ภูมิธรรมของในหลวง

ผมได้มีโอกาสได้สนทนากับหลวงพ่อวัดป่าสายหลวงปู่มั่นรูปหนึงที่ผมเคารพซึ่งท่านเป็นพระปฏิบัติสายวิปัสสนากรรมฐานซึ่งมีความคุ้นเคยกับทางเชื้อพระวงศ์เป็นอย่างดี เนื่องจากผมได้ทราบมาก่อนว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเราพระองค์ท่านทรงสนใจปฏิบัติธรรมตั้งแต่ทรงผนวชอยู่ที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร และยังทรงปฏิบัติธรรมอยู่เสมอมิได้ขาดจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ผมจึงกราบเรียนถามพระคุณเจ้าท่านเกี่ยวกับภูมิธรรมของในหลวงในตอนนี้

ท่านบอกว่าตอนนี้ในหลวงพระองค์ท่านได้บรรลุธรรมถึง "พระอนาคามี" แล้ว ซึ่งก็หมายความว่าชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายของพระองค์ หากพระองค์ไม่ทรงคิดยกภูมิธรรมของพระองค์ขึ้นขั้นพระอรหันต์ในชาตินี้ พระองค์จะทรงเสด็จไปบำเพ็ญเพียรต่อยังพรหมโลกเพื่อเข้าสู่พระนิพพานต่อไป ส่วนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาตอนนี้ท่านก็มีความก้าวหน้าทางธรรมเช่นกันเพราะท่านได้บรรลุธรรมถึงขั้น "สกิทาคามี" แล้ว

เมื่อได้ฟังดังนี้ตัวผมจึงรู้สึกปิติปรีดามาก นับเป็นบุญกุศลของชาวไทยที่พวกเราได้มีพระมหากษัตย์ที่ทรงอยู่ในทศพิศราชธรรมโดยแท้จริง พระองค์เป็นพระมหากษัตย์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยบารมีอย่างหามิได้ บ้านเมืองทุกวันนี้อยู่รอดปลอดภัยก็เพราะบารมีของพระองค์คอยคุ้มประเทศชาติไว้ หากมีผู้ใดล่วงเกินจาบจ้วงองค์ในหลวงแม้แต่จะคิดก็ตาม โปรดพิจารณาไว้เถอะครับว่าท่านจะบาปมากแค่ไหนที่ได้จาบจ้วงพระมหากษัตย์ซึ่งเป็น "พระอริยะ" โดยแท้

สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าขอกราบเถิดทูนคุณในหลวงด้วยเศียรเกล้า ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 

พระโพธิสัตว์บารมีเต็มแล้ว จิตท่านเทียบเท่าพระอนาคามี
พระสงฆ์แม้จะเป็นอริยภูมิแล้ว ก็ยังยากที่จะพิจารณาถึงจิตพระโพธิสัตว์

เหมือนที่พระหลาย ๆ องค์บอกหลวงปู่ดู่ว่า เป็นพระอริยะแล้ว
ก็เช่นเดียวกัน

 

ใต้ร่มพระบารมีของในหลวง
ปวงชนทั้งหลายอยู่ เย็น เป็น สุข
ผู้ใดคิดไม่ดีกับพระองค์ รีบกลับตัวกลับใจนะครับ

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 

บุญเหลือเกินที่ได้เกิดใต้พระบรมโพธิสมภาร ขอทรงพระเจริญ







เห็นภาพที่พระองค์โบกพระหัตถ์ให้ประชาชนแล้ว . . . น้ำตาไหลค่ะ

 

เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะก้มกราบแทบผ่าพระบาท

 

"เย็นศิระเพราะพระบริบาล"
"แม้นใครคิดย่ำำียี ใต้ฝ่าธุลีขอพลีชีพแทน"