาที่ ๒ ว่า

    พี่รามบัณฑิต ด้วยอานุภาพอะไร เจ้าพี่จึงไม่เศร้าโศก ถึงสิ่งที่ควรเศร้าโศก ความทุกข์มิได้ครอบงำพี่เพราะได้สดับว่า พระราชบิดาสวรรคตเล่า.

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปภาเวน แปลว่า ด้วยอานุภาพ. บทว่า น ตํ ปสหเต ทุกฺขํ ความว่า ความทุกข์เห็นปานนี้ เหตุไรจึงไม่บีบคั้นพี่ได้เลย อะไรเป็นเครื่องบังคับมิให้พี่เศร้าโศกเลย โปรดแจ้งแก่หม่อมฉันก่อน.

    ลำดับนั้น พระรามบัณฑิต เมื่อจะแสดงเหตุที่บังคับมิให้พระองค์ทรงเศร้าโศกแก่พระกุมารภรตะนั้น จึงตรัสว่า คนเราไม่สามารถจะรักษาชีวิตที่คนเป็นอันมากพร่ำเพ้อถึง นักปราชญ์ผู้รู้แจ้งจะทำตนเพื่อให้เดือดร้อนเพื่ออะไรกัน.

    ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งพาลทั้งบัณฑิต ทั้งคนมั่งมีทั้งคนยากจน ล้วนบ่ายหน้าไปหามฤตยูทั้งนั้น.

    ผลไม้ที่สุกแล้ว ก็พลันแต่จะหล่นลงเป็นแน่ฉันใด สัตว์ทั้งหลายเกิดมาแล้ว ก็พลันแต่จะตายเป็นแน่ฉันนั้น.

    เวลาเช้าเห็นกันอยู่มากคน พอถึงเวลาเย็นบางคนก็ไม่เห็นกัน เวลาเย็นเห็นกันอยู่มากคน พอถึงเวลาเช้าบางคนก็ไม่เห็นกัน.

    ถ้าผู้ที่คร่ำครวญหลงเบียดเบียนตนอยู่ จะพึงได้รับประโยชน์สักเล็กน้อยไซร้ บัณฑิตผู้มีปรีชาก็จะพึงทำเช่นนั้นบ้าง.

    ผู้เบียดเบียนตนของตนอยู่ ย่อมซูบผอม ปราศจากผิวพรรณ สัตว์ผู้ละไปแล้วไม่ได้ช่วยคุ้มครองรักษา ด้วยการร่ำไห้นั้นเลย การร่ำไห้ไร้ประโยชน์.

    คนฉลาดพึงดับไฟที่ไหม้เรือนด้วยน้ำฉันใด คนผู้เป็นนักปราชญ์ได้รับการศึกษามาดีแล้ว มีปัญญาเฉลียวฉลาด พึงรีบกำจัดความเศร้าโศกที่เกิดขึ้นโดยพลัน เหมือนลมพัดปุยนุ่นฉะนั้น.

    คนๆ เดียวเท่านั้นตายไป คนเดียวเท่านั้น เกิดในตระกูล ส่วนการคบหากันของสรรพสัตว์ มีการเกี่ยวข้องกันเป็นอย่างยิ่ง.

    เพราะเหตุนั้นแล ความเศร้าโศกแม้จะมากมาย ก็ไม่ทำจิตใจของนักปราชญ์ผู้เป็นพหูสูต มองเห็นโลกนี้และโลกหน้า รู้ทั่วถึงกรรมให้เร่าร้อนได้.

    เราจักให้ยศ และโภคสมบัติ แก่ผู้ที่ควรจะได้ จักทะนุบำรุงภริยา ญาติทั้งหลาย และคนที่เหลือ นี้เป็นกิจของบัณฑิตผู้ปรีชา.

    พระรามบัณฑิต ได้ประกาศถึงอนิจจตาด้วยคาถา ๖ คาถาเหล่านี้.

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปาเลตุ ได้แก่ เพื่อจะรักษา. บทว่า ลปตํ ได้แก่ ผู้บ่นเพ้ออยู่ ท่านกล่าวคำอธิบายไว้ดังนี้ว่า พ่อภรตะเอ๋ย ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย บรรดาที่พากันร่ำไห้ถึงกันมากมาย แม้สักคนเดียวก็มิอาจจะรักษาไว้ได้ว่า อย่าขาดไปเลยนะ บัดนี้ผู้เช่นเรานั้นรู้โลกธรรมทั้ง ๘ ประการโดยความเป็นจริง ชื่อว่าวิญญูชน มีความหลักแหลมเป็นบัณฑิต ในเมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีชีวิตมีความตายเป็นที่สุด ตายไปแล้ว จะยังตนให้เข้าไปเดือดร้อนเพื่ออะไรกัน คือเหตุไรจึงจะแผดเผาตนด้วยความทุกข์ของตนอันหาอุปการะมิได้.

    คาถาว่า ทหรา จ เป็นต้นมีอธิบายว่า พ่อภรตะเอ๋ย ขึ้นชื่อว่ามฤตยูนี้ มิได้ละอายต่อคนหนุ่มผู้เช่นกับรูปทองคำมีขัตติยกุมารเป็นต้นเลย และมิได้เกรงขามต่อมหาโยธาทั้งหลายผู้ถึงความเจริญโดยคุณ มิได้เกรงกลัวเหล่าสัตว์ผู้สันดานหนาเป็นพาล มิได้ยำเกรงปวงบัณฑิตมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น มิได้หวั่นเกรงมวลอิสริยชนมีพระเจ้าจักรพรรดิเป็นต้น มิได้อดสูต่อคนขัดสนไม่เว้นตัวฝูงสัตว์เหล่านี้ แม้ทั้งหมดล้วนบ่ายหน้าไปหามฤตยู พากันย่อยยับแหลกลาญที่ปากแห่งความตายทั้งนั้นแหละ

    บทว่า ปตนโต ได้แก่ โดยการตกไป มีอธิบายว่า ดูก่อนพ่อภรตะเอ๋ย เปรียบเหมือนผลไม้อันสุกแล้ว ตั้งแต่เวลาที่สุกแล้วไป ก็มีแต่จะรอเวลาร่วงหล่น ว่าจะพรากจากขั้วหล่นลงบัดนี้ หล่นลงเดี๋ยวนี้ คือผลไม้เหล่านั้นมีแต่จะคอยระแวงอยู่อย่างนี้ว่า ความหวั่นที่จะต้องหล่นเป็นการแน่นอนเที่ยงแท้ มีแต่เรื่องนั้นถ่ายเดียวเท่านั้นฉันใด แม้ฝูงสัตว์ที่ต้องตายที่เกิดมาแล้วก็ฉันนั้น หวั่นเกรงแต่ที่จะตายถ่ายเดียวเท่านั้น ขณะหรือครู่ที่ฝูงสัตว์เหล่านั้นจะไม่ต้องระแวงความตายนั้นไม่มีเลย.

    บทว่า สายํ แปลว่า ในเวลาเย็น. ด้วยบทว่า สายํ นี้ ท่านแสดงถึงการที่ไม่ปรากฏของผู้ที่เห็นกันอยู่ในเวลากลางวัน ในเวลากลางคืน และของสัตว์ผู้เห็นกันอยู่ในเวลากลางคืน ในเวลากลางวัน.

    บทว่า กิญฺจิทตฺถํ ความว่า ถ้าคนเราคร่ำครวญอยู่ด้วยคิดว่า พ่อของเรา ลูกของเรา ดังนี้เป็นต้น หลงใหลเบียดเบียนตนอยู่ ให้ตนลำบากอยู่ จะพึงนำประโยชน์มาแม้สักหน่อย.

    บทว่า กยิรา เจ นํ วิจกฺขโณ ความว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น บุรุษผู้เป็นบัณฑิตพึงร่ำไห้เช่นนั้น แต่เพราะผู้ร่ำไห้อยู่ ไม่สามารถจะนำผู้ตายแล้วมาได้ หรือสามารถจะทำความเจริญอื่นๆ แก่ผู้ตายแล้วนั้นได้ เหตุนั้นจึงเป็นกิริยาที่ไร้ประโยชน์ แก่ผู้ที่ถูกร่ำไห้ถึง บัณฑิตทั้งหลายจึงไม่ร่ำไห้.

    บทว่า อตฺตานมตฺตโน ความว่า ผู้ร่ำไห้กำลังเบียดเบียนอัตภาพของตน ด้วยทุกข์คือความโศกและความร่ำไห้. บทว่า น เตน ความว่า ด้วยความร่ำไห้นั้น ฝูงสัตว์ผู้ไปปรโลกแล้ว ย่อมจะคุ้มครองไม่ได้ จะยังตนให้เป็นไม่ได้เลย. บทว่า นิรตฺถา ความว่า เพราะเหตุนั้น การร่ำไห้ถึงฝูงสัตว์ผู้ตายไปแล้วเหล่านั้นจึงเป็นกิริยาที่หาประโยชน์มิได้.

    บทว่า สรณํ ได้แก่ เรือนเป็นที่อยู่อาศัย ท่านกล่าวคำอธิบายนี้ไว้ว่า บุรุษผู้เป็นบัณฑิต เมื่อเรือนถูกไฟไหม้ ก็ไม่ต้องตกใจแม้สักครู่ รีบดับเสียด้วยน้ำตั้งพันหม้อทันทีฉันใด ธีรชนก็ฉันนั้น พึงดับความโศกที่เกิดขึ้นแล้วโดยทันทีทีเดียว กำจัดปัดเป่าเสียโดยวิธีที่ความโศกจะไม่อาจตั้งอยู่ได้ เหมือนลมพัดปุยนุ่นฉะนั้น.

    ใน บทว่า เอโกว มจฺโจ มีอธิบายดังต่อไปนี้ พ่อภรตะเอ๋ย ฝูงสัตว์เหล่านี้ชื่อว่ามีกรรมเป็นของของตน สัตว์ผู้ไปสู่ปรโลกจากโลกนี้ ผู้เดียวจากฝูงสัตว์เหล่านั้น ล่วงไปผ่านไป แม้เมื่อเกิดในตระกูลมีกษัตริย์เป็นต้น ผู้เดียวเท่านั้นไปเกิด. ส่วนความร่วมคบหากันของสัตว์ทั้งปวงในที่นั้นๆ มีการเกี่ยวข้องกันนั้นว่า ผู้นี้เป็นบิดาของเรา ผู้นี้เป็นมารดาของเรา ผู้นี้เป็นญาติมิตรของเรา ดังนี้ด้วยอำนาจที่เกี่ยวข้องกันทางญาติ ทางมิตร เท่านั้นเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อว่าโดยปรมัตถ์ ฝูงสัตว์เหล่านี้ ในภพทั้ง ๓ มีกรรมเป็นของของตนทั้งนั้น.

    บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะเว้นความเกี่ยวข้องทางญาติ ทางมิตร อันเป็นเพียงการคบหากันของสัตว์เหล่านี้เสียแล้ว ต่อจากนั้นย่อมเป็นอื่นไปไม่ได้ ฉะนั้น.

    บทว่า สมฺปสฺสโต ได้แก่ เห็นโลกนี้และโลกหน้า อันมีความพลัดพรากจากกันเป็นสภาวะโดยชอบ. บทว่า อญฺญาย ธมฺมํ ได้แก่ เพราะรู้โลกธรรม ๘ ประการ. บทว่า หทยํ มนญฺจ นี้ ทั้งสองบท เป็นชื่อของจิตนั่นเอง.

    ท่านกล่าวคำอธิบายไว้ดังนี้ว่า

    โปฏฐปาทะเอ๋ย ธรรมในมวลมนุษย์เหล่านี้ คือมีลาภ ไม่มีลาภ มียศ ไม่มียศ นินทา สรรเสริญ สุขและทุกข์ เป็นของไม่เที่ยง เธออย่าเศร้าโศก เธอจะเศร้าโศกไปทำไม ดังนี้.

    ความเศร้าโศกแม้จะใหญ่หลวง ซึ่งมีบุตรที่เป็นที่รักตายไปเป็นวัตถุ ย่อมปรากฏทางจิต ด้วยโลกธรรม ๘ ประการอย่างใดอย่างหนึ่งนี้ และย่อมไม่แผดเผาหทัยของธีรชนผู้ดำรงอยู่ เพราะได้รู้ถึงสภาวธรรมอันนั้นว่าเป็นของไม่เที่ยง.

    อีกนัยหนึ่ง พึงเห็นความในข้อนี้ อย่างนี้ว่า ความเศร้าโศกแม้ว่าจะใหญ่หลวงก็จะแผดเผาหทัยวัตถุ และใจของธีรชนไม่ได้ เพราะมาทราบโลกธรรม ๘ ประการนี้.

    บทว่า โสหํ ยสญฺจ โภคญฺจ ความว่า พ่อภรตะเอ๋ย การร้องไห้ร่ำไห้เหมือนของพวกคนอันธพาลไม่สมควรแก่เราเลย แต่เราเมื่อพระราชบิดาล่วงลับไป ดำรงอยู่ในฐานะของพระองค์นั่นแล จะให้ทานแก่คนที่ควรให้ มีพวกคนกำพร้าเป็นต้น ให้ตำแหน่งแก่ผู้ที่ควรให้ตำแหน่ง ให้ยศแก่ผู้ที่ควรจะให้ยศ บริโภคอิสริยยศโดยนัยที่พระราชบิดาของเราทรงบริโภค ทรงเลี้ยงหมู่ญาติ จะคุ้มครองคนที่เหลือ คือคนภายในและคนที่เป็นบริวาร จักกระทำการปกป้องและคุ้มครองกันโดยธรรมแก่สมณะและพราหมณ์ผู้ทรงธรรม เพราะทั้งนี้เป็นกิจอันสมควรของผู้รู้ คือผู้เป็นบัณฑิต.

    ฝูงชนฟังธรรมเทศนาอันประกาศความไม่เที่ยงของพระรามบัณฑิตนี้แล้ว พากันสร่างโศก. ต่อจากนั้น พระภรตกุมารบังคมพระรามบัณฑิตทูลว่า เชิญพระองค์ทรงรับราชสมบัติในพระนครพาราณสีเถิด. ดูก่อนพ่อ ท่านจงพาพระลักขณ์และสีดาเทวีไปครองราชสมบัติกันเถิด.

    ทูลถามว่า ก็พระองค์เล่า พระเจ้าข้า.

    ตรัสว่า พ่อเอ๋ย พระบิดาของฉันได้ตรัสไว้กะฉันว่า ต่อล่วง ๑๒ ปี เจ้าค่อยมาครองราชสมบัติ เมื่อฉันจะไป ณ บัดนี้เล่า ก็เป็นอันไม่ชื่อว่าไม่กระทำตามพระดำรัสของพระองค์ แต่ครั้นพ้นจาก ๓ ปี อื่นไปแล้ว ฉันจักยอมไป.

    ทูลถามว่า ตลอดกาลเพียงนี้ ใครจักครองราชสมบัติเล่า. พวกเธอครองชี.

    ทูลว่า หากหม่อมฉันไม่ครอง.

    ตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นรองเท้าคู่นี้จักครองจนกว่าฉันไปแล้วทรงถอดฉลองพระบาททำด้วยหญ้าของพระองค์ประทานให้. กษัตริย์ทั้งสามพระองค์รับฉลองพระบาท บังคมพระรามบัณฑิต แวดล้อมด้วยมหาชน เสด็จไปสู่พระนครพาราณสี.

    ฉลองพระบาทครองราชสมบัติตลอด ๓ ปี. พวกอำมาตย์พากันวางฉลองพระบาทหญ้าเหนือราชบังลังก์ แล้วพากันตัดสินคดี. ถ้าตัดสินไม่ดีฉลองพระบาทก็กระทบกัน ด้วยสัญญานั้นต้องพากันตัดสินใหม่ เวลาที่ตัดสินชอบแล้ว ฉลองพระบาทปราศจากเสียงและคงเงียบอยู่.

    ต่อนั้นสามปี พระรามบัณฑิตจึงเสด็จออกจากป่าบรรลุถึงพระนครพาราณสี เสด็จเข้าสู่พระราชอุทยาน. พระกุมารทั้งหลายทรงทราบความที่พระองค์เสด็จมา มีหมู่อำมาตย์แวดล้อมเสด็จไปพระอุทยาน ทรงกระทำนางสีดาเป็นอัครมเหสีแล้วอภิเษกทั้งคู่.

    พระมหาสัตว์ทรงปราบดาภิเษกแล้ว ประทับเหนือราชรถอันอลงกต เสด็จเข้าสู่พระนครด้วยบริวารขบวนใหญ่ ทรงเลียบพระนครแล้วเสด็จขึ้นสู่ท้องพระโรง แห่งพระสุนันทนปราสาท. ตั้งแต่นั้น ทรงครองราชสมบัติโดยธรรมตลอดหมื่นหกพันปี ในเวลาสิ้นพระชนมายุ ทรงยังเมืองสวรรค์ให้เนืองแน่นแล้ว อภิสัมพุทธคาถานี้ว่า

    พระเจ้ารามผู้มีพระศอดุจกลองทอง มีพระพาหาใหญ่ ทรงครอบครองราชสมบัติอยู่ตลอด ๑๖,๐๐๐ ปีดังนี้ ย่อมประกาศเนื้อความนั้น.

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กมฺพุคิโว ความว่า มีพระศอ เช่นกับแผ่นทองคำ. จริงอยู่ ทองคำเรียกว่า กัมพุ.

    พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ ในเวลาจบสัจจะ กุฎุมพีดำรงในโสดาปัตติผล ทรงประชุมชาดกว่า

    พระทสรถมหาราชครั้งนั้น ได้มาเป็น พระเจ้าสุทโธทนมหาราช
    พระมารดาได้มาเป็น พระนางสิริมหามายา
    สีดาได้มาเป็น พระมารดาพระราหุล
    เจ้าภรตะได้มาเป็น พระอานนท์
    เจ้าลักขณ์ได้มาเป็น พระสารีบุตร
    บริษัทได้มาเป็น พุทธบริษัท
    ส่วนรามบัณฑิตได้มาเป็น เราตถาคต แล.

    ที่มาhttp://www.84000.org/tipitaka/atita100/jataka500.php?s=461
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2010
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิเคราะห์เรื่องรามเกียรติ์ในพระไตรปิฏก

    "ต่อนั้นสามปี พระรามบัณฑิตจึงเสด็จออกจากป่าบรรลุถึงพระนครพาราณสี เสด็จเข้าสู่พระราชอุทยาน พระกุมารทั้งหลายทรงทราบความที่พระองค์เสด็จมา มีหมู่อำมาตย์แวดล้อมเสด็จไปพระอุทยาน ทรงกระทำนางสีดาเป็นอัครมเหสีแล้วอภิเษกทั้งคู่"

    ท่านที่อ่านทศรถชาดกเรื่องนี้แล้ว คงจะสงสัยว่าพระรามกับนางสีดา ซึ่งเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันในชาตินั้น ทำไมถึงแต่งงานกันได้ ซึ่งคนในยุคนี้จะถือว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง ผมจึงได้ไปสืบค้นตามตำราการสืบเชื้อสายของวรรณะทั้ง ๔ ของคนในยุคก่อนมาได้ดังนี้ครับ

    ในยุคบรรพกาล ได้มีชนเผ่าเชื้อสายอริยกะหรืออารยันอพยพเข้ามาตั้งรกรากและราชธานี ณ เชิงเขาหิมาลัย ชนเผ่าที่อพยพเข้ามาในภายหลัง ก่อนหน้านั้นดินแดนแถบนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของพวกมิลักขะ ซึ่งมีความเจริญที่น้อยกว่า พวกอริยกะหรืออารยันเป็นพวกที่นับถือในศาสนาพราหมณ์เคร่งครัด และเชื่อถือในระบบวรรณอย่างสุดโต่ง โดยเชื่อว่าวรรณะทั้ง ๔ ไม่สามารถที่จะแต่งงานร่วมกันได้ ถ้าแต่งงานบุตรจะกลายเป็นจัณฑาลทันที พวกเขาถือว่าตนยิ่งใหญ่ และบริสุทธิ์กว่าสายเลือดอื่น ๆ จึงแต่งงานด้วยกันเองภายในหมู่พี่น้องและวงศาคณาญาติ ซึ่งมีอยู่ ๒ ตระกูลคือ
    ๑. ศากยวงค์
    ๒.โกลิยวงศ์
    และเพราะความถือตัวจัดนี้เอง ที่ทำให้กรุงกบิลพัสดุด์ถูกทำลายอย่างย่อยยับ ด้วยอำนาจของพระเจ้าวิฑูฑภะ โอรสพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี

    (จากหนังสือ 'ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย' โดยพระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ พระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ ๙)​


    ส่วนเรื่องอายุขัย 16,000 ปี ของคนในยุครามเกียรติ์นั้น คิดว่าท่านที่เป็นชาวพุทธคงทราบดีว่าอายุขัยของคนในยุคสมัยต่างๆ นั้นจะไม่เท่ากัน เช่นคนในยุคสมัยของพระสมณโคดมพระพุทธเจ้าของพวกเรา จะมีอายุขัย 100 ปี แต่ในสมัยของพระเมตไตรยพระพุทธเจ้า คนจะมีอายุขัยถึง 80,000 ปี ซึ่งสภาพร่างกายคงจะเป็นแบบกึ่งทิพย์กึ่งหยาบ(ถึงคงสภาพเป็นหนุ่มเป็นสาวได้นานขนาดนั้น) ไม่ได้เป็นกายเนื้อหรือกายหยาบแบบคนในสมัยนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2010
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อิสราเอล-อากาศร้อนผิดฤดู

    [​IMG]

    ขณะที่ฤดูหนาวเริ่มขึ้นแล้วในทวีปยุโรปและเอเชีย ชาวอิสราเอลกับชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกกลาง กลับกำลังเผชิญกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวผิดฤดู อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นไปถึงประมาณ 30 องศาเซลเซียส

    อากาศที่ร้อนอบอ้าวเช่นนี้ ทำให้ชาวอิสราเอลพากันไปแออัดกันตามชายหาดต่าง ๆ ของเมืองเทลอาวีฟ ริมชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    เอตี เบเกอร์ หนึ่งในคนที่ไปหลบร้อนบริเวณชายหาด บอกว่า เธอชอบอากาศแบบนี้ เพราะมันจะช่วยให้ผิวของเธอมีสีแทน เธอกล่าวว่า ตอนมาถึงเธอคาดว่าจะมีฝนตกและอากาศหนาว แต่ที่ไหนได้อากาศที่นี่ดีมากเลย เธอภาวนาให้สภาพอากาศแบบนี้อยู่ต่อไปอีกสักพัก

    เอวา ฮาไก นักท่องเที่ยวจากฝรั่งเศส กล่าวว่าอากาศที่นี่ผิดลิบลับกับอากาศในกรุงปารีสที่แย่มากขณะนี้ อุณหภูมิที่นั่นลดลงมาเหลือ 5 องซาเซลเซียส ท้องฟ้าก็มีแต่เมฆ ฝนก็ตกเอา ในฉนวนกาซ่า ซึ่งอยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเช่นกัน ประชาชนพากันมาหลบร้อนตามชายหาด

    โมฮัมเหม็ด อัลซีเรนีเยห์ ที่พาครอบครัวมาเที่ยวชายหาด บอกว่ามันเหมือนกับช่วงหน้าร้อน ทั้ง ๆ ที่เป็นเดือนพฤศจิกายน ที่อากาศจะหนาว เขากล่าวขอบคุณพระผู้เป็นเจ้ายกใหญ่ที่ทรงดลบันดาลให้ช่วงนี้อากาศดี

    สาเหตุสำคัญของสภาพอากาศดีเช่นนี้ก็คือ คลื่นความร้อนที่พาดผ่าน ซึ่งคาดว่าจะมีต่อไปตลอดช่วงสัปดาห์นี้

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    เบลเยียม-น้ำท่วมหนักทั่วประเทศ

    [​IMG]

    ฝนที่ตกหนักตลอดช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 50 ปีขึ้นที่เบลเยียม เจ้าหน้าที่ต้องเรียกกองทัพให้มาช่วยอพยพฉุกเฉิน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้มีผู้เสียชีวิต 2 คนในเขตโบมอนต์ ใกล้ชายแดนฝรั่งเศส

    ร้อยตำรวจโทฟาบรีเซ่ ปีแอร็วร์ต แห่งหน่วยตำรวจดับเพลิงท้องถิ่นเปิดเผยกับเครือข่ายโทรทัศน์แห่งชาติ RTL ของเบลเยียมว่า หญิงชราวัย 72 ปีคนหนึ่งจมน้ำเสียชีวิต หลังสามีของนางสูญเสียการควบคุมยานพาหนะของพวกเขา เหยื่อรายที่ 2 ซึ่งกำลังเดินทางกลับบ้าน ถูกพบศพห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น

    นายชาร์ลส์ ดูปุยส์ นายกเทศมนตรีเมืองโบมอนต์ กล่าวว่า นี่เป็นหายนะใหญ่หลวงครั้งหนึ่งสำหรับในเขตของเรา หน่วยลมฟ้าอากาศแห่งชาติเบลเยียม เปิดเผยว่า ฝนที่ตกทั่วประเทศในช่วง 2 วันมีปริมาณเทียบได้กับปริมาณฝนที่ตกตามปกติในช่วง 1 เดือน

    นายกรัฐมนตรีอีฟส์ เลอเตร์เมอ ของเบลเยียมกล่าวว่า ยังไม่จำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติขณะนี้ แต่ระบุว่ารัฐบาลกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

    ฝนที่ตกหนักทำให้แม่น้ำและลำธารทั่วภาคตะวันตกและภาคกลางไหลท้นฝั่ง และไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ต่ำสองฟากฝั่ง ถนนหลายสายและบ้านเรือนจำนวนมากถูกน้ำท่วม ตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ การจราจรทางรถไฟหยุดชะงักในช่วงเช้า แต่สถานการณ์ค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วงบ่าย เมื่อระดับน้ำท่วมสูงทางรถไฟเริ่มลดลง

    เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเรียกทหารและป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนมาช่วยเสริมแรงตำรวจดับเพลิง ที่ต้องทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน สถานการณ์เลวร้ายเป็นพิเศษในเขตบราบ็องต์ ทางตะวันตก

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    วิกฤตอหิวาต์ระบาดในเฮติ

    [​IMG]

    ยอดผู้เสียชีวิตจากอหิวาตกโรคระบาดในเฮติ พุ่งขึ้นไม่หยุด ล่าสุดเพิ่มมากกว่า 900 คนแล้ว และขยายวงกว้างการแพร่ระบาดใน 6 - 10 จังหวัดแล้ว

    จากข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุขของเฮติ รายงานผ่านทางเว๊ปไซด์ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากอหิวาต์ระบาดเพิ่มเป็น 917 คน และมีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 14,600 คน นับตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์ เมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว โดยจังหวัด Artibonite ซึ่งเป็นศูนย์กลางระบาด ยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ดังกล่าว มากถึง 600 คน

    ส่วนที่จังหวัด Hinche ทางตอนกลางของเฮติ เจ้าหน้าที่แพทย์ต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อรักษาผู้ป่วยอหิวาต์ที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆอีก ทั้งนี้ทางองค์การสหประชาชาติ คาดกันว่า จะมีชาวเฮติราว 2 แสนคน ติดเชื้ออหิวาต์ และต้องใช้เงินสนับสนุนราว 169 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดในปีหน้า

    นอกจากเฮติแล้ว ที่ไนจีเรีย เป็นอีกประเทศที่กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของอหิวาต์อย่างรุนแรง จากรายงานขององค์การยูนิเซฟ เผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากอหิวาต์แล้ว 1,555 คน นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดเมื่อเดือนมกราคม ขณะเดียวกันมีผู้ติดเชื้อ 38,173 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่า ที่รัฐบาลรายงานเมื่อเดือนสิงหาคมถึง 4 เท่า โดยพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ คือ รัฐ Borno,Katsina และ Bauchi ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยูเอ็นเชื่อว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในปีนี้ ทำให้การแพร่ระบาดรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายปี

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พม่าปะทะกะเหรี่ยงพุทธฯแถบชายแดนพบพระไม่หยุด - ล่าสุดทำชาวบ้าน 2 ฝั่งหนีตายวุ่น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 พฤศจิกายน 2553 10:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ตาก-รัฐบาลทหารพม่า SPDC ปะทะกะเหรี่ยง DKBA สนั่นชายแดนตรงข้าม “พบพระ” คนไทยอพยพหนีวุ่น หวั่นลูกหลง

    รายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่า บริเวณบ้านวาเลย์ ต.วาเลย์ อ.พบพระ จังหวัดตาก แจ้งว่า กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย DKBA กลุ่ม พล.ต.นะคะมวย ผู้บัญชาการกองกำลัง DKBA ได้ยิงปะทะกับทหารฝ่ายรัฐบาลพม่า SPDC เมื่อ 14 พ.ย.53 โดยฝ่าย SPDC ได้ยิงอาวุธปืน ค. 61 และ ค.80 ใส่ที่มั่นกะเหรี่ยงของฝ่าย DKBA บริเวณด้านใต้บ้านวาเล่ย์ เป็นระยะๆ ขณะฝ่าย DKBA ระดมยิงสวนใส่ฝ่ายพม่า อย่างรุนแรงเช่นกัน

    เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มี ราษฎรชาวไทยบ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ที่ 3 ประมาณ 500 คน ต้องอพยพทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน เข้าไปอาศัยอยู่บริเวณสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)วาเลย์ และคาดว่าหากเหตุการณ์ยังไม่สงบจะมีผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นครอบครัวทหาร DKBA จะอพยพเข้ามาฝั่งไทยอีกอย่างแน่นอน

    เจ้าหน้าที่ไทยในพื้นที่รายหนึ่ง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ฝ่ายกะเหรี่ยง DKBA ได้ร่วมกับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU กลุ่มนายพลเนอดา เมียะ บุตรชายนายพลโบเมียะ บูรณาการกำลังพลเข้าโจมตีที่มั่นกองบังคับการยุทธวิธีของฝ่ายพม่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีทหารพม่าเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และนอกจากจะมีราษฎรคนไทยที่มีบ้านเรือนอยู่ติดชายแดนต้องอพยพหนีภัยสงครามแล้ว จะมีผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงที่เป็นมวลชนของฝ่าย DKBA หนีภัยสงครามเข้ามาฝั่งไทยอีกเช่นกัน

    สถานการณ์ล่าสุด วันนี้ (15 พ.ย.) ชาวพม่าและชาวไทยบ้านวาเลย์เหนือ ใกล้จุดปะทะบริเวณบ้านวาเลย์ใหม่ฝั่งประเทศพม่า ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ 3 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ต่างอพยพเข้ามาพักอาศัยบริเวณสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลวาเล่ย์อย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการสู้รบระหว่างทหารพม่าและทหารกะเหรี่ยง DKBA เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมานานกว่า 30 นาที โดยทั้งสองฝ่ายต่างยิงอาวุธหนัก และอาวุธเล็กเข้าใส่กัน

    อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ขณะนี้ทหารกะเหรี่ยง DKBA ของ พล.ต.นะคะมวย รวมกับกองกำลังกะเหรี่ยง KNU 3 กองพัน สนธิกำลังเตรียมเข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารพม่า บริเวณค่ายบุเรงนอง และฐานบ้านวาเลย์ใหม่ เพื่อยึดฐานที่มั่นเดิมจากพม่า

    ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000161130

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2010
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ชาวอินโดนีเซียกลับบ้าน ไม่สนประกาศเตือนภูเขาไฟ

    [​IMG]

    ยอกยาการ์ตา 15 พย. - ชาวอินโดนีเซียหลายพันครอบครัวเดินทางกลับหมู่บ้านในวันนี้ แม้ผู้เชี่ยวชาญยังคงประกาศเตือนว่าภูเขาไฟเมราปียังอันตรายและพบศพเพิ่มอยู่ใต้กองเถ้าถ่าน

    ชาวบ้านกว่า 30,000 คน ต่างหอบสัมภาระขึ้นรถจักรยานยนต์และรถปิคอัพออกจากศูนย์พักพิงฉุกเฉิน ภายหลังรัฐบาลลดพื้นที่เขตอันตรายลง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กล่าวว่า สถานการณ์ปะทุของภูเขาไฟเมราปียังคงเป็นอันตราย ขณะที่หน่วยค้นหาพบศพเพิ่มอีก 17 ราย จากกองเถ้าถ่านในจังหวัดชวากลาง ตั้งแต่ภูเขาไฟปะทุเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การปะทุยังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่มีความรุนแรงน้อยลง หลังจากที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 259 คน.-สำนักข่าวไทย

    วันจันทร์ ที่ 15 พ.ย. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/129893.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. sare.ewan

    sare.ewan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +366
    กทม.แผ่นดินทรุดจ่อจมน้ำ

    15 พฤศจิกายน 2553 เวลา 18:20 น.

    นักวิชาการจุฬาฯ ชี้ กทม.แผ่นดินทรุด จ่อจมบาดาล ผลพวงหลังสึนามิถล่ม ระดมงานวิจัยชงรัฐบาล จวก ศชอ.เป็นแค่ศูนย์บัญชาการแจกถุงยังชีพ
    นายเฉลิมชนม์ สถิระพจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสำรวจ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ผลการสำรวจตรวจวัดและติดตามการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกทางดิ่ง โดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียมจีพีเอส พบว่า ในช่วง 5 ปีหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวสุมาตรา-อันดามัน ส่งผลให้พื้นที่ประเทศไทยมีการลดระดับของแผ่นเปลือกโลกในอัตรา 11 มิลลิเมตรต่อปี ขณะที่เทคโนโลยีดาวเทียมวัดระดับน้ำทะเลบ่งชี้ว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นอีก 5 มิลลิเมตรต่อปี ที่สำคัญดาวเทียมเรดาร์ที่ใช้ตรวจวัดการทรุดตัวของชั้นดินทรายในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และพื้นที่ใกล้ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย พบว่า มีการทรุดตัวลงถึง 15 มิลมิเมตรต่อปี และคาดว่าปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึง 10 ปี
    [​IMG]
    "จากผลการศึกษาทางวิชาการทั้ง 3 ส่วนที่กล่าวมามีความสอดคล้องกันในทิศทางที่จะส่งผลทางลบต่อประเทศไทย ซึ่งสามารถกล่าวสั้นๆ ได้ว่า กทม.กำลังจมลงเรื่อยๆ และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล" นายเฉลิมชนม์ กล่าว
    ด้าน นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นการศึกษาตามหลักวิชาการเท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าในอนาคตจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ จึงไม่อยากให้ประชาชนเกิดความตื่นกลัว ซึ่งทางจุฬาฯ จะติดตามศึกษาเรื่องนี้ในเชิงลึกต่อไป
    ขณะที่นายพงศ์ศักดิ์ วัฒนสินธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม กล่าวว่า ทางจุฬาฯ ได้เรียกประชุมคณาจารย์และนักวิจัยที่มีประสบการณ์ในการศึกษาปัญหาภัยพิบัติ จากธรรมชาติ เพื่อรวบรวมข้อมูลและระดมสมองเพื่อสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับน้ำท่วมใน ประเทศไทย โดยจะจัดทำรายงานน้ำท่วม (flood report) เพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาลให้นำไปเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาเชิงบูรณาการทั้งในระยะ สั้นและระยะยาว
    นายพงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้มีการประกาศวิสัยทัศน์ว่า จุฬาฯ จะเป็นเสาหลักของแผ่นดินในการระดมองค์ความรู้จากนักวิชาการที่เชี่ยวชาญใน สาขาต่างๆ พร้อมกับจัดสัมมนาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งพัฒนาหลักสูตรหรือวิชาการจัดการพิบัติภัย พัฒนาบุคลากรของประเทศให้มีความรู้ และพร้อมจะปฏิบัติงานหากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติขึ้นอีก
    นายพงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ทางจุฬาฯ จะดำเนินการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง 6 ด้าน คือ 1.งานวิจัยข้อมูลเพื่อการพยากรณ์ (Flood prediction) สำหรับการเตรียมรับและป้องกันน้ำท่วม 2.งานวิจัยจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม (Flood risk map) 3.การจัดทำแผนจัดการพิบัติภัย (Flood mitigation plan) หากเกิดปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน 4.งานวิจัยและประดิษฐ์เครื่องมืออุปกรณ์ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (Flood relieftool and kit) 5.งานวิจัยด้านการจัดองค์กรบริหารจัดการน้ำระดับชาติ (Water resource management organization) เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ และ 6.กลุ่มงานวิจัยเชิงพื้นที่ ทั้งใน กทม. ปริมณฑล และพื้นที่ลุ่มน้ำ
    ด้านนายสมบัติ อยู่เมือง อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะสิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐไม่เคยมีเจ้าภาพหลักจัดการด้านนี้มาก่อน ซึ่งจากนี้ไปจะต้องมีการปรับโครงสร้างของศูนย์บัญชาการให้มีความชัดเจน มากกว่านี้ ไม่ใช่เป็นแค่ศูนย์บัญชาการแจกถุงยังชีพ


    ที่มา : กทม.แผ่นดินทรุดจ่อจมน้ำ
     
  19. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    นักวิชาการไทย เริ่มทะยอยออกมาพูดกันเรื่อยๆ อยู่ที่ว่าภาครัฐกับประชาชนบางส่วน จะรับได้หรือเปล่า


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เผย 25 ปี กทม.จมบาดาล แนะเตรียมรับมือ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>15 พฤศจิกายน 2553 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ผลจากโครงการวิจัยร่วมระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรป ในการตรวจวัดการเคลื่อนตัวของแผ่นดินและระดับน้ำทะเล พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงในการหดตัวของผิวดินและทรายปีละ 15 มิลลิเมตร
    ขณะที่แผ่นเปลือกโลกทรุดตัวปีละ 10 มิลลิเมตร และจากลักษณะภูมิประเทศของกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ราบ

    การเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้ จะทำให้ระดับน้ำทะเลจากผิวดินเข้าใกล้กันมากขึ้น และทำให้กรุงเทพมหานครจมอยู่ใต้น้ำในเวลา 25 ปี

    ซึ่งนายเฉลิมชนม์ สถิระพจน์ นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ระบุว่า ที่ออกมาเปิดเผย ไม่ได้ต้องการให้สังคมตื่นกลัว แต่เพื่อให้ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อม กับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ


    [​IMG]





    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    15 พ.ย. 53


    ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลของจังหวัดเลย พื้นที่ด้านตะวันตกของจังหวัด
    จะเป็นหินเกรนิต ทิวเขามีความสูง 500 เมตร ภูเขาสูงสุดประมาณ
    1,000 เมตร






    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...