ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เตือนภัยเศรษฐกิจอเมริกา กำลังจะล่มสลาย

    [​IMG]

    หนี้สินรัฐบาลสหรัฐพอกพูนมหาศาล จนเครื่องไม่สามารถบันทึกได้

    นิวยอร์ก 9 ต.ค.- หนี้สินที่รัฐบาลสหรัฐก่อไว้มีมูลค่าพอกพูนมหาศาล จนกระทั่งเครื่องบันทึกหนี้สิน ที่ตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก ไม่สามารถบันทึกได้ เพราะมีจำนวนหลักไม่พอ

    เครื่องบันทึกหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐ ที่เรียกว่า "National Debt Clock" มีลักษณะเป็นกระดานแผ่นใหญ่ ตั้งอยู่ในย่านแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก เพื่อแสดงให้คนอเมริกันเห็นตัวเลขอย่างชัดเจนว่า ขณะนี้ประเทศชาติมีหนี้สินอยู่เท่าไหร่ แต่หลังจากที่ตัวเลขหนี้สินพอกพูนขึ้นจนเกินวงเงิน 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนที่แล้ว เครื่องก็ไม่สามารถบันทึกตัวเลขได้อีกต่อไป เพราะจำนวนหลักที่ตั้งไว้มีไม่พอ

    เครื่องบันทึกหนี้สินของประเทศได้รับการจัดสร้างขึ้นโดย นายซีย์มัวร์ เดิร์สท์ จนตกทอดมาถึง นายดักลัส เดิร์สท์ ผู้เป็นลูกที่ต้องดูแลเครื่องนี้ต่อไป ซึ่งเขาก็บอกว่า คงจะต้องเพิ่มหลักตัวเลขลงไปอีก 2 หลัก เพื่อให้เครื่องสามารถบันทึกตัวเลขได้มากถึง 16 หลัก คาดว่า เครื่องบันทึกหนี้สินชุดใหม่จะได้รับการติดตั้งแทนที่ของเก่าในช่วงต้นปีหน้า ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางคน เชื่อมั่นว่า แผนกู้วิกฤติการเงินมูลค่า 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้รัฐบาลสหรัฐมีหนี้สินพอกพูนขึ้นเป็น 11 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ. - สำนักข่าวไทย

    2008-10-09 16:02:52

    สรุป 9 คำพยากรณ์ใหม่ช๊อกโลก 2010-2012
    โดย Dr. Martin D. Weiss, Ph.D.

    1.เริ่มจากปีนี้ หุ้นตัวหลักและส่วนใหญ่ของสหรัฐจะเริ่มตกต่ำอย่างต่อเนื่องไปในลักษณะฟันปลาอีกอย่างน้อย 3 ปี
    2.ราคาทองคำจะพุ่งทะลุ $2,000 ต่อออนซ์ ก่อนปลายปี 2011
    3.เงินดอลล่าจะเริ่มดิ่งลงในปีนี้ และจะดิ่งลงอย่างต่อเนื่องอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปจนถึงปี 2012
    4.นอกจากทองคำแล้ว โภคภัณฑ์ (Commodities) ตัวอื่นราคายากที่จะพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากดีมานด์ หรือไม่ง่ายที่จะทำ New High อีก
    5.สหรัฐจะประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ "ขั้นรุนแรง หรือ Double-Dip Recession" เป็นรอบ 2 ในปี 2011
    6.งบประมาณขาดดุลย์ประจำปีของสหรัฐจะพุ่งทะลุ $2 Trillion ( $2,000,000,000,000) ในปี 2012
    7.พันธบัตรสหรัฐจะล่ม เพราะการขาดดุลย์งบประมาณที่ควบคุมไม่ได้ และการดำดิ่งลงของเงินดอลล่า
    8.2012 จะเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดของตลาด เศรษฐกิจโลก และความตึงเครียดอย่างถึงขีดสุดในภาคสังคม
    9.2012 จะเป็นปีของการเคลื่อนตัวของความมั่งคั่งจากโลกตะวันตกไปสู่โลกตะวันออก และจากพลวัตเดิมที่ล้มครืนลงไปสู่รูปแบบใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น ( New World Order )

    ที่มา http://images.moneyandmarkets.com/1646/image6.jpg

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1567774", true); </SCRIPT>
    หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ
    [​IMG]
    บทวิเคราะห์ สภาพเศรษฐกิจของเพื่อนๆท่านหนึ่งครับ

    "อ.คณานันท์ และพี่ๆ น้องๆ

    ตามๆ ข่าวเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ทั้งจากสื่อในไทยและนิตยสารไทม์ เห็นนักวิเคราะห์เค้าว่า งานนี้อเมริกาจะสิ้นยุคมหาอำนาจทางเศรษฐกิจค่อนข้างแน่นอน ...เห็นปัญหาลามถึงอังกฤษ และยุโรปแบบหนักหนา ไม่รู้จะหยุดอยู่หรือเปล่า...ญี่ปุ่นก็พยายามเทเงินลงระบบเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลามถึงตัว (ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่า เงินหมดเมื่อไหร่ เห็นอาการแน่)...มาตรการเจ็ดแสนล้านดอลลาร์ของลุงแซม ไม่ได้ผลเต็มที่ มีอีกหลายแบงค์ในอเมริกาล้มตามมาแน่ครับ...ตลาดหุ้นในไทยร่วงแบบหลุดลุ่ยเลย สองปัญหามาพร้อมกัน ทั้งภายในและภายนอก นักลงทุนขายหุ้นทิ้ง และไม่มีใครมาซื้อใหม่ด้วย เหลือ 400 กว่าจุดแล้วครับ

    คำแนะนำตอนนี้ก็คือ ถือเงินสดไว้ หยุดลงทุน และห้ามก่อหนี้ รีบขายสินทรัพย์ตอนที่ยังมีราคา...ผมก็ว่าจริงล่ะครับ ก็เหมือนตอนยุคปี 40 ของเราแหละ...คนที่รอดมาเค้าก็ทำกันประมาณนี้...คนที่รอดมาอย่างกระเสือกกระสนก็คือคนที่เข้าไปประนอมหนี้ (แต่เที่ยวนี้แบงค์เจ็บเอง ไม่รู้จะยอมประนอมหรือเปล่า)...คนที่ไม่รอดก็ต้องเริ่มกันใหม่หมด หมดตัวนั่นเอง...คนที่มีกินมีอยู่ได้ด้วยตัวเอง คือคนที่มีความสุขที่สุดครับ

    ที่น่ากลัวก็คือ จีนอาจจะฉวยโอกาสทะยานขึ้นอย่างไม่สันติ คือ รุกเข้าไปชิงอาณานิคมทางเศรษฐกิจต่างๆ ของอเมริกัน เข้าไปเป็นเจ้าแทน...อเมริกาเค้าจะยอมหรือเปล่า ก็คงจะดิ้นเฮือกสุดท้าย อาจจะด้วยสงครามก็ได้...อันนี้ จะเร่งให้อะไรๆ แย่ลงไปอีกเยอะสุดจะบรรยายเลย

    กระทบไทยค่อนข้างแน่ ในสายตาผม...ผมว่าอีกไม่นานเราจะเจอปัญหาเงินฝืด ของถูกลงก็จริง แต่คนไม่มีเงินซื้อ..."

    .................................................................................

    ดังนั้น จากการวิเคราะห์ข้างต้นนี้ ผู้ที่เป็นหนี้บัตรเครดิต หรือมีหนี้สินประเภทใดก็ตาม ธนาคาร เรียกเก็บหนี้คืนอย่างไม่ออมชอมแน่นอนเพื่อรักษา สภาพคล่องด้านเงินสดของตนเองครับ

    ประหยัด

    อดออม

    เศรษฐกิจพอเพียง

    อย่างที่พร่ำบอกกันเอาไว้เสมอ ได้ใช้แน่นอนครับ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->จิตใจที่ดีงามจะคงอยู่ตลอดไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2010
  2. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เห็นมังกร หรือพญานาคบ่อยมากๆเลย ท่านคงเข้าประจำที่แล้ว

    ทุกลมหายใจที่ผ่านไปอย่าประมาท

    ระลึกถึงพระรัตนตรัยในทุกขณะจิต

    ให้เข้าถึงธรรมให้ถึงที่สุดเท่าที่เราจะเข้าถึงได้

    ให้กลัวการทำบาปมากกว่าที่จะกลัวตาย



    หากตัดได้ ก็ให้ตัดเลย

    ผู้ที่ยังงงๆอยู่ ให้รีบปฏิบัติธรรมแล้วของเก่าในตัวจะปรากฏขึ้นมาเอง
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    <table align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="600"><tbody><tr bgcolor="#669933"><td nowrap="nowrap" width="130">วัน-เวลา</td> <td nowrap="nowrap" width="40">ขนาด</td> <td nowrap="nowrap" width="50">lat</td> <td nowrap="nowrap" width="50">long</td> <td nowrap="nowrap" width="120">บริเวณที่เกิด</td> <td nowrap="nowrap">ข้อมูลอื่นๆ</td> </tr> <tr bgcolor="#ffffff"> <td valign="top">2553-09-19 15:58:19</td> <td valign="top">4.7</td> <td valign="top">20.26</td> <td valign="top">104.68</td> <td valign="top">ประเทศลาว </td> <td valign="top"> - ทางทิศเหนือของ อ.บุ่งคล้า จ.หนองคาย ประมาณ 230 ก.ม.</td></tr></tbody></table>
    อ้างอิง
     
  4. ธีรยุทธ

    ธีรยุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +750
    หลวงพ่อขวัญดี เกจิพิษณุโลก มรณะภาพท่านั่งสมาธิ


    [​IMG]

    สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีพระภิกษุมรณภาพภายในกุฏิพระ วัดท่ามะปราง จ.พิษณุโลก จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบประชาชนเป็นจำนวนมากกำลังยืนจับกลุ่มกันอยู่บริเวณด้านหน้ากุฏิ โดยทุกคนอยู่ในอาการโศกเศร้า ภายในกุฏิพบร่างพระภิกษุนั่งเสียชีวิตในท่าขัดตะมาด ทราบชื่อคือ หลวงพ่อขัวญดี ปิยสีโล อายุ 72 ปี โดยนั่งขัดสมาธิ เสียชีวิตหลังพิงอยู่กับประตูทางเข้า เจ้าหน้าที่จึงนำรางนอนลงกับพื้น เพื่อทำการชันสูตร โดยไม่พบสิ่งปกติใดๆ จึงมอบร่างให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศล

    จากการสอบถาม พระอุดมศักดิ์ อุตมสโก รองเจ้าอาวาสวัดท่ามะปราง ซึ่งเป็นพระใกล้ชิดกับหลวงพ่อขวัญดี เปิดเผยว่าหลวงพ่อได้มรณภาพในช่วงเช้า ขณะที่พระลูกวัดนำอาหารมาให้ ก็พบว่าหลวงพ่อได้นั่งสมาธิ หลังพิงอยู่ที่ประตู เสียชีวิตมาแล้วอย่างน้อยประมาณ 1 ชม.จึงไปตามอาตมามาดูพร้อมด้วยพระในวัดอีกหลายรูปก็พบร่างหลวงพ่อ จึงได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแพทย์มาทำการชันสูตร

    หลวงพ่อขวัญดี ปิยสีโล ปัจจุบันอายุ 72 ปี ชื่อเดิมคือ นายขวัญเมือง โพธิ์คง บวชมาแล้วจำนวน 38 พรรษา โดยบวชเมื่อวันที่ 14 ก.ค 2519 ที่วัดนางพญา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังจากนั้นก็ไปจำวัดอยู่บนยอดเขาสมอแคลง ที่วัดสระสองพี่น้อง จำนวน 2 พรรษา และออกเดินธุดงธ์ไปตามที่ต่างๆ และกลับมาจำวัดอยู่ที่วัดท่ามะปรางตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2526 เรื่อยมา เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด และยังเป็นพระเกจิของเมืองพิษณุโลก ที่มีลูกศิษย์จำนวนมาก

    ทั้งนี้ ลูกศิษย์ในกรุงเทพที่ทราบข่าวการมรณภาพของหลวงพ่อขวัญดี ต่างเดินทางมากราบศพหลวงพ่อจนแน่นวัด และในเวลา 16.30 น.ก็จะมีการจัดงานรดน้ำศพหลวงพ่อต่อไป

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 19-2010-10.jpg
      19-2010-10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.8 KB
      เปิดดู:
      1,374
  5. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    ไต้ฝุ่น “ฟานาปี” ถล่มเกาะไต้หวัน จีนเตือนเป็นพายุรุนแรงที่สุดของปีนี้
    [​IMG]
    [​IMG]
    เอเอฟพี - ไต้ฝุ่น “ฟานาปี” ซึ่งมีความเร็วลมกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพัดถล่มเกาะไต้หวันวันนี้ (19) ขณะที่จีนสั่งอพยพประชาชนกว่า 150,000 คน พร้อมประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่นที่อาจมีความุรนแรงมากที่สุดของปีนี้
    สำนักงานพยากรณ์อากาศกลางของไต้หวันเผย ไต้ฝุ่น “ฟานาปี” ซึ่งมีความเร็วลมสูงถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ให้เกิดฝนตกหนักในเมืองฮวาเหลียนทางชายฝั่งตะวันออก ในเวลา 08.40 น.วันนี้ (19) ตามเวลาท้องถิ่น

    หน่วยดับเพลิงแห่งชาติรายงานว่า แรงพายุทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 19 ราย โดยมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนตร์ถูกกระแสลมหอบจนรถพลิกคว่ำ และอีกจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากเศษซากปรักหักพังที่ถูกลมพัดปลิวว่อนไปในอากาศ

    “พายุพัดมาปะทะเทือกเขาสูง และอ่อนกำลังลงเล็กน้อยเมื่อ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา” เจ้าหน้าที่สำนักพยากรณ์อากาศเผย แต่เตือนว่าพายุจะทำให้มีฝนตกหนักต่อไปอีก หลังเกิดดินถล่มแล้วหลายสิบแห่ง

    ไต้ฝุ่น “ฟานาปี” ทำให้เกิดฝนตกกว่า 400 มิลลิเมตร ทั่วทั้งเกาะไต้หวัน

    รถไฟความเร็วสูงต้องหยุดให้บริการชั่วคราว และคาดว่าจะเปิดเดินรถตามปกติภายในวันนี้ ส่วนเที่ยวบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศถูกสั่งระงับแล้วทั้งหมด

    หน่วยดับเพลิงแห่งชาติระบุว่า รัฐบาลสั่งอพยพประชาชนกว่า 6,000 คนออกจากพื้นที่ภูเขาแล้ว

    พายุไต้ฝุ่นยังส่งผลให้การแข่งขันกอล์ฟ หย่างเต๋อ ทัวร์นาเมนต์ เพลเยอร์ แชมเปียนชิป ระหว่างนักกอล์ฟไต้หวันกับ ถาวร วิรัตน์จันทร์ ของไทย ต้องประกาศผู้ชนะหลังแข่งขันไปได้เพียง 54 หลุม
     
  6. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    แล้วตกลงควรไปฉีด วัคซีน ป้องกัน หรือเปล่าครับ
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    วิเคราะห์ฉีด ? หรือ ไม่ฉีด? "วัคซีนหวัดใหญ่ 2009"

    [​IMG]

    [​IMG]

    วิเคราะห์ฉีด ? หรือ ไม่ฉีด? "วัคซีนหวัดใหญ่ 2009" คิดรอบด้าน....ผลดี - ผลเสีย -ผลข้างเคียง

    หลังจากเชื้อไวรัสตั้งต้น ( SEED VIRUS ) จากรัสเซียเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 16 ก.ค.นั้น สื่อมวลชนก็เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดว่า วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 เข็มแรกจากฝีมือคนไทยจะผลิตเสร็จเมื่อไร และจะนำมาฉีดให้ประชาชนทันท่วงทีก่อนที่ไวรัสมฤตยูตัวนี้แพร่ระบาดไปทุกหมู่บ้านหรือไม่ .....

    [​IMG]
    โรงงานทดลองผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่คณะเภสัชศาสตร์ ม.ศิลปากร

    ขณะนี้ "เชื้อไวรัสตั้งต้น" ได้รับการดูแลอย่างดีในกล่องที่เก็บด้วยอุณภูมิเย็นจัดถึง -20 องศาเซลเซียส ภายในห้องปลอดเชื้อของโรงงานต้นแบบผลิตวัคซีน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐม

    สาเหตุที่ต้องเก็บเข้าตู้แช่แข็งไว้ก่อน ก็เพราะต้องรอให้ "ไข่ไก่ฟักปลอดเชื้อเฉพาะ " ที่สั่งซื้อมาจากเยอรมัน 350 ฟองค่อย ๆ ฟักตัวจนได้ที่ก่อน ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 7 - 10 วัน จากนั้นจึงจะถึงขั้นตอนการเพาะขยายเชื้อไวรัสให้เป็นวัคซีนอย่างสมบูรณ์แบบ....

    ศ.ดร.วันเพ็ญ ชัยคำภา ที่ปรึกษางานวิจัยวัคซีนไข้หวัดข้ามสายพันธุ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายว่าในโลกนี้แบ่งวัคซีนป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็น 2 ชนิดใหญ่คือ ชนิดที่ผลิตจาก "ไวรัสเชื้อเป็น" และ "ไวรัสเชื้อตาย" หรือที่ทางวิชาการแพทย์เรียกว่า

    1 วัคซีนเชื้อตาย (Inactivated vaccine ) ใช้วิธีการฉีดเหมือนวัคซีนทั่วไป

    2 วัคซีนเชื้อเป็น (Live attenuate vaccine) ต้องใช้วิธีการพ่นผ่านจมูกเข้าไปยังระบบทางเดินหายใจ

    สำหรับเชื้อที่ได้มาจากรัสเซียนั้น เป็น เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1ที่ยังมีชีวิตอยู่หรือ "ไวรัสเชื้อเป็น" นั่นเอง โดยนักวิทยาศาสตร์จากรัสเซียได้ใช้วิธีโคลด์อแดป (cold-adapted) หรือทำให้ไวรัสอยู่ได้ในอุณหภูมิต่ำกว่า -10 องศา

    ซึ่งวิธีการทำนี้เป็นองค์ความรู้เฉพาะและเป็นลิขสิทธิ์ของแต่ละองค์กร มีไม่กี่ประเทศที่สามารถทำได้ เชื้อไวรัสที่ผ่านขบวนการโคลด์อแดปมาแล้ว ก็ต้องนำมาเพิ่มเชื้อจำนวนเชื้อในไข่ไก่ฟักที่ปลอดเชื้อ แล้วทำการทดลองจนปลอดภัย ก่อนนำมาทำเป็นวัคซีนให้คนทั่วไป

    เมื่อ "วัคซีนไข้หวัดใหญ่เชื้อเป็น" ถูกพ่นเข้าไปในมนุษย์ เชื้อไวรัสเจอกับอุณหภูมิร่างกายจะเจริญเติบโตได้ในระดับหนึ่ง แต่เชื้อไวรัสจะอ่อนมากจนไม่สามารถทำให้ร่างกายเป็นโรค ทำได้เพียงกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา

    ส่วน "วัคซีนเชื้อตาย" นั้น จะนำเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 มาผ่านกระบวนการทำให้ส่วนประกอบไวรัสแยกตัว จนไม่เหลืออันตราย และไม่สามารถแบ่งตัวหรือเพิ่มจำนวนได้ในร่างกายมนุษย์ แต่ต้นทุนสูงกว่ามาก เพราะต้องใช้ไข่ไก่ปลอดเชื้อจำนวนมากในการผลิต

    [​IMG]

    ข้อดีคือมีความปลอดภัยสูงเพราะเชื้อไวรัสตายแล้วไม่เพิ่มจำนวนให้เกิดอันตรายในร่างกาย ใช้วิธีการฉีดที่คุ้นเคย ส่วนข้อเสียคือต้องใช้ไข่ปลอดเชื้อจำนวนมาก วัคซีน 1 โดสอาจต้องใช้ไข่ไก่ 1 ฟอง และการผลิตก็ทำได้ช้ากว่าวัคซีนเชื้อเป็น"

    ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยาและวัคซีน ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ผลิตไวรัสต้นแบบสำหรับพัฒนาเป็น "วัคซีนเชื้อตาย" ที่ได้เชื้อไวรัสตั้งต้นมาจากผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 คนแรกของประเทศไทย

    "ตอนนี้พัฒนาวัคซีนเบื้องต้นสำเร็จแล้ว อยู่ในขั้นตอนให้สัตวแพทย์ทดลองฉีดเข้าไปใน ตัวเฟอร์เร็ต สัตว์ทดลองที่อยู่ในตระกูลเดียวกับอีเห็น เพื่อสังเกตดูว่าไวรัสสามารถก่อให้เกิดอาการ เช่นมีไข้ตัวร้อน หรือน้ำมูกไหลในตัวเฟอร์เร็ตหรือไม่

    หากดูอาการ 7 วันแล้วยังเป็นปกติ ก็จะให้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 เข้าไปในเฟอร์เร็ตตัวเดียวกัน เพื่อดูว่าวัคซีนทำงานได้ผลหรือไม่ หากได้ผลก็จะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปทดลองในมนุษย์ "

    ช่วงนี้คนต้องลุ้นระทึกว่า เชื้อไวรัสหวัดใหญ่ 2009 ที่เป็นของคนไทย เมื่อนำมาผลิตวัคซีนแล้วจะได้ผลอย่างไร หากการทดลองครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จะกลายเป็นผลงานเยี่ยมยอดของนักวิจัยไทยอีกชิ้นหนึ่ง ....

    วัคซีนแบบเชื้อเป็นและเชื้อตาย ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียตามรายละเอียดข้างต้น แต่สิ่งที่ดร.อนันต์แสดงความเป็นห่วงคือ วัคซีนเชื้อเป็นที่ใช้วิธีการพ่นผ่านจมูกเข้าร่างกายนั้น ปัจจุบันมีเพียงสหรัฐอเมริกาและไม่กี่ประเทศในโลกที่นำไปใช้ ส่วนประเทศไทยนั้นยังไม่มีการใช้ ซึ่งสาเหตุอาจเนื่องมาจาก

    [​IMG]
    นักวิทยาศาสตร์จีนกำลังเร่งทดลองผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้งจากเชื้อเป็นและเชื้อตาย

    1. ความกลัวว่าเชื้อไวรัสที่ยังมีชีวิตอยู่ อาจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองกลับมาเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคได้
    2. หากวัคซีนเชื้อเป็นถูกพ่นใส่เข้าไปในร่างกายประชาชนจำนวนหลายสิบล้านคนในเวลาใกล้เคียงกัน อาจทำให้เชื้อไวรัส เอช 1 เอ็น 1 ในร่างกายมนุษย์กลายพันธุ์ไปผสมกับเชื้อไวรัสชนิดอื่น เช่น เอช 3 เอ็น 2 หรือ เอช 5 เอ็น 1 ที่มีอยู่ในธรรมชาติ จนกลายเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้

    3. ผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคเอดส์ หรือ หอบหืด หรือ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง อาจจะไม่สามารถใช้วัคซีนแบบเชื้อเป็นได้ เพราะเกรงว่าจะไม่มีภูมิคุ้มกันไวรัสที่พ่นเข้าไปร่างกาย

    ส่วนข้อดีนั้น นักวิจัยวัคซีนยอมรับว่าประสิทธิภาพของการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสจะดีกว่า เพราะเป็นเชื้อไวรัสจริง ๆ เมื่อร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันแล้ว ในอนาคตหากเจอเชื้อไวรัสตัวเดียวกันอีก ร่างกายจะจำได้และสร้างภูมิคุ้มกันต่างๆมาต่อต้านทันที นอกจากนี้ยังสามารถผลิตได้รวดเร็วในราคาที่ประหยัด เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ไข้หวัดใหญ่แพร่ระบาดหนักไปทั่วโลก

    ขณะที่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล ก็ได้ส่งข้อมูลไปยังสื่อมวลชนเพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเร่งผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ว่า เชื้อไวรัสร้ายที่กำลังคร่าชีวิตคนทั่วโลกขณะนี้

    อาจกลายพันธุ์เป็นไวรัสชนิดร้ายแรงกว่าเดิม เหมือนที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต เมื่อองค์ความรู้เรื่องเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังไม่ตกผลึก ก็ไม่ควรเร่งรีบผลิตวัคซีนต้นแบบเพื่อฉีดให้ประชาชนคนไทย ควรศึกษาวิจัยประสิทธิผลให้รอบคอบ

    เพราะเมื่อ 30 กว่าปีเคยมีบทเรียนจากอเมริกา ที่รีบร้อนผลิตวัคซีนไข้หวัดหมู (Swine flu) ในปีพ.ศ. 2519 แล้วฉีดให้ชาวอเมริกันทันที ปรากฏว่ามี 33 ราย เสียชีวิตจากวัคซีนที่รีบผลิตไม่มีคุณภาพ และอีก 500 ราย เป็นอัมพาตจากโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Gullain-Barre) รัฐบาลอเมริกาถูกประชาชน 1,571 ราย เรียกร้องค่าเสียหายถึง 35,000 ล้านบาท

    สรุปคือ "วัคซีน" เป็นเพียงหนึ่งในระบบการป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อไวรัสร้าย ถือเป็นทางเลือกไม่ใช่ข้อบังคับ สำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยีการแพทย์ก็รออีกไม่เกินสิ้นปี 2552 คงได้ทดลองพ่นหรือฉีดเข้าร่างกายอย่างแน่นอน

    ส่วนผู้ที่ยังไม่มั่นใจก็อดใจรออีกระยะหนึ่ง เชื่อว่าไม่เกิน 1 ปี รายละเอียดทุกแง่มุม ทั้งข้อดี ข้อเสีย หรือผลข้างเคียงจากร่างกายผู้รับวัคซีนหวัดใหญ่ 2009 กลุ่มแรก ๆ จะถูกรายงานผ่านสื่อมวลชนทั่วโลกอีกครั้ง

    "ข้อดีของไวรัสเชื้อเป็นคือ หากมีเชื้อไวรัสตั้งต้นเพียงนิดเดียว ใส่ในไข่ปลอดเชื้อ 1 ฟองอาจเพิ่มปริมาณได้จำนวนมากเป็นสิบเท่า แต่ข้อเสียคือวัคซีนที่ใช้ไวรัสเชื้อเป็นนั้นยังไม่ค่อยนิยมแพร่หลายมากนัก ผลข้างเคียงก็อาจเกิดได้มากกว่าวัคซีนที่ใช้ไวรัสเขื้อตาย"

    คม ชัด ลึก 15/07/2009

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/bypunnee/2009/07/23/entry-6
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2010
  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฮือฮาหลวงพ่อ นั่ง-มรณภาพ!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ฮือฮาพระเกจิดัง "หลวงพ่อขวัญดี ปิยสีโล" แห่งเมืองพิษณุโลก นั่งสมาธิมรณภาพในกุฏิขณะนั่งปรก"พระนเรศวรอุ้มไก่" ศิษย์ใกล้ชิดเผยมีญาติโยมนำอาหารมาถวาย แต่เรียกแล้วไม่มีเสียงตอบ กระทั่งพระคนสนิทเข้าไปดูพบสิ้นลมแล้วในท่านั่งสมาธิ ห่มจีวรเรียบร้อย ศิษย์ช่วยกันหามไปตั้งบำเพ็ญกุศลบนศาลาการเปรียญ เผยเป็นเกจิดังเมืองสองแควมีเครื่องรางขึ้นชื่อคือ "ตะกรุดขุนพล-แหวนพระรอด"

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ร.ต.ท.สุธรรม อ้นอินทร์ ร้อยเวรสภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีพระภิกษุมรณภาพในกุฏิ วัดท่ามะปราง ต.ในเมือง


    หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์เวร ร.พ.นเรศวร และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ที่เกิดเหตุเป็นกุฏิชั้นเดียว มีประชาชนจำนวนมากยืนดูด้านหน้ากุฏิ ทุกคนอยู่ในอาการโศกเศร้า ในกุฏิพบศพหลวงพ่อขวัญดี ปิยสีโล อายุ 72 ปี มรณภาพ หลังพิงอยู่กับประตูทางเข้า เจ้าหน้าที่จึงนำร่างนอนลงกับพื้น เพื่อชันสูตร โดยไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ หลัง จากชันสูตรพลิกศพหลวงพ่อขวัญดี ทางญาติและพระภายในวัดท่ามะปรางไม่ติดใจในการมรณภาพ

    ต่อมาเจ้าหน้าที่ ร.พ.นเรศวร มาติดต่อ เนื่อง จากหลวงพ่อมอบร่างให้กับโรงพยาบาลไว้ แต่ปรากฏว่ามีการผ่าตัดลำไส้

    ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงแจ้งไม่ต้องมอบศพให้แต่อย่างใด ทางพระและลูกศิษย์วัดจึงเคลื่อนย้ายศพหลวงพ่อ โดยช่วยกันอุ้มร่างหลวงพ่อในท่านั่งสมาธิออกจากกุฏิไปตั้งบำเพ็ญกุศลบนศาลาการเปรียญ พระอุดมศักดิ์ อุตตมสักโก รองเจ้าอาวาสวัดท่ามะปราง พระใกล้ชิดกับหลวงพ่อขวัญดี เปิดเผยว่า หลวงพ่อมรณภาพในช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อนทราบเรื่องมีญาติโยมนำอาหารเช้ามาถวาย พบว่าหลวงพ่อนั่งสมาธิอยู่จึงไม่กล้าเรียก จากนั้นไปบอกพระลูกวัดว่า นำอาหารมาถวายตั้งไว้ที่หน้ากุฏิ บอกให้ถวายให้หลวงพ่อด้วย

    ต่อมาพระลูกวัดนำอาหารมาให้ พบว่าหลวงพ่อยังนั่งในท่าสมาธิเดิมผิดปกติ

    จากนั้นมาบอกอาตมาไปดูพบว่าหลวงพ่อมรณภาพแล้ว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแพทย์มาชันสูตร โดยก่อนหน้าหลวงพ่อมอบร่างกายให้กับโรงพยา บาลนเรศวร แต่ปรากฏว่าช่วงหลังมีการผ่าตัดลำไส้ จึงไม่ต้องมอบร่างให้กับทางโรงพยาบาล

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สำหรับหลวงพ่อขวัญดี ปิยสีโล อายุ 72 พรรษา 38 เดิมชื่อ นายขวัญเมือง โพธิ์คง บวชเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2519 ที่วัดนางพญา อ.เมือง จ.พิษณุโลก

    หลังจากนั้นไปจำวัดอยู่บนยอดเขาสมอแคลง ที่วัดสระสองพี่น้อง 2 พรรษา และออกเดินธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ และกลับมาจำวัดอยู่ที่วัดท่ามะปราง ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2526 เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด นับเป็นพระเกจิของเมืองพิษณุโลก ที่มีลูกศิษย์จำนวนมาก ทั้งในจ.พิษณุโลก และต่างจังหวัด

    ที่ผ่านมาได้สร้างวัตถุมงคลหลายรุ่น โดยเฉพาะตะกรุดขุนพล เป็นตะกรุดที่โด่งดังในอดีต เซียนพระเครื่องต่างแสวงหาสะสมกัน

    นอกจากนั้นมีการสร้างแหวนพระรอด ถักด้วยผ้าสังฆาฏิเป็นแหวนที่หายากและมีผู้นิยมจำนวนมาก ล่าสุดหลวงพ่อขวัญดีสร้างพระรูปหล่อลอยองค์ รุ่น ฉลองกุฏิ ปี 2550 ปัจจุบันยังเก็บไว้ในกุฏิของหลวงพ่อ และเป็นที่ต้องการของบรรดาเซียนพระเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระเครื่องนเรศวรอุ้มไก่ ที่หลวงพ่อร่วมพิธีพุทธาภิเษก ด้วยตนเอง ส่วนการจัดงานศพทางคณะกรรม การวัดจะประกอบพิธีสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 7 วัน ก่อนจะมีการประชุมเพลิง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีข่าวการมรณภาพของหลวงพ่อขวัญดีกระจายออกไป มีประชาชนศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อที่อยู่ในจ.พิษณุโลก และจังหวัดต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างเดินทางมากราบศพหลวงพ่อจนแน่นวัด หลายคนสอบ ถามพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง ที่หลวงพ่อปลุกเสก เพื่อขอบูชาเก็บไว้เป็นสิริมงคล

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เช็กแผนป้องกันน้ำหลาก กทม.ปีนี้ 'ถึงท่วมก็ไม่เกิน 1-2 ชม.'</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ขณะที่ประชาชนภาคเหนือและภาคกลางตอนบน กำลังประสบความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาน้ำท่วมในเวลานี้ คนกรุงเทพฯจำนวน
ไม่น้อยต่างกำลังหวาดผวากับน้ำหลากที่กำลังจะมาถึงปีนี้ว่า กรุงเทพมหานครจะมีขีดความสามารถ และความพร้อมในการรับมือได้สักแค่ไหน
แล้วปีนี้ กทม.เตรียมการอะไรไว้บ้าง…


    “รายงานวันจันทร์” วันนี้จะไปหาคำตอบจาก “สัญญา ชีรนิมิตร” ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร
    ถาม-เตรียมการอย่างไรกับการป้องกันน้ำท่วมในปีนี้

    สัญญา-ล่าสุด การก่อสร้างแนวผนังกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาระยะทางรวม 77 กิโลเมตรเสร็จสมบูรณ์แล้วประมาณ 75.8 กม. เหลือที่ยังสร้างไม่เสร็จอีกประมาณ 1.2 กม.ที่บริเวณย่านถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ แต่ สนน.จะนำ กระสอบทรายกว่า 300,000 ใบ มาวางเป็นแนวกั้นชั่วคราวแทน


    ขณะเดียวกัน ก่อนหน้าที่จะถึงฤดูมรสุม สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ได้ขุดลอกคูคลองในพื้นที่ กทม.รวมทั้งสิ้น 234 คลอง

    พร้อมซ่อมบำรุง
เครื่อง ไม้เครื่องมือตามสถานีสูบจ่าย-ประตูน้ำของ กทม.ทั้งหมดกว่า 250 จุด รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ต้องประจำการประจำจุดต่างๆ ให้ทุกอย่างพร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจะต้องสามารถทำงานได้ทันที
    นอกจากนี้ เรายังได้กระจายการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ หรือแบบรถสูบน้ำโมไบล์ ที่มีอยู่กว่า 1,000 เครื่องไปสแตนด์บายตามจุดต่างๆทั่วทั้ง 50 เขตพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ส่วนกลางได้สั่งการให้หน่วยเบสต์ที่มีอยู่กว่า 70 หน่วย เตรียม พร้อมช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากเหตุน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ในจุดอ่อนไหวอาจเกิดน้ำเอ่อล้นได้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าอาจเป็นเพียงเหตุน้ำเอ่อล้นชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือเพียง 1–2 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่ใช่การเกิดน้ำท่วมขังเป็นเวลา
ยาวนาน

    ถาม-สถานการณ์น้ำในภาคเหนือและภาคกลางปีนี้จะกระทบกับ กทม.หรือไม่ อย่างไร
    สัญญา-แม้ ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมได้ส่งผลกระทบถึง จ.สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยาแล้วก็ตาม แต่จากสถิติที่ผ่านมาทุกๆปี ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่เคยสูงเกิน 2.2 เมตร จากแนวผนังกั้นน้ำที่สูง 2.5 เมตร จึงคาดว่าในปีนี้สถานการณ์และกระแสน้ำที่ไหลลงมาจากทางเหนือสู่แม่น้ำ เจ้าพระยาจะไม่เกินขีดความสามารถในการต้านทานได้


    ถาม-มีแนวทางแก้ปัญหาในระยะยาวที่เป็นรูปธรรมหรือไม่ อย่างไร

    สัญญา-ยอมรับ ว่า ที่ผ่านมาประชาชนอาจมองว่า การแก้ปัญหาเรื่องน้ำของ กทม.หลายเรื่องค่อนข้างล่าช้า และไม่เป็นรูปธรรม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระเบียบขั้นตอนของทางราชการที่มีมากพอสมควร เช่น เรื่องการระบายน้ำ เราเคยมีแนวคิด
    ที่จะใช้วิธีการสูบออก เช่นเดียวกับประเทศเน-เธอร์แลนด์ โดย กทม.เคยทดลองทำก่อนหน้านี้ คือที่หมู่บ้านเสรี เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดว่าช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี แต่เรื่องนี้ต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดต่อไปอีก


    งาน นี้คงต้องจับตาดูกันว่า หลังจากนี้มาตร-การการแก้ไขปัญหาของ กทม.ที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่า “พร้อม” นั้น จะเป็นจริงเช่นที่พูดมากน้อยเพียงใด

    อย่างไรก็ตาม ยังอดห่วงแทนพี่น้องชาวกรุงเทพฯไม่ได้จากภาพอุทกภัยในหลายจังหวัดที่เห็นทาง สื่อต่างๆ เมื่อน้ำเหนือมาถึงกรุงเทพฯ แล้วทุกคน ทุกบ้านและถนนหนทางทุกเส้นทางจะยังคงใช้การได้ตามปกติ
    คงไม่ต้องมาเห็นภาพผู้ว่าฯ และผู้บริหาร กทม.ถลกขากางเกงสวมรองเท้าบูต ออกมาลุยน้ำท่วมอีก…เหมือนที่แล้วๆมา.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ประเทศไทยมีฝนลดลง "กทม.-ใต้-ตะวันออก"ฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 40</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ประจำวันที่ 20 กันยายน 2553

    ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกได้อ่อนกำลังลงทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกระจาย


    อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง“ฟานาปี” (FANAPI) บริเวณชายฝั่งเกาะไต้หวันจะเคลื่อนเข้าสู่มณฑลฟูเจี้ยน ประเทศจีนในวันนี้ ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศจีนตอนใต้และเกาะฮ่องกงควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุโขทัย ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 35 องศา
    ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 35 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 35 องศา
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 35 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 35 องศา
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    <!-- <script Language="JavaScript">function BackPage() {history.back();}</script>
    กลับสู่หน้าแรก ​
    -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    วิธีอยู่กับคนที่เราเกลียด
    วิธีอยู่กับคนที่เราเกลียด <โดย ว.วชิรเมธี>
    รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี
    ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า
    ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆตื่นๆอยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง
    หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้ ริษยาเจ้านายใส่ไคล้ลูกน้อง
    ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว)
    คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต โดยลืมไปเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง
    คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน
    ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า
    ''น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน
    ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด''
    คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ
    ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
    เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
    กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า
    ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร
    หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง
    แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
    เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้นหันกลับมามองตัวเองดีกว่า
    ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ
    นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า
    เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง
    คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง
    ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา
    จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้
    เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า
    บางที่คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น
    เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย
    เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสีย
    วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย
    ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า
    คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
    เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
    มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม
    อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง
    ความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย
    มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า
    วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า ''การกลับมาอยู่กับตัวเอง''
    กล่าวคือ ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลก
    แทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับ ความรู้สึกแย่ๆไปตลอด ก็ควรหันกลับเข้ามา ''มองด้านใน''
    แก้ไขที่ตัวเอง อย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่น
    เพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห
    ยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด
    สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น
    วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ
    การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่เราทุกขณะ
    หรือถ้าเช่นนั้นก็ย้ายตัวเองออกไปเสียจาก สภาพแวดล้อมเช่นนั้นให้เร็วที่สุด
    อย่าอยู่นานจนทุกข์นั้นกลัดหนองเป็นมะเร็งร้ายในอารมณ์
    ปราชญ์จีนบอกว่า ''ถ้ามีขุนเขาขวางท่านอยู่ข้างหน้า อย่าเสียเวลาย้ายขุนเขา
    แต่จงย้ายตัวเอง ''
    ดังนั้นเราควรจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างในหรือจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างนอก?
    โดย ว.วชิรเมธี
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    Kung Fu Panda: สัมผัสแห่งเซน

    [​IMG]

    เชื่อได้ว่าคนจำนวนไม่น้อยคงค้นพบความสนุกสนานในหนังการ์ตูนเรื่องล่าสุดของค่าย Dreamworks จากเหตุผลที่ชัดเจนหลากหลาย อาทิ ความน่ารักอ้วนกลมของเจ้าแพนด้า อาการตะกละกินจนพุงพลุ้ยของมัน ฉากแอ็กชั่นสุดอลังการเทียบเท่าหนังจีนกำลังภายในชั้นเลิศ และงานสร้างอันประณีต บรรจง ตลอดจนฉากหลังที่สวยงาม ยิ่งใหญ่ และเปี่ยมจินตนาการของประเทศจีน แม้ว่าลึกๆ แล้วพวกเขาจะตระหนักเช่นกันว่าพล็อตสูตรสำเร็จของหนังค่อนข้าง “ช้ำ” จากการถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปราศจากความแปลกใหม่ใดๆ

    อย่างไรก็ตาม จุดน่าสนใจของ Kung Fu Panda หาได้อยู่ตรงเสน่ห์ทางรูปธรรมเหล่านั้น หากแต่เป็นกลิ่นอายคละคลุ้งของแนวคิดแบบตะวันออก หรือหากจะพูดให้เฉพาะเจาะจงลงไป คือ พุทธศาสนานิกายเซน ซึ่งสอดแทรกอยู่แทบจะทุกรายละเอียดของหนังต่างหาก ที่สำคัญ สมมุติฐานดังกล่าวยังช่วยคลี่คลายปริศนาพิศวงเพียงหนึ่งเดียวในหนังให้กระจ่างได้อีกด้วย นั่นคือ เหตุใดผู้สร้างจึงวางพล็อตเรื่องให้หมีแพนด้ามีพ่อเป็นห่าน!?!

    ฉากหนึ่งในช่วงท้ายเรื่องซึ่งดูจะเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูอย่างคาดไม่ถึง คือ เมื่อพ่อของโป ผู้สืบทอดอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวมาหลายชั่วอายุคน (จากรูปภาพบนผนังร้าน ทั้งพ่อและปู่ของเขาล้วนเป็นห่าน) พูดกับลูกชายว่าเขามีความจริงบางอย่างจะบอก คนดูนึกขำเพราะคิดว่าเขากำลังจะเผยความลับว่าตนไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของโป ซึ่งคงเป็นเรื่องที่สังเกตเห็นได้ไม่ยาก เนื่องจากทั้งสองเป็นสัตว์คนละสายพันธุ์กันอย่างสิ้นเชิง

    แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวกลับไม่ถูกระบุชัด (สุดท้ายแล้วสิ่งที่พ่อของโปอยากจะบอก คือ สูตรลับในการทำก๋วยเตี๋ยว) ราวกับ Kung Fu Panda ดำเนินเหตุการณ์ในโลกคู่ขนานที่สัตว์ทุกชนิดล้วนเท่าเทียมกันและสืบเชื้อสายต่างสายพันธุ์จนเป็นเรื่องปกติ (ตัวละครรอบข้างก็ดูจะไม่ตระหนักถึงความแตกต่างทางกายภาพระหว่างโปกับพ่อของเขาแม้แต่น้อย)

    ในเมื่อห่านยังเป็นพ่อของแพนด้าได้ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากเราจะเห็นตั้กแตนตำข้าวจับหมีแพนด้า ซึ่งมีรูปร่างใหญ่กว่าเขานับร้อยเท่า ทุ่มข้ามหัว หรือเห็นแพนด้าแดง (ฉีฟู่) เป็นอาจารย์สอนกังฟู แล้วเลี้ยงดูและรักใคร่สัตว์ดุร้ายอย่างเสือดาวเหมือนลูกแท้ๆ หรือเห็น “เพศเมีย” ดำรงตำแหน่งสำคัญในกลุ่มห้าผู้พิทักษ์ (อสรพิษ กับ นางพยัคฆ์) ซึ่งมีโอกาสจะได้รับเลือกให้เป็นนักรบมงกร

    แนวคิดแห่งความเสมอภาคข้างต้นช่วยสะท้อนอัตลักษณ์อันสำคัญของนิกายเซน ว่าด้วยมนุษย์ทั้งหลายล้วนมีพุทธภาวะอยู่ในตัว มีโอกาสตรัสรู้ได้ทุกคนและแจ่มแจ้งในตัวเอง โดยการเข้าถึงพุทธภาวะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยรูปแบบใดๆ ทางภายนอกเลย รวมทั้งการตรัสรู้ยังไม่จำกัดด้วยว่าจะต้องเป็นเพศใด เป็นผู้คงแก่เรียนหรือไม่ อายุหรือวัยเท่าใด เพราะไม่ว่าใครต่างก็มีธรรมชาติเดิมแท้อันบริสุทธิ์อยู่แล้ว และเมื่อสิ่งที่มาครอบคลุมถูกรื้อถอนออก ความสว่างไสวก็จะปรากฏออกมาทุกคน ไม่เว้นใครเลย

    นอกจากนี้ Kung Fu Panda ยังได้สอดแทรกแง่มุมเกี่ยวกับเซนเอาไว้อีกมาก เช่น ในฉากหนึ่งเสียงดังของโปได้ไปรบกวนสมาธิของนกกระเรียน ขณะเขากำลังเขียนภาษาจีนเป็นคำว่า “ฌาน” ลงบนกระดาษ ซึ่งถอดรูปมาจากภาษาบาลีอีกทอดหนึ่งหมายถึงการเข้าฌาน (มันคือคำเดียวกับเซน ซึ่งเป็นคำภาษาญี่ปุ่นและถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางหลังแนวคิดดังกล่าวถือกำเนิดขึ้นในอินเดีย แล้วเผยแผ่มายังประเทศญี่ปุ่นผ่านทางจีน โดยรับอิทธิพลเพิ่มเติมจากลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋า)

    เมื่อฉีฟู่เร่งรีบมาบอก “ข่าวร้าย” กับอาจารย์อูเกวย์ว่า ไถ่หลางแหกคุกสำเร็จและกำลังเดินทางมาหาพวกเขา คำตอบที่เขาได้รับจากอูเกวย์ ซึ่งเปรียบดังผู้บรรลุพุทธภาวะแล้ว (ก่อนหนังจะพลิกตลบให้กลายเป็นมุกตลก) ว่า “ไม่มีข่าวดี หรือข่าวร้ายหรอก มีแต่ข่าวเท่านั้น” บ่งชี้ถึงแก่นประการหนึ่งของนิกายเซนเกี่ยวกับความคิดรวบยอด หรือการจำแนกสิ่งต่างๆ ออกเป็นสองขั้วที่ต่างกัน เช่น ดี-ชั่ว ผิด-ถูก พอใจ-ไม่พอใจ โดยเซนถือว่าความคิดรวบยอดเปรียบดังโซ่ตรวนที่ผูกมัดมนุษย์ไว้ในกรงแห่งความทุกข์และอวิชชา และหากทำลายความคิดปรุงแต่งเหล่านี้เสียได้ เราก็จะเป็นอิสระ จะเห็นสิ่งต่างๆ ตามที่เป็นจริงของมัน

    แต่นาทีแห่งเซนดูจะพุ่งทะยานถึงขีดสุดในฉากที่โปเปิด “คัมภีร์มังกร” แล้วพบว่ามันว่างเปล่า ไร้ตัวอักษร ไร้คำบรรยายใดๆ แรกทีเดียวเขาไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับฉีฟู่ ไถ่หลาง และสมาชิกอื่นๆ ในกลุ่มห้าผู้พิทักษ์ จนกระทั่งเขาได้ทราบความลับจากพ่อว่า สูตรน้ำซุปรสเลิศก็ไม่มีอยู่จริงเช่นกัน

    พื้นฐานสำคัญของเซน คือ ความจริงสูงสุดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแสดงออกได้ด้วยคำพูดหรือตัวหนังสือ ดังคำกล่าวที่ว่า “การส่งมอบพิเศษนอกคัมภีร์ ไม่ต้องอาศัยคำพูด หรือตัวหนังสือ ชี้ตรงไปยังจิตวิญญาณของมนุษย์ มองย้อนเข้าไปในธรรมชาติแท้ของตนเองและบรรลุพุทธภูมิ” ตรงกับหลักในปรัชญาเต๋าที่ว่า “เต๋าเป็นสิ่งที่ไม่อาจเรียกได้ด้วยคำพูด เต๋าที่เรียกได้ด้วยคำพูด ไม่ใช่เต๋าที่แท้จริง” ดังนั้น เซนจึงมุ่งหวังในเรื่องประสบการณ์ ความตื่นของชีวิตมากกว่าคำพูด ประสบการณ์นี้เรียกว่า “ความว่าง” หรือ “ธรรมชาติแห่งพุทธ” ซึ่งเป็นธรรมชาติดั้งเดิม เปรียบดังการที่เราทราบว่ากำลังดื่มน้ำร้อน หรือน้ำเย็นโดยไม่ต้องบอก

    เมื่อทุกอย่างเป็นความว่างเปล่า เซนจึงไม่เชื่อในเรื่องบุญหรือบาป ไม่เชื่อว่ามีจิต ฉะนั้น เมื่อพระภิกษุรูปหนึ่งเขียนคาถาว่า “จิตเป็นเหมือนกระจกเงา ต้องคอยปัดกวาดฝุ่นละอองให้ผ่องใสอยู่เสมอ” อาจารย์ฮุยเน้งของเซนจึงเขียนคาถาหักล้างไปว่า “เมื่อกระจกนั้นไม่มี ฝุ่นละอองจะมาจับได้อย่างไร” ผู้ที่คอยปัดกวาดจิตให้สะอาดนั้น เซนดูหมิ่นว่าเป็นผู้ที่เสียแรงเสียเวลาเปล่า เพราะมัวหลงไปปัดกวาดในที่ที่ไม่มีฝุ่นละอองจับ เพราะการยึดกาย บำรุงบำเรอกาย ไม่เกิดประโยชน์ฉันใด การยึดจิตและพยายามปัดกวาดขัดเกลาจิตก็ไม่เกิดประโยชน์ฉันนั้น

    คนที่นั่งปัดกวาดให้จิตว่าง หรือขัดเกลาจิตให้ผ่องใสนั้นก็ไม่ผิดอะไรกับผู้หญิงนั่งผัดหน้าทาปากเพื่อให้หน้าสวย ถ้าอย่างหลังไม่เกิดประโยชน์ อย่างแรกก็ไม่เกิดประโยชน์เช่นกัน เพราะเมื่อไม่มีอะไรตั้งแต่เริ่มแรกเสียแล้ว การขุดคุ้ย ขัดล้างต่างๆ ก็ไม่เกิดประโยชน์ เหมือนขุดลม ขัดลม ในที่สุดก็จะไม่พบอะไร และไม่มีอะไรที่สะอาดบริสุทธิ์ขึ้น ด้วยเหตุนี้ โมกธรรมและบริสุทธิคุณจึงไม่ใช่เรื่องของใจสะอาดผ่องแผ้ว หรือใจบริสุทธิ์ แต่ได้แก่สุญญตา คือ ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย

    อาจกล่าวได้ว่าการฝึกวิทยายุทธ์ใน Kung Fu Panda ก็เสมือนสัญลักษณ์ของการปฏิบัติธรรม หรือดำเนินตามมรรควิถี เพราะถึงแม้เซนจะเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีของดีอยู่ในตัวแล้วก็ตาม (มีโอกาสตรัสรู้เท่าเทียมกัน) แต่เมื่อมันยังถูกบดบังด้วยอวิชชา ตัณหา อุปาทาน เราก็จะไม่สามารถเห็นแจ้งอยู่นั่นเอง ฉะนั้น เราจึงต้องกำจัดเงื่อนไข แสวงหาหลักการ และลงมือกระทำการต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยให้ของดีที่เรามีอยู่แสดงตัวออกมา แต่การเดินทางไปสู่พุทธภาวะ (หรือ “คัมภีร์มังกร” ในหนังเรื่องนี้) นั้นไม่มีใครสามารถทำแทนเราได้ และกระทั่งอาจารย์ก็ไม่สามารถถ่ายทอดให้ศิษย์เข้าใจได้ ดุจเดียวกับเวลาหิวข้าว หรือกระหายน้ำ เราก็ต้องกินข้าวและดื่มน้ำด้วยตัวเองเพื่อให้อิ่มท้อง

    ด้วยเหตุนี้ สิ่งเดียวที่อาจารย์อย่างอูเกวย์สามารถทำได้ คือ แนะนำให้ลูกศิษย์อย่างฉีฟู่ลดการยึดมั่น แล้วรู้จักปล่อยวาง เพื่อสักวันฉีฟู่จะได้พบกับ “ความสงบในจิตใจ” หลังจากใช้เวลาทั้งชีวิตพยายามบังคับทุกอย่างให้เป็นไปตามประสงค์ เขาฝืนฝึกฝนไถ่หลางให้เป็นนักสู้ชั้นยอด โดยมืดบอดต่อความชั่วร้าย (อวิชชา) ที่กำลังครอบงำลูกศิษย์ของเขามากขึ้นทุกขณะ ทั้งนี้เพราะเขาเชื่อมั่นว่าวิชากังฟูนั้น “เพียงพอ” แล้วสำหรับการครอบครอง “คัมภีร์มังกร” การกระทำของเขาจึงไม่ต่างจากคำเปรียบเปรยของอูเกวย์ นั่นคือ ฉีฟู่ได้นำเอาเมล็ดท้อมาปลูกฝัง หมั่นพรวนดิน ด้วยหวังว่าสักวันมันจะเติบใหญ่ แล้วให้ผลเป็นลูกส้ม หรือแอปเปิ้ล ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีวันเป็นไปได้

    ขณะเดียวกัน ฉีฟู่ยังยึดมั่นว่าการโหมฝึกกังฟูอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ว่องไว ทรงพละกำลัง จะเป็นหนทางเดียวในการเข้าถึง “คัมภีร์มังกร” และต่อกรกับไถ่หลาง ส่งผลให้เขาด่วนปฏิเสธโปในทันที เพราะเห็นว่าแพนด้าท้องกลมไม่ “เข้าข่าย” จะเป็นนักรบมังกรได้ ถึงแม้นักเรียนคนอื่นของเขา เช่น ตั๊กแตนและอสรพิษ ก็ห่างไกลจากภาพลักษณ์ของนักบู๊ไม่แพ้กัน หากพิจารณาจากเพียงรูปกายภายนอก แต่สุดท้าย ศรัทธาต่ออาจารย์อูเกวย์ทำให้ฉีฟู่เรียนรู้ที่จะเปิดใจ ปล่อยวาง แล้วฝึกฝนวิชากังฟูให้กับโป

    เมื่อนักสู้ชั้นเลิศ ต้องตรงตามตำราอย่างไถ่หลางกลับพ่ายแพ้ต่อแพนด้าพุงพลุ้ยอย่างโป ฉีฟู่จึงพลันตระหนักว่า กฎเกณฑ์ความเชื่อที่เขายึดมั่นมาตลอดนั้นหาใช่สัจธรรม แต่กำลังเหนี่ยวรั้งเขาให้ผูกติดอยู่กับบ่วงโซ่ของความคิดปรุงแต่งต่างหาก... เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น อิสรภาพ หรือความสงบในจิตใจจึงบังเกิด

    การเดินทางของโปเริ่มต้นเมื่อเขาตัดสินใจหันมาฝึกวิทยายุทธ์ (การปฏิบัติธรรม) กับฉีฟู่ แทนที่จะเจริญรอยตามอาชีพคนขายก๋วยเตี๋ยวแบบเดียวกับพ่อ (การใช้ชีวิตสะเปะสะปะจนทำให้ของดีในตัวถูกบดบังห่อหุ้มด้วยอวิชชา) แต่การเข้าถึง “คัมภีร์มังกร” (พุทธภาวะ/การตรัสรู้) นั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องกระทำด้วยตัวเอง ไม่มีใครสามารถทำแทนได้ และเช่นเดียวกับหลักคำสอนของเซน ซึ่งบอกว่าพุทธภาวะหาใช่สิ่งใหม่ แต่เป็นการรู้แจ้งถึงบางสิ่งบางอย่างที่มีอยู่ในตัวเองตลอดเวลาเท่านั้น และที่เราไม่รู้สึกถึงสิ่งนี้ก็เพราะมีอวิชชาครอบคลุมอยู่ เช่นเดียวกัน โปสามารถเข้าถึงขุมพลังของคัมภีร์มังกรก็ต่อเมื่อเขายอมรับสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวเอง

    แรกทีเดียว โปต้องการให้ฉีฟู่ฝึกฝนให้เขาเป็น “คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง” หรือกล่าวอีกนัย คือ นักรบแข็งแกร่ง ทรงพละกำลังดุจเดียวกับเหล่านักสู้กังฟูทั้งหลาย ไม่ใช่แพนด้าตัวกลมจอมตะกละและอุ้ยอ้าย แต่เมื่อเหลือบดูคัมภีร์ที่ว่างเปล่า ปราศจากคำจารึกใดๆ และภาพสะท้อนของตัวเองบนแผ่นกระดาษนั้นอีกครั้ง เขาก็พลันตระหนักว่า “ของดี” นั้นซุกซ่อนอยู่ในตัวเขาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปแสวงหา หรือบากบั่นเพื่อเป็นคนอื่น

    หนังตอกย้ำประเด็นดังกล่าวด้วยการให้โปเอาชนะไถ่หลาง ไม่ใช่ด้วยวิชากังฟู แต่ด้วย “ตัวตน” ของเขาเอง เมื่อไถ่หลางพยายามใช้วิชา “สกัดจุด” มันกลับเพียงทำให้โปจั๊กจี้ เมื่อไถ่หลางโถมกำลังเข้าใส่ โปกลับใช้ชั้นไขมันบนหน้าท้องสะท้อนความแรงกลับสู่ฝ่ายตรงข้าม และเมื่อเสือดาวเย้ยหยันว่า ฉีฟู่ไม่มีทางสอนท่ากลเม็ด “นิ้วก้อยพิฆาต” ให้โปหรอก แพนด้าจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไปว่า “ฉันคิดได้เอง”... มันเป็นน้ำเสียงของอิสรภาพ ของคนที่ได้รู้อย่างครบถ้วนแล้ว

    โพสต์โดยคุณ poom076

    ที่มา http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=536&sid=1c49b54cef7b8459772ba02d932fadb1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2010
  11. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    เจอรูปนี้โดยบังเอิญ ไม่รู้มีคนลงหรือยัง
    [​IMG]
     
  12. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088

    สวัสดีค่ะ คุณ immortal_truth
    ดิฉันขอถามว่าที่คุณเห็นท่านพญานาคมาปรากฏตัวเป็นการปรากฏตัวในสมาธิหรือปรากฏตัวให้เห็นด้วยตาเนื้อคะ คือดิฉันสนใจน่ะค่ะ แต่ตัวเองคงไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะปฏิบัติไม่ถึง ขอถามเป็นความรู้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  13. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088

    ชอบมากๆเลยค่ะ การ์ตูนเรื่องนี้ ตอนแรกคิดว่าเป็นการ์ตูนเด็กๆ (ซื้อมาให้ลูกดู) คงจะตลกดี แต่พอดูก็รู้สึกว่า สอนอะไรลึกๆหลายๆอย่าง แต่อธิบายไม่ได้อย่างคุณเกษมค่ะ ฟังคุณเกษมอธิบายถึงได้เข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น ต้องขอขอบคุณมากเลยค่ะ
    ใครยังไม่ได้ดู ต้องขอเชียร์ให้ดู เพราะให้ทั้งความบันเทิง (หัวเราะท้องแข็งทั้งเรื่อง) น่ารัก ไม่มีพิษภัย และยังมีสาระแทรกอยู่ด้วย เป็นอีกเรื่องโปรดของเอเลยค่ะ:cool:
     
  14. ธีรยุทธ

    ธีรยุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +750
    ด่วน !!!! พระราชดำรัสให้แจ้งให้ทราบ " ถ้า เขื่อนศรีนครินทร์..แตก!!!‏
    (คัดลอกมาจาก กระทู้)

    [​IMG]

    พระราชดำรัสให้แจ้งให้ทราบ "ถ้าเขื่อนศรีนครินทร์..แตก!!! ช่วยส่งต่อด้วยครับ

    ด้วยพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ที่ท่านทรงมีพระราชดำรัสให้แจ้งประชาชนให้ทราบ
    'ถ้าเขื่อนศรีนครินทร์..แตก!!!

    นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ (มท.3)

    'อยากชี้แจงให้นักท่องเที่ยวทราบว่าถ้าแผ่นดินไหวแล้วทำให้เขื่อนแตก
    น้ำก็จะใช้เวลาเดินทางไปยังที่ต่างๆประมาณ 15 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวยังสามารถหลบหนีได้ทัน'

    นายสิทธิชัย กล่าวว่า การตรวจเขื่อนครั้งนี้
    เนื่องจากประชาชนจังหวัดกาญจนบุรีและพื้นที่ใกล้เคียงวิตกว่าหาก
    เกิดแผ่นดินไหวอาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในแนวลุ่มน้ำของจังหวัดได้
    เพราะจังหวัดกาญจนบุรีเป็นที่ตั้งของ เขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง
    คือ เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ ตั้งอยู่บนแนวแขนงรอยเลื่อน
    ศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์
    ที่แยกจากแนวรอยเลื่อนสะแกงในประเทศพม่า. -สำนักข่าวไทย

    ประเด็นสำคัญสำหรับเรื่องนี้ก็คือ
    ด้วยพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ที่ท่านทรงมีพระราชดำรัสให้แจ้งประชาชนให้ทราบ 'ความจริง' ตรงจุดนี้
    กรณีเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งหากเกิดแผ่นดินไหว ตรงรอยเลื่อน และเขื่อนแตกออก

    'ผลก็คือ'
    - ด้วยพลังงานของน้ำ ที่มีปริมาณมหาศาล ตัว จ. กาญจนบุรี
    และพื้นที่ใกล้เคียงในแนวเส้นทางน้ำหลากลงมาราบเป็นหน้ากลองแน่นอน
    มีเวลาอพยพ 5 ชั่วโมง ดังนั้นท่านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องมีการเตรียมตัว กันเอาไว้บ้างแล้วครับ

    - เป้ฉุกเฉิน
    - แผนอพยพของครอบครัว..เส้นทางอพยพ

    - จังหวัด ที่อยู่ในเส้นทางน้ำในระดับต่อลงมา ย่อมเกิดผลกระทบตามไปด้วยแน่นอน
    และระดับพลังงานการ ทำลายล้าง ไม่น้อยกว่าสึนามิ

    - สำหรับกรุงเทพมหานคร หากเขื่อนศรีแตก มีเวลาอพยพ 35 ชั่วโมง
    ซึ่งต้องคำนวนเผื่อกรณีที่ รวบรวมคนทั้งครอบครัว เผื่อรถติดหาเส้นทางอพยพ
    ที่ไม่สวนกระแสน้ำเพราะน้ำวิ่งมาตามถนนสายหลักอย่างเพชรเกษมแน่นอน
    ที่สำคัญหากน้ำทะเลหนุน ระดับน้ำที่คำนวนเอาไว้อาจสูงเกิน 2 เมตร หรือตึก 2 ชั้นได้
    ดังนั้นตั้งสติเอาไว้ ใช้ปัญญาพิจารณา หาแนวทางป้องกันตัวเองอย่าได้ประมาทในการทั้งปวงครับ


    คาดว่าเห็นการณ์จะเกิดในระยะเวลาใดครับ <!-- google_ad_section_end -->​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 62254910374.jpg
      62254910374.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.9 KB
      เปิดดู:
      3,044
  15. ธีรยุทธ

    ธีรยุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +750
    เบอร์มิวดาอ่วม พายุเฮอร์ริเคน "อิกอร์" พัดขึ้นฝั่ง

    [​IMG]

    พายุเฮอร์ริเคน "อิกอร์" พัดขึ้นชายฝั่งหมู่เกาะ "เบอร์มิวดา" ส่งผลให้ฝนตกหนัก ระบบไฟฟ้าพลังงานถูกตัดขาดบางพื้นที่ และอาจเกิดคลื่นทะเลหนุนสูง ไกลถึงชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐฯ...
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ว่า พายุเฮอร์ริเคน "อิกอร์" พัดขึ้นชายฝั่งหมู่เกาะ "เบอร์มิวดา" ด้วยกำลังระดับ 1 แรงลม 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง และลดลงเหลือ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาต่อมา กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือน พายุอิกอร์ อาจก่อให้เกิดคลื่นทะเลหนุนสูงไกลถึงชายฝั่งสหรัฐฯด้านตะวันออก
    พายุอิกอร์ เคลื่อนตัวไปทางตะวันตก ก่อตัวจากมหาสมุทรแอตแลนติก พัดเข้าสู่ชายฝั่งหมู่เกาะเบอร์มิวดา ส่งผลให้ฝนตกหนักครอบคลุมพื้นที่่ส่วนใหญ่ของเกาะ และเกิดน้ำท่วมขังฉับพลันในพื้นที่ลาดต่ำ ส่วนระบบไฟฟ้าพลังงานถูกตัดขาดบางพื้นที่ เนื่องจากกระแสลมแรงพัดต้นไม้โค่นล้มขวางเส้นทางจราจร รวมไปถึงเสาไฟฟ้า
    ด้านประเทศเม็กซิโก เผชิญกับพายุเฮอร์ริเคน "คาร์ล" ส่งผลให้ฝนตกหนักครอบคลุมเมืองเบราครูส ปูเอบลา และรัฐตาบาสโค ประชาชนในเมืองเบาราครูส ไร้ที่อยู่อาศัยอันเนื่องมาจากน้ำท่วมดินถล่มอย่างน้อย 30,000 คน และอีกราว 125 เมืองในประเทศถูกประกาศสภาวะฉุกเฉิน ขณะที่พายุเฮอร์ริเคน "จูเลีย" ซึ่งพัดอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก กำลังอ่อนกำลังลงและอาจไม่พัดขึ้นฝั่งประเทศใด.​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    *** ฝากดิน ****

    ดินเจ้าเอ๋ยข้าเคยอยู่ใกล้มาก่อน
    ดินอุ่นร้อนหรือเย็นก็เป็นเพื่อนฉัน
    ยามเมื่อเขาร้างไป ไกล
    ใจก็ยังนึกหวั่นหวั่น นี่อีกสักกี่วันถึงมา
    ดินอ้างว้างระทมขื่นขมตรมเศร้า
    ดินก็เหมือนเช่นเรารักเขาหนักหนา
    เขาเป็นเหมือนเจ้าดวงใจ
    ดินเรียกเขาคืนมา มา
    บอกเขาเถิดดินจ๋าข้าคอย
    อภัย เถิด ดิน
    ได้แนบซบไอกลิ่น ดินนั้นอุ่นไม่น้อย
    อุ่นอกเขา อุ่นอกเขา เราก็พลอย
    อุ่นจากรัก ที่ฝังรอย อุ่นไม่น้อย ประทับใจ
    ดินช่วยซับน้ำตาข้าขอลาจาก
    ช่วยฝากซากรักเศร้าของเราได้ไหม
    ถ้าหากเขาไม่มาเยือน คงได้พบรักใหม่ ใหม่
    ดินถมร่างฉันไว้ ให้จม....

    อภัย เถิด ดิน
    ได้แนบซบไอกลิ่น ดินนั้นอุ่นไม่น้อย
    อุ่นอกเขา อุ่นอกเขา เราก็พลอย
    อุ่นจากรัก ที่ฝังรอย อุ่นไม่น้อย ประทับใจ
    ดินช่วยซับน้ำตาข้าขอลาจาก
    ช่วยฝากซากรักเศร้าของเราได้ไหม
    ถ้าหากเขาไม่มาเยือน คงได้พบรักใหม่ ใหม่
    ดินถมร่างฉันไว้ ให้จม...


    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    *** เย้ยฟ้าท้าดิน ****

    ฟ้า....หัวเราะเยาะข้า ชะตาหรือ
    ดินนั้นถือ อภิสิทธิ์ ชีวิต ข้า
    พรหมลิขิต ขีด เส้น เกณฑ์ชะตา
    ฟ้า อินทร์ พรหม ยมพญา ข้า หรือเกรง
    ฟ้า หัวเราะ เยาะเย้ย เหวยเหวยฟ้า
    พสุธา อย่าครวญว่า ข้า ข่มเหง
    เย้ย ทั้งฟ้า ท้าทั้งดิน สิ้น ยำเกรง
    หรือใคร เก่ง เกิน ข้า ฟ้า ดินกลัว
    ข้า ขอ ลิขิต ชีวิตข้าเอง ไม่เกรง ดิน ฟ้า
    อีก พื้นพสุธา พญายม พรหมอินทร์ ทั่ว
    ข้า กระทำ แต่กรรมดี มีหรือจะกลัว
    มิใช่ใจชั่ว ลืม ตัว หลง ลำพอง
    อัน สวรรค์ อยู่ในอก นรก นั่น หรือ
    ข้า ก็ถือ อยู่ในใจ ไม่ หม่น หมอง
    ละ การ ทำ ชั่ว ควรหรือจะกลัว นรก มั่นปอง
    หาก ทำดี ฟ้าดินต้อง คุ้ม ครอง เอย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    คุณหนุมานเอาเพลงมาฝากได้ถูกใจจังค่ะ โดยเฉพาะเพลง ฝากดิน ดิฉันชอบมาก แต่เอาเพลงเกี่ยวกับฟ้าๆดินๆมาลง มีความหมายอะไรแฝงอยู่รึเปล่าคะ?
    อนุโมทนาค่ะ
     
  19. 1535

    1535 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +2,105
    ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2553

    เรื่อง การฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี 2553
    เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมาเวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล



    คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี 2553
    และการมอบนโยบายของนายกรัฐมนตรี และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการเพื่อพัฒนาระบบงานเตรียมความพร้อมของชาติ
    ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ดังนี้
    1. การฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี 2553

    1.1 รูปแบบของการฝึกซ้อมฯ​

    สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
    ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
    กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ทก.)
    กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
    กระทรวงคมนาคม(คค.)
    สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.)
    กระทรวงกลาโหม (กห.)
    กองทัพไทย และกรมประชาสัมพันธ์

    ได้จัดการฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี 2553 (Crisis Management Exercise : C-MEX-10)
    เพื่อทดสอบระบบการบริหารจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่งที่จำเป็นต้องระดมสรรพกำลังจากหน่วยงานของรัฐและทุกภาคส่วน
    ในการจัดการกับสาธารณภัยที่เกิดขึ้นในกรอบนโยบายการเตรียมพร้อมแห่งชาติ
    แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
    กรอบแผนปฏิบัติการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการระดับกระทรวง 17 ด้าน
    และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด
    ซึ่งการฝึกซ้อมฯ ได้จัดการฝึก 2 รูปแบบ คือ​

    รูปแบบที่หนึ่ง : การฝึกซ้อมฝ่ายอำนวยการ ระหว่างวันที่ 28-30 กรกฎาคม 2553
    เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกซ้อมฯ ได้ตรวจสอบความชัดเจนของนโยบาย แผน กฎหมาย ระเบียบ แผนปฏิบัติการฉุกเฉินของแต่ละหน่วยงาน
    และเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการฝึกภาคสนาม โดยมีรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ)
    เป็นประธาน และมอบนโยบายในการฝึกซ้อมฯ ซึ่งขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสาธารณภัยในเชิงรุกหรือ
    ในเชิงป้องกันด้วยการผนึกกำลังทุกฝ่ายในชาติ ​
    รูปแบบที่สอง : การฝึกซ้อมภาคสนาม ในวันที่ 20 สิงหาคม 2553 เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มี ส่วนร่วมในการปฏิบัติจริง โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานและมอบนโยบายแก่หัวหน้าหน่วยงาน ​

    1.2 ผลของการฝึกซ้อมฯ
    ในการฝึกซ้อมฯ ได้จำลองสถานการณ์ภัยพิบัติจากพายุไต้ฝุ่นในพื้นที่ภาคตะวันออก
    โดยเฉพาะในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดมีระดับความเสียหายรุนแรงถึงขั้นวิกฤต
    และส่งผลกระทบต่อความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างใหญ่หลวง ​

    ดังนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) ในนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
    ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้รายงานนายกรัฐมนตรีทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
    เป็นสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่งสมควรที่นายกรัฐมนตรีได้ควบคุมสั่งการ ต่อมา
    นายกรัฐมนตรีได้ประชุมทางไกลร่วมกับหัวหน้าหน่วยงานถึงความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
    และสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.สน.) ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี
    เพื่อระดมสรรพกำลังและทรัพยากร ควบคุมการสั่งการการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
    และแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า
    และให้ มท. จัดทำคำสั่งประกาศสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่งตามมาตรา 31
    แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และภายหลังสิ้นสุดการฝึกซ้อมฯ
    นายกรัฐมนตรีได้สนทนากับผู้บริหารหน่วยงาน และมอบนโยบายแก่หน่วยงานที่เข้าร่วมการฝึกซ้อมฯ ​

    2. การมอบนโยบายของนายกรัฐมนตรี


    นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายแก่หน่วยงานที่เข้าร่วมการฝึกซ้อมฯ ดังนี้ ​

    2.1 การปรับทัศนคติ จากเดิม ที่เห็นว่าภัยที่เกิดขึ้นอยู่ไกลตัว เป็นการให้ความสำคัญและจริงจัง
    กับการฝึกซ้อมตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับประเทศเพื่อกระตุ้นเตือนให้เจ้าหน้าที่
    และประชาชนได้ตระหนักรู้ว่าภัยอาจจะอยู่ใกล้ตัว
    และเกิดจิตสำนึกเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น ​

    2.2 ผู้นำการบริหารจัดการวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ควรจะต้องมีความรอบรู้ และมีความสามารถ
    ในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นท่ามกลางเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด
    สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
    รวมทั้งต้องเตรียมแผนสำรองที่สองหรือที่สามหรือทางเลือกต่าง ๆ ไว้
    เพื่อรองรับกรณีที่แผนที่เตรียมไว้มีปัญหาหรือไม่สามารถปฏิบัติได้ ​

    2.3 การให้ความสำคัญแก่การจัดทำแผนปฏิบัติราชการ
    รองรับนโยบายการเตรียมพร้อมแห่งชาติในการกอบกู้สถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
    และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติที่ครอบคลุมทั้งงานด้านสาธารณภัยและความมั่นคง
    ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนระบบการเตรียมพร้อมของชาติให้เป็นรูปธรรมและพร้อมรองรับต่อวิกฤตการณ์ต่างๆ
    ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างรอบด้าน โดย สมช. มท. ตร. และกห. ควรจะต้องร่วมกันประสานงานอย่างใกล้ชิด ​
    2.4 ในการเตรียมความพร้อมของชาติ ปัจจัยของความสำเร็จที่สำคัญจะอยู่ที่การเตรียมพร้อมตั้งแต่ในยามปกติทั้งในเรื่องทรัพยากร
    เครื่องมือ ผู้เชี่ยวชาญ ชุดเผชิญสถานการณ์ ผู้บัญชาการเหตุการณ์

    และจะต้องมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนในแต่ละระดับความรุนแรงตั้งแต่ก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย
    และการกอบกู้ฟื้นฟูเยียวยาหลังเกิดภัย โดยเฉพาะในกรอบของแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการ 17 ด้าน ในการนี้ มท. ควรจะต้องเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำแผน
    คู่มือบริหารจัดการภัยพิบัติในภัยแต่ละประเภทและแต่ละระดับความรุนแรงที่ชัดเจน
    และจัดให้มีการฝึกซ้อมการบริหารจัดการสาธารณภัยร้ายแรงเป็นประจำรายปี
    รวมทั้งเสนอให้คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
    และหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบแผนปฏิบัติการฯ ทั้ง 17 ด้าน
    ได้พัฒนาและนำแผนปฏิบัติการฯ มาทดสอบในการฝึกซ้อมฯ ดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอด้วย

    2.5 การพัฒนาระบบงานเตรียมความพร้อมของชาติ
    คือ การมีเครื่องมือ เครื่องใช้ ทรัพยากร รวมทั้งกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ การเบิกจ่ายงบประมาณ
    และการรับบริจาคในรูปของตัวเงินและสิ่งของจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างเป็นระบบและคุ้มค่า
    สามารถนำมาใช้ได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินในเรื่องนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)
    และสำนักงบประมาณ (สงป.) ควรจะเป็นหน่วยหลักร่วมกับ มท. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ในการดำเนินการ ส่วน กห. จัดการพัฒนาระบบควบคุมบังคับบัญชาของกองทัพไทย
    การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อใช้สนับสนุนงานบรรเทาทุกข์การจัดทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการรองรับงานด้านสาธารณภัยและด้านความมั่นคงทางทะเลของกองทัพเรือ และศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ
    ทางทะเลในกรอบนโยบายการเตรียมพร้อมแห่งชาติ จะเป็นปัจจัยสำคัญอีกส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการพัฒนาระบบงานเตรียมความพร้อมของชาติ ส่วนการติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่งในการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน ทก.
    ควรจะมีแผนบริหารจัดการในเรื่องการสื่อสารในยามวิกฤตที่ชัดเจนรวมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือสื่อสารให้แก่ผู้บริหารประเทศ
    และหัวหน้าหน่วยงานอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้ตลอดเวลา ซึ่ง ทก. สามารถเป็นหน่วยหลักเร่งรัด
    ดำเนินการเรื่องนี้ได้ เช่น การจัดให้มีระบบเลขหมายฉุกเฉินเลขหมายเดียวทั่วประเทศเพื่อส่งต่อการรับแจ้งเหตุจากประชาชน
    ไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงทีทั้งในงานด้านสาธารณภัย
    ด้านบริการทางการแพทย์และด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นต้น​

    2.6 การส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ การตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสาธารณภัยในระดับท้องถิ่น
    โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัด ภาคเอกชน สมาคม มูลนิธิ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
    เพราะหน่วยงานเหล่านี้มีความใกล้ชิดประชาชนและสามารถทำงานในเชิงรุกหรือในเชิงป้องกันได้มาก ​

    3. การประเมินผลการฝึกซ้อมฯ

    3.1 การฝึกซ้อมฯ เป็นการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เข้าร่วมการฝึกซ้อมฯ
    ในการประสานแผนและแนวทางปฏิบัติให้ประสานสอดคล้องกันตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด และระดับชาติ
    ทั้งภายในหน่วยงานและระหว่างหน่วยงานเพื่อให้ประชาชนได้มีทัศนคติและตระหนักรู้ถึงความสำคัญ
    ของการเตรียมความพร้อมรับมือกับสาธารณภัย อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติงานจริง
    จังหวัดมีข้อจำกัดด้านงบประมาณที่ได้รับ จำนวน 50 ล้านบาทซึ่งไม่เพียงพอ และระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณ
    ที่ไม่เอื้อต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยขอให้มีผู้แทน สงป. กระทรวงการคลัง (กค.)
    ได้เข้าไปประสานงานในพื้นที่ รวมทั้งพิจารณาทบทวน กฎ ระเบียบ ให้สามารถสนับสนุนการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที

    3.2 หน่วยงานที่ร่วมการฝึกซ้อมฯ จะได้ประเมินผลการฝึกซ้อมฯ ของหน่วย
    ขณะเดียวกัน สมช. ได้มอบให้คณะนักวิชาการจัดทำรายงานประเมินผลการฝึกซ้อมฯ ให้เห็นถึงข้อดี
    และปัญหาและข้อจำกัดที่เกิดขึ้นในการฝึกซ้อมครั้งนี้เพื่อเป็นบทเรียนในการพัฒนาการฝึกซ้อมและปรับปรุงประสิทธิภาพ
    การปฏิบัติงานของหน่วยงานในระยะต่อไป​

    ที่มา http://www.m-society.go.th/news_detail.php?newsid=4943&groupid=023
    กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2010
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ทั้งจากคำกล่าวเตือนของครูบาอาจารย์หลายท่านก็ดี จากญาณ ลางสังหรณ์และสัญชาติญาณของอีกหลายท่านก็ดี

    ภัยพิบัติใกล้เข้ามามากแล้วครับ

    การเตรียมการเตรียมกาย ไม่สำคัญเท่าการเตรียมจิตครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...