ข้อถามอีกครั้งนึงครับเกี่ยวกับตาที่สาม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย kabukiman, 13 ตุลาคม 2010.

  1. kabukiman

    kabukiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +566
    คือจากที่ผมเคยตั้งกระทุ้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าตาที่สามคืออะไร

    แล้วผมก็ได้รับคำแนะนำมาครับส่วนใหญ่จะมาจาก pm ก็คือให้คนที่มีอยู่แล้ว

    หรือคนที่เปิดได้เปิดให้จะเร็วกว่า เลยอยากจะถามต่อว่า ในกทม.หรือละแวกใกล้เคียงมีท่านใดพอจะชี้แนะอาจารย์ท่านใด

    ที่พอจะเปิดตาที่สามให้ได้มั่งครับ

    ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ:cool:
     
  2. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    เปิดด้วยตัวเองเลยครับ....ตรงหน้าผาก ทิศทางหมุนตามเข็มนาฬิกา ทำทุกเวลาที่ว่าง
    ยกเว้น ขับรถ หรือ ทำงานเกี่ยวกับความเสี่ยงเช่นที่สูงหรือเครื่องจักร...
    ทำไม่ต้องมากแต่ให้บ่อย ทำจนรู้สึกเสียวแปล็บคล้ายมีเข็มแทงที่หน้าผากหรือว่ารู้สึกหน่วง
    ที่หน้าผากแสดงว่า จักร6หรือตาที่สามถูกกระตุ้นแล้ว ที่เหลือก็อยู่ทีการฝึกฝน และทำให้บ่อย
    ความชำนาญเฉพาะตน ก็จะเกิดขึ้นเองโดย อัตโนมัติครับ ปกติ ไม่เฉพาะ จักร6 มันหมุน
    มันเปิดอยู่แล้วเพียงแต่คุณไม่รู้สึก ถ้าจักรไม่หมุนแสดงว่า ตาย ครับ
    ปล.ถึงให้คนเปิดให้ก็ต้องฝึกสมาธิอยู่ดี ปกติ มันเปิดอยู่แล้ว เพียงแค่คุณกำหนดจิตหมุนจักร6 บ่อยๆ มันก็จะหมุนแรงจนคุณรู้สึกได้เลยละ ...... คนที่มีตาที่สามสมบรูณ์
    มักเป็นคนตัดขาดจากโลก มีภาระหนักอึ้งที่ต้องแบกรับ ต้องเห็นสภาพที่น่าสังเวชที่เกินตา
    ปกติจะมองเห็น ต้องระวังเรื่องความโศกเศร้า และ สิ้นหวังครอบครองจิตใจ ... แต่ถ้าคุณ
    พร้อมและมั่นใจ และ จิตใจคุณแข็งแกร่งไม่หวั่นไหว การมีตาที่สามก็เหมาะสำหรับคุณ
     
  3. kabukiman

    kabukiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +566
    ขอบพระคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ^^
     
  4. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ผมก็เคยเพ่งที่ตาที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วนะครับแล้วรู้สึกเหมือนมีแผ่นสีดำเปิดออกมาไม่รู่ว่าเรียกว่าเปิดตาที่สามหรือเปล่าพอหลังๆ จะเห็นเป็นสีฟ้าๆ ม่วงๆ แบบนี้ครับแต่มันทำได้ง่ายมากเลยเลยไม่น่าจะใช่เปิดตาที่สาม แค่รู้ลมหายฟังเสียงลมหายใจไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะลมหายใจเข้า แล้วดูที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วเป็นระยะๆ ไม่ต้องไปว่างภาพอะไรหรือพยายามให้เห็นอะไรมันจะเห็นเหมือนแผ่นดำเปิดขึ้นมา
     
  5. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ผมไม่แน่ใจว่าที่โรงพยาบาล ยันฮี เดี๋ยวนี้เขาทำกันหรือยังน่ะครับ
     
  6. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    สมเด็จโต ก็สอนเรื่องตาที่3 รูปพระพุทธรูปบางองค์ก็มีตาที่3 รูปพระโพธิสัตต์มีตาที่3เกือบทุกองค์
     
  7. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    เท่าที่อ่าน บทสนทนาข้างบน มโนยิทธิ คือ การหลอกจิตให้ลุ่มหลงไปยังภาพที่ต้องการเห็นหรือเปล่า โดยมีคนจูง แล้วก็คนตาม คล้ายๆกับการสอบจิต อันนี้จะเป็นการสร้างภาพหลอนที่จะทำให้ไปไม่ถึงนิพพาน ถ้ายังไม่สามารถละสิ่งที่เห็นได้ ให้รู้ว่าสิ่งต่างๆ ไม่จีรังและไม่ยั่งยืน ไม่ควรจะสนใจที่จะไปยึดติด แต่ส่วนมากอ่านๆดูแล้ว ผู้ปฏิบัติส่วนมากจะติดแค่ภาพหลอนในจิตตัวเอง ไม่สามารถก้าวเกินกว่านั้นได้
     
  8. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    ตาที่สาม เป็น แค่ต่อมไร้ท้อ ตรงส่วนสมองส่วนกลาง จะถูกกระตุ้นโดยไฟฟ้าในร่างกาย
    ทุกครั้งที่คนเราคิดนึกหรือจินตนาการ คลื่นไฟฟ้าในสมองจะเกิดขึ้น เพื่อสั่งการและประมวล
    ผล ดังนั้นการฝึกสมาธิก้คือการควบคุมคลื่นไฟฟ้าในสมองและระบบประสาท
    ในวิทยาศาตร์พิสูจน์ได้แล้วว่าในสมองและระบบประสาทถูกควบคุมโดยระบบไฟฟ้าในร่างกาย ในการทดลองกับผู้ป่วยอัมพาตขยับร่างกายไม่ได้ แต่ แพทย์ต่อระบบคอมพิวเตอร์
    เข้ากับสมองแล้วให้ไฟฟ้าในสมองเป็นแหล่งจ่ายให้กับระบบเพื่อให้แสดงออกทางมอนิเตอร์ ทุกครั้งที่ผู้ป่วยคิดหรือจะทำอะไร หรือ สามารถคุยตอบโต้ได้โดยจอมอนิเตอร์
     
  9. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    จะทะลวง จักระ7 บนกระหม่อมก่อนก็ได้ ให้จินตนาการว่ามี ลมหมุนแบบควงสว่านทะลวงลงไป ที่จักระ7สักพักค่อย ทะลวงจักระ6(ตาที่สาม)อีกที จักระ7ทะลวงได้ไม่เกิน 30นาทีต่อวัน หรือเอาแบบร่างกายทนไหว...แรกๆจะหนักหัวอึ้งๆเลยครับ .... ทำวันละ10นาทีพอครับ
    สำหรับจักระ7
     
  10. สงกะสัย

    สงกะสัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +126
    ตอนนี้มีแค่ตา2ดวง ไว้รับรูปที่เข้ามากระทบทุกวี่วัน

    ก็แทบจะสุดสังเวชใจพออยู่แล้ว

    ยังจะหาเพิ่มมาอีกดวง ไม่ไหวมั่งท่าน..
     
  11. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    จุดจักระพื้นฐาน...

    พื้นฐานของพลังจักรวาล จักระทั้ง 7 จุด

    <!-- Main --><table width="100%" border="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top"><style>body{background-attachment: fixed;background-image:url("http://i123.photobucket.com/albums/o295/lozocat/blueBG/752.gif");}</style>

    [​IMG]

    จักระทั้ง 7 จุด คือจุดที่รับพลังจักรวาล

    จักระ 1 (ดอกบัว 4 กลีบ)
    - อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของไฟศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ปฏิบัติได้ถึงระดับสูงสุด จักระนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ เมื่อทุกอย่างพร้อมจะเกิดครั้งเดียวและเร็วมาก เป็นความระลึกรู้ร้อนเร็วจากจักระ 1 ผ่านจักระ 2, 3, 4, 5, 6 และทะลุจักระ 7เรียกว่า “สุหุมมะ” ในภาษาสันสกฤต หรือ “กุณฑลินี” ซึ่งหมายถึง ไฟที่พุ่งขึ้นคล้ายกับตัวงูที่กำลังเลื้อยขึ้นสู่สมอง
    - เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้
    - โดยมากแล้วผู้ฝึกพลังจักรวาล มักถูกห้ามเรื่องกระตุ้นจักระ 1 เพราะมันอันตรายมาก เอาเป็นว่าเริ่มฝึกพลังจักรวาลเสียก่อนเถอะ ถ้ามีวาสนาจักระหนึ่งสำแดงแล้ว จะรู้ในสิ่งที่น้อยคนนักจะรู้....

    จัก ระ 2 (ดอกบัว 6 กลีบ)
    - อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางแห่งพลังทางเพศ และความเชื่อมั่นในตนเอง ทำหน้าที่ควบคุมพลังที่สำคัญยิ่งของมนุษย์ และควบคุมสุขภาพ และพลังภายในกาย ถ้าผู้ใดหมกมุ่นลุ่มหลงในกามตัณหา จะสูญเสียพลังไปอย่างไม่สามารถทดแทนได้ แต่ถ้ารู้วิธีกักเก็บพลังจักระนี้ จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว และจะพัฒนาไปสู่แสงสว่างแห่งปัญญา
    - ควบคุมระบบการสืบพันธุ์, การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย (ระบบการขับถ่าย) รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด
    - ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับอัณฑะ, ท่อปัสสาวะ, อวัยวะสืบพันธุ์, มดลูก, รังไข่, ช่องคลอด, ทวารหนัก, กามโรค

    จักระ 3 (ดอกบัว 8 กลีบ)
    - อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย
    - ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย การผลิตเม็ดโลหิตใหม่ จักระนี้ควบคุมอวัยวะภายในให้ทำงานอย่างสมดุล
    - ใช้รักษากระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, ลำไส้อ่อน, ลำไส้แก่, ไส้ติ่ง, ตับ, ม้าม, ดี, กระเพาะปัสสาวะ, ไต, โรคเบาหวาน, ถุงน้ำดี, ต่อมหมวกไต

    จักระ 4 (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ)
    - อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ จักระนี้เป็นหลักธรรมของพุทธศาสนิกชน เมื่อจักระนี้ถูกพัฒนาอย่างเต็มที่ จะเกิดการหมุนอย่างรวดเร็ว และสั่นสะเทือนสามารถปลดปล่อยมนุษย์ ให้หลุดพ้นจากกรรมได้มาก
    - ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด
    - ใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจโต, หัวใจเล็ก, หัวใจรั่ว, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเส้นเลือด, หัวใจเต้นอ่อนและเหนื่อยเร็ว

    จัก ระ 5 (ดอกบัว 16 กลีบ)
    - อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง
    - ควบคุมระบบทางเดินหายใจ จมูก ปอด และผิวหนัง อีกทั้งยังแสดงถึงกรรมเก่าในอดีตชาติ การแสวงหาจิตวิญญาณ การยอมรับและการชดใช้กรรม
    - ใช้รักษาโรคปอด, หลอดลม, ลำคอ, ไซนัส, ต่อมผิวหนัง, หลอดลมอักเสบ, หอบหืด, ไอ, จมูก, ผื่นคัน, โรคผิวหนัง

    จัก ระ 6 (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ)
    - อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ผู้สำเร็จ ระดับ1, 2,3,4 และ 5 (ระดับพื้นฐาน) ยังไม่มีความสามารถใช้จักระนี้ในการรักษาโรค
    - "ตาที่สาม" หรือ ประสาทสัมผัสที่ 6 หรือตาทิพย์ การจะใช้ตาที่สามได้ ต้องมีพลังภายในกายสูงมาก เพราะจักระนี้จะหมุนแรงเร็วและนิ่ง ต้องมีสมาธิมาก สามารถขจัดอวิชชา รู้ทุกสิ่งที่อยากรู้ มีความสามารถในการรู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้ความลับของฟ้า เก่งโหราศาสตร์ สามารถเคลียร์สิ่งเลวร้าย ภัยพิบัติภูตผีปีศาจ ตาที่สามจึงเป็น อัญมณีล้ำค่าสำหรับผู้แสวงหาจิตวิญญาณ
    - ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความเฉลียวฉลาด, และระบบประสาท
    - ผู้ที่เรียนถึงระดับ 5 จะใช้จักระนี้ทำสมาธิได้ิเท่านั้น (ถ้าหากใช้รักษาโรคด้วยจักระนี้ จักระที่เปิดไว้ทุกจักระจะปิด หรือหมดความสามารถ)

    จักระ 7 (ดอกบัว 1,000 กลีบ)
    - อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว จักระนี้เป็นตัวรับพลังงานจากทุกสรรพสิ่งในเอกภพ ถ้าจักระนี้เปิดสมบูรณ์จะรู้สึกถึงการหมุน
    - ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่ สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง
    - ใช้รักษาเส้นประสาท, สมอง, ตา, หู, อวัยวะในช่องปาก, โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไป ที่อยู่นอกเครือข่ายของ จักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ, ไทรอยด์, ต่อมทอนซิล, กล่องเสียง
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cindyd&month=12-10-2009&group=13&gblog=9
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2010
  12. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    จักระ1งูไฟ อย่าไปกระตุ้นมันนะครับ ถึงเวลามันจะทะลวงเข้าจักระ7เอง
    ตามที่ คุณ อยากรู้ เราลงผังของ จักระให้แล้วนะครับ
     
  13. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    เป็นการทำเหตุอย่างหนึ่งของการมีพลังพิเศษเหนือคนปกติ ขณะเดียวกันกิเลสก็พร้อมจะเติบโตไปเคียงคู่กันเสมอ พร้อมจะหลงได้มากๆเลย

    แต่หากได้ทำควบคู่ไปกับวิปัสสนาด้วยจะดีมาก คุณจะเข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้น

    ฝึกเลย สุขภาพดี ถ้าจะใช้ช่วยคนก็ใช้ช่วยได้
     
  14. tepamorn

    tepamorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    785
    ค่าพลัง:
    +1,081
    ผมมีอาการประมาณนี้ครับเวลานั่งทำงานอยู่
    มันจะตึงๆตรงหว่างคิ้วกลางหน้าผากบางทีจะ
    รู้สึกเหมือนมีคนมาดันๆหน้าผากน่ะครับบางทีแรง
    เหมือนจะหงายไปเลย...^^ คือผมเป็นคนที่ว่างเมื่อไหร่ชอบหายใจพุทโธ
    น่ะครับพอดีงานที่ทำอยู่หน้าคอมทั้งวันเลยมีเวลาทำสมาธิเยอะอยากถามว่า
    มีอารการประมาณนี้จะเปิดตาที่สามได้มั้ยครับแล้วถามอีกว่าเมื่อเปิดแล้ว
    มันดียังไงมีประโยชน์อย่างไรครับหรือว่าจะปล่อยไปเฉยๆไม่ต้องไปสนใจดี
     
  15. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    จักระ6ทำงานแล้ว...จดจ่อตรงนั้นเลยครับ ทำเวลานอนจะเหมาะมาก เดี๋ยวสักพัก
    จะคล้ายคนอยู่บนตัวคุณ นั้นคือ ร่างกายทิพย์ของคุณเองครับ สมาธิตามแนว
    สมเด็จโต ก็เน้้น จักระ6 เพื่อการถอดจิตออก..แต่ต้องเตรียมใจไว้นะครับ
    การสัมผัสพลังของตาที่สามนั้น น่ากลัวมาก คล้ายคนใกล้ตาย ตัวเราเอง
    เจอ สภาพเฉียดตายในขณะ เร่ง ทะลวงจักระ6...ตอนนั้นกลัวตายครับเลย
    ไม่ทราบว่า จักระ6ทำงานได้เต็มที่แล้ว จนไปถามผู้รู้เกี่ยวกับ จักระโดยตรง
    ว่า ถ้ากำหนดจิตแบบไม่กลัวตาย จิตจะถูกส่งออกจากจักระ6 จะคล้ายๆว่า
    จิตเป็นลูกกระสุน ท้ายทอยและฐานสมองส่วนล่างเป็นฐานยิง .... จักระ6
    เป็นปลายกระบอกปืน..
     
  16. tepamorn

    tepamorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    785
    ค่าพลัง:
    +1,081
    เมื่อสองสามปีก่อนตอนนอนผมเคยมีอาการอย่างหนึ่งครับ
    นอนภาวนาไปเรื่อยๆรู้สึกว่าตัวเราลอยขึ้นจากพื้นแล้วมัน
    ก็เคว้งเลยครับเหมือนกับว่าวิญญานมันออกจากร่างประมาณนั้น
    คิดไปเองหรือปล่าวไม่รู้ตอนแรกก็ไม่เป็นไรครับเหมือนมองเห็นตัว
    เองนอนอยู่แต่พอกลัวตายเท่านั้นแหละครับความรู้สึกกลัวมันปรี๊ด
    ขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุเท่านั้นแหละเหมือนโดนกระชากครับแล้วก็นั่งหอบ
    อยู่พักใหญ่ตั้งแต่นั้นก็ไม่เป็นอีกเลยไม่ได้ฝันนะครับเพราะนอนกับแฟน
    ก็ยังเห็นแฟนนอนอยู่ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวครับแต่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย
    กลัวคนอืื่นจะหาว่าเพ้อเจ้อเลยไม่อยากเล่าครับของบางอย่างถ้าไม่เกิดกับ
    ตัวเองก็ยากที่จะอธิบายครับ....^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2010
  17. kabukiman

    kabukiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +566
    ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ^^
     
  18. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A5.246823/
    <a href="http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=114&sid=e3b03669505f3056ce4542585911e795" target="_blank"><img src="http://glitter.kapook.com/files/glitter/photo/original/3/3768.gif" border="0" alt="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." title="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..."></a>
     
  19. ghostbbot01

    ghostbbot01 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +18
  20. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    จุดที่ตั้งของตาที่3 คือจุดศูนย์รวมของความนึกคิด หรือที่ตั้งของจิต จากจุดนี้ก็จะแผ่ซ่านออกไป ตามประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ ซึ่งเปรียบเสมือนโลก และจากจุดนี้เองก็จะสามารถเชื่อมต่อกับพลังเบื้องบน การที่จะพัฒนาจิตขึ้นสู่เบื้องบนจึงนิยมใช้ตาที่สามนี้ เมื่อเรารวมความรู้สึกที่แผ่ซ่านไปตามส่วนต่างๆของร่างกายมาไว้ที่จุดนี้จุดเดียว เราก็จะติดต่อกับ เบื้องบนได้ทันที หากเรามีสัตคุรุนำทาง จะสามารถพัฒนาตน จนจิตเข้าถึงปฐมเหตุแห่งสรรพสิ่ง หรือพระเจ้า หรือจิตเดิมได้ ตาที่3นี้อาจจะเรียกว่าธรรมจักษุก็ได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...