ผีโพรง จากลำตะคอง

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 8 มกราคม 2010.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,239
    ผีโพรง เป็นผีชนิดหนึ่งกล่าวกันว่าเป็นวิญญาณผีป่าที่ถูกผู้มีวิชานำมาเลี้ยงโดยนิยมใส่ไว้ในกระบอกไม้ขนาดเล็กเพื่อพกติดตัว และเมื่อถึงเวลาอันได้แก่คืนแรมสิบห้าค่ำ ผู้เสี้ยงจะต้องปล่อยให้ผีโพรงออกไปหาของกินหรือตั้งเครื่องเซ่นให้มิเช่นนั้นจะเป็นภัยต่อตัวเอง



    ผีโพง เป็นผีอีกจำพวกหนึ่ง จัดอยู่ในกลุ่มผีกระสือ มีลักษณะเป็นดวงไฟกลมโตสว่างจ้า ชอบออกหาอาหารยามค่ำคืนที่เงียบสงัดซึ่งส่วนมากจะได้แก่ของสดของคาวหรือกบเขียด ผีโพงมักจะหลีกเลี่ยงการพบกับคน หากเจอให้แกสร้งทำเป็นไม่เห็นหรือไม่สนใจมิเช่นนั้นแล้วอาจถูกตามรังควานได้ บางแห่งกล่าวว่าแสงที่เห็นนั้นคือไฟที่พุ่งออกมาจากจมูก



    ผีโขมด เป็นผีอีกจำพวกหนึ่งอยู่ในกลุ่มผีกระสือหรือผีโพง เห็นเป็นแสงเรืองวาวในความมืดทำให้หลงผิดคิดว่ามีคนถือคบไฟเดินอยู่ข้างหน้าแต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้จะหายไป บางแห่งผีโขมดจะเป็นผีป่าชนิดหนึ่งซึ่งมีแขนขายาวมีขนรุงรังรูปร่างคล้ายลิง ชอบกินเนื้อสัตว์หรือของสด บางประเภทจะดุร้ายจนถึงขนาดรวมตัวกันเป็นฝูงและโจมตีเหยื่อ



    ทั้งผีกระสือ ผีโพงและผีโขมด ทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่าเป็นแสงที่เกิดจากกาซมีเทน (methane) ที่เกิดจากการเน่าเปื่อยผุพังของสารอินทรีย์แล้วติดไฟในอากาศ จนเป็นแสงวอบแวบในความมืด ซึ่งมักพบในที่ลุ่มชื้นแฉะ หลุมถ่ายมูลหรือแม้แต่คอกสัตว์ที่ไม่ได้รับการทำความสะอาด จนทำให้ผู้พบเห็นเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นภูตผี



    */*/*/*/*/*/*



    เกริ่นแนวความรู้กันพอสังเขปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้กลับมาฟังเรื่องราวของผีโพรงที่พี่เคยเจอมากับตัวเองกันสักที



    เหตุเกิดประมาณ ห้าหรือหกปีมาแล้ว ตอนนั้นการไปท่องเที่ยวที่เขาใหญ่เป็นที่นิยมมาก พี่ได้บ้านพักจากเพื่อนสนิทของน้องสาว โดยที่พักแห่งนั้นเป็นรีสอร์ทส่วนตัวตั้งอยู่ท่ามกลางเนินเขาขนาดย่อมและมีแม่น้ำลำตะคองไหลผ่านทางด้านข้างซึ่งเลี้ยวโค้งเลียบผ่านแล้วไหลหักโค้งอีกครั้งตัดผ่านด้านทางเข้า คือหากจะเข้ารีสอร์ทนี้ต้องขับรถข้ามแม่น้ำลำตะคองไปก่อน



    ลักษณะของรีสอร์ทนี้คือเมือเข้าไปล้วจะมีบ้านพักขนาดกะทัดรัดสามหลังเรียงกันทางด้านขวามือ และบ้านพักที่มีขนาดใหญ่กว่าสองหลังด้านซ้าย โดยมีถนนผ่านทุกหลังเป็นวงกลม จะเข้าบ้านพักทั้งสองฝั่งต้องผ่านวงเวียนขนาดเล็กซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ราวสองคนโอบ เล่ากันว่าบ้านพักหลังใหญ่ไปสร้างทักรังงูเห่า ดังนั้นมักไม่ค่อยได้ใช้เนื่องจากวันดีคืนดีจะมีงูเลื้อยออกมานอนคุยด้วย ส่วนมาเพื่อนฝูงของน้องนิยมเลือกบ้านสามหลังทางฝั่งขวามือมากกว่า



    ไปครั้งแรก พวกพี่ไปกันหกคนหมาน้อยตัวหนึ่ง ได้บ้านพักหลังแรกซึ่งมีขนาดค่อนข้างเล็กชั้นเดียว ด้านหลังเป็นครัวมีห้องน้ำทั้งด้านบนและด้านล่างซึ่งติดกับแม่น้ำลำตะคอง เวลาไปนั่งจะได้ยินเสียงน้ำไหลด้วย แต่เข้าแค่ครั้งเดียวก็เผ่นแทบไม่ทัน



    บรรยากาศโดยรอบดีมาก เงียบสงบสมกับเป็นรีสอร์ทกลางป่า พอขนข้าวของไปเก็บเรียบร้อยก็เริ่มเดินสำรวจกันตามประสาคนไม่ค่อยอยากรู้เรื่องของชาวบ้าน ตอนที่ไปถึงก็ราวๆเก้าโมงเศษซึ่งนับว่ายังเช้าอยู่มาก พี่กับน้องสาวมองไปที่บ้านพักหลังที่สองแล้รู้สึกแปลกใจเพราะเห็นกองไฟยังกรุ่นอยู่ โซดายังอยู่ในลังซึ่งเปิดกินกันไปไม่กี่ขวด พอเดินไปดูใกล้ๆยิ่งแปลกใจมากขึ้นเพราะภายในบ้านมีเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้บางชิ้นตกเลื่อนอยู่ เหมือนคนรีบร้อนขนของออกไปยังไงยังงั้น ที่สำคัญน้องสาวเห็นพระห้อยอยู่ที่ประตูบ้านด้านหลังด้วย แต่มันล็อค เลยได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ



    ตกค่ำหลังจากกินข้าวปลาอาหารและนั่งเล่นกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ดับไฟเข้านอน โดนนอนรวมกันในห้องโถงใหญ่นั่นแหละ พอดึกได้ยินเสียงคนเดินวอนรอบบ้าน ก็พยายามเงี่ยหูฟังเพราะกลัวขโมยมากกว่าอย่างอื่น แต่ยิ่งฟังมันยิ่งแปลก เพราะบ้านก็ไม่ใช่หลังเล็กๆ เสียงฝีเท้าที่ได้ยินมันดังมาจากด้านตรงกันข้ากับที่นอนกัน แค่ลมหายใจมันก็เดินมาอยู่ที่หัวนอน แล้วกลับลงไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของบ้านอีก ทีนี้หัวนอนตรงพี่มันเป็นชอ่งกระจกเล็กๆเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง ตำแหน่งของมันเราจะต้องเห็นในส่วนเอวหรือสะโพกแต่มันไม่ใช่ค่ะ มันเป็นส่วนน่อง ซึ่งหมายความว่าเจ้าของขาคู่นี้ต้องมีความสูงเกินหลังคาบ้านอย่างแน่นอน ทำไงน่ะเหรอ กอดหมาคลุมโปงแล้วหลับไปเลยน่ะสิ



    ตอนเช้าแม่ถามว่าใครไปปีนต้นจำปีข้างบ้าน น้องสาวบุญธรรมบอกหนูเองแล้วเขาทำหน้าแบบแม่รู้ได้ยังไง แม่บอกว่าเมื่อคืนมีผู้หญิงสวยมากลงมาจากต้นจำปีแล้วฟ้องว่าลูกแม่ไปไต่ต้นไม้เขาเล่นข้ามหัวไปข้ามหัวมา ดีว่าที่มากับแม่ไม่ยังงั้นโดยถีบตกต้นไปแล้ว พอฟังจบหน้าซีดกันเป็นแถบ พี่เลยรีบเล่าเรื่องเมื่อคืนให้แม่ฟัง แม่เขามองไปที่ต้นไม้ใหญ่ตรงวงเวียนแล้วบอกสั้นๆว่า



    เขามาดูแลพวกเราเท่านั้นเอง



    อ้อลืมเรื่องห้องน้ำด้านล่างไป คือตอนที่พี่ไปเข้าน่ะ กำลังปล่อยเบาพร้อมนั่งฟังเสียงน้ำไหลอย่างเพลิดเพลิน ปรากฏว่าโถที่นั่งมันสั่นค่ะ....สั่นแบบโยกแล้วมีเสียงเหมือนหัวเราะดัง



    แฮ่ะ แฮ่ะ แฮ่ะ



    รีบชะโงกหน้ามองออกมาด้านนอก ไม่มีใครซักคน



    ใครจะอยู่ล่ะ เผ่นสิ



    ผีโพรง จากลำตะคอง ภาคสอง



    เรื่องราวที่แท้จริงของผีโพรงเกิดขึ้นในการเข้าพักครั้งที่สองนี่แหละค่ะ ผ่านไปเกือบครึ่งปีพวกพี่ก็แห่งกันไปใช้บริการรีสอร์ทเพื่อนน้องสาวอีกครั้ง คราวนี้ไปกันแปดคน มีพี่ แม่ น้องสาว ลูกบุญธรรมแม่ได้แก่ เดช เอ๋ แต่(ชื่อคนน่ะ) ติ่ง อ๊อด



    ตอนโทรบอกจำนวนคน พี่เจ้าของบอกโอเคให้พักได้เลย พวกพี่เลยออกเดินทางแวะเที่ยวกันเรื่อยอย่างสบายใจโดยไม่ลืมซื้อเหล้าขาวกับอาหารจำพวกยำติดมือเข้าไปด้วย กว่าจะถึงที่พักก็เกือบค่ำ ยังพูดกันเลยว่าอย่าได้หลังที่สองเลย ปรากฏว่าพอไปถึงคนที่ดูแลเขายิ้มกว้างรออยู่พร้อมกับบอกว่า



    ?นายบอกให้พวกพี่พักหลังใหญ่?



    แทบหงายท้องเลยล่ะ ก็ไอ้บ้านพักเจ้าปัญหาหลังที่สองนั่นแหละ มองหน้ากันแล้วยิ้มแห้งๆชักแถวกันเข้าไปข้างใน คนดูแลยังยิ้มแล้วพูดก่อนจากไปว่า



    ?มีอะไรเรียกผมได้ทันทีนะพี่?



    มันจะมีอะไรวะ



    พวกพี่คิดแล้วเริ่มต้นสำรวจที่พัก จะว่าไปมันเป็นบ้านที่ทันสมัยมากเพราะชั้นล่างแบ่งเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งเปิดประตูออกไปนั่งเล่นริมน้ำลำตะคองได้ ด้านข้างแบ่งเป็นสองห้องเล็กซึ่งห้งอใหญ่จะอยู่ด้านหน้าติดถนนส่วนห้องเล็กจะติดลำตะคอง พวกพี่เปิดสำรวจดู ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมสามารถเปิดถึงกันได้ ส่วนด้านบนเป็นห้องใต้หลังคาซึ่งฝาเปิดโล่งสามารถชมทิวทัศน์รอบบ้านได้สะดวก อีตาแต่มันชอบอกชอบใจมากเพราะเป็นหนุ่ม(?)จบจากนอก เขารีบขนข้าวของที่นอนขึ้นไปชั้นลอยทันทีพร้อมกับเพื่อนชาย = = ส่วนพวกพี่ลงประชามติว่า นอนรวมกันที่ห้องใหญ่



    ยามค่ำคืนเคลื่อนผ่านเข้ามา ชาวบ้านในแถบนั้นต่างพากันปิดไฟนอนกันหมด ทั้งที่เพิ่งแค่สองทุ่มเศษเท่านั้น แถมเป็นคืนเดือนมืดตึ๊ดตื๋ออีก พี่จัดแจงจัดเครื่องยำใส่จานกระดาษแล้วเดินไปหลังบ้านพร้อมแม่ ที่นั้นมีต้นไม้ใหญ่มากๆขึ้นอยู่ริมตลิ่ง แม่วางอาหารบนพื้นหญ้าพร้อมกับเปิดขวดเหล้า แล้วจุดธูปยอกมือบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าที่ทางตามที่ทำกันมาทุกครั้งที่เราไปนอนพักค้างแรมที่อื่น พอปักธูปลงดินปุ๊บ ลมก็พัดกรรโชกมาก้อนโตชนิดยอดไม้โอนเอนเลย พวกพี่กับน้องสาวมองหน้ากันแล้วเริ่มถอยหลัง แม่หันไปมองที่โคนต้นไม้ไหญ่ พี่เลยมองตาม ก็เห็นดวงไฟค่ะ ดวงไฟแบบดวงกลมๆสีเหลืองอ่อนๆขนาดประมาณจานกินข้าวใบใหญ่ๆสว่างจ้าบนพื้นหญ้าแล้วเลื่อนไปที่โคนต้นจากนั้นก็พุ่งขึ้นไปบนยอดแล้วหายวับไป เจ้าแต่ซึ่งออกมาทีหลังคงทันเห็นเพราะยืนตัวแข็งหน้าซีด ส่วนพี่น่ะ เหอะๆ ไอ้อาการขนต้นคอลุกตั้งเป็นยังไงเพิ่งรู้จักกันในตอนนี้เอง พอแม่หันหลังเดินนำเข้าบ้าน พี่ก็เผ่นชนิดตามไปติดๆ ยอมรับว่ากลัวเลยล่ะ ลำพังผีที่เจอแถวบางแสนหรือทะเลภูเก็ตชิดซ้ายไปเลย



    ตกดึกหลังจากอาบน้ำอาบท่ากันหมดทุกคนพวกเราก็นั่งคุยกันที่ห้องนอนใหญ่ แม่บอกให้แต่ลงมานอนข้างล่างแต่เขาไม่เชื่ออ้างว่าอยู่ในบ้านไม่เป็นไร แม่บอกว่าข้างบนมันเป็นช่องทะลุ ไม่มีกำแพงหรือผนังกั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกพี่นับถืออยู่ไม่สามรถปกป้องได้ ในเมื่อดื้อก็ไม่ต้องลงมา



    หลังจากเข้าห้องนอนเรียงกันโดยแม่นอนบนเตียงกับน้องสาว พี่นอนปลายเท้าด้านผนังที่ติดกับห้องนอนเล็กโดยมีเอ๋กับเดชนอนเรียงกัน ส่วนติ่งไปนอนริมเตียงข้างหน้าต่าง พี่ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนตกใจมากที่นับคนแล้วเกินมาหนึ่ง มันมีคนนอนคลุมโปงข้างตัวติ่งน่ะ พอเอาเท้าเตะปรากฏว่าเป็นผ้าห่มอีกผืนที่มันม้วนให้เหมือนตัวคนแล้ววางไว้ริมหน้าต่าง



    พี่มาถามทีหลังว่าทำไมทำแบบนั้น ติ่งมันบอกว่าเอาไว้หลอกผี -*-



    ตกดึกที่แสนจะเงียบสงัด พี่ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังตะกุยผนังห้องด้านที่ติดกับห้องนอนเล็ก มันดังเหมือนคนเอาเล็บตะกุยเสื้อน่ะ แกร่กๆ แล้วมีเสียง แฮ่ๆแผ่วมา พี่รีบหดขาเลยแต่ไม่กล้าพูด มันดังทั้งคืนเหมือนอะไรจากอีกฝั่งพยายามจะแทรกผ่านกำแพงเข้ามาให้ได้ และดังไปจนกระทั่งถึงตีห้าของวันใหม่ก็หายไป ตอนเช้าแต่หน้าตาตื่นหอบที่นอนเครื่องใช้ลงมาแล้วยัดเข้าไปในห้องใหญ่บอกคืนนี้ขอนอนด้วยคน ถามก็ไม่ยอมตอบอะไร เลยออกไปนั่งเล่นกันหน้าบ้าน มีคนแปลกหน้ามาชะโงกร้องขอดอกไม้สองดอก ปรกติพี่จะบอกว่าเอไปเลยแต่คราวนี้เหมือนมีอะไรมาปิดปากไม่ให้พูด อิตาแต่ยืนเท้าสะเอวแล้วตะโกนไปว่า ไม่ให้ มันไม่ใช่ของเรา ชาวบ้านคนนั้นมองหน้าแล้วบอกว่าไม่เป็นไร จากนั้นก็เดินจากไป พวกพี่ก็ออกไปร่อนเที่ยวบนเขาใหญ่จนถึงค่ำโดยไม่ลืมแวะสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่ตรงทางขึ้นขอให้ท่านคุ้มครอง ตกเย็นก็ซื้อข้าวของติดมือกลับมามากกว่าเดิมสองเท่า เหล้าสองขวด



    พี่จัดเตรียมอาหารและล้างแก้วน้ำอยู่ที่หลังบ้าน เสียงแม่น้ำไหลแรงมากคือมันเป็นช่วงเค้งของลำตะคองซึ่งไหลมากระแทกตลิ่งแล้วหักศอกเลียบด้านข้างรีสอร์ทพอดีน่ะ ตามปรกติคนมักไม่นิยมสร้างบ้านในที่แบบนี้เพราะเชื่อว่าสิงไม่ดีที่ลอยมากับน้ำจะมาหล่นที่นี้ (ตามหลักความจริงก็คือ ตลิ่งมันจะพังน่ะ) กำลังล้างแก้วเพลินๆก็เห็นหิ่งห้อยบินออกมาจากโพรงไม้ ตัวโตมากใหญ่กว่าผึ้งอีกนะ ที่รู้ว่าเป็นหิ่งห้อยเพราะตอนนั้นมันโพล้เพล้ทำให้เราเห็นแสงมันน่ะ ด้วยความที่ชอบเลยทักไปว่า





    โห หิ่งห้อยที่นี่ตัวใหญ่จัง



    เท่านั้นแหละ ฝูงหิ่งห้อยจำนวนมากก็บินพรูกันออกมาจากโพรง พี่มองตาค้างแล้วคว้าถาดแก้ววิ่งพรวดเข้าบ้านเลย แม่ถามว่ามีอะไรเลยเล่าให้ฟัง แม่บอกสั้นๆว่า ปากเสียไปทักเขาทำไม



    โธ่....ก็ใครจะไปคิดล่ะแม่.....T.T



    เย็นวันนั้นแม่ทำเครื่องไหว้ไว้ที่หน้าบ้านชุดใหญ่ ส่วนอีกชุดวางไว้หลังบ้าน พอมืดพวกพี่ก็เริ่มทยอยกันเข้าห้อง พี่เดินปิดหน้าต่างรอบบ้าน ลองคิดภาพดูสิ มันมืดไปหมดไม่มีแม้แต่เสียงแมลงสักตัว แถมตอนยื่นมือออกไปดึงบานหน้าต่างเข้ามา สยองว่าจะมีมือหรือหน้าของตัวอะไรโปล่พรวดขึ้นมาให้เห็น พี่กลั้นใจปิดหน้าต่างจนหมดแล้วเดินไปหลังบ้านจะเปิดประตุมุ้งลวดเพื่อปิดประตู แต่แม่เรียกให้หยุด พี่เลยหยุด ตอนนั้นเองก็ได้กลิ่นประมาณ เหม็นคาวอย่างรุนแรง มันเป็นกลิ่นคาวจัดเลยล่ะลอยมาจากด้านนอก แม่บอกว่าเป็นกลิ่นลมหายใจของมันและสั่งไม่ให้พี่เปิดมุ้งลวด ให้เข้าห้องเลยเพราะมันรออยู่ด้านนอก พวกพี่เลยเผ่นเข้าห้องกันหมด นั่งเบียดกันบนเตียง สักพักมีเสียงคนดังมาจากด้านนอกเรียกชื่อของแต่ละคน เสียงมันแบบ แว่วๆแหลมเล็กเหมือนเสียงเด็ก เวลาเรียกก็สั้นๆห้วนๆเหมือนคนหัดพูดน่ะ พวกพี่นั่งปิดปากเงียบ มันดังสักพักก็หายไป พี่เลยไปเปิดผ้าม่านดู พอเห็นข้างนอกเท่านั้นยืนตัวแข็งเลยล่ะ



    ทำไมน่ะเหรอ



    ก็สนามด้านนอกน่ะมันมีสายใยอะไรก็ไม่รู้สีขาวเคลื่อนโอบล้อมบ้าน มันเคลื่อนที่ช้ามากๆนะแต่พอไปถึงด้านหน้าก็หยุดแค่นั้น แม่บอกให้พี่ถอยออกห่างจากหน้าต่างและสั่งให้ทุกคนนอนห้ามส่งเสียงร้องทักอะไรทั้งสิ้น คืนนั้นทั้งคืนพวกเราได้ยินเสียงคนวิ่งบนห้องใต้หลังคา เป็นเสียงวิ่งขึ้นมาจากทางด้านลำน้ำลำตะคองตึงๆๆไปจนถึงด้านหัวนอนแล้ววิ่งกลับ บางทีมีเสียงเหมือนทุบเพดานห้องคล้ายคนข้างบนจะพังลงมาด้านล่าง มันดังแบบนี้จนถึงตีห้าและหยุดตอนที่มีเสียง



    โครม!



    ตามมาด้วยเสียงกลิ้งตกลงไปด้านล่างเหมือนสิ่งนั้นถูกถีบแล้วทุกอย่างก็เงียบ พอเช้าพวกพี่ก็เก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน คนดูแลดันโผล่มาถามว่าเป็นไงบ้าง นอนหลับสบายกันดีไหม



    อยากถีบมันจริงๆ



    มาถึงบ้านพี่ถามแม่ว่าไอ้สีขาวๆนั่นคืออะไร แม่บอกว่าเหมือนอาณาเขตของพวกผีโขมดหรือผีโพรง ถ้ามันล้อมเราได้สำเร็จก็สามารถเข้ามากินพวกเราได้ แต่เนื่องจากแม่ได้บอกกล่าเจ้าที่ซึ่งก็คือคนในต้นไม้ที่พวกพี่เจอในตอนแรกกับเจ้าพ่อเขาใหญ่ ท่านจึงพยายามคุ้มครองพวกเรา ส่วนเสียงที่เรียกน่ะเป็นเสียงของพวกมัน ถ้าเราไปร้องตอบก็จะถูกกิน ที่บางทีมีข่าวว่าคนกลับจากเที่ยวป่าแล้วผอมตายโดยไม่ทราบสาเหตุนั่นแหละ



    แล้วที่คนมาร้องขอดอกไม้น่ะ เขามาขอชีวิตพวกเราสองคนเอาไปเลี้ยงผี ซึ่งถ้าเราตอบตกลงก็จะตาย แม่บอกว่าตอนนั้นมีสองคนที่ดวงตกจนถึงขั้นนั้น นั่นก็คือพี่กับแต่ โชคดีที่แต่เขาออกมาบอกปฏิเสธเจ้าตัวบอกว่าไม่รู้นึกยังไงเหมือนกันที่พูดไปแบบนั้น อารมณ์ประมาณคนคนนี้ไว้ใจไม่ได้เลยน่ะ แม่บอกว่านั่นแหละคนเลี้ยงผีโพรงล่ะ ส่วนที่วิ่งบนหลังคาเป็นพวกผีโขมด มันมาตามลำตะคองซึ่งไหลมาจากป่าในเขาใหญ่ ตอนเช้าก็ไปตามแม่น้ำกลับเข้าป่าไป



    ถ้าจะถามว่าทำไมแม่พี่ถึงรู้เรื่องแบบนี้ได้ เพราะแม่พี่เคยบวชและออกเดินป่าเมื่อครั้งยังสาวค่ะ ท่านสวดมนตร์และอยู่ในธรรมมาตลอด ศึกษาคำสอนทั้งในส่วนของพุทธและฮินดูอย่างเข้าใจถ่องแท้ มองทุกสิ่งทั้งตาเนื้อและตาจิต พวกพี่จะไม่เชื่อกับอะไรง่ายๆโดยไม่มีการพิสูจน์ การจะฟังสิ่งใดต้องฟังอย่างตั้งใจ ศึกษาให้ทะลุ เชื่ออย่างมีสติ ซึ่งมันก็มีประโยชน์เพราะพี่นำสิ่งเหล่านั้นมาใช้ในตอนเขียนนิยายด้วย



    ดังนั้นเรื่องผีที่เล่าขานกันมา ในส่วนของความจริงมันไม่ตื่นเต้นระทึกขวัญแหกอกควักไส้เหมือนในหนังหรอกค่ะ บางครั้งมันมากับธรรมชาติ และหายไปในธรรมชาติ บางครั้งมาแค่เสียง กลิ่น สายลม ร้ายก็มี น่าสงสารก็มี ถ้าชอบกันวันหลังพี่จะนำเรื่องผีที่บางแสนมาเล่าให้ฟัง รวมทั้งผีป่าที่เขาใหญ่ด้วย เจอไม่บ่อยหรอก แต่เจอทีจำกันไปนาน


    ข้อมูลจาก Dek-D.com : My.iD Blog
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  2. ภูเสน

    ภูเสน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +89
    ชอบจัง.........จองแถวหน้าเลยเรา.......

    ....................................................โชคดี..มีแต่สิ่งดีๆในชีวิต..ทุกๆคน...
     
  3. คาฮิลเอลซา

    คาฮิลเอลซา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +1,316
    โหย อ่านแล้วตื่นเต้นร่วมไปด้วย เลย
    จะรออ่านด้วยคนค่ะ ขออนุโมทนา ประสบการณ์ หลั่ง อดรีนาลี
    ของเจ้าของกระทู้ จะได้เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไปป่า และพวกชอบคะนอง
    ปากไม่ดี วิทยาศาสตร์จ๋า หึหึ สิ่งที่ไม่เคยเห็น ใช่ว่าไม่มี
     
  4. indear

    indear เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +733
    มีอะไรมาเล่าอีก ก็เชิญนะคะ เขียนได้น่ากลัวค่ะ
     
  5. นาคธันดร

    นาคธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +157
    เพิ่งรู้นะเนี่ยครับว่าผีโพรงมีไฟออกมาทางจมูก เป็นความรู้ใหม่เลยครับ
    ขอขอบคุณ และอนุโมทนาครับ
     
  6. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,038
    ชอบค่ะ มาเล่ามอีกนะคะ เคยได้ยินแต่ชื่อผีโพรง ผีโขมด เป็นอย่างนี้เอง
     
  7. ลุงชิด

    ลุงชิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +218
    สยองขวัญอีกแล้วชอบจัง
     
  8. x:xน่oe

    x:xน่oe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +112
    รีสอร์ไหนค่ะ ทำไมมันน่ากลัวเช่นนี้
     
  9. centuar

    centuar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +178
    รีสอร์ทไหนเนี้ยะ น่ากลัว
     
  10. guanyu2005

    guanyu2005 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +106
    บรื๋อ.....ขนลุกจริงๆเลยนะครับ.....

    ผมยกให้เป็นเรื่องที่น่าขนลุกที่สุดของพลังจิตเลยครับ(ยิ่งคิดยิ่งน่ากลัว เวร!แล้วตูจะอ่านทำไม?นี่ตูโง่หรือโง่เนี่ย)
     
  11. sushera

    sushera สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +19
    แล้วที่ไปเที่ยวกันสนุกกันมั้ยเนี่ย น่ากลัวตลอดเลย
     
  12. บัวพ้นน้ำ

    บัวพ้นน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +198
    โหยยยย พี่คะ
    หัวใจจาวายตาย -*-
     
  13. fay10

    fay10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,760
    โฮฮ...ไม่อยากเจอเลย
     
  14. โอมธนกฤต

    โอมธนกฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2009
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +3,984
    อ่านสนุกมากเลย
     
  15. berryciz

    berryciz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +240
    เล่าได้ดีจังเลยค่ะ ชอบอ่ะ ตื่นเต้นดี อยากฟังอีก อิอิ
     
  16. เอ๋เชียงใหม่

    เอ๋เชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +1,791
    เล่าความได้น่าอ่านมากเลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...