...เป้าหมายของชีวิต...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย หมอก้อย, 5 สิงหาคม 2010.

  1. หมอก้อย

    หมอก้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2010
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +996
    คนเราเกิดมาทุกคนย่อมต้องรู้เป้าหมายของชีวิต ไม่ใช่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อทิ้งลมหายใจไปวันๆ...
    ...ไม่ผิดนักที่หลายคนยังไม่รู้จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของตัวเอง ขอให้มีสักบางเวลา ที่เราได้ใช้หัวใจและรอยหยักในสมองคิดเรื่องนี้บ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้ว...!!!

    มีหลายคน ที่ได้อ่านข้อความของหมอ และได้ติดตามอ่าน ในเวบพลังจิตบ้าง (www.palungjit.org/board) หรือแม้กระทั่งใน exteen และในบล็อคนี้ด้วยก็ตาม เสียงตอบรับเกือบทุกเสียง จะไปในทางเดียวกัน...

    ความจริงแล้ว หมอเองก็จำไม่ได้แล้วว่า ต้องการแสวงหาจุดมุ่งหมาย "สูงสุด"ของชีวิต ตั้งแต่เมื่อไหร่ วินาทีไหน รู้แต่ว่า รู้สึกเหมือนชีวิตเราที่เกิดมานี้ ขาดบางสิ่งบางอย่างในชีวิต สิ่งนั้นเป็น "สิ่งเดียว" และยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร...

    ไม่มีใครตอบและไม่มีใครบอกหมอได้ ... แน่นอน มันไม่ใช่วัตถุภายนอกที่คนทั่วไปเรียกหาหรอก

    เงิน รถ บ้าน อะไรต่างๆมันก็เท่านั้น มันไม่ได้ให้เรามีความสุขได้จริงๆสักหน่อย ถึงแม้มีหลายคนที่อ่านถึงบรรทัดนี้แล้วเถียงขึ้นมาในใจหรือนอกใจก็ตาม ก็แล้วแต่คุณนะ แต่หมอพิสูจน์มาแล้ว ว่า สิ่งที่อยู่ภายนอกจิตใจ จะมาทดแทนความสุขซึ่งเป็นความรู้สึก "ภายในใจ" ได้อย่างไร... ???

    หมอเฝ้าพยายามแสวงหาบางสิ่งบางอย่างจนมาถึงตอนนี้ ระยะเวลาหลายปีมาแล้ว ...

    สิ่งที่หมอคิดอยู่ตอนนี้ หมอเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นจุดมุ่งหมายเดียวของหมอที่ได้เกิดมาชาตินี้หรือไม่???

    บางครั้ง เรารู้ แต่เรายังทำไม่ได้ เพราะเวลายังไม่เอื้ออำนวย ...

    ที่รู้ๆตอนนี้ หมอไม่มีความสุขกับสิ่งที่หมอเป็นและทำอยู่เลย หมอรู้สึกว่า ถูกจำกัดทางความคิดและอิสรภาพด้วยอะไรบางอย่างด้วยสิ่งที่เรามองเห็นและไม่เห็น และตัวหมอเอง ก็ไม่สามารถจะหลีกไปจากตรงนี้ได้เลย...

    หมอไม่มีความสุข กับเงินทอง เกียรติยศหรือชื่อเสียงจอมปลอม หมอรู้สึกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถให้ความสุขทางใจหมอไปได้ตลอดชีวิต !!!

    บางครั้ง...ความสุขที่สุดของคนเรา ก็คือการที่เราได้ค้นหาตัวเองเจอ
    แต่มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุด ที่เรา...กลับไม่มีโอกาสได้สัมผัสมัน...

    จาก บล็อคของหมอก้อยเองค่ะ
     
  2. Hs1xlk

    Hs1xlk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +1,273
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=XY3o_JnXzDg&feature=related"]YouTube- ‪atlantic starr - always‬‎[/ame][ame="http://www.youtube.com/watch?v=XY3o_JnXzDg&feature=related"][/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2010
  3. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    หมอก้อยช่างคิดนี่นา
    มีบางคนและอีกหลายๆ คนไม่อยากคิดเรื่องที่ยังมาไม่ถึง

    พี่ก็คนหนึ่งล่ะที่เป็นแบบนั้น เวลามีอะไรเข้ามากระทบก็จะค่อยๆ
    ทบทวนและแก้ปัญหาตรงนั้นไปก่อน ไปเรื่อยๆ คิดเสมอว่า
    ทุกอย่างมีทางออกที่ดีที่สุดเสมอ เลยไม่ค่อยกลัวปัญหา
    นึกเล่นๆ ว่าพรุ่งนี้ไม่มีวันมาถึงเพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ
    ปัจจุบันนี้ต่างหาก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ

    ส่วนสิ่งที่ทำ จะชอบมั้ยไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก เพราะไม่มีอะไร
    ที่ถูกใจเราทุกอย่าง ถ้าอยากให้ชอบทุกอย่างก็คงต้องไปสู่ที่ชอบ โน่นเลยแหละ

    ทำใจให้มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ กับสิ่งที่เราเป็นอยู่ให้ได้นั่นแหละดีที่สุดแล้วค่ะ

    ขอให้มีกำลังใจที่เข้มแข็งนะคะ รักตัวเอง รักคนรอบข้างมากๆ เป้าหมาย
    กับการเดินทาง และอุปสรรคมักจะไปด้วยกันเสมอค่ะ
     
  4. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    เชื่อว่าทุกคน ต้องวางเป้าหมาย ในชีวิต ให้กับตัวเอง
    แต่ไม่มีใครทราบ ว่าเป้าหมายของชีวิต จะอยู่ ณ ตรงที่ใด ได้แน่นอน

    ทุกวันนี้ เราถึงต้องทำ วันนี้ให้ดีที่สุดก่อน
    แล้วอนาคต ก็จะเป็นไป ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรืออาจจะไม่เป็น ตามที่เราตั้งเป้าหมายไว้ก็ได้ แต่เชื่อว่า จะเราจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน
     
  5. หมอก้อย

    หมอก้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2010
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +996
  6. Hs1xlk

    Hs1xlk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +1,273
    I did not know how to start it.
    I'm going to tell you about my feeling towards you.
    I 'try my best to give you all the happiness with all the ways.
    This song for Dr.ก้อย.
     
  7. krathin

    krathin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +203
    การตั้งเป้าหมาย ก็ดีอย่าง เราจะได้รู้ว่าหนทางข้างหน้า เราจะเดินไปทางไหน วิธีไหน ทำอย่างไร ถึงจะไปถึงเป้าหมายที่เราตั้ง

    อย่างเช่น เราจะเดินทางจากกรุงเทพ ไป เชียงใหม่ เป้าหมายของเราก็คือ เดินทางถึงจังหวัดเชียงใหม่ เราก็จะต้องวางแผนได้ถูกว่าถ้าเราจะเดินทางไปถึงเชียงใหม่ จะเดินทางไปเส้นทางไหนดี ใช้ยาพาหนะอะไร จะต้องเตรียมข้าวของอะไรไปบ้าง แต่ถ้าเราไม่กำหนดจุดหมายปลายทาง เดินไปเรื่อย ๆ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเดินไปถูกเส้นทาง

    ถนนหนทางยังมีแผนที่คอยชี้นำเพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย

    ชีวิตคนก็เช่นกัน...ก็ต้องแผนที่ชีวิต มีเข็มทิศ ที่จะไปถึงฝันที่ตั้งเป้าหมายไว้
     
  8. ๖T8๙

    ๖T8๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +302
    ไปถึงเป้าหมายแล้ว.. สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องมลายหายไป
    สิ่งที่หลงเหลือไว้มีเพียงความทรงจำ...(ของคนอื่น)

    ไม่รู้จะต้องดิ้นรนกันไปถึงไหน.. สุดท้ายแล้วมันก็ว่างเปล่า!!?
     
  9. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,339
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,286
    ผมว่าทุกอย่างมันคือบททดสอบในชีวิต ไม่รู้จักคิดอย่างนี้ก็ไม่รู้จักทางพ้นทุกข์หรอกครับ
    ทุกอย่างมันเป็นไปตามขั้นตอนของการปฎิบัติธรรมนะครับ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับ
    เพราะไม่งั้นคนเราก็จะหลงอยู่ในแสงสี สุดท้ายก็ยังคิดว่าเกิดมาแล้วมีความสุขนะครับ

    ขอเป็นกำลังใจให้หมอก้อยต่อไปครับ เลิกคิด เลิกค้นหา มันก็จะพบทางสว่างเองนะครับ....
    ทุกสิ่งทุกอย่างพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้หมดแล้ว ปฎิบัติตามท่านก็จะพบคำตอบแห่งปัญหาเองแหละครับ
     
  10. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,774
    ค่าพลัง:
    +12,933
    ขอน้อมนำพระสูตร ว่าด้วยปริศนาจอมปลวกเรื่องนี้มาให้คุณหมอและทุกคนได้อ่าน คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยตามแต่พิจารณาครับ


    <CENTER>๓. วัมมิกสูตร
    </CENTER><CENTER>ว่าด้วยปริศนาจอมปลวก
    </CENTER> [๒๘๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก
    เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี. ก็โดยสมัยนั้นแล ท่านพระกุมารกัสสปะพักอยู่ที่ป่าอันธวัน. ครั้ง
    นั้น เทวดาองค์หนึ่ง มีวรรณงามยิ่ง เมื่อราตรีล่วงปฐมยามแล้ว ยังป่าอันธวันทั้งสิ้นให้สว่าง
    เข้าไปหาท่านพระกุมารกัสสปะถึงที่อยู่ ได้ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กล่าวกะท่านพระกุมาร
    กัสสปะดังนี้ว่า ดูกรภิกษุ จอมปลวกนี้พ่นควันในกลางคืน ลุกโพลงในกลางวัน พราหมณ์ได้
    กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงเอาศาตราไปขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป ได้เห็นลิ่มสลัก
    จึงเรียนว่า ลิ่มสลักขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกลิ่มสลักขึ้นเอาศาตราขุดดู.
    สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป ได้เห็นอึ่ง จึงเรียนว่า อึ่งขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ
    เจ้าจงยกอึ่งขึ้น เอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลง ได้เห็นทาง ๒ แพร่ง จึงเรียนว่า ทาง ๒
    แพร่ง ขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงก่นทาง ๒ แพร่งเสีย เอาศาตราขุด
    ดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป ได้เห็นหม้อกรองน้ำด่าง จึงเรียนว่า หม้อกรองน้ำด่าง ขอรับ.
    พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกหม้อกรองน้ำด่างขึ้น เอาศาตราขุดลง. สุเมธะ
    เอาศาตราขุดลงไป ได้เห็นเต่า จึงเรียนว่าเต่าขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ
    เจ้าจงยกเต่าขึ้น เอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป ได้เห็นเขียงหั่นเนื้อ จึง
    เรียนว่า เขียงหั่นเนื้อ ขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกเขียง
    หั่นเนื้อขึ้น เอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป ได้เห็นชิ้นเนื้อ จึงเรียนว่าชิ้นเนื้อ ขอรับ
    พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกชิ้นเนื้อขึ้น เอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลง
    ไป ได้เห็นนาค จึงเรียนว่า นาคขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า นาคจงอยู่ เจ้าอย่าเบียดเบียน
    นาคเลย จงทำความนอบน้อม ต่อนาค. ดูกรภิกษุ ท่านพึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค แล้วทูล
    ถามปัญหา ๑๕ ข้อ เหล่านี้แล ท่านพึงทรงจำปัญหาเหล่านั้น ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์
    ดูกรภิกษุ ข้าพเจ้า ย่อมไม่เห็นบุคคลในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่
    สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ที่จะยังจิตให้ยินดีด้วยการพยากรณ์ปัญหา
    เหล่านี้ นอกจากพระตถาคต หรือสาวกของพระตถาคต หรือเพราะฟังจากสำนักนี้. เทวดานั้น
    ครั้นกล่าวคำนี้แล้ว ได้หายไปในที่นั้นแล.

    <CENTER>กุมารกัสสปะทูลถามปัญหา ๑๕ ข้อ
    </CENTER> [๒๙๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระกุมารกัสสปะ เมื่อราตรีนั้นล่วงไปแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มี
    พระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้
    กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อคืนนี้ เทวดาองค์หนึ่ง มีวรรณงามยิ่ง
    ราตรีล่วงปฐมยามไปแล้ว ยังป่าอันธวันทั้งสิ้นให้สว่างแล้ว เข้าไปหาข้าพระองค์ถึงที่อยู่ ยืน ณ
    ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กล่าวกะข้าพระองค์ว่า ดูกรภิกษุ จอมปลวกนี้ พ่นควันในเวลากลางคืน
    ลุกโพลงในกลางวัน พราหมณ์ได้กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงเอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอา
    ศาตราขุดลงไป ได้เห็นลิ่มสลัก จึงเรียนว่า ลิ่มสลัก ขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ
    เจ้าจงยกลิ่มสลักขึ้น เอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป ได้เห็นอึ่ง จึงเรียนว่า อึ่งขอรับ.
    พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกอึ่งขึ้น เอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป
    ได้เห็นทาง ๒ แพร่ง จึงเรียนว่า ทาง ๒ แพร่ง ขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ
    เจ้าจงก่นทาง ๒ แพร่งเสีย เอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป ได้เห็นหม้อกรองน้ำด่าง
    จึงเรียนว่า หม้อกรองน้ำด่าง ขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกหม้อ
    กรองน้ำด่างขึ้น เอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป ได้เห็นเต่า จึงเรียนว่า เต่าขอรับ.
    พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกเต่าขึ้น เอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป
    ได้เห็นเขียงหั่นเนื้อ จึงเรียนว่า เขียงหั่นเนื้อ ขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ
    เจ้าจงยกเขียงหั่นเนื้อขึ้น เอาศาตราขุดดู. สุเมธะเอาศาตราขุดลงไปได้เห็นชิ้นเนื้อ จึงเรียนว่า
    ชิ้นเนื้อ ขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกชิ้นเนื้อขึ้น เอาศาตราขุดดู.
    สุเมธะเอาศาตราขุดลงไป ได้เห็นนาค จึงเรียนว่า นาคขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า นาคจง
    อยู่เถิด เจ้าจงอย่าเบียดเบียนนาคเลย จงทำความนอบน้อมต่อนาค. ดูกรภิกษุ ท่านพึงเข้าไปเฝ้า
    พระผู้มีพระภาค ทูลถามปัญหา ๑๕ ข้อเหล่านี้แล ท่านพึงทรงจำปัญหาเหล่านั้นตามที่พระผู้มี
    พระภาคทรงพยากรณ์. ดูกรภิกษุ ข้าพเจ้า ย่อมไม่เห็นบุคคลในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก
    พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ที่จะยังจิตให้ยินดีด้วยการ
    พยากรณ์ปัญหาเหล่านี้ นอกจากพระตถาคต หรือสาวกของพระตถาคต หรือเพราะฟังจากสำนัก
    นี้. เทวดานั้น ครั้นกล่าวคำนี้แล้วได้หายไปในที่นั้นแล.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแลชื่อว่าจอมปลวก อย่างไรชื่อว่าพ่นควันในกลางคืน
    อย่างไรชื่อว่าลุกโพลงในกลางวัน อะไรชื่อว่าพราหมณ์ อะไรชื่อว่าสุเมธะ อะไรชื่อว่าศาตรา
    อย่างไรชื่อว่าการขุด อะไรชื่อว่าลิ่มสลัก อะไรชื่อว่าอึ่ง อะไรชื่อว่าทาง ๒ แพร่ง อะไรชื่อว่า
    หม้อกรองน้ำด่าง อะไรชื่อว่าเต่า อะไรชื่อว่าเขียงหั่นเนื้อ อะไรชื่อว่าชิ้นเนื้อ อะไรชื่อว่านาค
    ดังนี้?

    <CENTER>พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ปัญหา ๑๕ ข้อ
    </CENTER> [๒๙๑] พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดูกรภิกษุ คำว่า จอมปลวกนั่นเป็นชื่อของ
    กายนี้ อันประกอบด้วยมหาภูตรูปทั้ง ๔ ซึ่งมีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เจริญด้วยข้าวสุกและขนม
    กุมมาส ไม่เที่ยง ต้องอบรม ต้องนวดฟั้น มีอันทำลายและกระจัดกระจายไปเป็นธรรมดา.
    ปัญหาข้อว่า อย่างไรชื่อว่าพ่นควันในกลางคืนนั้น ดูกรภิกษุ ได้แก่การที่บุคคลปรารภการงานใน
    กลางวัน แล้วตรึกถึง ตรองถึงในกลางคืน นี้ชื่อว่าพ่นควันในกลางคืน. ปัญหาข้อว่า อย่างไร
    ชื่อว่าลุกโพลงในกลางวันนั้น ดูกรภิกษุ ได้แก่การที่บุคคลตรึกถึงตรองถึง (การงาน) ในกลาง
    คืน แล้วย่อมประกอบการงานในกลางวัน ด้วยกาย ด้วยวาจา นี้ชื่อว่าลุกโพลงในกลางวัน.
    ดูกรภิกษุ คำว่า พราหมณ์นั้น เป็นชื่อของพระตถาคต อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า. คำว่า สุเมธะ
    นั้น เป็นชื่อของเสขภิกษุ. คำว่า ศาตรานั้นเป็นชื่อของปัญญาอันประเสริฐ. คำว่า จงขุดนั้น
    เป็นชื่อของการปรารภความเพียร. คำว่า ลิ่มสลักนั้น เป็นชื่อของอวิชชา. คำนั้นมีอธิบายดังนี้ว่า
    พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดั่งศาตรา ยกลิ่มสลักขึ้น คือจงละอวิชชาเสีย จงขุดมันขึ้นเสีย.
    คำว่า อึ่งนั้น เป็นชื่อแห่งความคับแค้นด้วยสามารถความโกรธ. คำนั้นมีอธิบาย ดังนี้ว่า
    พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดั่งศาตรา ยกอึ่งขึ้นเสีย คือจงละความคับแค้นด้วยสามารถความ
    โกรธเสีย จงขุดมันเสีย. คำว่า ทาง ๒ แพร่งนั้น เป็นชื่อแห่งวิจิกิจฉา. คำนั้นมีอธิบายดังนี้ว่า
    พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาตราก่นทาง ๒ แพร่งเสีย คือจงละวิจิกิจฉาเสีย จงขุดมัน
    เสีย คำว่าหม้อกรองน้ำด่างนั้น เป็นชื่อของนิวรณ์ ๕ คือ กามฉันทนิวรณ์ พยาบาทนิวรณ์
    ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ วิจิกิจฉานิวรณ์. คำนั้นมีอธิบายดังนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจง
    ใช้ปัญญาเพียงดังศาตรา ยกหม้อกรองน้ำด่างขึ้นเสีย คือจงละนิวรณ์ ๕ เสีย จงขุดขึ้นเสีย. คำว่า
    เต่านั้น เป็นชื่อของอุปาทานขันธ์ ๕ คือ รูปูปาทานขันธ์ เวทนูปาทานขันธ์ สัญญูปาทานขันธ์
    สังขารูปาทานขันธ์ วิญญาณูปาทานขันธ์. คำนั้นมีอธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญา
    เพียงดังศาตรา ยกเต่าขึ้นเสียคือ จงละอุปาทานขันธ์ ๕ เสีย จงขุดขึ้นเสีย. คำว่าเขียง
    หั่นเนื้อนั้น เป็นชื่อของกามคุณ ๕ คือ รูปอันจะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอ
    ใจ เป็นรูปที่น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เสียงอันจะพึงรู้แจ้งด้วยโสต
    กลิ่นอันจะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ ... รสอันจะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา ... โผฏฐัพพะอันจะพึงรู้แจ้งด้วยกาย
    น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นรูปที่น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด.
    คำนั้นมีอธิบายดังนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาตรา ยกเขียงหั่นเนื้อเสีย คือ จง
    ละกามคุณ ๕ เสีย จงขุดขึ้นเสีย. คำว่าชิ้นเนื้อนั้น เป็นชื่อของนันทิราคะ. คำนั้นมีอธิบายดังนี้
    ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาตรา ยกชิ้นเนื้อขึ้นเสีย คือ จงละนันทิราคะ จงขุด
    ขึ้นเสีย คำว่านาคนั้น เป็นชื่อของภิกษุผู้ขีณาสพ คำนั้นมีอธิบายดังนี้ว่า นาคจงหยุดอยู่เถิด
    เจ้าอย่าเบียดเบียนนาค จงทำความนอบน้อมต่อนาคดังนี้.
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระกุมารกัสสปะมีใจชื่นชม เพลิด
    เพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.

    <CENTER>จบ วัมมิกสูตร ที่ ๓</CENTER><CENTER> </CENTER>
    > ที่มา

    และอ่านเพิ่มเติม ในอรรถกถาก็เพิ่มความเข้าใจขึ้นครับ คลิกที่นี่
     
  11. daeng007

    daeng007 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +84
    สาธุ นะครับ อ่านแล้วคุณหมอกำลังแสวงหาหรือเปล่านะเนี่ย ไม่เห็นเปิดเส้นทางเลย
    แต่ยังไง แสดงใน facebook ของคุณหมอแล้วนะ
     
  12. Khun_Nu

    Khun_Nu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +24
    มีอยู่หลายศาสนาที่ว่าไว้ เช่นคริสต์ ความสุขของคน ไม่ใช่เกิดจากการบรรลุเป้าหมายหรอก เพราะเป้าหมายคนเราไม่มีวันสิ้นสุด หากพลาดก็เกิดทุกข์ ความสุขกับเกิดขึ้นด้วยเหตุผลง่ายฯว่า มนุษย์เกิดมาเพื่อใช้ชีวิต จงใช้ชีวิตให้มีความสุขโดย ดำรงไว้ซึ่งวิถีที่ต่างกับสัตว์โลกอื่นอื่นฯ ศีล สมาธิ ปัญญา อนุโมทนา...ขอให้ทุกท่านจงเห็นธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...