การทำศัลยกรรม...ถือเป็นการฝืนกฏแห่งกรรมหรือเปล่าคะ ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย jajamicky, 23 กรกฎาคม 2009.

  1. ปลาคาร์พ

    ปลาคาร์พ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +50
    พอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ดีกว่าค่ะ จะได้ไม่ต้องทุกข์ใจ
    สังขารไม่เที่ยงหรอกค่ะเดี๋ยวมันกะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา
    เร่งสร้างบุญกุศลดีกว่าค่ะ
    เพราะทุกวันนี้ที่เราอยู่ได้ มีกินมีใช้มีปัจจัยสี่ก็เพราะบุฐที่เคยสร้างไว้
     
  2. รอรินทร์

    รอรินทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +63
    ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
    จิตใจงามไม่เสริมไม่แต่งเพราะธรรมะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. รอรินทร์

    รอรินทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +63
    ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
    จิตใจงาม ไม่เสริม ไม่แต่ง เพราะธรรมะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. eMuay

    eMuay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +99
    พอใจในสิ่งที่ตนมีและเป็นค่ะ....เคยคิดเรื่องศัลยกรรมเหมือนกันค่ะ แต่....คิดไปคิดมาเป็นอย่างที่เป็น มีและภูมิใจในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ให้มาดีที่สุดแล้วค่ะ (เกิดมาทั้งทีจะต้องไปให้หมอฉีด ผ่า เย็บให้เจ็บกายทำไมหนอ....)

    สวยด้วยธรรม จะเกิดที่จิตใจ แล้วส่งผลให้หน้าตาผู้เจริญธรรมผ่องใส ไม่ต้องแต่งเติมให้มากมายค่ะ

    สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ วันนี้คุณอายุ 18 เผลอแป็ปเดียวก็ 20 ...30 แล้วร่างกายไม่คงอยู่กับเราตลอดไปค่ะ

    การศัลยกรรมทำให้สวยที่รูปทรัพย์...จะทำให้เราิเกิดความยึดมั่นถือมั่นขึ้นภายในตัวเรา กายเราค่ะ เป็นเหตุให้ต้องหาสิ่งปรุงแต่งต่างๆ เพื่อให้ร่างกายคงสวยอยู่เรื่อยๆไป จนบางครั้งมากเกินความจำเป็นก็เป็นสาเหตุให้เกิดความทุกข์ใจได้..... ยังไงแล้วคำว่าดีพอ...คงไม่เท่ากับคำว่าพอดีแน่นอนค่ะ
     
  5. ขณิก

    ขณิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2007
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +216
    เมื่อสวยแล้ว
    ต้องดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา
    เมื่อความสวยลดลงก็ทุกข์ครับ


    เหมือนการซื้อรถครับ
    ได้มาก็ต้องเหนื่อยครับ
    ต้องดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา
    รถชนก็ทุกข์
    ค่าน้ำมันค่าดูแลรักษา ก็เป็นตัวทำให้ทุกข์ครับ

    เหมือนความรักครับ
    เมื่อมีแล้วก็มีความสุข
    ต้องดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา
    เมื่อไม่ได้ดั่งใจกันและกันก็ทุกข์เช่นกันครับ

    รวมความว่า คนภานนอกจะเห็นว่ามีความสุขครับ แต่จริงๆมันมีทุกข์ปะปน
    มันมีตัวที่เรียกว่าปััญญา ถ้าเห็นแล้วจะเห็นว่า เปล่าประโยชน์ครับ
    เพราะ สุขใดก็มีทุกข์เจือปนอยู่เสมอ ยิ่งเห็นใครสุขมากก็ทุกข์มากครับ
    ถ้าเมื่อใดขาดตัวสุขที่ว่า ทุกข์เข้ามาทันทีครับ
    ก็เหมือนตกเหวครับผม

    เพียงแต่เราเห็นแต่สุขของเขา เราไม่เห็นทุกข์ของเขาครับ

    อนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2010
  6. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    ไม่ฝืนหรอกครับ ถ้าได้ทำทำได้และทำออกมาสวยก็แสดงว่าตอนนั้นกุศลกรรมให้ผลแต่ถ้าไม่มีกุศลกรรมรองรับก็จะไม่มีความคิดที่จะทำหรืออยากทำแต่ทำไม่ได้หรือทำได้แต่ก็ทำออกมาไม่สวยอยู่ดี เป็นเพียงแต่ว่าที่หน้าตาออกมาเดิมๆไม่สวยเพราะว่าอกุศลให้ผลก่อนแล้วกุศลกรรมให้ผลทีหลังต่างกับคนที่สวยมาแต่ต้นก็คือว่ากุศลกรรมให้ผลมาแต่เดิมแต่สุดท้ายแล้วทุกๆแบบก็ก้าวเข้าสู่ความเสื่อมและความหมดสวยเหมือนกันหมด อย่าลืมว่าทุกอย่างในโลกที่เป็นไปย่อมมีกรรมเป็นเครื่องรองรับเพราะฉนั้นคำว่าฝืนกฎของกรรมไม่มีในโลกหรอกครับ แต่อันนี้ก็เป็นเพียงแต่ความเห็นตามปัญญาของผมเท่านั้นผิดถูกอย่างไรผมต้องกราบขอประทานโทษต่อทุกท่านและพระรัตนตรัยด้วยครับ
     
  7. f4sonic

    f4sonic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +393
    อสุภกรรมฐานครับ สวยได้แต่ภายนอก แต่ข้างใน(จิตใจ) สำคัญกว่า :cool:
     
  8. kim9

    kim9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,179
    grasib สมาชิก

    [​IMG]
    ผมว่ามันก็คล้ายกับการรักษาโรคมากกว่า
    เช่นการผ่าตัดหัวใจ ผ่าตัดไส้ติ่ง เป็นการ
    ทำให้ดีขึ้น หรือสบายใจขึ้นครับ

    *****************************************************

    <table id="post4019547" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175">Fabreguz
    สมาชิก

    [​IMG]




    </td> <td class="alt1" id="td_post_4019547" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> ผมว่า ..... คนที่ไปทำแล้วดี คือ สวย รวย คนติด.......เพราะบุญหนุนนำให้ทำแล้วดี

    ผมว่า.......คนที่ไปทำแล้ว ผิดรูป เกิดโรคแทรกซ้อน ปัญหา หรือทำแล้ว แต่ก็ไม่เห็นรวย

    ขึ้น อันนี้ กรรมเลวหนุนนำให้ไปทำ......

    คือคนเราเกิดมา เป็นอย่างนี้ หน้าตาอย่างนี้ แต่เราก็คิดอยากไปทำ......

    มันก็เหมือนจังหวะของชีวิต ที่บางทีเราก็ไปเจอคนที่ดี (บุญวาสนาเก่า)....หรือไปเจอ

    คนที่เลว (กรรมเลวที่ทำร่วมกันมา) ........ เพราะฉะนั้นเหตุที่ต้องไปทำ แล้วดี หรือ ไม่ดี

    ก็ต้องมีที่มาที่ไป ..... ไม่เกี่ยวกับฝืน หรือ ไม่ฝืน

    ถ้าเกิดมาไม่สวย << นี่เป็นกรรมจากอดีตชาติ เกิดมา เลยไม่สวย แต่อาจจะเคยทำกรรม

    ดีที่เกี่ยวข้องมาบ้าง เช่น เคยเป็นคนโมโหร้าย อิจฉาริษยา แต่เคยไปช่วยซ่อมแซมพระ

    พุทธรูป...... ทำให้มีเหตุได้ไปทำศัลยกรรม แล้วดีขึ้น เป็นต้น

    สรุปแล้ว กรรม เป็นเรื่องของอจินไตย คือคนธรรมดา ไม่สามารถเข้าใจด้วยเหตุและผล

    ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับว่าใครทำแล้วดีหรือไม่ดี ...... แค่พอใจ ในปัจจุบัน ก็พอ
    </td></tr></tbody></table>
    ***************************************************

    ผมว่าที่คุณทั้ง 2 คนตอบนี่ตรงกับคำถามที่สุดแล้วครับ
    คือ ตอบอย่างใช้ปัญญา และเข้าใจถึงกฏแห่งกรรมได้เป็นอย่างดี .............สาธุครับ
     
  9. อิติปิโส_ภควา

    อิติปิโส_ภควา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +242
    ไม่รู้ว่าฝืนกรรมหรือเปล่านะคะ แต่คิดว่าถ้าเขาสวยมาก ๆ มีคนเข้ามาหามาก ๆ นั่นถือเป็นการสร้างกรรมในชาติภพนี้แล้วล่ะค่ะ แล้วถ้าสวยด้วย เอาแต่ใจด้วย อยากได้ อยากมี อยากเป็น มากเข้า ๆ มันก็เป็นกรรมอีกล่ะค่ะ
     
  10. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ขอบคุณค่ะ...............
     
  11. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ชอบมากๆเลยครับ อ่านแล้วรู้สึกนึกได้ถึงสิ่งสำคัญ

    อนุโมทนาบุญครับ
     
  12. พชรไพลิน

    พชรไพลิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +113
    แค่เพียงภาพมายาเท่านั้น
     
  13. ญาณจิต

    ญาณจิต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +53
    สิ่งใดทำแล้วมีความสุข ก็จงทำไปเถอะ ความสุขที่ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน
    แต่ความสุขที่แท้จริงนั่นคือใจตัวเองไม่เดือดร้อนและผู้อื่นไม่เดือดร้อนด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. สรัสวดี

    สรัสวดี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +76
    โอ๋โห! ทามปายซะเยอะเลยตู:z6
     
  15. rose2009

    rose2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +653
    ไม่แปลกและไม่ฝืนกฏ ถ้าจิตไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ไม่ทุกข์
    ศัลยกรรมก็คือการปรุงแต่งร่างกายอย่างหนึ่ง ไม่ต่างไปจากวิธีอื่น เช่น การปรุงแต่งด้วยเครื่องสำอาง เสื้อผ้า เครื่องประดับ ด้วยจิตคิดจะงาม
    แต่วิธีนี้อาจเจ็บตัวกว่าวิธีอื่น แต่ให้ผลรวดเร็วทันใจอยู่คงทนกว่าเท่านั้นเอง
    หากทำแล้วคลายทุกข์ก็ทำไป...แต่อาจสร้างทุกข์ใหม่ขึ้นแทนเท่านั้นเอง
    แต่อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งในโลกย่อมเสื่อมสลายตามกาลเวลา
    เมื่อจิตปล่อยวางได้ก็คลายทุกข์...
     
  16. Dazeng

    Dazeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +110
    ไม่ฝืนครับ เป็นกรรมเก่าที่กำหนดให้เขาต้องมีหน้าตาอันตนไม่พอใจ และผลักดันให้ทำการเปลี่ยนแปลงหน้าตนเองให้รู้สึกดีขึ้น เหมือนเป็นช่วงเปลี่ยนวาระกรรม อันคนงานหรือขี้เหร่กรรมนั้นคือผู้กำหนด ชาตินี้งามชาติหน้าอาจอัปลักษณ์ ทุกสิ่งอนิจจังจงทำดีเถิด
     
  17. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ไม่มีอะไรบังเอิญครับ ที่เค้าไปทำศัลยกรรม แล้วทำให้ ชีวิตดีขึ้นก็อาจจะเพราะผลบุญ

    ที่เคยทำไว้ในอดีต ก็ได้ครับ แต่ส่งผลช้า หรือ ตัดสินใจทำบุญช้า ทำให้ มาส่งผลที่หลัง

    สรุปว่า ยังไงก็ไม่พ้น กรรม จ้ะ
     
  18. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    แค่ทำตา ทำจมูก ทำปาก ทำคิ้ว ทำคาง ทำแก้ม ทำพุง ทำmilk ไม่ถือว่าเยอะหรอกครับอย่าคิดมาก
     
  19. จิดา

    จิดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เหมือนเป็นการเบียดเบียนตัวเองมั้ยน่ะ
    อยู่ๆทำให้ตัวเองเจ็บง่ะ
     
  20. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ อนุโมทนาด้วยนะครับ
    เป็นคำถามที่ดีมากเลยนะครับ

    ไม่ฝืน หรอกครับ
    แต่ นั้นละคือ กรรมของคนที่ทำศัลยกรรม นะครับ
    กรรมอย่างแรก คือ ต้องเสียตังค์ในการทำศัลยกรรม(ทำตา ทำจมูก ทำคาง ทำหน้าอก ฉีด botox..) ซึ่งการทำแต่ละอย่างต้องเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก นี้คือกรรมอย่างแรกครับ

    กรรมอย่างที่สอง คือ ต้องเจ็บตัวในการทำ(ทำตา ทำจมูก ทำคาง ทำหน้าอก ฉีด botox..) ซึ่งการทำแต่ละอย่างแต่ละขั้นตอน(หลังจากฟื้น) เจ็บปวดทรมาน เป็นอาทิตย์ แล้วก็กว่าจะครบการทำที่กล่าวมานะ เจ็บนาน เจ็บหลายครั้ง นี้คือกรรมอย่างที่สอง

    แต่คงไม่นานหรอกครับ ที่ว่าสวยนะ เพราะเซลล์ในร่างกายของคนเรา เสื่อมทุกวันนะ และสิ่งแปลกปลอมที่ทำจมูก ทำคาง ทำนมและตัว BoTox เองนะ สักวันร่างกายจะไม่ยอมรับนะ(ช่วงนี้ก็เจ็บปวด) ต้องไปเสียตังเอาออก เจ็บตัวตอนเอาออกและหลังออกอีก

    ส่วนเรื่อง สิ่งดีๆๆๆ ที่เข้ามาในตัวเขานะ เกิดจากที่เขาได้ทำบุญกุศลในอดีตชาติ มาหนุนให้เขาเจอแต่สิ่งที่ดีๆๆ นะครับ

    ถ้าท่านเจ้าของกระทู้อยากสวยแบบไม่มีที่ติด(ไม่เป็นรองใคร) ก็ลองทำบุญบูรณะพระพุทธรูปเหมือนท่านวิสาขา ดูนะครับ (นำมาให้ท่านอ่านนะครับ)


    สตรีมีรูปเป็นทรัพย์ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    สำหรับนางวิสาขา เคยแปลในพระธรรมบทปรากฎว่า เธอมีความงามเป็นพิเศษ ตอนนี้จะขอพูดเรื่องพุทธบูชา ได้ความงามเป็นพิเศษ เพราะบรรดาสุภาพบุรุษก็ดี สุภาพสตรีก็ดี ต้องการความสวยสดงดงามด้วยกันทุกคน ที่กล่าวว่าทุกคนก็ถือว่าเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ต้องการความสวย ต้องการความเรียบร้อยของร่างกาย บุคคลิกลักษณะของร่างกาย ต้องการให้เป็นที่ถูกตาถูกใจของบุคคลผู้ทัศนา หรือว่าได้เห็นคำว่า ทัศนา แปลว่า ดู<O:p></O:p>
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับท่านสุภาพสตรีถือว่ารูปเป็นทรัพย์ คือเราจะเห็นได้ว่าสตรีคนใดมีความงาม ถึงแม้ว่าจะมีฐานะเดิมยากจนเข็ญใจ ก็อาจจะหาคู่ครองที่มีฐานะดี ๆ มีศักดิ์ศรีใหญ่ได้ ฉะนั้น องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงกล่าวว่า สตรีมีรูปเป็นทรัพย์ ฉะนั้นตอนนี้จะได้คุยเรื่องสตรีมีรูปเป็นทรัพย์ และมีทรัพย์สินมากด้วย เอากันแค่รูปเป็นทรัพย์ก่อน คือมีความสวย<O:p></O:p>
    นางวิสาขามีความสวยเป็นกรณีพิเศษ คือสวยไม่เหมือนชาวบ้านเขา สวยเป็นสาวอายุ 16 ปี เมื่อถึงคราวอายุ 16 ปี รูปร่างยอดนารีมีลักษณะเช่นใด และอยู่ต่อไปถึง 120 ปี ก็ยังเป็นสาวแค่อายุ 16 ปีอยู่นั่นเอง ลักษณะความสาวและความสวยของนางวิสาขา ตามบาลีท่านกล่าวว่ามีอยู่ 5 อย่างด้วยกัน ตามภาษาบาลีท่านเรียกว่า เบญจกัลยาณี<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    เบญจกัลยาณี<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    สำหรับลักษณะ 5 ประการ ถ้าจะกล่าวเป็นภาษาบาลีมันฟังยาก ตอนนี้มากล่าวกันเป็นภาษาไทย เจ้าคุณราชเมธี วัดประยูรวงศาวาส ท่านเคยประพันธ์ไว้เป็นกลอน แต่ว่าคำกลอนนี้จะถูกต้องตามแบบฉบับของนักแต่งกล่อนหรือไม่ อาตมาไม่ทรบ ท่านกล่าวไว้ดังนี้<O:p></O:p>
    1. งามผมสมพักตร์ ลักขณา<O:p></O:p>
    2. โอษฐาจิ้มลิ้ม ดูพริ้มเพรา<O:p></O:p>
    3. งามทนต์ยลปลั่ง ดังสังข์ขัด<O:p></O:p>
    4. ผิวทัศน์กรรณิกา งามราศี<O:p></O:p>
    5. จะคลอดบุตรสักเท่าไร วัยยังดี หญิงเช่นนี้ใครได้มางามหน้าเอย<O:p></O:p>
    ที่นางวิสาขามีความสวย 5 ประการ ถ้าหากว่าบรรดาสุภาพสตรีในสมัยปัจจุบันมีความสวยครบ 5 ประการอย่างนางวิสาขา จะเป็นการลดค่าครองชีพลงมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็จะเป็นการลำบากสำหรับนักตั้งสำนักงานสร้างความเสริมสวย เพราะว่าหน่วยการสร้างความเสริมสวยนี้จะตั้งขึ้นมาไม่ได้เลย เพราะว่าคนงามเสียแล้วทั้งหมดก็ไม่มีใครเขาไปจ้างเสริมความงามกัน ความงามของนางวิสาขาจะพูดให้ฟังตามกลอนของท่านเจ้าคุณราชเมธี วัดประยูรวงศ์ฯ ท่านแต่งมาจากเนื้อแท้ของบาลีว่า<O:p></O:p>
    1. งามผมสมพักตร์ลักขณา ผมของนางวิสาขานี้สลวยอยู่ตลอดเวา เรียบไม่ต้องตัด ไม่ต้องชำระสะสางก็ไม่เหม็นสาบ ผมจะไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป ไม่เหม็นสาบไม่เหม็นสาง ถ้าสมัยไหนเขาต้องการเรียบ ผมของนางก็เรียบ ต้องการหยิกผมก็หยิก ต้องการเป็นผมลอนผมก็เป็นลอน ในสมัยใดต้องการแบบใด ลักษณะผมของนางวิสาขาจะเป็นไปตามสมัย ไม่ต้องดัดแปลง ไม่ต้องแก้ไข ไม่ต้องตกแต่ง ไม่ต้องตัด ไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป เป็นอันว่างามผม<O:p></O:p>
    2. โอษฐาจิ้มลิ้ม ดูพริ้มเพรา ริมฝีปากของนางวิสาขาไม่มีริ้ว ไม่มีรอย เป็นริมฝีปากสวย มีความแดงระเรื่อพอสมควร ไม่ต้องไปแตะไปต้องอะไรทั้งหมด ปรากฎว่าสวยอยู่ตลอดเวลา<O:p></O:p>
    3. งามทนต์ยลปลั่งดังสังข์ขัด ฟันของนางวิสาขาเรียบและเป็นเงางามคล้ายมุก ไม่ต้องแต่งเหมือนกันอยู่ตลอดเวลา<O:p></O:p>
    4. ผิวทัศน์กรรณิกางามราศี คำว่าผิวในที่นี้ ถ้าเขานิยมดำก็ดำสวย ถ้าเขานิยมขาวผิวก็ขาว เขานิยมเหลืองผิวก็เหลือง เป็นไปตามความนิยม ไม่มีไฝ ไม่มีฝ้า ไม่มีขี้แมลงวัน ถึงแม้ว่าจะไม่อาบน้ำสักเดือนนึง ผิวของนางวิสาขาก็ไม่เลอะ ไม่สกปรก ไม่เหม็นสาบ ไม่เหม็นสาง<O:p></O:p>
    5. จะคลอดบุตรสักเท่าไร วัยยังดี หมายความว่าหญิงประเภทนี้ ถ้าคลอดบุตรเมื่ออายุเท่าไร มีความงามของทรวดทรงอยู่ในระดับไหน ความงามของทรวดทรงจะอยู่ในระดับนั้นจนกว่าจะถึงวันตาย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางวิสาขามีความงาม 5 ประการ และคลอดบุตรเมื่ออายุ 16 ปี เมื่อนางแก่ถึงอายุ 120 ปี ก็ปรากฎว่าเป็นหญิงเหมือนอายุ 16 ปี นั่นเอง<O:p></O:p>
    ตัวอย่างในที่นี้ ก็ปรากฎมาในพระธรรมบทว่า สมัยหนึ่งเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงพระชนม์อยู่ สมัยนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูกำลังแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพุทธบริษัท นางวิสาขาเป็นพระโสดาบัน แต่งงานเมื่ออายุ 16 ปี หรืออาจจะก่อนหน้าสักนิด และคลอดบุตรเมื่ออายุ 16 ปี หลังจากนั้นนางวิสาขาก็มีบุตร 20 คน วิสาขา แปลว่า งอกงาม เหมือนกับกิ่งก้านของไม้ที่มีสาขา คือกิ่งยาวสล้างเป็นพุ่มสวย ไม่ใช่ไม้ชะลูด ฉะนั้น คำว่าวิสาขาแปลว่ากิ่งงามมาก แค่กิ่งนั้นล่อเข้าไปตั้ง 20 กิ่ง คือลูก และนางวิสาขาก็ยังมีหลานอีก โดยลูกทั้งหมดปรากฎว่ามีบุตรมาคนละ 20 คน<O:p></O:p>
    ท่านทั้งหลายก็เอา 20 ตั้งเข้าไป แล้วก็ 20 คูณเข้าไป เข้าไปเท่าไรแล้ว แล้วก็เอาอีก 20 ของ 20 มาตั้ง คูณ ๆ กันลงไป ก็หมดเรื่องกันไป เท่าไรก็ช่าง จะเห็นว่าวิสาขานี้สมชื่อของนาง มีกิ่งก้านสาขางอกงามทั้งลูกทั้งหลาน รวมแล้วหลายร้อยคน ถ้าจะเดินขบวนกัน ก็เห็นจะไม่ต้องเกณฑ์ชาวบ้านชาวเมืองที่ไหน<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    สาวเท่าหลาน<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    เป็นอันว่าในสมัยนั้น เมื่อองค์สมเด็ยพระทศพลกำลังเทศน์อยู่ นางวิสาขานั่งอยู่ระหว่างท่ามกลางหลาน ๆ ซึ่งมีความเป็นเด็กรุ่นสาว พระเจ้าปเสนทิโกศล บรมกษัตริย์ พระบาทท้าวเธอได้ยินข่าวเขาเล่าลือกันว่า นางวิสาขามีลูก 20 คน และลูกมีลูกอีกคนละ 20 คน แต่ว่านางวิสาขายังสาวเท่าหลาน จึงต้องการอยากจะทราบ จึงย่อง ๆ ไปมองดู เห็นองค์สมเด็จพระบรมครูกำลังแสดงพระธรรมเทศนา บรรดาสาว ๆ ทั้งหลายนับเป็นจำนวนร้อยนั่งอยู่หน้าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพุทธบริษัท<O:p></O:p>
    แต่ความจริงนางวิสาขานั่งอยู่ท่ามกลางบรรดาหลานสาวๆ รุ่น ๆ พระองค์ทรงทอดพระเนตรดูก็ไม่รู้ว่าคนไหนคือนางวิสาขา จึงถามท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ว่า นางวิสาขาคนไหน ท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ชี้ให้ดู บอกว่านางวิสาขาอยู่ท่ามกลางหลานพระพุทธเจ้าข้า พระเจ้าปเสนทิโกศลพระบาทท้าวเธอทอดพระเนตร ก็หาทราบไม่ว่าใครคือนางวิสาขากันแน่ เพราะหาคนแก่ไม่ได้ มีแต่เด็กสาวรุ่น ๆ ท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์จึงได้กราบทูลว่า ถ้าพระองค์ไม่ทรงทราบ คอยดูเวลาลุกขึ้นเมื่อเทศน์จบ<O:p></O:p>
    ตามธรรมดาเด็กหนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็มีกำลังมาก เวลาจะลุกเขาก็ลุกขึ้นมาปกติ ถ้าคนแก่เวลาจะลุกขึ้น จะต้องเอาสองมือยันพื้นก่อนจึงจะลุกขึ้น ฉะนั้น เวลาที่พระพุทธเจ้าทรงเทศน์จบ เขาก็ลุกกันตามปกติ หลานลุกไม่ต้องใช้มือยัน สำหรับนางวิสาขานั้นใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นจึงลุกขึ้นได้ เป็นอันว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลทราบแล้วว่า ใครคือนางวิสาขา ดูรูปร่างหน้าตาเป็นสาวรุ่น ๆ อายุราว 16 ปี เท่านั้นเอง<O:p></O:p>
    บรรดาท่านพุทธบริษัท สำหรับตอนนี้ เรื่องพุทธบูชากล่าวถึงอานิสงส์ก่อน มาหยุดกันไว้แค่ตอนนี้ เรื่องของนางวิสาขาไม่หมดเพียงเท่านี้ นี่เป็นตอนหนึ่งเฉพาะเป็นตอนสั้น ๆ ที่ตัดมาเฉพาะเรื่องพุทธบูชาทำให้คนสวย คือมีอานุภาพสามารถทำร่างกายให้คนสวย<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    เหตุที่เกิดมาสวย<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ต่อไปนี้จะขอกล่าวถึงต้นเหตุที่นางวิสาขาทำไมจึงสวยเช่นนี้ ตามพระบาลีท่านกล่าวว่า ถอยหลังไปจากชาตินี้ ในสมัยพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลก เวลานั้น นางวิสาขาเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา สาวหรือไม่สาวไม่ทราบ คงจะเป็นสาวก่อน และต่อมาก็คงจะเป็นแม่บ้าน ไปใช้ศัพท์ว่าสาวมันอาจจะผิดบาลี แต่ความจริงจะผิดเลยทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะว่าคนเกิดมาเป็นเด็กแล้วก็เป็นสาว แล้วต่อไปจึงแก่เฒ่าทีหลัง<O:p></O:p>
    เป็นอันว่าในสมัยนั้น นางวิสาขาก็มีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าพระพุทธกัสสป เคารพในพระพุทธเจ้าจริง ๆ เวลาที่เขาจะเทศน์ เขาจะทำบุญกันที่ไหน นางวิสาขาไปด้วยความเต็มใจ ไปฟังด้วยความเคารพ และบำเพ็ญกุศลด้วยความเคารพ แต่ว่านางวิสาขาเวลาที่บำเพ็ญกุศลในจรรยาสัมมาปฏิบัติแล้ว ไม่เคยอธิษฐานหลังจากทำบุญในศาสนาขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วว่า ขอให้ได้เบญจกัลยาณี คือมีความงาม 5 ประการ ความจริงนางวิสาขาไม่ได้อธิษฐานอย่างนี้<O:p></O:p>
    มีความต้องการอย่างเดียว คือการบำเพ็ญกุศลในศาสนาขององค์สมเด็จพระชินสีห์ นางมีความต้องการเฉพาะคือพระนิพพาน หรือความสุขในปัจจุบัน การทำบุญ บรรดาท่านพุทธบริษัท เราได้รับผลกันในปัจจุบัน คือรับความสุขในชาติปัจจุบันนี้ก่อน แล้วต่อไปบุญจึงจะสะท้อนให้เราเข้าสู่พระนิพพานในเมื่อบุญบารมีเต็ม<O:p></O:p>
    ปรากฎว่า ในกาลครั้งหนึ่ง ตามพระบาลีท่านว่าอย่างนั้น เมื่อนางวิสาขาไปฟังเทศน์ เขาบอกกล่าวกันว่ามีพระท่านเทศน์ที่วัดโน้นวัดนี้ นางวิสาขาได้ฟังคำกล่าวว่ามีพระท่านเทศน์ จึงตั้งใจจะไปฟังเทศน์ แต่ในระหว่างทางปรากฎว่า นางวิสาขาไปพบพระพุทธรูปองค์หนึ่ง เขาสร้างไว้ในสถานที่โล่งแจ้ง คือตากแดด และพระพุทธรูปนั้นมีรอยร้าวเปลือกกระเทาะ ทองก็ล่อนไปหมด ปูนก็กระเทาะจนแหว่ง แลดูไม่สวยสดงดงาม ไม่เจริญตา นางวิสาขาจึงเข้าไปกราบนมัสการพระพุทธรูป ตั้งใจเจริญใจเป็นพุทธบูชากล่าวปฏิญาณว่า<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    สัจวาจา<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    “เมื่อข้าพเจ้ากลับมาจากฟังพระธรรมเทศนาแล้ว จะให้ช่างมาทำนุบำรุงพระปฏิมากร รูปแทนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วให้มีความสวยสดงดงาม”<O:p></O:p>
    เมื่อนางไหว้พระพุทธรูป นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า นางก็ไปฟังเทศน์ เมื่อเทศน์จบคนเขากลับ นางวิสาขาก็กลับ เมื่อกลับมาผ่านพระพุทธรูปนั้นก็เข้าไปกราบอีก กล่าวคำปฏิญาณตามนั้น หลังจากนั้นแล้ว นางวิสาขาเมื่อมาถึงบ้าน จึงได้สั่งให้นายช่างไปจัดการทำนุบำรุงพระพุทธปฏิมากร คือพระพุทธรูป ซ่อมแซมให้เรียบร้อย ให้ดีคงเดิม พอเสร็จแล้วก็ทาสีหรือว่าปิดทอง ทำตามความนิยมที่เห็นว่าสวยสดงดงาม เป็นที่เจริญตาเจริญใจ หลังจากนั้นนางวิสาขาจึงได้ให้นายช่างปลูกโรงทำหลังคาคลุมพระพุทธรูป ไม่ยอมให้ตากแดดตากฝนเหมือนเดิม<O:p></O:p>
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นปัจจัยให้นางวิสาขาได้เบญจกัลยาณี คือมีความงาม 5 ประการ ทั้งนี้ก็เพราะว่าองค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาทรงรับรองเรื่องนี้ว่า การที่นางวิสาขาทำนุบำรุงซ่อมแซมพระพุทธรูปที่เก่าคร่ำคร่า มีสภาพไม่ดี ให้กลับมีสภาพสวยสดงดงาม เพราะอานิสงส์ทำความงามให้แก่พระพุทธรูป อานิสงส์นี้จึงสร้างสรรค์ให้นางวิสาขาได้เบญจกัลยาณี<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 พฤศจิกายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...