เรื่องเด่น ปาฏิหาริย์แห่งการเจริญเทวตานุสติ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 30 สิงหาคม 2010.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    ปาฏิหาริย์แห่งการเจริญเทวตานุสติ

    เรื่องโดย วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์

    51009-32.jpg




    เวลาประมาณห้าโมงเย็นของวันหนึ่งในปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว ผู้เขียนและเพื่อนเดินทางไปกราบสักการะพระอนุสาวรีย์พระราชชายา เจ้าดารารัศมี พระมเหสีองค์หนึ่งในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระตำหนักดาราภิรมย์ค่ายดารารัศมี อำเภอริม จังหวัดเชียงใหม่


    1182571073.jpg


    เมื่อผู้เขียนจุดธูปเทียนบูชาเรียบร้อยแล้วก็นั่งพับเพียบ ยกมือไหว้ พร้อมทั้งครุ่นคิดถึงพระกรณียกิจนานัปการที่พระองค์ทรงมีต่อนครเชียงใหม่ ตั้งแต่ทรงเสียสละอย่างใหญ่หลวงด้วยการจากนครเชียงใหม่ไปถวายตัวรับราชการฝ่ายใน ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่มีพระชันษาเพียง 13 ปี ในฐานะองค์สายสัมพันธ์ของสองแผ่นดิน คือ สยามกับนครเชียงใหม่และประทับ ณ พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร เป็นเวลา 23 ปีเศษ พร้อมทั้งคิดคำนึงถึงพระกรณียกิจทั้งทางด้านศาสนา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และการพัฒนาการเกษตรที่มีต่อนครเชียงใหม่

    [​IMG]

    และแล้วผู้เขียนก็สะดุดตาเมื่อมองเห็นผ้าสไบแบบภาคกลางมีตัวอักษรปักชื่อนายทหารคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้นำมาถวายและห่มพระอนุสาวรีย์ไว้ ผู้เขียนรู้สึกทันทีว่าไม่สมควรและพระองค์จะต้องไม่โปรด เพราะถ้าจะทรงห่มสไบแบบภาคกลางก็คงทรงห่มมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว จากการศึกษาพระประวัติพบว่า พระราชชายาทรงอนุรักษ์การแต่งกายแบบชาวเหนือไว้ตลอดพระชนมชีพ วัฒนธรรมกรุงเทพฯ ไม่สามารถกลืนความเป็นเจ้านายฝ่ายเหนือผู้ทรงอนุรักษ์นิยมล้านนาไปได้


    ผู้เขียนใคร่ครวญแล้วจึงตัดสินใจขอประทานพระอนุญาตนำสไบออกจากพระอนุสาวรีย์ แล้วนำมาพับวางไว้ใกล้ๆ กับพระบาท ในตอนนั้นเอง ท่ามกลางแดดอ่อนๆ เกิดมีสายฝนเป็นละอองฝอยโปรยลงมาเบาๆ ผู้เขียนและเพื่อนหันมามองหน้ากันและเกิดอาการขนลุกน้ำตาไหลคลอที่เบ้าตา ต่างรีบก้มลงกราบแทบพระบาทของพระอนุสาวรีย์ ผู้เขียนรับรู้ด้วยจิตว่า พระองค์ทรงสื่อสารมาถึงเราว่าทำถูกต้องแล้ว และละอองฝนเป็นเสมือนการพรมน้ำมนต์ให้นั่นเอง

    ที่ผู้เขียนรู้สึกอัศจรรย์ใจมากยิ่งขึ้นก็คือ ขณะนั่งอยู่ที่ลานพระอนุสาวรีย์นั้นผู้เขียนได้ระลึกถึงคนที่เคยรู้จักเมื่อประมาณสามเดือนที่ผ่านมา ยังรู้สึกประทับใจในตัวเขา ผู้เขียนต้องการที่จะพูดคุยกับเขา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่กราบพระอนุสาวรีย์เพื่อจะลากลับจึงได้ขอบารมีของพระราชชายาช่วย ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ติดตามตัวก็ดังขึ้น เมื่อรับสายปรากฏว่าคือคนที่ผู้เขียนระลึกถึงนั่นเอง

    ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือผู้เขียนได้เจริญสมถกรรมฐานที่เรียกว่าเทวตานุสติ

    ปรากฏการณ์ดังกล่าว ถ้าอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ก็เป็นไปได้ว่าฝนโปรยลงมาในช่วงปลายฝนต้นหนาวนั้น เกิดจากร่องความกดอากาศต่ำหรือมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเวลาใดก็ได้ และการที่ผู้เขียนได้รับโทรศัพท์จากคนที่ระลึกถึงก็อาจเป็นความบังเอิญ แต่ถ้าอธิบายในระดับอภิปรัชญา (วิชาที่ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัส) หรือตามหลักพุทธปรัชญา ซึ่งเทพหรือเทวดาเป็นธรรมชาติที่มีอยู่จริงและสามารถสื่อสารถึงมนุษย์ได้หลายรูปแบบ ความบังเอิญก็จะไม่มี มีแต่สิ่งที่เป็นเหตุปัจจัยต่อกันทั้งสิ้น เพียงแต่คงต้องตั้งข้อสังเกตหาความสัมพันธ์ของเหตุปัจจัยแห่งการปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างละเอียด แยบยล ซึ่งแต่ละคนอาจรับรู้ได้ต่างกัน

    ผู้คนจำนวนหนึ่งมักจะบ่นว่า เมื่อไปขออะไรจากองค์เทพต่างๆ แล้ว ไม่เห็นได้อะไรเลย ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะการขอเต็มไปด้วยความอยากหรือเป็นกิเลสที่พลุ่งพล่าน เป็นจิตฝ่ายอกุศล จึงไม่ส่งผลดีอะไรต่อผู้ขอ แต่การขอที่มีประสิทธิผลนั้น ต้องเป็นการขอที่อยู่ในการเจริญเทวตานุสติ ด้วยวิธีการปฏิบัติดังต่อไปนี้

    ต้องสักการะด้วยความนอบน้อมจากจิตใจและใคร่ครวญตระหนักรู้ในคุณงามความดี สำนึกในคุณค่านานัปการขององค์เทพที่เรากราบไหว้ เพราะขณะที่เรากราบไหว้และใคร่ครวญสำนึกในคุณค่าขององค์เทพนั้น ความรู้สึกชื่นชมและปีติยินดีจะเกิดขึ้นและจะต้องมีจิตนิ่ง มีสติอยู่กับการใคร่ครวญคุณค่าหรือคุณงามความดีขององค์เทพเท่านั้น บางคนอาจเกิดความปีติจนน้ำตาไหลหรือขนลุก นั่นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริง แต่ต้องเริ่มจากการใคร่ครวญคุณค่าก่อน
    ภาษาบาลีเรียกว่าการกระทำเช่นนี้ว่า “วิตกและวิจารณ์” คือการหยิบยกเอาคุณงามความดีขององค์เทพที่เราเคารพมาเป็นอารมณ์สมถกรรมฐาน เมื่อใคร่ครวญสำนึกในคุณค่าครั้งแล้วครั้งเล่าจะเกิด ปีติ คือ ความรู้สึกอิ่มใจ จากนั้นจะเกิด ความสุข ที่สงบ เมื่อไรที่รู้สึกปีติและสงบสุข แล้ว เมื่อนั้นสารเอนดอร์ฟิน สารเคมีแห่งความสุขในสมองก็จะหลั่งออกมามาก ความสุขสบายทั้งกายและใจก็เกิดขึ้น ภาวะนี้ในอภิปรัชญาเป็นภาวะที่เปิดรับการสื่อสารกับสรรพสิ่งรายล้อมต่างมิติได้ดี โดยเฉพาะสัญญาณจิตจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทวยเทพเทวาต่างๆ พร้อมด้วยเทวตานุภาพ จึงดลบันดาลให้คลื่นความถี่จากจิตกว่านั้น หากบุคคลผู้นั้นมีคุณงามความดีสั่งสมมาด้วย ก็จะยิ่งเป็นพลานุภาพที่เป็นทิพย์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และนี่คือการเจริญเทวตานุสติ ซึ่งเป็นหนึ่งในการเจริญอนุสติ 10 และเป็นหนึ่งใน 40 วิธีของการเจริญสมถกรรมฐานที่ทำให้จิตสงบและเกิดพลัง


    ดังนั้นไม่ว่าท่านจะสักการะพระราชานุสาวรีย์ใดๆ นั่นคือท่านกำลังเจริญสมถกรรมฐานที่เรียกว่าเทวตานุสตินั่นเอง เพราะพระราชาเหล่านั้นถือเป็นสมมุติ เทพขณะยังมีพระชนมชีพ และเมื่อสิ้นพระชนม์ไปแล้วก็คือถือเป็นอุปัตติเทพนั่นเอง

    ในพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึงเทพหรือเทวดาไว้ 3 กลุ่ม ดังนี้สมมุติเทพ คือ พระราชา พระราชินี พระราชโอรส และพระราชธิดา อุปัตติเทพ คือ เทพหรือเทวดาที่สถิตอยู่ในสรวงสวรรค์ต่าง ๆ และวิสุทธิเทพ คือ พระอรหันต์นั่นเอง ดังนั้นเมื่อใคร่ครวญในคุณงามความดีของสมมุติเทพและอุปัตติเทพที่ท่านนับถือ แล้วควรประกอบคุณงามความดีเช่นเทพที่ท่านสักการะด้วย เพราะการเชื่ออะไรบางอย่างแล้วไม่นำมาปฏิบัติในชีวิต นั่นเป็นการคดโกงอย่างหนึ่ง ดังคำกล่าวของมหาตมะคานธี ส่วนปาฏิหาริย์อันสัมพันธ์จากจิตขณะที่ปีติและสงบสุขนั้น เป็นสิ่งที่ท่านต้องใช้ความเพียรพยายามจึงจะได้ผล และต้องเป็นการสร้างเหตุโดยไม่หวังผล เพราะการหวังผลเป็นกิเลส เป็นจิตฝ่ายอกุศลเราควรมุ่งสร้างเหตุดีไปเรื่อยๆ แล้วผลดีในขณะจิตสงบพร้อมการอธิษฐานที่แน่วแน่จะเกิดขึ้นเอง ถึงตอนนั้นก็จะพบความอัศจรรย์จากการเจริญเทวตานุสติ

    การเจริญเทวนานุสติเป็นหนึ่งใน 10 วิธีของการเจริญอนุสติหมายถึง การตามระลึกถึง ซึ่งก็คือการระลึกถึงคุณงามความดีหรือคุณค่าของสิ่งที่นำมาเป็นอารมณ์กรรมฐานนั่นเอง สมถกรรมฐานกลุ่มนี้ก่อให้เกิดกำลังสมาธิไม่เสมอกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจริตหรืออุปนิสัยพื้นฐานจิตใจของแต่ละบุคคลและความเพียรพยายามที่แตกต่างกัน

    การเจริญอนุสติประเภทที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับผู้ที่มีจริตแบบ ศรัทธาจริต คือมีอุปนิสัยที่มีความชื่นชม ศรัทธาอย่างแรงกล้า เป็นที่ตั้ง 6 วิธี คือ การเจริญพุทธานุสติ ซึ่งก็คือ ระลึกถึงคุณสังฆานุสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ สีลานุสติ คือ การระลึกถึงคุณของการรักษาศีล จาคานุสติ คือ การระลึกถึงคุณของการบริจาคทาน และเทวตานุสติ คือ การะลึกถึงคุณความดีของเทพเทวดา เช่นเดียวกับที่ประชานระลึกถึงคุณความดีในพระปิยมหาราช และผู้เขียนระลึกถึงคุณความดีของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ดังที่ได้เล่าให้ฟังมาข้างต้น

    อนึ่ง การเจริญสมถกรรมฐานทั้งหกวิธีดังกล่าว สามารถทำให้เกิดกำลังสมาธิสูงถึงขั้นอุปจารสมาธิ และสูงเป็นพิเศษจนอาจถึงขั้นปฐมฌานได้ หากมีความเพียรพยายามอย่างสูง แต่ต้องอย่าลืมว่าเป้าหมายสูงสุดและแท้จริงของการเจริญอนุสติ คือ การทำให้มีจิตใจสงบสุข มิใช่อิทธิปาฏิหาริย์ หากเข้าใจและปฏิบัติได้ถูกต้อง จะช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตได้เป็นอย่างดี


    -------------------------
    http://www.kanlayanatam.com/sara/sara163.htm
    รูปภาพประกอบกระทู้จากอินเตอร์เน็ต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  2. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
    ขอบคุณมากเลยครับที่เอามาให้อ่าน
     
  3. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,684
    ค่าพลัง:
    +9,239
    [​IMG]


    "การเจริญอนุสติประเภทที่เหมาะสมมากที่สุด
    สำหรับผู้ที่มีจริตแบบ ศรัทธาจริต คือมีอุปนิสัยที่มีความชื่นชม ศรัทธาอย่างแรงกล้า เป็นที่ตั้ง 6 วิธี คือ
    การเจริญพุทธานุสติ ซึ่งก็คือ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า
    ธัมมานุสติ คือ ระลึกถึงคุณของพระธรรม
    สังฆานุสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระสงฆ์
    สีลานุสติ คือ การระลึกถึงคุณของการรักษาศีล
    จาคานุสติ คือ การระลึกถึงคุณของการบริจาคทาน
    และเทวตานุสติ คือ การะลึกถึงคุณความดีของเทพเทวดา"

    ขออนุโมทนาค่ะ

     
  4. คนวิเชียร

    คนวิเชียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,298
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ ครับ เทวตานุสติ คือ การะลึกถึงคุณความดีของเทพเทวดา เช่นเดียวกับที่ประชานระลึกถึงคุณความดีในพระปิยมหาราช และผู้เขียนระลึกถึงคุณความดีของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ดังที่ได้เล่าให้ฟังมาข้างต้น


    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. jowpoy

    jowpoy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +758
    ขอบคุณจ้าดนัดครับ ที่เอามาลง
     
  6. kit14

    kit14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    399
    ค่าพลัง:
    +618
    -ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆครับ
     
  7. dharma

    dharma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +984
    ขอขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ
     
  8. par

    par สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +23
    ขออนุโมทนาสาธุ....สาธุ
    ขอขอบคุณเทวดาที่รักษาตัวข้าพเจ้าและเทวดานางฟ้าทั้งหลายทุกชั้นฟ้า
    ขอบคุณค่า.....
     
  9. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,941
    อยากให้มีบทความดีๆแบบนี้มาลงให้อ่านอยู่เสมอๆด้วยนะครับ...ขออนุโมทนา
     
  10. Surachai Mankong

    Surachai Mankong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +329
    ขออนุโมทนาสาธุการครับ
    น้องได้อ่านแล้วรู้สึก ปลื้มใจๆ แบบบอกไม่ถูกเลยครับ

    ใช้เลยครับ คนส่วนใหญมักจะของอะไรจากเทพ ก็ขอด้วยความอยากทั้งนั้น แล้วก็มาบ่นว่าขอไปแล้วไม่ได้อะไร โวยวายโทษเทพองค์โน่น โทษเทพองค์นี้ ไปเลื่อย


    ______________________________________________________

    ขอเชิญมาเป็น 1 ในเครือข่ายความดี เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกคนทำดี
    hi5 - ?PEC?เครือข่ายความดี•?


    หรือเชิญพี่ๆเข้ามาอ่านบทความของท่านพระอาจารย์เอก และธรรมะของหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ ได้นะครับ
    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญมาเป็นหนึ่งในเครือข่ายความดี.253322/

    สารธารบารมี ขอเชิญร่วมทำบุญกับหลวงพ่อ อลงกต วัดพระบาทนำพุ
    1900222200 ครั้งละ 15 บาท เงินเพียงน้อยนิดอาจทำให้เด็ก อิ่มได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...