ตาลปุตตะสูตร !! บรรดานักแสดงทั้งหลายถ้าไม่มีบุญส่วนอื่นมาช่วย ลงอเวจีมหานรกหมด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 28 กันยายน 2010.

  1. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    <TABLE id=post1570617 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->คนมีกิเลส<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1570617", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2006
    สถานที่: ก.ท.ม.
    ข้อความ: 4,074
    Groans: 14
    Groaned at 29 Times in 26 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 7,879
    ได้รับอนุโมทนา 47,850 ครั้ง ใน 4,027 โพส
    พลังการให้คะแนน: 2281 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1570617 class=alt1><CENTER>http://palungjit.org/threads/สุดยอดหญิงโสเภณี-บรรลุธรรมเป็นพระอริยะได้-เรื่องจริงที่น่าศึกษา.153130/<!-- google_ad_section_start --></CENTER><CENTER>สุดยอดหญิงโสเภณี...บรรลุธรรมเป็นพระอริยะได้ เรื่องจริงที่น่าศึกษา<!-- google_ad_section_end --></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]
    นางสิริมา


    ๐ กำเนิดนางสิริมา

    ในสมัยพุทธกาล มีเมืองๆ หนึ่งชื่อว่าเวสาฬี เป็นเมืองที่มั่งคั่งกว้างใหญ่ไพศาล มีประชาชนมากมาย เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวปลาอาหาร การค้าขายเจริญรุ่งเรือง มีพ่อค้าต่างเมืองเดินทางมาติดต่อค้าขายอย่างคับคั่ง และหนึ่งในความเสื่อม แต่เป็นความภาคภูมิใจของชาวเมืองคือ มีหญิงงามเมืองที่มีความงดงาม ชื่อว่า อัมพปาลี

    (คือเธอมีความงามมาก สมัยนี้เรียกว่านางงาม สมัยนั้นเรียกว่างามเมือง)

    นางเป็นสตรีผู้เลอโฉม มีผิวพรรณผุดผ่องเฉิดฉายยิ่งนัก น่าดู น่าพอใจ และนางยังเป็นผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมซึ่งประกอบไปด้วย การฟ้อนรำ และการขับร้อง ซึ่งหาผู้ใดเปรียบเทียบได้ยาก บุคคลทั้งหลายที่มีความต้องการพานางไปร่วมอภิรมย์ด้วย จะต้องจ่ายค่าตัวคืนละห้าสิบกหาปณะ

    ครั้งหนึ่งพวกพ่อค้าชาวกรุงราชคฤห์ได้ไปทำธุรกิจที่เมืองเวสาฬี ก็คิดว่าเมืองเวสาฬีนี้รุ่งเรืองงดงามเพราะมีนางอัมพปาลีเป็นหญิงงามเมือง

    (คือพ่อค้าก็มักจะคิดไปแบบนี้ ซึ่งก็เป็นความคิดที่ไม่ค่อยถูกต้องอะไรเท่าไหร่ คือมองเห็นเม็ดเงิน และมองเห็นความเพลิดเพลิน คือผู้ที่ข้องอยู่ในกาม ที่นี่คือกามภพ ที่อยู่ของผู้ที่ข้องอยู่ ก็มีความคิดที่แปรปรวนกันไปอย่างนี้ จากเมืองราชคฤห์มาเห็นเมืองเวสาฬี)

    เพราะมีนางอัมพปาลีนี่แหละที่เวสาฬี พ่อค้าจึงเข้าใจว่าจึงทำให้มีคนต่างเมืองหลั่งไหลกันเข้ามามากมาย เพราะได้ยินกิตติศัพท์ของนางอัมพปาลี ทำให้ธุรกิจการค้าทางด้านอื่นๆ เจริญรุ่งเรืองตามไปด้วย

    (คือเข้าใจว่าเธอเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดเอานักธุรกิจต่างเมืองเข้ามา ก็ทำให้มีการค้าขายกันเกิดขึ้นจนเจริญรุ่งเรือง แต่ที่จริงมันเป็นคนละเรื่อง มันเป็นกรรมของเธอต่างหาก แต่นี่คือความเข้าใจ คือพวกที่มุ่งแต่เศรษฐกิจ แต่ไม่คิดเรื่องจิตใจก็จะคิดกันอย่างนี้)

    พ่อค้ากลุ่มนั้นจึงพากันเข้ามากราบถวายบังคมทูลพระเจ้าพิมพิสารถึงอานุภาพความเจริญรุ่งเรืองของเมืองเวสาฬีให้ทราบว่าเวสาฬีนี้เจริญรุ่งเรืองมาก แล้วกราบถวายบังคมว่า


    [​IMG]

    ๐ นางสิริมา หญิงโสเภณีผู้บรรลุโสดาบัน

    เนื่องจากนางมีรูปร่างงดงาม และมีความรู้ความเชี่ยวชาญในศิลปะอันเป็นวิชาชีพ จึงมีพวกบุรุษทั้งหลายรับนางไปบำเรอและสมสู่ด้วยโดยจ่ายทรัพย์ให้นางเป็นค่าตอบแทนตามราคาที่นางกำหนดไว้ นางสิริมาจึงร่ำรวยด้วยอาชีพเช่นนั้น ทั้งต่อมา นางสิริมาผู้นี้ยังบรรลุคุณธรรมพิเศษคือโสดาปัตติผลอีกด้วย นางสิริมาผู้ตั้งอยู่ในพระโสดาปัตติผลแล้ว พร้อมด้วยหญิงบริวารจำนวน ๕๐๐ คน ต่างประกาศตนเป็นเป็นอุบาสิกาผู้มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ

    นางสิริมาหลังจากได้สำเร็จโสดาปัตติผลเป็นโสดาบันแล้ว ได้ทูลอาราธนาพระทศพลเจ้า พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เพื่อเสวยพระกระยาหารในวันรุ่งขึ้น ได้ถวายมหาทานอันโอฬารและประณีตตั้งแต่นั้นมา และได้ถวายอาหารแก่ภิกษุวันละ ๘ รูปเป็นประจำ นางได้เอาใจใส่สั่งคนรับใช้ให้ทำของประณีตถวายสงฆ์ ใส่ให้จนเต็มบาตรทุกรูป อาหารที่พระรูปเดียวรับมาจากบ้านของนาง พอเลี้ยงพระถึง ๓ หรือ ๔ รูป

    ต่อมาวันหนึ่งภิกษุรูปหนึ่งไปรับอาหารที่บ้านของนางสิริมาแล้วกลับมา ตกตอนเย็นนั่งสนทนากับเพื่อนภิกษุด้วยกัน รูปหนึ่งถามขึ้นว่า

    “อาวุโส วันนี้ท่านไปรับอาหารบิณฑบาตที่บ้านใด”

    “ที่บ้านของนางสิริมา” ท่านตอบ

    “อาหารดีไหม”

    “ดีมาก ดีจนพูดไม่ถูก ปริมาณก็มากด้วย อาหารที่นางถวายแก่ข้าพเจ้านั้นแจกจ่ายแก่เพื่อนๆ ได้ถึง ๓ หรือ ๔ รูป แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือว่า นางสวยเหลือเกิน การได้มองดูนางดีกว่าไทยธรรมของนางซะอีก ท่านลองคิดดูเถอะว่า จะเลิศสักปานใด ปาก จมูก คอ มือ เท้าของนางดูงามละเมียดละไมไปหมด”

    ภิกษุรูปนั้นได้ฟังเพื่อนเล่าดังนี้ ก็กระหายใคร่จะได้เห็นนางสิริมาบ้าง จึงถามถึงลำดับของตนว่าจะได้ไปเมื่อใด ก็ทราบว่าวันรุ่งขึ้นจะเป็นลำดับของตนดีใจมาก

    วันรุ่งขึ้นเมื่ออรุณยังไม่ทันเบิกฟ้า ท่านก็รีบเข้าไปที่โรงสลาก ได้เป็นหัวหน้าพระอีก ๗ รูปไปสู่บ้านของนางสิริมาเพื่อรับอาหาร แต่ว่าบังเอิญนางสิริมาได้ล้มป่วยลงโดยกระทันหันตั้งแต่เมื่อวันวาน จึงได้เปลื้องเครื่องอาภรณ์ที่สวยงามออกแล้วนอนซมอยู่ เมื่อเวลาพระมาถึง นางได้สั่งสาวใช้ให้จัดแจงให้เรียบร้อยเหมือนอย่างที่นางเคยทำเอง คือนิมนต์ให้พระคุณเจ้านั่งแล้วเอาบาตรไปบรรจุโภชนะให้เต็ม แล้วถวายข้าวยาคู หรือข้าวสวยแก่พระคุณเจ้า หญิงรับใช้ได้ทำตามที่นางสั่งไว้ทุกประการ เสร็จแล้วบอกให้นางทราบ นางจึงขอร้องให้หญิงรับใช้ช่วยกันประคองนางออกไปเพื่อไหว้พระคุณเจ้าทั้งๆ ที่กำลังจับไข้อยู่ ตัวของนางจึงสั่นน้อยๆ

    ภิกษุรูปนั้นเมื่อเห็นนางสิริมาแล้ว ตะลึงในความงามพลางคิดว่า

    “โอ้ กำลังจับไข้อยู่ ยังงามถึงปานนี้ ในเวลาไม่เจ็บป่วย ประดับประดาด้วยสรีราภรณ์อันอลังการสวยงาม นางนี้จะมีรูปสมบัติที่เลิศสักปานใดหนอ” ขณะนั้นเองกิเลสที่ท่านเคยสั่งสมไว้หลายโกฏิปีก็ฟูขึ้นประหนึ่งถูกแรงลม ท่านนั้นมีจิตใจจดจ่อแต่สิริมาไม่สามารถฉันอาหารใดๆ ได้เลย กลับสู่วิหารแล้วปิดบาตรไว้โดยมิได้แตะต้อง เอาจีวรคลุมศรีษะนอนรำพึงถึงแต่สิริมาด้วยความหลงใหล

    ภิกษุผู้เป็นสหายกันทราบความนั้น พยายามชี้แจงและอ้อนวอนให้ท่านฉันอาหาร แต่ก็ไร้ผลจึงอดอาหารไปทั้งวัน และเย็นวันนั้นเองนางสิริมาก็ตาย

    พระเจ้าพิมพิสารให้ราชบุรุษไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า บัดนี้นางสิริมาน้องสาวของหมออาชีวกตายเสียแล้ว พระศาสดาทรงทราบเรื่องการตายของนางสิริมา และทรงทราบเรื่องภิกษุผู้หลงใหลในรูปของนางสิริมานั้นด้วย ทรงเห็นเป็นโอกาสที่จักแสดงสัจธรรมบางประการ และทรงเห็นอุบายที่จะสอนภิกษุรูปนั้น และประชาชนทั้งหลายให้ได้ทราบความเป็นไปแห่งชีวิต จึงทรงรับสั่งถึงพระราชาพิมพิสารว่า ขอให้รักษาศพของนางสิริมาไว้ในป่าช้าผีดิบ อย่าให้กาและสุนัขเป็นต้นกัดกิน พระราชาทรงทราบแล้วทรงทำตามพุทธบัญชาเพราะทรงแน่พระทัยว่า พระศาสดาจะต้องทรงมีพระอุบายอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่นอน

    ๓ วันล่วงไปตามลำดับ ในวันที่ ๔ สรีระนั้นก็ขึ้นพอง น้ำเน่าได้ไหลเหยิ้มไปทั่วร่างกาย สรีระทั้งสิ้นได้แตกปริออกเน่าและเหม็นผุพัง

    พระราชาได้ให้ราชบุรุษเที่ยวตีกลองประกาศทั่วพระนครว่า เว้นแต่เด็กกับคนชราเฝ้าเรือนเท่านั้น นอกนั้นถ้าใครไม่ไปดูนางสิริมาจะถูกปรับ ๘ กหาปณะ แล้วทรงส่งข่าวไปถึงพระผู้มีพระภาค หากพระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์จะดูนางสิริมาด้วยก็จะเป็นการดี พระศาสดาตรัสบอกพระภิกษุทั้งหลายว่า จะเสด็จไปดูศพนางสิริมาพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก

    ภิกษุรูปนั้นพอทราบว่าพระศาสดาและภิกษุสงฆ์จะไปดูนางสิริมาเท่านั้น แม้จะอดอาหารมาตั้ง ๔ วันแล้ว ก็รีบลุกขึ้นทันที เอาอาหารที่บูดเน่าในบาตรนั้นทิ้ง เช็ดบาตรเรียบร้อยแล้วเอาใส่ถุงบาตรไปกับภิกษุทั้งหลาย

    พระศาสดาผู้อันภิกษุสงฆ์แวดล้อมประทับยืนอยู่ข้างหนึ่ง แม้ภิกษุณีสงฆ์ ราชบริษัท อุบาสกบริษัท และอุบาสิกาบริษัทก็ยืนอยู่ข้างหนึ่งๆ

    พระศาสดาตรัสถามพระราชาว่า “มหาบพิตรร่างนั้นคือใคร”

    “นางสิริมาพระเจ้าข้า” พระราชาตรัสตอบ

    “นางสิริมาหรือนั่น” พระพุทธองค์ทรงถามซ้ำ

    “พระเจ้าข้า” พระราชาทูลตอบ

    “มหาบพิตรถ้าอย่างนั้นขอให้พระองค์ยังราชบุรุษเที่ยวประกาศไปในพระนครว่า ถ้าใครให้ทรัพย์พันหนึ่งแล้ว ก็จงมารับนางสิริมาไป”

    พระราชารับสั่งให้ราชบุรุษทำอย่างนั้น ราชบุรุษเที่ยวประกาศทั่วพระนคร ไม่มีใครเลยที่จะรับนางสิริมาเป็นของตน ราชบุรุษประกาศลดราคาลงตามลำดับ ในที่สุดประกาศให้เปล่าก็ไม่มีใครรับ พระราชาทูลความทั้งปวงให้พระศาสดาทรงทราบแล้ว

    พระผู้เจนจบรู้แจ้งแล้วซึ่งโลกและธรรมทั้งปวงทอดพระเนตรภิกษุทั้งมวลแล้วตรัสว่า

    “ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ดูสตรีอันเป็นที่รักที่พอใจของคนเป็นอันมาก เมื่อก่อนนี้ให้ทรัพย์ ๑,๐๐๐ กหาปณะแล้ว ให้อยู่ร่วมด้วยนางสิริมาเพียงวันเดียวคนทั้งหลายก็แย่งกัน แต่บัดนี้เวลาล่วงไปเพียง ๕-๖ วันเท่านั้น ร่างเดียวกันนี้ แม้ให้เปล่าก็ไม่มีใครต้องการ

    ภิกษุทั้งหลาย รูปที่มีความงามถึงปานนี้ ถึงแล้วซึ่งความสิ้นและความเสื่อมไปตามธรรมดาของโลกทั้งหลาย รูปนี้เป็นอย่างไร รูปอื่นก็เป็นอย่างนั้น รูปอื่นเป็นอย่างไร รูปนี้ก็เป็นอย่างนั้น

    ภิกษุทั้งหลาย ดูเถิด ดูร่างกายที่เน่าเปื่อยมีกลิ่นเหม็น มีกระดูกเป็นโครงอันเนื้อและเลือดซึ่งเกิดแต่กรรมทำให้วิจิตรแล้ว ร่างกายนี้อาดูร ไม่มีความเที่ยงหรือยั่งยืน แต่คนส่วนมากก็ยังดำริถึงด้วยความกำหนัดพอใจ”

    เมื่อจบพระธรรมเทศนาลงธรรมาภิสมัย คือการรู้ธรรม ได้เกิดขึ้นแล้วแก่บุคคลเป็นอันมาก แม้ภิกษุที่ติดใจร่างกายของนางสิริมายิ่งนัก ก็ได้สำเร็จโสดาปัตติผล





    <!-- google_ad_section_end -->


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    นักแสดงตัวประกอบถอยละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2010
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    อ้าว ก็ใช่นะสิครับ คุณก็ต้องแยกสิ ไม่ใช่มาเหมาว่า นักแสดงเขาจะลงนรกอเวจี หมด

    นี่ตัวเองกล่าวไม่แยก แต่จะมาให้คนอื่นเขาแยกเอง ตามใจนึกได้อย่างไรหละคุณ
     
  3. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    แผนกำจัดมโหสถ

    ฝ่ายอาจารย์ทั้ง๔ เห็นมโหสถเจริญรุงเรืองกว่าพวกตน ทั้งเป็นที่โปรดปรานของพระราชา ก็เกิดความอิจฉาริษยา จึงได้ปรึกษาหารือกันถึงการที่จะกำจัดมโหสถให้พ้นทาง เสนกะจอมวางแผน ก็คิดแผนอุบายอันชั่วร้าย สำหรับจัดการมโหสถ จากนั้น ทั้ง๔ ได้เดินทางไปบ้านมโหสถ เพื่อหยั่งความคิดมโหสถ

    เมื่อไปถึง เสนกะ จึงพูดกับมโหสถว่า
    ?พวกเราทั้ง๔คน มีเรื่องรบกวนถามท่าน?
    ?เชิญถามมาเลย ท่านอาจารย์?

    ?คือว่า บุคคลผู้เป็นบัณฑิต ควรยึดมั่นในธรรมอะไร?
    ?ควรยึดมั่นในความจริง?
    ?เมื่อยึดมั่นในความจริงแล้ว ควรทำอะไร?
    ?ควรก่อร่างสร้างตัว ตั้งหลักปักฐาน?
    ?เมื่อก่อร่างสร้างตัว ตั้งหลักปักฐานแล้ว ควรทำอะไร?
    ?ควรคบหามิตรสหาย?
    ?เมื่อคบหามิตรสหายแล้ว ควรทำอะไรต่อไป?
    ?ควรเรียนรู้ความคิดอ่านจากมิตรสหาย?

    ?เมื่อเรียนรู้ความคิดอ่านจากมิตรสหายแล้ว ควรทำอย่างไรอีก?
    ?การเรียนรู้ความคิดอ่านกับมิตรสหายนั้น ถ้าเป็นความลับ ก็ไม่ควรบอกความลับของตนแก่ใคร?
    ?โอ ดีจัง วิเศษ วิเศษ?

    จากนั้น อาจารย์ทั้ง๔ ก็ขอตัวกลับ และเดินทางกลับบ้านตนด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องว่า หาวิธีจัดการมโหสถได้แล้ว
     
  4. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ผมเห็นอย่างนี้ มีสิทธิ์บรรลุ แต่ยาก ถ้าไม่ได้รับทุกข์เวทนาแสนสาหัส เห็นทุกข์ เห็นโทษภัยของการเกิด เห็นความเสื่อมจริง เพราะเป็นอาชืพที่ต้องบำรุง กังวล ห่วง ยึดมันในรูปกาย ทั้งรูปราคะ ทั้งกามราคะ ทั้งทิฐิ ทั้งก่อให้ยึดมันในตัวตนอย่างสูง ก็มันต้องยึดมั่นนะ อาชืพ งาน เงิน มันเป็นอย่างนั้น วัน ๆ ก็คิดอยู่อย่างนี้ บำรุง ดูแล ดูดีไหม โทรมไหม อ้วนไป ผอมไป นมเล็ก นมใหญ่ คนเห็นจะต้องชมไหม จะต้องชอบไหม ฉันต้องเด่นนะ ต้องเกิดละงานนี้ เป็นอาชืพที่จ่อนรกนะ ถูกแล้ว

    ไปจริงแล้ว ^-^
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    บ้าไปแล้ว

    คนที่ไม่แยกแยะ หนะคือ คุณ

    คนที่ยกขึ้นปรักปรำว่า คนอื่นไม่ได้แยกแยะอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ก็คือคุณ

    คนอื่นๆ เขาก็ชี้ให้ดูอย่างอื่นประกอบกันทั้งนั้น

    เวรกรรม คุยกันแบบนี้ ก็เข้าอีหรอบเดิม ยัดข้อหาแล้วดีดไข่ซ้ำให้รับ

    ทั้งๆที่ตัวเองนั้นแหละ เข้าใจคนอื่นผิด
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    กินข้าวหรือยัง เอกวีร์ ไปกินข้าวแล้วอย่าลืมทานยาหลังอาหารด้วยนะ
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอาเวลาไปห่วง "อั้ม" ของคุณเถอะ
     
  8. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แน่นอนที่สุด ต้องไปแน่นอน ไม่ต้องไล่หรอก ไม่ต้องกลัวว่าไม่ไปหรอกนะ ทั้งจินนี่เอย ขันธ์เอย ระวังกรรมเอาไว้ให้มากระวังจะกลายเป็นหมาขี้เรื้อนอย่างใจที่สร้างไว้ แต่ขันธ์นั้นไม่น่าใช่ เพราะว่าไม่ใช่ การพาคนให้ลืมหูลืมตาขึ้นกับการพาคนให้สร้างเวรสร้างกรรมนั้นอันไหนสำคัญกว่ากัน ก็คิดเอานะจินนี่ ระวังนะจะกลายเป็นหมาขี้เรื้อนและเกิด ขี้กลากขึ้นตามตัวอย่างรุนแรง ต้องระวังให้มากเพราะกรรมมันมาจากการกระทำที่เกิดกับใจ การให้ธรรมคือการให้ทางที่ดีที่สมควร แต่การให้ธรรมคือการสร้างความลุ่มหลง สร้างกลุ่มพวก มันคนละเรื่องกัน เพราะฉนั้นควรระวังในอันจะกล่าวอะไรออกไป จงจำไว้ว่าเมื่อวันหนึ่งจินนี่เป็นดังนั้นหรือตามคำที่ยกมานั้น คือเหมือนหมาขี้เรื้อนเมื่อไหร่ ให้นึกถึงเราแล้วกันเพราะเราถือว่านั่นเป็นกรรมที่จินนี่สร้างไว้กับเรา ส่วนเราไปใครไม่สำคัญ เพราะก็อยากจะไปตั้งนานแล้วเหมือนกันเพราะว่าก็ไม่รู้ว่าอยู่แล้วจะได้อะไร พวกก็ไม่อยากมี และถ้าถือว่านี่เป็นการกล่าวสอน ก็อยากจะสอนว่า หากเอาพระสัทธรรมมาปฏิรูปตามใจตนตามตัณหาตน ก็คงไม่ต่างอะไรกับการริดรอนพระศาสนาของตน ไม่กลัวก็อย่ากลัว ให้ถือว่านั่นเป็นกรรมก็แล้วกัน
    สาธุ บ๊าย บาย คั๊บ
     
  9. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    [​IMG]
     
  10. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ขี้น้อยใจอะ ระวังหัวล้านแบบเรานะตัวเอง - -"
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ขออนุญาตส่งสารถึง จินนี่หน่อยนะครับ

    จินนี่ คุณไปทำอะไรไว้กับใครหรือเปล่า แผ่ส่วนกุศลเยอะๆ นะครับ

    เผื่อเขารับผลบุญได้ จะได้ไปอยู่ภพภูมิที่ดีขึ้น จะได้ไม่ตามมาจองเวร
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <CENTER>ถ้าพวก เมิง ทนอ่าน ตัวหนังสือของ ตรูมิได้</CENTER>
    ตรู จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ นะ ) อ่ะซิก ๆ


    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>อ่านถึงตรงนี้แล้วนึกถึงลายเซนต์ป้านู๋บี...อารมณ์ประมาณนี้ อะ (ขอนุญาติป้านู๋บีด้วยเนาะ)</CENTER>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2010
  13. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    ทุกสิ่งทุกอย่างมี ๒ ด้านเสมอ เราจะมองกันเพียงด้านเดียวไม่ได้

    อย่างอาชีพนักแสดง เราจะเหมาว่าเป็นบาปหมดเลยก็ไม่ได้

    อย่างที่เจ้าของกระทู้บอกไง ให้ดู "เจตนา" เป็นหลัก

    หากนักแสดง แสดงเป็นพระ แสดงเป็นคนดี แสดงชักจูงให้คนทำความดี

    แสดงให้ดูว่าคนทำชั่วสุดท้ายต้องได้รับผลกรรมเช่นไร

    อย่างรายการ "กรรมลิขิต" เจตนาของผู้แสดงเพื่อให้คนเชื่อในผลของกรรม

    เกรงกลัวในการทำความชั่ว แสดงให้เห็นว่าคนไม่ดีสุดท้ายต้องได้รับผลกรรมที่ตนเองทำไว้

    ลองคิดดูว่าแสดงแบบนี้เป็นบาปไหม แสดงแล้วผู้แสดงต้องตกนรกไหม

    "เจตนา" คือ "กรรม"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2010
  14. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ผมว่าตอบกระทู้แบบตอบดีๆ ไม่แสดงธรรมเร้าใจเกินนี่ มันปิติดีเนาะ เหมือนมีคนอนุโมทนาให้อ่ะ
    แล้วก็ขายของดีทั้งวันเลยผม สงสัยคล้ายพวกเทวดาชอบกินปิติเป็นอาหาร
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    <MARQUEE style="WIDTH: 498px; HEIGHT: 211px" scrollAmount=1 direction=up>

    ถ้วย รางวัล ออส กะ ก้า..แต่ขอยืมถ้วยเค้ามาก่อนนะคงไม่ว่ากัน

    [​IMG]


    มารอ ลุ้น รางวัล

    นักแสดงกระทู้ยอดเยี่ยม

    นักแสดงประกอบกระทู้ยอดเยี่ยม

    ผู้กำกับกระทู้ยอดเยี่ยม














    </MARQUEE>

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1155715/[/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กันยายน 2010
  16. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ผมเห็นมาหลายกระทู้แล้วครับ อาทิเช่น http://palungjit.org/threads/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%88%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87.259034/

    ผมว่าคุณเก่ง ไม่ควรกล่าวจองเวรผมนะครับ ผมว่าคุณควรสำรวจตัวเองให้มาก คุณหายไปพักหนึ่ง กลับมาความเห็นคุณในหลายกระทู้มีแต่ความไม่พอใจทั้งสิ้น วิ่งซัดส่ายไป สัดส่ายมาก ติโน่น ตินี่ไปเรื่อย ยึดจับคนอื่น ยึดจับสิ่งรอบตัว มาถือเป็นของตนหมด แม้กระทั้งความเห็นผู้อื่น ซ้ำยังจะให้เป็นไปตามใจอยาก

    พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจเลยครับ ใครไป ใครให้ธรรม ใครเล่นพวก ใครปฎิรูป ไม่เข้าใจ เหตุใดปฎิบัติธรรมมองแต่ข้างนอก ไม่มองที่ตน

    คุณเ่ก่งต้องทบทวนตัวเองแล้วครับ ว่าสภาวะบีบคั้นในหลายโพส หลายกระทู้ มันเกิดกับคนอื่น เกิดจากกระทู้ หรือเกิดจากใจตน ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2010
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เหตุเกิดจาก การยึดมั่นถือมั่น

    แอนตาซิลตามมามอบรางวัลให้ทุกแผล (ของจริง เจ็บจริง ไม่ใช่การแสดงนะเอย)

    ถ้าปล่อยวางได้มันก็ว่าง กลวง โบ๋เบ๋ ถ้ายึดต่อมันก็มี...ต่อ เป็นนรกในใจ ปฏิฆะ อาฆาต พยาบาท

    [​IMG]...[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2010
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สอนคนอื่นให้มีเมตตา มีพรหมวิหาร4 มันก็ดี
    แต่ถ้าเราทำได้เองอย่างที่พูด อานิสงค์ย่อมมีมากมายมหาศาลต่อตนเองและผู้อื่น
    และย่อมได้ชื่อว่าชนะใจตนเอง ชนะภัยที่คุกคามตนเองได้ราบคาบ

    [​IMG]....เนาะ
     
  19. uิwwิnา

    uิwwิnา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +146
    [​IMG]
     
  20. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]







    [​IMG] the end
     

แชร์หน้านี้

Loading...