ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ไปค้นเจอมา คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ เขามาบรรยายเนื้อหาในหนังสือตอนท้าย
เป็นนิมิตถึงโลกในอนาคตลองอ่านดู ป่านนี้หนังสือจะมีเหลืออยู่รึปล่าว

และนี่คือภาพนิมิตแห่งอนาคตที่อาจเป็นไปได้ ของบรรดาคนไข้

1. "ในหนึ่งร้อยปี หรือกระทั่งสองร้อยปี
โลกค่อนข้างเป็นอย่างเดียวกับที่มันเป็นในขณะนี้
(เฮ้อ...สบายใจได้ โลกยังไม่แตก และยังไม่ร้อนจนเป็นเตาอบ ...)
จะเกิดความหายนะ โศกนาฏกรรม และภัยพิบัติต่างๆ ทางธรรมชาติ
และเกิดจากฝีมือมนุษย์ แต่ไม่ใช่ในระดับโลก มีสารพิษมากขึ้น
ผู้คนอยู่กันอย่างแอดัดยัดเยียดมากขึ้น
ประชากรเพิ่มขึ้น และโลกร้อนขึ้น
มีโรคติดเชื้อเกิดขึ้นน้อยลง มีวิธีการที่ดีขึ้นในการเพาะปลูก
และเก็บเกี่ยวอาหารและอื่นๆ"

2. หลังจากช่วงนี้ - มันอาจใกล้แค่สามร้อยปี หรือไกลถึงหกร้อยปี
จะเกิดการเริ่มต้นของยุคมืดครั้งที่สอง
ดูเหมือนผู้คนทำนายถึงเหตุการณ์ร้ายว่า
จะเกิดขึ้นในอีกสามร้อยปี
บางทีอาจเป็นเพราะอนาคตไม่ตายตัว
และความมืดคืบคลานเข้ามาเร็วขึ้น
เนื่องจากความคิดและการกระทำต่างๆ
ในด้านลบของผู้คนจำนวนมาก
ถึงแม้ยังคงมีเวลาที่จะพลิกฟื้นโดยผ่านความพยายามร่วมกันก็ตาม
ผมไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดความมืด
แต่เรามองเห็นว่าจำนวนประชากรลดน้อยลงมาก
คำอธิบายอาจอยู่ที่ภาวะเจริญพันธุ์ที่ลดลง
เนื่องจากความเป็นพิษของสภาพแวดล้อม
มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากพอที่ระบุว่า
อัตราเร็วในการเคลื่อนที่ของอสุจิลดลง
แต่ไวรัส สารพิษ แอสเตียรอยด์ ฝนดาวตก สงคราม โรคระบาด
หรือกระทั่งภัยพิบัติที่นึกไม่ถึง
ก็อาจรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ก็ได้

พวกเราบางคนจะไม่กลับชาติมาเกิดในเวลานั้น
จิตสำนึกของเราอาจเปลี่ยนไป
มากพอจนกระทั่งเราจะมองมันจากอีกสถานที่หนึ่ง
จากมิติอื่น เราอาจไม่จำเป็นต้องมาอยู่ที่นี่อีกต่อไป
อนาคตของเราในฐานะปัจเจกชนอาจก้าวหน้ากว่าอนาคตของดาวเคราะห์
พวกเราบางคนอาจกลับชาติมาเกิดในมิติอื่นๆ หรือโลกอื่นๆ

3. และแล้วก็มาถึง ความงดงามตามธรรมชาติ
ในแบบชนบทที่อุดมสมบูรณ์และสันติสุข
ซึ่งฮิวจ์เห็น (คนไข้คนหนึ่งของคุณหมอ)
และคนอื่นๆ ได้กล่าวถึงมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พวกเขาทั้งหมดต่างเห็นความสว่างไสว
พวกเขาทั้งหมดรู้สึกถึงสันติสุข
แทนที่จะเกลียดกันและกัน ฆ่ากันและกัน
วางยาพิษสภาพแวดล้อม และจิตวิญญาณ
ปริมณฑลในอุดมคติก็จะแสดงตัวออกมา"

โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า เหตุการณ์ในข้อ 1 และ 2 คงจะเกิดขึ้นจริงแน่
ถ้าดูจากแนวโน้มสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
ผมเชื่อว่าอาจเร็วกว่าคำบอกเล่าของบรรดาคนไข้ของหมอไวส์เสียอีก
บางทีในบั้นปลายชีวิตอีก 40-50 ปีข้างหน้า (ถ้าอยู่ถึงนะ)
เราอาจได้เห็นภาพเหล่านี้
แต่สำหรับ ข้อ 3 แล้ว เดิมทีผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะมีโอกาสเกิด
แต่ตอนนี้ผมก็ชักเชื่อแบบคุณหมอไวส์ว่า

หากเราเริ่ม "เลือก" ที่จะเดินเส้นทางใหม่ เพื่ออนาคตใหม่
เราย่อมได้สิ่งนั้น
และหากทุกคน "เลือก" ในสิ่งเดียวกัน
การตัดสินใจรวมหมู่ของพวกเราจะนำพาให้เกิดสิ่งนั้น
มันขึ้นอยู่กับว่า "เรา" "เลือก" "อะไร"

ในหน้าสุดท้ายของหนังสือ หมอไวส์ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า

"เนื่องจากผมต้องตาย เช่นเดียวกับที่เป็นอมตะ
ผมจึงเป็นห่วงปัจจุบัน และช่วงเวลาอันยากลำบากที่จะมาถึง
เนื่องจากเราไม่ได้ถูกบับคับให้เข้าสู่อนาคต
ถึงแม้ดูเหมือนว่าพฤติกรรมของเรา
จะถูกจำกัดด้วยทางเลือกต่างๆ ของเราก็ตาม
แต่ผมยังคงมองโลกในแง่ดี
ผมคิดว่าจิตสำนึกรวมหมู่ของผู้คนที่ถวิลหาโลกที่สันติสุข
และงดงามตามธรรมชาติ
จะบรรลุผลสัมฤทธิ์นี้ การจะทำเช่นนี้
เราแต่ละคนจะต้องจำไว้ว่า
ชะตากรรมของเราคือการเป็นอมตะ
แต่อนิจจา พวกเราจำนวนมากเกินไปไม่รู้เรื่องนี้
หรือลืมเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฎเป็นข่าวทุกวัน
ผมหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจ"

ซ.ซวง - หนังสือประทับ "ซวง" - หลายร่างวิญญาณเดียว : เรียนรู้อดีต เลือกอนาคต กำหนดปัจจุบัน

 

ไม่ค่อยฝันมาหลายปีแล้วครับ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังฝันอยู่
และถ้าเป็นฝันบอกเหตุแบบนี้
มักจะไม่บอกตรงๆ ส่วนใหญ่ต้อง
ไปตีความเอาเอง ได้ออกมาเป็น
เรื่องสัพเพเหระ ทั่วๆ ไป เช่น
ความรัก ศัตรู โชคลาภ ฯลฯ
ซึ่งหลังจากตีความแล้ว
มักจะตรงนะครับ

แต่คราวนี้ไม่ต้องตีความเลย
บอกกันตรงๆ อย่างนี้เลย
ผมเลยเอามาเล่าให้ฟัง
เพื่อทราบ เท่านั้นนะ
อ่านกันแล้วอย่าเพิ่งกังวลล่ะ

มันอาจจะเป็นตามนั้น หรือ ไม่ก็ได้

ผมรอคำตอบจากรูปพรรณชีวิตต่างมิติอยู่ครับ ^ ^

 

คืนนี้ก่อนนอนลองตั้งจิต อธิฐาน ให้เขามาหาในฝันสิ

แนะนำให้อ่านกระทู้ โนวาอนาลัย อยู่ในบอร์ดวิทย์นี้แหละครับ มี400 กว่าหน้าเห็นจะได้ เกี่ยวกับ มิติความฝัน และจิตวิญญาณ
แล้ว จะรู้ว่าความฝัน มันมีประโยชน์มากมายซ่อนอยู่

อนุโมทนาครับ ที่มาบอกกล่าว บางครั้งความฝันก็สื่อมาตรงๆ และเมื่อเราตีความมัน มันก็มีข้อมูลที่ซ่อนอยู่อีกนั่นแหละ ซึ่งเป็น การเข้ารหัสส่วนตัว ของผู้รับสาร

 

ช่วง3-4คืนมานี้ฝันเห็น UFO ทุกคืนเลยอ่ะ
แต่ละคืนยานก็ไม่เหมือนกันเลย บางลำก็ลำใหญ่มาก เป็นรูป + บางลำก็มีสีสันสวยงาม
รวมๆที่ฝันเห็นเพื่อนUFO ก็ 5ครั้งจ๊ะ
แต่หลังๆฝันค่อนข้างถี่

 

เอาแบบน้ำจิ้มไปก่อนละกันนะ
__________________________

เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ชีวิตคุณไดอานาตกต่ำถึงที่สุด
และจากคนที่ไม่มีพลังจิตหรือนับถือศาสนาอะไรเลย
เธอได้รับการติดต่อจากเทวดานางฟ้าให้เปิดรับข้อมูลต่างๆ
เธอเริ่มเห็นแสงทรงกลม (orbs)
ในหลายภาพที่เธอนำมาโชว์นั้น หนึ่งในนั้นถูกถ่ายรูปไว้ได้ในเมืองไทย (รูปสีฟ้าน้ำเงินสวยๆ)

ข้อมูลที่เธอได้รับมีเพื่อการเตรียมตัวให้พร้อมกับปีคศ 2012
พลังงานใหม่ๆมากมายกำลังมายังโลกใบนี้
และสำหรับมนุษย์ที่มีความพร้อม
ก็จะถูกช่วยยกเลื่อนระดับไปยังมิติที่ 5
จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวมถึงการชำระล้าง
แต่ท้ายสุดจะเป็นแฮปปี้เอนดิ้งโดยใช้เวลา 20 ปี (คศ 2032)
คุณไดอานาพูดถึงความสำคัญของการเปิดจักระให้ครบทั้ง 12 จักระ ให้ทันปีคศ 2012
และโยงถึงการเปลี่ยนรูป DNA ของมนุษย์ด้วย

เด็กที่เกิดใหม่เป็นผู้ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน
ทำให้เด็กเหล่านี้มีมุมมองที่ต่างออกไป และจะช่วยรักษาโลกเราไว้
พวกเขาจะมีดีเอ็นเอที่เปลี่ยนรูปพร้อมแล้ว
และทักษะทางพลังจิตจะกลับมา
นับจากครั้งสุดท้ายที่มีก็คือยุคแอตแลนติส

เรื่องการชำระล้าง (ภัยพิบัติ) จะมีความรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
หากมนุษย์ในบริเวณนั้นเผชิญหน้าด้วยความสงบ พลังงานบวก ก็จะช่วยคลายความรุนแรง
ในทางกลับกัน ความหวาดกลัวของมนุษย์ จะเพิ่มพลังงานลบและเพิ่มความรุนแรง

อื่นๆย่อยๆ มีพูดถึงระบบเศรษฐกิจ บริษัทใหญ่ๆแบบเดิมๆก็จะล้มหายไป
ในแง่ภูมิภาค ทวีปอเมริกามีแนวรอยคอยจะปริแตก
อังกฤษจะได้จัดโอลิมปิคปี 2012
เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของพลังงานที่เทวดามาช่วยยกพลังงาน
ออสเตรเลียจะต้องผ่านช่วงลำบากทั้ง ไฟ และ น้ำ แต่ท้ายสุดก็จะน่าอยู่มาก
อิรักเป็นบริเวณมืดดำ (dark place) ก็ต้องผจญเยอะหน่อย
และจะเป็นผู้หญิงอิรักที่จะเป็นผู้ฟื้นฟูประเทศ

สรุป
เปิดจักระทั้ง 12 เพื่อพร้อมยกระดับมิติที่ 5 ภายในปี 2012
โลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างมโหราฬใช้เวลา 20 ปี จบที่ปี 2032
สรุปของสรุป แฮปปี้เอนดิ้ง จ้า

ดูยูทูบวิดีโอของคุณไดอาน่าสอนการเปิดจักระ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=WYPm3022_vo&feature=related"]YouTube - Diana Cooper - Awaken your 12 chakras PART ONE.mp4[/ame]

เข้าเว็บไซต์คุณไดอาน่า
Angels & Ascension, Unicorns, Atlantis & 2012 - Diana Cooper
มีพูดถึง ยูนิคอร์น (สัตว์ในเทพนิยาย เป็นม้าสีขาวมีเขาหนึ่งเขา) ด้วย (เพิ่งแปลไป)

ปล จับใจความเร็วๆฉาบด้วยความเห็นส่วนตัวเอง ขาดตกบกพร่องยังไง ขออภัยด้วยค่ะ
อ้อ คุณไดอานาบอกว่า เราทุกคนมีเทวดานางฟ้าดูแลเรานะ
และไม่ว่าเราจะทำตัวยังไง พูดยังไง เทวดานางฟ้าของเราก็ยังจะรักเราอย่างเต็มสปีดไร้เงื่อนไข
(หวังว่าที่แปลมา จะถูกบ้างนะ เพี๊ยง)

 

หนังสือเล่มนั้นชื่อ เราจะข้ามเวลามาพบกัน Only love is real เป็นกรณีตัวอย่างชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้ชายชื่อเปโตร ผู้หญิงชื่ออลิซาเบธ และอลิซาเบธคนนี้ก็เกิดที่อียิป มีพี่ชายเป็นนักบวชชั้นสูงในอียิป เรื่องยังมีต่อค่ะแต่จำไม่ค่อยได้แล้ว

 

วันนี้ออกไปนอกบ้านตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะเข้ามาเปิดเนตก็ค่ำ วันนี้ TRUE อัพเกรดสปีดแถมให้ โดยไม่เพิ่มตังค์ ขอบคุณค่ะคุณ threeam ที่มาช่วยแปลได้ความชัดเจนนะคะ ที่จริงก็อยากให้เทวดาหรือนางฟ้า(ไม้รู้เป็นแสงสีทองหรือเปล่านะ)ของเราปรากฏร่างให้เราเห็นชัดๆจะๆก็ดีนะ ( มีแต่ทางอ้อม ประเภทว่าจอคอมดับเอง ถ้าเราอยู่ดึกมาก นึกว่าจอเสีย เพราะเปิดซ้ำเท่าไร ไฟก็เข้าแล้ว แต่จอยังมืด พอข้ามอีกวันก็ปกติเฉย )
แต่ตอนนี้เห็นแชนเนลเข้ามาออกทางยูทูปแทบทุกวัน โดยเฉพาะช่วงที่จะถึงวันที่ 10/10/10 เมื่อวานนี้ Messages จาก Archangel Michael, Archangel Sandalphon, SaLuSa
พูดถึงความฝันที่ฝันเห็น UFO มีเค้านะคะ จำได้ว่ามีคนเอาคำปราศรัยของอาจารย์ชิงไห่ที่พูดตั้งแต่ปี ตุลาคม95 ที่ไต้หวัน เคยเอามาโพสต์ลงพลังจิตตั้งนานแล้ว

(ในระหว่างณาน 7 เพื่อนประทับจิตชาวเกาหลีถามท่านอาจารย์ว่า : “ปรากฏการณ์ที่มีจานบินจำนวนมากมาปรากฏที่เกาหลีเมื่อเร็วๆ นี้ มีความหมายอยู่เบื้องหลังว่าอย่างไร?” ชาวเกาหลีซึ่งอยู่ในที่นั้นจำนวน 4 คน (มี 3 คนที่เป็นพระภิกษุ) ได้เห็นจานบินเหล่านั้นด้วยตาของตนเอง ในการตอบคำถามเรื่องนี้ ซึ่งเป็นหัวข้อที่คนสนใจกันมากในปัจจุบัน ท่านอาจารย์ได้ให้คำแนะนำอันแฝงด้วยอารมณ์ขันเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องให้ทุกคนได้ทราบ วิธีเดียวที่จะป้องกันตัวเราและช่วยโลกให้รอดได้ก็คือบำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิมอย่างจริงจัง
เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันคิดว่าคงจะมีจานบินหลายพันลำบินอยู่เหนือโลกของเรา ไม่ใช่แต่เฉพาะในเกาหลีเท่านั้น และคนทั่วไปแม้แต่ในอเมริกา, ทุกหนทุกแห่ง เธอคงรู้จักองค์การนาซ่า, เอ็ฟบีไอ อะไรพวกนั้น เขาก็ได้รับรู้ข้อมูลพวกนี้เช่นเดียวกัน เขารู้ว่ามีจานบินจำนวนมหาศาลปรากฏมาพร้อมๆ กัน อาจเป็นจำนวนหลายแสนลำก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ต้องการจะเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ เพราะเขาไม่ต้องการให้คนในโลกเกิดความกังวล ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะพูดเรื่องนี้หรือเปล่า แต่เนื่องจากเธอถามฉันมาแล้ว ฉันจะบอกเรื่องที่ฉันรู้ให้ฟังก็แล้วกัน ฉันไม่รู้ว่าจะทำให้พวกเธอกังวลหรือเปล่า เขากล่าวกันว่า บางทีพวกมนุษย์ต่างดาวอาจจะโจมตีพวกเราก่อนคริสต์มาส-สักประมาณเดือนครึ่งถึง 2 เดือน นี่คือสิ่งที่เขาพูดกัน ฉันไม่ได้เป็นคนพูดนะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย (ทุกคนหัวเราะ) ฉันไม่ได้ไปไหนเลย ไม่ได้ดูทีวี และเมื่อถึงเวลาที่ฉันตาย ฉันก็ตาย....จบสิ้นไป
ดังนั้น จงเตรียมพร้อมที่จะมีชีวิตอีกแบบหนึ่งหรือไม่ก็ตาย (อาจารย์และทุกคนหัวเราะ) ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็บำเพ็ญธรรมวิธีกวนอิม เราทำสิ่งที่ดี เราทำให้ความรู้สึกผิดชอบของเราได้รับความพอใจ ว่าเราเป็นคนที่มีคุณธรรมอย่างมาก เราไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ความจริงก็มีข่าวดีอยู่ในข่าวร้ายนี้มากพอสมควร บางคนกล่าวว่า พวกมนุษย์ต่างดาวเป็นผู้มีใจเมตตามาก เขาจะมาช่วยเหลือเรา อาจจะมาช่วยเหลือเราในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเลวร้ายนี้ ถ้าเขาจะทำเช่นนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า เพราะเขามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก และหลายคนก็มีความรู้ทางด้านจิตวิญญาณมากกว่าด้วย..........

<TABLE id=table3 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD>ความจริงแล้ว เวลาที่คนส่วนใหญ่จากโลกอื่นเขามองดูมนุษย์ในโลก เขาก็หัวเราะเยาะเราว่า ทำไมถึงต้องมีการฆ่ากันมากมาย? ทำไมถึงต้องต่อสู้อะไรกันมากมาย? ทำไมเราจึงไม่สามารถแก้ปัญหาความเข้าใจผิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่พวกเราด้วยภาษาหรือด้วยประเพณีที่มีศีลธรรม? พวกเขาจะรู้สึกแปลกๆ เมื่อเห็นเรา รู้สึกว่าเราเป็นพวกที่หยาบ ไม่รู้จักยั้งคิด บางครั้งพวกเขาก็ส่ายศีรษะ (คนฟังหัวเราะ) ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น นานๆ ครั้ง เขาก็จะขับจานบินมาดูพวกเราเล่นเกมสงครามกัน
พวกเขารู้สึกว่า เราเป็นพวกไร้สาระสิ้นดี! ข้างบนนั้นเขาใช้วิธีการต่างๆช่วยแก้ปัญหา ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ พวกที่มีอุดมคติแบบเดียวกันก็จะอาศัยอยู่ด้วยกันที่มุมหนึ่ง ถ้าใครไม่สามารถจะทำตัวสอดคล้องเข้ากับกฎระเบียบต่างๆ ไม่เห็นด้วยกับอุดมคติต่างๆ ที่เขามีกัน ไม่ยอมเคารพวิถีชีวิตของที่นั่น ก็ต้องไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่ที่ไหนล่ะ? ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้จะถูกส่งมาอยู่ที่โลกนี้ (ผู้ฟังหัวเราะ) พวกที่หัวแข็ง ดื้อรั้น และไม่มีปัญญา จะถูกส่งมาอยู่ที่นี่ ในโลกนี้ เธอลองดูเพื่อนบ้านของเธอสิ แล้วเธอจะรู้ ดูตัวฉันสิแล้วเธอจะเข้าใจ (อาจารย์หัวเราะ)
เพราะฉะนั้นโลกของเราจึงวุ่นวายมากกว่า เมื่อพวกต่างดาวเขามองลงมา เขาจึงค่อนข้างจะประหลาดใจ! เวลาผ่านไปนานตั้งหลายล้านปีแล้ว คนในโลกก็ยังดื้อรั้นเหมือนเดิม ไม่มีความก้าวหน้าอะไรเลย มาอยู่ด้วยกันที่นี่ เราก็ยังไม่สามารถจะคุยกันได้ ก็เหมือนสมัยที่อยู่ข้างบน....ยังทำสงครามอยู่ ตอนที่อยู่ข้างบนก็ทำสงครามกับคนส่วนใหญ่ หลังจากลงมาที่นี่แล้วก็มาทำสงครามกันเอง เธอลองดูพวกตัวเป้งๆ สิ แล้วเธอก็จะรู้!....

พวกเขาเองเขาก็สื่อบอก แล้วว่ามาเยือนโลกเราหลายพันปีมาแล้วเมื่อวานนี้ Salusa ก็มีข้อความทำนองนี้อีก
</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/G0et-zyoKLw?fs=1&hl=en_US&color1=0xe1600f&color2=0xfebd01 width=640 height=505 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">​

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/J8IilJRdtcw?fs=1&hl=en_US&color1=0x234900&color2=0x4e9e00 width=640 height=505 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">​

;aa10​

</EMBED>

 

ขอบคุณเพื่อนทุกๆท่านค่ะที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่านกัน


เห็นคุยกันเรื่องหนังสือของ DR.WEISS ขอแจมนิดส์นึง...
เคยอ่านหนังสือของคุณหมออยู่ 3 เล่ม
Many Lives Many Masters อันนี้ คนไข้ที่คุณหมอรักษา ระลึกชาติได้ถึง 86 ชาติ
Through Time Into Healling-- ย้อนเวลาเยียวยาปัจจุบัน
และเล่มที่ คนไทยรู้จักกันเยอะ ก็จะเป็น Only Love Is Real
อันนี้เป็นเรื่อง Soul Mateโดยเฉพาะเลย...


แต่เล่มที่คุณแก้วทิพย์กล่าวถึง ยังไม่ได้อ่านเลย ต้องไปหาอ่านซะแล้ว
เข้าเวบซีเอ็ด ยังเห็นมีขายอยู่ เดี๋ยวลองสั่งดูค่ะ ขอบคุณที่แนะนำนะคะ

การรักษาของDR.WEISS เน้นเข้าไปแก้ไขที่จิตใต้สำนึกโดยตรง โดยการสะกดจิต
บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าอะไรที่มันค้างคาใจอยู่ ซึ่งอาจจะเป็น"กรรมเก่า"

การระลึกชาติย้อนอดีต วิธีของคุณหมอผ่านขั้นตอนทำสมาธิ เพื่อปลดปล่อยจิตวิญญาณ
ส่วนวิถีที่จะไปนั้น ก็อยู่ที่ว่า ข้อมูลที่ฝังลึกอยู่จะเหนี่ยวนำไปทางใด
คุณหมอก็ได้ประสบการณ์จากคนไข้ทุกครั้งที่ทำการรักษา

การไปรับรู้อดีต บางอย่างก็อาจแก้ไขสิ่งที่ติดค้างในใจเราอยู่ได้
หากเป็นกรรม เราไม่อาจรู้ได้ว่า เราเคยทำอะไรไว้เมื่อไหร่ ที่ไหน
หากมันยาวนานหลายชาติภพ คงจำกันไม่ได้หรอก ว่ามะ...


สิ่งนี้สาส์นจากรูปธรรมต่างมิติ เคยอธิบายไว้บ้าง...
ว่าเป็นการย้อนกลับไปแก้ไขของพลังงาน

เมื่อในขณะนั้น หากเราทำร้ายใครไว้ หรือทำอะไรไม่ดีไว้
พลังงานที่ไม่สมดุลถูกสั่งสมไว้ยาวนาน ติดค้างอยู่
เพราะอย่าลืมว่า จิตวิญญาณเป็นความรู้ความทรงจำข้ามชาติภพ ไม่มีวันสูญหาย

เมื่อเรากลายเป็นผู้ดู เราจะสามารถเข้าใจ ถึงความทุกข์ของผู้อื่นได้
การให้อภัยจะเกิดขึ้น มันจะเป็นการชำระล้างพลังงานเก่าๆต่างๆทิ้งไปทำพลังงานปัจจุบันสมดุลขึ้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การอยู่ณ ปัจจุบัน น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เพราะเราไม่อาจตามไปแก้ไขอดีตได้ ไม่อาจจำมันได้หมด
แต่เราสร้างอนาคตที่ดีให้เกิดขึ้นได้ จากปัจจุบัน...

เพราะฉะนั้น การหัดให้อภัยกันเสียแต่ตอนนี้ โดยไม่ต้องไปหาสาเหตุกันหล่ะ
น่าจะเป็นทางเลือกที่เราเคลียร์พลังงานของเราให้สะอาดหมดจดได้


แล้วก็เติมเชื้อของความรัก ความดีงามเข้าไป ทำได้ง่ายกว่านะคะ
และทำได้เลย เริ่มได้ตั้งแต่วินาทีนี้ได้เลยทีเดียว

....อย่ายอมแพ้กันนะคะ

 

แต่ว่ามันคืออะไรอะคับ11เนี่ย

วันก่อนฝันว่า5-6ล้านอะไรซักอย่าง จำรายละเอียดไม่ได้ครับ5+6=11 แต่ว่ามันคืออะไรอะคับ11เนี่ย

 

ขอบคุณทีมงานที่ได้แปลมาให้พวกเราได้อ่าน และข้อความที่มีประโยชน์ทุกๆข้อความครับ
ไปอ่านต่อละ....ขอบคุณมากครับ

 

ขอแชร์ด้วยคนนะครับ หนังสือของ DR.WEISS ผมเคยอ่านอยู่ 2 เล่ม
แต่เล่มที่คุณแก้วทิพย์แนะนำยังไม่เคยอ่าน สนใจอยากอ่านไปดูที่
เว็บของซีเอ็ดแล้ว หนังสือหมดแล้วครับ ใครเจอที่ใหนแนะนำด้วยนะครับ
เรื่องที่คุณเดรดพูดถึงเรื่องการบำบัดรักษาย้อนอดีต เป็นเรื่องที่ดีมาก
ผมอยากแชร์เรื่องนี้หน่อย การย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นเราสามารถทำใด้
เรื่องราวที่เราจดจำได้ ในปัจจุบันเราก็สามารถกลับไปแก้ไขพลังนั้นใด้เช่นกัน
"ลองจิตนาการไปในเหตุการที่เราจดจำได้และเป็นพลังงานและความรู้สึกด้านลบ
ให้คุณแก้ไขเหตุการณ์นั้นใหม่ โอบกอดบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยความรัก
ถ้าคุณรู้สึกขัดแย้งคุณต้องต่อสู้และยืนยันในความรู้สึกด้วยการโอบกอดด้วยความรัก
คุณจะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนที่ศรีษะ และคุณจะรู้สึกดีขึ้นและรู้สึกถึงการโอบกอด
ด้วยความรักอย่างแท้จริงและรู้สึกรักพวกเขาอย่างแท้จริง ความรู้สึกขัดแย้งจะเกิดขึ้น
เพียงชั่วครู่ มันจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกถึงความรักแทน " ขอบคุณ คุณเดรดที่จุดประเด็น
นี้ขึ้นมา
"คุณเดรด สบายดีนะครับ ความรักนั้นคงมีอยู่เสมอ"

 

ช่วยแปลวิธีสอนให้หน่อยได้ไหมครับฟังไม่ออกเลย

T^T

 

วันนี้เอารูปหน้าปกมาให้ดูค่ะ ไม่น่าจะหมดนะคะ พิมพ์ออกมาประมาณ 3200 เล่ม สำนักพิมฑร่วมด้วยช่วยกัน โทร 02-730-2400 ต่อ 51119 , 51028 rdckbooks@gmail.com

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=KdSVCrti26k"]YouTube - Brian Weiss on Past Lives, Same Soul Many Bodies, Regression and Progression Therapy[/ame]

 

จริงที่สุดค่ะคุณ Kindred ________

"แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การอยู่ณ ปัจจุบัน น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เพราะเราไม่อาจตามไปแก้ไขอดีตได้ ไม่อาจจำมันได้หมด
แต่เราสร้างอนาคตที่ดีให้เกิดขึ้นได้ จากปัจจุบัน..."
_________________________

เรา อยู่กับปัจจุบัน และ ต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตที่ดีให้เกิดขึ้น

ในหนังสือเล่มนี้คุณหมอเล่าถึงคนไข้หญิงชาวอินเดียคนหนึ่ง เธอเป็นนักวิจัยด้าน ชีววิทยาโมเลกุล เธอมีบาดแผลในใจที่เกี่ยวข้องกับผู้เป็นมารดา คุณหมอสะกดจิต พาเธอไปหาอดีตชาติ 2 ชาติ ชาติหนึ่งเกิดเป็นโสเภณี เดินทางไปกับกองทัพ ทำหน้าที่ทำอาหารเลี้ยงทหาร ตอบสนองความต้องการทางเพศ สุดท้ายก็ตายอย่างทรมาณจากการคลอดลูก อดีตอีกชาติหนึ่ง เธอถูกฆ่าในพิธีสังเวยบูชายัญเพื่อการเก็บเกี่ยวที่ดี โดยพวกที่ฆ่าเธอบอกว่า การตายของเธอเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ของตัวเธอกับครอบครัว ต่อมาการรักษา เป็นการพาเธอไปสู่อนาคต ถึง 3 ชาติ สำหรับอนาคตชาติที่สาม เธอเป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยงชาญเรื่องกระดูกและกล้ามเนื้อ วิธีรักษาคนไข้ใช้แท่งคริสตอล ซึ่งเปล่งพลังงานแสงที่ทำให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อ แขน ขา และ เอ็นขึ้นใหม่ (เล่าข้ามก่อนนะคะ เพราะมันยาว)
เทคโนโลยี่พวกนี้ จริงอยู่มันมีทางเป็นไปได้ เพราะวิทยาการที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่อ่านแล้ว สะดุดใจคือ เมื่อเธอกลับจากการเดินทางเข้าสู่ภาวะปัจจุบัน เธออธิบายว่า " ทุกชาติ อดีตและปัจจุบัน เชื่อมโยงกัน ชาติในอนาคตสามชาติไม่ได้เรียงลำดับก่อนหลัง มันเป็นการสำแดงออกถึงอนาคตที่เป็นไปได้บนพื้นฐานของสิ่งที่ฉันทำในชาตินี้
มันเป็นอนาคตคู่ขนาน ชาติ(หน้า)ที่เธอเสียชีวิตในวัยชรา เพราะมีสาเหตุจากความพึงพอใจต่อชีวิตที่เหลือในชาตินี้ ที่จริงมี อนาคตที่เป็นไปได้จำนวนมาก มันไม่ใช่แค่จิตสำนึกของฉันเท่านั้น แต่เป็นความคิดและการกระทำรวมหมู่ของมนุษย์ทั้งหมด ซึ่งจะมีบทบาทในการกำหนดอนาคตที่เป็นจริง ถ้าเราโอบกอดความกรุณา การเข้าใจคามรู้สึกของคนอื่น คามรัก ความอดทน และการให้อภัยอย่างมีจิตสำนึก อนาคตของโลกจะแตกต่างอย่างไม่น่าเชื่อจากกรณีที่เราไม่ได้ทำอย่างนั้น...

 

มันเป็นยังไงก็ไม่รู้..ยิ่งอ่านเรื่องพวกนี้มาก
ข้อมูลมันก็ยิ่งมาตอก มาย้ำให้..อะไรดีหละ..

จะบอกว่ามั่นใจมากขึ้น..เพราะข้อมูลมันตรงกันเหลือเกิน..ก็ใช่
แต่จะบอกว่า..ยิ่งงงกับหลักคำสอนในศาสนามากขึ้น..ก็น่าจะใช่อีกนั่นแหละ

เพราะว่ามันอยู่บนพื้นฐานที่แตกต่างกัน..เหลือเกิน..

สรุปว่า..

1). โนวา อนาลัย ก็พูดแบบนี้แหละครับ อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มันไม่ได้เรียงกันเป็นเส้นตรงซะทีเดียวหรอก
และอนาคต มันก็ไม่ได้แน่นอนตายตัวอะไร เพราะมันมีเส้นทางแห่งความเป็นไปได้นับอนันต์

2). รูปธรรมต่างมิติ เช่น นายแมทธิว วาร์ด ก็พูดแบบนี้เหมือนกันแทบจะเด๊เลย
แต่อธิบายในแบบที่ "ใกล้" กับความรู้และความเข้าใจของมนุษย์มากกว่า
แต่ก็ยังเข้าใจยากอยู่ดีหละครับ..

กรณีของภพชาติปัจจุบันของเรา นายแมทธิวบอกว่า นอกเหนือจากโลกในมิติที่ 3 ของเรานี้แล้ว
มันยังมีอีก 2 โลกด้วยซ้ำไป นั่นคือ "โลกคู่ขนาน" กับ "โลกแห่งความน่าจะเป็น"

โลกคู่ขนาน ประมาณว่า คือโลกที่เกิดจากจุดตัดบนเส้นทางเลือกใดๆ ของใครๆ ที่เป็นจุดตัดที่มีพลังงานเพียงพอ
แต่จุดตัดบนเส้นทางนั้น ไม่ได้ถูกเลือกจริงโดยคนๆนั้น แต่พลังงานที่มันถูกสร้างขึ้นมาแล้วนั้น
มันไม่อาจจะถูกทำลายได้ และก็ไม่อาจจะถูกปล่อยให้ลอยเท้งเต้งอยู่แบบนั้นตลอดไปได้
เพราะฉะนั้น เมื่อผู้สร้างมัน คือใครก็ตามในพวกเรานี่แหละ ไม่ส่งพลังงานไปให้มันต่อ
มันจึงต้องหาทางไปของมันเอง

เช่น ถ้าเราเคยตั้งใจว่า จะเข้าโรงเรียนนี้แหละ แต่ไปๆมาๆก็ไม่ได้เข้าจริงๆ กลับไปเข้าโรงเรียนอื่นแทน
ดังนั้น ณ.จุดตัดที่เคยถูกใส่พลังงานความคิดลงไปว่า จะเลือกมันนั้น มันก็เลยสร้างให้เกิดโลกคู่ขนานขึ้น
และโลกคู่ขนานนั้น ก็จะเป็นโลกที่เราได้เลือกเข้าโรงเรียนนั้นแล้วจริงๆ

และเหตุการณ์ มันก็จะดำเนินต่อไปของมันเอง โดยที่เราไม่มีสติสัมปชัญญะไปรู้ไปเห็น
หรือไปมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับมันเลย

ส่วนอีกโลกหนึ่งคือ"โลกแห่งความน่าจะเป็น" โลกนี้ก็เกิดจากทางเลือกเหมือนกันอีก
แต่มันจะต่างกันตรงที่ เราจะมีสติสัมปชัญญะรู้เห็นมัน รู้ว่าผลมันจะเป็นยังไง
เพราะมันจะเป็นทางเลือกที่เราจะเลือก หรือไม่ นั่นเอง
(อันนี้ผมก็ยังไม่เคลียร์มากนักหรอกนะครับ..ก็ยังงงงงอยู่เหมือนกัน..แยกไอ้สองโลกนี่ไม่ค่อยออกเท่าไหร่)

3). นายเฮนรี่ ดีคอน นักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมงานกับนายเดวิด วิวคอร์ค และเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์
ในโครงการลับต่างๆบนฐานปฏิบัติการบนดวงจันทร์ และบนดาวอังคารมาแล้ว
ก็พูดแบบนี้แหละว่า พวกที่มาจากอนาคต ที่ร่วมงานอยู่กับพวกเขานั้น ก็มีด้วยนะ
และความเข้าใจของพวกเขาเกี่ยวกับโลกอนาคตก็จะประมาณว่า มันไม่ได้ถูกกำหนดไว้ตายตัวหรอก
มันเปลี่ยนแปลงได้ อยู่ที่เหตุปัจจัยที่เราทำ เราเลือกในแต่ละขณะนี้ด้วย

เฮ้อ...

 

แวะมาส่งข่าวครับ พอได้ได้รับอีเมลจากพี่นักเขียน เลยเอาสารอันมีค่ามาแบ่งปัน + ดันกระทู้ ครับ หุหุหุ


"จิตใต้สำนึก บรรจุด้วย ข้อมูลของจิตวิญญาณที่ ปราศจากความบิดเบือน

จิตใต้สำนึกปราศจาก เครื่องพราง

จิตใต้สำนึก ทำหน้าที่ ระหว่างมิติโดยปราศจากการ แบ่งแยกพรมแดน ปราศจากการแบ่งแยกเป็นตัวตนเรา-เขา

จิตใต้สำนึก เชื่อมต่อกับ พื้นฐานของพลังชีวิตของ จักรวาลโดยตรง

การดำเนินชีวิต การทำหน้าที่การงาน การมีสัมพันธภาพทั้งหลายด้วย การใช้จิตใต้สำนึกเป็นที่ตั้ง ย่อมทำให้บรรลุผล สำเร็จอย่างลุ่มลึก-กว้าง ไกล-ไร้พรมแดน ด้วยพลังและ แรงหนุนเนื่อง
- จากทุกบุคคลตัวตน
- จากทุกจิตวิญญาณ
- จากทุกมิติ"


ด้วยรักและปรารถนาดี
พี่นักเขียน

 

มันเป็นยังไงก็ไม่รู้..ยิ่งอ่านเรื่องพวกนี้มาก
ข้อมูลมันก็ยิ่งมาตอก มาย้ำให้..อะไรดีหละ..
จะบอกว่ามั่นใจมากขึ้น..เพราะข้อมูลมันตรงกันเหลือเกิน..ก็ใช่
แต่จะบอกว่า..ยิ่งงงกับหลักคำสอนในศาสนามากขึ้น..ก็น่าจะใช่อีกนั่นแหละ
เพราะว่ามันอยู่บนพื้นฐานที่แตกต่างกัน..เหลือเกิน..
สรุปว่า............

------------------------------------------------------------------------------------------


จริงๆก็งงพอกับคุณชยุตค่ะ เพราะข้อมูลมันมาเยอะจริงๆ ตั้งแต่ศาสนาที่เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าหินยาน,มหายาน,วัชรยาน (สองอันหลัง เพิ่งมาอ่านไม่กี่ปี) และอีกแง่หนึ่งคือ ตั้งแต่เริ่มอ่านหนังสือชุดของ ของอาจารย์ปริญญา ต่อมาก็ชุดโนวา อนาลัย และฝรั่งอีกหลายๆคน อาทิเช่น อานุภาพแห่งความรัก ของ เบ็ตตี้ เจ อีดี้ (เล่มนี้ เป็นครั้งแรกที่รู้ว่าความคิดของคนมันเป็นพลังงานที่ไม่ได้สูญหาย แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม เล่มเล็กแต่ให้ความรู้เรื่องจิตวิญญาณเยอะมาก) , โรสแมรี่ อัลเทีย, เจมส์ แวนแปร็ก (ชุดนี้ยังไม่เคยเห็นเป็นภาคภาษาไทย เขาเป็นเพื่อนกับหมอไวส์), ชุดของหมอไวส์, สนทนากับพระเจ้าของนีล โดนัลวอลส์ และอีกหลายคน รวมทั้งจากกลุ่มต่างมิติที่คุณชยุตและทีมช่วยกันแปลให้พวกเรา

อันไหนที่ยังงงอยู่ ก็ต้องยืมประโยคของอาจารย์ปริญญา "อย่าคิดแบบจิตมนุษย์" มาใช้ไปพลางๆก่อน

โลกนี้คงไม่บังเอิญนะคะ เพราะวันวานได้รับเมล์จากพี่นักเขียน อาจารย์โนวา อนาลัย ฝากมาให้พวกเรา ลองอ่านดูค่ะ

ท่านอาจารย์อนาลัย เป็นจิตวิญญาณในภพภูมิใดกันหากจะเทียบ ใน 31 ภพภมิทางพุทธศาสนาครับ ? (คำถามจากคุณ VeggieGuy)

พี่นักเขียนยินดี-ให้ข้อมูลในฐานะล่ามและเลขาของท่านอจ.อนาลัย และนักศึกษาทางด้านจิตวิญญาณ ผู้กำลังเรียนรู้ต่อไปตลอดชีวิต-ร่วมกับผู้อ่านทุกท่าน และยินดีรับฟังข้อคิด ข้อโต้แย้ง คำถาม-คำตอบ และข้อเสนอแนะทุกประเด็นจากทุกท่านเสมอค่ะ จึงไม่มีคำถามใดๆที่ไม่สมควรจะถาม ทุกคำถาม-คำตอบจากพวกเราทุกคน ช่วยให้เราได้เรียนรู้ร่วมกันเสมอ
ท่านอจ.อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า ธรรมชาติของความเป็นจริงมีปรากฏในทุกศาสนา. และธรรมชาติความเป็นจริงไม่เคยก่อให้เกิดความขัดแย้งใดๆ แต่สิ่งที่เราควรตั้งคำถามต่อไปคือ :
การตีความหมายข้อมูลทางศาสนาบางข้อมูล เป็นการตีความหมายตามความเข้าใจในธรรมชาติของจิตวิญญาณอย่างแท้จริง หรือตามเชื่อจำเพาะ และการถ่ายทอดถูกบิดเบือนด้วยความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนกลุ่ม ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างบุคคลและระหว่างศาสนาหรือไม่?

พี่นักเขียนขอเชิญชวนให้ผู้อ่านทุกท่านใช้ "ความเป็นกลาง" พิจารณาข้อมูลของท่านอจ.อนาลัยที่พี่นักเขียนจะถ่ายทอดให้ต่อไปในวันนี้และวันหน้า เพราะไม่ว่าข้อมูลนี้จะเป็นเพียงความเป็นจริงที่แสนจะเรียบง่ายเพียงใดก็ตาม หากขัดกับการตีความหมายที่เกิดจากความเชื่อจำเพาะที่ฝังรากลึก ย่อมก่อให้เกิดความขัดแย้ง และทำให้ข้อมูลอื่นๆกลายเป็นข้อมูลที่เปล่าประโยชน์ไปโดยปริยาย
ท่านอจ. อนาลัยได้กล่าวไว้เสมอๆว่า

จิตวิญญาณอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา จิตวิญญาณจึงดำเนินชีวิตในทุกชาติภพ ในทุกภพภูมิ ทุกกาลเวลา พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน และมีพัฒนาการที่เป็นระบบเครือข่าย ไม่ใช่พัฒนาการเป็นเส้นตรง-ตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จัก การพัฒนาเป็นระบบเครือข่าย เป็นระบบเดียวที่ทำให้การสนับสนุน การถ่ายทอด และการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นไปได้อย่างทั่วถึง พร้อมมูลและฉับพลัน
ท่านอจ.อนาลัยได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า
จิต-คือ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
วิญญาณ-คือ ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ
จิตและวิญญาณไม่เคยแยกกันอยู่ เมื่ออยู่รวมกันเป็น-จิตวิญญาณจึงหมายถึง ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ที่ถ่ายทอดด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
จิตวิญญาณปราศจากการเป็นเจ้าของเช่นเดียวกับลมหายใจที่ผ่านเข้าออกร่างกายแต่ละร่าง
จิตวิญญาณไม่ได้จากร่างกายเนื้อหนังแต่ละร่างเป็นกลุ่มก้อน เป็นดวงเดียว เพื่อไปสู่ครรภ์มารดาเพื่อถือกำเนิดใหม่ เป็นบุคคลตัวตนใหม่ทั้งดวง. แต่การเป็นบุคคลตัวตนในแต่ละชาติภพ เกิดจากจิตวิญญาณหรือฐานของข้อมูลความรู้สามแหล่งด้วยกันคือ:
1. จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติในอดีต
2. จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบัน
3. จิตวิญญาณเสมือนร่วมร่างแต่ต่างมิติในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต
เราจะเห็นได้ว่า จิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นบุคคลตัวตนในแต่ละร่าง ปราศจากการแบ่งแยกเรา-เขา แต่เป็นทั้งเรา-ทั้งเขารวมกันหมดเป็นหนึ่งเดียว.

เราจะสัมผัสความเป็นจริงนี้ได้เสมอๆหากเราใช้"จิตใต้สำนึก"สัมพันธ์กับผู้อื่น เพราะจะทำให้เราเกิดความรักและความเมตตาโดยปราศจากเงื่อนไขกับทุกคน โดยปราศจากความระแวงหรือเคลือบแคลงใจทั้งปวง เช่นเดียวกับพ่อแม่ที่รักลูกโดยปราศจากเงื่อนไข ย่อมเจ็บปวดแทนลูก เศร้าสลดแทนลูก เหน็ดเหนื่อแทนลูก หรือสนุกสนานและสุขแทนลูกเสมอ ราวกับว่า "เราเป็นเขา"
ในนัยเดียวกันนี้ จิตวิญญาณที่ไปถือกำเนิดในภพภูมิทั้งหลาย แม้ปราศจากรูปกาย ก็ดำเนินไปตามธรรมชาติ"เป็นหนึ่งเดียว" โดยปราศจากตัวตนเรา-เขาต่อไป ไม่ว่าแต่ละตัวตนจะปรากฎในภพภูมิใดก็ตาม. ก็สัมพันธ์กัน เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และถ่ายทอดข้อมูลความรู้แก่กันและกัน เช่นเดียวกับที่การเป็นเรา-ท่านทั้งหลาย รับและถ่ายทอดจากจิตวิญญาณทั้งสามแหล่ง หรือสามฐานข้อมูลตลอดวันเวลา
ท่านอจ.อนาลัย เป็นจิตวิญญาณ หรืออีกนัยหนึ่งคือ องค์ความรู้. หรือข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ที่ถ่ายทอดด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่เป็นส่วนหนึ่งของเรา-ท่านทั้งหลาย-เสมอเหมือนกันทุกคน จะต่างกันก็ตรงที่ว่า. เราจะสัมผัสจิตวิญญาณในตัวเราได้มาก-น้อยต่างกันเพียงใด.
ความแตกต่างในการสัมผัสได้นี้. เป็นไปได้ด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไข เช่นเดียวกับการที่พ่อแม่สัมผัสรู้ถึงจิตวิญญาณของลูก หรือสัมผัสรู้ถึง ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ที่ถ่ายทอดด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของลูก พ่อแม่ที่รักลูกโดยปราศจากเงื่อนไขย่อมรู้ใจลูก มีใจให้ลูก เห็นใจลูก เข้าใจลูก ชอบใจลูก พอใจลูก ขอบใจลูก รักน้ำใจลูก ตามใจลูกด้วยความเชื่อใจลูก และไว้วางใจในตัวลูกเสมอ
ในทิศทางตรงกันข้าม ลูกที่รักคุณพ่อคุณแม่โดยปราศจากเงื่อนไข จะสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของท่าน ไม่ว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ หรือล่วงลับไปแล้ว เราจะตระหนักได้ว่า. ส่วนหนึ่งของท่าน-คือเรา. ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ที่ถ่ายทอดด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของท่าน เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเรา บ่อยครั้งเราจะตระหนักได้ว่า. เราเหมือนท่าน-เราคือท่าน ในหลายทิศทาง ไม่ว่าเราจะได้ใกล้ชิดท่านหรือไม่ก็ตาม
ต่อคำถามข้างต้น จึงกล่าวได้ว่า. จิตวิญญาณทั้งหลายมีแก่นแท้เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะมีร่างกายตัวตนจำเพาะหรือไม่ก็ตาม
จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป ในทุกภพภูมิ. ในทุกร่างกาย ทุกตัวตน โดยปราศจากการแบ่งแยก
ท่านอจ.อนาลัยจึงเป็นจิตวิญญาณหรือองค์ความรู้. หรือ ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพที่ถ่ายทอดด้วยอารมณ์รักอันปราศจากเงื่อนไข ด้วยจินตนาการอันสร้างสรรค์ และด้วยความรู้สึกนึกคิด ที่เต็มไปด้วยเมตตา และเป็นจิตวิญญาณที่ดำเนินชีวิตอยู่ในทุกชาติภพ ในทุกภพภูมิ ทุกกาลเวลา พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

ด้วยรักและปรารถนาดี
พี่นักเขียน

 

ขอบคุณมากๆ ที่แนะนำมาครับ จะว่าไปแล้วผมก็นึกถึงพวกเขาก่อนนอนบ้างเหมือนกันนะครับ
คือผมอยากให้พวกเขาบอกตรงๆ ไปเลยไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมาอ่ะครับ แล้วก็ได้ความฝันนี้มา

ผมเลยเอามาเล่าให้ฟัง และ ก้รอยืนยันจากพวกเขาว่าพวกเขาเองเปล่าที่ส่งข่าวนี้มาอ่ะครับ

 

ขอบคุณที่ช่วยยืนยันเรื่องฝันเกี่ยวกับ UFO จร้า
แล้ว แค่ฝันเห็น UFO เฉยๆ เหรอครับ ในฝันมี
เหตุการณ์อย่างอื่นประกอบด้วยเปล่าครับ ^ ^