เรื่องของ ทินกร บุญศรี (หลอด) จากหนังสือรวมเรื่องเล่า...สิ่งที่เห็นเล่ม ๘

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย benyapa, 9 พฤศจิกายน 2010.

  1. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องของ ทินกร บุญศรี (หลอด)

    ภาพที่แตกต่าง


    ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๓ พวกเราไปอุดร ไปกราบหลวงตาดังที่เคยปฏิบัติมาทุกอาทิตย์ทุกเดือน วันนั้นคุณอาละดินช่างภาพคนเก่งแห่งวัดป่าบ้านตาด ได้มอบ วีซีดีให้พวกเราคนละแผ่นเหมือนเคย เมื่อเห็นคณะเรากำลังนั่งรอเข้ากราบคารวะ หลวงตา วีซีดีวันนั้นเขียนไว้ว่า “หยุดขบวนรถหลวงตาระหว่างทางไปเขาใหญ่”

    เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯแล้ว ตู่ก็เปิดซีดีดูว่ามีอะไรในนั้น วีซีดีนี้เป็นเรื่องราวที่บันทึกขณะขบวนรถองค์หลวงตาถูกเรียกให้หยุดโดยกลุ่มคนใส่เสื้อสีแดง เพื่อขอตรวจสอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารซึ่งได้แจ้งให้คนที่มาชุมนุมทราบแล้วว่าเป็นรถขององค์พระหลวงตาแต่ไม่มีใครฟัง ต่างแสดงบัตรประจำตัวแสดงความเป็น คนไทย มีสิทธิ์จะตรวจสอบรถทุกคันที่จะผ่านไป กิริยาที่จาบจ้วงล่วงเกินไร้ความเคารพนบนอบ ที่พึงมีพึงปฏิบัติต่อพระภิกษุสงฆ์(แม้บางคนจะไม่รู้จักท่าน) ทำให้ตู่คิดถึง และเปรียบเทียบกับกิริยาของใครบางคน ที่รอคอยกราบหลวงตาด้วยความรัก ความเคารพอย่างสุดขั้วหัวใจ และด้วยใจที่จดจ่อ และนี่คือที่มาของเรื่องเล่าเรื่องนี้

    ภาพกิริยาการกราบไหว้ขบวนรถขององค์พระหลวงตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่บริเวณแยกเมืองพล เป็นกิริยาการกราบไหว้ที่แสดงความเคารพ กราบจรดพื้นถนนทุกครั้งที่ขบวนรถหลวงตาผ่าน ภาพการถวายความเคารพนี้เป็นที่คุ้นตาของบรรดาเจ้าหน้าที่ติดตามในขบวนของหลวงตา กิริยาที่เห็นการกราบของเธอต่างกับคนกลุ่มที่ผ่านไปเมื่อครู่นี้คนละขั้ว เธอกราบลงบนพื้นกลางถนนท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนผ่าว ทั้งไอร้อนจากถนนคอนกรีตจากดวงอาทิตย์ที่กำลังส่งความร้อนตรงศีรษะเธอ แม้ว่าจะมีผ้าโพกคลุมอย่างมิดชิดก็ตาม ความร้อนที่เธอทนอยู่ทุกวัน ด้วยการประกอบอาชีพขายของตามสี่แยกไฟแดงนั้น ต้องต่อสู้กับเวลาของจังหวะไฟสัญญาณจราจร ต้องเร่งแข่งกับเวลาที่สั้น แขนสองแขนชูของที่จะขายทั้งมะม่วงมันที่เฉาะไว้อย่างสวยงาม บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก รัดด้วยหนังยาง ผูกกับลวดแขวน พร้อมกับสินค้าพ่วง เช่น ไข่นกกระทาต้มหรือของอื่นๆ เท่าที่จะหาได้ เพื่อทำการค้าขายขนาดย่อม ตามโครงการเถ้าแก่น้อย(เอส เอ็ม อี)ของรัฐบาล แข่งกับธุรกิจของร้านสัญลักษณ์ สีเขียว สีแดง แถวสี่แยกหรือร้านหน้าปากซอย ที่สะดวกสบายอยู่ในห้องปรับอากาศเย็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

    ภาพที่เห็นเป็นภาพที่เธอกราบมือราบลงกับพื้นหน้าผากจรดบนพื้นถนนที่ร้อนรถอุ ถึงแม้เธอจะไม่เคยได้พบกับองค์พระหลวงตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แค่พบและกราบท่านในทีวีดาวเทียมที่ติดอยู่ที่บ้านได้เห็นและได้กราบท่าน แม้กระทั่งเพียงรถวิ่งผ่านไปด้วยความรวดเร็ว เธอก็มีความสุข เพราะความเมตตาที่ท่านได้หยิบยื่นให้เมื่อมีโอกาส ท่านได้ให้เจ้าหน้าที่นำเงินมาให้เธอเป็นรางวัลในการทำมาหากินด้วยความสุจริตบริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงและเด็กตามสี่แยกต่าง ๆ ที่ท่านผ่านไป ด้วยเหตุผลของท่านคือความเมตตาสงสาร ที่ต้องทำมาค้าขายบนถนน ที่ต้องเสี่ยงกับรถที่วิ่งเร็ว หากไม่ระวังตัว

    เมื่อขบวนรถแล่นผ่าน องค์ท่านหลวงตาจะเมตตาให้เจ้าหน้าที่นำเงินไปสงเคราะห์คนละ ๓๐๐ บาท เฉพาะเด็กและผู้หญิงเท่านั้น เพื่อไปจุนเจือครอบครัว ส่วนผู้ชายท่านมีเหตุผลว่า ควรทำงานที่ต้องใช้แรงงานเพื่อเลี้ยงครอบครัว ท่านพิจารณาของท่านว่าเด็กและผู้หญิงมาทำงานเพื่อเป็นการเสริมสร้างรายได้ และใช้เวลาว่างทำงานด้วยทำงานด้วยความสุจริตไม่งอมืองอเท้า กินเหล้าขาวเมาเหล้าโรง หรือดื่มเบียร์ ๓ ขวด ๑๐๐ บาท เมื่อมีเงินรายได้จากการทำงาน เมามายเสียผู้เสียคนไปทั้งครอบครัว ท่านพิจารณาไปถึงการทำมาหากิน ให้ทำด้วยความสุจริตและอย่าเห็นแก่ความเหนื่อยยาก เป็นการสอนให้รู้จักค่าของเงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก อดทนต่อสิ่งเย้ายวนยั่วยุทั้งหลาย

    ภาพที่เห็นนั้นทำให้เกิดความสนใจว่าเธอเป็นใคร ทำไมช่างแตกต่างกับกลุ่มคนที่หยุดรถท่านและขอเข้าตรวจค้นขัดขวางท่านไม่ให้เดินทางต่อไป กักขังหน่วงเหนี่ยวโดยไม่มีความเคารพองค์พระหลวงตา แม้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแจ้งให้ทราบแล้วก็ตาม จนเดือดร้อนถึงนายอำเภอ ต้องมายืนยันว่าท่านคือองค์พระหลวงตา คนเหล่านั้นจึงปล่อยให้ขบวนรถท่านเดินทางต่อไปได้
    เห็นภาพสองภาพที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงแล้วทำให้เป็นห่วง อนาคตของศาสนาจะอยู่ที่ไหนอย่างไรหลวงตาได้บำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างเข้มงวด อดทนต่อสู้กับกิเลสทั้งปวงจนชนะ สามารถขับไล่กิเลสออกไปจากใจตลอดกาล บรรลุวิมุตติธรรม แล้วยังเมตตานำธรรมะสูงค่าที่บำเพ็ญเพียรภาวนามาอย่างยากเย็นนี้ ไปถ่ายทอดอบรมสอนสั่งบรรดาพระเณรและศิษย์ทั้งหลาย ให้ยึดถือปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ต่อไป ให้เข้าใจในชีวิตในการปฏิบัติต่อตนเอง เพื่อเป็นผู้นำของชุมชนและครอบครัวให้เป็นสุข แม้กระนั้นบางครั้งการรับรู้ของศิษย์ทั้งหลาย ทั้งพระและฆราวาส ยังผิดเพี้ยนแตกต่างออกไปอีก ทำให้วัตรปฏิบัติผิดไปจากคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ ทำให้เกิดการแยกแยกในระหว่างสงฆ์ด้วยกันเอง

    การได้มากราบท่านแต่ละครั้ง ทำให้ได้เห็นข้อวัตรปฏิบัติอันงดงามขององค์ท่านที่ยังรักษาข้อวัตรพระกรรมฐานตามที่ได้ร่ำเรียนจากพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านพระอาจารย์มั่นไว้อย่างสม่ำเสมอไม่คลอนแคลน และท่านยังเมตตาสอนสั่งพระลูกวัดทุกองค์อยู่เสมอ ๆ แม้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ การกินอยู่ ขบฉัน การผ่อนอาหาร เร่งความเพียร การรักษาบาตร และของใช้สงฆ์ทุกอย่าง แม้ท่านจะปล่อยให้พระลูกวัดทำความเพียรตามแต่ละองค์สะดวก แต่ท่านไม่เคยละวางการสอดส่องดูแล หากพระรูปใดในวัดทำผิดข้อวัตร ท่านจะดุท่านจะปรามไม่เคยเว้น สิ่งที่ได้เรียนรู้นี้ เมื่อนำไปพิจารณาและปฏิบัติแล้วนำมาซึ่งความสุขในจิตในใจ เป็นความสงบเย็นที่ไม่เคยได้รับจากโลกที่มีแต่สมมุตินี้ สิ่งที่ท่านสอนไม่เป็นของยากลำบากหรือฝืนตัวฝืนใจแต่อย่างใด มีแต่ความเข้าใจ ประจักษ์ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เข้าใจในวัตรปฏิบัติ เข้าใจในธรรมชาติ ในการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ภพสำหรับผู้มีจิตใจสูง ภพที่แตกต่างจากสัตว์เดรัจฉาน ภพที่สามารถใช้วิจารณญาณมีสติรู้เท่ากันกิเลสของตัวเอง วัตรปฏิบัติขององค์ท่าน เป็นตัวอย่างของความเป็นผู้ที่มีแต่ความสุข ปราศจากทุกข์ทั้งปวงเพราะกิเลสทุกข์ทั้งสิ้นเข้าไม่ถึงจิตใจอีกต่อไป ตัดภพตัดชาติ ไม่กลับมาสู่การเกิดตายอีกต่อไป ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ต้องเชื่อแต่เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติให้รู้ประจักษ์ด้วยตนเอง

    ค้นหา.....ค้นพบ

    ภาพของผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างถนน ติดตาติดใจอยู่ทุกวัน พยายามมองหาเธอเพื่อทำความรู้จักก็ไม่รู้ว่าคนไหน สอดส่ายสายตามองหาเสมอทุกครั้งที่ผ่านไปมา เดือนนั้นตู่เดินทางไปอุดรเกือบทุกอาทิตย์ เฝ้ามองหาเธออยู่หลายครั้ง ทุกคนต่างปิดหน้า สวมหมวก ใส่เสื้อแขนยาว เหลือแต่ลูกตาเท่านั้นที่เปิดเผยให้เห็น จึงได้ติดต่อถามรายละเอียดจากคุณอาละดินผู้ที่ถ่ายภาพเธอไว้ เธอคือใครก็ไม่มีใครทราบ แต่เห็นเธอทุกครั้ง เธอก็จะทำความเคารพองค์พระหลวงตาทุกครั้งที่ขบวนรถองค์ท่านผ่าน เธอไม่เคยได้เห็น ไม่เคยได้คุยกันสักครั้งเดียว เห็นเธอก็จำได้ อยู่ที่แยกที่ ๓ ของทางแยกอำเภอพล ซึ่งมีไฟแดงติดกัน ๓ ไฟแดง เธอจะอยู่ที่นั่นตลอด ไม่มีใครทราบว่าเธอชื่ออะไร
    เมื่อทราบจากคุณอาละดินว่าเธอประจำอยู่ที่แยกที่สาม ก็ตัดสินใจจอดรถสังเกตดูที่แยกนั้น ในวันที่เดินทางกลับจากวัดป่าบ้านตาด จากงานสามแดนโลกธาตุ จอดรถสังเกตุอยู่สักพัก ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งถือมะม่วงเฉาะเดินเร่ขายอยู่ จึงตัดสินใจเรียกเธอเพื่อขอซื้อไข่นกกระทาหนึ่งถุง เมื่อได้พูดคุยเลียบเคียงสอบถามว่าเคยเห็นขบวนรถองค์หลวงตาบ้างไม๊ เรื่องราวต่าง ๆ ก็พรั่งพรูจากปากเธอดังต่อไปนี้ค่ะ

    เธอมีชื่อ เล่น ๆ ว่าหลอด และมีชื่อสกุลตามทะเบียนบ้านว่าทินกร บุญศรีค่ะ
    เธอจำได้หมดว่ารถองค์หลวงตาเป็นรถอะไร สีอะไร แม้กระทั่งทะเบียนรถ เธอเล่าให้ฟังว่าเธอมีความรู้สึกคล้ายลางสังหรณ์ก่อนทุกครั้งที่ท่านจะมา เธอภาวนาขอให้เธอได้กราบไหว้องค์ท่านทั้งไปและกลับ เธอเฝ้ารอกราบท่านด้วยจิตใจที่พองโต จดจ่อทุกครั้ง แม้กระทั่งกลางสายฝน
    ใจของเธอดีกว่าคนหลาย ๆ คนที่เรียกตนว่าผู้ดี ศักยภาพทางสังคมของเธออาจไม่เทียบเท่ากับคนทั้งหลายที่มีทั้งฐานะความเป็นอยู่ การศึกษา เธอเป็นชาวบ้านคนหนึ่ง ที่ต้องใช้ชีวิตต่อสู้กับการอยู่รอดของครอบครัวที่ต้องดิ้นรน ลูกกำลังโต ต้องกินต้องใช้
    เธออาจจะดูด้อยค่าในสายตาคนทั่วไป แต่เธอมีจิตใจที่งดงาม แม้รูปร่างของเธอจะผอมบาง การพูดการจาติด ๆ ขัด ๆ นั่นอาจจะเป็นเพราะความบกพร่องของร่างกายเมื่อยังเล็ก ๆ ใจของเธองามกว่าหลาย ๆ คนที่ยังลุ่มหลงกับลาภยศ สรรเสริญ การถ่ายทอดสดออกอากาศทุกเช้าบรรยากาศการทำบุญที่วัดป่าบ้านตาดไปทั่วโลก ทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง การฉันจังหันของหลวงตา และพระลูกวัด การถวายงานองค์หลวงตา และเหล่าบรรดาศิษย์หน้าตาคุ้นเคยที่เห็นทุกวัน และบรรดาผู้คนที่เข้าไปทำบุญกับท่าน เห็นกิริยาการถวายความเคารพ และการพูดจาหลายแบบแตกต่างกัน ที่ล้วนแสดงถึงความละเอียดอ่อนแห่งจิตใจของคนเหล่านั้น กิริยาเหล่านี้เป็นที่สังเกตุของคนทั่วโลก ที่มีโอกาสติดตามดูวัตรปฏิบัติของท่านทุกวัน

    บุญของหลอด
    หลังพูดคุยกันจนเป็นที่แน่ใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่ ๆ จึงได้บอกหลอดไปว่าตู่พึ่งกลับมาจากวัดป่าบ้านตาด หลอดดีใจมากและร่ำไห้ออกมาด้วยความปิติ ตู่เองก็ดีใจที่ได้พบกับเธอโดยไม่คาดหมาย วันนั้นจึงมีเพียงของเล็กน้อยติดมาให้เธอไว้ เป็นของที่หลาย ๆ คนต้องการได้ไว้เป็นเครื่องสักการะบูชา ด้วยเหตุบังเอิญที่ได้มีโอกาสได้ทำความสะอาดกระโถนของท่านโดยไม่คาดหวัง ตู่จึงมีน้ำหมากของหลวงตาติดรถมาคราวนี้

    เมื่อหยิบน้ำหมากหลวงตามาถือไว้แล้ว และถามหลอดว่า ถ้าให้น้ำหมาก หลวงตา หลอดจะรับไว้มั้ย หลอดตอบทันทีพร้อมแววตาบ่งบอกความยินดีปนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และเห็นสิ่งมงคลที่ถูกหยิบยื่นให้โดยไม่คาดฝัน ใบหน้าตื่นเต้นยิ้มแย้มและน้ำตายิ่งพรั่งพรู บอกว่า “รับสิคะ” พร้อมทั้งยื่นมือมารับน้ำหมากไปเทินหัวแล้วกอดแนบอก น้ำตายิ่งไหลอย่างหยุดไม่อยู่ สะอึกสะอื้นจนตัวโยน

    ปีกว่ามานี้ตู่เข้าออกวัดบ่อยมาก พบเห็นคนที่มากราบทำบุญกับองค์หลวงตาก็มาก หลายกลุ่ม หลายวัย หลายอาชีพ แต่เห็นความรักอย่างบริสุทธิ์ที่มีต่อหลวงตาด้วยศรัทธามากมายก็จากหลอดนี่แหละคะ พลอยทำให้ตู่น้ำตาเริ่มคลอไปด้วย แล้วตู่ก็หันไปหยิบหนังสือที่พึ่งได้รับแจกจากงานสามแดนโลกธาตุที่วัดให้หลอดไปด้วย ให้พระที่ได้รับแจกมาจากพี่อี๊ดผ้าป่าหน้าศาลา และให้กับข้าวอาหารที่เหลือจากถวายหลวงตาที่ศาลา พระท่านเมตตาให้มาไปอีกสามสี่ถุง หลอดเก็บน้ำหมากไว้มิดชิดใส่ไว้ในเสื้อแจ๊กเก็ต และรับของทั้งหมดมาถือกอดไว้ พร้อมน้ำตาที่ยังไหลรินอาบทั่วใบหน้า หลอดคงอยากจะถามอะไรหลายอย่าง แต่ในเวลานั้นเธอคงพูดไม่ออกด้วยความตื้นตันใจที่แน่นอยู่ในอก

    บุญสืบทอด.....ตอบแทน

    เมื่อให้เวลาหลอดได้ทำใจทำความรู้สึกคืนกลับเป็นปกติสักครู่แล้ว ก่อนจากกันตู่ถามหลอดว่า อยากไปกราบหลวงตามั้ย หลอดตอบทันทีว่า “อยากไปค่ะ”
    ถ้าพี่มารับไปด้วยกันจะไปมั้ย หลอดไม่รีรอ ตอบทันทีว่า “ไปค่ะ ขอให้ลูกและสามีไปด้วยได้มั้ยคะ” ตู่ก็รับว่า “ได้สิ ยินดี” แล้วก็ขอเบอร์โทรศัพท์หลอดไว้
    ระหว่างที่เรายืนคุยกันนี้ สามีของหลอดเดินมาดูเรา และยิ้มอย่างปีติด้วยความดีใจและอนุโมทนากับภรรยาด้วยใจที่บริสุทธิ์
    เห็นศรัทธาแนบแน่นของหลอดขนาดนี้ จึงถามหลอดเพิ่มเติมไปอีกว่า “ทำไมถึงรักหลวงตาขนาดนี้” หลอดบอกว่า “ไม่รู้ทำไมนะคะ แต่หนูรู้ว่าหนูรักท่าน”
    ตู่ก็ไต่ถามรายละเอียดเรื่องราวอื่น ๆ ไปอีกว่า “ขายของอย่างนี้ พอกินพอใช้มั้ย”
    หลอดก็บอกว่า “พอได้อยู่ได้กินค่ะ หนูอาศัยเลี้ยงเป็ดไข่เป็นอาชีพเสริมด้วยค่ะ”
    “ทำไมหลอดไม่ไปทำอาชีพอื่นที่ให้รายได้เป็นกอบเป็นกำกว่านี้ละ”
    หลอดบอกทันทีว่า “ถ้าไปทำอย่างอื่น หนูก็ไม่ได้กราบหลวงตาสิคะ หนูไม่ไปหรอก เท่านี้ก็พอกินพออยู่ได้ค่ะ”
    น่าปลื้มใจนะคะ ตู่ก็เลยถามต่อไปอีกว่า “แล้วคำสอนอะไรของท่านทำให้หลอดศรัทธาองค์ท่านขนาดนี้”
    หลอดตอบได้น่าประทับใจมากนะคะ หลอดบอกว่า “ท่านเป็นพระรูปเดียว ที่ไม่เคยให้พรด้วยคำว่า รวย” พวกเรามีใครเห็นอย่างนี้ เห็นอย่างที่หลอดเห็นมั้ยคะ

    แม้จะยังไม่อยากจากมา อยากคุยกับเธอเพื่อทำความรู้จักซึมซับความน่ารักอีกสักหน่อย แต่ก็บ่ายโมงแล้วค่ะ ยังต้องขับรถไปอีกไกลหลายร้อยกิโลเมตร ตู่จึงต้องขอตัวออกเดินทาง เมื่อแน่ใจว่าตู่จะไปแล้วหลอดโผเข้ามากอดตู่แน่น ซบหน้าที่เปียกไปด้วยน้ำตาไว้ที่บ่า พร้อมปากก็พร่ำบอกว่า “ขอบคุณพี่มากค่ะ ขอบคุณมาก หลวงตาท่านใจดีมีเมตตา ลูกศิษย์ท่านก็ใจดีมีเมตตาด้วย”

    ตู่จากหลอดมาพร้อมกับสัญญาว่าจะพาไปวัดป่าบ้านตาด พาไปทำบุญใส่บาตรกับหลวงตาในเร็ววันนี้ จะพาไปกราบองค์ท่าน จะได้เห็นองค์ด้วยตาเต็มสองตา ได้ยินเสียงท่านเองด้วยสองหูนี้เลย และจะให้ได้กราบเรียนองค์หลวงตาด้วยปากของหลอดเองเลยนะ แล้วก็จากมาพร้อมกับบอกให้หลอดรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ระวังนะเพราะทำงานอยู่กลางถนน

    ที่มาของน้ำหมากหลวงตา

    โชคดีของตู่ (และของหลอด)ที่วันนั้นได้กระโถนน้ำหมากขององค์ท่านโดยไม่คาดฝัน ตู่นั่งรอส่งท่านกลับกุฏิอยู่ที่ที่นั่งเป็นประจำ น้าสมภารก็ยื่นมาให้ ดีใจจนกอดกระโถนไว้แนบอก กลัวใครมาขอ รีบหยิบถุงพลาสติกใสมาเทน้ำหมากเก็บใส่กระเป๋าทันที แล้วถามคุณน้าว่าทำอย่างไรกับกระโถนคะ คุณน้าบอกว่าล้างที่ก๊อกน้ำตรงนี้แล้วอธิษฐานเอานะ ตู่ก็ล้างทำความสะอาดไปด้วยใจเคารพยิ่ง จะให้เอาผมตัวเองหรือเสื้อเช็ดก็ยินดีอย่างยิ่ง กระโถนนี้เป็นกระโถนที่ท่านจับท่านใช้ทุกเช้าทุกวัน จิตใจฟูฟ่องไปหมดด้วยความดีใจที่ได้น้ำหมากชานหมากหลวงตาและได้ล้างกระโถนถวายท่านด้วย ตู่บรรจงปล่อยน้ำไหลผ่านกระโถน ใช้มือบรรจงเช็ดถูล้างอย่างประณีตบรรจงละเอียด ตรวจทุกซอกทุกมุมสำรวจความสะอาด อธิษฐานไปด้วยว่าขอชำระล้างกิเลสในจิตใจให้สะอาดหมดจดไปด้วย ดั่งที่ได้ล้างกระโถนถวายท่าน คุณน้าส่งกระดาษเช็ดปากมาให้หนึ่งกำเพื่อเช็ดแห้ง ก็บรรจงเช็ดแห้งอย่างประณีตละเอียด เช็ดทุกซอกทุกมุมอย่างบรรจงยิ่งกว่าเช็ดเครื่องประดับอัญมณีอันเป็นสมบัติประจำตัวที่บ้านซะอีก แม้แต่กระดาษที่เช็ดกระโถนหลวงตาตู่ก็ยังเก็บไว้เลยค่ะ น้ำหมากนี้เมื่อได้รับมาก็ดีใจปลื้มใจมาก ถ้าเพื่อนเราได้มีด้วยเขาคงจะดีใจนะ จะได้มีไว้เป็นสิริมงคล ก็เลยแบ่งเป็นสามส่วน ให้พี่กี้และพี่ก้อย ตู่เก็บเองหนึ่งส่วน แล้วก็ได้ให้หลอดไปคราวนี้ล่ะค่ะ หลอดเขาสมควรจะได้รับนะคะ น้ำหมากที่เหลือจากแบ่งให้เพื่อนนี้ ตอนขึ้นรถจับพวงมาลัยออกเดินทางจากวัดก็กระหยิ่มใจดีใจว่าคราวนี้มีน้ำหมากท่านมาด้วยก็ดีใจ มาได้แค่ถึงอำเภอพลเท่านั้นแหละค่ะ ผู้มีบุญก็มารับไปแล้ว

    วาระแห่งกุศล......เมื่อเวลามาถึง

    จากนั้นอีกสองสามวัน หลอดก็โทรฯมาหา บอกว่า พี่ขาหนูคิดถึงหลวงตา หนูจะได้ไปกราบท่านที่วัดป่าบ้านตาดมั้ยคะ ตู่ก็บอกว่าได้ไปสิ พอตู่หายยุ่งจากพาคุณแม่ตัวเองไปหาหมอ ก็น่าจะจัดเวลาให้ได้ คงไม่นานนะ จำได้ว่าหลอดโทรฯมาอีกสองสามครั้ง มาบอกว่า ขอพาลูกกับสามีไปด้วยได้มั้ย ก็ได้บอกไปว่าไม่มีปัญหาจ้ะ แต่ไปได้เพียงสี่คนนะ เพราะเป็นรถเก๋ง หลอดก็บอกขอบคุณด้วยน้ำเสียงดีใจ และได้โทรฯมาอีก ขอเป็นให้คุณแม่ไปแทนสามีได้มั้ย เพราะแม่ไม่เคยกราบหลวงตาเลย และสามีจะอยู่ขายของให้แทน ตู่ก็รับปากไปว่าได้แน่นอนไม่มีปัญหา

    เมื่อเรื่องส่วนตัวจัดการเรียบร้อย ก็กำหนดวัน แล้วโทรฯมาบอกหลอดว่าวันที่ ๑๒-๑๓ มิถุนายนนี้สะดวกไปวัดป่าบ้านตาดไหม หลอดรีบระล่ำระลักตอบว่าได้ค่ะพี่ หนูไปได้ทันทีค่ะ จึงบอกไปว่าตู่จะไปรับวันเสาร์ที่ ๑๒ มิถุนายนนี้นะ ไปถึงสี่แยกอำเภอพล สักประมาณเก้าโมงครึ่ง เตรียมตัวเตรียมของไว้ให้เรียบร้อยนะ เราจะนอนค้างคืนกันที่ศาลาใหญ่ วันอาทิตย์เช้าเราจะใส่บาตรกัน หลอดก็บอกว่าพร้อมค่ะ นอนศาลาใหญ่ได้ไม่มีปัญหา และถามว่าจะนำอะไรไปถวายหลวงตาดีคะ หลอดอยากนำเงินที่ท่านให้มาไปถวายท่าน ตู่ก็บอกไปว่าเก็บไว้เถอะ ท่านเมตตาให้ไว้จุนเจือเวลาเดือดร้อนนะเก็บเอาไว้ เราไม่มีปัจจัยไปถวายก็ไม่เป็นไร เรานำใจเราที่รักและศรัทธาท่านไปถวายก็เกินพอแล้ว หลอดบอกต่อไปอีกว่าหลอดมีไข่เป็ด จึงบอกไปว่าก็ดีนะ ต้มให้เรียบร้อยเลย จะได้ใส่บาตรพระด้วย หลอดวางสายไปด้วยเสียงที่บ่งบอกชัดถึงความปีติสุข ตู่เองได้เตรียมเช็คของขวัญและผ้าขาวไว้ให้หลอดด้วย เพื่อให้เป็นความจำสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต ให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตเธอ

    เรานัดกันเรียบร้อยและโทรศัพท์ยืนยันกันอีกครั้ง หนึ่งวันก่อนถึงวันเดินทาง เมื่อถึงเช้าวันที่ ๑๒ หลอดโทรฯมาหาตั้งแต่เช้า ถามด้วยความเป็นห่วงว่าพี่ตู่เดินทางเป็นอย่างไรถึงไหนแล้ว ตู่ก็บอกไปว่าเรียบร้อยดี และกำลังไปรับหลอด ตู่ไปถึงแยกอำเภอพลประมาณเก้าโมงกว่า หลอดพร้อมลูกและแม่ เตรียมพร้อมเรียบร้อยรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อไปถึง หลอดพาไปดูเล้าเป็ดหลังบ้าน เธอเลี้ยงไว้ประมาณสิบตัว เก็บไข่ขายเป็นรายได้เสริมประจำวันอีกทางหนึ่ง

    พวกเราออกเดินทางทันทีที่ยกกระเป๋าขึ้นรถเรียบร้อย ระหว่างทางก็คุยกันไปเรื่อย ๆ เรื่องหลวงตา หลอดเล่าให้ฟังว่า เพื่อนบ้านและเพื่อนที่ขายของด้วยกัน ต่างเยาะเย้ยหลอดด้วยภาษาท้องถิ่นเสมอว่า “เจ้าเป็นบ้าบ่” ประมาณว่าหลอดคอยเฝ้ากราบหลวงตาทำไม ท่านเคยให้อะไรหลอดหรือ หลอดได้ตอบพวกเขาไปอย่างเรียบง่ายว่า ก็กราบพระสงฆ์ไม่มีอะไรน่าอาย เพื่อน ๆต่างพากันยิ้มเยาะเธอ เหมือนว่าเธอกำลังทำสิ่งที่โง่เขลาเปล่าประโยชน์ แต่หลอดก็ปฏิบัติเช่นนี้เสมอมาไม่ขาด ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ เป็นเวลา ๕ ปีแล้ว

    เวลาอยู่บ้าน หลอดจะเปิดทีวีดาวเทียมหลวงตาดูเสมอๆหลอดใส่ใจ จดจำได้ในรายละเอียดเกี่ยวกับหลวงตาและทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดแวดล้อมท่านเกือบทั้งหมด เห็นคนขับรถท่าน หลอดก็จำได้ เห็นใครหลอดก็อธิบายได้หมด ว่าคนนี้เป็นคนทำหน้าที่อะไร เพียงแต่หลอดไม่เคยได้รู้จักชื่อเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง

    ใจถึง...มาถึง...บุญถึง
    พวกเราเดินทางถึงวัดบ้านตาดเวลาเกือบเที่ยงแล้ว จึงต่างช่วยกันยกข้าวของลงจากรถเพื่อเตรียมที่พักในศาลาใหญ่กัน ทันที่ที่เดินเข้าไปในศาลาใหญ่ หลอดเดินไปกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ที่หน้ารูปองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ารูปใหญ่ รูปหลวงปู่มั่น และรูปหลวงตารูปใหญ่ที่ประดิษฐ์ฐานเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ศาลาใหญ่

    หลอดดูแจ่มใสร่าเริงมีความสุข ลูก ๆ ของเธอและแม่ของเธอก็ดูมีความสุขไปด้วย โชคดีที่เช้าวันนี้ตู่ได้บอกพี่ ๆ ว่าตู่จะพาครอบครัวหลอดไปวัด จะไปพักที่ศาลาใหญ่ คิดว่าจะไปถึงตอนเที่ยง พี่ ๆ เขาก็เก็บอาหารเอาไว้ให้ด้วย ทั้งหลอด ลูกและแม่จึงได้อิ่มท้องมื้อแรกในวัดป่าบ้านตาด ด้วยอาหารก้นบาตร

    จากนั้นตู่ให้พวกเขาพักผ่อนกันตามสบาย และได้ให้หนังสือรวมเรื่องเล่าเล่ม ๔ เล่ม ๕ และเทวดาวันขึ้นกุฏิไว้อ่าน จากนั้นตู่ก็เข้าไปทำธุระที่ศาลาเล็กด้านใน รอคณะทำงานคุณหลวงเดินทางมาถึง ระหว่างที่นั่งรออยู่ที่ศาลาเล็กนั้น ก็พบคุณ อาละดินและทีมงานของวัดกำลังทำงานกันอยู่ ก็เลยได้บอกคุณอลาดินไปว่า สาวที่แยกอำเภอพลมาแล้วนะ คุณอาละดินดีใจมาก รีบถามว่าเค้าเป็นอย่างไรบ้าง มาอย่างไร พักที่ไหน กลับวันไหน อายุเท่าไร มีลูกกี่คน ทำมาหากินพอใช้พออิ่มหรือเปล่า ถามแบบลูกศิษย์หลวงตาเต็มรูปแบบเลย เป็นความห่วงใยเอื้ออาทรจากใจเชียวแหละ ระหว่างที่เราคุยกันนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่อีกท่านบอกเราว่า ที่อำเภอพลมียายท่านหนึ่ง น่ารักมาก เค้าจะกราบหลวงตาทุกครั้งที่ขบวนรถท่านผ่าน คุณอาละดินก็หัวเราะยิ้มตอบไปว่า ไม่ใช่ยาย ยังสาวและก็ตอนนี้มาวัดแล้วด้วย ตุ๊ดตู่ไปรับมา คุณตุ่ยก็น้ำใจน่ารักน่านับถือจริง ๆ นะ หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาทันที หยิบธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทออกมาสองใบยื่นให้ตู่ พร้อมบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่างจากความห้าวหาญแบบผู้ชายว่า ช่วยนำเงินนี้ให้เค้าที ทุกครั้งที่ขบวนรถหลวงตาแล่นผ่านระหว่างที่เค้าก้มกราบท่านอยู่ ผมคอยจะให้เค้าเงยหน้าขึ้นมา เพื่อที่ผมจะได้หยิบยื่นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ให้เค้า แต่เค้าก็ไม่เคยเงยหน้าขึ้นเลย จนบางทีผมต้องใช้วิธีนำใบละร้อยบาทพันกับลูกอมรัดด้วยหนังสติ๊ก แล้วโยนไปให้เค้า ซึ่งผมเองทำไปด้วยน้ำใจจริง ๆ แต่ก็กลัวเค้าจะโกรธเหมือนว่าไม่ให้เกียรติ แต่ผมอยากให้เค้าด้วยน้ำใจจริง ๆ นะ ฝากไปขอโทษเค้าด้วย และช่วยบอกให้ด้วยนะว่า คราวต่อไปขอให้เงยหน้าขึ้นมองบ้าง เผื่อทีมงานมีอะไรไปให้จะได้หยิบยื่นให้ในตอนนั้น

    รู้สึกตื้นตันใจกับคุณตุ่ยเค้าจริง ๆ นะคะ จึงบอกไปว่าเดี๋ยวให้หลอดด้วยมือของคุณเองนะคะ เค้าจะได้ดีใจ และคุณเองก็จะได้เห็นหน้าค่าตากัน จะได้รู้จักกันต่อไป คุณตุ่ยก็บอกว่าไม่เป็นหรอก ฝากให้เค้าให้ด้วย สักพักหลอดก็เดินเข้ามาในศาลา น้ำใจเล็ก ๆ น้อยจากคุณตุ่ยจึงส่งถึงมือหลอดด้วยตัวคุณตุ่ยเอง ช่างเป็นภาพแรกในวัดป่าบ้านตาดที่น่าประทับใจตื้นตันใจ น่าอนุโมทนาชื่นชมในความเป็นศิษย์หลวงตาจริง ๆ นะคะ หลอดเองก็ประทับใจมากด้วยเช่นกัน หลอดน้ำตาไหล กราบขอบคุณคุณตุ่ยพูดอะไรไม่ออก แล้วก็เดินกลับออกไปศาลาใหญ่เพื่อทานข้าวต่อ คาดว่าน้ำตาหลอดคงต้องหมดอีกหลายปี๊บแน่ ๆ ก่อนกลับพรุ่งนี้

    คุณตุ่ยได้บอกตู่อีกว่า ช่วยบอกหลอดด้วยนะว่า ถ้าเห็นรถองค์หลวงตาหยุดเติมน้ำมันเมื่อไร ขอให้เดินไปที่รถท่าน จะไปถวายท่านเท่าไรก็ได้ เค้าจะอำนวยความสะดวกเปิดรถท่าน ให้หลอดได้กราบท่านเป็นการเฉพาะ ช่างเป็นน้ำใจที่หาได้ยากจริง ๆ นะคะ แสดงให้เห็นว่าการกราบไหว้ถวายความเคารพแด่องค์หลวงตาอย่างสูงอย่างงดงามจริงใจของหลอดตลอดหลายปีนี้ เป็นที่ตราตรึงอยู่ในใจทีมงานหลวงตามานานแล้ว จึงมีน้ำใจตอบแทนให้เป็นกรณีเฉพาะเช่นนี้ น่าดีใจกับหลอดเสียจริง ๆ สิ่งที่หลอดทำกำลังให้ผลที่น่าเก็บเกี่ยวไว้เป็นบุญกุศลยิ่งใหญ่ต่อไปแล้ว
     
  2. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ต่อบุญ.....เปี่ยมกุศล

    เมื่อคณะคุณหลวงเดินทางกลับออกไปแล้ว ตู่จึงได้กลับออกไปที่ศาลาใหญ่ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว เมื่อออกไปถึงศาลาด้านนอก ตู่จึงหยิบผ้าขาวและเช็คที่เตรียมไว้ให้หลอดออกจากรถมาเตรียมไว้ เผื่อว่าองค์หลวงตาจะออกมาปล่อยโค กระบือ ปล่อยปลา ตอนเย็น จะได้พาหลอดไปกราบท่าน ถวายผ้าบังสุกุล ระหว่างที่นั่งจัดของสักสิบกว่านาที ก็เห็นไฟเปิดที่หน้าประตูวัดด้านใน รีบเรียกพี่กี้ และหลอด บอกว่าหลวงตาน่าจะออกมาแน่เลย เพราะไฟเปิด รีบไปกันเถอะ ตู่ก็รีบพาหลอดและครอบครัวเดินไปที่บริเวณป้ายกิจกรรมหลวงตา ที่อยู่หน้ารั้ววัดด้านใน องค์หลวงตาออกมาจริง ๆด้วย พวกเรารีบเดินเข้าไปคุกเข่ารออยู่ห่าง ๆ รอให้แม่ชีได้กราบเรียนเรื่องปล่อยโค กระบือเสร็จเสียก่อน เมื่อเสร็จแล้ว ต.ช.ด. ก็บอกให้พวกเราเข้าไปกราบได้ ตู่รีบจูงมือหลอดเข้าไปที่รถกอล์ฟหลวงตา ใจหลอดตอนนี้คงเต้นแทบจะหลุดออกมาจากอกเลยค่ะ หลอดอุ้มผ้าขาวด้วยมือสั่นเทา ดวงตาจ้องมองไปที่องค์หลวงตา น้ำตาเริ่มปริ่มแล้วไหลเอื่อยจากดวงตาที่ฉายแววซื่อ พร้อมกับสะอึกสะอื้นจนตัวโยน ค่อยๆ คลานเข่าเข้าใกล้รถองค์ท่าน ยื่นมือสั่นเทานั้นมาข้างหน้า แล้วค่อย ๆ วางผ้าขาวลงบนเบาะรถกอล์ฟอย่างเบามือ

    เห็นหลอดร้องไห้จนหน้าเปียกไปด้วยทั้งน้ำตาและน้ำมูก คงพูดอะไรไม่ออกแล้ว เพราะความสุขเปี่ยมแน่นอยู่เต็มอก ตู่จึงกราบเรียนหลวงตาแทนหลอดว่า หญิงสาวผู้นี้กราบท่านพ่อที่สี่แยกอำเภอพลตลอดมาทุกครั้งที่ท่านพ่อไปเขาใหญ่เจ้าค่ะ เค้าไม่เคยได้เห็นได้กราบท่านพ่อองค์จริง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเจ้าค่ะ เค้าขอถวายผ้าขาวท่านพ่อเจ้าค่ะ ขอเมตตาท่านพ่อชักผ้าบังสุกุลเจ้าค่ะ

    สายตาท่านมองทอดไปที่หลอดอย่างพิจารณา และอ่อนโยน เมตตาไม่มีประมาณ แล้วองค์หลวงตาก็ชักผ้าบังสุกุลให้ หลอดปิติใจอย่างยิ่ง น้ำตายิ่งไหลสะอื้นร้องไห้จนตัวสั่นไปหมดที่เมตตาจากองค์หลวงตาได้พาหลอดมาถึงวัดท่านแล้ว ได้พาหลอดมากราบท่านถึงที่แล้ว ได้กราบอย่างใกล้ชิดถึงขอบรถกอล์ฟองค์ท่านโดยที่ไม่มีใครบัง ไม่มีกระจกรถบังอีกแล้ว หลอดได้เห็นเต็มสองตา ที่แม้น้ำตาจะไหลกลบดวงตาไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นหลวงตาเมตตาให้ธรรมะสอนหลอดด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยพลังจริงจัง และได้ยินชัดเจนว่า “น้ำตา...ถ้าออกมาดีก็ดีนะ ถ้าออกมาไม่ดี...ก็ไม่ดีเลยนะ ให้ออกมาเพราะดีนะ”

    ไม่เพียงแต่หลอดเท่านั้น เราทุกคนที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าองค์หลวงตาเวลานั้น แม่หลอด ลูกสองคน พี่กี้และตู่น้ำตาซึมอิ่มเอิบใจไปกับคำสอนสั้นๆ แต่เปี่ยมด้วยความหมายจากองค์ท่าน และปลื้มปีติใจในบุญวาสนาของหลอด น้อยคนนักที่จะได้กราบท่าน ได้ถวายของใกล้ชิดเช่นนี้ และน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะได้รับคำสอนจากท่านโดยตรงเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ ยิ่งในเวลานี้ที่ธาตุขันธ์ท่านอ่อนโรย เรี่ยวแรงน้อยลงมาก ญาติโยมลูกศิษย์ทั้งเก่าทั้งใหม่ใกล้ชิดก็เข้าถึงได้ยากมาก ๆ แล้ว ความรักความศรัทธาบริสุทธิ์ของหลอดที่มีต่อองค์หลวงตาตลอดเวลาหลายปี ได้ส่งผลเป็นสิริมงคลเป็นบุญเป็นกุศลแก่หลอดแล้วไม่ต้องสงสัย

    พวกเราได้แต่นั่งนิ่งเหมือนถูกสาปด้วยความกระแสแห่งเมตตาจากองค์หลวงตา รถกอล์ฟกำลังเคลื่อนออกไปผ่านกลุ่มพวกเราที่นั่งคุกเข่าพนมมือนิ่ง แต่องค์หลวงตาท่านยังทอดสายตามองหลอดด้วยเมตตาจนลับสายตาท่าน จนเมื่อรถท่านได้เคลื่อนออกไปไกลแล้ว พวกเราก็รีบลุกขึ้นเดินอย่างรีบเร่งตามท่านไป เพื่อไปปล่อยปลาและสัตว์น้ำอื่น ๆกับท่านที่บริเวณสะพานด้านข้างวัด ใกล้ๆ คอกวัวและควาย ทั้งหลอดและแม่ได้คุกเข่าอยู่ติดรถท่าน เพื่อร่วมอนุโมทนาบุญกับท่านในการปล่อยชีวิตสัตว์เหล่านี้ เมื่อหลวงตาปล่อยปลาเสร็จ องค์ท่านก็กลับเข้ากุฏิ พวกเราก็คุกเข่าพนมมือส่งท่านจนรถกอล์ฟลับสายตาเข้าไปที่รั้ววัดด้านใน

    ทั้งหลอด แม่ และลูก ๆ ใบหน้าอิ่มเอิบไปด้วยบุญบารมีที่องค์หลวงตาเมตตามอบให้ ความสุขในบุญในกุศลฉายชัดในสายตาของเค้าทั้งสี่คน ตู่เองและพี่กี้ก็พลอยปลื้มใจไปด้วย จึงได้บอกหลอดว่า ทานก็ทำแล้ว ศีลก็ได้รักษาแล้ว เพื่อให้ครบพร้อมในองค์แห่งบุญกุศล หลอดควรจะภาวนาถวายท่านด้วยนะ จะนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมก็ได้ หลอดบอกว่าหลอดพอจะภาวนาเป็น ปกติหลอดจะภาวนาพุทโธในใจเสมอเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่ต้องใช้ความคิด คืนนั้น หลอดก็ได้ถวายที่สุดแห่งบุญกุศลคือการภาวนาแด่องค์หลวงตาด้วยการทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ และเดินจงกรม ที่ศาลาใหญ่วัดบ้านตาด พวกเราเวลาไปทำบุญที่วัด ได้ทำครบพร้อมเหมือนหลอดเช่นนี้หรือเปล่าคะ
    ถวายจังหันครั้งแรก

    เช้าวันที่ ๑๓ มิถุนายน พวกเราตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมใส่บาตร หลอดและครอบครัว เตรียมปอกไข่เป็ด จัดใส่ถุงละสองใบ เพื่อใส่บาตร ไข่เป็ดนี้เป็นไข่เป็ดเลี้ยงจากบ้านของหลอด สองวันก่อนออกเดินทางมาวัดป่าบ้านตาด หลอดได้โทรศัพท์มาปรึกษาว่า จะถวายอะไรให้หลวงตาดี ก็ได้ถามกลับไปว่า อยากถวายอะไรให้องค์หลวงตาล่ะ หลอดได้แต่นิ่งไป ตู่จึงบอกไปว่า เรามีความศรัทธาที่เต็มเปี่ยมไปถวายท่าน ท่านก็พอใจแล้วนะ ปัจจัยใด ๆ ไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับองค์หลวงตา ท่านต้องการ “ใจ” เท่านั้น พอเขียนมาถึงบรรทัดนี้ก็หวนระลึกถึงคำหลวงตาที่ท่านสอนอยู่เสมอว่า “ท่านไม่ต้องการอะไรยิ่งกว่าใจที่เป็นสมบัติล้นค่ากว่าสมบัติใด ๆ ในโลก”

    หลังจากที่เงียบไปสักครู่ หลอดก็พูดขึ้นว่า นำไข่เป็ดไปถวายได้มั้ยคะ ตู่ก็เห็นดีด้วย รีบตอบรับไปว่า ก็ดีนะ เป็นของจากบ้านเราเอง นำไปถวายท่านก็ดีนะ แต่ให้ต้มไปเลยนะ จะได้ใส่บาตรเช้าวันอาทิตย์ เดี๋ยวแตกไประหว่างเดินทางจะเสียของไปเปล่า

    เช้าวันอาทิตย์นั้นทั้งหลอด แม่และลูก ก็ได้ใส่บาตรพระหลวงตา สมใจดังที่ปรารถนาจะทำบุญใส่บาตรท่านมานานหลายปี (ท่านอาจารย์สุดใจ เป็นผู้ถือบาตรหลวงตา ออกบิณฑบาตรทุกเช้า) และตู่ได้ขอให้หลอดเก็บไข่ต้มไว้สามใบ แยกต่างหาก ตั้งใจจะให้หลอดได้จัดใส่ถ้วยไปถวายหลวงตาที่ศาลาด้วย เพราะหลอดไม่คุ้นเคยทั้งสถานที่และผู้คนในวัด ตู่จึงต้องอยู่ด้วยตลอดเวลา โชคดีมากที่พี่กี้มาอยู่วัดด้วยจึงช่วยให้การเป็นสะพานบุญให้หลอดในครั้งนี้ผ่านไปได้ราบรื่นสะดวกทุกประการ

    พวกเราใส่บาตรเสร็จก็รีบเดินเข้าไปศาลาด้านใน เพื่อรอรับพรหลวงตาและทานข้าว ตู่ต้องจูงมือหลอดให้รีบเดิน เพื่อนำไข่ต้มอีกสามใบไปจัดใส่ถ้วยเพื่อถวายองค์หลวงตาให้ทัน เรารีบเดินแทรกเบียดเสียดผู้คนมากมายที่เข้าแถว รอใส่บาตรอยู่ตลอดทางเข้าไปศาลาด้านใน เป็นโชคของหลอดที่แม้พระจะบิณฑบาตเสร็จแล้ว ท่านอาจารย์สุดใจนำบาตรหลวงตาเข้ามาในศาลาแล้ว และองค์หลวงตากำลังตักอาหารอยู่ เราก็ยังสามารถจัดไข่ต้มสามใบนี้เข้าไปถวายองค์หลวงตาได้ ปกติเมื่อหลวงตาเริ่มตักอาหาร จะมีพระและโยมผู้ชายนั่งเรียงแถวประเคนอาหารให้องค์ท่าน เต็มบริเวณอาสนะที่ศาลาเล็ก ผู้หญิงเข้าไปไม่ได้ ญาติโยมนั่งเป็นระเบียบเรียบร้อยหมดแล้ว แต่วันนั้นเมื่อจัดไข่ต้มใส่ถ้วยใบเล็ก (โดยมีเล็กลูกพ่อการเป็นคนเอื้อเฟื้อหาให้ ธรรมดาแล้ววันอาทิตย์ถ้วยชามที่วัดหายาก ถ้าไม่เตรียมมาเอง และก็เป็นเวลาที่ถ้วยชามทั้งหมดถูกส่งไปที่พระหมด เพราะหลวงตาเริ่มตักอาหารแล้ว) พวกเรานั่งมองโยมผู้ชายยกถาดอาหารที่ประเคนหลวงตาแล้วถือเดินออกมาคนแล้วคนเล่า ตู่เกือบจะเลิกล้มความตั้งใจนี้แล้วเพราะเวลาไม่อำนวย แต่แล้วก็ตัดใจว่า เอาเถอะถ้าเป็นบุญของเค้าก็เป็นของเค้าแหละ จึงเอ่ยปากวานโยมผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งว่า ช่วยส่งไปประเคน หลวงตาให้ด้วย โยมผู้หญิงคนนี้เค้าไม่เคยมาถวายจังหันหลวงตา พึ่งมาเป็นครั้งแรก ช่วยกรุณาเค้าด้วย ไข่ต้มถ้วยน้อยก็ได้ถูกส่งต่อจากมือต่อมือ ไปจนถึงหลวงตาในที่สุด หลอดอาจจะไม่รู้ว่าเป็นการยากเพียงไรที่จะได้ถวายอาหารองค์ท่าน แต่หลอดก็ได้บุญนี้ไปแล้วล่ะค่ะ ตู่ได้แต่ปลื้มใจแทนหลอด

    วันนี้พี่อ่อนผู้แสนใจดีของพวกเราไม่อยู่ เพราะไปปลีกวิเวกอยู่ที่ถ้ำพระภูวัว มีน้อง ๆ ทีมคุณสุริยา น้องควีน ทีมพี่กี้ พี่ก้อย และญาติธรรมหนังสือรวมเรื่องเล่ามาจากบางลำภูกรุงเทพฯอีกคนมาช่วยกันตักอาหารแจกญาติโยม จึงขอให้เค้าช่วยจัดให้หลอดและครอบครัวด้วยหนึ่งชุด หลอดและครอบครัวอิ่มท้องด้วยอาหารจากหลวงตาที่ศาลาเช้าวันนี้ อิ่มใจด้วยธรรมะจากหลวงตาเมื่อวานและพรจากปากท่านอีกครั้งอนุโมทนาให้พรกับอาหารที่ถวายจังหันท่านเช้าวันนี้ ท่านผู้อ่านทุกท่านคงอิ่มใจไปด้วยกันแล้วนะคะ

    เมื่อองค์หลวงตาฉันจังหันเสร็จเรียบร้อย และนั่งรับญาติโยมที่มาร่วมทำบุญกับท่านได้สักพักไม่นานเพราะธาตุขันธ์ท่านอ่อนแรง ท่านให้ธรรมะสั้นๆแต่กินใจมากวันนั้นหัวข้อว่า “พิจารณาตัวเองก่อนแล้วทำ”........เนื้อหาธรรมะมีสั้น ๆ ดังนี้.......“ไม่มีอะไรพูดละวันนี้นะ พากันตั้งหน้าตั้งตาเข้าศีลเข้าธรรม จิตมีธรรมแล้วชุ่มเย็น จิตไม่มีศีลมีธรรมมันร้อน มันฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ไม่รู้จักยับยั้งชั่งตัว ให้มีศีลมีธรรมในตัว ทำอะไรให้พิจารณาตัวเองเสียก่อนแล้วทำว่าผิดหรือถูกประการใด อย่าสักแต่ว่าทำลงไป ทำลงไป มันทำลงไปทั้งหมดทั้งดีทั้งชั่วเป็นสมบัติของเรา ให้พากันระมัดระวัง มีเท่านั้นละวันนี้ ให้พรละนะ”

    ได้ทั้งหลอดได้ทั้งลูก

    เมื่อให้พรจบแล้วท่านก็นั่งรถกลับกุฏิ ระหว่างทางกลับกุฏิ จะมีญาติโยมเข้าแถวยาวตลอดสองฝั่งเพื่อถวายเช็คและสิ่งของต่าง ๆ กับองค์ท่าน รวมถึงหลอดและลูกด้วย ตู่ได้ขอให้พี่ก้อยกันที่ไว้ให้หลอดได้อยู่แถวหน้าระหว่างทางที่รถหลวงตาจะผ่านมาเพื่อถวายเช็คแด่องค์ท่าน แต่ด้วยความรักของหลอดที่มีต่อลูกชาย เช็คที่ตู่เตรียมไว้ให้หลอดได้ถวายใส่มือหลวงตาด้วยตัวเองได้ถูกส่งไปที่ลูกแทน พร้อมกับดันลูกให้ออกมาอยู่ข้างหน้าหลวงตาเพื่อถวายเช็ค เด็กชายวัยป.6 ถวายเช็คใส่มือหลวงตา ด้วยมือที่สั่นเพราะประหม่าและกลัว แต่ก็เป็นความทรงจำรำลึกในใจเด็กน้อยไปตลอดชั่วชีวิต ที่ครั้งหนึ่งได้มาวัดป่าบ้านตาด และได้ทำบุญกับท่านโดยไม่คาดฝัน

    วันนี้พวกเราจะต้องลาหลวงตากันแล้ว กลับจากบ้านพระอรหันต์ ไปอยู่กับโลก ไปดำเนินชีวิตทำมาหากินตามอย่างโลกๆเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันต่อไป ก่อนกลับตู่ได้พาหลอดและครอบครัวไปทำความสะอาดกุฏิใหม่หลวงตาที่สร้างบนที่ดินถมใหม่ อยากให้พวกเค้าได้ตักตวงบุญติดตัวไปให้เต็มที่มากที่สุด ทั้งหลอดรวมทั้งแม่และลูก ช่วยกันเช็ดความสะอาด ตั้งแต่ราวลูกกรงระเบียง ถูพื้น เช็ดตั่งที่นั่ง เช็ดผนัง รดน้ำต้นไม้ ก่อนทำก็ยกมือขึ้นไหว้เหนือศีรษะ ขออนุญาตท่านและเทพเทวดา ทุกคนทำงานอย่างประณีต ค่อย ๆ เช็ดค่อย ๆ ถู ผ้าผืนน้อยที่เช็ดถูทำความสะอาดถวายหลวงตานี้ หลอดและแม่จะเก็บไว้บนหิ้งพระบูชา ลูกชายหลอดไม่มีผ้าเช็ดหน้าติดตัว ก็ยอมสละเสื้อขาวที่ใส่อยู่ในเวลานั้น นำมาใช้เช็ดพื้นกุฏิหลวงตาด้วยใจไม่มีความรังเกียจแม้แต่น้อย มีแต่ใบหน้ายิ้มแย้มยินดีที่ได้ถวายองค์หลวงตาเป็นสิริมงคล ก่อนเดินออกมาจากบริเวณกุฏิใหม่นี้ พลันก็เห็นหลอดยืนไหว้ผนังกุฏิหลวงตาอยู่อย่างนบนอบ แม้หลวงตาจะไม่ได้อยู่ในกุฏิในขณะนั้น แต่กิริยาที่หลอดถวายความนอบน้อมเคารพนั้น ประหนึ่งว่าท่านกำลังอยู่ตรงหน้าหลอดเลยเชียว ใจหลอดนั้นมีแต่ความเคารพรักหลวงตาเพียงอย่างเดียวไม่มีอะไรอื่นอีก

    ระหว่างนั่งรถกลับกัน ได้ถามหลอดว่า “กลัวหลวงตามั้ย ใคร ๆ เค้าก็กลัวกันนะ ท่านดุ” หลอดบอกทันที “ว่าไม่กลัวค่ะ อยากให้ท่านดุ ดุแล้วดี หนูไม่กลัวค่ะ” ได้ยินอย่างนี้ ปลื้มใจกับหลอดจริง ๆ นะคะ อยากให้พวกเราผู้อ่านทุกท่านได้อนุโมทนากับเธอด้วย
     
  3. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    อิ่มเอิบใจ

    ถึงบ้านหลอดประมาณช่วงบ่าย เวลากี่โมงตู่ก็จำไม่ได้แล้วล่ะค่ะ รู้แต่ว่าใจสบาย กายสบายไม่เหนื่อยสักนิด รู้สึกว่าคุ้มค่ามากที่พยายามตามหาหลอดจนพบ และได้พาเค้าและครอบครัวไปกราบหลวงตา ได้พาเค้าไปทำบุญทำกุศลที่ยิ่งใหญ่เพื่อต่อบุญกุศลที่เค้าได้ทำมาดีแล้วและเป็นทุนสำรองที่ดีสำหรับภพชาติต่อไป

    ก่อนจากกันหลอดได้นำไข่เป็ดหลายสิบใบ สีขาวสะอาดใส่ถุงพลาสติกใบใหญ่เบ้อเริ่มมาให้ ตู่บอกว่าเก็บไว้เถอะ ขายไปก็ยังได้เงินมาจุนเจือครอบครัว แต่แม่ของหลอดขอร้องให้ช่วยรับไว้ด้วย เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ตู่จึงจากมาพร้อมกับไข่เป็ดไปฝากคุณพ่อและลูก ๆ ที่บ้านค่ะ

    ในตอนท้ายเรื่องนี้ ตู่อยากจะบอกพวกเราทั้งหลายว่า หลอดไม่มีโอกาสนี้ด้วยตนเอง เพราะต้องเดินทางไปไกล และไม่กล้าเข้ามาวัดเพราะเกรงการดูถูกเหยียดหยาม เพราะหลอดประมาณตัวเองว่าเป็นผู้ต่ำต้อย ด้วยสถานะในสังคม ได้แต่ชื่นชมบารมีหลวงตาอยู่ข้างถนนหลวง ก็คุ้มแล้วสำหรับหลอด พวกเราบางคนเสียอีก อยู่ใกล้องค์ท่านแต่เหมือนไม่ได้สัมผัสองค์ท่านเลยแม้แต่น้อย หลอดไม่เคยรู้จักพ่อแม่ครูอาจารย์มาก่อน ไม่เคยพูดหรือพบองค์ท่านด้วยตัวเอง แต่ทำไมเค้าซาบซึ้งใจอิ่มใจน้ำตาร่วงเมื่อได้กราบท่าน และหลอดก็ไม่เคยรู้จักตู่ แต่เค้ากอดตู่แน่นเหมือนตู่เป็นญาติเค้า พวกเราล่ะทำไมทิ้งโอกาส เรามีโอกาสดีกว่าเค้ามากมาย มีโอกาสเดินทางโดยเครื่องบิน โดยรถยนต์สะดวกสบาย หลอดเองเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก และด้อยศักยภาพทั้งทางสังคมและชีวิต แต่ใจเค้าน่านับถือนัก ดั่งที่ท่านพ่อสอนเสมอว่า “ใจมันถึงกัน”

    รูปลักษณ์ภายนอกนั้นได้มาตามบุญทำกรรมแต่งของแต่ละคน ขอให้รู้เถิดว่าขณะนี้เรากำลังทำบุญหรือบาปใดอยู่ คนเราสามารถมีความสุขได้ทุกคน คนรวยก็มีได้ คนจนก็มีได้เหมือนกัน ถ้าเรารู้ว่ามีความสุขอยู่เพราะอะไร ทั้งหมดนี้เกิดจากใจ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทำกันได้ทุกคน ภพชาตินี้เราเป็นมนุษย์ เราอาจจะไม่ได้กลับมามีสังขารแบบมนุษย์อีกก็เป็นได้ ถ้าเราไม่รักษาใจเราไว้ให้ดี ให้อยู่ในศีลในธรรม อาจเกิดเป็นนก เป็นหนู ซึ่งจิตไม่สามารถจะเป็นอิสระได้ เหมือนถูกกักขังอยู่ในรูป

    หลอดรักเคารพหลวงตาด้วยศรัทธาบริสุทธิ์ รักเคารพท่านอย่างที่เห็นและที่เป็น รักวัดป่าบ้านตาดอย่างจริงใจ ไม่มีตำหนิปริปากว่า ไอ้นู่นไม่สะอาด ไอ้นี่เสียงดัง ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ กรวดก้อนนี้คมไปเดินแล้วเจ็บเท้าต้องขจัดออก หลอดเดินไปทั่ววัดป่าบ้านตาดเหมือนบ้านของตนเอง รักและเคารพในทุกอย่างที่อยู่ในปกครองของหลวงตา หลอดเดินตาม”พระอรหันต์” อย่างไม่เคลือบแคลงสงสัย ปฏิบัติตามคำสอนมองโลกแล้วย้อนมองตัวเองนำมาพิจารณา มุ่งหน้าขัดเกลากิเลสตนเองอย่างไม่ย่อท้อ พวกเราคงจะรักท่านพ่ออยู่แล้วอย่างที่หลอดรักใช่ไม๊คะ พวกเราคงจะถวายความเคารพรักท่านอย่างงดงามสมเกียรติอยู่แล้วใช่ไม๊คะ

    เรื่องของหลอดนี้ ขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์แก่ญาติธรรมทุกท่านนะคะ นำไปพิจารณาจะเห็นธรรมะ ที่เกิดได้ในทุกที่ ไม่จำกัดสถานที่ เวลา และบุคคล จะรวยจะจน อยู่บ้านอยู่คอนโดหรืออยู่กระต๊อบ นั่งรถเก๋งหรูหรือยืนข้างถนน ก็เห็นธรรมได้ และยิ่งไปกว่านั้น ทุกท่านก็มีใจรักในองค์หลวงตาเหมือนกัน เพราะท่านเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เคารพรักของพวกเรานะคะ

    เจริญธรรมค่ะ
    ตุ๊ดตู่

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ที่มา:เรื่องของ ทินกร บุญศรี (หลอด) - ลานธรรมเสวนา
     
  4. tyoukerd@hotmail.com

    tyoukerd@hotmail.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +293
    ขอกราบร่วมอนุโมทนา สาธุการ ด้วยความเคารพครับ ผมอ่านไป น้ำตาไหลออกมาเองด้วยความปลื้มปิติจริง ๆ ขอเมตตาองค์หลวงตา มีธาตุขันธ์ที่แข็งแรง เพื่ออยุ่เป็นเสาหลักให้กับลูกหลานชาวไทย และพุทธศาสนิกชน ทั่วทั้ง 3 แดนโลกธาตุด้วยเทอญ.....
    ฑัฬห์ อยู่เกิด
     
  5. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    anumotana satu ka....very good person in this story...everyone...can tell from the detail how to write from the mind that be train in the good way and look the others mind with the kindness, helping and share.....I'm really appriciate.
     
  6. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,413
    ค่าพลัง:
    +7,058
    น้อมกราบ วันทา เมตตาบารมีบูชาชาพระคุณหลวงตามหาบัวครับ
    อนุโมทนาสาธุ กับคุณหลอดด้วยครับ
     
  7. อารมณ์ดี

    อารมณ์ดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +550
    กราบอนุโมทนา กราบบูชาองค์หลวงตา และอนุโมทนากับคุณตู่ ที่ได้สร้างกุศลใหญ่
    ซาบซึ้งในกุศลที่คุณตู่และคุณหลอดได้ทำ อนุโมทามิค่ะ
     
  8. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    ขอน้อมกราบ อนุโมทนา กับองค์หลวงตาท่าน และขอสดุดีกับแรงบุญที่ยิ่งใหญ่ที่คุณตู่เป็นสายนำบุญครั้งนี้ อ่านแล้วปลื้มปิตินำ้ตาคลอ กราบสาธุค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...