หยุด! ทำร้ายพระพุทธศาสนา.......

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย theboo123, 14 ตุลาคม 2010.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
    อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <CENTER></CENTER><CENTER>เวลามสูตร</CENTER>[๒๒๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีว่า ดูกรคฤหบดีในตระกูลของท่าน ยังให้ทานอยู่บ้างหรือหนอ ฯ ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในตระกูลของข้าพระองค์ยังให้ทานอยู่ แต่ทานนั้นเป็นของเศร้าหมอง เป็นปลายข้าว มีน้ำผักดองเป็นที่สอง ฯ พ. ดูกรคฤหบดี คนให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทานนั้นโดยไม่เคารพ ไม่ทำความนอบน้อมให้ ไม่ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่เหลือไม่เชื่อกรรมและผลของกรรมให้ทาน ทานนั้นๆ ย่อมบังเกิดผลในตระกูลใดๆในตระกูลนั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอย่างดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคผ้าอย่างดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตรภรรยา ทาส คนใช้ คนทำงาน ก็ไม่เชื่อฟัง ไม่เงี่ยหูฟัง ส่งจิตไปที่อื่นเสียข้อนั้นเพราะเหตุไร ทั้งนี้เป็นเพราะผลแห่งกรรมที่ตนกระทำโดยไม่เคารพ ฯ ดูกรคฤหบดี บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทานนั้นโดยเคารพ ทำความนอบน้อมให้ ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่ไม่เหลือ เชื่อกรรมและผลของกรรมให้ทาน ทานนั้นๆ บังเกิดผลในตระกูลใดๆ ในตระกูลนั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคผ้าอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร ภรรยา ทาสคนใช้ คนทำงาน ก็เชื่อฟังดี เงี่ยหูฟัง ไม่ส่งจิตไปที่อื่น ข้อนั้นเพราะเหตุไรทั้งนี้เป็นเพราะผลของกรรมที่ตนกระทำโดยเคารพ ฯ ดูกรคฤหบดี เรื่องเคยมีมาแล้ว มีพราหมณ์ชื่อเวลามะ พราหมณ์ผู้นั้นได้ให้ทานเป็นมหาทานอย่างนี้ คือ ได้ให้ถาดทองเต็มด้วยรูปิยะ ๘๔,๐๐๐ ถาดถาดรูปิยะเต็มด้วยทอง ๘๔,๐๐๐ ถาด ถาดสำริดเต็มด้วยเงิน ๘๔,๐๐๐ ถาด ให้ช้าง ๘๔,๐๐๐ เชือก มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทองให้รถ ๘๔,๐๐๐ คัน หุ้มด้วยหนังราชสีห์ หนังเสือโคร่ง หนังเสือเหลือง ผ้ากัมพลเหลือง มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทอง ให้แม่โคนม๘๔,๐๐๐ ตัว มีน้ำนมไหลสะดวก ใช้ภาชนะเงินรองน้ำนม ให้หญิงสาว ๘๔,๐๐๐คน ประดับด้วยแก้วมณีและแก้วกุณฑล ให้บัลลังก์ ๘๔,๐๐๐ ที่ ลาดด้วยผ้าโกเชาว์ ลาดด้วยขนแกะสีขาว เครื่องลาดมีสัณฐานเป็นช่อดอกไม้ มีเครื่องลาดอย่างดีทำด้วยหนังชะมด มีเครื่องลาดเพดาน มีหมอนข้างแดงทั้งสอง ให้ผ้า๘๔,๐๐๐ โกฏิ เป็นผ้าเปลือกไม้ ผ้าแพร ผ้าฝ้าย เนื้อละเอียด จะป่วยกล่าวไปไยถึงข้าว น้ำ ของเคี้ยว ของบริโภค เครื่องลูบไล้ ที่นอน ไหลไปเหมือนแม่น้ำ ดูกรคฤหบดี ก็ท่านพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น ผู้อื่นไม่ใช่เวลามพราหมณ์ผู้ที่ให้ทานเป็นมหาทานนั้น ดูกรคฤหบดี แต่ท่านไม่ควรเห็นอย่างนี้สมัยนั้น เราเป็นเวลามพราหมณ์ เราได้ให้ทานนั้นเป็นมหาทาน ก็ในทานนั้นไม่มีใครเป็นพระทักขิเณยยบุคคล ใครๆ ไม่ชำระทักขิณานั้นให้หมดจด ดูกรคฤหบดี ทานที่บุคคลเชื้อเชิญท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิร้อยท่านบริโภค ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระอนาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีร้อยท่านบริโภค ทานที่บุคคลเชื้อเชิญพระอนาคามีร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญพระอนาคามีผู้เดียวบริโภค ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระอนาคามีร้อยท่านบริโภค ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภคทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยรูปบริโภค ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจก-*พุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค การที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากจาตุรทิศ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์อันมาจากจาตุรทิศ การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ จากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาท มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ ดูกรคฤหบดีทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่ามหาทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว ... การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ... และการที่บุคคลเจริญอนิจจสัญญาแม้เพียงเวลาลัดนิ้วมือ มีผลมากกว่าการที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม ฯ<CENTER>จบสูตรที่ ๑๐</CENTER><CENTER>จบสีหนาทวรรคที่ ๒</CENTER><CENTER class=l>-----------------------------------------------------</CENTER><CENTER>รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ</CENTER>๑. วุฏฐสูตร ๒. สอุปาทิเสสสูตร ๓. โกฏฐิตสูตร ๔. สมิทธิสูตร ๕. คัณฑสูตร ๖. สัญญาสูตร ๗. กุลสูตร ๘. สัตตสูตร๙. เทวตาสูตร ๑๐. เวลามสูตร ฯ<CENTER class=l>-----------------------------------------------------</CENTER>



    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ บรรทัดที่ ๘๓๓๖ - ๘๔๑๖. หน้าที่ ๓๖๐ - ๓๖๓. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=8336&Z=8416&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=224 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓http://84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๒๓</U>http://84000.org/tipitaka/read/?index_23<CENTER></CENTER>


    </PRE>
     
  2. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    ก็ไม่เคยเห็นหรอกนะ...แต่ก็อ่านพระไตรปิฏกบ่อยนะ...ก็อย่างที่ได้ยกตัวอย่างมาให้อ่านข้างต้นอ่ะนะ....อิอิ...พอดีเกิดไม่ทันสมัยกรุงสาวัตถี....ก็เห็นว่าเป็นเศรษฐีทำบุญด้วยเงินหรือทอง...แล้วเกิดมาชาติหน้าก็จะได้มั่งมีศรีสุข....ก็มีหลายเรื่องมากเลย....ลองอ่านดูหรือยังอ่ะ...


    เออคือว่าขอถามหน่อยสิ ...ถ้าเงินไม่ใช่ปัจจัยที่พระสงฆ์ควรรับ ...ขอถามหน่อยได้ไหม...ถ้ามีพระรูปหนึ่งท่านกำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง....ท่านไม่มีปัจจัยมาเลยสักบาท....ท่านจะต้องเดินทางด้วยเท้าใช่ไหมคะ....

    เราก็เคยเจอนะ...พระที่ท่านไม่รับเงิน...ตอนนั้นเราไปเที่ยว...ไม่ได้คิดว่าจะไปแวะวัด....แต่พอไปเห็นวัดป่าแห่งหนึ่งก็แวะ....เราก็เข้าไปถามท่านว่า....ท่านเจ้าคะ...คือว่าอยากจะมาทำบุญเลี้ยงพระค่ะ....ไม่ทราบว่าจะต้องไปทำที่ไหน....พระท่านก็ตอบว่า....ต้องไปทำที่โรงครัว.....โยมนำปัจจัยไปให้แม่ครัวได้เลย....อาตมาไม่สามารถจะรับเงินจากโยมได้...เพราะอาตมาเป็นพระป่า.....วัดนี้...พระห้ามจับเงิน....

    เราก็ไม่เคืองท่านนะเพราะว่าเราเข้าใจ....แล้วท่านก็ไม่บาปด้วย...เพราะพระท่านจะมีหลายแนว....ก็มีพระบ้านกับพระป่า....

    เรื่องนี้เป็นละเอียดอ่อนนะ...ลึกซึ้งอ่ะ...มีหลายอย่างเชื่อโยงกันหมด....พระพุทธศาสนา....ขนบธรรมเนียมประเพณี ของแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน....

    เอางี้ดีไหม...ถ้าพระท่านจับเงินไม่ได้....ถ้าวันไหนมีงานบุญที่บ้านของคุณtheboo123 เช่น ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานศพ งานบวช .....คุณ theboo123 ก็อย่าถวายซองพระท่าน.....ถวายแค่ดอกไม้ กับสังฆทานก็พอ... อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2010
  3. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    ขอลิงค์หน่อยจ้า....จะตั้งกระทู้...หรือโพสข้อความอะไรที่เป็นข้อมูลต้องมีอ้างอิงค่ะ....

    ปล....เด็กเก่าแก่
     
  4. theboo123

    theboo123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +87
    อ้อ ต้องการลิงค์หรอครับ จัดไปอย่าให้เสียครับ

     
  5. theboo123

    theboo123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +87
    ขอโทษนะครับ เนื้อความที่ท่านยกมานั้นค่อนข้างยังไม่ตรงกับคำที่ผมถามไป

    คือผมถามว่า ในศีลของพระภิกษุมีข้อไหนบ้างที่ พระภิกษุสามารถรับเงินได้ผมถามอย่างนี้นะครับ

    ส่วนเนื้อความที่คุณเอามานั้นคุณควรที่จะเน้นข้อความที่คุณต้องการอยากจะให้ผมอ่านเข้าใจ อยากจะให้ผมรู้ ไม่ใช่ยกมาแบบไม่ดูเนื้อความนะครับ กรุณาเน้นข้อความด้วยนะครับ ถ้าอยากจะให้คนอื่นเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองอยากบอก

    อ้อ ตามที่คุณบอกผมนะครับ
    เอางี้ดีไหม...ถ้าพระท่านจับเงินไม่ได้....ถ้าวันไหนมีงานบุญที่บ้านของคุณtheboo123 เช่น ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานศพ งานบวช .....คุณ theboo123 ก็อย่าถวายซองพระท่าน.....ถวายแค่ดอกไม้ กับสังฆทานก็พอ... อิอิ
    __________________
    อันนี้ผมไม่ได้เอาซองให้พระอยู่แล้วนะครับ ผมไม่ทำ เพราะว่ากลัวบาป

    ถ้างั้นดูอีกข้อก็แล้วกันนะครับว่าพระภิกษุรับเงินไม่ได้
    บัญญัติของพระพุทธเจ้า จากพระไตรปิฎก
    ชุด 91 เล่ม ของมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม 3
    (ปกสีแดง หน้า 887 / ปกสีน้าเงิน หน้า 940)

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบท
    แก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ
    เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑
    เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑
    เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑
    เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑
    เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑
    เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
    เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑
    เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑
    เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑
    เพื่อถือตามพระวินัย ๑
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
    อย่างนี้ ว่าดังนี้ :-
    พระบัญญัติ
    ๓๗. ๘. อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ
    ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.
    เรื่องพระอุปนันทศากยบุตร จบ

    ตามลิงค์เลยครับ http://www.samyaek.com/pratripidok/index.php?topic=447.0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2010
  6. theboo123

    theboo123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +87
    ผมแถมให้อีกข้อนะครับ
    พระที่แสวงหาเงิน-ทอง มิใช่เชื้อสายพระศากยบุตร เล่ม 9 หน้า 536
    พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ 536

    พระศากยบุตร พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไม่ยินดีทองและเงิน พระสมณะ
    เชื้อสายพระศากยบุตรไม่รับทองและเงิน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรมี
    แก้วและทองอันวางเสียแล้ว ปราศจากทองและเงิน ข้าพระพุทธเจ้าสามารถ
    ชี้แจงให้บริษัทนั้นเข้าใจได้ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าพยากรณ์อย่างนี้ ชื่อว่ากล่าว
    คล้อยตามพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ชื่อว่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำเท็จ
    ชื่อว่าพยากรณ์ธรรมอันสมควรแก่ธรรม และสหธรรมิกบางรูป ผู้กล่าวตาม
    วาทะ ย่อมไม่ถึงฐานะที่ควรติเตียนหรือ พระพุทธเจ้าข้า.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เอาละ นายบ้าน เธอพยากรณ์อย่างนี้
    ชื่อว่ากล่าวคล้อยตามเรา ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำเท็จ ชื่อว่า พยากรณ์ธรรม
    สมควรแก่ธรรม และสหธรรมิกบางรูปผู้กล่าวตามวาทะย่อมไม่ถึงฐานะที่ควร
    ติเตียน ดูก่อนนายบ้าน ทองและเงินไม่ควรแก่สมณะเชื้อสายพระศากยบุตร
    โดยแท้ สมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไม่ยินดีทองและเงิน สมณะเชื้อสายพระ
    ศากยบุตรไม่รับทองและเงิน สมณะเชื้อสายพระศากยบุตรมีแก้วและทองอันวาง
    เสียแล้ว ปราศจากทองและเงิน
    ทองและเงินควรแก่ผู้ใด แม้กามคุณทั้งห้าก็
    ควรแก่ผู้นั้น กามคุณทั้งห้าควรแก่ผู้ใด เธอพึงจำผู้นั้นไว้โดยส่วน เดียวว่า มี
    ปกติมิใช่สมณะ มีปกติมิใช่เชื้อสายพระศากยบุตร เราจะกล่าวอย่างนี้ว่า ผู้ต้อง
    การหญ้า พึงแสวงหาหญ้า ผู้ต้องการไม้ พึงแสวงหาไม้ ผู้ต้องการเกวียน พึง
    แสวงหาเกวียน ผู้ต้องการบุรุษ พึงแสวงหาบุรุษ แต่เราไม่กล่าวโดยปริยาย
    ไร ๆ ว่า สมณะพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงิน.

    ตามลิงค์เลยครับ พระที่แสวงหาเงิน-ทอง มิใช่เชื้อสายพระศากยบุตร เล่ม 9 หน้า 535-536
     
  7. theboo123

    theboo123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +87
    ทุกท่านที่มาอ่านกระทู้นี้ อย่า เชื่อนะครับ แต่จงพิสูจน์เอง

    ด้วยการศึกษาจากคำสอนของพระพุทธองค์จริงๆนะครับ
     
  8. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    สงสัยจังเลยจ้า.....เว็บของวัดสามแยกใช่ไหม.....เผอิญมีคนเข้ามาอ่านในกระทู้นี้.....แล้วส่งลิงค์ และขอมูลบางข้อมูลของเว็บสามแยกมาให้นะคะ....เราถึงกับอึ้งและพูดไม่ออก....เพราะคิดว่าเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องของกฏแห่งกรรมแล้วล่ะ แล้วเราจะไม่เข้ามาตอบในกระทู้นี้อีก....เพราะว่า....ถ้าเข้ามาตอบอีกก็เหมือนกับเป็นการดันกระทู้ที่ไม่สมควรดัน เพราะมันอาจจะทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม และมัวหมองได้.....ไม่ใช่เพราะเรา....แต่เป็นเพราะข้อมูลที่ได้รับมา....มันเป็นข้อมูลที่ควรได้รับการตรวจสอบ....จากกรมศาสนาหรือกระทรวงที่เกี่ยวข้องค่ะ....

    มีคนส่งมาให้แบบนี้ค่ะ....ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ....ที่ทำให้ได้รู้ถึงแหล่งที่มา....





    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    http://www.samyaek.com/




    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top>ประกาศจากวัดสามแยก


    พระเกษม อาจิณฺณสีโล และคณะ ขอความเป็นธรรมจากท่านทั้งหลายผู้กำลังเพ่งโทษของข้าพเจ้าอยู่

    ตามที่มีข้อกล่าวหาข้าพเจ้าหลายเรื่องตามที่สื่อต่างๆได้เสนอไปแล้วนั้้น





    บัดนี้ข้าพเจ้าและคณะจะขอเริ่มชี้แจงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก

    ควรมิควร แล้วแต่ท่านทั้งหลายที่เพ่งโทษข้าพเจ้าอยู่ในตอนนี้จะพิจารณา





    สำหรับเรื่องที่ข้าพเจ้าสอนไม่ให้กราบพระพุทธรูปนั้น

    ก็มีเรื่องชี้ไว้ชัดในพระไตรปิฎกจากคำสอนพระพุทธเจ้าตามที่ข้าพเจ้าและคณะจะยกมาให้ดูเป็นบางส่วน

    ถ้าหากผู้ใดทำขัดขืน ผู้นั้นก็ต้องเป็นผู้ทำผิดและต้องมีบาปที่เกิดจากการทำผิดนี้







    เมื่อข้าพเจ้าคิดว่าจะต้องมีคนเป็นบาปตามความคิดข้าพเจ้าที่เรียนจากคำสอนพระพุทธเจ้า

    ข้าพเจ้าจึงได้ทำการปฏิเสธวัตถุมงคลทั้งหลายรวมทั้งพระพุทธรูปด้วย มีข้อความจากพระไตรปิฎกดังนี้.....

    >>> อ่านต่อ <<<









    </TD></TR><TR><TD vAlign=top>

    ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน



    พระวัดสามแยก ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจให้กับทุกคนได้ ผู้ใดสามารถที่จะเข้าใจในสิ่งที่พวกเราอธิบาย

    ก็ไปด้วยกันกับพวกเราได้ ก็จงอยู่ศึกษาเล่าเรียนธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยกันกับพวกเรา





    ส่วนผู้ใดเมื่อฟังพวกเราอธิบายธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้
    ก็ควรไปหาผู้อื่นที่สามารถจะอธิบายให้ท่านเข้าใจได้ และควรปล่อยให้พวกเราได้ดำเนินไปตามเรื่องของพวกเราซะ











    </TD></TR></TBODY></TABLE>​



    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top>ถ้าผู้ใดมีปัญหาเร่งด่วน ก็สามารถโทรศัพท์เพื่อถามปัญหาของตนเองกับหลวงปู่เกษมโดยตรง
    ที่หมายเลขโทรศัพท์ 086 - 853 - 3355







    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    [​IMG]


    ก็ดูได้จาก.......พูดไม่ออกบอกไม่ถูก......

    <TABLE class=tborder id=post3912081 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"></TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><THEAD><TR><TD background=images/gradients/bg_p.gif>[​IMG] สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "ไม่เห็นด้วย" กับข้อความของ คุณ theboo123 ที่เขียนไว้ทางด้านบน </TD></TR></THEAD><TBODY id=collapseobj_post_groan_3912081 style="DISPLAY: none"><TR><TD class=alt1><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1>90 (17-10-2010), A_ANS_NU (15-10-2010), JIT_ISSARA (17-10-2010), Nat_usp (15-10-2010), suji (14-10-2010), สังขารไม่เที่ยง (17-10-2010), หาธรรม (14-10-2010)


    </TD></TR><TR><TD class=alt2><CENTER>ลบออก </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><THEAD><TR><TD class=tcat>[​IMG] สมาชิก 2 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ theboo123 ในข้อความที่เขียนด้านบน </TD></TR></THEAD><TBODY></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2010
  9. vvasan

    vvasan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,390
    จขกทก็เน้นจังเลยเรื่องพระวินัยแต่กรุณาดูยุคสมัยบ้า้้้งจริงอยู่สมัยก่อนภิกษุไม่ควรรับเงินและ
    ทองเพราะอุบาสกอุบาสิกาในสมัยพุทธกาลทั้งกษัตย์เศรษฐีคหบดีและคนที่เลื่อมใสในพระ
    ศาสนาต่างพากันบำรุงภิกษุทั้งหลายด้วยปัจจัย4 แต่สมัยนี้มีบำรุงภิกษุเหมือนสมัยพุทธกาล
    ไหม ไมรู้ว่าจขกทเคยเข้ามาบวชเป็นภิกษุหรือเปล่าจริงอยู่วัดบางแห่งก็มีเอกลาภล้นเหลือแต่มีมากวัดที่ขัดสนของใช้บางอย่างที่ขาดแคลนภิกษุจะไปขอจากบุคคลที่ไม่ใช่ไม่ได้ปวารณาก็ไม่ได้ผิดพระวินัยภิกษุก็จำเป็นต้องซื้อมาใช้ทั้งๆที่รู้ว่าผิดพระวินัยแต่จะทำอย่างไรได้ก็ของมันตอ้งใช้ให้จขกทเข้ามาบวชสักปีสองปีโดยไม่ต้องมีเงินติดตัวสักบาทให้อยู่วัดกันดารๆจะได้รู้ว่าความลำบากขัดสนมันเป็นยังพระจะไปไหนขึ้นรถโดยสารก็ต้องเสียเงินไม่งั้นก็ต้องเดินไป กระทู้ไร้สาระไม่ดูยุคสมัยอ้างแต่พระวินัย
     
  10. theboo123

    theboo123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +87
    บาป บุญเขามียุคมีสมัยด้วยหรอครับ

    ผมขอหลักฐานครับที่ว่าพระวินัยต้องดูที่ยุค ที่สมัย กรุณา นำหลักฐานมาดูด้วยครับ คุณvvasan ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นกระทู้ที่ไร้สาระ แล้วทำไมถึงต้องมาตอบที่กระทู้นี้ล่ะครับทั้งๆที่มันเป็นกระทู้ที่ไร้สาระไม่ใช่หรอครับ

    ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ คนที่มาอ่านผมอยากให้พิจารณาดูก่อนนะครับว่ามันจริงมั้ย
    อย่าเชื่อเลย หากยังไม่ได้ศึกษา จงศึกษาเสียก่อนนะครับ


    ที่นำมาใหเอานนี้ เป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้นนะครัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2010
  11. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    เราจะถวายเงินปัจจัยเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา มิใช่มอบให้ใช้ส่วนตัว ส่วนท่านใดจะถวายเพื่อใช้ส่วนตัวจะต้องระบุให้ชัดเจน ต่อไปคงต้องมีหลักเกณฑ์ว่า ถ้าท่านจะถวายปัจจัยเพื่อให้พระท่านใช้ส่วนตัวจะต้องระบุอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากนี้ ถือว่าเป็นการถวายเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาทุกกรณี แต่ทรัพย์ที่ได้มาขณะที่บวขถือว่าเป็นของสงฆ์ทั้งสิ้น ยกเว้นมรดกที่ได้มาในฐานะทายาท หรือมีก่อนบวช จึงจะเป็นทรัพย์สินส่วนตัว
    ส่วนผมจะอธิษฐานจิต ขอถวายเป็นสังฆทาน วิหารและธรรมทาน เพื่อใช้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเท่านั้น ถ้าเอาไปใช้ส่วนตัวก็รับโทษเต็มๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2010
  12. Angel_Of_Dream

    Angel_Of_Dream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +134
    ผมขอให้มีการตรวจสอบ
    จากกรมศาสนาก่อนขอรับ
    ผมถึงจะเชื่อ

    จขกท.มีความพยายาม
    เป็นอย่างมากที่จะเผยแพร่
    ในสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ

    คุณจขกท.คุณรู้หรือไม่
    การที่นำพระพุทธศาสนา
    มาเผยแพร่ในทางที่ผิด
    หรือไม่ถูกต้องนั้น

    มันเป็นบาปตกนรกภูมิ
    เพราะถือว่าเป็นมิจฉาทิษฐิ
    ถ้ารู้แล้วว่าผิดแต่ยังจะทำ
    ให้เตรียมตัวตกนรกได้เลย
    เว้นเสียแต่
    มีคนประเภทเดียวขอรับ
    ที่ไม่ตกนรกคือ คนบ้า
     
  13. soet

    soet สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +3
    คนที่เรียกตัวเองว่าชาวพุทธทุกวันนี้มีไม่กี่คนที่ได้มีโอกาสเรียนรู้คำสอนของพระ พุทธเจ้า ก็ได้แต่ปฏิบัติตามกันต่อ ๆ มา 2000 กว่าปี ไม่รู้ว่าคำสอนผิดเพี้ยนปลอมปนมากน้อยแค่ไหน กลายเป็นเชื่อตามประเพณี เชื่อตามสังคม ตามชุมชน ตามภิกษุสาวกรุ่นหลัง ๆ ซึ่งก็เป็นธรรมดาเพราะว่า 5000 ปี คำสอนของพระพุทธเจ้าก็จะสูญสิ้นไม่มีพระอรหันต์อีกแล้ว แต่อยากให้ชาวพุทธทั้งหลายพึงระลึกว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร คำสอนของศาสนาพุทธก็จะคงอยู่อย่างนี้ ไม่ว่าจะมีพระพุทธเจ้าอีกกี่องค์มาตรัสรู้พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็จะสอนอย่างนี้ ตามที่เราพูดกันว่าอกาลิโก หรือแปลว่าไม่ขึ้นกับกาลเวลา พระุพุทธเจ้าพระองค์ใหม่เมื่อตรัสรู้แล้วก็จะสอนว่า การที่ภิกษุรับเงิน เก็บสะสมเงิน ใช้จ่ายเงิน เป็นอาบัติ ภิกษุที่รับเงินมาเพื่อผู้อื่น เป็นอาบัติ ภิกษุที่ใช้หรือบริโภคสิ่งของที่ได้มาด้วยเงินเหล่้านั้นก็เป็นอาบัติ ถ้าเราไม่อยากผิดบาปก็ไม่ควรไปมีส่วมร่วมกับกิจกรรมนั้น
    การที่คุณ theboo123 ได้นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผยครั้งนี้ถือเป็นบุญกุศลเป็นอย่างยิ่ง เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ยังไม่เคยเรียนรู้ได้มีโอกาสศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม เราชาวพุทธทั้งหลายควรหันมาศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าและช่วยกันเผยแผ่คำสอนนี้ออกไปเพื่อให้คำสอนนี้คงอยู่ยาวนานถึง 5000 ปี ทุกวันนี้การศึกษาคำสอนจากพระไตรปิฎกทำได้ง่ายขึ้นเพราะสามารถหาดาวน์โหลดได้จากอินเทอร์เน็ต
    ส่วนข้อที่เป็นห่วงว่าเมื่อไม่มีเงินแล้วพระภิกษุจะอยู่ไม่ได้ ข้อนี้ผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่เป็นจริง และก็เป็นคุณกับพระศาสนาเป็นอย่างมาก ผู้ที่ขอบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาควรจะเป็นผู้ที่ได้ศึกษาคำสอนของศาสนามาอย่างดีแล้ว หรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรรู้ว่าศีลของภิกษุมี 227 ข้อ แต่ละข้อมีรายละเอียดว่าไว้อย่างไร ตนเองสามารถปฏิบัติตามได้ ไม่ใช่เมื่อบวชเข้ามาแล้วจะมาขอยกเว้นศีลข้อนั้นข้อนี้ ยกเหตุผลต่าง ๆ นานา มาอ้างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้ ขอยินดีในบุญกุศลของผู้ที่เข้ามาศึกษาและช่วยกันเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้าครับ
     
  14. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    ตอนผมบวชไปทำงานบุญอะไรก็ตาม ผมก็รับซองทั้งหมดนะครับ

    แต่...เงินในซองนั้นก็ไม่เคยนำไปใช้เป็นการส่วนตัวเลย

    เวลาได้มาก็มองว่าเงินนี้ ถ้าเรายึดมั่นถึอมั่นกับมันมาก มันจะเป็นเหตุให้ไปอบายภูมิได้

    พอก่อนสึกออกมาผมก็รวบรวมปัจจัย ทั้งหมดมอบให้เจ้าอาวาสไปร่วมสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม

    ผมไม่คิดว่าผมต้องลงนรกหรอกนะครับ แถมผมรู้สึกดีใจด้วย
    ว่าญาติโยมที่ถวายเงินมาได้ทานสองส่วน คือ
    1 สังฆทาน เพราะเขาถวายแบบไม่เจาะจงพระ
    2 วิหารทาน เพราะผมนำปัจจัยดังกล่าวไปร่วมสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม

    ใครจะคิดยังไงผมไม่รู้ครับ แต่ญาติโยมที่เขาทำบุญผมมั่นใจ 100% ว่าได้บุญแน่ๆ
     
  15. theboo123

    theboo123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +87
    เอาล่ะครับ ผมต้องขอขอบคุณสำหรับคำตอบของทุกท่านนะครับ

    ที่มีความเห็นต่างๆนาๆ มาร่วมแสดงความคิดเห็น เพราะเราจะได้รู้กันสักทีว่าเราควรจะทำอย่างไรกับพระพุทธศาสนาของให้ดีขึ้น


    และที่สำคัญขอฝากทุกท่านนะครับว่า จงศึกษาจากคำสอนจริงๆ
     
  16. สุปราณี(ปู)

    สุปราณี(ปู) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +284
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากนะค้ะ ดิฉันเองก็รู้สึกเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ แต่ก็ต้องมารู้สึกคิดแทนเหมือนกันกับพระสงฆ์เจ้า ที่ต้องเดินทางไกล เพราะว่าตามทางคนที่จะถวายการช่วยเหลือก็ไม่ทราบว่าจะมีมากน้อยเท่าไหร่ อยู่กับความจำเป็น คนสมัยนี้ก็คิดเรื่องกุศลน้อยลง พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีแล้ว ญาติโยมก็ยังอุตส่าถวายปัจจัยเป็นเนืองๆ พระสงฆ์ก็ปฏิเสธไม่ได้อีก สุดท้ายก็ต้องอยู่ที่พระสงฆ์ท่านเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะทำอย่าไรกับปัจจัยเหล่านั้น แม้อาบัติ ก็มีการต่อศีลได้ มิเช่นนั้นคนที่ถือศีล 5 แม้ขาดไปหนึ่งศีล ก็คงจะต่อศีลไม่ได้หรอกจริงมั้ยค้ะ บางสิ่ง บางครั้ง บางเวลา บางโอกาส ก็ต้องมีการอนุโลมกันบ้าง เหมือนดังที่พระพุทธเจ้าสอน ให้เดินสายกลางค่ะ เพราะบางทีบุคคลที่จะมาดูแลส่วนปัจจัยของวัด ก็ต้องเป็นคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ แล้วจะมีใครน่าไว้ใจได้ แล้วถ้าพระสงฆ์ ไม่น่าไว้วางใจ แล้วคนที่มารับช่วงต่อจากพระสงฆ์ คุณจะรับประกันให้เขาได้หรือไม่นั่นอีกเรื่องนึงนะค้ะ เพราะฉนั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องที่พระสงฆ์ท่านเป็นผู้หาทางออกของปัจจัยจะดีกว่ากระมัง ส่วนผิดหรือไม่ผิดวินัย พระสงฆ์เจ้า ท่านย่อมรู้ดีกว่าเราผู้เป็นปุถุชน อย่านำเรื่องนี้มาโต้แย้งกันอีกเลยค่ะ อยู่ที่แต่ละคนคิดไปกันคนละอย่าง คนละทาง แต่ละอย่างก็มีความคิดทางขาวและทางดำด้วยกันทั้งคู่ เป็นของคู่กันอยู่แล้ว มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย มีข้อเสียก็ย่อมมีข้อดีแอบแฝงไว้อยู่เสมอ ให้คิดเผื่อทั้งสองทาง แล้วก็จะรู้ว่า การปล่อยวางเป็นอย่างไรค่ะ สาธุ สาธุ
     
  17. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    ขอถามท่านทั้งหลายว่า

    คำของพระพุทธเจ้าเชื่อไม่ได้ขนาดนี้เลยหรือ?

    พระศาสดาเป็นผู้โกหก หลอกลวง เหลาะแหล่ะ หวังแต่จะได้ ละโมบโลบมาก และสอนให้สาวกของพระองค์ เป็นเช่นนั้นหรือ?


    พระพุทธเจ้าบำเพ็ญเพื่ออภิสัมโพธิญาณเพื่อสอนวิธีพ้นจากการเกิดแก่เจ็บตายความทรมานในภพภูมิต่างๆ ด้วยการยอมควักดวงตาสละอวัยวะทั้งของที่รักที่เราสละได้ยากบางคนสละไม่ได้เลยก็มี หรือแม้แต่ชีวิตของพระองค์เอง เพียงเพื่อจะมาบัญญัติในสิ่งที่โกหกหลอกลวงเชื่อไม่ได้ เพียงเท่านี้หรือ?ที่ต้องทนทรมารในการเกิดตายอย่างนับไม่ได้ ถึง ๔ อสงไขยเศษแสนกัป เพียงเพื่อจะให้ผู้ที่เรียกตนว่าชาวพุทธสาวกของพระพุทธเจ้า มาค้านพระองค์ว่ามันไม่มีโทษทั้งผู้ให้และผู้รับหรอกพระองค์ เพียงเท่านี้หรือที่พระองค์ปราถนาสร้างมา?


    จริงหรือ?ที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนสาวกของพระองค์ถึงวิธีจัดการกับเครื่องเศร้าหมองต่อการพระพฤติพรหมจรรย์เพื่อไม่ให้ตนมีกังวล เพื่อเป็นสมาธิ เพื่อหนีออกจากความวุ่นวาย เพื่อดับตน?


    ถ้าโยมไปสร้างทางให้พระเกิดกิเลส เกิดความกังวล เกิดเศร้าหมองเคลื่อนออกจากทางที่มุ่งไปเพื่อสละออก แล้วคิดว่าที่ทำไปจะได้บุญหรือได้บาป?


    คิดจะทำบุญ ศึกษาแล้วหรือ? ว่า อะไรเป็นบุญที่พระพุทธเจ้ารับรองว่าทำแล้วได้บุญแน่นอน และ อะไร? ที่พระพุทธเจ้ารับรองว่าทำแล้วได้บาปแน่นอน


    จะเอาพุทธศาสนาที่เกิดจากความอยาก หรือ เอาความจริงที่พระพุทธเจ้าสอน?


    ใครคือตัวแทนของพระพุทธเจ้าในปัจจุบัน?

    เล่ม ๑๓ หน้า ๓๒๐
    http://www.samyaek.com/tripidok/book13/301_350.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2010
  18. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    หากยังข้องใจ? ว่าใครคือตัวแทนของพระพุทธเจ้าในปัจจุบัน เข้าไปถามพระอานนท์ครับ
    เล่ม ๒๒ หน้า ๑๕๕
    http://www.samyaek.com/tripidok/book22/151_200.htm

    แล้วถ้าไม่เคารพยำเกรงในธรรมหล่ะ?
    เล่ม ๓๖ หน้า ๔๔๖
    http://www.samyaek.com/tripidok/book36/401_450.htm

    แล้วการโต้แย้งธรรมคำสอนที่พุทธะบอกไว้เป็นการรักษาหรือทำลายพระพุทธศาสนาหล่ะ?

    จริงหรือ?ที่พระพุทธเจ้าสอนให้สาวกของพระองค์เป็นผู้เลี้ยงยาก จนต้องมีเงินเป็นของตนเองหรือแม้ยินดีในเงินทอง
    เล่ม ๓๗ หน้า ๕๕๗
    http://www.samyaek.com/tripidok/book37/551_600.htm


    ถ้ายังไม่ชัด
    เล่ม ๙ หน้า ๕๓๕
    http://www.samyaek.com/tripidok/book09/501_550.htm

    แล้วถ้าทั้งพระทั้งโยมเข้าใจว่าตนศึกษาหรือเรียนรู้มาแล้วหมดแล้วแต่ไม่ทำตามหล่ะ?
    เล่ม ๔๐ หน้า ๒๑๓
    http://www.samyaek.com/tripidok/book40/201_250.htm

    ยังข้องใจอยู่ไหม? หากยังข้องใจถามพระองค์อีกก็ได้ครับ
    เล่ม ๑๑ หน้า ๑๐๓
    http://www.samyaek.com/tripidok/book11/101_150.htm

    และถ้าคิดว่าพระมีศีลที่มากกว่าโยม แล้วน่าไว้ใจ ลองถามพระพุทธเจ้านะว่าทรงว่ากล่าวถึงเรื่องนี้อย่างไร?
    เล่ม ๓๔ หน้า ๔๔๘
    http://www.samyaek.com/tripidok/book34/401_450.htm

    แล้วถ้าใครเข้าไปร่วมหรือส่งเสริมให้พระทำผิดธรรมวินัยของพุทธะหล่ะ?
    เล่ม ๓๙ หน้า ๑๗๓
    http://www.samyaek.com/tripidok/book39/151_200.htm

    หรือใครคิดว่า บุญไม่มี บาปไม่มี ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว?
    เล่ม ๖๔ หน้า ๒๐๕
    http://www.samyaek.com/tripidok/book64/201_250.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2010
  19. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    และที่เข้ามาตอบนี่มาตอบเพื่ออะไร?
    เล่ม ๑๑ หน้า ๔
    http://www.samyaek.com/tripidok/book11/001_050.htm
    ในคำที่เขากล่าวตินั้น คำที่ไม่จริง เธอทั้งหลายควรแก้ให้เห็นโดยความไม่เป็นจริงว่า นั่นไม่จริง แม้เพราะเหตุนี้ นั่นไม่แท้แม้เพราะเหตุนี้

    เพราะมาตามอำนาจของพุทธะ จึงเข้ามา ไม่ได้หมายจะมาเกาะแกะ กวนใคร
    ยุติธรรม คือ ยุติในธรรม หรือ หยุดอยู่ในธรรม พระองค์บอกให้มาชี้แจง ก็มาชี้แจงตามพระองค์บอก อะไรคือชี้แจง ชี้ให้เห็นในธรรมที่เป็นโทษและเป็นประโยชน์ แจงธรรมออก อธิบายธรรมออกว่า มันผิดอย่างไร มันถูกอย่างไร มันมีโทษอย่างไร มันมีคุณอย่างไร นี่คือ ชี้แจง

    จึงขอยืนยันว่า ธรรมนี้เป็น อกาลิโก ไม่จำกัดกาล แม้จะมีผู้มาขู่หรือทำจริงก็ตามในการการว่า "ให้กลับคำพูดในที่ได้เปิดออกไปนี้ว่ามันไม่จริง ถ้าไม่ทำจะบั่นคอเอง" ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรบั่นคอกันดีกว่าเพราะการบั่นคอกันแล้วตายไป ก็ยังแค่ตาย ไม่มีบาปจากการตายติดตามไป แต่การกล่าวว่าธรรม ไม่ใช่ธรรม อธรรมเป็นธรรม วินัยที่ถูกต้องนั้นใช้ไม่ได้ผล ยุคมันเปลี่ยนไปแล้ว อย่างนั้นบั่นคอเถอะ เพราะแม้มีชีวิตอยู่ ก็ชื่อว่าทำลายตนด้วยวาจา เพราะบาปและบุญอันได้กระทำแล้วย่อมไม่ไร้ผล
    เมื่อก่อนไม่รู้เรื่องก็ทำไม่ใช่น้อยเหมือนกัน แต่เมื่อมาเรียนรู้เข้าก็ต้องมาแก้ไขถอนความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องออก แล้วไปตามธรรมที่ถูกต้องตรงจากพระโอษฐ์หรือปากของพระพุทธเจ้า จึงกล้ายืนยันว่า ธรรมนี้เป็น อกาลิโก ไม่จำกัดกาล ย้อนหลังไป ๒๕๐๐ ปีกว่าไปโน้น เกลือเค็มยังไง ทำบาปแล้วไม่ไร้ผลอย่างไร บุญทำแล้วก็มีผล ในวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น เช่นเดิม.


    ถ้าผู้ต้องการทางบุญที่ขาดจากบาปตามที่พระพุทธเจ้าสอนจริงๆจะหาคำตอบจากพระ ไตรปิฎกมาให้ แม้จะช้าไปบางเพราะต้องหามาให้เหมาะสมกับคำถาม หากไม่รู้ ก็จะค้นหรือถามกับคณะที่เขาทำงานเปิดศาสนาให้คืนกลับ มาให้ ถ้าผู้นั้นต้องทางบุญที่ไม่ปนกับบาป แต่ถ้าเพียงเพื่อจะโต้แย้งเพราะอยากจะให้พุทธศาสนาเป็นอย่างที่คิดโดยไม่ สนใจกับความจริงที่พระพุทธเจ้าสอนแล้วละก็.. มันเปล่าประโยชน์ที่จะทำให้เห็นจริง ให้เกิดขึ้นจริงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

    บุรุษผูรูความไมเปนคนโออวด ไมมีมายา เปนคนชื่อตรง ขอจงมาเถิด เราจะสั่งสอน เราจะแสดงธรรม เมื่อปฏิบัติตามคําที่เราสอนแลว ไมนานก็รูจักเอง จักเห็นเอง...
    เล่ม ๒๐ หนาที่ ๖๔๗
    http://www.samyaek.com/tripidok/book20/601_650.htm

    แต่การถามนั้นต้องเปิดตัวเองให้เป็นที่รู้จักกัน เพราะการไม่เปิดเผยตนมันเป็นโทษไม่ใช่ประโยชน์ จึงควรเปิดแก่กัน


    แม้การกล่าวว่า ธรรมเป็นธรรม อธรรมเป็นอธรรม นี้เป็นบุญอย่างหนึ่ง
    การมาชี้แจงตามที่องค์พุทธะได้สอนไว้นั้นชื่อว่า เป็นการบูชาพระองค์ด้วยการปฏิบัติบูชา คือกระทำตามที่พระองค์สอน นี็ก็เป็นบุญอีกอันหนึ่ง
    การยืนยันเป็นพยานในธรรม แม้จะไม่ได้เป็นพยานในคดีร้อยล้านหมื่นล้าน หรืออื่นใด แต่เป็นพยานในสิ่งที่ตนเห็นจริงแม้เพียงเล็กน้อย ก็ชื่อว่าพยานในธรรมอันสมควรแก่ธรรม นี้ก็เป็นบุญอีกอันหนึ่ง
    แม้บุญที่เกิดขึ้น แล้วระลึกไม่ได้ก็มี
    บุญอันได้กระทำแล้วเหล่านี้จงสำเร็จแก่ญาติ เทวดาที่รักษา นายเวร เชื้อโรคข้า ชาวทิพย์ที่ดูแลรักษาพระพุทธศาสนา และผู้ต้องการตลอดไป


    ทศพล เศรษฐกสิกิจ
    ภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน ๑๑๔ หมู่ ๒ ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี
    มาทำงานแก้ไขตน ๒๐๘ ซ.เทียนทะเล ๒๖ ถ.บางขุนเทียนชายทะเล
    แขวงท่าข้าม เขต บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2010
  20. theboo123

    theboo123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +87
    เอาล่ะครับที่นี้ก็คงจะกระจ่างไปแล้วสำหรับบางคนนะครับ

    ส่วนใครที่ยังไม่เข้าใจ ขอให้ไปดูข้อมูลตามลิงค์ของคุณ ทศพล นะครับ

    ผมนำคำสอนมาบอกแล้วหมดหน้าีที่ของผมแล้ว ขึ้นอยู่กับพวกท่านว่าจะรับหรือไม่รับ

    ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...