การกินเนื้อสัตว์...บาปมั้ย???

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย yutkanlaya, 11 ตุลาคม 2007.

  1. kamineko

    kamineko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +564
    ไม่ได้สั่ง ไม่ได้รู้เห็น ไม่ได้ฆ่าเอง ไม่ได้รังเกียจ การกินเนื้อสัตว์นั้นย่อมไม่บาป
    คนกินเนื้อสัตว์ไม่ได้แย่ไปกว่าคนอื่น คนกินเจไม่ได้วิเศษไปกว่าคนอื่น
    กินเนื้อสัตว์แต่รักษาศีล 5 ได้ครบถ้วน ก็มีค่าเท่ากับกินเจแล้วรักษาศีล 5 ได้ครบเช่นกัน
    ทางสายกลางนั้นดีที่สุด
     
  2. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    พระพุทธศาสนา สรุปอย่างไร เกี่ยวกับมังสะวิรัติ


    <CENTER>พระพุทธศาสนา สรุปอย่างไร เกี่ยวกับมังสะวิรัติ

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>พระพุทธศาสนา สรุปอย่างไร เกี่ยกับมังสะวิรัติ

    พระพุทธพจน์นี้ทำให้สรุปได้ว่า การเกิดมาในโลกในระดับโลกิยะ มีปัญหาติดตัวมามาก สัตว์บางตนเกิดมาอยู่ในฐานะเป็<WBR>นอาหารของสัตว์อื่น เช่น หมู ปลา ไก่ สัตว์บางตนเกิดมาอยู่ในฐานะต้<WBR>องกินสัตว์เป็นอาหารอย่างเดียว โดยที่ตัวเองมีเนื้อเป็นพิ<WBR>ษสำหรับสัตว์อื่น แม้แต่มนุษย์ที่ชอบกินเนื้อสั<WBR>ตว์เป็นอาหาร เนื้อของมนุษย์เองก็เป็<WBR>นอาหารของสัตว์อื่นบางจำพวก นี่คือสังสารวัฏ

    ชาวประมงมีพาอาชีพหาปลาขาย ฆ่าปลาเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน พวกเขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่พวกเขาทำผิดหลักธรรมข้อสุจริ<WBR>ต ล่วงละเมิดศีลข้อปาณาติบาต และวิถีชีวิตของพวกเขาไม่ยุติ<WBR>ธรรมสำหรับปลา แม้กระนั้นชาวประมงก็ยังต้<WBR>องดำรงชีพโดยการจับปลาขายต่อไป เกษตรกรเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาก็อยู่ในฐานะเดียวกัน คนที่มีอาชีพฆ่าหมูเพื่<WBR>อชำแหละเนื้อออกขายในท้องตลาดก็<WBR>อยู่ในฐานะเดียวกัน นี่คือข้อจำกัดหรือโทษของสั<WBR>งสารวัฏ

    ในระดับโลกุตตระ วิถีชีวิตบริสุทธิ์จากข้อจำกั<WBR>ดเหล่านี้ สัมมาอาชีวะหรือสัมมาอาชีพซึ่<WBR>งเป็นองค์หนึ่งในมรรคมีองค์ ๘ จึงหมายถึง การดำรงชีพที่ชอบเว้นจากอาชีพที<WBR>่เป็นการเบียดเบียนชีวิต เช่น การค้าอาวุธแม้จะถูกต้<WBR>องตามกฎหมาย การค้าแรงงานมนุษย์ การค้ายาพิษ การค้าน้ำเมา<SCRIPT><!--D(["mb","\u003cbr\u003e\u003cbr\u003eประเด็นเกี่ยวกับมังสวิรัติก็\u003cWBR\u003eเช่นเดียวกัน \nการกินหรือไม่กินเนื้อสัตว์เป็\u003cWBR\u003eนเรื่องของแต่ละบุคคล ประเด็นสำคัญคืออย่าฆ่าสัตว์ \nเมื่อพระเทวทัตต์เข้าไปเฝ้\u003cWBR\u003eากราบทูลขออนุญาตวัตถุ ๕ ประการ วัตถุข้ออื่น ๆ \nพระพุทธเจ้าตรัสกับพระเทวทัตต์ \u0026quot;อย่าเลยเทวทัตต์ ภิกษุใดปรารถนาก็จงทำไปเถิด เช่น \nภิกษุใดปรารถนาก็จงอยู่ป่า\u0026quot; ส่วนข้อที่เกี่ยวกับการฉั\u003cWBR\u003eนปลาและเนื้อ \nพระพุทธเจ้าตรัสตอบพระเทวทัตต์\u003cWBR\u003eว่า \u0026quot;เราอนุญาตปลาและเนื้อที่บริสุ\u003cWBR\u003eทธิ์ด้วยอาการ ๓ \nอย่าง คือ (๑) ไม่ได้เห็น (๒) ไม่ได้ยิน (๓) ไม่ได้รังเกียจ\u0026quot; จะเห็นว่า \nพระพุทธเจ้าไม่ทรงใช้คำว่า \u0026quot;ผู้ใดปรารถนาก็จงฉันปลาและเนื้\u003cWBR\u003eอ\u0026quot; \nพระพุทธดำรัสนี้มีนัยสำคัญอย่\u003cWBR\u003eางยิ่ง ถามว่า \u0026quot;อะไรคือนัยสำคัญแห่งพระพุ\u003cWBR\u003eทธดำรัสนี้ ?\u0026quot; \n\u003cbr\u003e\u003cbr\u003eพระพุทธดำรัสว่า \u0026quot;เราอนุญาตและเนื้อที่บริสุทธิ์\u003cWBR\u003eด้วยอาการ ๓ อย่าง ...\u0026quot; \nหมายถึง ไม่ได้ตั้งข้อกำหนดไว้ วางไว้เป็นกลาง ๆ ไม่ได้กำหนดแม้แต่จะบอกว่า \n\u0026quot;ผู้ใดปรารถนาก็จง ...\u0026quot; เพราะฉะนั้น เรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้\u003cWBR\u003eเป็นกลาง ๆ \nอย่างนี้ ในทางปฏิบัติ จะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม จะถูกหรือผิด \nพระภิกษุต้องเทียบเคียงกับหลั\u003cWBR\u003eกที่เรียกว่า \u0026quot;มหาปเทศ\u0026quot; ๒ ข้อ คือ \n\u003c/font\u003e\u003c/font\u003e\u003c/div\u003e\u003cfont size\u003d\"4\"\u003e\u003cfont color\u003d\"royalblue\"\u003e\u003cfont color\u003d\"#000000\" size\u003d\"2\"\u003e\u003c/font\u003e\n\u003cdiv\u003e\u003cbr\u003e\u003cfont color\u003d\"#008000\"\u003e(๑) สิ่งใดที่ไม่ได้ห้ามไว้ว่า \u0026quot;สิ่งนี้ไม่ควร\u0026quot; \nถ้ามีแนวโน้มหรือจัดอยู่ในกลุ่\u003cWBR\u003eมสิ่งที่ไม่ควร แย้งกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควร \n\u003cbr\u003e(๒) สิ่งใดที่ไม่ได้ห้ามไว้ว่า \u0026quot;สิ่งนี้ไม่ควร\u0026quot; \nถ้ามีแนวโน้มหรือจัดอยู่ในกลุ่\u003cWBR\u003eมสิ่งที่ควร แย้งกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควร \n\u003cbr\u003e\u003c/font\u003e\u003cbr\u003eเมื่อพระภิกษุเทียบเคียงถือปฏิ\u003cWBR\u003eบัติอย่างนี้ ย่อมไม่ผิดพระวินัย \nแต่อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า วิถีชีวิตระดับโลกิยะ มีโทษมาก มีข้อบกพร่องมาก \nเช่นกรณีการกินเนื้อสัตว์ แม้จะเป็นเนื้อที่ไม่ต้องห้าม ต้องพิจารณาก่อนฉัน \nถ้าไม่พิจารณาย่อมผิดพระวินัย \nซึ่งต้องการให้พระภิกษุหรือแม้\u003cWBR\u003eแต่คนที่ไม่ใช่พระภิกษุสำนึกอยู\u003cWBR\u003e่เสมอว่า \nการกินเนื้อสัตว์แม้จะไม่ได้ฆ่\u003cWBR\u003eาสัตว์ก็ถือว่มีส่วนทำให้ชีวิ\u003cWBR\u003eตถูกทำลาย \nถ้าไม่กินจะดีกว่าหรือไม่ ? ส่วนวิถีชีวิตระดับโลกุตตระนั้น \nย่อมบริสุทธิ์จากอกุศลเจตนาทุ\u003cWBR\u003eกประการ พระพุทธศาสนาสรุปชัดเจนในประเด็",1]);//--></SCRIPT>

    ประเด็นเกี่ยวกับมังสวิรัติก็<WBR>เช่นเดียวกัน การกินหรือไม่กินเนื้อสัตว์เป็<WBR>นเรื่องของแต่ละบุคคล ประเด็นสำคัญคืออย่าฆ่าสัตว์ เมื่อพระเทวทัตต์เข้าไปเฝ้<WBR>ากราบทูลขออนุญาตวัตถุ ๕ ประการ วัตถุข้ออื่น ๆ พระพุทธเจ้าตรัสกับพระเทวทัตต์ "อย่าเลยเทวทัตต์ ภิกษุใดปรารถนาก็จงทำไปเถิด เช่น ภิกษุใดปรารถนาก็จงอยู่ป่า" ส่วนข้อที่เกี่ยวกับการฉั<WBR>นปลาและเนื้อ พระพุทธเจ้าตรัสตอบพระเทวทัตต์<WBR>ว่า "เราอนุญาตปลาและเนื้อที่บริสุ<WBR>ทธิ์ด้วยอาการ ๓ อย่าง คือ (๑) ไม่ได้เห็น (๒) ไม่ได้ยิน (๓) ไม่ได้รังเกียจ" จะเห็นว่า พระพุทธเจ้าไม่ทรงใช้คำว่า "ผู้ใดปรารถนาก็จงฉันปลาและเนื้<WBR>อ" พระพุทธดำรัสนี้มีนัยสำคัญอย่<WBR>างยิ่ง ถามว่า "อะไรคือนัยสำคัญแห่งพระพุ<WBR>ทธดำรัสนี้ ?"

    พระพุทธดำรัสว่า "เราอนุญาตและเนื้อที่บริสุทธิ์<WBR>ด้วยอาการ ๓ อย่าง ..." หมายถึง ไม่ได้ตั้งข้อกำหนดไว้ วางไว้เป็นกลาง ๆ ไม่ได้กำหนดแม้แต่จะบอกว่า "ผู้ใดปรารถนาก็จง ..." เพราะฉะนั้น เรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้<WBR>เป็นกลาง ๆ อย่างนี้ ในทางปฏิบัติ จะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม จะถูกหรือผิด พระภิกษุต้องเทียบเคียงกับหลั<WBR>กที่เรียกว่า "มหาปเทศ" ๒ ข้อ คือ


    (๑) สิ่งใดที่ไม่ได้ห้ามไว้ว่า "สิ่งนี้ไม่ควร" ถ้ามีแนวโน้มหรือจัดอยู่ในกลุ่<WBR>มสิ่งที่ไม่ควร แย้งกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควร
    (๒) สิ่งใดที่ไม่ได้ห้ามไว้ว่า "สิ่งนี้ไม่ควร" ถ้ามีแนวโน้มหรือจัดอยู่ในกลุ่<WBR>มสิ่งที่ควร แย้งกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควร

    เมื่อพระภิกษุเทียบเคียงถือปฏิ<WBR>บัติอย่างนี้ ย่อมไม่ผิดพระวินัย แต่อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า วิถีชีวิตระดับโลกิยะ มีโทษมาก มีข้อบกพร่องมาก เช่นกรณีการกินเนื้อสัตว์ แม้จะเป็นเนื้อที่ไม่ต้องห้าม ต้องพิจารณาก่อนฉัน ถ้าไม่พิจารณาย่อมผิดพระวินัย ซึ่งต้องการให้พระภิกษุหรือแม้<WBR>แต่คนที่ไม่ใช่พระภิกษุสำนึกอยู<WBR>่เสมอว่า การกินเนื้อสัตว์แม้จะไม่ได้ฆ่<WBR>าสัตว์ก็ถือว่มีส่วนทำให้ชีวิ<WBR>ตถูกทำลาย ถ้าไม่กินจะดีกว่าหรือไม่ ? ส่วนวิถีชีวิตระดับโลกุตตระนั้น ย่อมบริสุทธิ์จากอกุศลเจตนาทุ<WBR>กประการ พระพุทธศาสนาสรุปชัดเจนในประเด็<SCRIPT><!--D(["mb","\u003cWBR\u003eนว่า \nฆ่าสัตว์ผิดศีลผิดวินัย บางกรณีผิดกฎหมายบ้านเมือง กินเนื้อสัตว์ \nถ้าเป็นคฤหัสถ์ไม่ผิด ถ้าเป็นพระภิกษุฉันผิดเงื่อนไข ผิดพระวินัย ถ้าไม่ผิดเงื่อนไข \nไม่ผิดพระวินัย นั่นเป็นเรื่องของศีลของคฤหัสถ์\u003cWBR\u003eและพระวินัยของพระภิกษุ \nแต่อย่าลืมว่า ฆ่าสัตว์กับกินเนื้อสัตว์เป็\u003cWBR\u003eนคนและประเด็น \nกินเนื้อสัตว์ในกรณีที่แม้จะไม่\u003cWBR\u003eผิดศีลหรือพระวินัย \nแต่ส่งผลต่อคน/สัตว์รอบข้\u003cWBR\u003eางและอุปนิสัยจิตใจของผู้กินแน่\u003cWBR\u003eนอน \u003c/div\u003e\n\u003cdiv\u003e \u003c/div\u003e\n\u003cdiv\u003e\u003cfont color\u003d\"#008000\"\u003eในลังกาวตารสูตรแสดงเหตุผลที่\u003cWBR\u003eไม่ควรกินเนื้อสัตว์ \nสรุปได้ว่า \u0026quot;ในสังสารวัฏ คนที่ไม่เคยเป็นบิดามารดา ไม่เคยเป็นพี่น้องกัน ไม่มี \nสัตว์ทุกตัวตนมีความสัมพันธ์ทั้\u003cWBR\u003eงสิ้นไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง\u0026quot; เพราะฉะนั้น \nกินเนื้อสัตว์วันนี้ \nเราอาจกำลังกินเนื้อของสัตว์ที่\u003cWBR\u003eเคยเป็นบิดามารดาของเราในชาติที\u003cWBR\u003e่แล้วมาหรือในอีก ๕ \nชาติข้างหน้าก็ได้ นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงผลเสียของการกินเนื้\u003cWBR\u003eอสัตว์ไว้ เช่น \nทำให้เป็นที่หวาดกลัวของสัตว์ ต่าง ๆ ทำให้กลิ่นตัวเหม็น \nทำให้ชื่อเสียงไม่ดีกระจายไป... \u003cbr\u003e\u003c/font\u003e\u003cbr\u003e\u003cbr\u003e\u003cbr\u003eโดย...พระมหาสมจินต์ \nสมฺมาปญฺโญ (วันจันทร์) \u003cbr\u003eป.ธ.๙, ศษ.บ.,พธ.ม.(พระพุทธศาสนา), Ph.D. (Buddhist \nStudies) \u003cbr\u003eคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิ\u003cWBR\u003eทยาลัย \n\u003cbr\u003e\u003cbr\u003e\u003cbr\u003e\u003cbr\u003e\u003c/div\u003e\u003c/font\u003e\u003c/font\u003e\n\u003cdiv style\u003d\"padding-right:6px;padding-left:6px;padding-bottom:6px;padding-top:6px\"\u003e\n\u003cfieldset\u003e\u003clegend\u003eรูปขนาดเล็ก\u003c/legend\u003e\n\u003cdiv style\u003d\"padding-right:3px;padding-left:3px;padding-bottom:3px;padding-top:3px\"\u003e\u003ca href\u003d\"http://palungjit.org/attachment.php?attachmentid\u003d412120\u0026amp;d\u003d1222850487\" rel\u003d\"Lightbox_1543826\" target\u003d\"_blank\" onclick\u003d\"return top.js.OpenExtLink(window,event,this)\"\u003e\u003cimg title\u003d\"คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่\r\n\r\nName: lord buddha-.jpg\r\nViews: 0\r\nSize: 19.1 KB\r\nID: 412120\" alt\u003d\"คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่\r\n\r\nName: lord buddha-.jpg\r\nViews: 0\r\nSize: 19.1 KB\r\nID: 412120\" src\u003d\"?ui\u003d1\u0026amp;view\u003datt\u0026amp;th\u003d123847ee149aea66\u0026amp;attid\u003d0.1\u0026amp;disp\u003demb\u0026amp;zw\" border\u003d\"0\"\u003e\u003c/a\u003e   \u003c/div\u003e\u003c/fieldset\u003e\u003c/div\u003e\u003c/font\u003e\u003c/div\u003e\u003c/div\u003e\n",0]);//--></SCRIPT> <WBR>นว่า ฆ่าสัตว์ผิดศีลผิดวินัย บางกรณีผิดกฎหมายบ้านเมือง กินเนื้อสัตว์ ถ้าเป็นคฤหัสถ์ไม่ผิด ถ้าเป็นพระภิกษุฉันผิดเงื่อนไข ผิดพระวินัย ถ้าไม่ผิดเงื่อนไข ไม่ผิดพระวินัย นั่นเป็นเรื่องของศีลของคฤหัสถ์<WBR>และพระวินัยของพระภิกษุ แต่อย่าลืมว่า ฆ่าสัตว์กับกินเนื้อสัตว์เป็<WBR>นคนและประเด็น กินเนื้อสัตว์ในกรณีที่แม้จะไม่<WBR>ผิดศีลหรือพระวินัย แต่ส่งผลต่อคน/สัตว์รอบข้<WBR>างและอุปนิสัยจิตใจของผู้กินแน่<WBR>นอน

    ในลังกาวตารสูตรแสดงเหตุผลที่<WBR>ไม่ควรกินเนื้อสัตว์ สรุปได้ว่า "ในสังสารวัฏ คนที่ไม่เคยเป็นบิดามารดา ไม่เคยเป็นพี่น้องกัน ไม่มี สัตว์ทุกตัวตนมีความสัมพันธ์ทั้<WBR>งสิ้นไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง" เพราะฉะนั้น กินเนื้อสัตว์วันนี้ เราอาจกำลังกินเนื้อของสัตว์ที่<WBR>เคยเป็นบิดามารดาของเราในชาติที<WBR>่แล้วมาหรือในอีก ๕ ชาติข้างหน้าก็ได้ นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงผลเสียของการกินเนื้<WBR>อสัตว์ไว้ เช่น ทำให้เป็นที่หวาดกลัวของสัตว์ ต่าง ๆ ทำให้กลิ่นตัวเหม็น ทำให้ชื่อเสียงไม่ดีกระจายไป...



    โดย...พระมหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ (วันจันทร์)
    ป.ธ.๙, ศษ.บ.,พธ.ม.(พระพุทธศาสนา), Ph.D. (Buddhist Studies)
    คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิ<WBR>ทยาลัย




    <FIELDSET><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
     
  3. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    บทความเรื่องงดเนื้อสัตว์ของคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->terryh อ่านแล้วคล้อยตามครับ
    ยกเว้นภาพเนี้ย...เห็นแล้ว ท้องร้องจ๊อกๆเลย

    [​IMG]
     
  4. ยักษ์

    ยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +32
    ตรรกะแปลกๆ
    สัตว์มีชีวิต=บาป
    พืชก็มีชีวิต=ไม่บาป
    "เจตนา" หมายรู้ได้ด้วยตนเองครับ
    พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงห้ามให้กิน "สัตว์" หรือ ทรงสั่งให้กินแต่ "พืช" นะครับ
     
  5. ยักษ์

    ยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +32
    ตรรกะแปลกๆ
    สัตว์มีชีวิต=บาป
    พืชก็มีชีวิต=ไม่บาป
    "เจตนา" หมายรู้ได้ด้วยตนเองครับ
    พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงห้ามให้กิน "สัตว์" หรือ ทรงสั่งให้กินแต่ "พืช" นะครับ
     
  6. sassyblue

    sassyblue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +52
    พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์หรือไม่?
    พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์หรือไม่? พุทธศาสนิกชนเป็นอันมาก บางกลุ่มก็เชื่อว่าพระพุทธเจ้าไม่เสวยเนื้อสัตว์ บางกลุ่มก็ว่าพระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์ เพื่อให้เข้าถึงความถูกต้องสาธุชนควรใช้จิตสำนึกที่เที่ยงธรรม มาพิจารณาเหตุผลให้ถ่องแท้ ข้อคิดที่น่าพิจารณาก็คือ
    1 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เป็นผู้มีพระเมตตากรุณาต่อสัตว์ทั้งหหลายในโลกอย่างหาประมาณมิได้ ทรงสอนพุทธบริษัทของพระองค์ไม่ให้ฆ่าสัตว์ แม้แต่สัตว์ที่เล็กที่สุดต่ำต้อยที่สุด ศีลข้อที่ 1 ว่าด้วยการไม่เบียดเบียนตนแลละผู้อื่น ทั้งที่มนุษย์จะกระทำต่อมนุษย์หรือมนุษย์กระทำต่อสัตว์ก็อยู่ในข้อเดียวกัน ถ้าคำว่า อย่าฆ่าสัตว์ ไม่ได้หมายความถึงอย่าเสพเนื้อสัตว์ ด้วย ศีลข้อที่ 1 ก็ไร้ค่าหมดความหมายไปสิ้น เพราะจะมีการกินเนื้อสัตว์ไม่ได้เลยถ้าไม่มีกานฆ่าสัตว์เสียก่อนการกินเนื้อสัตว์ทำให้เกิดการฆ่า ถ้าหยุดกินก็คือ หยุดฆ่าด้วย แต่เพราะคนทั้งหลายแยกการกินและการฆ่าออกจากกัน สัตว์จึงถูกฆ่าอยู่ร่ำไปไม่สิ้นสุด การกินสัตว์กับการฆ่าสัตว์ย่อมเกี่ยวข้องเป็นเหตุและผลคู่กัน เราไม่สามารถจะแยกการกินออกจากการฆ่าได้พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้บัญญัติศีล ไม่ให้ฆ่า แล้วพระองค์จะมากินเสียเองดูกระไรอยู่
    2 . ชาติภูมิกำเนิดของพระพุทธเจ้าเป็นชาวฮินดูอยู่ในวรรณะสูงแม้แต่ชาวฮินดูธรรมดาก็ไม่เสพเนื้อสัตว์มาตั้งตาพุทธกาลหลายพันปีมาแล้วจวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ และบรรดาศากยวงค์อันเป็นเชื้อสายของพระพุทธเจ้าปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ล้วนเป็นผู้ไม่เสพเนื้อสัตว์ ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ในศากยวงค์ไม่เคยปรากฏว่า มีการเสพเนื้อสัตว์”
    3 . พระพุทธเจ้ามีพระจริยาวัตรงดงามทรงฉันโดยอาการสำรวม อาหารผักผลไม้ย่อมสะดวกต่อการขบฉันเป็นอันมาก เนื้อสัตว์ที่คนเราธรรมดากินมีทั้งก้าง กระดูก หนัง ลำบากต่อการกินต้องฉีกดึงแทะกัด ล้วนเป็นอาการกินที่ไม่สำรวม ไม่น่าดูเลย กริยาอย่างนี้ย่อมไม่พบในองค์พระบรมศาสดาเป็นแน่
    4 . ขณะที่ทรงเสด็จออกบวชจนกระทั้งตรัสรู้และออกจาริกเทศนาตลอดพระชนม์ชีพพระพุทธเจ้าใช้เวลาส่วนใหญ่ประทับอยู่ในป่า อาหารที่เป็นธรรมชาติที่สุดก็คืออาหารจำพวกพืชผักผลไม้ สามารถหาได้ง่ายไม่สิ้นเปลืองสะดวกต่อการจัดหามาบริโภค เหมาะแก่การดำรงตนเป็นผู้เลี้ยงง่าย อันหมายถึงผู้ปฏิบัติธรรมที่แท้จริง
    5 . น่าคิดว่านายจุนทะเองก็เป็นแขกฮินดู ซึ่งตามธรรมดาชาวฮินดูจะไม่กินเนื้อสัตว์กันมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล นายจุนทะจะเอาเนื้อหมูมาถวายพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ? -หมายเหตุ “พระมหาเถระอัมริตนันทะ ผู้มีชื่อเสียงแห่งประเทศเนปาล ซึ่งเป็นบุตรหลานในตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจาก ศากยวงศ์ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ยืนยันให้โลกรู้ว่า นับตั้งแต่โบราณกาลมาตราบจนถึงทุกวันนี้ ในราชวงศ์ของท่านนั้นไม่เคยมีใครเสพเนื้อสัตว์เลยพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายก็มิได้เสพเนื้อสัตว์เช่นกัน ใน ลังกาวตารสูตร และพระสูตรอื่น ๆอีกมาก ได้จารึกพระวจนะของพระพุทธองค์มีบ่งบอกไว้ชัดเจนว่าพระองค์มิได้เสวยเนื้อสัตว์ใดๆ และทรงสรรเสริญคุณของการงดเสพเนื้อสัตว์
    จนกระทั่งราวปี พ.ศ. 900 มีการเขียนเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงโดยชนรุ่นหลังว่า พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์ คงเป็นเพราะอยากกินเนื้อสัตว์เสียเอง จึงถือโอกาสอ้างพระนามของพระบรมศาสดาเสียเลย เวรกรรมจริงๆ กรรมหนักมากเสียด้วย
     
  7. sassyblue

    sassyblue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +52
    พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์หรือไม่?
    พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์หรือไม่? พุทธศาสนิกชนเป็นอันมาก บางกลุ่มก็เชื่อว่าพระพุทธเจ้าไม่เสวยเนื้อสัตว์ บางกลุ่มก็ว่าพระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์ เพื่อให้เข้าถึงความถูกต้องสาธุชนควรใช้จิตสำนึกที่เที่ยงธรรม มาพิจารณาเหตุผลให้ถ่องแท้ ข้อคิดที่น่าพิจารณาก็คือ
    1 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เป็นผู้มีพระเมตตากรุณาต่อสัตว์ทั้งหหลายในโลกอย่างหาประมาณมิได้ ทรงสอนพุทธบริษัทของพระองค์ไม่ให้ฆ่าสัตว์ แม้แต่สัตว์ที่เล็กที่สุดต่ำต้อยที่สุด ศีลข้อที่ 1 ว่าด้วยการไม่เบียดเบียนตนแลละผู้อื่น ทั้งที่มนุษย์จะกระทำต่อมนุษย์หรือมนุษย์กระทำต่อสัตว์ก็อยู่ในข้อเดียวกัน ถ้าคำว่า อย่าฆ่าสัตว์ ไม่ได้หมายความถึงอย่าเสพเนื้อสัตว์ ด้วย ศีลข้อที่ 1 ก็ไร้ค่าหมดความหมายไปสิ้น เพราะจะมีการกินเนื้อสัตว์ไม่ได้เลยถ้าไม่มีกานฆ่าสัตว์เสียก่อนการกินเนื้อสัตว์ทำให้เกิดการฆ่า ถ้าหยุดกินก็คือ หยุดฆ่าด้วย แต่เพราะคนทั้งหลายแยกการกินและการฆ่าออกจากกัน สัตว์จึงถูกฆ่าอยู่ร่ำไปไม่สิ้นสุด การกินสัตว์กับการฆ่าสัตว์ย่อมเกี่ยวข้องเป็นเหตุและผลคู่กัน เราไม่สามารถจะแยกการกินออกจากการฆ่าได้พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้บัญญัติศีล ไม่ให้ฆ่า แล้วพระองค์จะมากินเสียเองดูกระไรอยู่
    2 . ชาติภูมิกำเนิดของพระพุทธเจ้าเป็นชาวฮินดูอยู่ในวรรณะสูงแม้แต่ชาวฮินดูธรรมดาก็ไม่เสพเนื้อสัตว์มาตั้งตาพุทธกาลหลายพันปีมาแล้วจวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ และบรรดาศากยวงค์อันเป็นเชื้อสายของพระพุทธเจ้าปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ล้วนเป็นผู้ไม่เสพเนื้อสัตว์ ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ในศากยวงค์ไม่เคยปรากฏว่า มีการเสพเนื้อสัตว์”
    3 . พระพุทธเจ้ามีพระจริยาวัตรงดงามทรงฉันโดยอาการสำรวม อาหารผักผลไม้ย่อมสะดวกต่อการขบฉันเป็นอันมาก เนื้อสัตว์ที่คนเราธรรมดากินมีทั้งก้าง กระดูก หนัง ลำบากต่อการกินต้องฉีกดึงแทะกัด ล้วนเป็นอาการกินที่ไม่สำรวม ไม่น่าดูเลย กริยาอย่างนี้ย่อมไม่พบในองค์พระบรมศาสดาเป็นแน่
    4 . ขณะที่ทรงเสด็จออกบวชจนกระทั้งตรัสรู้และออกจาริกเทศนาตลอดพระชนม์ชีพพระพุทธเจ้าใช้เวลาส่วนใหญ่ประทับอยู่ในป่า อาหารที่เป็นธรรมชาติที่สุดก็คืออาหารจำพวกพืชผักผลไม้ สามารถหาได้ง่ายไม่สิ้นเปลืองสะดวกต่อการจัดหามาบริโภค เหมาะแก่การดำรงตนเป็นผู้เลี้ยงง่าย อันหมายถึงผู้ปฏิบัติธรรมที่แท้จริง
    5 . น่าคิดว่านายจุนทะเองก็เป็นแขกฮินดู ซึ่งตามธรรมดาชาวฮินดูจะไม่กินเนื้อสัตว์กันมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล นายจุนทะจะเอาเนื้อหมูมาถวายพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ? -หมายเหตุ “พระมหาเถระอัมริตนันทะ ผู้มีชื่อเสียงแห่งประเทศเนปาล ซึ่งเป็นบุตรหลานในตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจาก ศากยวงศ์ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ยืนยันให้โลกรู้ว่า นับตั้งแต่โบราณกาลมาตราบจนถึงทุกวันนี้ ในราชวงศ์ของท่านนั้นไม่เคยมีใครเสพเนื้อสัตว์เลยพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายก็มิได้เสพเนื้อสัตว์เช่นกัน ใน ลังกาวตารสูตร และพระสูตรอื่น ๆอีกมาก ได้จารึกพระวจนะของพระพุทธองค์มีบ่งบอกไว้ชัดเจนว่าพระองค์มิได้เสวยเนื้อสัตว์ใดๆ และทรงสรรเสริญคุณของการงดเสพเนื้อสัตว์
    จนกระทั่งราวปี พ.ศ. 900 มีการเขียนเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงโดยชนรุ่นหลังว่า พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์ คงเป็นเพราะอยากกินเนื้อสัตว์เสียเอง จึงถือโอกาสอ้างพระนามของพระบรมศาสดาเสียเลย เวรกรรมจริงๆ กรรมหนักมากเสียด้วย
     
  8. sassyblue

    sassyblue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +52
    พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์หรือไม่?




    พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์หรือไม่? พุทธศาสนิกชนเป็นอันมาก บางกลุ่มก็เชื่อว่าพระพุทธเจ้าไม่เสวยเนื้อสัตว์ บางกลุ่มก็ว่าพระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์ เพื่อให้เข้าถึงความถูกต้องสาธุชนควรใช้จิตสำนึกที่เที่ยงธรรม มาพิจารณาเหตุผลให้ถ่องแท้ ข้อคิดที่น่าพิจารณาก็คือ
    1 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เป็นผู้มีพระเมตตากรุณาต่อสัตว์ทั้งหหลายในโลกอย่างหาประมาณมิได้ ทรงสอนพุทธบริษัทของพระองค์ไม่ให้ฆ่าสัตว์ แม้แต่สัตว์ที่เล็กที่สุดต่ำต้อยที่สุด ศีลข้อที่ 1 ว่าด้วยการไม่เบียดเบียนตนแลละผู้อื่น ทั้งที่มนุษย์จะกระทำต่อมนุษย์หรือมนุษย์กระทำต่อสัตว์ก็อยู่ในข้อเดียวกัน ถ้าคำว่า อย่าฆ่าสัตว์ ไม่ได้หมายความถึงอย่าเสพเนื้อสัตว์ ด้วย ศีลข้อที่ 1 ก็ไร้ค่าหมดความหมายไปสิ้น เพราะจะมีการกินเนื้อสัตว์ไม่ได้เลยถ้าไม่มีกานฆ่าสัตว์เสียก่อนการกินเนื้อสัตว์ทำให้เกิดการฆ่า ถ้าหยุดกินก็คือ หยุดฆ่าด้วย แต่เพราะคนทั้งหลายแยกการกินและการฆ่าออกจากกัน สัตว์จึงถูกฆ่าอยู่ร่ำไปไม่สิ้นสุด การกินสัตว์กับการฆ่าสัตว์ย่อมเกี่ยวข้องเป็นเหตุและผลคู่กัน เราไม่สามารถจะแยกการกินออกจากการฆ่าได้พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้บัญญัติศีล ไม่ให้ฆ่า แล้วพระองค์จะมากินเสียเองดูกระไรอยู่
    2 . ชาติภูมิกำเนิดของพระพุทธเจ้าเป็นชาวฮินดูอยู่ในวรรณะสูงแม้แต่ชาวฮินดูธรรมดาก็ไม่เสพเนื้อสัตว์มาตั้งตาพุทธกาลหลายพันปีมาแล้วจวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ และบรรดาศากยวงค์อันเป็นเชื้อสายของพระพุทธเจ้าปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ล้วนเป็นผู้ไม่เสพเนื้อสัตว์ ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ในศากยวงค์ไม่เคยปรากฏว่า มีการเสพเนื้อสัตว์”
    3 . พระพุทธเจ้ามีพระจริยาวัตรงดงามทรงฉันโดยอาการสำรวม อาหารผักผลไม้ย่อมสะดวกต่อการขบฉันเป็นอันมาก เนื้อสัตว์ที่คนเราธรรมดากินมีทั้งก้าง กระดูก หนัง ลำบากต่อการกินต้องฉีกดึงแทะกัด ล้วนเป็นอาการกินที่ไม่สำรวม ไม่น่าดูเลย กริยาอย่างนี้ย่อมไม่พบในองค์พระบรมศาสดาเป็นแน่
    4 . ขณะที่ทรงเสด็จออกบวชจนกระทั้งตรัสรู้และออกจาริกเทศนาตลอดพระชนม์ชีพพระพุทธเจ้าใช้เวลาส่วนใหญ่ประทับอยู่ในป่า อาหารที่เป็นธรรมชาติที่สุดก็คืออาหารจำพวกพืชผักผลไม้ สามารถหาได้ง่ายไม่สิ้นเปลืองสะดวกต่อการจัดหามาบริโภค เหมาะแก่การดำรงตนเป็นผู้เลี้ยงง่าย อันหมายถึงผู้ปฏิบัติธรรมที่แท้จริง
    5 . น่าคิดว่านายจุนทะเองก็เป็นแขกฮินดู ซึ่งตามธรรมดาชาวฮินดูจะไม่กินเนื้อสัตว์กันมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล นายจุนทะจะเอาเนื้อหมูมาถวายพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ? -หมายเหตุ “พระมหาเถระอัมริตนันทะ ผู้มีชื่อเสียงแห่งประเทศเนปาล ซึ่งเป็นบุตรหลานในตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจาก ศากยวงศ์ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ยืนยันให้โลกรู้ว่า นับตั้งแต่โบราณกาลมาตราบจนถึงทุกวันนี้ ในราชวงศ์ของท่านนั้นไม่เคยมีใครเสพเนื้อสัตว์เลยพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายก็มิได้เสพเนื้อสัตว์เช่นกัน ใน ลังกาวตารสูตร และพระสูตรอื่น ๆอีกมาก ได้จารึกพระวจนะของพระพุทธองค์มีบ่งบอกไว้ชัดเจนว่าพระองค์มิได้เสวยเนื้อสัตว์ใดๆ และทรงสรรเสริญคุณของการงดเสพเนื้อสัตว์
    จนกระทั่งราวปี พ.ศ. 900 มีการเขียนเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงโดยชนรุ่นหลังว่า พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์ คงเป็นเพราะอยากกินเนื้อสัตว์เสียเอง จึงถือโอกาสอ้างพระนามของพระบรมศาสดาเสียเลย เวรกรรมจริงๆ กรรมหนักมากเสียด้วย
     
  9. sassyblue

    sassyblue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +52
    คำตอบ ท่านไม่ได้เสวยเนื้อสัตย์

    คนที่ยังกินเนื้ออยู่ไม่บาปหรอกเพราะ ไม่มีจิตที่อยากเค่นฆ่าโดยทางตรงง

    เพียงแต่คนที่ยังกินเนื้อสัตย์อยู่ยังมีความเมตตาไม่พอที่จะทำใจละเว้นเนื้อเท่านั้นเองง

    หากคนที่มีเมตตามากเขาไม่ต้องการที่จะหาเหตุผลเลยว่าทำไมต้องละเว้นเพราะเขาเข้าใจอยู่แล้วว่าทำไม นั้นคือ จิตที่เมตตาในตัวเขามาสกัดเขาไม่ให้เขากิน ดังนั้นเหตผลของคนกินเจคือจิตมีเมตตาไม่อยากเบียดเบียนเนื้อสัตย์ คนที่กินเจแล้วยังไม่เข้าถึงจิตเมตตาที่แท้จริงหรือคิดสงสารโดยแท้ก็มีคือพวกเขาเห็นว่าดีเขาก็กิน แต่ส่วนมากพวกที่กินเพราะเมตตา นั้นมีน้อยมากๆ



    พระพุทธเจ้าที่ท่านไม่ทรงห้ามเหตเพราะท่านมองการ์ณไกลแล้วว่าหากห้ามแต่เนิ่นๆคงไม่มีคนมาเข้าศึกษาในพระศาสนาเป็นแน่นอนเพราะเมื่อคนที่จะมาศึกษาธรรมเห็นข้อจำกัดทีี่ว่าห้ามกินเนื้อหากนับถือพุทธคงไม่มีใครเข้าศาสนาแน่นอน


    พระพุทธเจ้าท่านจึงอยากที่จะให้คนมาศึกษาและเข้าใจด้วยตนเองว่าธรรมนั้นเป็นอย่างไร
     
  10. jariya_wael

    jariya_wael Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +49
    จะกินเจ มังสวิรัติ อย่าถามคำถามกับคนที่ทานเนื้อสัตว์ มันก็เท่านั้น
    ต้องถามใจตนเองและคนที่ทานเจ หรือ หาตำรามาค้นหาข้อมูล
    กินเจ ต้องออกมาจากใจตนเอง มิใช่กินตามคัมภีร์ พระสูตร หรือ กระแสความคิด

    กินพืชไม่บาป เพราะ ไม่มีอยู่เลยในวัฏสงสาร ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "พืช"อยู่ในการเวียนว่ายตายเกิดทั้ง 6 ภูมิ

    หากบาป นั่นหมายถึง การผิดศีลธรรมทั้ง 5 ข้อ ซึ่งนำไปสู่การเวียนว่ายตายเกิด
    และ ศีลข้อ 1 ชัดเจนมากแล้วว่า ห้ามฆ่าสัตว์ทุกประเภท

    คนกินเนื้อบาป ไม่บาปไม่รู้ แต่รู้ว่า เกี่ยวกรรมแน่นอน
    บาปอยู่ที่คนทำ กรรมอยู่ที่คนกิน
    ผู้ที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุด คือ วิญญาณสัตว์เดรัจฉาน มิใช่พระ มิใช่เทวดา มิใช่คนที่ทานเนื้อสัตว์

    เหตุใดจึงทำให้เรารู้ว่า สัตว์มิใช่อาหารของมนุษย์
    ก็ลองเอามีดไปขู่มันดูสิ มันจะยอมไหม มันก็ไม่ยอม ต่างดิ้นรนหนีไป
    ขนาด มนุษย์เป็นอาหารของจรเข้ มนุษย์ยังไม่ยอมเลย เพราะกลัวเจ็บ กลัวตาย เพราะฉะนั้น มมุษย์จึงเอาเปรียบจรเข้โดยการเอามาทำกระเป๋าหนัง มนุษย์จึงเป็นนักล่าที่น่ากลัวที่สุด
    แต่พืชล่ะ ยิ่งตัดแต่งกิ่ง ยิ่งออกดอกออกผล
    กินเจ คือ ธรรมชาติการบริโภคของมนุษย์ มิได้บุญกุศลเลย แต่ประโยชน์ต่อร่างกาย สุดยอดแน่นอน
     
  11. กระรอกน้อย

    กระรอกน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +366
    ไม่รู้ว่าบาปอะเปล่า แต่ถ้าคิดว่าอยากเลิกทานเนื้อสัตว์ แต่เลิกลำบาก
    ก็เริ่มจากการงดทานเนื้อสัตว์ใหญ่ ก่อนก็ได้ค่ะ เช่นเนื้อวัว เป็นต้น
    เพราะอย่างน้อยๆ ก็ไม่เบียดเบียน และงดการส่งเสริมการฆ่าสัตว์ ไปหนึ่งชนิด

    ---------------------------------->

    พุทธังอนันตัง ธัมมังจักกะวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจะโยโหตุ ฯ


    คนรุ่นใหม่ ใฝ่ในธรรม
     
  12. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    .....บาป เกิดกับใจ .....ใจบังคับ....ใจยอมรับ....ใจกิน.....

    ...ร่างกาย ต้องการอาหาร ตามสมควร แก่การดำรงชีพ.....

    ....ใจ เกาะกาย อาศัยกาย หากบงการกาย ผลย่อมเกิดกับใจ.......
     
  13. newearth

    newearth สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +17
    ถ้าพิจารณาอาหารก่อนกิน...
    ลองมองถึง...ที่มา...ก่อนจะมาเป็นเนื้อสัตว์ที่อยู่บนจานพร้อมรับประทาน...
    พิจจารณาว่า กว่าจะมาเป็นอาหารที่อยู่ตรงหน้าเรา....
    ในหลายๆชีวิตเหล่านี้...ถูกฆ่าอย่างทรมาณก่อนตาย...
    อยากให้ทุกคนที่กินเนื้อสัตว์...ที่ไม่เคยเห็นตอนสัตว์โดนฆ่าได้รู้นะครับ...
    ว่าตอนที่มันถูกฆ่า...ทั้งน้ำตาไหลทั้งร้องและดิ้นด้วยความเจ็บปวด...

    คนที่ไม่ได้กินเนื้อสัตว์ก็ไมได้วิเศษกว่าใครหรอกครับ...
    เพียงแต่เค้าเลือกที่จะละเว้นจากการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น...
    ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม...

    ก่อนจะกินอาหารทุกครั้ง...อยากให้ลองพิจารณาถึงที่มาของมันนะครับ

    ลองดูนี่สิครับ
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1yYzvS5GkqY]YouTube - Filipino Pig Slaughter.m4v[/ame]
     
  14. lovekling

    lovekling เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +135
    ผมก็เป็นอีกคนที่เข้าร่วมทานเจด้วยครับ ระยะเวลาก็แล้วแต่ว่าสามารถทำได้แค่ไหน ปีนี้คิดว่าจะทานให้ครบวันครับ ถึงแม่อาหารเจบางชนิด เช่น อาหารที่แปรรูปมาจากถั่วซึ่งจะไม่ดีกับคนเป็นโรคกรดไหลย้อนอย่างผมก็ตาม เช่นทานนมถั่วเหลืองก็จะแน่นท้อง หายใจไม่ออกเพราะกรดไหลย้อนขึ้นมาที่โพรงจมูก แต่ผมก็ยังยืนยันจะทานให้ครบวันครับ
    อนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ
     
  15. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ฆราวาสมีสิทธิเลือกว่าจะทานเนื้อสัตว์ หรือมังสวิรัติ ส่วนพระไม่มี การไปซื้อเนื้อสัตว์ก็คือการอุดหนุน หรือสนับสนุนการกระทำปาณาติบาตอย่างชัดเจนอยู่แล้ว คนสนับสนุนผิดหรือไม่ก็คิดเอาเอง
    แต่หลังจากนี้ 2-3ปี คนที่กินเนื่อสัตว์ ฆ่าสัตว์และไม่ปฏิบัติธรรม จะเอาตัวไม่รอด ผู้คุมจักรวาลจะไม่เก็บไว้ให้รกโลกนี้อีกต่อไป ส่วนคนที่กินแต่ไม่ได้ฆ่า อาจจะรอด แตวันนั้นคุณก็ไม่มีเนื้อสัตว์ขายให้คุณอีกแล้ว
    ผู้ควบคุมจักรวาลกำลัง ปรับเปลี่ยนโลกนี้ใหม่ และจะชัดเจนที่สุดใน2-3ปีนี้
     
  16. gaiou419

    gaiou419 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +716
    เคยได้สนทนาธรรมกับพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าเป็นกรรมจัดสรร เขาเกิดมา
    เพื่อเป็นอาหาร เพื่อถูกฆ่า เป็นเวรกรรมที่เคยทำมา หนักมากก็กลับมาเกิดอย่าง
    นั้นเป็นร้อยๆ ชาติ เช่น ชาติก่อนอาจจะชอบฆ่าสัตว์ เป็นคนโหดร้าย หรือชอบทุบตี
    ทำร้ายบุพการีเหมือนวัวเหมือนควาย เป็นต้น กลับมาเกิดเพื่อถูกฆ่าชดใช้กรรมที่ทำ

    สมมุติว่าเราไปภัตตาคารอาหารจีน เห็นปลาว่ายอยู่ แล้วชี้นิ้วสั่ง อันนั้นเราได้สร้างเวร
    ใหม่กับเขาแทนที่จะปล่อยให้เป็นไปตามวัฏสังสารของเขา ยังไงเขาก็ต้องตายอยู่แล้ว
    โดยคนอื่น แต่ถ้าเราสั่ง ก็เป็นการประหารชีวิตเขา จะบาปมากน้อยแคไหนก็พิจารณาไป
    เป็นข้อๆ ดังนี้

    1. สิ่งนั้นมีชีวิต (ปลาว่ายน้ำอยู่เห็นๆ ไม่ได้นอนนิ่งๆ หรือหงายท้องลอยขึ้นมา)

    2. รู้ว่าสิ่งนั้นมีชีวิต (รู้ว่าปลายังเป็นๆ สดๆ)

    3. มีจิตอยากให้สิ่งมีชีวิตนั้นตาย (เจตนาฆ่า) (อยากทาน สั่งเอาไปย่าง ทอด)

    4. ใช้ความพยายามทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นตาย (พ่อครัวปรุงตามออร์เดอร์)


    ในกรณีนี้ก็ผิดไป 3 ข้อ แม้จะไม่เต็ม แต่ก็เกือบ 100 เปอร์เซ็น
    ถ้าสั่งอาหารที่ร้านเช่นขอข้าวผัดไก่
    1. สิ่งนั้นไม่มีชีวิต (เนือไก่ ถูกฆ่าตามออร์เดอร์โรงงานอยู่แล้ว)

    2. ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมีชีวิต (คิดว่าทางร้านซื้อเนื้อไก่ที่ตายแล้ว)

    3. ไม่มีจิตอยากให้สิ่งมีชีวิตนั้นตาย (ไม่มีเจตนาฆ่า) (รู้ว่าไก่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว)

    4. ไม่ได้ใช้ความพยายามทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นตาย (ไม่ได้เป็นคนฆ่าไก่นั้นๆ)


    แต่หากสัตว์ที่ถูกฆ่า มีความรู้ตัวสูง รักชีวิต กลัวตาย เช่นสัตว์ใหญ่อย่าง
    วัว หากเขาอาฆาตคนที่ฆ่าเขา และจองเวรคนที่กินเนื้อหนังเขา คนที่ฆ่าก็ได้รับกรรม
    เต็มๆ คนที่กินก็โดนด้วย ก็จะเกิดเป็นกงกรรมกงเกวียนต่อไปอีก ดังนั้นควรแผ่เมตตา
    อุทิศส่วนกุศลทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ใ้ห้ทั้งสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ที่เราได้เบียดเบียน ทั้งทาง
    ตรงและทางอ้อม สงสารและเห็นใจในชะตาของเพื่อนร่วมโลก อย่ามีส่วนยินดี
    รู้เห็นเป็นใจในการประหัตถ์ประหารเขา ช่วยเหลือตามโอกาสอำนวย

     
  17. xushukung

    xushukung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +465
    อย่าท้อแท้ครับ เจตนาคุณดีมันก็ต้องดี ผมก็ไม่ได้กินเจ แต่ก็เห็นประโยชน์ของการกินเจ อย่างน้อยช่วงที่มีการกินเจ ก็ช่วยลดการฆ่าฟันลงได้บ้างไม่มากก็น้อย

    ส่วนใครจะคิดอย่างไรนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ตัวคุณต่างหากว่า เจตนาคุณกินเพื่ออะไร อย่างผมยังกินเนื้อสัตว์อยู่ ก็เพราะมันเป็นโปรตีนที่หาได้ง่าย บอกตามตรงว่ายังติดในรสชาดอาหารอยู่ จึงจำเป็นต้องมีเนื้อสัตว์เป็นองค์ประกอบในอาหาร

    การกระทำใด ๆ ล้วนแต่มีมุมมองของแต่ละคนที่ต่างกัน ถ้าเรามองเห็นเหมือนกัน ก็คงมีศาสนาเดียวในโลก มีศาสดาองค์เดียวกัน จริงมั้ยครับ

    ขออนุโมทนา สาธุ กับผู้ที่ถือศีลกินเจทุกท่านที่มีเจตนาดี ในการกิจเจเพื่อลดการเบียดเบียนสัตว์ ขอให้ผลบุญจงส่งผลให้ทุกท่านจงมีสุขภาพดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...