NEW ! NEW AGE PLUS+ พลังงานใหม่ พลังงานอิสระ.. GRAND NATURE ..

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Little Duck, 25 กุมภาพันธ์ 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    ปรมัตถ์ธรรม

    ปรมัตถ์ธรรม :

    สัจจะหรือความจริง ในโลกนี้มีความจริงอยู่ 2 ระดับ คือ


    1. ความจริงระดับสมมุติ

    2. ความจริงระดับปรมัตถ์ (จริงแท้แน่นอน)


    มนุษย์ส่วนใหญ่จะเข้าใจเพียงความจริงระดับสมมุติจากภาษาเท่านั้น ได้แก่ บัญญัติชื่อต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ วัตถุ และความเป็นเจ้าของสิ่งเหล่านั้นทั้งโดยชื่อและโดยความรู้สึก เช่น นายดำ แมว เงินของฉัน ลูกของฉัน เป็นต้น เป็นความจริงที่ต้องขึ้นกับการอ้างอิงและเปรียบเทียบ ซึ่งรู้จักกันเฉพาะในกลุ่มชนบางกลุ่มที่ใช้ภาษาเดียวกัน วัฒนธรรมเดียวกันเท่านั้น จะใช้กับต่างกลุ่ม ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมไม่ได้

    ส่วนความจริงอีกระดับหนึ่ง คือ ความจริงระดับปรมัตถ์ ปรมัตถ์นี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกลุ่มชน สถานที่ หรือยุคสมัย อดีตนับตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ไฟเคยให้ความร้อนและเผาไหม้อย่างไร ในอนาคตจนถึงโลกถูกทำลาย ไฟก็ยังคงให้ความร้อนและเผาไหม้ตลอดไป

    คำว่าไฟเป็นจริงเฉพาะในหมู่คนไทย ต่างชาติจะเรียกอีกอย่างหนึ่ง แต่ความรู้สึกร้อนจะเป็นสากลสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั้งคนและสัตว์ เมื่อถูกไฟจะรู้สึกว่าร้อน ความร้อนเป็นความจริงระดับปรมัตถ์ของไฟ

    เนื่องจากมนุษย์มีความเข้าใจติดอยู่แค่ระดับสมมุติ ซึ่งสื่อกันด้วยภาษา และจำเป็นต้องมีคน สัตว์ วัตถุขึ้นอ้างอิงด้วย ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงยึดมั่นโดยไม่รู้ตัวว่า ภาษาเป็นความจริง คิดว่าคน สัตว์ วัตถุ มีจริง จนกระทั่งไม่มีใครนึกถึงความจริงระดับปรมัตถ์ที่แฝงอยู่

    ในระดับปรมัตถ์แล้ว สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้ด้วยการรวมกลุ่มของเหตุปัจจัยเพียงขณะ หนึ่งเท่านั้น แล้วก็สลายตัวไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากปัจจัย ไม่มีอะไรสลายไปนอกจากการสลายไปของปัจจัย ที่เรียกว่า นายดำ ก็เพราะโครงสร้างโดยรวมของลักษณะหน้าตา แขนขา จำได้ว่าชื่อดำ ถ้าตัดแขนมาส่วนเดียวก็จะเรียกว่าแขน ไม่เรียกแขนว่าเป็นนายดำ ถ้าตัดนิ้วมาหนึ่งก็จะเรียกนิ้วแทน ไม่เรียกนิ้วว่าเป็นแขน เป็นต้น

    ดังนั้น จึงไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่เรียกว่าคนเลย โครงสร้างโดยรวมจึงเป็นที่มาของความจริงระดับสมมุติมากมายนับไม่ถ้วน แต่การกระจายโครงสร้างดังกล่าวออกเป็นส่วนประกอบแต่ละส่วนแล้ว จะเหลือความจริงระดับปรมัตถ์เพียง 2 อย่าง คือ ไม่เป็นรูปธรรม ก็เป็นนามธรรม รูปเป็นสิ่งที่ถูกรู้เท่านั้น จะรับรู้อะไรไม่ได้ ส่วนนามเป็นทั้งตัวรู้และถูกรู้ได้ด้วย

    ปรมัตถ์ธรรม เป็นธรรมชาติที่ทรงสภาพของตนไม่มีการวิปริตผันแปรด้วยอำนาจอื่น ในพระพุทธศาสนาแบ่งปรมัตถธรรมออกเป็น 4 อย่าง คือ จิตปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่รู้อารมณ์) เจตสิกปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่ประกอบกับจิต) รูปปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่เสื่อมเป็นนิจ) และนิพพานปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่พ้นจากกิเลสและขันธ์ 5)

    สภาวะของปรมัตถ์รวมอยู่ในธรรมชาติทั้งหลายทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต มีลักษณะประจำตัวอยู่ 3 อย่าง คือ ความไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และบังคับบัญชาไม่ได้ แต่มนุษย์ทั้งหลายเข้าใจผิดกันไปเองว่าโลกและชีวิตมีอยู่จริง (เที่ยงแท้ถาวร) เป็นสุข และมีตัวตนบงการได้ ความเข้าใจผิดดังกล่าวถูกยึดมั่นเป็นความคิดสำคัญของมวลมนุษยชาติ ถ้าเป็นชาวพุทธที่แท้แล้ว จะเห็นว่าความเข้าใจผิดนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มนุษย์ยินดีในภพชาติ มองไม่เห็นว่าภัยแห่งวัฏฏะสงสารเป็นอย่างไร

    ปรมัตถธรรมมีประโยชน์กับมนุษย์อย่างไร

    ปรมัตถธรรมจะเป็นประโยชน์แท้ สำหรับมนุษย์ผู้มีปัญญา มีความเห็นถูกตรงกับสภาวะธรรมเท่านั้น ปรมัตถธรรมไม่ขึ้นกับภาษา หรือเนื้อความใด ๆ

    มนุษย์ผู้มีปัญญาจะเข้าใจถูกตรงว่า สรรพสิ่งท้งหลายจะมีอยู่ได้ก็ในฐานะของการเป็นส่วนประกอบของกันและกันเท่า นั้น ในทุก ๆ อณูของส่วนประกอบมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ตั้งแต่ระดับธาตุที่เล็กมากมองไม่เห็น จนถึงระดับจักรวาลอันกว้างใหญ่

    ธรรมจักษุที่เห็นความต่อเนื่องของส่วนที่ประกอบกัน(อย่างมีเงื่อนไข)จาก สถานะหนึ่ง เปลี่ยนไปสู่อีกสถานะหนึ่งในเวลาต่อมานี้ ช่วยให้ผู้เห็นธรรมนั้น รู้ถึงความเห็นผิดของตน อันเนื่องมาจากการใช้ความหมายของภาษา และเนื้อความที่เคยประกอบกันขึ้นมาเป็นตัวตน ผลพลอยได้คือ การหยั่งรู่ถึงการหาต้วตนที่แท้ไม่ได้เลย..


    LOVE YOU..
     
  2. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    ปรมัตถ์ ที่เป็นนามธรรมเป็นอย่างไร ..

    ปรมัตถ์ที่เป็นนามธรรม เป็นแนวทางเพื่อใช้เจริญสติ ปรับระดับของจิตให้คงที่ไม่ยึดติดต่อสิ่งใด มีผลเพื่อใช้ดับทุกข์ให้หายไป ตัวอย่าง เช่น ""

    - เงินทอง
    ระดับสมมติ คือมีมูลค่า
    ระดับปรมัตถ์ แท้จริงแล้วก็คือ กระดาษ แล้วกระดาษ ก็เกิดจากต้นไม้ ซึ่งเป็นธรรมชาติดั้งเดิม หรือธาตุตามธรรมชาติ ไม่ควรไปยึดถือ

    - คอมพิวเตอร์
    ระดับสมมติ คือ มีมูลค่า ใช้เพื่อประมวลผลข้อมูล ในโลกยุคปัจจุบัน
    ระดับปรมัตถ์ คือ วัสดุที่ประกอบขึ้นจากธาตุตามธรรมชาติ ไม่ควรไปยึดถื


    - มนุษย์
    ระดับสมมติ คือ สัตว์ประเสริฐ
    ระดับปรมัตถ์ คือ สิ่งมีชีวิตหนึ่งที่อยุ่บนโลก เหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไปซึ่งเกิดจากธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ มาเป็นส่วนประกอบ ไม่ควรไปยึดถือ

    - โลก
    ระดับสมมติ คือ สถานที่อยู่อาศัยของมนุษย์ มีเทคโนโลยีมากมาย
    ระดับปรมัตถ์ คือ ดาวดวงหนึ่งที่ลอยอยู่ในจักรวาล ซึ่งก็เป็นธาตุตามธรรมชาติ ไม่ควรไปยึดถือ


    - อารมณ์โกรธ หรือ อื่นๆ (ปัจจัยปรุงแต่งต่างๆ)
    ระดับสมมติ คือ ความรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจ หรือทำให้สมหวัง และไม่สมหวัง
    ระดับปรมัตถ์ คือ พิจารณาได้คือ อารมณ์ที่กระทบเกิดจากธาตุลม และธาตุไฟ หรืออากาศธาตุ ที่ก่อขึ้นในจิตให้เกิดความรู้สึก

    - เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    ระดับสมมติ การเกิด การแก่ การเจ็บป่วย และความตายของมนุษย์และสัตว์
    ระดับปรมัตถ์ คือ กระแสแห่งสังขาร การปรุงแต่งตาม กฎอิทัปปัจจยตา (เมื่อเกิดสิ่งนั้น จึงมีสิ่งนี้ เมื่อเกิดสิ่งนี้ จึงเป็นสิ่งนั้น) ของธาตุตามธรรมชาติ


    สำหรับการเจริญสติ ซึ่งเป็นการหยั่งจิตให้ลึก คือดูให้รู้แจ้งถึงจุดเริ่มต้นของสิ่งทั้งปวง ซึ่งถ้าพิจารณาสิ่งทั้งปวงแล้วด้วยหลักการข้างต้นล้วนแสดงให้เห็นว่า สิ่งทั้งปวงเกิดจากธาตุตามธรรมชาติ ไม่ควรไปยึดถือหรือยึดติดทางจิตใจ เป็นการปรับระดับของจิตให้คงที่อยู่เหตุปัจจัยทั้งปวง เข้าสู่จิตว่าง ตามหลักปรมัตถ์ธรรมในพุทธศาสนา

    ผลสุดท้ายของธาตุก็คือความไม่มีตัวตนในสิ่งทั้งปวง (อนัตตา)

    - สภาวะของจิตที่ปฏิบัติดีแล้วสามารถเข้าถึงปรมัตถ์ธรรม ได้ในแต่ละระดับจนหลุดพ้นสิ่งทั้งปวง


    - สภาวะของจิตระดับบุคคลที่ยึดติดในกาม รูปนาม (วัตถุปรุงแต่ง) อรูปนาม (อารมณ์ต่างๆ) หรือแม้แต่ระดับโลกุตรธรรม (ภพ-ชาติ) เป็นต้น โดยระดับจิตยึดติดวนเวียนไปมาซ้ำแล้วซ้ำแล้ว จากจุดของกรรมหนึ่งไปอีกกรรมหนึ่ง โดยขาดสติ (ความระลึกได้เข้าไปกำกับทุกขณะ) ซึ่งเป็นการยึดติดในความจริงระดับสมมติ

    เช่น เมื่อมีกิเลส ก็จะมีกรรม เมื่อเกิดกรรมแล้วก็ต้องรับผลของกรรมนั้น แล้วเมื่อมีกิเลสอีก ก็จะมีกรรมอีก วนเวียนอย่างนี้ไปตามกฏธรรมชาติ (ปฏิจสมุปบาท) ด้วยปัจจัย 12 ประการ

    1. อวิชชา คือ ความไม่รู้ในทุกข์ ความไม่รู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ ความไม่รู้ในความดับทุกข์ ความไม่รู้ในทางให้ถึงความดับทุกข์ อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร
    2. สังขาร คือ กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร สิ่งปรุงแต่งที่จะให้เกิดหน้าที่ทางกาย วาจา จิต สังขารให้เกิดวิญญาณ
    3. วิญญาณ ความรู้, ลักษณะอาการรับรู้ คือ วิญญาณ ๖ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ วิญญาณให้เกิดนามรูป
    4. นามรูป คือ ภาวะที่กาย (รูป) และจิต (นาม) พร้อมทำหน้าที่ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิกาโร คือนาม : มหาภูตรูป ๔ และอุปาทยรูป ที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ คือรูป
    5. สฬายตนะ คือ เครื่องรับรู้ตามโลก มีอายตนะ ๖ จักขุอายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชิวหายตนะ กายายตนะ มนายตนะ สฬายตนะให้เกิดผัสสะ
    6. ผัสสะ คือ การเชื่อมต่อ มีผัสสะ ๖ จักขุสัมผัส โสตสัมผัส ฆานสัมผัส ชิวหาสัมผัส กายสัมผัส มโนสัมผัส
    7. เวทนา คือ เวทนา ๖ อย่าง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เวทนาให้เกิดตัณหานำไปสู่ ทุกข์ สุข อทุกขมสุข
    8. ตัณหา คือ ตัณหา ๖ รูปตัณหา ตัณหาในรูป ในเสียง ในกลิ่น รส โผฏธัพพ ธัมมารมณ์
    9. อุปาทาน คือ อุปาทาน ๔ กามุปาทาน ทิฏฐปาทาน สีลัพพัตตุปาทาน อัตตวาทุปาทาน
    10. ภพ คือภาวะที่ชีวิตปรากฏเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งมี๓ คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ
    11. ชาติ คือ การเกิดขึ้น การก้าวลง การเป็นพร้อมขึ้นมาในหมู่สัตว์นิกาย การปรากฏแห่งขันธ์ทั้งหลาย การได้อายตนะเฉพาะนี้เรียกว่าชาติ
    12. ชรามรณัง คือ หัวหงอก ฟันหัก อาการของความชรา ความเสื่อมแห่งอินทรีย์เรียกว่าชรา ความตายเรียกว่าจุติ การแตกทำลาย กาลกิริยา การแตกแห่งขันธ์ การขาดแห่งชีวิตินทรีย์เรียกว่าความตาย

    - เหตุ เชื่อว่ามีเงินทองมากมาย แล้วจะมีความสุข จึงทำให้ต้องดิ้นรนขวนขวายเพื่อหาเงินทองมามากมาก เพื่อซื้อวัตถุตอบสนองความต้องการของตนเอง
    - ผล จิตใจจะเกิดความโลภขึ้น หรือเกิดความกลัวว่าเงินทองจะหมดไป และก็จะวนเวียนอย่างนี้ไปตลอด (สภาวะของจิตระดับสมมติที่ยึดติดไปตลอด)

    - เหตุ เชื่อว่าทำบุญมากมาก แล้วจะได้ไปสู่สวรรค์

    ผล จิตใจก็จะเกิดความหวังขึ้นว่าชีวิตจะก้าวหน้า มีความสุข มีเงินทองมากมาย ในชาติหน้า (สภาวะของจิตระดับสมมติที่ยึดติดไปตลอดแม้กระทั่งชาติปัจจุบัน จนถึงชาติหน้า)

    สรุป ถ้าระดับจิตของบุคคลยึดติดในวัตถุปรุงแต่งเรื่อยไป ก็ไม่สามารถทำให้จิตเข้าสู่สภาวะจิตว่างได้ กล่าวคือ ควรปฏิบัติให้จิตอยู่เหนือวัตถุปรุงแต่ง ยกจิตให้สูง สุขก็ไม่ยึดถือ ทุกข์ก็ไม่ยึดถือ ชั่วก็ไม่ยึดถือ ดีก็ไม่ยึดถือ ปรับระดับจิตให้อยู่ตรงกลาง อยู่เหนือเวรเหนือกรรมทั้งปวง ก็จะสามารถดับทุกข์ได้ (สำหรับผุ้ปฏิบัติที่ต้องการหลุดพ้น ควรสำรวจกรรมของตนว่าจิตยังยึดติดในระดับใด สมมติ ถ้ายังมีทุกข์อยุ่ หาเหตุแห่งทุกข์ให้ได้ว่าเกิดจากอะไร ทำความดีเพื่อล้างกรรมตรงจุดนั้นให้หายไป เพราะเนื่องจากกรรมของแต่ละบุคคลนั้นมีไม่เท่ากัน ต้องล้างกรรมให้หายไปจากจิตให้หมดก่อน ถึงยกจิตตนเข้าสู่จิตว่างอย่างแท้จริง)

    หากปฏิบัติให้มาก ความสงสัยจะสิ้นไปเอง ธรรมะ หรือธรรมชาติ คือวิทยาศาสตร์ เกิดจากเหตุ และแสดงผลด้วยตัวของมันเอง

    WITH LOVE..
     
  3. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ย สะดุด สะดุด สะดุดอีกแร้วครับท่าน ห้าห้า อนุโมทนาสาธุในธรรมค่ะ
    .
    .
    .
    .


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=mp1hoZsL3sM]YouTube - สะดุดรัก the richman toy[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=0pQlMSmX0QE]YouTube - greasy cafe - สิ่งเหล่านี้[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=7KKiN5WxH1s&feature=PlayList&p=290F1F8371D4B0A8&playnext_from=PL&playnext=1&index=23]YouTube - โลภะ โทสะ โมหะ-เสก โลโซ[/ame]

     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** สิ่งที่ทั่วโลกค้นหา ****

    สิ่งที่ดีที่สุดของสัตว์โลก.... คือ สัจจะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    สัจอธิษฐาน


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=fPOUQyfuksw]YouTube - Clash - สัจอธิษฐาน ( Suj Ja A-ti-taan)[/ame]​
     
  6. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ขอบคุณทุกท่าน ที่กรุณานำความรู้ที่ดีมาแบ่งปันกัน
    ขออนุโมทนา ณ ที่นี้<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->
     
  7. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    KEY = S&P

    WORLD = 23+15+18+12+4 = 72 = GB = GREAT BRAIN อัจฉริยะ , สติปัญญา
    72 = 9 = I = Intellegence อัจฉริยะ , สติปัญญา

    SUJJA = 19+21+10+10+1 = 61 = FA = FUNCTION AVAILABLE รูปแบบที่เป็นประโยชน์, มีประโยชน์ในการนำมาใช้
    61 = 7 = Grand = สำคัญที่สุด , รวบยอด

    9+7 = 16 = P = PROMOTION ส่งเสริมสนับสนุน


    ดังนั้น S&P = SUJJA PROMOTIONจึงหมายถึง การส่งเสริมสนัสนุนสัจจะ ของท่านหนุมาน ซึ่งเป็นการยืนยันข้อมูลและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ตามคำสอนที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น..



    LOVE YOU..
     
  8. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เพราะเรานั้นคู่กัน (ความจริงที่ต้องอ่าน)

    สัจจะ (สมมติสัจจะ และ ปรมัตถ์สัจจะ)
    B & J
    สุข และ ทุกข์
    69
    หยินและหยาง
    เทพ และ มาร
    ฯลฯ

    ทั้งหมดข้างบนล้วนเป็นอุปมาอุปมัยถึง การมาเป็นคู่ตามธรรมชาติของ 2 ขั้วที่อยู่ตรงกันข้ามกัน แม้แต่ในตัวของมนุษย์เราล้วนแต่มีอยู่ซึ่งทั้ง 2 ขั้วตรงกันข้ามตามธรรมชาติ เพียงแต่ว่าขั้วใดจะแสดงออกมามากกว่ากันเท่านั้น

    ทั้งนี้ทั้งสองขั้วล้วนแต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี เป็นความจริงตามธรรมชาติของการเรียนรู้ของจิตวิญญาณ นั่นก็เพราะที่จริงแล้ว ทั้งสองขั้วมีไว้เพื่อให้เราได้เปรียบเทียบและ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งเรียกว่า "การใช้ทั้ง 2 ขั้วในแนวทางสนับสนุน และสร้างสรรค์" กล่าวได้ว่า


    B มีไว้เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทางจิตวิญญาณของ J


    "ความทุกข์" มีไว้เพื่อให้เราเรียนรู้ เปรียบเทียบและมองเห็นถึงคุณค่าของสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามนั่นก็คือ "ความสุข"


    "ความร้อน" มีไว้เพื่อให้เราได้เรียนรู้และมองเห็นถึงคุณค่าของสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามนั่นก็คือ "ความเย็น"


    "ความเจ็บป่วย" มีไว้เพื่อให้เราได้เรียนรู้และมองเห็นถึงคุณค่าของสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามนั่นก็คือ "ความแข็งแรง"


    "ความอิจฉาริษยา" มีไว้เพื่อให้เราได้เรียนรู้และมองเห็นถึงคุณค่าของสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามนั่นก็คือ "ความยินดีในโชคของบุคคลอื่น"


    "ความเกลียดชัง" มีไว้เพื่อให้เราได้เรียนรู้และมองเห็นถึงคุณค่าสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามนั่นก็คือ "ความรัก"


    "การทำลาย" มีไว้เพื่อให้เราได้เรียนรู้และมองเห็นถึงคุณค่าของสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามนั่นก็คือ "การสร้างสรรค์"


    "ความโกรธ" มีไว้เพื่อให้เราได้เรียนรู้ และ มองเห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม นั่นก็คือ "การให้อภัย"
    ฯลฯ


    ทุกอย่างในโลกล้วนปรากฏแก่สายตาของเราเป็นคู่เสมอ แม้แต่คำว่า "สัจจะ" ก็ตาม


    สัจจะ สำหรับข้าพเจ้าแล้วนั่นหมายถึง "ความจริง" แต่ถึงกระนั้น ความจริงที่ปรากฏตามสายตาของมนุษย์ยังแบ่งออกเป็น 2 ระดับนั่นก็คือ


    ความจริงทางโลก (กายภาพภายนอก) = สมมติสัจจ์
    ความจริงทางธรรม (ธรรมชาติของจิตวิญญาณภายใน) = ปรมัตถ์สัจจ์


    ความจริงทั้งสองเปรียบเสมือนสองขั้วที่อยู่ตรงกันข้ามกัน เพราะจุดสูงสุดของโลกภายนอกและโลกภายในนั้นแตกต่างกัน และตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง แต่ทั้งสองก็มีไว้เพื่อการเรียนรู้ และมองให้เห็นถึงความแตกต่างในกันและกัน

    *ความจริงทางโลก จุดสูงสุดของโลกทางกายภาพ (ภายนอก) มนุษย์ทุกคนล้วนแต่ค้นหาถึง ความมี ความอยาก ความทะเยอทะยาน จุดสูงสุดในชีวิตวัดกันที่ ใครมีมากกว่ากัน การสะสมสิ่งของวัตถุ ความสวยงาม เงินทอง ความร่ำรวย อันเกิดจากนิสัย ความเคยชินที่ถูกปลูกฝังมาจากสภาพแวดล้อม และสังคมของการแข่งขันในปัจจุบัน ซึ่งทำให้เรามีแต่ต้องเพิ่มความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกปลูกฝังขึ้นมาด้วยค่านิยม และความเชื่อผิดๆ โดยขาดการใช้สติปัญญาเข้าไตร่ตรองทำให้มนุษย์ต้องกลายเป็นทาสของวัตถุธาตุภายนอก

    เปรียบได้กับ การเพิ่มปัจจัยภายนอก แต่ลดปัจจัยภายใน (คือใช้ปัญญาน้อยลง)


    *ความจริงทางธรรม จุดสู่งสุดของโลกแห่งจิตวิญญาณตามธรรมชาติความเป็นจริง (ภายใน) มีเพียงแค่ความรู้อันสามารถชักนำให้จิตวิญญาณกลับคืนสู่ความเป็นดวงจิตอันบริสุทธิ์ดั้งเดิมเท่านั้น ซึ่งวิธีการก็มีเพียงแต่ลดปัจจัยภายนอก (ลดสมบัติ) ลดละเลิก นิสัย ความเคยชินอันถูกปลูกฝังด้วยความเชื่อจากสภาพแวดล้อมภายนอก แต่กลับเข้าไปเพิ่มปัจจัยภายใน นั่นก็คือ การใช้สติปัญญาเข้าไปพิจารณามากขึ้น



    อุปมาอุปมัยเหมือนกับรุ้งที่มาหลังฝนตก เพราะรุ้งเองก็แบ่งเป็นสอง ระดับเช่นกัน นั่นคือ รุ้งปฐมภูมิ และ รุ้งทุติยภูมิ


    ตามธรรมชาติ ท่านจะสังเกตุเห็นว่า บางครั้งรุ้งมักจะปรากฏให้เห็นถึงสองชั้น ชั้นแรกที่เรียกว่า ปฐมภูมินั้น จะเริ่มต้นจากสีแดงล่างสุด จากนั้นไล่เป็น ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน คราม ม่วง ส่วนรุ้งชั้นที่สองที่เรียกว่า ทุติยภูมินั้น จะเริ่มต้นจาก ม่วงก่อน แล้ว ไล่ไปถึงแดงเป็นชั้นบนสุด ท่านจะเห็นว่า สีที่อยู่สูงสุดของแต่ละชั้นนั้น ล้วนตรงกันข้ามกัน


    ความจริง ก็คือ สัจจะ / สัจจะก็คือ ความจริง


    ความจริงทางโลก (กายภาพภายนอก) = สมมติสัจจ์ ก็คือ การเพิ่มปัจจัยภายนอก ลดปัจจัยภายใน (เพิ่มนิสัย ความเคยชิน ตามความเชื่อในทิศทางแห่งการปราศจากการใช้สติปัญญาในแนวทางสร้างสรรค์ = อจินไตย)


    ความจริงทางธรรม (จิตวิญญาณภายใน) = ปรมัตถ์สัจจ์ ก็คือ การลดปัจจัยภายนอก และเพิ่มปัจจัยภายใน (ลดนิสัย ความเคยชินอันเกิดจากความเชื่อโดยอาศํยสติปัญญาเข้าพิจารณาก่อให้เกิดเป็นความรู้ = จินไตย)


    ***จะเห็นได้ว่า เพิ่มและลดนั้น ล้วนเป็นสองขั้วที่ตรงกันข้ามกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ทั้งคำว่า เพิ่ม และ ลด นั้น ในแนวทางสร้างสรรค์ได้อย่างไร เช่น


    เพิ่ม นิสัย ลดปัญญา = MAGIC = เพิ่มความเชื่อ ลดความรู้
    เพิ่ม ปัญญา ลดนิสัย = MIRACLE = เพิ่มความรู้ ลดความเชื่อ


    ย้ำให้เห็นถึงทั้งสองขั้วที่ต้องมาคู่กันเสมอ แต่***ทำอย่างไรเราจึงจะค้นพบการนำทั้งสองขั้วนั้นมาสนับสนุน ส่งเสริมการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน***ได้เท่านั้น และนี่แหละคือ ความจริงในแนวทางสร้างสรรค์ของธรรมชาติ ซึ่งก็คือ การใช้ประโยชน์จากขั้วลบไปในแนวทางที่สนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดการกระทำอันสร้างสรรค์ (บวก) เพื่อการเข้าถึง ธรรม หรือ แก่นแท้ของธรรมชาติของจิตวิญญาณ (นั่นแหละเหตุใดเขาจึงใส่จุด ดำ และ ขาว เล็ก ๆ ในสัญญลักษ์หยินหยาง) หรือ การนำ B และ J มาตัดกัน



    WITH LOVE

    JINTAWADEE
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2010
  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ตัวอย่างข้อความที่ทำให้มองเห็นชัดถึง การสนับสนุนของ B และ J หรือ การใช้ขั้วลบมาสนับสนุนให้เกิดขั้วบวก

    "ทุกอุปสรรค ปัญหาอันไม่คาดคิด คือของขวัญจากมารที่แปลงรางมาเปิดโอกาสแห่งการพัฒนาปัญญาบารมี"

    "มารไม่มี บารมีไม่เกิด"

    ในพวงดอกไม้ของมารมีน้ำหวานแห่งบารมีมากมายซุกซ่อนอยู่

    เมื่อเจ้าต้องการปัญญาบารมี
    มาจะส่งเส้นใยอันถักทอเป็นปัญหามาให้

    เมื่อเจ้าสร้างเมตตาบารมี
    มารจะเหยียบย่ำต้นไม้แห่งความปรารถนาดี

    เมื่อเจ้าขอขันติบารมี
    มารจะโจมตีด้วยอุปสรรคแห่งตัณหา

    เมื่อเจ้าตั้งสัจจะบารมี
    มารจะหลอกให้คลาดเคลื่อนวิปลาส

    เมื่อเจ้าจะยืนหยัดอธิษฐานบารมี
    มารจะส่งความไม่คงที่อันไม่คาดคิดมาทิ่มแทง

    เมื่อเจ้าตั้งใจมั่นคงในอุเบกขาบารมี
    มารจะมอบความยินดียินร้ายมาป้ายสีรอบด้าน

    เมื่อเจ้าจะสร้างทานบารมี
    มารจะฉกฉวยหักหลังและร้องขอ

    เมื่อเจ้าไม่ย่อท้อในวิริยะบารมี
    มารจะสร้างภูผาแห่งอกุศลมาขวางหน้าให้ฝ่าฟัน

    เมื่อเจ้ายึดมั่นในศีลบารมี
    มารจะโจมตีให้เผลอลืมกายใจไม่ปกติ

    เมื่อเจ้าหน่ายกามเข้าเนกขัมมบารมี
    มารจะมอบกามโอฆะมาถาโถม

    จากหนังสือ "อยู่กับมาร" ของพระครูใบฏีกาอำนาจ โอภาโส

    จินตวดี
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** TUNE UP ****

    พลังสูงสุด...
    เกิดขึ้นเมื่อ ปรับจูนให้....กายวาจาใจ ตรงกัน
    เรียก การกระทำนั้นว่า...การกระทำเที่ยง

    ในทางโลก...เกิดเป็น การกระทำเที่ยง
    เกิดภาพขึ้นมา....แล้วก็ดับไป

    ในทางธรรม...เกิดเป็น ตัวกระทำเที่ยง
    เกิดขึ้นมาแล้ว คงอยู่ตลอดไป

    ตัวกระทำ...ย่อมส่งผลตอบแทน ย้อนกลับมา
    ตัวกระทำเที่ยง....ย่อมส่งผลเที่ยง ตรง ไม่บ่ายคล้อย

    สัจจะ....นำให้เกิด ตัวกระทำเที่ยง
    ตัวกระทำเที่ยง...จะพารอดพ้นทุกข์ ก้าวข้ามกรรมไปได้

    ถ้าไม่มีสัจจะ ก็ไม่มีวันหลุดพ้นจากโลกไปได้
    เหมือนเป็น นิยามของการหลุดพ้นทุกข์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. deep listening

    deep listening เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +536
    โมทนาสาธุครับ คุณจินตวดี
    อ่านคำถึงว่า "มารไม่มี บารมีไม่เกิด"
    ก็เริ่มคุ้นๆ เพราะเพิ่งซื้อหนังสืออยู่กับมาร มา
    เมื่อคืนเพิ่งเปิดอ่านคร่าวๆ วันนี้เข้ามาเจอโพสต์นี้
    เป็นการยืนยันที่ชัดเจน
    รู้สึกดีครับ ขอบคุณมากครับ
     
  12. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    อนุโมทนาสาธุเป็นจริงตามนี้ทุกประการ ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณในเว็บนี้

    "ทุกอุปสรรค ปัญหาอันไม่คาดคิด คือของขวัญจากมารที่แปลงรางมาเปิดโอกาสแห่งการพัฒนาปัญญาบารมี"

    "มารไม่มี บารมีไม่เกิด"

    ในพวงดอกไม้ของมารมีน้ำหวานแห่งบารมีมากมายซุกซ่อนอยู่

    เมื่อเจ้าต้องการปัญญาบารมี
    มาจะส่งเส้นใยอันถักทอเป็นปัญหามาให้

    เมื่อเจ้าสร้างเมตตาบารมี
    มารจะเหยียบย่ำต้นไม้แห่งความปรารถนาดี

    เมื่อเจ้าขอขันติบารมี
    มารจะโจมตีด้วยอุปสรรคแห่งตัณหา

    เมื่อเจ้าตั้งสัจจะบารมี
    มารจะหลอกให้คลาดเคลื่อนวิปลาส

    เมื่อเจ้าจะยืนหยัดอธิษฐานบารมี
    มารจะส่งความไม่คงที่อันไม่คาดคิดมาทิ่มแทง

    เมื่อเจ้าตั้งใจมั่นคงในอุเบกขาบารมี
    มารจะมอบความยินดียินร้ายมาป้ายสีรอบด้าน

    เมื่อเจ้าจะสร้างทานบารมี
    มารจะฉกฉวยหักหลังและร้องขอ

    เมื่อเจ้าไม่ย่อท้อในวิริยะบารมี
    มารจะสร้างภูผาแห่งอกุศลมาขวางหน้าให้ฝ่าฟัน

    เมื่อเจ้ายึดมั่นในศีลบารมี
    มารจะโจมตีให้เผลอลืมกายใจไม่ปกติ

    เมื่อเจ้าหน่ายกามเข้าเนกขัมมบารมี
    มารจะมอบกามโอฆะมาถาโถม

    จากหนังสือ "อยู่กับมาร"


    ขอบพระคุณคุณ JINTAWADEEสุดยอดPro นัก แปลรหัสขั้นเทพขอให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านและโพสข้อความเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมค่ะ
     
  13. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    มารโจมตีเราทุกรูปแบบ แบบไม่คาดคิด แบบคนที่ไม่เคยร้องไห้เป็นเวลา 20 ปี
    ต้องมานั่งร้องห่มร้องไห้เหมือนคนบ้า จิตสลดได้เพราะมาร วันนึงจิตสะอื่นไปหลายหน
    เจอมารตัวเดียวมันแปรสภาพไหลลื่นไปตามสถานะการได้น่าตาเฉย เหวอไปเลยทีเดียว
    555 เจ็บทุกข์ทรมานเพียงใด สำคัญที่ใจ ต้องมีกำลังpig_cryy
     
  14. Sopasiri

    Sopasiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    449
    ค่าพลัง:
    +912
    อย่าปล่อยให้ปัจจัยภายนอกมากระทบ

    คนอัดลูกบอลใส่กำแพง

    มีแต่ลูกบอลจะเด้งกลับไปหาคนส่ง

    กำแพงมันจะรู้สึกอะไรมั้ย

    อยากเป็นเป็นคนส่งหรือว่ากำแพง

    ???
     
  15. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ถ้าเราเริ่มรู้สึกว่าเราเก่งเราแน่กว่าคนอื่นเราดีกว่าคนอื่น แค่นี้เราก็เสร็จมารแล้วครับ ถูกมารมันต้มเสียสนิทเลยครับ
     
  16. ข้าวใจ

    ข้าวใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    64
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +975
    สัตว์ จะ ทำ - สัจ จะ ธรรม
     
  17. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    เราอ่อนด๋อยมากเลยฮ่า....เจอมารตัวเป็นเป็น
    อยากเป็นกำแพงเพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง กำแพงเจ็ดชั้นdannce_
     
  18. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    [​IMG]
    ผมขออนุญาตปรับพลังงานในห้อง
    เป็นพลังงานบวกอย่างแรงครับ
    High positive forces
    ;40_Friend_;43;aa44;aa58catt13
     
  19. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    อนุโมทนาสาธุค่ะ ขอบพระคุณคุณวสุธรรม พลังของท่านแรงจริง
    กระทบตา สะเทือนถึงดวงใจ:cool:
     
  20. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ข้าพเจ้ายังเป็นเพียงแค่ผู้ที่กำลังเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับทุก ๆ ท่าน เราทุกคนที่นี่ต่างก็กำลังจับมือกันไป และก้าวขึ้นไปพร้อม ๆ กัน โดยปราศจากผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้นำ เพราะทุก ๆ ท่านที่เข้ามาที่นี่ต่างก็ถือ KEY มาด้วยเหมือนกันหมดทุกคน

    เราทุกคนเปรียบได้กับภาพปริศนา JIGSAW อันจะขาดไปซึ่งชิ้นใด ชิ้นหนึ่งก็ไม่ได้ มิฉะนั้น ภาพรวมนั้นก็จะปราศจากความหมาย และ ไร้ซึ่งคุณค่า แต่ละท่านที่เข้ามาล้วนมี KEY และมีความเข้าใจไปในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ลุ่มลึกอันเป็นของตัวท่านเอง (YOUR OWN WAY) และทุกท่านต่างก็มีความสามารถในการแปลความหมายได้เท่าเทียมกันทุกคน

    หนังสือ "อยู่กับมาร" ข้าพเจ้าเองก็เพิ่งจะซื้อมาเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้อ่านเลย เพียงแต่จำได้ว่า ตอนเปิดผ่านตาดู ก็สะดุดตากับข้อความนี้เช่นกัน "มารไม่มี บารมีไม่เกิด" และ บทกลอนที่ได้นำมาลง ก็สะดุดใจ ข้าพเจ้าตั้งแต่แรกเห็นเช่นเดียวกัน

    สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียน เป็นเพียงแค่ความรู้อันเกิดจากการทำความเข้าใจภายใน ถ้าเทียบกับใบไม้ทั้งป่าแล้ว ความเข้าใจของข้าพเจ้ายังไม่ได้เพียงสักเสี้ยวของใบไม้เพียงใบเดียว ข้าพเจ้าจึงยังเป็นเพียงแค่ผู้น้อยด้อยความรู้ ที่ยังคงต้องการคำแนะนำจากผู้อาวุโสทั้งหลายอีกเป็นอย่างมาก สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนยังคงเป็นแค่เพียงความต้องการแบ่งปันเท่านั้นเอง

    ด้วยรัก และ เคารพ

    จินตวดี
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...