ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD colSpan=3>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">[​IMG]


    <DD>พระราชดำรัสของพระองค์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ เรื่องของนามธรรม หรือ อุดมคติแบบเพ้อฝัน หากแต่เป็นปรัชญา ที่พระองค์และคณะรัฐมนตรี นำมาใช้ในการกำหนด นโยบาย และแผนพัฒนา ประเทศ อย่างเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งได้มีการจัดทำทุกๆ 5 ปี จึงเรียกได้ว่า แนวคิดเรื่องGNH นี้ คือหัวใจหลัก ของวิธีการพัฒนาประเทศ โดยใช้หลักศาสนาพุทธเป็นที่ตั้ง และกำลังก่อให้เกิดผล ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งน่าจับตามอง เป็นอย่างยิ่ง และปัจจุบัน ภูฏานถือเป็นประเทศเดียวในโลก ที่วัดความเจริญของประเทศ ด้วยปรัชญา GNH อีกทั้งปรัชญาดังกล่าว ยังส่งผลอย่างมาก ต่อแนวคิดของ เดวิด คาเมรอน (David Cameron) ผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษ <DD> <DD> <DD>[​IMG]

    <DD>อย่างไรก็ตาม การที่พระองค์ทรงประกาศในวันที่ 17 ธันวาคม ปี พ.ศ.2548 เกี่ยวกับการ เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปสู่ระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ และให้มีการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ของประเทศในปี พ.ศ.2551นั้น ยิ่งสร้างความตกตะลึงให้กับชาวโลกมากยิ่งขึ้น <DD> </DD>

    <TABLE width=341 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <DD>โดยพระองค์จะทรงสละราชสมบัติให้แก่ มกุฏราชกุมาร ดาโช จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ส่งผลให้มกุฏราชกุมารพระองค์นี้ จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญพระองค์แรก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน
    <DD>

    <DD>ทว่า จริงอยู่ที่ การกระทำดังกล่าวเป็นการยืนยันว่า สติปัญญาของพระองค์มิได้ ล้าหลัง แม้ดินแดน จะโอบล้อมด้วยเทือกเขาสูง อีกทั้งยังช่วยการันตีว่า พระองค์ทรงเข้าพระทัย ถึงความ เปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกว่าเป็นไปอย่างไร แต่ สมควรแล้วหรือ ที่ประเทศ ซึ่งเชื่อเสมอว่า กษัตริย์เปรียบเหมือนเจ้าชีวิต และเพิ่งจะเปิดตัวเอง ได้ไม่นานอย่างภูฏานจะพร้อมรับกับ การปกครองแบบใหม่?</DD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]



    <DD>เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ เป็นเกษตรกรที่ยังขาดการศึกษา และยังคงยึดถือระบบกษัตริย์ มันจึงอาจจะยังไม่ถึงเวลา ที่จะนำระบอบประชาธิปไตย มาสู่ภูฏานในตอนนี้ จริงอยู่ แม้การเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่เราต้องปรับตัว ให้เข้ากับมัน และเริ่มรับเข้ามาในสักวัน แต่การเปลี่ยนแปลงนั้น ก็ควรจะเกิดขึ้นเมื่อทุกอย่างพร้อม ไม่ใช่เกิดขึ้นจากการพยายาม โฆษณาชวนเชื่อ จนสุดท้ายก็เผลอติดกับ ในวัฒนธรรมใหม่ๆ อย่างถอนตัวไม่ขึ้น <DD> <DD>
    <TABLE width=211 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <DD>แม้นอร์ซิน ลัม (Norzin Lam) แห่งภูฏาน จะต่างจากดูร์บาร์ มาร์ก ( Durbar Marg) ใน กาตมันดุ ตรงที่มีเพียงความสงบ ไม่มีป้ายประกาศ ยักษ์ใหญ่ ไม่มีคำโฆษณาแบบทุนนิยม และไม่มีสถาณการณ์ วุ่นวายจากความไม่สงบ ทว่า สิ่งที่ภูฏาน กำลังเผชิญ คือ ปัญหาอันเกิดจากการ ที่เพิ่งจะมีการแพร่ภาพ ทางสถานีโทรทัศน์ได้ไม่ถึง 10 ปี อาทิผลกระทบจาก การชมรายการที่เกี่ยวกับสิ่งลามกต่าง ๆ และรายการมวยปล้ำ ของค่าย WWF จากทางอเมริกา โดยหัวหน้าสถานีโทรทัศน์ เคเบิลซิกม่า กล่าวกับสถานีโทรทัศน์บีบีซีว่า "เด็ก ๆ ส่วนมาก กำลังมีพฤติกรรม ลอกเลียนลักษณะ การกระทำของ บรรดานักมวยปล้ำ นักเรียนเริ่มที่จะใช้ ความรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกเขา อยู่ที่โรงเรียน" <DD>


    <DD>"นักเรียนที่โตกว่า พยายามเลียนแบบท่าทาง ของนักมวยปล้ำ โดยกระทำกับนักเรียน ที่เล็กกว่าตน ซึ่งได้ก่อให้เกิดปัญหาอย่างมาก ในโรงเรียน" <DD>


    <DD>การพัฒนาในครั้งนี้ได้สร้างผลกระทบ ไว้อย่างล้ำลึก คนหนุ่มสาวได้ปรับตนให้สอดคล้อง กับกระแสโลกาภิวัฒน์มากขึ้น และรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลก <DD>


    <DD>ทว่า ยิ่งภูฏานรับและเรียนรู้โลกภายนอก มากขึ้นเท่าใด การสูญเสีย เอกลักษณ์ วัฒนธรรม ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
    </DD><DD> </DD><DD>
    <TABLE width=272 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></DD>
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=106 width=9> </TD><TD vAlign=top width="100%"><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%" colSpan=2><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD colSpan=3>
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">[​IMG]



    <DD>เด็กบางคน ตั้งคำถามว่า สิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่ในจอทีวี คืออะไร มันเป็นความจริง หรือไม่ โชคดีที่มีผู้ใหญ่บางคน หวังดีต่อประเทศชาติ ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า มันไม่ใช่เรื่องจริง นั่นเป็นเพียงการแสดง และไม่เลวร้ายอย่างที่เห็น ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่น่าแปลกใจ หาก ประชากรส่วนใหญ่ จะยังไม่รู้จักกับคำว่า ประชาธิปไตย <DD> <DD>เพราะสิ่งสำคัญ ก็คือ กว่า 45% ของประชากร เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และหลายแสนคน ยังขาดการศึกษา ซึ่งมันมีส่วนอย่างมาก ในเรื่องนี้ เราไม่อาจรู้ว่าประชาธิปไตย จะใช้ได้ผลในประเทศ ที่มีประชากรที่มีการศึกษาน้อย จำนวนมากอย่างภูฏานได้ มากน้อยเพียงใด ดังนั้น จะดีกว่าไหม หากภูฏาน จะผลักดัน เรื่องการศึกษาให้มากกว่านี้ ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง อย่างไรก็ตาม การส่งบุตรหลานไปศึกษายังต่างแดน หลายคนอาจจะคิดว่า พวกเขาเหล่านั้น คงจะได้เรียนรู้โลกกว้าง และกลับมาช่วยพัฒนาประเทศ ทว่าประชาชนชาวภูฏาน ก็เหมือนกับเด็ก ที่ยังอ่อนด้อยต่อโลก พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง หากได้รับวัฒนธรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะเยาวชน พวกเขาต้องการ และอยากที่จะ ได้มาในสิ่งที่เขาเห็นจากโลกภายนอก แฟชั่น เสื้อผ้า ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของวิถีชีวิต
    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <DD>และเหตุผลสำคัญที่ ภูฏานยังไม่พร้อมสำหรับ ระบอบประชาธิปไตยก็คือ ชาวภูฏานส่วนใหญ่เอง ก็รู้สึกว่า ประเทศของเขายังไม่พร้อม สำหรับการปกครอง ในระบอบนี้ ซึ่งจะมีขึ้นภายในอีกสองปี เพราะสายใยระหว่างประชาชน และ สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เหนียวแน่น และเข้มแข็งมาก ดังนั้น พวกเขาจึงมองไม่เห็นเหตุผล ที่จะเปลี่ยนแปลง บางคนเชื่อว่ากษัตริย์คือ พระเจ้า และพวกเขาต้องการ ให้พระองค์ทรงอยู่ต่อไป เพื่อประเทศ และประชาชนของพระองค์ และในความเป็นจริง หากประเทศ มีมติที่ต้องเลือกในตอนนี้ แน่นอน คนส่วนใหญ่ ต้องเลือกสถาบันกษัตริย์ และตัดระบอบประชาธิปไตย ออกแน่นอน <DD> <DD>

    <DD>ดังนั้นความเงียบในภูฏาน ใช่ว่าจะไม่ได้แฝงไว้ด้วยความรู้สึกต่อต้าน ตรงกันข้ามมันคือ พลังเงียบ ที่พร้อมจะประทุขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้.....

    </DD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=rcoQjoZ6toI&feature=fvw]YouTube - Dragon Kingdom - Bhutan[/ame]

    เที่ยวภูฐานผ่านยูทูป
    เรื่องราวในสมัยสมเด็จพระราชธิบดี จิ๊กมี่ ซิงเย วังซุก ก่อนที่จะทรงให้เจ้าชายจิ๊กมี่ เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ขึ้นครองสิริราชสมบัติค่ะ​
     
  5. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    ในแต่ละนิกาย มักยกย่องผู้ที่ตนเองบูชาให้เป็นมหาเทพสูงสุด เช่น ลัทธิที่นับถือพระนารายณ์ ผู้ยิ่งใหญ่คือ พระนารายณ์ ลัทธิพระศิวะ พระศิวะคือมหาเทพ ลัทธิพรหม ก็นับถือพระพรหมเป้นมหาเทพ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่เหนือ องค์พระสัพพัญญู (พระพุทธเจ้า) ครับ
     
  6. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    น่าไปเที่ยวมากทีเดียวนะครับที่ภูฏานหรือที่ก่อนหน้านี้เราเคยเรียกกันว่าภูฐาน
    แต่ก่อนที่เราจะไปไกลกันต่อไป มีเรื่องต้องขอรบกวนคุณทางสายธาตุอยู่เรื่องหนึ่งครับ เรื่องเดียวจริงๆและเป็นเรื่องที่เคยนำมาเสนอไว้ในกระทู้นี้แล้ว จำได้ว่าคุณทางสายธาตุเองเป็นผู้นำเสนอเรื่องสงครามยุทธหัตถีในประเด็นที่ว่าบริเวณหรือพื้นที่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา นั้นน่าจะเป็นที่พนมทวน จ.กาญจนบุรี ดังปรากฎมีพยานหลักฐานหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ที่ต้องกลับมาขอให้คุณทางสายธาตุช่วยกรุณารื้อฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้งมิใช่เป็นการฟื้นฝอยหาตะเข็บ หรือต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสถานที่จากปัจจุบันที่เชื่อกันว่าเป็นที่อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี มาเป็น ที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี แต่อย่างใดครับ
    มีโอกาสและเวลาเหมาะสมเมื่อใดคุณทางสายธาตุช่วยกรุณานำเสนออีกสักครั้งนะครับว่าเหตุใดที่อ.พนมทวนจึงได้เชื่อเช่นนั้น เพื่อจะได้เป็นความรู้เพื่อเป็นต้นทางสำหรับผู้ที่สนใจไฝ่รู้จะได้ศึกษาค้นคว้ากันต่อไป
    อนึ่งผมเองก็สะกิดใจตรงที่สงครามเก้าทัพที่เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ก็เกิดที่กาญจนบุรี แถวลาดหญ้า ผมเกิดจินตนาการว่าพม่าอาจจะต้องการลบรอยแค้นในครั้งก่อนกระโน้น จึงได้ยกทัพเข้ามาตามเส้นทางเดียวกันกับทัพของพระมหาอุปราช อาจเรียกได้ว่าการเดินทัพย้อนรอยประวัติศาสตร์ หรือย้อนรอยเส้นทางเดินทัพสมเด็จพระมหาอุปราชา โดยหวังใจว่าจะต้องมีชัยชนะเหนือไทยเพื่อลบรอยแค้นในประวัติศาสตร์
    ก็อาจเป็นได้นะครับ
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พี่จงรักภักดีทำให้หนูคิดถึงพี่น้ำฝน ทองอินทร์อยากไปเยี่ยม แต่ทริปหน้าต้องไปอยุธยา กระนั้นก็ตาม เมื่อวานหนูได้อ่านเรื่องเจดีย์ยุทธหัตถีในความเห็นของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หนูจะหามาเกริ่นๆก่อน เพราะจริงๆหนูยังไม่เคยไปพนมทวน ทำให้มองทางเขียนเรื่องยุทธหัตถีไม่ออก อีกอย่างหนูไม่ค่อยรู้สึกเรื่องการรบหน่ะพี่ ส่วนคุณรุ้งก็ไม่ค่อยอยากคุยเรื่องการระลึก เธอบอกว่ารู้อะไรก็เก็บๆไว้จะไปพูดมากทำไมกัน ลืมได้ก็ให้ลืม ตัดได้ก็ให้ตัด มุ่งสร้างบารมีปฎิบัติให้มากนำเข้าสู่เส้นทางนิพพานให้เร็วที่สุด อย่ามัวแต่แวะข้างทาง เดี๋ยวจะตกเที่ยวบินเอาได้
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เจดีย์ยุทธหัตถี<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->
    (คัดจากเทปที่หลวงพ่อ เล่า ในเดือนเมษายน 2522)

    [​IMG]<O:p

    วันหนึ่ง เดินผ่านอำเภอศรีประจันต์ คำว่า ศรีประจันต์ เป็นชื่อของบุคคลคนหนึ่งในเรื่องขุนช้างขุนแผน อำเภอนี้ เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ตอนหนึ่ง คือ พระนเรศวรมหาราช ยาตราทัพ ทำยุทธหัตถี กับ พระมหาอุปราชคู่ปรับ

    มีคนเขาถามว่า เจดียุทธหัตถี เป็นจุดที่ทำยุทธหัตถีกันจริงๆ ใช่ไหม ครั้งหนึ่ง ก็เป็นการบังเอิญ นอนๆ อยู่ อยากจะอ่านประวัติศาสตร์ อยากจะอ่านเรื่องของ ขุนเหล็ก และ เรื่องพระนเรศวรมหาราช อ่านไปก็มีอารมณ์เคลิ้ม เมื่อเคลิ้ม ก็มีภาพปรากฏ เป็นชาย รูปร่าง หน้าตาสวย เอวบางร่างน้อย อ้อนแอ้น คล้ายสตรี แต่แข็งแรง ผิวกายนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นคนผิวดำ แต่ว่า ดำกว่าอีกคนหนึ่งซึ่งขาวกว่า ที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่านเอกาทศรถ

    ทั้งสองท่าน ปรากฏ ยกมือพนม บอกว่า ที่เจดีย์ยุทธหัตถีที่ทำไว้ในปัจจุบันนี้ ความจริงไม่ใช่ จุดที่ชนช้างกัน แต่ที่ทำเจดีย์ไว้ เป็นอนุสรณ์นั้น ใช่องค์นี้ ถ้าขุดลงไปกลางเจดีย์ จะมีเป็นอุโมงค์ ที่เก็บอาวุธยุทธหัตถีของพระมหาอุปราช แล้วก็มีแผ่นจารึกประวัติศาสตร์ไว้เป็นหลักฐาน

    [​IMG]

    <O:p
    ถามท่านว่า จุดที่ทำยุทธหัตถีจริง ๆ อยู่ตรงไหน ท่านบอกให้ตั้งศูนย์จากอำเภอศรีประจันต์ จากตัวอำเภอ ลากเส้นไปยังที่ว่าการจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางไป 60 กิโลเมตรแล้วทำมุมเฉียงออกไป 15 องศาเดิน ไปอีก <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:metricconverter>6 กิโลเมตร บริเวณนั้น จะเป็นบริเวณที่รบกัน กับ พระมหาอุปราช ที่เรียกว่า ยุทธหัตถี นี่ ประวัติศาสตร์ของผีในเรื่อง ที่คนเถียงกัน จะถูกหรือไม่ถูกไม่รับรอง<O:p

    อ้างอิง .. เรื่องจริงอิงนิทาน ๓
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG][​IMG]
    ********************************************************เจดีย์ยุทธหัตถี อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี

    เจดีย์ยุทธหัตถี อยู่ที่ไหน?

    เจดีย์ยุทธหัตถี ตั้งอยู่ที่บ้านดอนเจดีย์ ม.2 ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เชื่อกันว่า
    เป็นเจดีย์ยุทธหัตถี ที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะสมเด็จพระมหาอุปราชา กษัตริย์แห่งพม่า
    ดังปรากฎหลักฐานพอสรุปได้ดังนี้

    1. ในพื้นที่บริเวณเจดีย์ยุทธหัตถี และ บริเวณใกล้เคียง ชาวบ้านพบ กระดูกช้าง กระดูกม้า
    กรามช้าง กระโหลกช้าง และกระดูกคน มากมาย ซึ่งแสดงว่า สถานที่แห่งนี้ จะด้องเป็นสถานที่กระทำสงคราม
    ครั้งยิ่งใหญ่ หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วคงไม่มีกระดูกมากมายเช่นนี้

    2. ชาวบ้านดอนเจดีย์ พบ เครื่องศาสตรวุธ เครื่องม้า เครื่องช้าง ซึ่งประกอบด้วย หอก ดาบ ยอดฉัตร
    โกลนม้า ขอสับช้าง โซ่ล่ามช้าง แป้นครุฑจับนาค ปัจจุบันสิ่งของเหล่านี้แสดงไว้ที่ ศูนย์วัฒนธรรมสถาบันราชภัฎกาญจนบุรี

    3. ชาวบ้านดอนเจีย์ส่วนใหญ่ ใช้นามสกุล คชายุทธ มาลาพงษ์ และ ดอนเจดีย์ นามสกุลเหล่านี้มีความหมาย
    เกี่ยวข้องกับองค์เจดีย์แห่งนี้ และการตั้งนามสกุลได้ตั้งในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มในการค้นหาเจดีย์ยุทธหัตถี

    4. ชื่อตำบล ตะพังตรุ หนองสาหร่าย ที่ระบุใน พระราชพงศาวดารเป็นสถานที่ ที่มีอยู่ใน อ. พนมทวน จ.กาญจนบุรี
    ซึ่งแต่เดิมขึ้นอยู่กับแขวง เมืองสุพรรณบุรี ต่อมาภายหลังได้มีการแบ่งเขตการปกครอง โดย อ.พนมทวน มาขึ้นอยู่กับ
    จ.กาญจนบุรี เมื่อสมัยรัชกาลที่ 3

    5. เส้นทางการเดินทัพของ พม่า-ไทย โดยทัพ พม่า จะข้ามมาทางด่านเจดีย์ 3 องค์ ผ่านทุ่งลาดหญ้า ผ่านเขาชนไก่
    ผ่านเมืองกาญจนบุรีเก่า ผ่านปากแพรก ผ่านบ้านทวน ผ่านอู่ทอง สุพรรณบุรี ผ่านป่าโมก เข้า อยุธยา จะเห็นได้ว่า เจดีย์ยุทธหัตถี
    องค์นี้ตั้งอยู่ในเส้นทางการเดินทัพ คือ ที่อำเภอ พนมทวน

    6. เจดีย์ยุทธหัตถีองค์นี้ มีลักษณะคล้ายกับเจดีย์วัดช้าง จ.อยุธยา ซึ่งเป็นที่เชื่อถือได้ว่า เจดีย์องค์นี่
    น่าจะสร้างในสมัย อยุธยา

    7.ในพงศาวดาร ได้กล่าวไว้ว่า ช้างศีกได้กลิ่นน้ำมันคชสารก็ ตกมัน ตลบปะปนกันเป็นอลหม่าน พลพม่ารามัญ ก็โหมยิงธนู หน้าไม้ ปืนไฟ
    ระดมเอาพระคชสารสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ และ ธุมาการตลบมืด เป็นหมอกมัวไป แสดงว่าที่ทรงกระทำยุทธหัตถี
    พื้นที่จะด้องเป็น ดินปนทราย จึงมีฝุ่นคลุ้งไปทั่ว จากพงศาวดารที่กล่าวมา ทำให้สอดคล้องกับพื้นที่บริเวณเจดีย์ยุทธหัตถีแห่งนี้
    เนื่องจากบริเวณรอบองค์เจดีย์ เป็นที่ดอน และดินปนทรายซึ่งมีหลักฐานประจักษ์คือ หมู่บ้านที่ติดกับองค์พระเจดีย์
    ชื่อว่า หมู่บ้านหลุมทราย แสดงว่าพื้นที่แถบนั้นต้องมีทรายมาก

    8. ที่ดอนเจดีย์แห่งนี้มีต้นข่อย ขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นต้นข่อยที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
    อยู่ห่างจากเจดีย์ประมาณ 100 เมตร ดังพระราชพงศาวดาร กล่าวไว้ว่าครั้งเหลือบไป ฝ่ายทิศขวาของพระหัตถ์
    ก็เห็นช้างเศวตฉัตรหนึ่งยืนอยู่ ณ ฉายาข่อย มีเครื่องสูงและทหารหน้าช้างมากก็เข้าพระทัยถนัดว่า ช้างมหาอุปราชา
    พระเจ้าอยู่หัวทั้งสอง ก็ขับพระคชสารตรงเข้าไป ทหารหน้าข้าศึกก็วางปืนจ่ารงคมณฑกนกสับตระแบงแก้ว ระดมยิง
    มิได้ต้องพระองค์และคชสาร สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ตรัสร้องเรียกด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า
    " พระเจ้าพี่ ใยจะยืนอยู่ในร่มเล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็น เกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิดภายหน้าไป
    ไม่มีกษัตริย์ที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว" พระมหาอุปราชา ได้ฟังดังนั้นแล้วละอายพระทัย มีขัตติยราชมานะก็ป้ายพระคชสารออกรบ

    9. เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ฟันพระมหาอุปราชา ขาดคาคอช้างแล้ว ทัพไทยได้ไปทันพอดี จึงไล่ฆ่าฟัน
    ทหารพม่าอย่างหนัก จาก ตะพังตรุ ถึง กาญจนบุรี คาดว่า ทหารไทยฆ่าทหารพม่า ประมาณ 20,000 คน
    จับช้างใหญ่สูง 6 ศอก ได้ 300 เชือก ช้างพลายพัง 500 เชือก ม้าอีก 2,000 เศษ
    จะเห็นได้ว่า จากเจดีย์ยุทธหัตถี บ้านดอนเจดีย์ไปกาญจนบุรี มีระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร จึงเป็นไปได้ที่ทหารไทย
    จะไล่ฆ่าฟัน ทหารพม่าในวันเดียวถึงเมืองกาญจนบุรี ซึ่งระยะทางห่างกันไม่มากนัก

    10. ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับ วันวลิต ได้กล่าวไว้ว่า ในการกระทำยุทธหัตถี ระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    กับพระมหาอุปราชาได้ กระทำใกล้กับวัดร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งจะตรงกับสภาพพื้นที่เจดีย์ยุทธหัตถี บ้านดอนเจดีย์แห่งนี้
    ยังมีวัดร้าง อยู่ทางทิศใต้ของเจดีย์ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ปัจจุบันคือ วัดบ้านน้อย และยังมีเจดีย์ โบสถ์เก่าแก่
    ให้เห็นตราบเท่าทุกวันนี้

    จากหลักฐานดังที่ได้กล่าวอ้างมานี้ น่าจะเป็นที่ยืนยันได้ว่า เจดีย์ยุทธหัตถีบ้านดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
    เป็นเจดีย์องค์ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสร้างขึ้นหลังจากที่พระองค์ ทรงกระทำยุทธหัตถี ชนะสมเด็จพระมหาอุปราชาเมื่อ พ.ศ.2135

    (จากหนังสือ "เจดีย์ยุทธหัตถีอยู่ที่ไหน เขียนโดย นเรศ นโรปกรณ์ และ คณะ พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2516 และคัดเนื้อความบางส่วน

    จากหนังสือกระแสพระ ฉบับที่ 38 เดือน ตุลาคม 2548)
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]
    กระดูกช้างที่ขุดพบบริเวณ อ.พนมทวน

    [​IMG]
    ภาพต้นข่อยปัจจุบัน.....เป็นต้นที่แตกจากต้นเดิมขนาดหลายคนโอบที่ถูกเผาเพื่อปรับที่ดินสำหรับทำนา

    [​IMG]
    โบราณวัตถุ/เครื่องประดับ ช้าง-ม้าและอาวุธโบราณที่ค้นพบบริเวณโดยรอบองค์พระเจดีย์

    อนุโมทนากับทุกท่านที่นำข้อมูลมาลง เมื่อวานเพิ่งเข้าไปอ่านกระทู้หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี้มาแล้ว แต่เห็นว่าพวกเรากำลังอยู่แถวเทือกเขาหิมาลัยเลยยังโหนกระแสหิมาลายาบูเก้ไปก่อน ความถูกต้องของสถานที่กำลังจะถึงโอกาศของแต่ละที่แล้วที่จะเผยความจริงในตัวของสถานที่นั้นออกมา (มีคนบอกหนูว่าสถานที่ทั้งหมด 8 แห่ง และทุกที่กำลังเปิดคือเป็นที่จดจำและแสดงพลังของสถานที่นั้นๆเพื่อนำคุณอันประเสริฐมาสู่ประเทศ วัดปราสาทเป็นหนึ่งในแปดนั้นค่ะ และทางสายธาตุคิดว่าวัดวรเชษฐ์ รวมถึง สถานที่เจดีย์ยุทธหัตถี ก็น่าจะใช่หนึ่งในแปดแห่งค่ะ..... ความเห็นส่วนตัว)


    http://palungjit.org/threads/เจดีย์ยุทธหัตถี.259421/
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ข้อมูลตรงนี้ทำให้นึกถึงข้อเขียนของคุณ CHAYA MARUTY ที่ทางสายธาตุเคยเอามาลงไว้ในหน้า 17 ของกระทู้นี้ ความเห็นของคุณชยาทำให้เห็นสภาพทหารไทยในขณะนั้นอย่างออกรส เอามาให้อ่านกันอีกครั้งนะคะ


    พอกลับมาถึงบ้าน เราก็คุยกันเล็กน้อย และคืนนี้

    จะเป็นคืนที่ผมรอคอยที่อยากจะรู้นิมิตที่ผมเห็นมาตลอด
    เข้าพรรษา คือเห็นตัวเองเป็นทหารไทยโบราณ
    รบกับพม่า โดยไม่ได้หลับตา หรือนึกอยากจะเห็นแต่อย่างใด
    มันเห็นเองเลยโดยไม่ต้องกำหนด เห็นทั้งหลับตา
    และลืมตา แต่ว่าจะเห็นตอนที่ ว่าง ๆ
    คือตอนที่ไม่ได้ทำงาน หรือทำกิจกรรมใด ๆ
    ก็เห็นเองแล้ว ก็อยากรู้เหมือนกันว่า เรารบอยู่สมัย
    จะเป็นสมัยสมเด็จพระนเรศวรหรือเปล่า
    พระเรารักท่านเป็นทุนเดิมตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
    ก็ไม่อยากจะคิดอย่างนั้น เพราะกลัวจะเป็นอุปทาน
    ก็จึงได้ปรึกษากับ หมอวิรุฬ หมอก็เลยเรียกมาที่บ้านนี่ละครับ
    ....................................................................................



    กำหนดการเวลาดีที่จะนั่งสมาธิก็คือ 4 ทุ่ม ซึ่งจะเงียบมาก
    หมอวิรุฬ ก็ได้อธิบาย วิธีการระลึกชาติัดังนี้ครับ
    ถ้าใครจะลองเอาไปทำดูก็ไม่ว่ากันครับ
    คื่อเริ่มจาก


    1.ไหว้พระสวดมนต์
    2. ทรงพรหมวิหาร
    3. ทรง มรณังนุสติ
    4. อธิฐานจิตว่าต้องการจะเห็นภาพอะไรตอนไหน
    5. เข้าสมาธิให้ได้ระดับสูงสุดเท่าที่ทำได้
    แล้วถอยออกมาอยู่ที่อุปจาระสมาธิ
    6. อธิฐานจิตว่าต้องการจะเห็นภาพอะไรตอนไหน
    อีกครั้งหนึ่ง
    ก็จะเห็นเป็นภาพและจิตก็จะรับรู้เรื่องราวที่เห็นภาพ
    ส่วนผมตอนนั้น ผมอธิฐานจิตว่า
    หากเป็นทหารของสมเด็จท่านจริง ก็ขอให้เห็นภาพ
    เหตุการณ์ การรบที่สำคัญ ที่ได้รบร่วมกับพระองค์่ท่านมา
    ผมก็ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง จนถึงขั้นตอนที่ 6
    ....................................................................................



    ก็ปรากฎเป็นภาพเหตุการณ์ และมีความรุ้สึกว่า
    เหมือนตัวเองกำลังรบอยู่ในสนามรบใหญ่ มีทหารมากมาย
    และมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นทหารที่ทำหน้าที่คุ้มกันพระองค์
    โดยเฉพาะ แต่กำลังบกพร่องต่อหน้าที่ มองไปข้างหน้า
    ราว ๆ 300-400 เมตร สมเด็จพระนเรศวรเจ้า
    พระองค์ท่านกำลังทรงทำยุทธหัตถีย์ ชนช้างกับ
    พระมหาอุปราชาอยู่ ซึ่งเป็นเพียงลาง ๆ เป็นแบบเงาดำ ๆ
    เพราะมีแต่ฝุ่นคลุ้งไปหมด มีความรู้สึกเกิดขึ้นกับจิต
    ในขณะนั้นว่า มีทั้งอารมณ์โกรธ และโมโห
    และความห่วงกังวล อย่างสูงสุด ..
    ...............................................................................



    โกรธ คือโกรธพม่าที่ยกทัพมาตีกรุงของเรา
    มีแต่ความมุ่งมั่นจะฆ่าทหารพม่าอย่างเดียว ซึ่งจิตรับรู้ว่า
    สมรภูมินี้ ที่เดียว ผมคนเดียวฆ่าพม่า
    ไปหลายร้อยคน
    ....................................................................


    โมโห คือ โมโหตัวเองและทหารในบังคับบัญชา
    ที่บกพร่องต่อหน้าที่ ที่จะต้องอารักขาพระองค์ท่าน
    หน่วยราชอารักษ์ มีทหารอยู่ 5 กอง กองละ 2500 คน
    ตามเสด็จทันเพียง 40 กว่าคน คนส่วนใหญ่จะคิดว่า
    ในสนามรบ จะมีทหารจตุรังคบาทแค่ 4 คน
    ที่รักษาเท้าช้างเท่านั้น เข้าใจผิดครับ ในกองทัพพระองค์ท่าน
    มีทหารอยู่แสนกว่าคน จะเอามาคุ้มกันพระเจ้าอยู่หัว
    เพียง 4 คน ดูเหลือเชื่อมากครับ จตุรังคบาทมีเป็นหมื่นครับ
    และจะมีพวกราชอารักษ์ประเภท ไปไหนไปด้วย 24 ชั่วโมง
    ประมาณ 100 กว่าคน พวกนี่ล่ะครับ ที่คัดเลือกกันสุด ๆ
    ต้องเก่งเอามาก ๆ ใช้อาวุธได้ทุกประเภทเรียกว่า
    หยิบอะไรมาก็ฆ่าพม่าได้หมดครับ ผมมีความรู้สึกว่า
    บังคับบัญชาหน่วยนี้ครับ หน่วยนี้ มีทั่งพลหอก
    พลดาบสองมือ พลม้า พลปืนไฟ เวลาพระองค์เสด็จทางน้ำ
    หน่วยนี้ล่ะครับ ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งฝีพายเรือพระที่นั่ง
    เรื่องราวละเอียดผมจะเล่าให้ฟังทีหลังครับ ....


    ...................................................................
    ตอนนั้นมีความกังวลสูงสุด เป็นห่วงพระองค์มาก
    ห่วงมากกว่าชีวิตตัวเอง รู้ว่าตัวเองจบงานนี้ต้อง
    โดนอาญาถึงตายแน่ แต่ว่าไม่ห่วงตัวเองตรงนั้นเลย
    ห่วงแต่พระองค์ท่าน สั่งการให้ทหารในบังคับบัญชาว่า
    ให้ฝ่าเข้าไปให้ได้ เหล่าทหาร ก็บ้าคลั่งพอกัน
    ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนในตอนนั้นครับใครขวางฆ่าให้เรียบ
    เรียกว่าเลือดเข้าตา ฆ่าอย่างเดียว
    ตัวเองก็ทั้งสั่งทั้งรบ ใช้ดาบ ฟัน เพราะใช้อาวุธอย่างอื่น
    ไปหมดแล้ว ทั้งมีดสั้น 8 เล่ม ใช้ขว้าง ก็หมด หลือดาบไขว้หลัง 2 เล่มเท่านั้น
    หอกยาว 4 อัน เหน็บอยู่ข้างม้าก็หมด
    ก็บุกฝ่าไปเรื่อย ๆ กับเหล่าทหารอย่างบ้าคลั่ง
    เรียกว่าสมรภูมินี้ล่ะครับที่ ทหารอโยธยาบ้าคลั่ง
    ฆ่าพม่ามากที่สุด ด้วยความรักและเป็นห่วงพระองค์ท่าน
    จึงรบแบบลืมตายถวายชีวิต จิตมีความรู้สึกอย่างนั้นเลยจริง ๆ
    ครับ จนกระทั่ง เข้าไปกู้เอาพระองค์ได้
    จึงได้คลายกังวล แต่ความโมโหตัวเองและทหารนั้นยังมีอยู่ครับ .....
    .....................................................................


    ภาพเริ่มจางหายไป และมีให้ภาพใหม่มาแทนครับ
    มีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังปีนบันไดเข้าปล้นค่ายพม่าครับ
    บันไดที่พาดขึ้นบนค่ายพม่านั้นมีเป็น 10 อัน
    บันไดของผมจะอยู่ค่อนข้างกลาง ...
    บันไดที่ผมขึ้นอยู่นี้ มีขึ้นมา 3 คน ผมเป็นคนที่ 2
    คอยเอาดาบปัดหอกของพม่าที่แทงลงมา
    จะแทงคนที่อยู่เหนือผมขึ้นไป
    ซึ่งผู้ที่ผมคอยเอาดาบปัดป้องหอกให้อยู่นี้ก็คือ
    พระองค์ท่านนั้นเอง ซึ่งปีนขึ้นไปเป็นคนแรก
    ซึ่งในขณะนั้นพระองค์ทรงคาบดาบขึ้นไป
    ฟันทหารพม่าตายไปหลายคนแล้ว
    ทหารพม่าเห็นดังนั้น มันก็เลยผลักบันไดให้หงายหลัง
    มันผลักแรงมากครับ จนกระทั้งบันไดเสียหลัก
    หงายหลังตกลงมา ผมและพระองค์ท่านก็หงายหลัง
    ตกลงมา พระองค์ท่านไม่เป็นไร เพราะมีตัวผมรองรับอยู่
    และทหารข้างล่างคอยรับอยู่ แต่ทหารด้านล่างมัีนคอย
    รับแต่พระองค์ครับ มันไม่รับผม ผมตกลงพื้น
    จนจุกแอ็ก แล้วก็เลยตกใจ คลายสมาธิออกมาในตอนนี้เองครับ ......
    ........................................................................



    เมื่อคลายสมาธิออกแล้ว ก็มานั้งพิจรณา เรื่องราวและ
    ภาพที่ได้เห็นทั้งหมด ก็รู้ว่า เราเคยเป็นทหารของ
    พระองค์อย่างแน่นอน แต่ในตอนนั้น ผมก็ไม่ปักใจเชื่อซะ
    100เปอร์เซ็นต์ ด้วยที่ว่า การดูอดีต ดูอนาคตนี้
    ผมทำสมาธิมานานก็จริง โดยมาก ผมจะสัมผัสแบบเรียวไทม์
    คือ ถ้าผีมา ก็เห็นเลย นางไม้ นางฟ้ามา ก็คุยกันเลย
    แต่การดูอดีตแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรก ก็เกรงว่าจะเป็นอุปทาน
    หรือเปล่า วิรุฬก็บอกว่า ตอนนี้ไม่ต้องเชื่อก็ได้
    เดี๋ยว กลับไปบ้านนั่ะ รับรองว่า จะต้องเชื่อ ล้านเปอร์เซ็นต์
    ...........ครับ..........ในเวลาต่อมา ก็มีเหตุให้ผมต้องเชื่อ
    ล้านเปอร์เซ็นต์ครับ เหตุอะไรหรือ.....
    ..........เดี๋ยวจะมาเล่าต่อครับ.................ท่านใดที่มีทิพย์จักษุ
    หรือตาที่ 3 ช่วยตรวจสอบด้วยน่ะครับ...;aa13
     
  12. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    ในสมัยสมเด็จพระนเรศ คุณCHAYA MARUTY อาจเกิดเป็นพระราชมณูก็เปนไปได้ ส่วนเจดีย์ที่ อ.พนมทวน ผมคิดว่าถูกต้องแล้วครับ
     
  13. พระราชมนู

    พระราชมนู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    เสริมเรื่องเจดีย์ยุทธหัตถี

    ผมขอเสริมเรื่องที่พนมทวนนิดหนึ่งว่า ถ้ามองจากวัตถุและปัจจัยไม่พอ ให้ดูแผนที่การเดินทัพได้ครับ ดูที่กูเกิ้ลเอิธก็ได้ มองจากอ.สังขละด่านเจดีย์สามองค์แล้วหากลากเส้นตรงข้ามมาที่อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง จากด่านเจดีย์สามองค์ หากมุ่งหน้ามาที่ดอนเจดีย์สุพรรณบุรีนั้นยากยิ่ง เพราะต้องข้ามเทือกเขามากมายกองทัพอุปราชาใหญ่ขนาดนั้น และคนโบราณก็อาศัยการเดินทัพด้วยการเลาะสันเขา หรือไม่ก็ลำน้ำอยู่แล้ว คงไม่นำทัพข้ามหุบเขาไปแน่ หากดูในแผนที่จะพอเห็นเส้นทางว่าควรเลี่ยงสันเขาเข้ามาที่ตระพังตรุ พนมทวนได้อย่างไร

    2.ฉบับจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพันจันทนุมาศ และฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ กล่าวถึงที่ตั้งทัพพระมหาอุปราชาว่าตั้งที่ตระพังตรุ ซึ่งถ้าเป้าหมายของอุปราชาคือมุ่งหน้ามาราวีอโยธยา ผ่านด่านเจดีย์สามองค์มาต้องลงใต้เลาะสันเขามาทางใต้ เพื่อเข้าตีอโยธยา แล้วจึงพักทัพที่ตระพังตรุตั้งค่ายเป็นแบบดาวล้อมเดือนตรงชัยภูมินาคนาม
    ไม่ใช่ตั้งทัพที่ตระพังตรุแต่ขึ้นเหนือไปที่ดอนเจดีย์สุพรรณบุรี เช่นเดียวกับทัพขององค์พระนเรศ ที่ตั้งใจออกมายั้งทัพข้าศึกนอกเมือง หลังจากที่พระเจ้าตา(พระมหาจักรพรรดิ์เคยใช้เมืองตั้งรับศึกแล้วพลาดท่ามาแล้ว) พระองค์อาจจะพักทัพที่อ.เมืองสุพรรณบุรีปัจจุบัน เพราะมีตำนานการสร้างพระเครื่องอันโด่งดังที่บ้านกร่าง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหารผู้กล้า พิธีทำอย่างเรียบง่ายและเร่งรีบ ตามสภาพพระเนื้อดินและเนื้อมีกรวดทรายหยาบมาก...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2010
  14. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    วันนี้มีภาพมาให้ทุกคนได้ชมกันครับ[​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    [​IMG]

    ในหลวงทรงเสด็จทอดพระเนตรการแสดงดนตรีในหอประชุมราชแพทยาลัย

    ขอใช้คำที่ออกจากใจว่า

    ดิฉันดีใจมากที่เห็นในหลวงทรงแข็งแรงและทรงพระเกษมสำราญ

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

    ทรงพระเจริญ

    ทรงพระเจริญ

    ทรงพระเจริญ
    ขอวางพระบรมรูปถ่ายไว้เป็นศิริมงคลแก่กระทู้ก่อนเข้านอนในคืนนี้กราบขอเทวาทุกชั้นฟ้าโปรดทรงมาช่วยกันปกปักรักษาองค์พระมิ่งขวัญชาติ ในหลวงของปวงไทย พระองค์นี้ตลอดทิวาราตรีกาลเทอญ
     
  16. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    แชงกรีล่า

    [​IMG]

    ชื่อของแชงกรีล่า (Shangril-la) ปรากฏครั้งแรกในหนังสือของ James Hilton เรื่อง 'Lost Horizon' หรือ 'ลับฟ้าปลายฝัน' ในฉบับภาษาไทย พูดถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่หลบหลีกซ้อนเร้นจากภายนอก ไม่ปรากฏในแผนที่ เป็นสถานที่ลึกลับที่แม้นผู้หลงเข้าไปจะพบกับความมหัศจรรย์นานัปการด้วยสถานที่นี้คือดินแดนแห่งสันติสุข ผู้คนที่มีอายุขัยยืนยาวจนเกือบเป็นอมตะ และดำรงตนแห่งสมณะเพศตามความเชื่อแบบธิเบต


    แล้วแท้จริงอาณาจักรแชงกรีล่านี้ปรากฏในแห่งหนใดนอกเหนือจากในฉบับนิยาย หลากหลายความเชื่อปรากฏมาจากหลายแหล่งข้อมูล บ้างก็ว่ามาจากการที่ Hilton ผู้แต่งหนังสือเคยไปเยี่ยมเยือนพื้นที่แถบหุบเขาฮุนซ่าในปากีสถานและนำข้อมูลเหล่านี้มาแต่งเป็นนิยาย บ้างก็ว่าแชงกรีล่ามีอยู่จริง โดยแผลงมาจากดินแดนซัมบาลา (Shambala) ตามความเชื่อของธิเบตที่ตามตำนานเคยมีอยู่จริงตั้งอยู่ในแถบ Inner Asia มาแต่โบราณ จนคำว่าซัมบาลาค่อยๆเปลี่ยนไปหมายถึง ดินแดนที่บริสุทธิ์ในระดับจิตวิญญาณมากกว่าการมีตัวตนจริงของดินแดน ผนวกจนเป็นความเชื่อของพุทธแบบธิเบต เป็นความเชื่อของการเข้าถึงดินแดนแห่งความสงบสุขและเต็มไปด้วยความสุข เราอาจหมายถึงที่เหล่านี้ว่าเป็น Himalayan Utopia หรือ Buddhist Pure Land ก็ได้

    ตามนิยายแล้วแชงกรีล่าตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาคุนหลุน และเนื่องจากความนิยมของนิยายเล่มนี้ ทำให้ชื่อของแชงกรีล่าโด่งดัง ทางการจีนที่เข้าใจถึงวิถีแห่งการตลาดจึงไม่รอช้าที่จะนำชื่อแชงกรีล่ามาใช้ประโยชน์ในการโปรโมทเมืองยุทธศาสตร์ในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน โดยเปลี่ยนชื่อเมือง จงเตี้ยน (Zhongdian) เป็น แชงกรีล่าในปี 2001 ซะเลย

    ดังนั้นแล้ว นักท่องเที่ยวทั่วทุกหนแห่งจึงไม่รอช้าที่อยากจะเข้ามาสัมผัสดินแดงแชงกรีล่าในตำนาน ทุกๆหน้าโฆษณาโปรแกรมทัวร์ในหนังสือพิมพ์จึงทำการโปรโมทโปรแกรมทัวร์โดยใช้คำว่า "แชงกรีล่า" กันอย่างตรงไปตรงมาและถึงพริกถึงขิง ตามเป้าหมายวิสัยทัศน์ของทางการจีน สำหรับคนไทยแล้วโปรแกรมทัวร์ส่วนใหญ่รวมถึงผู้ที่ Backpack ไปเองจึงมักเริ่มต้นที่เมืองคุนหมิง (Kunming) ในมณฑลยูนนาน ลัดเลาะไปตามทิศตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อเยี่ยมเยียนเมืองต้าลี่ (Dali) จากนั้นจึงไปเมืองลี่เจียง (Lijiang) แวะหุบเขาเสือกระโจน และไปลงเอยที่เมืองจงเตี้ยน (Zhongdian) หรือที่เปลี่ยนเป็นเมืองแชงกรีล่า (Shangri-la) ตรงนี้นี่เอง

    หลายๆคนที่กลับมาจากทริปแชงกรีล่ารูปแบบนี้คงได้อิ่มเอิบใจกับการเดินเล่นในเมืองลี่เจียง และระคนใจว่าเหตุใดเมืองจงเตี้ยนถึงถูกเรียกว่าเมืองแชงกรีล่าทั้งๆที่ไม่ตรงกับความความคาดหวัง

    ในหนังสือ Lost Horizon ชื่อของ 'หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน' ถูกนำมาเรียกบ่อยครั้งจนเมื่อครั้งใดที่ตัวละครหลักในหนังสือปรากฏตัวออกจากอาคารที่พักทุกครั้งแล้วพวกเขาต้องได้เห็น ภูเขาหิมะสีขาวทรงปิระมิด ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ข้างดินแดนแชงกรีล่าจนเหมือนเป็นตัวละครแห่งแทพเจ้าตัวตนหนึ่งเลยทีเดียว

    ย้อนกลับมาในยุคช่้วงต้นศตวรรษที่ 20 ช่วงที่ เจมส์ ฮิลตัน (James Hilton) เขียนหนังสือ Lost Horizon ในพื้นที่อีกแห่งหนึ่งในเมืองลี่เจียงของจีน นา่ยโจเซปป์ ล๊อค (Joseph Rock) ชาวตะวันตกเชื้อสายอเมริกันออสเตรียน เป็นชาวตะวันตกยุคแรกที่เข้าไปสำรวจ วิจัยพื้นที่ในแถบเสฉวน-ยูนนาน โดยหน้าที่แล้วเขาต้องออกไปสำรวจปีนเขาเพื่อทำงานให้กับนิตยสาร National Geographic ในสมัยนั้น เขาเป็นผู้พิชิตสามยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ เซียนหน๋ายหรือ (Shenrezig) , หยั๋งเหมยหย๋ง (Jambeyang) and เซียนะเดาจื๋อ (Chanadorje)
    ที่ปัจจุบันตั้งอยู่ที่หย่าติงหรือ Yading Nature Reserve เขาเป็นผู้แรกที่ได้ถ่ายภาพยอกเขาสีขาวทรงปิรามิดออกมาให้ชาวจีนและชาวโลกได้เห็น และนั่นมีที่มาว่าที่นี่แหละคือแรงบันดาลใจของ แชงรีล่า หรือ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงินทรงปิรามิด ที่ James Hilton เขียนหลังจากได้เห็นภาพผลงานภาพถ่ายของ Joseph Rock ที่ตีพิมพ์ออกมา และหยิบยืมคำ Shambala ที่หมายถึงสถานที่อันสงบสุขทางจิตวิญญาณของธิเบตมาผันเป็นชื่อ "Shangri-la" และตำนานของแชงกรีล่าก็ได้เกิดขึ้น ณ ที่ตรงนี้


    แม่ชีใส่ชุดสีเทาดำ หนูเทน้ำหนักให้ทางเขตจีนก่อนหน่ะพี่ดอกไม้ ก็ไปได้ข้อมูลพี่ดอกไม้เรื่องอาณาจักร Shambala หนูก็ขนลุก (ตอนนั้นฝนตกพอดี แอร์เย็นด้วยอ่ะ ล้อเล่นค่ะพี่ ^_^ ) ทะเลสาบนั้นยังมีระลอกคลื่นซัดโขดหินอยู่คงอยู่สูงกว่าระดับพื้นราบเพราะเป็นแนวน้ำไหลมาแล้วก็จะไหลต่อไป จึงมีแรงปะทะโขดหิน .... ความเห็นส่วนตัวทางสายธาตุ

    ขอเชิญดูภาพแชงกรีล่าแต่ฟังเพลงภูฐาน ฟังเสียงลมหิมะในตอนเริ่มต้นเพลง ฟังแล้วหนาวดี​
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1156942/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    มีบางคนรู้สึกว่าปัญหาของโลกนั้นบีบคั้นยิ่ง ดังนั้นภารกิจทางสังคมและการเมืองจึงจำเป็นต้องมาก่อนพัฒนาการของปัจเจกชน เราอาจรู้สึกว่าเราจำต้องอุทิศตน จำต้องเสียสละความต้องการส่วนตนโดยสิ้นเชิงเพื่อที่จะทำงานให้ส่วนรวม ในรูปการอันสุดโต่งเช่นนี้เอง วิธีคิดเช่นนี้เองที่ถือว่าความผิดปกติทางใจและความก้าวร้าวของปัจเจกชนเป็นผลมาจากสังคมที่ป่วยไข้ ดังนั้นเองผู้คนเหล่านั้นจึงพยายามใช้ความผิดปกติและความก้าวร้าวเหล่านั้นเพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
    อย่างไรก็ดี ตามหลักคำสอนซัมบาลาแล้ว . . . เราจึงต้องก้าวไปทีละก้าว ถ้าเราพยายามที่จะแก้ปัญหาสังคมโดยไม่ได้เอาชนะความสับสนและความก้าวร้าวในจิตใจของเราเองแล้ว เมื่อนั้นความพยายามทั้งมวลแทนที่จะช่วยแก้ปัญหาก็จะกลับไปเสริมปัญหาพื้นฐานให้หนักยิ่งขึ้น . . . . .

    ข้อความบางส่วนจากหนังสือ ซัมบาลา : หนทางอันศักดิ์สิทธิ์ของนักรบนี้

    แปลจากเรื่อง Shambhala : The Sacret Path of the Warrior

    อ่านแล้วโดนใจ เพราะตัวเองรู้สึกมากกับปัญหาการเมืองไทยที่ผ่านมาในรอบสองสามปีนี้ ทำให้จิตใจซัดส่ายออกไปข้างนอกมากเกินไปเหมือนกันค่ะ ... ทางสายธาตุ
     
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,914
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ไปเดินเล่นชมหนังสือใหม่ ได้หนังสือเกี่ยวกับพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมาอีกหนึ่งเล่มค่ะ ชื่อ เจาะตำนานพระนเรศวร ที่คนไทยยังไม่เคยรู้และประวัติศาสตร์ชาติไทยไม่เคยบันทึก เขียนโดย ยอดมนู เบ้าสุวรรณและชื่นวุฒิ ปัญญา

    หน้าปกเขียนว่า มาร่วมพิสูจน์ตำนานสำคัญที่เชื่อกันว่าได้สูญหายไปจากประวัติศาสตร์ชาติไทย


    พระราชโอรสที่หายไปของพระนเรศวร
    พระมเหสีชาวพม่่าที่ไม่มีใครพูดถึง
    สงครามยุทธหัตถีอยู่ที่เมืองกาญจนบุรี
    สถานที่สวรรคตของพระนเรศวรอยู่ที่เมืองไทยไม่ใช่ที่เมืองพม่า
    ที่ถวายเพลิงพระศพอยู่ที่นอกเมืองอยุธยา

    รอกลับไปอ่านที่บ้านแล้วจะมาเขียนย่อๆให้อ่านกันค่ะ อยู่ใกล้ร้านหนังสือที่เขาเอาหนังสือคุณภาพมาขายก็เลยซื้อหนังสือใหม่ได้บ่อยๆ

    ตอนนี้สั่งหนังสือแปล ซัมบาลา หนทางอันศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ ไปแล้วรอเขาเอามาให้ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...