ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. kowmoo

    kowmoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,896
    [​IMG]

    ภาพใหม่จ๊ะ ของชาวบ้านส่งมาให้สถานีจีน มีลำแสงด้วย
     
  2. goldbell

    goldbell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,340
    อีก 30 ปี กทม.น้ำท่วมหนัก - 100 ปี อาจจมทะเล



    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ผลวิจัยชี้ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ดินทรุดปีละ 3 เซนติเมตร ดังนั้น ในอีก 30 ปีข้างหน้าจะท่วมหนักขึ้นเรื่อย ๆ และอีก 100 ปี อาจจมทะเล

    โครงการวิจัยร่วม ไทย-ยุโรป เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการเคลื่อนตัวของแผ่นดินและระดับน้ำทะเลที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม พบว่ามี 3 ปัจจัยที่ส่งผลทำให้น้ำทะเลเอ่อท่วมเป็นบริเวณกว้าง ทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยประการแรกคือ พื้นที่เขตบางขุนเทียนและสมุทรปราการ และปทุมธานี จะเกิดการทรุดตัวของชั้นดินมากถึง 15 มิลลิเมตรต่อปี

    ประการที่สอง คือ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเฉลี่ยในอ่าวไทยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกประมาณ 2 เท่า โดยบริเวณอ่าวไทยฝั่งตะวันตก เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3 มิลลิเมตรต่อปี และตอนเหนือของอ่าวไทยใกล้กรุงเทพฯ สูงขึ้นเฉลี่ย 4 มิลลิเมตรต่อปี และปัจจัยสุดท้าย คือการลดระดับลงอย่างรวดเร็วของแผ่นเปลือกโลกในอัตรา 10 มิลลิเมตรต่อปี หลังเกิดสึนามิเมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ.2547

    จากทั้ง 3 ปัจจัยดังกล่าว จะส่งผลให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลและกรุงเทพฯ ทรุดตัวลงเฉลี่ยปีละ 3 เซนติเมตร ซึ่งขณะนี้พื้นที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1 เมตร ดังนั้น คาดว่าภายในอีก 30 ปี ข้างหน้า กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง และอีก 100 ปี กรุงเทพฯ อาจจมทะเล

    ทั้งนี้ นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ภายใน 30 ปีนี้ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะต้องรับมือกับปัญหาน้ำท่วมและการทรุดตัวของแผ่นดิน รวมทั้งการกัดเซาะชายฝั่งที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเขตดอนเมือง ที่มีการทรุดตัวมากที่สุดราว 4 เซนติเมตรต่อปี ทำให้คนกรุงจะต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมหนักขึ้นเรื่อย ๆ


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG]
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    รอดตายแล้ว มีผักกิน...
    แล้วเราจะเก็บนานๆได้อย่างไรล่ะ คุณเกษม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    [​IMG]
    ไว้ใช้ตอนน้ำท่วมได้ไหม ไม่รู้จะแพงมากไหม
     
  5. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    ขอตอบ

    ทาเกลือ ตากแดดให้แห้ง

    http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type1/tech03/09/vegetable-haek.html

    หรือ.....http://www.ku.ac.th/e-magazine/december43/agri/food.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2010
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    พรุ่งนี้ที่ประเทศเพื่อนบ้านเรา เขาจะมีทำพิธี.....กัน

    เราเองนั้นก็พึง เจริญอภัยทาน ไม่ปรารถนาก่อเวรกับผู้ใดและในขณะเดียวกันก็พึงระวังตน เจริญกุศลป้องกันตนเอาไว้ด้วย

    พรุ่งนี้ขอเรียนเชิญชาวธรรม ร่วมใจกันเจริญสมาธิ สวดพุทธมนต์อุปปะสันติงหลวงกันที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง เวลาประมาณ 16.00 น. เพื่อขจัดปัดเป่าสรรพภัยยะ ทั้งปวง เป็นเกราะแก้วคุ้มครองบ้านเมืองแผ่นดิน

    ท่านใดติดงาน ติดภาระกิจก็ขอเจริญสมาธิที่ทำงาน ที่บ้าน เพื่อรวมใจกันเพื่อส่วนรวมครับ

    ขอให้ทำจิตให้ใสบริสุทธิ์ อย่าได้มีความอาฆาต พยาบาทจองเวรกัน

    จงมีอภัยทานในเมตตาเต็มหัวใจ ให้เรามีความร่มเย็นปราศจากความเร่าร้อนทั้งปวง มีแต่กุศล มีแต่เมตตาจิต ให้ทุกๆคนมีเมตตาให้กันเป็นสำคัญ

    ร่วมใจกันครับ
     
  7. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ฮือฮา! พญานาคเล่นน้ำที่บึงโขงหลง


    ชาวบ้าน อ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย ฮือฮาพายุหมุนงวงช้างที่ เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนที่บึงโขงหลง โดยเชื่อว่าเป็นพญานาคออกมา เล่นน้ำ เพราะเกิดในขณะที่ไม่มีพายุ ไม่มีลมพัด และเชื่อว่าพญานาคออกมาเล่นน้ำเนื่องจากคนในหมู่บ้านช่วยกันจัดระเบียบของ บึงใหม่ ให้มีความสะอาดเรียบร้อย โดยพายุหมุนดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณ 10 นาที
    อย่างไรก็ตาม ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่ง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงปรากฏการณ์พายุงวงช้างว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวส่วนใหญ่มักจะเกิดในน้ำ โดยเฉพาะในทะเลจะเห็นบ่อยกว่าในน้ำจืด สำหรับประเทศไทยเคยเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น แต่ไม่บ่อยนัก และไม่เป็นอันตราย เพราะมีขนาด 1% ของพายุทอร์นาโด
    ทั้งนี้ลักษณะการเกิด "พายุงวงช้าง" หรือ "นาคเล่นน้ำ" มี 2 แบบ ได้แก่
    1. เป็นพายุทอร์นาโด ที่เกิดขึ้นเหนือผืนน้ำ (ซึ่งอาจจะเป็นทะเล ทะเลสาบ หรือแอ่งน้ำใดๆ) โดยพายุทอร์นาโดจะเกิดขึ้นระหว่างที่ฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก เรียกว่า พายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ (Supercell thunderstorm) และมีระบบอากาศหมุนวนที่เรียกว่า เมโซไซโคลน (Mesocyclone) จึงเรียกพายุนาคเล่นน้ำแบบนี้ว่า นาคเล่นน้ำที่เกิดจากทอร์นาโด (Tornado waterspout)
    2. เกิดจากการที่มวลอากาศเย็น เคลื่อนผ่านเหนือผิวน้ำที่อุ่นกว่า โดยบริเวณใกล้ๆ ผิวน้ำมีความชื้นสูง และไม่ค่อยมีลมพัด (หรือถ้ามีก็พัดเบาๆ) ผลก็คืออากาศที่อยู่ติดกับผืนน้ำซึ่งอุ่นในบางบริเวณจะยกตัวขึ้นอย่างรวด เร็วและรุนแรง ทำให้อากาศโดยรอบไหลเข้ามาแทนที่ จากนั้นจึงพุ่งเป็นเกลียวขึ้นไป แบบนี้เรียกว่า "นาคเล่นน้ำ" (True waterspout) ซึ่งมักเกิดในช่วงอากาศดีพอสมควร (fair-weather waterspout) อาจเกิดได้บ่อย และประเภทเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากในช่วงที่เกิดมักจะมีพายุฝนฟ้าคะนองร่วมอยู่ด้วย
    แต่ความแตกต่างของ 2 แบบนี้ก็คือ นาคเล่นน้ำที่เกิดจากทอร์นาโดจะเริ่มจากอากาศหมุนวน (ในบริเวณเมฆฝนฟ้าคะนอง) แล้วหย่อนลำงวงลงมาแตะพื้น คืออากาศหมุนจากบนลงล่าง ส่วนนาคเล่นน้ำของแท้จะเริ่มจากอากาศหมุนวนบริเวณผิวพื้นน้ำ แล้วพุ่งขึ้นไป คืออากาศหมุนจากล่างขึ้นบน ในช่วงที่อากาศพุ่งขึ้นเป็นเกลียววนนี้ หากน้ำในอากาศยังอยู่ในรูปของไอน้ำ เราจะยังมองไม่เห็นอะไร แต่หากอากาศขยายตัวและเย็นตัวลงถึงจุดหนึ่ง ไอน้ำก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำจำนวนมาก ทำให้เราเห็นท่อหรือ "งวงช้าง" เชื่อมผืนน้ำและเมฆ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "พายุงวงช้าง"
    โดยส่วนใหญ่มีความยาวประมาณ 10 - 100 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมีตั้งแต่ 1 เมตร ไปจนถึงหลาย 10 เมตร โดยในพายุอาจมีท่อหมุนวนเพียงท่อเดียวหรือหลายท่อก็ได้ แต่ละท่อจะหมุนด้วยอัตราเร็วในช่วง 20-80 เมตรต่อวินาที กระแสลมในตัวพายุเร็วถึง 100 - 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจสูงถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถคว่ำเรือเล็กๆ ได้สบาย ดังนั้น ชาวเรือควรสังเกตทิศทางการเคลื่อนที่ให้ดี แล้วหนีไปในทิศตรงกันข้าม นอกจากนี้ พายุชนิดนี้ยังสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วตั้งแต่ 3 - 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่จะเคลื่อนที่ค่อนข้างช้าประมาณ 18 - 28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ พายุนี้มีอายุไม่ยืนยาวนัก คืออยู่ในช่วง 2 - 20 นาที จากนั้นก็จะสลายตัวไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    วันนี้มีข่าวว่า น้ำทะเลในจีนเริ่มเป็นพิษ หากในหลายมหาสมุทรเป็นพิษสัตว์ทะเลตายจำนวนมหาศาล อาหารที่หล่อเลี้ยงชาวโลกและสมดุลธรรมชาติ ถูกทำลาย

    ความยากแค้นอดอยากจะทวีความรุนแรงขึ้นมากครับ

    ได้อ่านดูการถอดรหัสจากหนังสือพระมหาชนก ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงเมตตาพระราชทาน"สติ" แด่ปวงชนชาวไทยที่คุณFalkman นำมาลงต่อให้แล้ว

    ยิ่งเกิดความศรัทธาในพระราชปรีชาญาณพระองค์ท่านขึ้นไปอีก

    และที่สำคัญคือ ท่านทรงตือนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องภัยพิบัติ ความอดอยาก

    เราชาวไทยไม่บังควรปล่อยปละละเลยในพระราชประสงค์แห่งพระราชดำรัสของพระองค์ท่านและควรน้อมนำไปปฏิบัติครับ ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อชาวไทยทุกๆคนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2010
  9. Cutie Kung

    Cutie Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +1,283
    ดินถล่มในจีนตายแล้ว17ศพหายหลายสิบคน!

    .:
    เนชั่น


    สำนักข่าว BBC รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน และสูญหายอีกหลายสิบคน หลังจากเกิดดินถล่มต่อเนื่อง ในพื้นที่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ซึ่งการเกิดดินถล่ม เป็นผลพวงมาจากการเกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน สร้งความเสียหายให้กับชุมชนที่ยากจนในชนบทของมณฑลเสฉวนและมณฑลยูนนาน ส่วนที่มณฑลชิงไห่ ประชาชนราว 1 หมื่นคน ต้องอพยพออกจากพื้นที่อยู่อาศัยรอบอ่างเก็บน้ำ ที่กำลังเอ่อล้น
    ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้พยายามขุดเพื่อทำช่องทางระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ ที่ล้นปรี่เพราะปริมาณน้ำฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ด้านสื่อของรัฐ รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 43 คน และสูญหายอีก 18 คน หลังเกิดฝนตกหนักตลอดแนวฝั่งแม่น้ำแยงซี ทางภาคกลางและตะวันออกของจีน มาตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม
    เจ้าหน้าที่ในเมืองเสี่ยวเอ้อ ของมณฑลยูนนาน ระบุว่า ดินจากภูเขาได้ถล่มลงในบ้านเรือนประชาชน ที่ถูกฝังอยู่ในบ้านของตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีรายงานดินถล่มที่หมู่บ้านอีก 2 แห่งที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังอยู่ระหว่างการค้นหา และมีการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปแล้ว ส่วนที่มณฑลชิงไห่ ทหารต้องใช้รถบุลโดเซอร์ เข้าไปตักดินเพื่อทำทางระบายน้ำ ออกจากอ่างเก็บน้ำเหวินฉวน เพราะถ้าอ่างเก็บน้ำแตก ก็อาจสร้างความเสียหายให้ทางรถไฟสายชิงไห่ทิเบต รวมถึงโรงงานไฟฟ้าใกล้เคียงด้วย
     
  10. Cutie Kung

    Cutie Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +1,283
    ฝนถล่มภาคตะวันตกญี่ปุ่น ตายแล้ว 1 อีกแสนเตือนให้อพยพ


    .:
    ASTV


    เกิด ฝนตกหนักทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและสูญหายอย่างน้อย 3 คนในวันนี้(14) ขณะที่ประชาชนมากกว่า 170,000 ได้รับคำแนะนำให้อพยพท่ามกลางคำเตือนเกี่ยวกับอุทกภัย
    หลายพื้นที่บนเกาะคิวชูเกิดแผ่นดินถล่มจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลาย ราย หลังเกิดฝนตกหนักเป็นสถิติวัดปริมาณได้ถึง 4 นิ้ว โหมกระหน่ำต่อเนื่องกันเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง

    ตำรวจท้องถิ่นเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่สามารถกู้ศพของสตรีวัย 77 รายหนึ่งขึ้นจากแม่น้ำในอำเภอฮิโรชิมา และในอำเภอแห่งนี้ยังมีผู้สูญหายอีก 2 คน ขณะที่ในอำเภอชิมาเน ซึ่งอยู่ติดกัน มีผู้สูญหาย 1 รายเป็นชายวัย 82 ปี

    ฝนที่ตกกระหน่ำยังส่งผลให้การเดินทางด้วยรถไฟหัวกระสุนต้องติดขัด มากกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้มีผู้โดยสารตกค้างกว่า 16,500 คน ขณะเดียวกันสภาพอากาศอันเลวร้ายนี้ก็กระทบต่อปฏิบัติการเดินรถไฟท้องถิ่นและ ทางด่วนต้องปิดให้บริการชั่วคราว
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931

    *** สามัคคี คือ พลัง ****

    แต่
    สามัคคี คือ การกระทำ
    ถ้า
    คนไทยไม่ทำ แล้วใครจะทำให้
    เราถือ
    สัจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข้าวเกรียบสาหร่ายเกลียวทอง
    (จากโครงการในพระราชดำริของในหลวง)

    [​IMG]

    โรงผลิตสาหร่ายเกลียวทอง โครงการสวนจิตรลดาเริ่มเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทองเมื่อปี พ.ศ.2529 โดยทำการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทองในน้ำกากมูลหมัก เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารปลา ต่อมาได้ทดลองเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทองในน้ำสะอาดเมื่อปี 2540 เพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับบริโภค ซึ่งผลวิจัยพบว่า สาหร่ายเกลียวทองมีโปรตีนและวิตามินต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ จึงได้นำสาหร่ายเกลียวทองมาแปรรูปเป็น แคปซูล ข้าวเกรียบรสชาติต่างๆ
    สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina sp) เป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน สามารถสังเคราะห์แสงได้ เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ไม่มีราก ลำต้น ใบ ภายในเซลล์มีสาร Phycocyanin ส่วนใหญ่อยู่ในน้ำจืด เซลล์เป็นทรงกระบอกต่อกัน บิดตัวเป็นเกลียว ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน รงควัตถุ และสารอาหารที่สำคัญ ทำให้มีคุณค่าเหนืออาหารเสริมทั้งหลาย

    ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=patthanid&month=06-2008&date=13&group=7&gblog=24

    การแปรรูปพืชผักและการถนอม

    [​IMG]

    <O:p1. การดอง เป็นการแปรรูปอาหารในเกลือหรือน้ำเกลือหรือน้ำส้มสายชู เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้พืชผักเน่าเสีย และเก็บพืชผักไว้ได้นาน วิธีการดองมี 2 วิธี ดังนี้

    1.1 การดองเปรี้ยว มี 2 วิธี ดังนี้
    1.1.1 การใช้น้ำเกลือ โดยหมักพืชผักไว้ 3-5 วัน จะเกิดกรดแลคติก ซึ่งมีรสเปรี้ยวในพืชผัก
    1.1.2 การใช้น้ำส้มสายชู โดยการแช่พืชผักในน้ำส้มสายชู หรือปรุงรสน้ำส้มสายชูด้วยน้ำตาล เกลือ และเครื่องเทศ เพื่อให้เกิดรสหวาน เปรี้ยว เค็ม และมีกลิ่นดีขึ้น
    1.2 การดองเค็ม โดยการแช่พืชผักในน้ำเกลือที่มีความเข้มข้น 20 – 25 เปอร์เซ็นต์ หรือหมักพืชผักในเกลือ การดองเค็มเก็บรักษาพืชผัก
    ไว้ได้นานกว่าการดองเปรี้ยว
    1.3 วิธีการดอง มีขั้นตอนดังนี้
    1.3.1 ล้างพืชผักให้สะอาด ปอกเปลือก หั่น ตัดแต่งเป็นชิ้นตามต้องการ
    1.3.2 พืชผักที่มีน้ำมาก เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดเขียวปลี ผักกาดหัว ควรผึ่งแดด 1 วัน เพื่อลดปริมาณน้ำในพืชผัก ทำให้พืชผักนิ่มและ
    ไม่หักง่าย ขณะคลุกเคล้ากับส่วนผสม
    1.3.3 การเตรียมส่วนผสม ทำได้หลายวิธีดังนี้
    ก. ผสมน้ำกับเกลือตามอัตราส่วนที่กำหนด ต้มให้เดือดแล้วทิ้งพักไว้ให้เย็น จึงใช้ได้
    ข. ผสมน้ำกับน้ำส้มสายชูตามอัตราส่วนที่กำหนด ต้นให้เดือดแล้วกรอง ทิ้งพักไว้ให้เย็นจึงใช้ได้
    ค. ผสมน้ำ น้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือ และเครื่องเทศเข้าด้วยกันต้นให้เดือดแล้วกรอง ทิ้งพักไว้ไห้เย็นจึงใช้ได้
    1.3.4 พืชผักที่มีน้ำมากควรนำมาหมักกับเกลือ โดยการคลุกเคล้าเกลือตามอัตราส่วนที่กำหนดให้ทั่ว เกลือจะช่วยดูดน้ำออกจากพืชผัก น้ำที่ได้จะผสมกับเกลือเป็นน้ำเกลือ
    1.3.5 บรรจุพืชผักในภาชนะที่แห้ง สะอาด และต้มฆ่าเชื้อโรคมาแล้วและเทส่วนผสมให้ท่วมพืชผัก หากพืชผักลอยให้ใช้ถุงพลาสติกบรรจุน้ำมัดปากถุงให้แน่นวางทับบนพืชผักที่ลอยให้จมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด

    2. การเชื่อมและแช่อิ่ม

    2.1 การเชื่อม เป็นการนำน้ำตาลตั้งไฟเคี่ยวให้ละลาย แล้วใส่พืชผักที่เตรียมเอาไว้ลงไปเคี่ยวจนพืชผักอิ่มตัวได้ที่เพียงครั้งเดียว เช่น เผือกเชื่อม มันเทศเชื่อม มะเขือเทศเชื่อม เป็นต้น
    2.2 การแช่อิ่ม เป็นการนำพืชผักลงแช่ในน้ำเชื่อมให้พืชผักอิ่มตัว โดยน้ำเชื่อมจะซึมเข้าไปในเนื้อพืชผักจนเต็มที่และไม่สามารถซึมเข้าไปได้อีก ในการแช่แต่ละครั้งจะเพิ่มน้ำตาลในน้ำเชื่อมเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ทำ 3-4 ครั้ง ตักขึ้นมาแล้วจึงนำไปผึ่งแดดทุกครั้ง
    2.3 ข้อเสนอแนะในการแช่อิ่ม มีดังนี้
    2.3.1 พืชผักที่มีรสเปรี้ยว ให้ดองพืชผักในน้ำเกลือก่อน 1 คืน เพื่อลดความเปรี้ยว และช่วยให้พืชผักนุ่ม
    2.3.2 การทำน้ำเชื่อมให้ใช้ส่วนผสมตามที่กำหนด
    2.3.3 เมื่อแช่พืชผักลงไปในน้ำเชื่อมแล้ว ควรแช่ไว้ในเวลากลางคืน ตอนเช้ารินน้ำเชื่อมออกแล้วเพิ่มความเข้มข้นของน้ำตาล พืชผักที่ตักออกนำไปพึ่งแดด เมื่อน้ำเชื่อมเย็นแล้วจึงแช่พืชผักลงไปในน้ำเชื่อมอีก
    2.3.4 แช่พืชผักในน้ำเชื่อมสลับกับการนำไปผึ่งแดด จนพืชผักอิ่มตัว ผึ่งแดดครั้งสุดท้ายแล้วบรรจุลงภาชนะเก็บไว้ต่อไป
    2.3.5 หากต้องการให้พืชผักกรอบให้แช่พืชผักในน้ำปูนใสก่อนการแช่ในน้ำเชื่อม<O:p

    3. การกวน เป็นวิธีการถนอมอาหารโดยนำพืชผักมาผสมกับน้ำตาลโดยเคี่ยวด้วยความร้อน จนปริมาณน้ำลดลงและผสมเป็นเนื้อเดียวกัน การกวนมีปริมาณน้ำตาล 70 เปอร์เซ็นต์ (โดยน้ำหนัก) สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้ พืชผักที่นิยมนำมากวน เช่น ขิง มะละกอ มะขาม กระเจี๊ยบ ฟักทอง เผือก มันเทศ ถั่วต่าง ๆ เป็นต้น

    3.1 วิธีการกวน มีดังนี้
    3.1.1 การกวนโดยใช้น้ำตาลกับน้ำ เช่น การกวนมะขาม การกวนมะละกอ เป็นต้น
    3.1.2 การกวนโดยใช้น้ำตาลกับกะทิ เช่น การกวนฟักทอง การกวนเผือก การกวนมันเทศ การกวนถั่วต่าง ๆ เป็นต้น
    3.1.3 การกวนโดยใช้น้ำหรือใช้น้ำจากพืชผัก เช่น การกวนมะละกอ เป็นต้น
    3.2 วิธีการกวนมีเทคนิค ดังนี้
    3.2.1 ควรใช้กะทะสแตนเลสหรือภาชนะเคลือบปากกว้าง เพราะจะช่วยไม่ให้สีเปลี่ยนแปลงไป และก้นภาชนะโค้งมน ช่วยให้สะดวกในการกวน
    3.2.2 การทดสอบความเหนียวของพืชผักที่ใช้กวน โดยการหยดพืชผักกวนลงในน้ำเย็นจัด ถ้าคงสภาพเป็นก้อนไม่แตกกระจายแสดงว่าพืชผักกวนได้ที่แล้ว แต่ถ้าก้อนพืชผักกวนละลายต้องกวนต่อไปอีกจนได้ที่
    3.2.3 การกวนควรใช้ไฟค่อนข้างอ่อน
    3.2.4 การใช้แปะแซทำให้อาหารกวนมีความเหนียวมากขึ้น ควรใส่เมื่อกวนพืชผักจนน้ำงวดลงครึ่งหนึ่ง ใช้แปะแซ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อพืชผัก 1 กิโลกรัม
    3.2.5 พืชผักที่มีน้ำมากให้เคี่ยวจนน้ำงวดก่อนจึงเติมน้ำตาลลงไปในการกวนจนแห้ง ถ้าใส่น้ำตาลลงไปในทันทีจะทำให้น้ำ กระเด็นไปทั่วไม่สะดวกในการกวน
    3.2.6 ส่วนผสมของน้ำตาลแต่ละตำรา อาจลดหรือเพิ่มได้ตามความต้องการ
    3.2.7 การกวนโดยใช้กะทิ ควรแบ่งส่วนหนึ่งมาเคี่ยวจนเป็นน้ำมันและใช้น้ำมันส่วนนี้ใส่ลงไปกวนหลังจากที่กวนพืชผักได้ที่แล้ว ควรกวนต่อไปจนน้ำมันซึมเข้าไปในอาหารจะทำให้อาหารเนียนมากขึ้น
    <O:p</O:p
    4. การตากแห้ง เป็นการใช้ความร้อนทำให้น้ำและความชื้นในพืชผักลดน้อยลงจนจุลินทรีย์ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ พืชผักสามารถเก็บไว้ได้นาน พืชผักที่ควรนำมาตากแห้ง ควรเป็นพืชผักที่มีใบหรือเนื้อแน่น มีความอ่อนแก่เสมอกัน และสด พืชผักที่สามารถนำมาตากแห้งได้ เช่น โหระพา กะเพรา มะกรูด ผักชี ต้นหอม ชะอม สะเดา ผักกาด ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย หอมแดง กระเทียม เป็นต้น การเตรียมพืชผักเพื่อตากแห้งทำได้ดังนี้

    4.1 การล้างพืชผัก เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและสารเคมีตกค้างในพืชผัก ไม่ควรแช่พืชผักแต่ควรปล่อยให้น้ำไหลผ่านเพื่อให้พืชผักสะอาดที่สุด
    4.2 การตัดแต่งพืชผัก ควรปอกเปลือก หั่นให้เรียบร้อย พืชผักใช้ให้เด็ดเป็นใบ
    4.3 การลวกพืชผักทำได้ 2 วิธี คือ
    4.3.1 การลวกด้วยน้ำเดือด โดยการลวกในน้ำร้อนที่เกือบเดือนนานไม่เกิน 1 นาที แล้วช้อนพืชผักขึ้นแช่ในน้ำเย็นทันที จากนั้นนำ พืชผักขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำ การลวกพืชผักเป็นการทำลายเอนไซม์ต่าง ๆ ในพืชผัก ทำให้พืชผักเนื้อนุ่มขึ้น ไม่เหนียว ตากแห้งเร็วขึ้น ทำให้สีและกลิ่น ของพืชผักไม่เปลี่ยนแปลง
    4.3.2 การลวกในสารละลายซัลไฟน์ นิยมใช้กับการลวกมันเทศ แครอท กะหล่ำปลี เพื่อไม่ให้สีและกลิ่นผิดปกติ และป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ โดยใช้สารละลายที่มีส่วนประกอบของซัลไฟท์หรือเมตรไบซัลไฟท์ ? ช้อนชา ใส่ลงในน้ำต้มเดือด 4 ถ้วย ใส่พืชผักลงไปลวกแล้ว
    ช้อนขึ้นผึ่งในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ
    <O:p</O:p
    5. การทำน้ำพืชผัก เป็นการนำพืชผักไปต้มในน้ำเดือดหรือการบดเนื้อของพืชผักใส่ในน้ำเชื่อมเพื่อกินเป็นน้ำพืชผัก เป็นการแปรรูป พืชผักวิธีการหนึ่ง ทำให้พืชผักมีราคาดีขึ้นและช่วยให้พืชผักที่เหลือจากการจำหน่ายหรือถูกคัดทิ้งเนื่องจากไม่ได้ขนาดตามต้องการนำไปแปรรูปได้โดยไม่ทิ้งเสียหาย พืชผักที่ใช้ทำน้ำพืชผักได้ ได้แก่ กระเจี๊ยบ ขิง แคนตาลูป ข้าวโพด ตะไคร้ แตงกวา แตงไทย แตงโม บัวบก ฟักทอง มันแกว มะขาม มะเขือเทศ มะนาว มะละกอ เป็นต้น ส่วนใหญ่พืชผักให้สารอาหารประเภทเกลือแร่ วิตามิน และเป็นพืชสมุนไพรด้วย

    โดย นายไชยยศ ธนันทา
    <O:p</O:p
    ที่มา http://palungjit.org/threads/วิธีการถนอมอาหาร.67544/<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1213292233.jpg
      1213292233.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.5 KB
      เปิดดู:
      958
    • main393.jpg
      main393.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.6 KB
      เปิดดู:
      1,006
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2010
  13. jho7799

    jho7799 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +71
    เป็นสัญญาณความขัดแย้งระหว่าง2มหาอำนาจรึเปล่าครับ
     
  14. วิณวิญ

    วิณวิญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +2,089
    โหลดเสียงสวดมนต์ที่ชัดเจนได้จาก
    http://mantra.at.co.th/chanting/ooppasanti/ooppatasanti.wma

    การ สวดคัมภีร์อุปปาตะสันติ (มหาสันติงหลวง)


    “อุปปาตะสันติ” ทางเมืองเหนือเรียก ว่า “มหาสันติงหลวง”
    อุป ปาตะสันติ แยกเป็น ๒ คำ คือ อุปปาตะ คำ ๑ และ สันติ คำ ๑
    อุปปาตะ แปลว่า เคราะห์กรรม
    , เหตุร้าย, อันตราย และแปลว่าสิ่งกระทบกระเทือน

    อุปปาตะสันติ แปลว่า บทสวดเพื่อสงบเคราะห์กรรม สวดเพื่อสงบเหตุร้าย และสวดเพื่อสงบสิ่งที่กระทบกระเทือน

    • ป ร ะ วั ติ คั ม ภี ร์ อุ ป ป า ต ะ สั น ติ

    คัมภีร์ อุปปาตะสันติ เป็นวรรณกรรมภาษาบาลีของล้านนาไทย จัดเข้าในหนังสือประเภท “เชียงใหม่คันถะ” คือ คัมภีร์เชียงใหม่มีอายุประมาณ ๖๐๐ ปีเศษแล้ว
    แต่งโดย พระ มหามังคละสีลวังสะ พระเถระนักปราชญ์ของชาวเชียงใหม่รูปหนึ่ง
    ในสมัยของ พระเจ้าสิริธรรมจักกวัตติลกราชาธิราช (พระเจ้าติโลกราช)
    รัชกาลที่ ๑๑ แห่งราชวงศ์มังรายระหว่าง พ.ศ.๑๙๘๕-๒๐๓๐

    เป็น คาถาล้วนจำนวน ๒๗๑ คาถา
    คัมภีร์นี้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ในหมู่ชนชาวล้านนามาแต่โบราณกาล ทั้งพระสงฆ์ สามเณร และชาวบ้าน พากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ เพื่อกลับความร้ายให้กลายเป็นความดี

    มีคำเล่าว่า สมัยที่ท่านพระมหามังคละสีลวังสะแต่งอุปปาตะสันตินั้นที่เชียงใหม่มีโจร ผู้ร้ายและคนอันธพาลชุกชุมผิดปกติ มีเหตุร้ายและสิ่งกระทบกระเทือนอยู่เสมอ

    พระมหาเถระสีละวังสะจึงให้พระสงฆ์สามเณร และประชาชนพากันสวด
    และฟังอุปปาตะสันติ เพื่อสงบเหตุร้ายทั้งมวลที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง

    ต่อมาชาวพม่ามีความเลื่อมใส นำคัมภีร์นี้เข้าไปในประเทศพม่า ชาวพม่าทั้งพระสงฆ์และประชาชน
    นับถือว่าพระ คัมภีร์อุปปาตะสันตินี้มีความศักดิ์สิทธ์มาก พากันนิยมท่อง นิยมสวด และนิยมฟังกันอย่างกว้างขวาง แพร่หลายไปทั่วประเทศพม่าในสมัย ๕๐๐ ปีที่ล่วงแล้ว ในงานพิธีสืบชะตา งานขึ้นบ้านใหม่เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม กล่าวได้ว่าคัมภีร์อุปปาตะสันติเป็นคัมภีร์ของไทย แต่ต้นฉบับได้จากเมืองไทยไปอยู่เมืองพม่าเสียนาน

    จนแทบกล่าวได้ว่า คนไทยในสมัยหลังๆ นี้ไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อของคัมภีร์นี้

    แต่ บัดนี้เป็นที่โสมนัสยินดียิ่งที่ เจ้าคุณธรรมคุณาภรณ์ (เช้า ฐิตปัญโญ) ป.ธ. ๙
    วัดมหาโพธาราม ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์


    ท่าน ได้ชำระคัมภีร์นี้เป็นภาษาบาลีอักษรไทยพื่อความสะดวกแก่ผู้อ่านที่ไม่สันทัด บาลี
    โดยได้ต้นฉบับภาษาบาลีอักษรพม่าจากท่าน พระ อาจารย์ภัททันตะ ธัมมานันทมหาเถระ
    อัครมหาบัณฑิตแห่งวัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง

    นับว่าเป็นการนำคัมภีร์ของล้านนาไทยโบราณ กลับคืนมาสู่เมืองไทยให้ชาวไทยในยุคปัจจุบันได้รู้จัก ได้ศึกษา ได้สวด ได้ฟังให้เกิดประโยชน์ทางสันติ

    เพื่อความสงบระงับ จากภัยพิบัติทั้งปวง และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาวล้านนา ชาวไทย
    ตลอดจนชาวโลกทั้งมวล

    หลักฐานคัมภีร์ “อุปปาตะสันติ” ฉบับหนึ่งในล้านนาไทย ซึ่งเขียนไว้ในสมุดข่อย หมึกจีน
    อาบ น้ำชาด ที่เรียกว่าประวัติย่อ ดังนี้...


    ในปีจุลศักราช ๑๒๗๙ ปีดับไก๊ เดือน ๘ เหนือ เพ็ญ วันศุกร์ ปีกุน สัปตศก พ.ศ.๒๔๗๘
    เจ้าภาพเขียนต้นฉบับนี้ คือ นายน้อยปิง มารวิชัย บ้านประตูท่าแพเป็นประธานพร้อมทั้งภริยาลูกและญาติทุกคน ได้จ้างคนเขียนธรรม ๕ ผูก คือมลชัย ๑ ผูก..อินทนิล ๑ ผูก..สังยมาปริตตคลสูตร ๑ มังผูก..นัครฐาน ๑ ผูก...อุปปาตสันติ ๑ ผูก รวม ๕ ผูก พร้อมทั้งสร้างบ่อน้ำถวาย พระครูบาศรีวิชัย (ปฏิคาหก) ทานวัดศรีโสดา และถนนขึ้นดอยสุเทพ

    ขอกุศลบุญเยี่ยงนี้ จงเป็นปัจจัยค้ำชูตัวแห่งผู้ข้า ฯ (นายน้อยปิง) ทั้งหลายทุกคนตราบถึงนิพพานในอนาคตกาลโน้นเทอญ ฯ

    • เ นื้ อ ค ว า ม ใ น อุ ป ป า ต ะ สั น ติ ม ห า สั น ติ ง ห ล ว ง

    เนื้อความในอุปปาตะสันติคาถานั้น สรุปได้ว่า....

    • เป็นธรรม ที่กระทำความสงบอันยิ่งใหญ่
    • เป็นธรรมเครื่อง สงบเหตุร้ายทั้งปวง
    • เป็นธรรมเครื่องป้องกัน อมนุษย์ และยักษ์
    • เป็นธรรมเครื่องพ้นจากความ ตายก่อนกำหนดเวลา
    • เป็นธรรมเครื่องย่ำยีกำลัง ของข้าศึก
    • เป็นธรรมเครื่องจำเริญชัยชนะแด่พระ ราชา
    • เป็นธรรมเครื่องนำสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ทั้งปวงออกไป


    อุปปาตะสันติคาถา เป็นบทสวดอย่างพิสดาร ท่านจึงกล่าวพระนามของพระพุทธเจ้า พระธรรม
    และพระอริยสงฆ์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งที่มีมาในอดีต ในปัจจุบัน และจักมีมาในอนาคต

    รวมตลอดไปจนถึงท่านที่ ทรงคุณ ทรงอำนาจ ทรงฤทธิ์ ในทางที่ดีอื่นๆ เช่น เทวดา อินทร์ พรหม
    ยักษ์ นาค คนธรรพ์ ครุฑ อสูรเป็นต้น

    เพื่อขอความเป็นมงคล ความสงบ ความสวัสดี ความไม่มีโรค ชัยชนะ และอายุ
    รวมทั้งขอให้ท่านคุ้มครองให้พ้นจากเหตุ เภทภัยนานัปการ อันจะบังเกิดขึ้นในกาลทุกเมื่อ

    • บุคคลและสภาวะที่อ้างถึงในคัมภีร์อุปปาตะสันติ มี ๑๓ ประเภทคือ

    • พระ พุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตถึงปัจจุบัน (เน้นที่ ๒๘ พระองค์)
    • พระปัจเจกพุทธเจ้า
    • พระพุทธเจ้าใน อนาคต ๑ พระองค์ คือ พระเมตไตรย
    • โลกุตตรธรรม ๙ และพระปริยัติธรรม ๑
    • พระสังฆรัตนะ
    • พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ๑๐๘ รูป
    • พระ เถรีชั้นผู้ใหญ่ ๑๓ รูป
    • พยานาค
    • เปรตบางพวก
    • อสูร
    • เทวดา
    • พรหม
    • บุคคลประเภทรวม เช่น เทวดา ยักษ์ ปีศาจ


    คือผีที่ทำสิ่งใดๆ อย่างโลดโผน และวิชชาธรหรือพิทยาธร (สันสกฤตเรียกวิทยาธร)
    ถ้าเป็นภาษา อังกฤษเรียกพวก เซอเร่อคือพ่อมด แม่มด หรือผู้วิเศษ พวกวิชชาธร เป็นพวกรอบรู้เรื่องเครื่องรางและเสน่ห์ต่างๆ สามารถไปทางอากาศได้

    เ รื่ อ ง ร า ว เ ย็ น อ ก เ ย็ น ใ จ ที่ สั ง ค ม มุ่ ง ห วั ง แ ล ะ เ ส า ะ แ ส ว ง ห า

    ที่กล่าวถึงในคัมภีร์อุปปาตะสันติที่สำคัญ ๓ ประการ

    ๑. สันติหรือมหาสันติ ความสงบ ความราบรื่น ความเยือกเย็น ความไม่มีคลื่น
    ๒. โสตถิ ความ สวัสดี ความปลอดภัย ความเป็นอยู่เรียบร้อย หรือตู้นิรภัย
    ๓. อาโรคยะ ความไม่มีสิ่งเป็นเชื้อโรค ความไม่มีโรคหรือความมีสุขภาพสมบูรณ์

    คัมภีร์ อุปปาตะสันติ มีข้อความขอความช่วยเหลือ ขอให้พระรัตนตรัยและบุคคล
    พร้อมทั้งสิ่งทรงอิทธิพลในจักรวาลรวม ๑๓ ประเภท ดังกล่าวมาแล้วช่วยสร้างสันติ หรือมหาสันติ


    ช่วยสร้างโสตถิและอาโรคยะ ช่วยปรุงแต่งสันติและอา โรคยะ ขอให้ช่วยรวมสันติ รวมโสตถิและรวมอาโรคยะ และขอให้ช่วยเป็นตู้นิรภัยคุ้มครอง และ กำจัดเหตุร้ายอันตรายหรือสิ่งกระทบกระเทือนต่างๆ อย่าให้เกิดมีในตน ในครอบครัว ในหมู่คณะ หรือในวงงานของตน และในวงงานของคนอื่นทั่วไป

    อ า นิ ส ง ส์ ก า ร ส ว ด แ ล ะ ก า ร ฟั ง อุ ป ป า ต ะ สั น ติ
    มีคุณประโยชน์ตามที่กล่าวไว้ ในท้ายคัมภีร์ มีดังนี้

    ผู้ สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมชนะเหตุร้ายทั้งปวงได้ และ มีวุฒิภาวะ
    คือ ความเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ

    ผู้ ส ว ด ห รื อ ผู้ ฟั ง อุ ป ป า ต ะ สั น ติ ย่ อ ม ไ ด้ ป ร ะ โ ย ช น์
    ที่ ต น ต้ อ ง ก า ร คือ

    - ผู้ประสงค์ความปลอดภัยย่อมได้ความปลอดภัย คน อยากสบายย่อมได้ความสุข
    คนอยากมีอายุยืน ย่อมได้อายุยืน คนอยากมีลูก ย่อมได้ลูกสมประสงค์
    - ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมไม่มีโรคลม เป็นต้นมาเบียดเบียน
    ไม่มีอกาละมรณะคือตายก่อน อายุขัย ทุนนิมิตรคือลางร้ายต่างๆมลายหายไป
    - ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ เมื่อเข้าสนามรบ ย่อมชนะข้าศึก ทั้งปวงและแคล้วคลาดจากอาวุธทั้งปวง

    เ ด ช ข อ ง อุ ป ป า ต ะ สั น ติ
    การสวดอุปปาตะสันติเป็นประจำ ย่อมมีเดชดังนี้

    • อุปปาตะ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน
    อันเกิดจากแผ่นดินไหวเป็นต้น ย่อมพินาศไป (ปะถะพะยาปาทิสัญชาตา)
    • อุปปาตะ คือ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน
    อันเกิดจาก ลูกไฟที่ตกจากอากาศหรือสะเก็ดดาว ย่อมพินาศไป (อุปปาตะจันตะลิกขะชา)
    • อุปปาตะ คือ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน
    อันเกิดจาก การเกิดจันทรุปราคาหรือสุริยุปราคา เป็นต้น ย่อมพินาศไป (อินทาทิชะนิตุปปาตา)
     
  15. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    วันนี้ เขมรทำพิธีกับไทย

    อยากได้บทสวดมนต์ เปิดฟังทั้งวันนี้ ใครมีช่วยสงเคราะห์หน่อย พอดีไม่ได้ไปร่วมงานที่วัดพระแก้วน่ะ
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อินเดียโดนพายุฝน เสียชีวิต 11 ราย นิวเดลีอัมพาต

    [​IMG]

    พายุฝนตกหนักกระหน่ำกรุงนิวเดลี 51 มิลลิเมตร ประชาชนเสียชีวิต 11 ราย เนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อต บางส่วนถูกกำแพงพังถล่ม...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ว่า ประชาชนอย่างนอย 11 คน เสียชีวิตจากเหตุพายุฝนกระหน่ำกรุงนิวเดลี ด้วยปริมาณมากถึง 51 มิลลิเมตร ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ผ่านมา ( 12 ก.ค. )

    ข่าวระบุว่า ฝนทำให้บางส่วนของนิวเดลีเป็นอัมพาต ประชาชน 6 คนเสียชีวิตเนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อต ขณะที่อีก 5 ราย ซึ่งเป็นเด็ก 2 ราย เสียชีวิตเนื่องจากกำแพงพังถล่มลงมาทับ นอกจากนี้ยังเกิดน้ำท่วมขังในบริเวณก่อสร้างสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพ ที่อินเดียเร่งสร้างให้ทันก่อนงานจะเริ่มขึ้นในเดือน ต.ค.นี้

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2553

    ไต้ฝุ่น 'โกนเซิน' กระหน่ำฟิลิปปินส์ ดับ 3 ศพ สูญหาย 19 ราย
    [​IMG]

    พายุไต้ฝุ่น "โกนเซิน" พัดขึ้นชายฝั่งฟิลิปปินส์ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน สูญหายอีก 19 คน กรมอุตุฯแจ้งปลายสัปดาห์นี้เคลื่อนที่ไปขึ้นชายฝั่งประเทศจีน...

    สำนักข่าวเอพี รายงานเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ว่า "โกนเซิน" พายุไต้ฝุ่นลูกแรกที่เข้าสู่ประเทศฟิลิปปินส์ พัดขึ้นชายฝั่งที่จังหวัดแกซอน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ด้วยกำลังแรงลม 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างบริเวณพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน รวมถึงเกิดฝนตกหนักที่กรุงมะนิลา ทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้อง ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน ส่วนชาวประมงสูญหายอีก 19 คน

    ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์ แจ้งว่า บางพื้นที่ของกรุงมะนิลา มีน้ำท่วมขังสูงระดับหัวเข่า พลเรือนกว่า 3,100 คน ตกค้างที่ท่าเรือ ไม่สามารถเดินทางต่อได้จนกว่าสภาพอากาศจะเอื้ออำนวย ส่วนท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงมะนิลา ต้องยกเลิกเที่ยวบิน 63 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินนอกประเทศ 4 เที่ยวบิน

    ด้านประธานาธิบดีคนใหม่เบนนิกโน นอยนอย อาคิโน ที่ 3 ออกมาตำหนิกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ไม่แจ้งเตือนว่า พายุลูกดังกล่าวจะพัดถล่มเมืองหลวงของประเทศ ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า พายุไต้ฝุ่น "โกเซิน" จะเคลื่อนตัวไปทางทะเลจีนใต้ และขึ้นฝั่งประเทศจีน ที่เกาะมาเก๊า ปลายสัปดาห์นี้

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2553

    แผ่นดินไหวเขย่าอินโดฯ 2 ครั้ง 5.7 ริกเตอร์

    [​IMG]

    คืนที่ผ่านมาเกิดเหตุแผ่นดินไหว 2 ครั้งที่ประเทศอินโดนีเซีย เวลาห่างกันราว 1 ชั่วโมงที่หมู่เกาะสุมาตรา และหมู่เกาะอิเรียน จายา วัดระดับได้ 4.7 และ 5.7 ริกเตอร์ แต่ไม่มีรายงานความเสียหายทั้ง 2 แห่ง...

    สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว รายงานเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหววัดระดับความรุนแรงได้ 5.7 ริกเตอร์ เมื่อเวลาประมาณ 23.56 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่หมู่เกาะอิเรียน จายา ประเทศอินโดนีเซีย บริเวณละติจูดที่ -2.22 ลองติจูดที่ 138.77 จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไป 5 กิโลเมตร

    วันเดียวกันเมื่อเวลาประมาณ 22.21 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกิดเหตุแผ่นดินไหว วัดระดับได้ 4.7 ริคเตอร์ ทางตอนเหนือของหมูเกาะสุมาตรา บริเวณละติจูดที่ 1.3 ลองติจูดที่ 97.08 จุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไป 12 กิโลเมตร

    เบื้องต้นยังไม่มีรางานความเสียหาย ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต จากเหตุแผ่นดินไหวทั้ง 2 ครั้ง

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2553

    จีนเตือนภัยอาหารปนเปื้อนสารพิษอาจเจออีก

    [​IMG]

    สาธารณสุขจีนเตือนความปลอดภัยในอาหารอาจบกพร่องอีก เช่นเดียวกับกรณีพบสารพิษปนเปื้อนในนมผง เพราะประเทศค่อนข้างใหญ่ ควบคุมยาก ปัญหาจึงมีมากตามมา...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 13 ก.ค. อ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านสาธารณสุขของจีน ออกมาเตือนปัญหาด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับอาหารอันตรายที่เกิดขึ้นในจีนหลายครั้งตลอดช่วงหลายปีท่ีผ่านมา ว่ายังอาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต เพราะจีนเป็นประเทศใหญ่ ปัญหาจึงต้องมีมาก

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนสั่งเพิ่มมาตรการเฝ้าตรวจสอบติดตามแก้ปัญหานี้อย่างใกล้ชิด หลังพบกรณีสารพิษปนเปื้อนนมผงเลี้ยงเด็กจากบริษัทผู้ผลิต 22 แห่ง เมื่อปี 2551 ทำให้มีผู้ถูกจับตัดสินลงโทษความผิด 21 ราย ในจำนวนนั้น 2 ราย ถูกตัดสินโทษหนักถึงประหารชีวิต

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.thairath.co.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 631.jpg
      631.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.5 KB
      เปิดดู:
      1,328
    • 632.jpg
      632.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.9 KB
      เปิดดู:
      1,312
    • 633.jpg
      633.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.3 KB
      เปิดดู:
      1,325
    • 630.jpg
      630.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88 KB
      เปิดดู:
      1,326
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2010
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    จ๊าก ไม่ใช่ ส.ค.ส.พระราชทานจ้า เป็นหนึ่งในเรื่องพระมหาชนกที่เป็นหนังสือออกมาเมื่อปี 2542 แต่พายุเกิดจริง 2551 ที่ท่านทำจากฝีพระหัตถ์ (จากคอมพิวเตอร์) เป็นหนึ่งใน 4 ของการพยากรณ์ (มีอีก 3) ถ้าได้กุญแจมาแล้วจากอันที่ 1 อันที่เหลือก็จะไขไ้ด้(มั้ง) เพราะเท่าๆ ที่ดูท่านมีการบอกถึงพายุที่จะเข้ามาอันต่อไป (ถ้าตีความหมายไม่ผิดจะเป็นปี 2556 ขอหาข้อมูลก่อนนะ) จะแรงไปทั่วภูมิภาคเลยนะ ขอเวลาพิจารณาดูอีกทีก่อน
    :boo:

    ต้องขอพระราชทานพระราชานุญาต เอามาลองตีความหมายดู จากปัญญาอันน้อยนิดของข้าพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นประโยชน์ต่อปวงชนชาวไทยต่อไป ตามพระราชประสงค์ ผิดพลาดประการใดขอพระราชทานอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย _/\_
     
  18. ezenwa

    ezenwa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +110
    โอ้หนอ........ สารพัดพิษมากมายรอบกาย จะกินอยู่อย่างไรให้พอเพียงและปลอดภัย
    รับประทานผักเยอะๆนะคะ อยากเห็นเพื่อนๆทานมังสะวิรัติค่ะ สาธุๆ
     
  19. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    อ๊ะ.. เป็นไปได้ไงตัวเลขเนี่ย
    ใบ้หวย รึปล่าว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2010
  20. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไต้ฝุ่น'กงเซิน'ลุย‘ปินส์ตายแล้ว22</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 กรกฎาคม 2553 20:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=335 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=335>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พายุไต้ฝุ่น “กงเซิน” ลุยถล่มทั่วฟิลิปปินส์ ทำลายถิ่นคนจนในหลายเมือง </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี/เอเจนซี - พายุไต้ฝุ่น “กงเซิน” ลุยถล่มทั่วฟิลิปปินส์ ทำลายถิ่นคนจนในหลายเมือง และทำให้กรุงมะนิลา เมืองหลวงแดนตากาล็อกถึงกับแน่นิ่งกันไปหมดเมื่อวันพุธ(14) โดยที่ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ในการนี้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย และมีชาวประมงสูญหายไปในท่ามกลางสภาพอากาศรุนแรงนี้ 57 ราย ขณะที่มีชาวบ้านอีก 3 รายที่หายไปกับกระแสน้ำซึ่งไหลบ่าเข้าท่วมถิ่นคนจนทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา

    ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นกงเซินขึ้นฝั่งของเกาะลูซอนอันเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ในตอนดึกของวันอังคาร (13) และแผลงฤทธิ์ทำลายกระหน่ำไปทั่วเกาะตลอดคืนด้วยความเร็วลด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    “เสียงลมโหยหวนเหมือนเสียงเด็กกรีดร้อง” ริกอร์ แซมบอล คุณพ่อของลูก 6 คนเล่าไว้อย่างนั้น บ้านของเขาซึ่งประยุกต์ขึ้นมาจากเรือและอยู่ในเขตคนจนใกล้ชายทะเล บริเวณชานเมืองของกรุงมะนิลานั้น เกือบพลิกคว่ำในแรงลม เขาเล่าว่าเขาตัดสินใจพาลูกๆ ไปหาที่พักพิงจากโรงยิมใกล้ๆ นอกจากนั้น บรรดาบ้านเรือนถิ่นสลัมที่สร้างขึ้นตลอดชายฝั่งถูกไต้ฝุ่นกวาดหายไปหมดภายในเวลาพริบตาเดียว

    หลังจากที่ไต้ฝุ่นผ่านพ้นไปแล้ว ระบบคมนาคมสื่อสารในฟิลิปปินส์พากันล่มหมด ขณะที่เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์บอกว่ายังไม่สามารถจะสรุปได้ว่าขนาดความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมากมายเพียงใด และคาดกันว่ายอดผู้เสียชีวิตน่าจะพุ่งสูงขึ้น

    ไฟฟ้าบนเกาะลูซอนดับหมดทุกเขต รวมทั้งในพื้นที่ทั่วกรุงมะนิลาด้วย สภาพตามท้องถนนย่ำแย่อย่างจัด ต้นไม้ล้มระเกะระกะ เศษสิ่งของเกลื่อนกระจายไปตามท้องถนนสายต่างๆ ในการนี้ บริษัทเมอราลโก้ ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า ให้ตัวเลขว่าผู้คนที่อาศัยในมะนิลามากกว่า 90% ต้องใช้ชีวิตอย่างทุลักทุเล เพราะไม่มีกระแสไฟฟ้าตลอดบ่ายวานนี้

    นอกจากนั้น การขนส่งระบบรางลอยฟ้าของกรุงมะนิลาได้ปิดบริการเพราะขาดแคลนพลังงาน ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลมีคำสั่งปิดเรียนทั้งระดับประถมและมัธยม

    ด้านคนทำงานตามตึกสูง แม้มีไฟฟ้าสำรองใช้ภายในอาคาร แต่ไม่วายได้รับความยุ่งยากจากปัญหาการสื่อสารโทรศัพท์ ทั้งระบบสายพื้นฐานและระบบมือถือ ขณะที่บริการอินเทอร์เน็ตก็ได้รับผลกระทบด้วย

    ไต้ฝุ่นกงเซินได้ผละจากเกาะลูซอนไปแล้วในช่วงสายจัดของวานนี้ และบ่ายหน้าเข้าทะเลจีนใต้ โดยกำลังมุ่งหน้าสู่เกาะไหหลำ (ไห่หนาน) ของจีน

    ประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน ได้ออกมาแถลงตำหนิกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ไม่ได้เตือนภัยชาวกรุงมะนิลาเลยว่า ไต้ฝุ่นลูกนี้กำลังจะพัดกระหน่ำเข้ามา
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...