อยากรู้ว่าทำไมเราจึงเกิดขึ้นมาครับ

อยากเรียนถามท่านผู้รู้ ดังนี้ครับ
1. อะไรเป็นสาเหตุให้เราเกิดขึ้นมาในชาติแรกครับ และชาติแรกของเราเกิดอยู่ในภพภูมิใดครับ
2. จิตใช่เราหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่แล้วเราคืออะไรครับ และทำไมจึงมีเรา
3. จำนวนของดวงจิตทั้งหมด (นับรวมทุกภพภูมิ รวมบนพระนิพพานด้วย) เป็นตัวเลขคงที่มั้ยครับ มีเกิดขึ้นใหม่ได้มั้ยครับ มีดับสูญไปบ้างมั้ยครับ
4. สุดท้ายแล้วดวงจิตทุกดวงจะสามารถหลุดพ้นจากวัฏสังสาร ถึงพระนิพพานได้ครบหรือเปล่าครับ แล้วหลังจากนั้นภพภูมิทั้งหมดก็ว่างเปล่าเพราะไปนิพพานกันหมดแล้ว อย่างนั้นใช่มั้ยครับ

 

ไม่รู้คับ T^T
รู้ไปก็ไม่ได้อะไรเลย ไง่ๆไปดีกว่า
ปฏิบัิติถึงเองรู้เอง แม้จะมีผู้รู้มาตอบแต่เรา ไม่เคยกินขนม มันก็มีแต่ความอยากเท่านั้นเมื่อเขามาเล่าให้ฟังว่า ขนมนี้อร่อยนะ แต่เราไม่ได้กินอยู่ดีจะรู้สึกถึงรสชาติได้อย่างไร.. ปลง <br>

แต่ถ้าถามว่าเข้าวัดทำไม พอจะบอกได้ว่า เข้าไปฝึกสติ ให้มันมีกำลังเวลาทำอะไรจะได้มีสติ เมื่อสติมาปัญญาก็จะเกิด เมื่อเกิดปัญญาจะได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ฝึกเข้าไปมากๆก็จะได้เป็นมหาสติ.. เข้าวัดมีประโยชน์นะแต่เราจะหาประโยชน์ได้มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับปัญญาเราแล้วหล่ะ ไม่ใ่ช่ไปจะถวายเงินอย่างเดียวเพื่อให้เงินส่งเราให้ไปนิพาน มันก็เป็นไปไม่ได้อีก เพราะการบริจากเงินคือการสลัดความโลภออกจากใจเท่านั้น การไปนิพานเราต้องตัดโลภ โกรธ หลง หรือ โลภะ โทสะ โมหะ นั่นแหล่ะ.. เงินมันช่วยส่งหนุนผลบุญเกิดชาติหน้าจะได้ไม่ลำบาก แต่ถ้าเงินที่นำมาบริจากเป็นเงินที่ทุจริต อันนี้ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมแล้วหล่ะ.. (เล่าให้ฟัง ^^)

 

ก็เคยสงสัยแบบนี้เหมือนกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว
อยากท่องไปทั่วๆจักรวาล 55+

 

แค่คำถามข้อเดียวถ้าจะคุยก็ต้องคุยกันยาวเหยียดแล้ว แล้วนี้ถามซะสี่ข้อ
คำถามพวกนี้นะครับ มันไม่ใช่คำถามที่จะทำให้เข้าใจกันได้ด้วยคำพูดอธิบายนะครับ

ถึงมีคนที่รู้จริงมาตอบท่านได้ ท่านก็ไม่หายสงสัยอยู่ดี เพราะท่านรู้ตามเขาไม่ได้
พูดตรงๆก็คือ แม้แต่พระพุทธเจ้าเสด็จมาตอบเองแต่มาแบบที่คุณไม่รู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้านะ เมื่อคุณฟังคุณก็ไม่สิ้นความสงสัยอยู่ดี เพราะคุณเห็นตามท่านไม่ได้

และถ้าหากพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดคุณแบบที่คุณรู้ว่านี่คือพระพุทธเจ้า ผมว่า ท่านก็คงแค่มาชี้บอกทางให้คุณหาคำตอบเอาเอง ทางนั้นก็คือมรรค8

ศึกษาและปฏิบัติไปเรื่อยๆจะค่อยๆรู้เองและหายสงสัยไปได้ด้วยตนเองนะครับ

 

ตามตำราก็ว่าแบบนั้นนะครับ ว่าครบทุกดวงจิต แต่วัตฏะสงสารการเวียนว่ายตายเกิด มันยาวนาน

แล้วหาที่สิ้นสุดไม่ได้ หาเบื้อต้น และเบื้อปลายไม่จบ ไม่สิ้น พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้เช่นนั้นนะครับ

สุดท้าย พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ว่า เรื่องหล่านี้ เป็นเรื่องอจินไตย แปลก็คือ

เป็นเรื่องที่ไม่ควรคิด เพราะคิดมากๆ จะทำไห้ผู้ที่คิด มีส่วนพึงเป็นบ้าเอาได้

พระพุทธองค์ ที่เน้นทรงสอนอย่งาแท้จริงก็คือหนทางของการพ้นทุกข์

ความรู้เหล่านี้
จะมากสักเท่าใดก็ไม่ทำไห้เราพ้นทุกข์ไปได้

เอาพอสังเขป พอประมาณนะครับ ที่เหลือต้องปฏิบัติเอง รู้เห็นเอง


ศีล สามธิ วิปัสสนา จะเป็นเครื่องมือในค้นคว้าต่อไปครับ


อนุโมทนาครับ..............

 

ถ้ามีเหตุครบถ้วน เหมาะสมแก่ปัจจัยแล้ว ก็ถึงความวิมุติได้ ส่วนภพภูมิ ย่อมไม่มีเบื้องปลาย ผู้ที่จะเห็นเบื้องปลายนั้นก็หามิได้ จึงเป็นคำถามที่ไม่ควรเลยที่จะแสวงหาคำตอบ เพราะแม้นว่าทุกคำตอบจะสร้างความรู้ แต่นั่นหมายถึงการต่อยอดความสงสัยอย่างอื่นยิ่งๆขึ้นไปอีก จนไม่อาจเข้าใจอะไรได้ดี บัณฑิตจึงชื่นชมในการมีสติอยู่กับเฉพาะปัจจุบันขณะเท่านั้น ซึ่งถือว่าประเสริฐแล้ว

 

เคยเหมือนกัน แต่ทุกวันนี้จะเปลี่ยนแนวหน่อย จะไปทางสัมพันธภาพ ประมาณว่า การที่เรามองเห็นดาวอยู่นี่ ดาวดวงนั้นยังอยู่หรือเปล่า เนี่องจากการเดินทางของแสงเดินทางมาหลายล้านปีแสงบางทีดาวที่เราเห็นอาจจะระเบิดไปนานแล้วแต่เนื่องจากแสงเพิ่งเดินทางมาถึงจึงทำให้เรามองเห็นว่ามีดาวนั้นอยู่ คิดไปเรื่อย อยากเดินทางไปที่ลาวไปที่น้ำตกแก่งผีลี้ ถ้าทำได้จะเดินจิตให้ละเอียดคุยกับท่านที่อยู่แถวนั้น บางทีก็คิดอยากไปบวชแล้วตอนนี้จะได้ธุดงเสียที กลัวว่าจะตายวันนี้พรุ่งนี้ เดี๋ยวจะไม่ได้ธุดงพอดี แต่อย่างไรก็ดีตายไปวันนี้ก็ไม่ขอเกิดอีกแล้วหล่ะ พอกันที ใจมันว่างั้น พอดีว่าไม่มีภรรยา มีแต่พ่อกับแม่ ตัวเองก็หนีมาทำงานต่างจังหวัด เลยมีเวลาคุยกับตัวเองทั้งวันก็เลยไปเรื่อย ...^^ แชร์ให้ฟัง

 

เราเกิดเพราะกรรมหลากหลาย แล้วก็ทำชั่วมาหลายชาติจนต้องมานั่งพิมพ์เน็ตอยู่อย่างนี้

 

เคยสงสัยข้อ1 เหมือนกัน
แต่ตอนนี้เลิกแล้วค่ะ
เพราะวิจิกิจฉาหรือความสงสัยนี่แหละเป็นตัวขวางไม่ให้เราไปถึงแก่นของพระศาสนา
และเรื่องพวกนี้ก็เป็นอจินไตย คิดแล้วบ้า เพราะมันละเอียด
ให้คิดว่าถ้าเราปฏิบัติถึงจุดๆหนึ่ง เราก็จะรู้เองค่ะ
เราจะได้ความสงสัยของเรา

 

กรรมวิสัย เป็นอจินไตยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานกับน้องธิดารัตน์ด้วยค่ะ

บุญรักษาค่ะ

Numsai

 

จิต เกิดเพราะมีเหตุใกล้ให้เกิด คือ เจตสิก และรูป
เจตสิก และรูป เป็นเหตุใกล้ให้เกิด จิต

จิต เจตสิก รูป รวมเรียกว่า ขันธ์5
ในวัฏฏะสงสารอันยาวนาน ไม่อาจหาเบื้องต้นของการกำเนิดแห่งขันธ์5ได้ และไม่อาจหาเบื้องปลาย จุดจบของขันธ์5 ได้

ขันธ์5 เกิดดับในกายเรา แม้เราหลับหรือตื่น

กระทั่งเราตาย ไป ขันธ์5 ยังเกิดดับต่อไปในวัฏฏะสงสาร

เรามิใช่ขันธ์5 ขันธ์5 ไม่ใช่เรา

เราสั่งขันธ์5 ไม่ได้ ขันธ์5 อยู่นอกเหนือการบังคับบัญชาของเรา

ขันธ์5(จิต เจตสิก รูป) และ นิพพาน มีจริง

แต่ เราไม่มีจริง

เราเกิดขึ้นเมื่อ เราตื่น
เราไม่มี เมื่อเราหลับสนิทไม่ฝัน แม้ใครๆ ก็หาเราไม่พบ เพราะเราไม่มีในตอนนั้น

เราเป็นแค่สภาวะธรรม เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น
เราตายแล้ว ก็แล้วกันไป จบกันไป ถ้าเราไปเกิดใหม่แล้วไม่ระลึกชาติได้

เราจึงอาจตายแล้วสูญ หรืออาจตายแล้วเกิด ไม่แน่ แล้วแต่เหตุปัจจัย
ซึ่งเหตุปัจจัยอันนั้น คืออะไร.........................................

 

บังเอิญเจออันนี้มาครับ ไม่อยากสงสัยต่อไป แต่ไม่ได้ไม่อยากรู้นะครับ
จาก

​

ในวาระแรกได้ทูลถามถึง "ประวัติการตั้งโลก" ​

ท่านตรัสว่า...​

"เป็น เรื่องอจินไตย ไม่ควรคิด รู้แล้วก็ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ ไร้เหตุผลในการบรรลุ ฉันบอกได้ แต่บอกแล้วเอาอะไรเป็นส่วนที่บรรลุมรรคผลไม่ได้ จะรู้ไปให้หนักสมองทำไม" ​

ต่อมา ได้ถามถึงมนุษย์ที่เริ่มเกิดเป็นระดับแรกว่า "ใครเป็นคนบันดาลให้มนุษย์เกิด" ​

พระองค์แย้มพระโอษฐ์ แล้วตรัสว่า...

" นี่เธอจะคลั่งพระเจ้ากับเขาแล้วซิ ใครที่ไหนจะมาสร้าง ถ้ามีผู้สร้างมนุษย์แล้ว เจ้าคนที่สร้างโลกสร้างมนุษย์นั้น มันเกิดมาจากอะไร จึงมาสร้างโลกสร้างมนุษย์ได้ มนุษย์ไม่มีใครสร้าง ร่างกายของสัตว์และมนุษย์ เกิดจากอณูน้อยๆ ที่รวมตัวกันเข้า วิญญาณนั้นเป็นธาตุอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่า วิญญาณธาตุ มีการเกิดขึ้นได้ และไม่มีการสลายตัว คำว่า วิญญาณในที่นี้หมายถึง จิต เป็น ธาตุพิเศษ ที่เกิดจากการรวมของอณูพิเศษ ที่มีความรู้ ความเคลื่อนไหวรวดเร็ว เธออย่ารู้มากกว่านี้เลย ไม่มีอะไรเป็นคุณ พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ลูกเขาอยากรู้ประวัติเดิม ก็บอกเขา พอรู้เค้าเล็กๆ น้อยๆ เพียงสองสามชาติ เขาจะได้รู้ว่า เขาได้สร้างความดีเด่นไว้ในชาติก่อนมามากเพียงใด เขาจึงเข้าถึงธรรมได้ในชาตินี้ ได้อย่างรวดเร็ว บอกเขาว่า เอาแต่บางชาติ รู้ทุกชาติไม่ไหว เพราะหลายร้อยแสนชาตินัก ฟังกันจนสิ้นอายุก็ไม่จบ ฉันจะเริ่มเล่าถึงต้นตอแห่งการปฏิบัติ ความดีในพระพุทธศาสนาทีเดียว คอยฟังและเขียนตามที่ฉันบอกต่อไปนี้ "
.........................
​

[/quote]

 

การหาจุดกำเนิดแห่งจิตดวงแรก ย่อมหาไม่เจอ เพราะไม่มีเบื้องต้น เบื้องปลาย