เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. clearwanted

    clearwanted เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +260
    เมื่อวันก่อนฝันค่ะว่านำ้ท่วม ในฝันดิฉันอยู่ที่เมืองไทย น่ากลัวจังค่ะ มาแบบคลื่นยักเลย แต่ดิฉันรอดไปได้ ลงไปอยู่ในเรือได้ไงไม่รู้ แล้วด้วยความกลัวเลยตั้งใจสวด นะโมตัสสะค่ะ บทนี้แม่น อิอิ ปรากฏว่าเรือมาอยู่บนยอดเขาเลยย ความฝันอาจฟังดูไร้สาระแต่ดิฉันก็กังวลนิดหน่อยค่ะ เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดภูเขาไฟระเบิดที่ Island ดิฉันก็ฝันเห็นภูเขาไฟระเบิดค่ะแต่ในฝันไมรู้ว่าที่ไหน ฝันล่วงหน้าประมาณซักเดือนหนึ่งมั้งจำไม่ได้ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรจนเกิดเหตุจึงคิดถึงความฝัน
     
  2. clearwanted

    clearwanted เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +260
    ว่าด้วยเรื่องความฝันค่ะ คือบางทีดิฉันไม่ได้ฝันน่ะค่ะเพราะมันไม่มีภาพ มีแต่เสียง มักเป็นช่วงเช้า แบบครึ่งหลับครึ่งตื่นแต่มีสติ 100% ค่ะ จึงมั่นใจมาก ว่าไม่ได้ฝัน เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับดิฉันแค่สามครั้งค่ะ คิดว่าคงมีผู้หวังดีท่านสงเคราะห์น่ะค่ะ เพราะดิฉันไม่ได้มีญานอะไรกับใครเค้าน่ะค่ะ มีก็เว่อร์แล้ว เหลาะแหละขนาดนี้ จะเล่าให้ฟังนะคะ มีอยู่วันหนึงค่ะ ดิฉันสวดมนต์ตอนกลางคืน หลังจากสวดเสร็จใจก็นึกแว๊บสงสัยว่าว่า เอ เรามีเทวดาที่คอยดูแลช่วยเหลือเรากี่องค์กันนะ เห็นเค้าว่ากันว่าทุกคนมีเทวดาคอยรักษา เสร็จแล้วก็ทำโน่นทำนี่ ไม่ได้คิดอะไร แล้วก็ไปนอนจับลมหายใจจนหลับไป ตื่นมาอีกทีตอนเช้าเพราะได้ยินเสียงดังในหัวชัดเจน เพียงสองคำเท่านั่นว่า .....องค์ ตอนแรกไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่งงตัวเอง อีกอย่างเรื่องนี้ก็พิสูจน์ไม่ได้ด้วย เพราะรู้อยู่คนเดียว แถมงงเองอีกต่างหาก เวลาผ่านไปเนิ่นนาน วันหนึ่งหลังจากสวดมนต์ใจก็นึก เอ๊เราสวดมนต์แล้วก็เชิญเทวดามาด้วย แล้วบ้านก็รกสุดสุดยังงี้ เทวดาท่านคงไม่ชอบเพราะเคยได้ยินมาว่าเทวดาท่านไม่ชอบที่สกปรกรกรุงรัง และก็เหมือนเดิม ทำโน่นทำนี่แล้วไปนอนจับลมหายใจ ตอนเช้าก็ได้ยินเสียงในหัวค่ะ ท่านบอกว่า ให้ทำความสะอาดบ้าน แล้วก็เช่นเคยค่ะ ไม่เชื่อและก็ไม่ทำด้วย คือเชื่อค่ะว่าได้ยินจริง อันนี้ปฏิเสธไม่ได้เพราะไม่สามารถโกหกตัวเอง แต่ไม่ยอมทำตามที่ท่านให้ทำค่ะ แหม แม่พูดยังไม่ค่อยจะทำเลย แล้วนี่ท่านเป็นใครก็ไม่รู้เน๊อะ (อีกอย่าง รู้ไปถึงไหน อายเค้าถึงนั่น ก็ซกมกขนาดที่ว่า เทวดาต้องมาบอกให้ทำความสะอาดบ้านน่ะค่ะ คิดดู)สักพักตอนสายสาย แม่สามีโทรมา (นึกไม่ออกภาษาไทยเรียกว่าอะไรค่ะ) บอกว่าให้ทำคววามสะอาดบ้าน งงเลยค่ะทีนี้ แปลกมากมาก มันไม่ปกติเลยนะคะเนี่ย อยู่ดีดีโทรมาบอกให้ทำความสะอาดบ้าน นึกในใจเอาเองว่าท่านคงรู้แกวว่ายายนี่ให้ใครมาพูดก็ไม่ทำแน่ แต่ถ้าแม่สามีพูดทำทันทีค่ะ (คงไปดลใจท่านล่ะสิ) กลัวท่านไม่รัก อิอิ คือว่าเกรงใจแม่สามีน่ะค่ะ ท่านใจดีและน่ารักมากเลยค่ะ ช่วยดิฉันทุกอย่างมาตลอด อันนี้ก็พิสูจน์กันไม่ได้อีกตามเคย กะว่าถ้าตายไปแล้วฟลุ้คโชคดีได้อยู่สวรรค์จะไปไล่ถามให้หายงงเลยค่ะ อิอิ สำหรับครั้งสุดท้ายนะคะ เมื่อปีที่แล้วค่ะ อันนี้แน่นอนเพราะพิสูจน์มาแล้วค่ะ ช่วงนั้นกำลังตั้งท้องลูกชายคนเล็กใหม่ใหม่เลยค่ะ คือช่วงตั้งท้องลูกชายคนนี้ชอบสวดมนต์ทำสมาธิค่ะ อยู่มาวันหนึ่งก็เหมือนเดิม คือได้ยินเสียงในตอนเช้าดังชัดดเจนในหัว นำ้เสียงฟังดูน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก ท่านพูดซำ้ไปซำ้มาหลายรอบ จนดิฉันจำขึ้นใจแต่ไม่มีภาพให้เห็น ท่านบอกว่า ลูกคนนี้มาจากพรหม จะเกิดวัน...ที่....เดือน...เวลา..... บอกละเอียดขนาดนี้เลยนะคะ หลังจากฟังท่านพูดยำ้ประโยคเดิมอยู่หลายรอบ ดิฉันก็ลุกขึ้นมา แอบตื่นเต้นนิดหน่อย
    เพราะคราวนี้จะได้พิสูจน์กันล่ะ อีกอย่าง ท่านมาบอกล่วงหน้าซะหลายเดือนเลยงานนี้ ก็ตอนนั้นท้องยังไม่โตเท่าไหร่เลยอะค่ะ แถมดิฉันก็ไม่เคยนึกตั้งคำถามเอาไว้ซะด้วย เพียงแต่ขอพรหลังสวดมนต์ว่า ขอให้บุตรของข้าพเจ้าเป็นผู้มีศีล มีปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง เจ็บท้องคลอดค่ะ ใจตอนนั้นคิดแค่ว่า เห้ย จะมาคลอดตอนนี้ได้ไงอะ ยังไม่ถึงกำหนดที่ท่านบอกเลย และแล้วก็คลอด ตลอดเวลาที่ทนเจ็บ ไม่ได้ใช้ตัวช่วยอะไรเลย ไม่ได้ร้องออกมาดังดัง พยายามคิดแค่ว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา มันจะเจ็บก็ให้มันเจ็บไป ไม่เกี่ยวกับเรา คิดวนเวียนอยู่แค่นี้ คือพยายามเอาคำสอนของพระพุทธเจ้า และครูบาอาจารย์ทั้งหลายมาใช้ในสถาณการณ์จริงไงคะ จิตมันจะได้ไม่ยึดร่างกายและไม่เจ็บมาก และเผื่อตายขึ้นมา แล้วฟลุ้คแบบสุดสุด ได้ไปนิพพานแบบงงงง อิอิ แต่ต้องใช้ขันติแบบสุดสุดเลยค่ะตอนนั้น แล้วก็ผ่านมาได้ ไม่ตาย เจ็บค่ะ แต่ผ่านไปเร็วและคลอดง่ายมากค่ะ แล้วก็มานั่งคิดว่าทำไมคลอดตอนนี้อะ ไม่ตรงเลย เทวดาท่านมั่วละ แต่ท่านทราบมั้ยคะว่า วันเวลาที่นอร์เวย์ ไม่ตรงจริงค่ะ แต่....วัน...
    วันที่..เดือน..และเวลา ตรง และถูกต้องเมื่อเทียบกับที่เมืองไทย คือต้องเทียบเป็นเวลาไทยน่ะค่ะ แหม ไอ้เราก็ไม่ได้นึกว่าท่านคงมาจากเมืองไทยอะเน๊อะ เพราะพูดภาษาไทย คงลืมปรับนาฬิกาตอนท่านบินมานอร์เวย์อะค่ะ อิอิ อันนี้แซวท่านเล่น อย่าถือโทษโกรธกันเลยนะเจ้าคะ จะไม่มีใครเอาอยู่แล้วเนี่ย พระท่านก็ตัดหางไปแล้ว อิอิ สรุปผลก็คือตรงค่ะ คลาดเคลื่อน นาทีหน่อย อันนี้เมื่อเทียบกับผลทางวิทยาศาสตร์แล้ว(อุลตร้าซาวด์) ท่านเทพของเราแม่นกว่าเยอะค่ะ กำหนดคลอดจากอุลตร้าซาวด์คลาดเคลื่อนตั้ง 2 วันแน่ะค่ะ อันนี้ก็็คิดกันเอาเองแล้วกันนะคะ ดิฉันเองก็พยายามฝึกสมาธิอยู่ เผื่อได้พบท่านวันไหน จะถามให้หายสงสัยว่าทำไมไม่บอกวันเวลาที่นอร์เวย์ แล้วทำไมถึงคลาดเคลื่อนนาที ไม่ แบบ เป๊ะเป๊ะ โช๊ะเด๊ะ อะไรอย่างเงี๊ยค่ะ จะได้เชื่อโดยสนิทใจ ไม่มีข้อโต้้แย้ง อิอิ
     
  3. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    อารมณ์ดีนะ...อ่านของอ้องไปเรื่อยๆนะครับคงจะมีอะไรที่ไม่รู้ก็คงจะรู้เพิ่มขึ้นบ้าง
    ส่วนการทำสมาธิอย่าติดสถานที่หรือติดช่วงเวลา เวลาไหนที่สบายๆก็ทำสมาธิบ้างเพื่อให้สติปรากฏมาปกครองจิตที่เอาแต่ฟุ้งไปเรื่อยๆ(จิตบังคับไม่ได้เป็นอนัตตา มันมีหน้าที่อย่างเดียวคือวิ่งเพ่นพล่านไปทั่ววิญญาณอายตนะ๖)

    การรักษาศีลเป็นสิ่งดีเป็นการฝึกตนเอง ช่วงแรกจึงต้องมีวินัยเหมือนบังคับตนเองให้อยู่ในศีล ระวัง สำรวมในศีลแม้จะฝืนใจในช่วงแรกแต่เมื่อผ่านพ้นการฝืนใจ
    ศีลที่อบรม รักษา สำรวมจะเป็นศีลแห่งอริยมรรค รู้ว่าจิตขณะนั้นสะอาด มีสติพินิจอยู่ มีวิปัสสนาเป็นเครื่องคุ้มครองคือปัญญาที่เข้าไปหยั่งถึงความจริงแท้ของจิตที่สะอาด ศีลชนิดนี้เข้าใกล้อริยมรรค เข้าถึงเหตุ มีผลคือสมาธิ ปัญญา เปลือกและแก่นศีลจึงต้องมีคำว่าเริ่มก่อนจึงเข้าถึงปลายทางคือแก่นอาศัยซึ่งกันและกัน

    ศีลนั้นเราทำได้ตลอดเวลาไม่จำเป็นต้องสมาทานศีล รับศีล ไม่จำเป็นต้องทำวันพระ ศีลคือความสะอาดของจิตที่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น คำว่าสะอาดคือรู้ว่าสะอาดในขณะหนึ่งที่มีสติ มีบางท่านบอกวันนี้ศีลที่รักษาเอาไว้ไม่ผิดเลยทั้งวันตรงนี้แสกงถึงยังไม่เข้าใจในศีลแห่งอริยมรรค เพราะจิตย่อมมีคิดดี คิดชั่วตลอดวัน ราคะ โทสะ โมหะ มีทั้งวันนะ

    สิ่งนี้เป็นธรรมดาของโลกิยธรรมของมนุษย์ที่ยังพึ่งเริ่มเพียรเผากิเลสเพลิงในใจตน

    ส่วนศีลแ่ห่งพระอริยเจ้านั้นเข้าถึงจิตเข้าถึงใจ ไม่ใช่การบังคับตัวตนอีกต่อไปแต่เข้าถึงความจริงแท้ของธรรมชาติเพราะอบรมสติมาดีแล้ว

    อย่าเจาะจงสถานที่ว่าต้องไปวัดแล้วจะพร้อมสมบูรณ์หรือต้องเป็นวันดีวันพระนะ
    ทำดีเราทำที่หนึ่งขณะที่รู้สึกตื่นขึ้นกับความจริงแบบง่ายๆตามความจริง เช่นรู้ว่ากายตอนนี้เป็นอย่างไร จิตตอนนี้เป็นอย่างไร

    ถ้าไม่เข้าใจให้ไปถามลูกนะ เค้าจะตอบเราแบบซื่อๆตามความจริงว่ากายตอนนี้เป็นอย่างไรเช่นกำลังยืน นอน นั่ง เหลียว เหยียด คู้ตัว ร้อน เย็น อ่อน แข็ง
    ถ้าถามว่าแล้วจิตเป็นเช่นไรเค้าก็อาจจะตอบว่าเบื่อๆ สนุกๆ โกรธ ดีใจ มีความสุข

    นี่หล่ะที่เรียกว่ารู้สึกตัวตื่นตามความเป็นจริงแบบง่ายๆไม่ต้องพลิกแพลงอันใดนะ
    แล้วจงใช้คิดจดจำสภาวะชนิดนั้นๆเสีย เมื่อจดจำได้มากเข้าจะเกิดวาสนาคือความชำนาญ ความคุ้นเคย มันแวบเดียวที่เคยสำผัส(ถีรสัญญา ความจำได้หมายรู้เพราะชินกับสภาวะ)
    จิต สติ จะตื่นขึ้นมาตามจริงโดยไม่ต้องใช้คิดอีก เข้าสู่ธรรมชาติแท้บริสุทธิ์ ที่เริ่มเห็นสภาวะธรรมทั้งหลายว่า
    มันเป็นมวลรวมไหลมาเป็นกายและจิตอย่างต่อเนื่อง

    เมื่อนั้นจิตก็จะเริ่มเห็นว่ากายไม่ใช่เรา ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน สัตว์สิ่งของ จิตก็จะละคลายอุปทานของกายและจิตนะ

    เทวดาทั้งหลายก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์นะ สิ่งดีๆในชีวิตของเราเกิดมาจากเหตุวิบากดีที่เราสร้างขึ้นมา
    ไม่มีเทพเจ้าท่านใดบันดาลให้ได้ นอกจากตนเป็นที่พึ่ง

    แม้พระพุทธองค์ก็ไม่สามารถดลบันดาลให้เราพ้นทุกข์แม้เจอพระองค์ท่านกอดท่านเกาะชายจีวรอ้อนวอนร้องขอต่อท่าน

    ท่านก็จะบอกว่าจงพึ่งตนเองเราเป็นผู้ที่ชี้ทางเท่านั้น...

    ท่านเป็นผู้สร้างตัวตนของท่าน ท่านจึงต้องทำลายตัวตนของท่านด้วยตัวท่านเอง

    ทำลายตัวตนเพื่อพบความสมบูรณ์...(ไม่ยึดมั่นถือมั่น)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2010
  4. clearwanted

    clearwanted เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +260
    กราบขอบพระคุณ คุณอ้องมากค่ะที่กรุณา
    ตอนนี้ยังห่างไกลอยู่จากอริยมรรคมาก เพราะะขาดการฝึกจิตและสติ จะทำไปเรื่อยเรื่อยนะคะ และจะอ่านติดตามคุณอ้องไปเรื่อยเรื่อยเพราะมีอีกมากที่ไม่รู้ค่่ะ ไม่มีสติ ไม่มีสมาธิ ก็เจริญวิปัสนาไม่ได้ผล มันเป็นแบบคิดเอามากกว่า แต่อย่างน้อยมันคงช่วยขัดเกลาจิิตไปทีละนิดนะคะ กลางวันถ้ามีโอกาสจะทำสมาธิค่ะ กลางคืนต้องนอนทำอย่างเดียวเพราะกลัวผีมาก เวลานอนอยู่ใต้ผ้าห่มมันรู้สึกปลอดภัยกว่านั่งแบบโล่งโล่งอะค่ะ เรื่องฝึกสมาธินั้นจะพยายามไม่ถามคุณอ้องมากนักในช่วงแรก เพราะยังไม่ถึงไหน แค่อุปจารสมาธิก็ยังไม่ได้เลยมั้ง อีกอย่างเข้าใจว่า การทำสมาธิต้องทำไปเรื่อย แล้วจะ รู้และเข้าใจเอง แค่ที่คุณอ้องเขียนเอาไว้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว ทำไปได้แค่นิดหน่อยก็เอามาถาม ถามยิบถามยัับ คุณอ้องไม่ต้องทำอะไรกันพอดี อิอิ เอาไว้ไปไกลกว่านี้อีกหน่อย แล้วทำต่อไม่ถูก จะนำมาถามคุณอ้องนะคะ โมทนาบุญด้วยนะคะ
    dreamy
     
  5. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,126
    ขอความเมตตมถามผู้รู้หน่อยครับ เกี่ยวกับบท ชินบัญชร

    คือผมได้ยินบางคนพูดว่า บทชินบัญชร ที่เห็นอยู่ในหนังสือสวดมนต์อยู่ทั่วไปนั้น มีคำผิด อยู่ ทำให้สับสนอยู่เหมือนกัน ไม่รู้จะสวดตามเล่มไหนดีครับ
     
  6. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    สวดมนต์มหากุศลญานสัมปยุตต

    คงต้องถามกลับว่าเราสวดมนต์เพื่ออะไรก่อนนะครับ...
    ตัวหนังสือก็คือตัวหนังสือเป็นสมมุติที่สร้างขึ้นมา
    จุดประสงค์ของครูอาจารย์คือต้องการให้เราเข้าถึงคำสวด โน้มเข้าถึงในพระเมตตา พระปัญญา พระบริสุทธิ์คุณ ระลึกถึงพระรัตน์ตรัยเป็นธรรมานุสติ เราจึงสวดมนต์เพื่อสติเพื่อปรากฏปัญญาเข้าถึงเพราะเหตุแห่งการโน้มเข้าไปด้วยศรัทธาพึงใจ มีความตั้งใจ จดจ่อ ใส่ใจ

    การสวดมนต์เช่นนี้คือมนต์มหากุศลญานสัมปยุตตคือเกิดปัญญา
    นี่คือจุดประสงค์หลักของครูอาจารย์ที่แสวงหาพระคาถาบรรจงแต่งขึ้นเพื่อให้เราเข้าถึงกระแสปัญญา ด้วยสติ สมาธิ ปัญญาที่ปรากฏ

    คำว่าปรากฏคือในขณะจิตหนึ่งที่โน้มเข้าไปแล้วเกิดปัญญาหยั่งถึงธรรม
    ดังนั้นเวลาสวดมนต์เราควรจะรู้ซึ้งถึงคำแปลที่ยกขึ้นมา ภาษาบาลีนั้นเป็นภาษาที่ท่านอาจจะไม่เข้าใจถ้าสวดแบบศรัทธาแต่ไม่เกิดปัญญา

    การสวดมนต์นั้นก็เป็นมหากุศลวิปยุตต์ได้สมาธิ ได้จิตจดจ่อปรากฏ
    แต่ถ้าขณะสวดแล้วท่านเกิดความอยากมีอยากได้ในคุณอัรศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาเวลานั้นจิตท่านย่อมเป็นโลภะจิตมีอกุศลจิตปรากฏ

    คงต้องบอกว่าพวกเราชาวไทยโดนสอนมาให้เข้าใจอะไรผิดๆอย่างมากว่าสวดมนต์เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ สวดแล้วรวย สวดแล้วป้องกันภูตผี
    สวดแล้วทำให้รวย คงบอกว่าคนที่สอนเช่นนั้นได้นำเอาจิตอกุศลและโลกธรรมดีเลวมาสอนท่านซึ่งผู้ที่สอนควรสอนให้เข้าถึงพระรัตน์ตรัย

    โน้มเข้าถึงกระแสแห่งสันติสุขอันมีคุณพระรัตน์ตรัยที่วางหลักแห่งความจริงอย่างถูกต้องนะครับ

    ตัวหนังสือจะผิดไปก็ช่างเถอะครับนั่นเป็นแค่ตัวหนังสือ ถ้าผู้สวดโน้มเข้ากระแสและเข้าใจบทสวดนั้นๆแปลออกและระลึกถึงตามก็จัดเป็นธัมมวิจย ถ้าจิตในขณะนั้นจดจ่อจนเกิดสมาธิ จิตที่มีกำลังย่อมหยั่งถึงเข้าสู่กระแสแห่งธรรม โน้มเข้าไป จนจิตหายสงสัย เพราะคำสวดนั้นๆ

    มีทั้งสอน แนะนำ ชี้แจง ยกย่อง เพื่อเป็นตัวอย่าง เพื่อสติ ในจุดวางจิตแต่ละจุดเช่นพระคาถาชินบัญชรเป็นต้นที่วางจิตเอาไว้ในแต่ละตำแหน่ง

    จิตเราย่อมหยั่งเข้าไปในการเปลี่ยนแปลงเข้าถึงความไม่เที่ยงแท้ของสัจธรรม จิตที่สะอาดสดใสในขณะนั้นๆย่อมปรากฏศีลแห่งอริยมรรคเพราะมีความสะอาดเพราะมีสติ จิตขณะนั้นย่อมมีกำลังเพราะมีพลังสติเนื่องจากการวางจุดตำแหน่งของจิตที่ไม่ซัดส่าย

    สิ่งที่ผมพยายามอธิบายรายละเอียดมานี้คือบัณฑิตที่ควรใช้ปัญญาพิจารณาสัจธรรมตามจริงเสมอ ว่าเราจะสวดมนต์ด้วยกิเลสหรือสวดเพื่อสติ เพื่อปัญญาเข้าถึงความจริง

    คราวนี้อ้องคงต้องขอบอกว่าความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถานั้นไม่ได้มาจากตัวหนังสือเพราะตัวหนังสือเป็นการประพันธ์ การแต่งเป็นสมมุติบัญญัติ แต่เราควรเข้าใจจุดประสงค์ของครูอาจารย์ที่แท้จริงด้วยว่า...

    ตนที่เป็นที่พึ่งโดยแท้ วาสนาถ้าเจ้าไม่สร้างขึ้น(ความเคยชิน) วิบากที่แปลว่าความศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือความศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงก็ไม่ปรากฏ
    นี่คือวิบากดีที่เกิดมาจากคุณธรรมที่เราสร้างขึ้นมาล้วนๆ

    ศีลที่เราสร้าง เราสำรวม อินทรีย์สังวรที่เราสร้าง สติที่เราสร้าง สมาธิที่เราสร้าง ปัญญาที่เราสร้าง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่สะสมเป็นเชื้อกุศล มหากุศลที่ฝากเอาไว้ที่จิตที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราอย่างแท้จริง

    ท่านสร้างคุณธรรมด้วยตัวท่านด้วยปัญญา ความศักดิ์สิทธิ์เพราะยึดที่พึ่งเป็นสรณะ ขอย้ำว่าเรายึดที่พึ่ง เมื่อยึดที่พึ่งเมื่อมีเหตุใดๆจิตเราจะวิ่งเข้าหาที่พึ่งเอง เมื่อวิ่งเข้าหาที่พึ่งคุณธรรมที่เราสร้างขึ้นมาจะปรากฏเกิดขึ้นตามเหตุแห่งคววามจริงที่ต้องไหลไปหาธรรมชาติที่เรียกว่าวาสนา...

    วันนี้อ้องเล่นของหนักหน่อยนะครับแต่นี่คือความจริงแท้ที่อ้องสวดมนต์แล้วหยั่งถึงเข้ากระแสพระรัตน์ตรัยอย่างแท้จริง

    ความรวยเกิดมาจากวิบากดีที่ได้สร้างเหตุดีคือทาน การยกให้ การช่วยเหลือ อุปถัมภ์ การบริจาค บุญต่างๆนะครับ

    ส่วนป้องกันผีนั้นเวลาคนสวดมนต์ไล่ผี แต่ไม่มีศีล ไม่มีสติ มีแต่ความหวาดกลัว ผีก็คงจะหัวเราะและไล่หลอกตลอดเวลา นี่คือจิตคุณธรรมไม่ปรากฏ ผีเลยไม่กลัว ผีกลัวคนมีศีล มีธรรม มีสติ มีพลังจิตที่มีอำนาจ

    พระพุทธองค์สอนความจริง สอนพวกเราแบบมีเหตุมีผล ท่านไม่เคยสอนให้เรางมงาย

    วันนี้ก็เลยเรียบเรียงเพื่อให้เข้าใจอย่างแท้จริงว่าสวดมนต์เพื่ออะไรนะครับ
    อนุโมทนาครับ...
     
  7. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,126
    ขอบคุณมากครับสำหรับข้อคิดดี ๆ
     
  8. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    สวัสดีครับอาอ้อง

    ตั้มน่ะครับ ^o^


    ตอนนี้ตั้มทำเว็บธรรมมะหนะครับ เพื่อหวังจะเป็นพื้นฐานต้นๆ ให้คนมาปฏิบัติธรรมหนะครับ

    ก็เลยอยากจะให้อา อนุโมทนาบุญด้วยกันครับ ^^

    … อนุรักษ์ธรรมดี ๆ … ยินดีต้อนรับครับ ^o^ …

    ทำเองครับ ^^
     
  9. bronco

    bronco สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +7
    ถึงพี่อ้อง

    เมื่อปีที่แล้วพี่อ้องเคยแนะนำให้ศึกษาแนวทางการปฏิบัติของหลวงพ่อ
    ก็ได้ทำตามนะคะที่ในเวป ท่านได้ให้ความรู้ดีมาก เข้าใจในคำสอน
    ของท่าน โดยทุกวันก็จะค่อยๆฟังไปทีละนิดและปฏิบัติตาม มีความรู้
    สึกใจเย็นสบาย จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้เห็นหน้าข่าว เข้าใจว่าพี่อ้องคงรู้
    ว่าหมายถึงอะไร เกิดรู้สึกสับสน โดยส่วนตัวไม่เชื่อและพยายามฟัง
    คำสอนของท่านต่อไป แต่ในใจมันสงสัย ใจไม่ยอมรับและเปิดกว้าง
    เหมือนเมื่อก่อน เหมือนจะฟังธรรมแล้วไอ้ตัวสงสัยมาบัง ทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง
    ถ้ารู้ตั้งแต่แรกสู้ไม่อ่านข่าวเลยดีกว่า ตัวเองเหมือนขาดที่พึ่งนะคะ
    อยู่ต่างประเทศก็ไม่รู้จะหาครูอาจารย์ที่ไหน พอมีที่พึ่งทางธรรมก็ดันมาเป็น
    ซะอย่างนี้ :'(
     
  10. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ควรเคารพธรรม

    ภายในถ้ำที่มืดสนิท จิตเคว้งคว้างเหมือนดั่งสิ้นหวัง ในขณะที่จิตใจมืดบอดไร้สิ้นหนทาง แสงสว่างแม้เพียงแวบเดียวที่ปรากฏ
    เหมือนดั่งแสงแห่งชีวิตที่จุดประกายให้เกิดความุ่งมั่นที่จะก้าวเดินต่อไป

    หลวงพ่อคือแสงแห่งชีวิต ทุกสิ่งไม่สามารถสัมผัสได้ที่ตาหรือหูที่เอาแต่ฟังหรือดู...

    แต่ทุกสิ่งสัมผัสได้ที่ใจภายในของแต่ท่านด้วยความเพียรอันตนเป็นที่พึ่งอย่างเที่ยงแท้

    หลวงพ่อเป็นดังแสงสว่างแห่งชีวิตที่ปลุกปลอบใจผมให้สู้ต่อ
    สิ่งที่สัมผัสได้ด้วยใจคือผมหยิบจับคำสอนที่ดีๆ ที่เราชอบ ที่เป็นจริต มาฝึกอบรมพัฒนาใจตนเอง

    อย่าเอาแต่โทษแสงที่ทำไมส่องมาให้เราน้อยนิดแต่จงโทษตนที่ต้องหมั่นเพียรอบรมตนและก้าวไปด้วยข้างหน้าด้วยการย้อนดูจิตดูใจตนและท้ายสุดจงเคารพธรรมไม่ใช่เคารพที่ความดีความไม่ดีของโลกธรรมของบุคคล

    คำว่าสรณะที่พึ่งก็บอกแล้วว่าเป็นที่พึ่งได้แค่นั้น ท่านได้แต่แนะนำตามที่ท่านเข้าใจในเส้นทางที่ท่านเชื่อว่าถูกต้อง

    หน้าที่เราก็เดินตาม เคารพในคำสอน เมื่อพิจารณาว่าใช่ก็เดินต่อไปอีก เมื่อพิจารณาไม่ใช่ก็หาครูท่านอื่นต่อไปก็แค่นี้ ใยเล่าจึงต้องทุกข์เพราะอุปทานดีชั่วในใจเรา... [​IMG]

    อำนาจแห่งความดีไม่มีสิ่งใดทำลายล้างด้วย ปืน ไฟ ยาพิษหรือถ้อยคำอันเป็นเท็จ

    ภายในถ้ำที่มืดมิดแสงเพียงแวบเดียวทำให้จิตมีความหวังแต่การเดินทางเพื่อเข้าถึงย่อมปรากฎความลังเลใจได้เสมอว่าแสงนั้นจะนำทางเราไปสู่จุดที่มุ่งหมายได้หรือไม่

    ดังนั้นถ้าคุณbronco ได้ก้าวไปแต่ละก้าวและยังเกิดความร่มเย็น ผ่องใส มีผู้ตื่น รู้ เบิกบาน มีคุณธรรมที่เจริญเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อยู่ก็จงทำต่อไปเถอะ แม้ผมก็ยังทำต่อเพราะก้าวแต่ละก้าวเราพิสูจน์ได้เสมอ

    อ้องเองมักจะหยิบจับธรรมะ คำสอนที่ชอบมาพึงอบรมตน ส่วนเรื่องโลกธรรมเป็นวิบากกรรมของท่านห้ามไม่ได้หรอก สัจธรรมความจริง
    ถ้าท่านเป็นผู้สะอาด บริสุทธิ์ อำนาจแห่งความดีที่แท้จริงก็ไม่มีสิ่งใดๆทำลายท่านได้

    ต้องขอบอกว่าประวัติ์ศาสตร์มีเสมอแม้พระพุทธองค์ แม้พระอริยเจ้าก็เคยโดนถ้อยคำอันเป็นเท็จแต่ลูกศิษย์ของท่านก็ยังคงเคารพธรรมที่สามารถพิสูจน์ได้

    ส่วนท่านที่พึ่งเริ่มเข้ามาใหม่เป็นธรรมดาย่อมพบกับสภาวะเคว้งคว้าง ลังเลดังนั้นอ้องถึงบอกว่า อย่าไปดูที่โลกธรรมแต่ดูที่คำสอน การชี้ทาง
    ที่ไม่มีใครลบล้างความจริงในสิ่งนี้ได้ อย่างมากก็พยายามหาช่องเพื่อหาทางปรับอาบัติปราชิกเพื่อจะได้ดำเนิคดีฟ้องร้องตามกฎหมายเพื่อขอเงินบริจาคคืนก็เพียงนั้น

    ทำกันต่อนะ...ครูอาจารย์มีเยอะมากๆ อ้องเองก็ชอหลวงปู่เทสก์ หลวงพ่อชา หลวงพ่อทูล หลวงพ่อปราโมทย์ ก็หยิบจับสิ่งที่ท่านสอนเอามาใช้นะ พอทำๆดูก็คล้ายกันหมดคือพบผู้รู้ พบใจ แล้วก็ทำสมาธิ ฝึกสติ
    ในไม่ช้าก็จะพึ่งตนเองได้ดดยไม่ต้องพึ่งพาใครอีก

    เพราะเริ่มเข้าสู่การตื่นรู้ ตามจริงแบบธรรมชาติ ไม่ต้องไปจดจ้อง กดข่ม
    ไปนั่งมอง ทำให้มากนะครับ ขออนุโมทนา
    อ้องครับ
     
  11. สมาปัญญา

    สมาปัญญา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +88
    สวัสดีครับอาจารย์อ้อง

    วันนี้เข้ามาทักทายอาจารย์อ้องในเวปบ้างดีกว่า อิ อิ อิ :boo:สบายดีนะครับ ?
    ผมสบายดีครับ ขอบคุณอาจารย์มากนะครับ

    ตนนี้แหละเป็นที่พึ่งแห่งตนอย่างแท้จริง พระพุทธองค์เป็นเพียงแค่ผู้ชี้แนวทางสว่างให้กับเรา ท่านไม่สามารถที่จะเสกหรือจะเป่าคาถาให้เราสำเร็จได้ แต่ความสำเร็จนี้จะบรรลุผลได้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นของเรา (ความตั้งใจ) จิตที่มีความเพียรพยายามในการปฏิบัติ

    แสงสว่างไม่ได้ดับหายไปไหน แสงสว่างนี้ยังคงอยู่ไปตลอดกาล แสงสว่างนี้คือพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ แต่สิ่งที่มันมืดมิดนั้นคือ "จิต" ของเราต่างหาก

    ลองตั้ง "สติ" ให้ดีครับ
    สมาปัญญา
     
  12. bronco

    bronco สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +7
    ขอบคุณค่ะพี่อ้อง ในใจก็คิดว่ามาถูก เพียงแต่อยากได้คำยืนยันเท่านั้น
    ขออนุโมทนาทั้งพี่อ้องผู้แนะนำ และหลวงพ่อให้พ้นจากวิบากกรรมของท่านด้วยนะคะ
     
  13. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    ขออนุโมทนากับทุกความดีกับทุกดวงจิตที่ปฏิบัติมาดีแล้วค่ะ สาธุ
     
  14. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    สวัสดีครับ พี่ หายเงียบไปเลยเชียว
    คงวุ่นกับการเขียนหนังสือ
    ยังไงก้เอาใจช่วยครับ

    เมื่อผู้อ่านเขาศรัทธา คุณธรรม จะถูกหยั่งลงในใจของผู้อ่าน ตามปลายปากกาที่ตวัดไป

    เพื่อเป็นบาทฐานให้เหล่าเพื่อนมิตร ญาติธรรม เข้าถึงซึ่งสัจธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 พฤศจิกายน 2010
  15. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    สวัสดีครับลุงอ้อง และขอสวัสดีทุกๆท่านด้วยนะครับ

    นานมากที่ผมไม่ได้เข้ามาอ่าน แต่มาอ่านครั้งใดก็เบิกบานจิตด้วยธรรมทุกครั้งครับ
    อนุโมทนาสาธุกับสิ่งที่ลุงได้ตอบเกี่ยวกับเรื่องหลวงพ่อครับ

    ชื่นใจครับ
    ธรรมแท้คือธรรมแท้ ....อนุโมทนาสาธุครับลุงอ้อง

    "ไม่หวั่นไหว เพราะเห็นผลจากธรรมที่ท่านสอน"
     
  16. Wake Me Up

    Wake Me Up เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +132
    อนุโมทนากับคุณอ้องด้วยค่ะ

    วันนี้จะมาอ่านตอนเก่าๆรู้สึกข้อความของปี 2008 หายไป จะไปตามอ่านได้ที่ไหนคะ pity_pig
     
  17. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    พอดีทางสำนักพิมพ์ขอให้ทำงานเป็นรูปเล่มนะครับ คิดว่าช่วงต้นปีจะเริ่มออกมาก่อนเล่มแรกใช้ชื่อพี่เหมือนเดิมนะครับ ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เล่ม1-2 จะเป็นเนื้อหาที่ลบไปครับแต่แก้ไขให้สมบูรณ์และกระชับมากขึ้น ส่วนเล่ม3-4 เป็นเรื่องที่เขียนใหม่ครับ เนื่องจากจะเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เลยต้องขอลบไปครับ^^
     
  18. Wake Me Up

    Wake Me Up เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +132
    รับทราบค่ะ หนังสือออกแล้วอย่าลืมบอกน้องๆด้วยนะคะ :cool:
     
  19. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    ส่งข่าวด้วยนะคะ

    หากมีข่าวเรื่องหนังสือมาเมื่อไหร่
    รบกวนพี่อ้องส่งข่าวบ้างนะคะ
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
    กุ้ง
     
  20. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468

แชร์หน้านี้

Loading...