คำเตือน!แผ่นดินสุวรรณภูมิ @++อ่างทองตื่นรอยพญานาค++@หน้า3

ก็เร่งสร้างพลังงานดีๆออกมา...โดยการสร้างบุญสร้างกุศล... รักษาศลี ...เมื่อมีบุญมากขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยทำให้มีกำลังที่เข้มแข็งตามไปด้วย..ทำเสียตั้งแต่ ญ วินาที....นี้

ธาตุศักดิ์สิทธิทั้งหลาย....ที่มีอยู่ นำออกมา...อาราธนาอัญเชิญของพลัง และ พระบารมี สิคะ ...ท่านจะแสดงพลังออกมา....

 

คุณศิลามณีเริ่มเข้าใจจริงๆแล้ว พลังที่เก็บไว้ในธรรมชาติ สามารถนำมาคุ้มครองเราได้ แต่ผู้นั้นต้องมี ศิล สมาธิ ปัญญา เป็นสิ่งประกอบด้วย คนที่มองว่าเรื่องนี้ไร้สาระก็แล้วแต่จะคิด แต่ถ้าเรื่องนี้ไม่ไร้สาระมันก็จะสายเกินกว่าที่จะแก้ไขไปแล้ว

 

ยังไงก็ต้องใช้สติพิจรณารับข่าวสารด้วยนะครับ
ช่วงนี้กระแส 2012 แรงมาก เรื่องภัยธรรมชาติต่างๆ ก็จะถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องกันไปหมดเลย
อีกทั้งสังคมข่าวสารที่ไร้ขอบเขต ยิ่งเป็นตัวโหมกระแสเข้าไปอีกด้วย
ยังไงๆ ก็ขอให้ยึดหลักกาลามะสูตรไว้ด้วยนะครับ

 

ปู่ท่าน...บอกไว้ว่า การเตรียมพร้อมไม่ใช่สิ่งผิด แต่การไม่ทำอะไรเลยสุดท้ายก็จะมัวแต่โวยวาย...ว่าคนนั้นไม่ช่วย...คนนี้ไม่ช่วย สุดท้ายรอให้คนช่วย...การเตือนไม่ใช่ให้งมงาย...แต่เป็นการบอกให้มีสติ...คือมีสติรู้ว่า...ตัวเราพร้อมหรือยัง...คำว่าพร้อม...ไม่ใช่พร้อมที่จะหนี...ขนข้าวขนของ...หาที่อยู่ใหม่...ท่านใดเชื่ออย่างนั้น...ท่านก็เป็นคนหลงโลก
หากท่านเตรียมพร้อม...ในศิล...สมาธิ...ปัญญา...แม้ท่านจะละจากโลกนี้ไป...ท่านก็ไม่ไปสู่อบายภูมิ

"เรามีความตายเป็นธรรมดา....จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้" ที่ออกมาเตือนเพียงแต่ขอให้ท่านมีสติรู้เท่านั้น ไม่ใช่ไปส่งเสริมข่าว เพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่าอย่าตื่นข่าวมงคลต่าง ผมไม่มีเจตนาเป็นอื่นครับ

 

คะ เป็นดังที่คุณตันติปาละ ว่ามา ...ตอนนี้หินที่อยู่ในตู้ทั้งหมด... เขาส่งประกายให้เห็นตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้วมาจนถึงเดี๋ยวนี้... และ ยิ่งส่งให้เห็นมากขึ้นๆ... เป็นประกายแจ่มจรัส...ประกอบกับ ปู่ท่าน...ส่งข่าวสารมากับกัลยามิตร...ที่สามารถพบเจอได้ที่เวบแห่งนี้...แม้จะอยู่ไกล..แต่เหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อม...ศิลามณี คนหนึ่งละที่ไม่เชื่อ.......เรื่องบังเอิญ...ไม่มีเรื่องบังเอิญในโลกนี้คะ...

 

*** สัจจะธรรม คือ เรื่องของตัวกระทำที่ไม่ตาย ****

ทุกอย่าง ถูกจัดสรร
สัตว์โลก....มีตัวกระทำของตนเอง เป็นผู้จัดสรรกรรมย้อนคืน
ผู้มีสัจจะ...มีตัวกระทำเที่ยงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้จัดสรรให้รอดพ้นกรรม ให้หลุดพ้นทุกข์ พ้นไปจากโลก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

แผ่นดินแตกแยก ลอยเลื่อนเคลื่อนไหว
แตกต่างเพื่อสร้างจัดสมดุลย์ใหม่ตามธรรมชาติ

เมื่อธรรมชาติจัดสมดุลย์ จะทำจากโครงสร้างใหญ่ไปหาเล็ก
เพราะโครงสร้างเล็กอาศัยอยู่ในโครงสร้างใหญ่

เมื่อโครงสร้างใหญ่อยู่ได้ โครงสร้างเล็กคือชีวิตมนุษย์ เล็กลงไป ก็อยู่ได้

โดยรักษาความพอดี เมื่อไหร่อะไรมากเกินไป ก็เอาออกไปเสีย เช่น
ความเครียดใต้พื้นโลกก็จะถูกปลดปล่อยออกมาทางภูเขาไฟ และรอยแยกใต้พิภพ


........

 

ท่านผู้ที่มีความรู้พิเศษทั้งหลายถึงมหันตภัยขอท่านลองเพ่งดูรัศมีที่ครอบรอบพระราชอาณาจักรไทยว่ามีรัศมีอันเป็นเครื่องป้องกันบรรเทามหัตภัยทั้งหลายมากมายหลายครั้ง อย่างสึนามิที่ประเทศเราได้รับผลกระทบ มีบางประเทศอยู่ไกลออกไปนับพันกิโลมีผู้เสียชีวิตมากกว่าประเทศของเรามาก และผู้เสียชิวิตในประเทศเราส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเสียด้วยซ้ำ

รัศมีนั้นคือ รัศมีแห่งธูปเทียนปลุกธรณี

 

ภูมิพล ยังอยู่ แผ่นดินยังอยู่ หลังจากนั้น ร.ศ.112 จะหวนคืนมา ไทยจะไม่เสียดินแดน เหมือนกรณีเขาพระวิหารให้ฝรั่ง ให้กัมพูชา แต่เสียพื้นที่บางส่วนแผ่นดินบางส่วน จะอยู่ใต้นํา ไม่นานนัก คราวนั้น รวมเสียทั้งหมด เยอะอยู่แต่ผู้เสียชีวิตในการเสียไม่มี คราวนี้อาจจะไม่เสียเท่านั้น แต่ทรัพยากรมนุษย์จะเสียเพื่อแลกกัน เมตตาบารมีนายหลวงจะช่วยได้ ทานบารมีจะเต็มแล้ว พระโพธิสัตย์ใหญ่ใกล้แล้ว รักแผ่นดินที่เหลืออยู่ให้มากๆ รักกันให้มากๆ

กัมมุนา วัตตะตี โลโก​

มองโลกในแง่ดีว่าเป็นเครื่องหมายของการจุติของพระโพธิสัตย์ในยุคคอคอดของพระศาสนาครับ​

ท่านเล่ากันมาไว้แบบนั้น ก็อย่าไปสนใจว่าท่านไหน อย่าให้เกิดเป็นดีที่สุด ว่าจะไม่โพสละ

รักพระองค์
​

เรื่องบางอย่างไม่มีใครอยากให้เกิดแต่มันเป็นไปตามกฏของธรรมชาติ ดินแดนนั้นจะไม่มีพระอรหันต์อยู่อีกต่อไป จะไม่มีผู้มีบุญมาเกิด พระธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุ ที่จมลง จะค่อยๆถูกเก็บกู้ และจะหายไปจากพื้นดินนั้นเพื่อบับพื้นที่ไปรวมกับแผ่นดินอื่น เรื่อยๆๆ จนเหลือมหาเจดีย์ใหญ่เพียง 1 ที่จะสามารถเก็บพระบรมธาตุไว้ ตราบจนสิ้นภูมิผู้ที่จะรู้ธรรมมาจุติแล้ว และสิ้นอรหัตผลจากแผ่นดินแน่นอน พระมหาเจดีย์ใหญ่จะแตกและจมลงและไปรวมกันที่มหาเจดีย์พระจุฬามณี ดั่งราวปาฏิหาริย์ จะปรากฏเป็นนิมิตพระพุทธสรีระองค์ใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะแตกสลายแยกกระจายกันไป เป็นอันสิ้น พุทธันดร พระพุทธโคดม

แล้วท่านจะเห็นในไม่ช้าว่านําตากับการสูญเสียแผ่นดิน และเสียบุคคลอันเป็นที่พึ่งดั่งกล่าว มีมากกว่านําที่ท่วมแผ่นดิน​

[music]http://palungjit.org/attachments/a.1223488/[/music]​

 

เทคโนโลยีเจริญมากขึ้นแต่เหตุไฉนน้ำใจมนุษย์จึงต่ำลง...เหตุภัยครั้งนี้จักทำตามกาลแลเพลาที่จัดสรรค์มาตามวิบาก...-*-อย่ามีคนตายเยอะเลยที่พูดแบบนี้เพราะยังไงมันก็ต้องมีผู้ที่ต้องเสียชีวิตเป็นแน่แท้...

 

ธรรมค้ำเเผ่นดิน ไม่สูญสิ้นความเป็นไทย

 

นั่นสิ ไม่กี่วันคืออีกกี่วัน? ถ้าทายลอยๆแบบนี้ใครๆก็พิมลอยๆขึ้นมาได้แหละ โลกเรามีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นแทบทุกวัน มันก็ต้องถูกซักอัน มันน่าเบื่อแล้ว
ถ้าไม่รู้จริงหรือถ้าอยากออกมาพูดแต่พูดไม่ได้ ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ไม่ต้องบอกดีกว่า มีคนพูดคนบอกมาเยอะแล้วแบบนี้น่ะ
ถ้าจะตีความหมายข้อความนี้ให้ถูกก็ตีได้นะ นี่ไงน้ำท่วม เป็นเดือนแล้วยังไม่ลดเลย ข้าวปลาอาหารก็หายากก็น้ำท่วมนี่น่า ... ก็ว่ากันไป

ขอตรงๆจริงๆแม่นๆ ซักอันดิ เบื่อแล้วมุขเดิมๆ!

 

รู้จากนิมิต???...สรุปว่ามันเป็นความฝันใช่ไหมครับ???...
หรือว่ารู้มาจากการนั่งสมาธิ...แล้วนิมิตเห็นภาพ...
หนึ่งในสี่ข้อปาราชิกคือ...การอวดอุตริมนุสธรรม(เขียนผิดก็ขออภัยน่ะครับ)
การอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน...หรือถึงรู้ก็ไม่ควรอวดอ้าง...ย่อมขาดจากความเป็นภิกษุ...ผมล่ะเบื่อจริงๆครับ กับการได้รับฟังพระในยุคสมัยนี้ ชอบพูดคุยกันแต่เรื่อง...
ฌาญสมาบัติ เรื่องอภิญญา ว่าฉันได้ขั้นนั้นขั้นนู่น ทั้งๆที่พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสห้ามไว้
เพราะมันเป็นเรื่อง อจินไตย เป็นเรื่องที่ผู้ฝึกผู้ปฏิบัติจะรู้ได้ด้วยตนเอง...
ไม่ใช่เรื่องที่จะมาอวดอ้างกันอย่างที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้...

 

ทุกอย่าง....ดูที่เจตนาเป็นหลัก..ครูบาอาจารย์ท่านมักจะพูดให้ฟัง..ว่า..ผิดถูกแพ้ชนะ .ดูที่เจตนาคะ.......

เข้ามาคุยกันบ่อยๆนะคะ

 

จับตาดูวันที่ 9 พฤาภาคม 2556 ตามคำบอกใบ้ในหนังสือพระมหาชนก ซึ่งน่าจะเป็นวันที่.........ที่สุดวันหนึ่งครับ ผมเชื่อว่าคำบอกใบ้นี้เป็นไปได้สูงมากๆครับ

 

การเตือนไม่ใช่การอวดคุณแห่งตน
เขาบอกว่าให้ข้ามถนนใช้สะพานลอย แต่เราก็บอกว่าข้ามใต้สะพานเร็วกว่า ข้ามมาแต่เล็กจนโตก็ไม่เห็นเป็นไร นั่นอาจเป็นความคิดคุณ ที่เขาเตือนก็เพื่อไม่ให้ประมาทอย่าติดหลง

ปราชิก ข้อที่ 4 ชอบตีความหมายผิดกันตลอดเลย ท่านบอกว่า ภิกษุอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตนต้องปราชิก

1.ผมไม่ใช่พระ
2.ผมแค่ออกมาเตือนไม่ให้ประมาทในธรรม คือตั้งมั่นใน ศิล สมาธิ ปัญญา
3.ผมยังไม่ได้อวดอ้างอะไร โปรดเข้าใจและพิจารนาให้ถ่องแท้ก่อน
4.หากท่านปฏิบัติจริงไม่ใช่อาศัยแค่ตำราและมานะส่วนตัว ท่านจะกระจ่างกว่านี้
5.ผมไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีแฝง จึงขออโหสิทุกอย่างทั้งฝ่ายตนและฝ่ายท่าน

ทุกความคิดเป็นสิ่งดี ถ้าความคิดนั้นไม่ขวางโลก หลายคนเชื่อนักวิชาการที่มีแต่คำว่า น่าจะ คงจะ สงสัยจะ สันนิษฐานว่า อาจจะ เป็นไปได้ ฯลฯ นั้นเป็นคำของคนที่ยังไม่เชื่อมั่น แต่เรากลับไปเชื่อ ทิฤษฏีต่างที่ค้นพบไม่นานก็โดนทิฤษฏีใหม่มาอีก แต่ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัส ยังไม่มีใครลบล้างได้ ท่านบอกอย่าประมาท ท่านก็อย่าประมาทครับ

 

..ผม ได้อนุโมทนาให้ท่านเจ้าของกระทู้ไปแล้ว...ปกติเรื่องพวกนี้ ไม่มีใครอยากพูดถึง...เพราะ มีแต่ เข้าเนื้อ...

..เท่าที่ อ่านมาทั้งหมด ติดใจ คุณ Crystal DNA มากที่สุด บอกหน่อยได้ใหมครับว่า ทำไมจึงทราบว่า ประเทศ เต็มไปด้วย พลังลบ...อยากจะรู้จริงๆ...แต่ถ้าคิดว่า เป็นเรื่องเสียหาย สำหรับคุณ ก็ ไม่ต้องบอก ก็ได้...ไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อน...

 

อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเราห้ามมันไม่ได้ อาจทำได้เพียงชะลอ รั้งไว้ให้เกิดขึ้นช้าถ้าโลกใหม่หรือชาติหน้ามีจริงขอเกิดเป็นผู้ชายนะ จะได้บวชในพุทธศาสนา ไม่อยากข้องเกี่ยวกับบาปใดๆอีก

 

ภาวนาให้สิ่งที่เห็นไม่เป็นจริงค่ะ ในสมาธิภาพน้ำม้วนตัวเป็นคลื่นยักษ์สูงมหึมาจ่ออยู่ตรงหน้าขณะตัวเองกำลังยืนอยู่บนชายหาดที่ไหนสักแห่ง คลื่นยักษ์ม้วนตัวสูงแล้วนิ่งอยู่อย่างนั้นให้พิจารณา ไม่ได้โถมเข้ามาพัดพาดิฉันไปกับหายนะนั้นด้วย แต่รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของมัน เคยถามปู่ฤาษีองค์หนึ่ง ท่านไม่ตอบค่ะ
ท่านบอกตอบไม่ได้ มันเป็นลิขิต เป็นชะตาของบ้านเมือง สิ่งใดจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ประเทศไทยจะไม่เสียหายถึงขั้นเป็นวิบัติรุนแรงไปทั่วหัวระแหง ขอให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับประเทศไทย ขอให้คนดีมีธรรมอยู่รอดปลอดภัย ขอให้คนชั่วกลับตัวกลับใจร่วมกันคิดแก้ไขและนำพาบ้านเมืองนี้ฝ่าทุกวิกฤติไปได้

อยากให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์รับมือภัยภิบัติอย่างจริงจัง พร้อมบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถทั้งธรณีวิทยา อุทกศาสตร์ ชลประทาน ภูมิศาสตร์ หน่วยกู้ภัยต่างๆ โดยมีนายกเป็นหัวหน้าบังคับบัญชา หากเกิดอะไรขึ้นการช่วยเหลือจะได้ไม่ช้าเกิน สิ่งสำคัญคือบ้านเราไม่เคยสอนการเอาตัวรอดจากภัยพิบัติต่างๆ ควรทำเป็นคู่มือ จริงๆอยากให้ออกทีวี แต่คิดว่าคงยากส์ เพราะรัฐบาลกลัวแต่ภาพลักษณ์ประเทศ กลัวต่างชาติหนี กลัวไม่มีใครมาเที่ยวมาลงทุน

เอาเป็นว่าหากเกิดแผ่นดินไหวให้นึกถึงสามเหลี่ยมรอดตายค่ะ คือให้ไปหลบอยู่ข้างวัตถุหนักๆและมีความสูงมากกว่าเรา และไม่อยู่ใต้ขื่อคานใดๆ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวของเฟอร์นิเจอร์ที่ล้มลงมาจะทับอยู่กับวัตถุนั้น ตรงที่เราอยู่กลายเป็นพื้นที่ซอกเล็กสามเหลี่ยม ทำให้เราปลอดภัยจากกระดูกหัก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักทำให้เสียชีวิตในกรณีแผ่นดินไหว ห้ามหลบใต้โต๊ะ เพราะหากคานหรืออะไรหนักๆ หล่นลงมากระแทกโต๊ะจนยุบตัว เราที่อยู่ใต้โต๊ะแย่แน่ จากคำบอกเล่าของนักกู้ภัยในเมืองนอกมักพบคนเสียชีวิตใต้โต๊ะ

หากเกิดสึนามิ หลายๆคนน่าจะเห็นจากข่าวแล้ว จะไปเพิ่งสัญญาณเตือนที่มักเตือนมั่วๆเพิ่งไม่ได้ ดูการขึ้นลงของน้ำและสังเกตพฤติกรรมของสัตว์ พวกนี้เขามีสัญชาติญาณดีมาก ประสาทของเขารับการสั่นสะเทือนได้ก่อนมนุษย์

 

Triangle of life

"สามเหลี่ยมชีวิต" วิธีรอดตายจากแผ่นดินไหว
จากบทความของดัก คอบบ์ เรื่อง"สามเหลี่ยมชีวิต"
เรียบเรียงสำหรับการสรุปให้คณะกรรมการด้านความปลอดภัย MAA
ผมชื่อ ดัก คอบบ์ ผมเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยและผู้จัดการด้านพิบัติภัยของทีมกู้ภัยนานาชาติแห่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นทีมกู้ภัยที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโลก ข้อมูลในบทความนี้จะช่วยชีวิตคนในกรณีแผ่น
ดินไหว ผมเคยคลานเข้าไปในตึกที่ถล่มมา 875 ตึก เคยทำงานกับหน่วยกู้ภัยจาก 60 ประเทศ ก่อตั้ง
หน่วยกู้ภัย ในหลายประเทศ และเป็นเหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการอพยพผู้คนกรณีเกิดพิบัติภัยขององค์การ
สหประชาชาติมา 2 ปี ผมได้ทำงานกับพิบัติภัยใหญ่ๆ ในโลกมาตั้งแต่ปี 1985 เมื่อปี 1996 เราได้ทำภาพยนต์ขึ้นมาเรื่องหนึ่งซึ่งได้พิสูจน์ว่าวิธีการรักษาชีวิตของผมถูกต้องเราได้ถล่มโรงเรียนและบ้านที่มีหุ่นมนุษย์ 20 ตัวอยู่ภายใน หุ่น 10 ตัว"มุดและหาที่กำบัง" และอีกสิบตัวใช้วิธีการรักษาชีวิตแบบ "สามเหลี่ยมชีวิต" ของผม หลังจากแผ่นดินไหวทดลอง เราคลานผ่านซากปรักหักพังและเข้าไปในตึกเพื่อถ่ายภาพและเก็บข้อมูลของผลที่ เกิด ในภาพยนต์แสดงให้เห็นว่าอัตราการอยู่รอดของพวกที่มุดและหาที่กำบังคือศูนย์ และโอกาสรอด 100% สำหรับพวกที่ใช้วิธี "สามเหลี่ยมชีวิต" ของผมภาพยนต์ชุดนี้ได้ผ่านสายตาของผู้ชมโทรทัศน์เป็น ล้านๆ คนในตุรกี และส่วนที่เหลือของยุโรป เคยออกอากาศทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา คานาดาและลาตินอเมริกา
ตึกแห่งแรกที่ผมได้คลานเข้าไปคือโรงเรียนแห่ง หนึ่งในเมืองเม็กซิโกซิตี้ในแผ่นดินไหวปี
1985 เด็กทุกคนอยู่ใต้โต๊ะเรียน เด็กทุกคนถูกอัดแบนจนกระดูกแหลก พวกเขาอาจจะมีชีวิตรอดด้วยการ
นอนราบกับพื้นตรงบริเวณทางเดินข้างๆ โต๊ะเรียนของตัวเองในเวลานั้น เด็กๆ ได้รับคำแนะนำให้หลบใต้อะไรบางอย่าง อธิบายอย่างง่ายๆ เมื่อตึกถล่มน้ำหนักของเพดานที่ตกลงมาบนสิ่งของหรือเครื่องเรือนที่อยู่ภายในจะทับทำลายสิ่งของเหล่านั้น เหลือที่ว่างหรือช่องว่างข้างๆ มัน ที่ว่างเหล่านี้คือสิ่งที่ผมเรียกว่า"สามเหลี่ยมชีวิต" สิ่งของชิ้นยิ่งใหญ่ ยิ่งแข็งแรงโอกาสถูกทับอัดยิ่งน้อย โอกาสที่สิ่งของถูกทับอัดยิ่งน้อย ช่องว่างก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นโอกาสที่คนที่อาศัยช่องว่างเหล่านั้นหลบภัยจะไม่เป็นอันตรายก็ยิ่งมาก
ครั้งต่อไปที่คุณดูอาคารที่ถล่มในโทรทัศน์ ลองนับ "สามเหลี่ยม" ที่เกิดขึ้นที่คุณเห็นดู มันทีอยู่
เต็มไปหมดทุกที่ เป็นรูปทรงที่เห็นได้มากที่สุดอยู่ทั่วไป

สิบวิธีเพื่อความปลอดภัยยามแผ่นดินไหว
1) เกือบทุกคนที่ "มุดและหาที่กำบัง" เมื่ออาคารถล่มถูกทับอัดจนตาย คนที่เข้าไปอยู่ใต้สิ่งของ อาทิ
โต๊ะหรือรถยนต์ถูกอัดทับ

2) แมว หมา และเด็กทารก โดยธรรมชาติมักจะขดตัวในท่าเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา คุณควรทำเช่น
กันในกรณีแผ่นดินไหว มันเป็นสัญชาติญาณเพื่อความปลอดภัย/รักษาชีวิต คุณสามารถมีชีวิต
รอดในช่องว่างที่เล็กกว่า ไปอยู่ข้างๆ สิ่งของ ข้างเก้าอี้โซฟา ข้างของหนักๆ ชิ้นใหญ่ๆ ที่จะบี้แบนไปบ้าง
แต่ยังเหลือที่ว่างข้างๆ มันไว้

3) อาคารไม้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยที่สุดที่จะอยู่ภายในขณะแผ่นดินไหว ไม้มีความยืดหยุ่น
และเคลื่อนตัวตามแรงของแผ่นดินไหว ถ้าอาคารไม้จะถล่มจะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อช่วยชีวิต และ
อาคารไม้ยังมีน้ำหนักทับทำลายที่เป็นอันตรายน้อยกว่า อาคารอิฐจะแตกพังเป็นก้อนอิฐมากมาย ก้อน
อิฐเหล่านี้เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บ แต่จะทับอัดร่างกายน้อยกว่าแผ่นคอนกรีต

4) หากคุณกำลังนอนอยู่บนเตียงตอนกลางคืนและเกิดแผ่นดินไหว เพียงกลิ้งลงจากเตียง ช่อง
ว่างที่ปลอดภัยจะเกิดรอบๆ เตียง โรงแรมจะสามารถเพิ่มอัตราผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวได้ โดย
เพียงติดป้ายหลังประตูในทุกห้องพักบอกให้ผู้เข้าพักนอนราบกับพื้นข้างๆ ขาเตียงระหว่างแผ่นดินไหว

5) หากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นและคุณไม่สามารถหนี้ออกมาง่ายๆ ทางประตูหรือหน้าต่าง ก็ให้
นอนราบและขดตัวในท่าทารกในครรภ์ข้างๆ เก้าอี้โซฟาหรือเก้าอี้ตัวใหญ่ๆ

6) เกือบทุกคนที่อยู่ตรงช่องประตูตอนตึกถล่มไม่รอด เพราะอะไร? หากคุณยืนอยู่ตรงช่อง
ประตูและวงกบประตูล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลัง คุณจะโดนเพดานด้านบนตกลงมาทับ หากวงกบประตูล้มออกด้านข้างคุณจะถูกตัดเป็นสองท่อนโดยช่องประตู ไม่ว่ากรณีไหน คุณไม่รอดทั้งนั้น!

7) อย่าใช้บันไดเด็ดขาด บันไดมี "ช่วงการเคลื่อนตัว" ที่แตกต่างไป(บันไดจะมีการแกว่งแยกจากตัวอาคาร) บันไดและส่วนที่เหลือของตัวอาคารจะชนกระแทกกันอย่างต่อเนื่องจนเกิดปัญหากับโครงสร้างของบันไดคนที่อยู่บนบันไดก่อนที่บันไดจะถล่มถูกตัดเป็นชิ้นโดยชั้นบันได--ถูกแยกส่วนอย่างน่าสยดสยอง ถึงอาคารจะไม่ถล่มก็ควรอยู่ห่างบันไดไว้ บันไดเป็นส่วนของอาคารที่มีโอกาสถูกทำให้เสียหาย ถึงแม้แผ่นดินไหวจะไม่ได้ทำให้บันไดถล่ม มันอาจถล่มในเวลาต่อมาเมื่อรับน้ำหนักมากเกินไปจากคนที่กำลังหนี มันควรได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยเสมอถึงแม้ส่วนที่เหลือของอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม

8) ไปอยู่ใกล้กำแพงด้านนอกของอาคารหรือออกจากอาคารถ้าเป็นไปได้ จะเป็นการดีกว่ามากที่จะอยู่
ใกล้ส่วนนอกของอาคารมากกว่าจะอยู่ที่ส่วนในของอาคาร คุณยิ่งอยู่ลึกเข้าไปหรือไกลจากบริเวณภาย
นอกของอาคารมากเท่าไหร่ โอกาสที่ทางหนี้ของคุณจะถูกปิดกั้นยิ่งมีมาก

9) คนที่อยู่ภายในรถยนต์ถูกทับอัดเมื่อถนนด้านบนตกลงมาเพราะแผ่นดินไหวและทับรถ ของ
พวกเขา นี้เป็น สิ่งที่เกิดขึ้นกับแผ่นคอนกรีตระหว่างชั้นของถนนหลวงนิมิทซ์ ผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดจาก
แผ่นดินไหวที่ซานฟรานซิสโกอยู่ในรถของตัวเอง พวกเขาตายทั้งหมด พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ง่ายๆด้วยการออกจากรถและนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างๆ รถตัวเอง คนที่ตายทุกคนอาจรอดได้ถ้าพวกเขา
สามารถออกจากรถและนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างรถตัวเอง รถที่ถูกทับอัดทุกคันมีช่องว่างสูง 3 ฟุตอยู่ข้างๆ ยกเว้นรถที่ถูกเสาคานตกทับกลางคันรถ

10) ผมค้นพบ--ขณะที่คลานเข้าไปในซากสำนักงานหนังสือพิมพ์และสำนักงานอื่นที่มีกระดาษ
จำนวนมาก--ว่ากระดาษไม่อัดตัว จะพบช่องว่างขนาดใหญ่รอบๆ กองกระดาษที่เรียงทับซ้อนกัน