หลวงพ่อสด แยกกายมาจากต้นธาตุต้นธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย belives, 29 ตุลาคม 2010.

  1. belives

    belives เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +234

    [​IMG]

    เล่าเรื่องพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
    โดย พระเดชพระคุณพระธรรมรัตนากร
    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เจ้าคณะเขตภาษีเจริญ
    เรียบเรียงจาก คำบอกเล่าของพระเดชพระคุณพระธรรมรัตนากร


    <EMBED id=flashPlayer height=305 type=application/x-shockwave-flash width=425 src=http://video.sanook.com/player/playerver1.swf flashvars="contentId=398201&embed=true&autoplay=false&repeats=false" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>​




    พระเดชพระคุณพระธรรมรัตนากร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เจ้าคณะเขตภาษีเจริญ ท่านเป็นพระอีกรูปหนึ่งที่บวชเรียนอยู่ที่วัดปากน้ำฯ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย เมื่อครั้งอดีตยังเป็นสามเณร ท่านได้มีโอกาสอุปัฏฐากรับใช้ พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย อย่างใกล้ชิด

    [​IMG]

    พระเดชพระคุณพระธรรมรัตนากร ได้เมตตานำประสบการณ์และเหตุการณ์ ที่ท่านได้ยินได้ฟังจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯโดยตรง มาถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับทราบถึงอานุภาพ และมโนปณิธานของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ดังต่อไปนี้...

    เมื่อปีที่ผมอยู่นั้น พ.ศ.2497 พอปี พ.ศ.2499 ที่วัดปากน้ำฯมีพระ-เณรเจ็ดร้อยกว่ารูป เป็นพระสามร้อยกว่ารูป เป็นสามเณรสามร้อยกว่ารูป ตอนนั้นที่พักมีไม่พอ หลวงพ่อต้องให้ไปพักบนโรงเรียนพระปริยัติธรรม หลังจากนั้น ผมก็ได้มี
    [​IMG]
    โอกาสได้ต้มน้ำชาถวายหลวงพ่อ ในจำนวนสามเณรสามร้อยกว่ารูป มีผม...สามเณรสงัด สะอาดเอี่ยม เพียงคนเดียวที่ได้ทำหน้าที่นี้ โดยในเวลาสี่โมงเย็นของทุกวัน ผมจะต้องไปต้มน้ำชาถวายหลวงพ่อ แล้วหลังจากนั้น เวลาที่หลวงพ่อจะสรงน้ำ ท่านก็จะเรียก “เณร...มาถูตัวให้หลวงพ่อหน่อย”

    หลวงพ่อได้คุยกับผมหลายเรื่อง แต่ผมจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่จำได้ก็คือ ครั้งแรกท่านถามผมว่า...

    “เณร...รู้ไหม ชาวบ้านที่มาอยู่ข้างๆวัดนี้ เขามาอยู่อย่างไรกัน”
    ผมก็เรียนท่านว่า “เกล้ากระผมไม่ทราบหรอกครับ เขาคงมาอาศัยหลวงพ่ออยู่”
    ท่านก็พูดว่า “เออ...ไม่เห็นเขามาหาหลวงพ่อเลย”

    หลังจากนั้นก็คุยต่อไปอีก ท่านก็พูดว่า “เณร...เขาให้หลวงพ่อมาเกิดนี่...ให้มาปราบมาร” ผมก็อยากจะถามต่อแต่ไม่กล้า ผมอยากรู้มากๆเลยว่า หลวงพ่อมาจากไหน (หลวงพ่ออาจจะให้เราย้อนถามท่านว่า ท่านมาจากไหน แต่เราไม่กล้า) ผมก็ได้แต่คิดในใจว่า “เราจะถามใครดี” ก็ได้ไปถาม อาจารย์ตรีธา เนียมขำ (ปัจจุบันเป็นนายกสมาคมศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ)

    ถามว่า “พี่ธา...หลวงพ่อเคยพูดคำนี้ไหม”
    พี่ธาก็ตอบว่า “เคยพูด”
    “แล้วหลวงพ่อมาจากไหนล่ะ”
    พี่ธาได้ตอบว่า “หลวงพ่อแยกมาจากต้นธาตุต้นธรรม แยกกายออกมาจากต้นธาตุต้นธรรม เพื่อมาปราบมาร”

    ผมเคยได้ยินหลวงพ่อพูดว่า เหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ที่จะเกิดขึ้น หลวงพ่อจะทราบก่อนแล้ว เช่น บ้านเมืองไม่สงบ...อะไรต่างๆ ท่านจะสั่งให้แก้ให้หมด ดำให้เป็นขาวให้หมด ท่านจะทราบก่อน แล้วสั่งผู้ที่ได้วิชชาธรรมกายแก้ผัง สิ่งที่ไม่ดีให้กลับดีให้หมด

    เมื่อญาติโยมนำดอกมะลิมาถวายหลวงพ่อ ผมต้องถือดอกมะลิตามท่านไปยังที่พัก ท่านจะพักที่หลังกุฏิของท่าน เป็นเพิงหลังคามุงด้วยจาก เมื่อถึงที่พัก ท่านก็รับดอกไม้จากผม ท่านบอกว่า “เอาดอกไม้นี้ไปบูชาต้นธาตุต้นธรรม” แล้วท่านก็นำดอกมะลินี้มาทำพระผง (พระของขวัญ)

    มีครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อป่วย ผมก็มีวาสนาได้เข้าไปปรนนิบัติหลวงพ่อ โดยจะมีการจัดเวรผลัดกันดูแลหลวงพ่อ เวรละสององค์ ผลัดละสองชั่วโมง แต่มีผมซึ่งเป็นเณรองค์เดียวที่ได้ไปอยู่คู่กับหลวงพ่อเล็ก คือ เจ้าคุณภาวนาโกศลเถระ (ธีระ คล้อสุวรรณ) ผมไปปรนนิบัติหลวงพ่อ ก็คือไปจดบันทึกอาการของท่าน ให้กับหมอที่มาทำหน้าที่รักษาท่าน

    ผู้ที่จะปรนนิบัติหลวงพ่อต้องนั่งสมาธิทุกคน แม้จะป่วยแต่หลวงพ่อก็จะเดินมาดูพระ-เณรที่มาปรนนิบัติ แล้วท่านก็จะพูดว่า “ดิ่งไว้นะ...ดิ่งไว้นะ...ดิ่งไว้นะ” คือ หมายความว่าให้จิตนิ่ง

    [​IMG]

    หลวงพ่อเคยพูดว่า “อยากเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก” สมัยหนึ่งมีฝรั่งมาบวชที่วัดปากน้ำฯ เป็นชาวอังกฤษ หลวงพ่อมีความปรารถนาอย่างมากที่จะเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก

    ในปัจจุบัน ผมนี้ชื่นชมมากๆที่เห็น วัดพระธรรมกาย ทำได้แล้ว ผมดีใจและปลื้มปีติมากๆ...อนุโมทนา...สาธุ ความปรารถนาของหลวงพ่อสด สำเร็จแล้ว



    เรื่องราวชีวิตอันงดงามและทรงคุณค่าของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ที่พระเดชพระคุณพระธรรมรัตนากรได้เล่ามานี้ ทุกถ้อยคำแสดงถึงบารมีธรรมและมโนปณิธานอันไม่มีประมาณของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯว่า ท่าน คือ พระผู้ปราบมาร ที่ต้นธาตุต้นธรรมส่งมาเพื่อปราบมาร
     
  2. samaice

    samaice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +1,018
    เราคือผู้หนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ตะวันแก้วที่วัดธรรมกาย เราเห็นเป็นหลวงพ่อ ไสเป็นแก้วนั่งบังพระอาทิตย์อยู่ บารมีท่านสุดจะบรรยาย
     
  3. aetipp

    aetipp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    796
    ค่าพลัง:
    +1,505
    อนุโมทนาสาธุครับผม ท่านเป็นอีกหนึ่งแห่งสายธรรมของศาสนาเราครับผม
     
  4. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง...
    กราบนมัสการ หลวงปู่สด ด้วยความเคารพ...สาธุ
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ทั้งหมดทั้งมวลด้วยค่ะ
     
  5. ปรมัตถบารมี

    ปรมัตถบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    667
    ค่าพลัง:
    +3,449
    อนุโมทนาครับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยพูดไว้ในเทปเสียงว่า

    หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ คือ ปรมาจารย์ท่านนึงเลยทีเดียว

    หลวงพ่อปาน เคยส่ง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อสด ด้วยครับ
     
  6. Heartsutra

    Heartsutra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +98
    สาธุ สาธุ ท่านถอยพืดธาตุธรรมลงมานำบารมีโพธิสัตว์ระดับภาคปราบ...
     
  7. poomdunn

    poomdunn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +380
    กราบนมัสการ หลวงปู่สด ด้วยความเคารพ...สาธุ
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ทั้งหมดทั้งมวลด้วยค่ะ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,989
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่สด
    หยุด เป็นตัวสําเร็จ
    อนุโมทนาสาธุค่ะthx1


    catt24
     
  9. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    ผมเป็นคนหนึ่งที่ปฏิบัติสายกรรมฐานวัดป่าตั้งแต่อายุ 15 ปี โดยตามดูลมหายจากทางเข้าที่ปากช่องจมูกไปสุดที่กลางท้อง ปฏบัติอย่างจริงจัง จึงไม่ค่อยเข้าใจหลักปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกายเพราะเห็นเขาชอบทำบุญกันใหญ่โต เลยรู้สึกขัดๆนิดหน่อย

    แต่ในวันหนึ่งปฏิบัติอยู่ก็ตามดูลมหายใจตามปกติ แต่พอไปสุดที่กลางท้อง จิตมันสว่างขึ้นทันที สว่างมาก เลยสงสัยพอออกจากนั่งสมาธิ ก็ลองไปถามพระอาจารย์สายวัดป่าท่านก็แนะนำให้ดูที่ความสว่างต่อไป แต่อย่าไปคิด ไปบังคับ ให้เพียงเป็นผู้ดูต่อไป แล้วจะพบคำตอบเอง ผมก็กลับมาปฏิบัติต่ออยู่นานเหมือนกัน วันหนึ่งที่นั่งสมาธิดูลมหายใจที่กลางท้องไปเรื่อยๆ ผลที่ได้คือพอจิตสว่างก็เห็นดวงแก้วใสๆ แต่ที่ผมไม่เคยเห็น ก็เกิดความสงสัย ประกอบทั้งดีใจ ทันใดน้นดวงแก้วก็หายไป ผมมีคำถามมากมายค้างคาในใจ ก็เลยพยายามศึกษาหาคำตอบจากหนังสือสายปฏิบัติต่างๆ ก็ได้มาพบสายปฏิบัติแนววิชชาธรรมกาย ก็เลยลองปฏิบัติสายนี้

    พอปฏิบัติวิชชาธรรมกายไปเรื่อยๆก็ถึงบางอ้อเลยว่า เหตุที่สายวิชชาธรรมกายสอนให้สร้างบารมีมากๆ ทำบุญบ่อยๆเพราะสายวิชชานี้เขาต้องการช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากวิบากกรรม วิบากมาร พ้นจากวัฏสงสาร ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อไปนิพพานในชาตินี้ ชาติต่อไป พูดง่ายๆก็เหมือนสายพระโพธิสัตว์ เหตุที่คนปฏิบัติในสายนี้เขาต้องไปเกิดอีกหลายชาติ เลยต้องสะสมเสบียงมากเป็นพิเศษ เพื่อเป็นเสบียงในการสร้างบารมีในชาติต่อไปครับ

    ข้าพเจ้าขอถึงพระรัตนตรัย พระเดชพระคุณหลวงปู่ ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันอุดมสูงสุดประมาณมิได้ ที่พึ่งอื่นยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2010
  10. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2010
  11. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    [​IMG]


    [​IMG]




    คุณยายอาจารย์ แม่ชีถนอม อาสไวย์เป็นแม่ชีผู้ใหญ่ที่หลวงพ่อไว้วางใจ มอบหมายให้ค้นคว้าเจริญวิชชาธรรมกายชั้นสูงเป็นวัตรประจำ และบางครั้งก็ได้ส่งท่านไปสอนหรือช่วยเหลือ เช่นแก้โรคภัยแก่ชาวบ้านทั้งไกลและใกล้ ตลอดทั้งบางสำนักวิปัสสนาที่มีชื่อเสียงทั้งภายในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ด้วยมั่นใจในวิชชาความรู้ ความเห็น ประสบการณ์ อีกทั้งอุปนิสัยและความสามารถในการสอน ตลอดจนความบริสุทธิ์ของแม่ชีผู้เป็นกุลสตรีร่างเล็ก บอบบาง แต่มีน้ำใจไหวพริบปฏิภาณยิ่งใหญ่ผู้นี้



    [​IMG]
    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
    (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร)



    ต่อมาวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๐๒ ตั้งแต่เช้าวันนั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านอาพาธหนัก มีอาการหอบอยู่เป็นเวลานานมิได้หยุด ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายก็ได้มาห้อมล้อมปฏิบัติตามกำลังความสามารถ ถึงเที่ยงวันเจ้าประคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) สมัยทรงสมณศักดิ์เป็นพระธรรมวโรดม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ก็ได้เสด็จมาถึง คุณยายอาจารย์แม่ชีถนอมซึ่งกำลังทำวิชชาชั้นสูงอยู่ตามลำพังที่โรงงานจนถึงบัดนั้น ก็ถูกตามตัวมาที่ตึกมงคลจันทสร คุณณยายอาจารย์แม่ชีถนอมท่านได้เข้าที่และตรวจเครื่องรองรับการจะจากภพนี้ไปของหลวงพ่อ เมื่อได้อัญเชิญบังลังก์แก้ว ปราสาทแก้ว และเครื่อง สมพระเกียรติบารมีของหลวงพ่อมาพร้อมกันอยู่เต็มธาตุเต็มธรรม แล้วพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็หยุดหอบ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ทรงสังเกตเห็นดังนั้นจึงได้ตรัสถามพระมหาณรงค์ จิตญาโน ว่าคุณยายอาจารย์คือใคร และตรัสให้มาสนทนาด้วย สักพักหนึ่งหลวงพ่อ(หลวงพ่อวัดปากน้ำ)ก็มรณภาพซึ่งในขณะนั้นคุณยายอาจารย์แมชีถนอมกำลังเข้าที่ดูตลอดเวลา ท่านยิ่งเห็นก็ยิ่งสำนึกถึงพระบุญญาบารมียิ่งใหญ่เกินคณานับได้ของต้นธาตุกายมนุษย์ คือ พระอาจารย์ของท่านซึ่งกำลังจากโลกนี้ไปพร้อมกับเสียงร้องไห้ซึ่งดังระงมอยู่ในที่นั้น


    เนื้อหาความรู้ทางวิชชาธรรมกายอื่นๆ http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/list.html



     
  12. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    [​IMG]

    โอวาทของพระมงคลเทพมุนี
    แฉล้ม อุศภรัตน์ บันทึก
    เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๘
    ตรงกับวันศุกร์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งคล้ายกับวันเกิดของเจ้าคุณหลวงพ่อ เจ้าคุณหลวงพ่อเทศน์เป็นการให้โอวาท ดังนี้
    Untitled Document

    ผู้เทศน์เกิดวันศุกร์ ปีวอก บวชมา ๕๐ พรรษา ค้นคว้าธรรมะเรื่อยมา การออกธุดงค์ใจเป็นมรรคผล สงบ สมาธิ เป็นทาง รู้ว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นปัญญา (ไม่ใช่ธรรม)

    ดวงธรรมที่ทำให้เป็นพุทธรัตนะ ผู้เทศน์รู้จักเกือบ ๕๐ ปี (ตำราไม่มี) โดยการค้นคว้าทางปฏิบัติ
    ดีที่สุด คือ พระพุทธเจ้า แต่อ่อน
    ชั่วที่สุด คือ มาร แข็งกว่าพระพุทธเจ้า

    ผู้เทศน์มารู้ตัวเมื่อบวชแล้ว ว่าต้นธาตุ (คือ พระพุทธเจ้าองค์แรก ขณะนี้อยู่บนพระนิพพาน) ใช้ให้จุติมาเกิดเพื่อปราบมาร (ไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ตาย) ถ้ามารไม่แพ้ ผู้เทศน์ยอมตายอยู่วัดปากน้ำ

    มารปล่อยสายมาปกครองมนุษย์ มนุษย์ตกเป็นบ่าวเป็นธาตุของโลภะ โทสะ โมหะ ผลคือ ความเสียหาย มีแก่ มีเจ็บ มีตาย เช่นสงครามที่แล้วมา เกิดจากโลภะ คือ ความโลภ เป็นเหตุให้คนเจ็บ คนตาย

    ลูกชายลูกหญิงมีโมหะ จึงหลงว่าตัวเก่งแล้ว พ่อแม่ว่าไม่ได้ มีโทสะ โมโหโต้เถียง ไม่กลัวเกรง

    ที่เป็นเช่นนี้ เพราะนาย โลภะ โทสะ โมหะ เขาปกครอง เขาสั่งให้ทำเช่นนั้น เอาบ้านเมืองมาล่อ เอาความเจ็บความตายมาให้ ปราบมารเหล่านี้ลงเสียได้ มนุษย์จะได้อยู่เย็นเป็นสุข เจ้าตัวมารเหมือนผีเที่ยวสิงบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งของเขา

    เราต้องเข้าวิชาธรรมกายจึงรู้ เห็นได้หมด เพราะธาตุธรรมไม่เหมือนกัน

    วัดปากน้ำช่วยเหลือแก้คนป่วยไข้ ให้หายไม่ต้องกินยา มารมันยอมให้ คนไข้ก็หาย แต่มันไม่ยอมแพ้ มันแพ้หลอก ๆ (ตามวิสัยของมาร)

    มนุษย์ชายหญิง เป็นพระก็มาก เป็นมารก็มาก

    เป็นธรรมกาย ดูเป็น รักษาตัวได้ เราจับสายธรรมะเสีย เขาก็ไม่รบกัน เก็บสมบัติให้หมด เก็บอาวุธให้หมดตามจุด เขาก็ไม่รบกัน (คำว่า จับ คำว่า เก็บ ในที่นี้หมายถึงวิชารบ ตามชั้นเชิงของวิชาธรรมกาย)

    กวดขันอย่าง นี้ ๒๕ ปีแล้ว แยกพระ แยกมาร ไม่ให้ปนกัน ไม่ให้กระทบกัน ต่างฝ่ายต่างเป็นสุข (เหมือนกับการกระทบกระทั่งกันระหว่างประเทศต่อประเทศในโลกเรานี้)

    จะให้สัญญา ไม่รังแกกัน ถ้าไม่ยอมก็เก็บฤทธิ์เสีย ที่ไม่ตกลงกัน เพราะเขาประลองฤทธิ์กัน
    ผู้เทศน์ปล่อยชีวิต ยอมตายมา ๒ คราว เพื่อถวายแก่พระพุทธเจ้า จึงได้พบ “ธรรมกาย” ซึ่งวิชาธรรมกายนี้ พระพุทธเจ้าทรงเป็นเจ้าของ

    ชายหญิงผู้ปฏิบัติธรรมะ จนถึงบรรลุธรรมกายโคตรภู เท่ากับได้บวชข้างใน เป็นหญิงถือว่าได้บวชข้างใน หากเป็นชายที่บวชพระ ถือว่าบวชทั้งนอกและข้างใน เป็น ๒ ชั้น
    ความอยากเป็นเหตุให้เกิด เกิดเป็นผล

    ดับหยาบได้ ดับเป็นชั้นๆ ดับตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียดจนถึงธรรมกาย ความเกิดเป็นของจริง ละได้ก็เห็นดับ ดับนั้นเป็นนิโรธ นิโรธมีขึ้นได้เพราะ ศีล สมาธิ ปัญญา
    ดับหยาบไปหาละเอียดเป็นชั้นๆ เข้าไป จนเป็นพระโสดา ตาดีก็เห็น ญาณดีก็รู้ มีบาลีรับรอง
    พระพุทธเจ้าทั้งหลาย “ธรรมกาย” นั่นแหละเป็นผู้รักษาความสงบ
    (คัดจากหนังสือเรื่องธรรมกาย หน้า ธ-ป หนังสือเล่มนี้ พิมพ์ที่โรงพิมพ์ไทยพณิชยการ สีลม พระนคร เมื่อเดือน กันยายน ๒๔๙๙ โดยนางแฉล้ม อุศุภรัตน์ เป็นผู้จัดพิมพ์)






    รวมพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://khunsamatha.com/blog/dhammakaya-C5.html

    ตำราวิชชาธรรมกายทุกหลักสูตร http://www.crystalmind.org/library/index.asp

    เวบวิชชาธรรมกาย http://khunsamatha.com/

    ห้องสนทนาวิชชาธรรมกาย http://forums.212cafe.com/samatha/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2010
  13. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    เรียนสอบถามคุณ สมถะ นิดนึงนะครับ หลวงพ่อสด ท่านได้รับมอบหมายงานทางด้านวิชชาธรรมกาย มาจากสมเด็จองค์พระปฐมต้นธาตุ ต้นธรรม คือ หลวงพ่อสดท่านเป็นธาตุธรรมที่มาแต่ต้นธาตุต้นธรรม แบ่งลงมาเพื่อทำวิชชาธรรมกาย หลังจากที่มารปิดบังซ่อนวิชานี้ไว้ หลังจากที่องค์พระสมณะโคดมพระพุทธเจ้า ดับขันธปรินิพานไปได้500 ร้อยปี เรียนด้วยความเคารพนะครับ วิชชาธรรมกายมีจริง ธรรมกายคือกายแห่งพระตถาคตโดยแท้ และเป็นกายที่แท้จริงเมื่อถอดฐานกายหยาบ-กายละเอียด ทั้ง31ภพภูมิ ที่ซ้อนทับกันอยู่ออกจนหมด ในมดก็มี ในมนุษญ์ก็มี ในพรหมก็มี เป็นต้น
     
  14. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    [​IMG]

    ที่กล่าวว่าวิชชาธรรมกายมีจริงนั้นถูกต้องแล้วครับ ความจริงไม่ใช่แค่มีจริง แต่เป็นผังชีวิตของสัตว์โลกทั้ง ๓๑ ภพภูมินั่นแหละ ธรรมกายเป็นกายสุดละเอียดที่สัตว์โลกทั้งหลายมีกายซ้อนกายกันทั้ง ๑๘ กายอยู่ทุกตัวตนแล้ว ดังนี้


    - กายมนุษย์หยาบ ก็คือกายของเรานี่แหละที่นั่งอ่านอยู่นี่

    - กายมนุษย์ละเอียด เรียกอีกอย่างว่ากายฝัน เวลาเราฝันเราใช้กายนี้เป็นตัวละครในความฝัน แต่ความจริงกายนี้มีอยู่แต่เราไม่เคยพิจารณาเข้าถึงกันเองเท่านั้น

    - กายทิพย์ ทั้งหยาบและละเอียด หรือบางทีเราอาจเรียกว่า กายสัมภเวสี ผี วิญญาณ เจตภูต กายเทวดา กายนี้ท่องเที่ยวอยู่ในกามวจรภูมิ รวมทั้ง สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ก็จัดอยู่ในกายนี้ด้วย

    - กายพรหม ทั้งหยาบและละเอียด กายนี้ก็คือกายที่ท่องเที่ยวอยู่ในรูปพรหม

    - กายอรูปพรหม ทั้งหยาบและละเอียด กายนี้ก็คือกายที่ท่องเที่ยวอยู่ในชั้นอรูปพรหม

    - กายธรรมโคตรภู ทั้งหยาบและละเอียด กายนี้เมื่อเข้าถึงแปลว่า เรากำลังก้าวสู่มรรคผล เพียงแต่ก้ำกึ่งอยู่

    - กายธรรมพระโสดา ทั้งหยาบและละเอียด กายนี้เมื่อเราปฏิบัติถึงเราจะเข้าใจได้เองว่านิพพานมีจริง เพราะเราจะถึงอารมณ์ของพระนิพพานได้ เรียกว่าเป็นตทังควิมุตติ เป็นกายพระโสดามรรค โสดาผล

    - กายธรรมพระสกิทาคามี ทั้งหยาบและละเอียด เข้าถึงกายนี้ก็ทราบภูมิของพระสกิทาคามีมรรค สกิทาคามีผล


    - กายธรรมพระอนาคามี ทั้งหยาบและละเอียด เข้าถึงกายนี้ก็ทราบภูมิของพระอนาคามีมรรค พระอนาคามีผล

    - กายธรรมพระอรหัต ทั้งหยาบและละเอียด เข้าถึงกายนี้ก็ทราบภูมิของพระอรหัตมรรค อรหัตผล


    รวมทั้งหมด ๑๘ กาย กายเหล่านี้เป็นกายในกาย กายซ้อนกาย ที่มีอยู่ในสัตว์โลกทุกทั่วตัวตนไม่มียกเว้น เป็นผังชีวิตเช่นนี้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็มีกายในกายเหล่านี้ อยู่ที่ว่าบุญบาปตกแต่งให้เราเป็นอะไร เราก็ทรงกายนั้นๆ ไป ตอนนี้เราเป็นมนุษย์เราก็มีกายมนุษย์หยาบ เมื่อตายไปเราเป็นเทวดาเพราะบุญ เราก็ใช้กายทิพย์ เราไปเป็นสัตว์นรก เราก็ใช้กายทิพย์ แต่กลายสภาพเพราะบาปตกแต่งนั่นเอง ได้รูปฌาณ ก็ไปเกิดเป็นพรหมก็ใช้กายพรหม ได้อรูปฌาณไปเกิดในอรูปพรหม ได้มรรคผลก็ใช้กายธรรมไปในภพภูมิของพระอริยะ นี่ว่ากันถึงการเปลี่ยนถ่ายกายในกาย


    แต่ความจริงแล้วกายเหล่านี้เรามีครบอยู่ในดวงธรรมของเรา คืออยู่ในศูนย์หรือในกายของเรา เพียงแต่เราไม่เคยรู้เคยเห็นเท่านั้น ต่อเมื่อเราปฏิบัติจนได้ธรรมกาย และเดินวิชชา ๑๘ กายได้ เราจึงได้รู้เห็น นี่เป็นยาหม้อใหญ่ เราจะได้สรรพความรู้อีกมากมายเมื่อเราได้เข้าถึงกายในกายทั้ง ๑๘ กาย อย่าว่าแต่ตาทิพย์เลย ตาพรหม ตาอรูปพรหม ตาธรรมกาย มีละเอียดเป็นชั้นๆ ไป เราก็จะได้คุณสมบัติเหล่านั้นด้วย เราใช้กายในกายเหล่านี้เรียนรู้วิชชาทั้งสมถะและวิปัสสนา จนกระทั่งรู้-เห็นแจ้งในสัจธรรมได้

    ส่วนการเข้าถึงพระธรรมกาย ก็คือการเข้าถึงภูมิพระอริยเจ้า เพียงแต่เราทรงอารมณ์เป็น ตทังควิมุตติ ยังไม่หมดกิเลสเด็ดขาด เพียงได้รับรู้อารมณ์ของพระอริยเจ้าว่าเป็นเช่นไรขณะเดินวิชชา ๑๘ กาย ทำให้มั่นคงในพระพุทธศาสนา รู้ว่ามรรคผลมีจริง ท่านว่าใครเข้าถึงวิชชา ๑๘ กายเป็นโคตรภูบุคคลนั่นเอง ถ้าหมั่นเดินวิชชาสะสางธาตุธรรม ก็มิสิทธิได้มรรผลนิพพานในชาตินี้


    นี่คือประโยชน์โดยย่อของการเข้าถึงกายในกายจนกระทั่งเห็นธรรมกายนั้นเทียว
     
  15. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    อนุโมทนา สาธุครับ

    หากท่านมีจิตรับรู้นะขณะนี้

    ข้าพเจ้าขอขมาต่อท่าน และแม่ชีจันทร์ ขนนกยู. ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางกายกรรมก็ดี

    วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี

    เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ตั้งใจก็ดึี ไม่ตั้งใจก็ดี รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี

    ในครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยปรามาสท่าน ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

    ข้าพเจ้าขอขอขมาท่าน ขอให้ท่านได้โปรดอโหสกรรมด้วยเถิด
     
  16. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    จากข้างบนนะครับ

    มีครั้งหนึงผมไม่รู้จักท่านเลย วิชาธรรมกายก็เคยได้ยินแต่ชื่อ

    แล้วผมได้ไปดูในเว็บอื่นๆ แล้วได้มารู้ทีหลังว่าวัดธรรมกาย เน้นการทำบุญ

    แล้วงานศพของแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ก็ยิ่งใหญ่มาก

    ผมก็เลยไม่ค่อยชอบ เลยปรามาสไป

    ตอนนี้ผมคิดได้แล้วอะครับ ผมจะทำการขอขมายังไงดีอะครับ

    ช่วยบอกหน่อยนะครับ
     
  17. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    คำขอขมาโทษ



    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ


    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ


    อุกาสะ, อัจจะโย โน ภันเต, อัจจัคคะมา, ยะถา พาเล, ยะถา มุฬเห, ยะถา อะกุสะเล, เย มะยัง กะรัมหา, เอวัง ภันเต มะยัง, อัจจะโย โน, ปะฏิคคัณหะถะ, อายะติง สังวะเรยยามิ


    ข้าพระพุทธเจ้าขอวโรกาส ได้พลั้งพลาดด้วยกาย วาจา ใจ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพียงไร แต่ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนพาลเป็นคนหลง อกุศลเข้าสิงจิต ให้กระทำความผิด ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงงดความผิดทั้งหลายเหล่านั้น แก่ข้าพระพุทธเจ้า จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าพระพุทธเจ้าจักขอสำรวมระวัง ซึ่งกาย วาจา ใจ สืบต่อไปในเบื้องหน้า






    รวมพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://khunsamatha.com/blog/dhammakaya-C5.html

    ตำราวิชชาธรรมกายทุกหลักสูตร http://www.crystalmind.org/library/index.asp

    เวบวิชชาธรรมกาย http://khunsamatha.com/

    ห้องสนทนาวิชชาธรรมกาย http://forums.212cafe.com/samatha/<!-- google_ad_section_end -->
     
  18. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    [​IMG]
    พระ ดร.มหาทวนชัย อธิจิตโต

    อาตมาเป็นสามเณรอีกองค์ที่ครูบาอาจารย์มุ่งหวังที่จะรับสืบทอดในวิชชาธรรมกาย อาตมาก็ทำดีที่สุด เพราะว่าสมัยเป็นเณรปฏิบัตินี้จิตมันไม่วอกแวก จิตมันไม่ฟุ้งซ่าน เรื่องรูปเสียงกลิ่นรสนี้มันไม่มี ผู้หญิงนี่รักไม่เป็น ความรักนี่ไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นจิตมันก็แน่วแน่ นิ่งสงบเย็น เบิกบานแล้วก็พร้อมที่จะปฏิบัติธรรมได้ เข้าถึงธรรมกายได้ง่าย ก็สำเร็จธรรมกายตั้งแต่ตอนเป็นเณร หลวงพ่อเรียกให้ไปเป็นทหารคือผู้ที่ได้ธรรมกายขั้นสูงแล้วจะต้องได้ระดมพลกันมาเพื่อที่จะทำงานต่อสู้กับฝ่ายอธรรม คือคนที่ชั่วมันก็ชั่วสุดๆ เหมือนกันนะ คนที่ชั่วสุดๆ มันก็มีหัวหน้าใหญ่เหมือนกันนะ เหมือนกับฝ่ายข้าศึก ฝ่ายคอมมิวนิสต์มันก็ใหญ่จริงๆ มันก็เป็นหัวหน้าฝ่ายชั่ว ฝ่ายเสรีก็มีอเมริกาเป็นฝ่ายหัวหน้าหัวโจกอะไรอย่างนั้นนะ เราเป็นพระฝ่ายธรรมะ ฝ่ายพระพุทธศาสนาก็จะมีมารมารังควานตั้งแต่สมัยพุทธกาล มีพระเทวทัต มีมาร นางจิณจมารวิกา อะไรต่างๆ คอยมาเบียดเบียน แล้วก็มาทำลายพระพุทธเจ้า นัยยะเดียวกัน สมัยที่เราปฏิบัติธรรม ผู้ที่เข้าถึงธรรมกายแล้วสามารถเดินธรรมได้ สามารถที่จะถอดกายได้ ไอ้ที่ประหลาดที่สุดคือให้ถอดกาย การถอดกายคือถอดจิตไปในที่ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ไปดูสิ่งต่างๆ ไปพบเห็นในแดนที่ไม่เคยไป ไม่รู้จัก ไปพบบุคคลที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็น อันนี้เป็นอำนาจแล้วก็เป็นสิ่งปาฏิหาริย์ของวิชชาธรรมกาย

    อยู่มาครั้งหนึ่งท่านเจ้าอาวาส นี่ก็ลืมชื่ออีกแล้วองค์ผอมๆ นั่นแหละซึ่งเป็นรองของหลวงพ่อวัดปากน้ำ อยู่กันมามันก็สนิทสนม แต่พอมาสี่สิบปีมันก็ลืมชื่อไปหมด แต่เห็นภาพอยู่ในสมาธิ เสร็จแล้วท่านทดลองอาตมาเป็นเณรธรรมกายมีเณรอยู่ด้วยกัน องค์นั้นก็ตัวเท่ากันอายุสิบสองขวบ ไม่รู้ไปไหนแล้ว เสร็จแล้วท่านจับเรามานั่งให้ถอดกายไปดู ตอนนั้นมันมีแมลงวันตัวหนึ่ง อีท่าไหนก็ไม่รู้ มาตายต่อหน้าท่าน “เออ เณรเข้าสมาธิ ตามดูวิญญาณของสัตว์ตัวนี้ ไปไหน” เราก็เข้าสมาธิติดตามดู ก็ติดตามดูไป ท่านก็ให้ติดตามไป ติดตามไป วิญญาณเขาอยู่ที่ไหน ไปที่ไหน เราก็เข้าสมาธิไปดูนะ ก็ตอบคำถามท่าน ท่านถามว่า “เห็นอะไรบ้างลูก” เราก็ “เห็นแล้ว ตอนนี้เขายังอยู่ที่นี่ ยังเจ็บปวดแล้วเขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวตาย” การตายนี่มันมีสภาพที่ตัวเองไม่รู้นะ บางคนตายไปแล้ว ทำงานศพแล้ว แต่ตัวยังไม่รู้ว่าตาย แต่เขาจะสามารถมามองย้อนดูตัวเอง เอ๊ะมันฉันนี่ ไอ้รูปที่ตั้งอยู่ที่งานศพนี่ตัวฉัน แล้วทำไมตัวฉันถึงมาอยู่ในสิ่งมีชีวิตอยู่ตรงนี้ ในกายใหม่ ภพใหม่ บางคนที่ไม่เข้าใจธรรมะ เขาจะประหลาดใจตัวเอง ว่าเอ๊ะ นี่มันอะไร มันศพใคร เอ๊ะนี่มันตัวเรานี่นา เรามันตายแล้วนี่นา มันจะเกิดสิ่งที่ประหลาดแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย ให้คล่องแคล่ว การเข้าฌาน ออกฌาน พูดเรื่องฌานเดี๋ยวจะหาว่าเป็น อวดอุตริอีก ก็พูดให้ฟังในฐานะที่ได้ศึกษาผ่านมา ทำมา ก็เป็นการให้วิทยาทานเป็นผลของการปฏิบัติ สายวัดปากน้ำ เป็นวิชชาถอดกายมีความสำคัญมาก เราจะถอดกายบางทีก็ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งคนส่วนใหญ่มากๆ ทีเดียวเขาก็ต่อต้าน บางคนที่ไม่ได้ปฏิบัติ ก็จะว่ามันเพี้ยน และบางทีเราก็ถอดกายไปสวรรค์ ไปพบพระอินทร์นะ ไปพบเจ้าผู้ครองนครสี่ทิศอะไรนี่ หรือบางทีเราก็ถอดกายไปเฝ้าผู้ที่มีบทบาทในพระพุทธศาสนาหรือไปถามปัญหาหรือมีข้อขัดข้องอะไร มีปัญหาอะไรเกิดแก่ศาสนา คือแม้แต่เกิดแก่วัด แก่พระ แก่เณรในวัดปากน้ำ เราจะเข้าไปทูล ไปกราบเบื้องบน พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เราสามารถอธิษฐานถอดกายไปพบปะแล้วก็ไปพูดคุย หลวงพ่อเคยเล่าเสมอว่า เรียกว่า ไปจับเข่าคุยกัน มันก็เหมือนกับเราคุยกันขณะนี้แหละ มีตัวมีตนสามารถที่จะพูดคุยโต้ตอบคำถาม




    อ่านข้อมูลทั้งหมดได้ที่ ภิกษุดุจนักรบ...เรื่องเล่าฝ่ายพระภิกษุในสมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-31-1.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2010
  19. Baramee

    Baramee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +1,032
    หากลูกได้ล่วงเกินหลวงพ่อสดและวิชชาธรรมกาย
    ทั้งโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่ระลึกได้และมิระลึกได้ก็ดี
    ลูกขอขมาด้วยเศียรเกล้า
    เพราะลูกเป็นคนพาลคนหลง อกุศลเข้าสิงจิต
    ให้กระทำความผิดต่อหลวงพ่อสดและวิชชาธรรมกาย
    ขออย่าได้มีโทษใดๆ แก่ลูกเลย
    จำเดิมแต่นี้ไป ลูกจะขอสำรวมระวังซึ่งกาย วาจา ใจ
    สืบต่อไปในเบื้องหน้า
     
  20. belives

    belives เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +234
    พระโบราณาจารย์สร้างพระพุทธรูปไว้ทำไม
    นับตั้งแต่วันถือกำเนิดจากครรภ์มารดา ออกมาดูโลกกว้าง ปรากฏว่าใจมนุษย์ไม่เคยหยุดดิ้นรนแม้วินาทีเดียว พระโบราณาจารย์จึงออกอุบายให้สร้างพระพุทธรูปใหญ่น้อยเป็นเครื่องผูกใจ ทำด้วยโลหะบ้าง ดินบ้าง ไม้บ้าง ฯลฯ ตามแต่เห็นเป็นเครื่องจูงใจ ให้เกิดศรัทธาได้ดี<O:p</O:p

    ขณะที่โขลงบดผสมวัตถุที่สร้างพระพุทธรูปตลอดจนปั้นหรือพิมพ์จะต้องอยู่ในอาการสำรวม ห้ามพูดคุยเล่นตลกคะนอง สมาทานศีลอย่างเคร่งครัด ครั้นพิมพ์พระพุทธรูปจำนวนมากเข้าก็จำลักษณะได้ติดตา ติดใจ จะยืน นั่ง นอน ใจก็จดจ่อหยุดอยู่กับองค์พระครั้นใจหยุดถูกส่วนเข้าท่ามกลางความหยุดความนิ่งนั้นจะมีสิ่งผุดขึ้นให้เห็นเป็นองค์พระใสสะอาดสวยงามนักทั้งลืมตาและหลับตาสิ่งนั้น คือ พระธรรมกาย<O:p</O:p

    เมื่อเข้าถึงพระธรรมกายแล้วนำพระพุทธรูป (ลักษณะอันหนึ่งอันเดียวกับพระธรรมกาย) จะได้นำไปกราบไหว้บูชาก่อให้เกิดศรัทธา และปฏิบัติเจริญรอยตาม แต่น่าเสียดายที่ประชาชนชาวไทยในยุคต่อมา ไม่ทราบความเป็นมาของพระพุทธรูปเหล่านี้ แทนที่จะนำมาใช้เพื่อการปฏิบัติธรรม กลับนำมาเป็นเครื่องรางของขลัง พาให้ลุ่มหลงข้องติดในวัตถุ นับว่าเป็นยุคมืดของพุทธศาสนิกชน (ซึ่งหลวงพ่อสดเวลาให้พระใครก็ตาม จะให้ น้อมนำนิมิต เอาไว้ที่กลางกาย นั่ง นอน ยืน เดิน ให้เห็นชัดตลอดเวลา เพราะว่าเป็นพระของขวัญ เพื่อให้ถึงธรรมกาย ไม่ได้เป็นพระของขลัง )<O:p</O:p

    เพื่อมิให้เกิดความหลงผิด ผู้ที่มีพุทธรูปอยู่ในครอบครองจะไว้บ้านก็ดีห้อยคอก็ดีพึงระลึกเสมอดังนี้ว่า
    ๑. เราเป็นชาวพุทธ มีที่พึ่งที่แท้จริงอยู่อย่างเดียวคือ พระรัตนตรัย ซึ่งก็มีอยู่แล้วในตน วัตถุหรือสิ่งอื่นนอกนี้ย่อมไม่ใช่ที่พึ่ง
    ๒. พระพุทธรูปเป็นเพียงวัตถุ คุ้มครองเราไม่ได้ แต่คุณธรรมคือความดีที่เรากระทำแล้ว มีแล้วในตัวต่างหาก ที่จะคุ้มครองตัวเราให้ปลอดภัย<O:p</O:p
    ๓. พระพุทธรูปเป็นรูปเปรียบของพระธรรมกาย มีไว้เป็นเครื่องหมายให้ยึดเหนียวจิตใจ เป็นผลให้หยุดและเข้าถึงธรรมได้ง่ายขึ้น มิได้มีไว้เพื่อความหลัง
    ๔. พระพุทธรูปเป็นรูปเปรียบเทียบของพระธรรมกายอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องปลุกเสกตนเองให้ตื่นจากความหลงงมงาย<O:p</O:p
    ๕. ผู้ที่ยังนิยมทำความชั่ว ไม่ทำทาน ไม่ถือศีล ไม่เจริญภาวนา ถึงแม้พระพุทธรูปห้อยคออยู่ก็ยังห่างพระ เขาไม่สามารถเข้าถึงพระ (ภายใน)ได้ และต้องประสบความทุกข์อีกยาวนาน ไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากพระพุทธรูปนั้นเลย<O:p</O:p
    ๖. ในการฝึกหัดทำสมาธิ ให้ยึดพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่ถูกลักษณะเท่านั้นเป็นนิมิต อย่าเปลี่ยนกลับไปกลับมา ยิ่งกว่านี้การสะสมพระพุทธรูปแปลกๆ แพงๆ นอกจากเป็นการสิ้นเปลืองแล้ว ยังทำให้จำนิมิตได้ยากด้วย<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...