แจกของดีที่มีค่ากว่าสิ่งใดๆ ขอเชิญร่วมอ่าน ธรรมะเพื่ออบรมจิตใจ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์ปิยธโร, 11 มิถุนายน 2010.

  1. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    15,278
    ค่าพลัง:
    +14,363
    [​IMG]

    กราบนมัสการพ่อแม่ครูอาจารย์ขอรับ

    ขอเชิญทุกท่าน ร่วมอ่านบทความธรมะและพระธรรมเทศนาของพระแม่ครูอาจารย์


    วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกระทู้
    ๑.เพื่อเป็นการนอบน้อมและบูชาคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพ่อแม่ครูอาจารย์ทุกๆพระองค์
    ๒.เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าถึงและน้อมรับธรรมะเข้าสู่หัวใจของท่านถึงที่ โดยไม่ต้องเป็นภาระหาอ่านตามที่ต่างๆ
    ๓.ผมอยากทำและตั้งใจที่จะทำกระทู้นี้ขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากการอ่านบทความนี้ และได้อบรมจิตใจด้วยตัวท่านเอง
    ๔.เพื่อใช้กระทู้นี้ในการแลกเปลี่ยนทัศนคติด้านการเจริญภาวนา การอบรมจิตใจ รวมถึงเรื่องต่างๆอันเป็นกุศลกรรม


    ทุกอย่างที่เป็นไป ดีหรือร้าย สุขหรือทุกข์ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นที่จิตใจของเราทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้หนทางที่จะยุติความสุขแลความทุกข์หรือทำให้ทั้งสองสิ่งมีความเป็นกลางเท่ากัน ก็คือ การทำความรู้จัก การศึกษา การอบรมจิตใจของตัวเราเองให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น เพราะนี่เป็นวิธีที่ง่ายและใกล้ตัวเรามากที่สุด


    วิทมน :ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ถึงแม้ไม่ได้อ่านแต่เพียงจิตยินดีที่จะเข้ามาชม เพียงเท่านี้กุศลก็เกิดแล้วครับ เจตนาเป็นเหตุ
     
  2. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    15,278
    ค่าพลัง:
    +14,363
    โอวาทธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร

    โอวาทธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร
    บันทึกธรรมโดย หลวงปู่หลุย จันทสาโร
    พ.ศ. ๒๔๘๓ ณ วัดป่าโนนนิเวศน์ จังหวัดอุดรธานี
    ____________________________
    ( จากหนังสือ " บูรพาจารย์ " โดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๔๔ )​


    1.ในโลกนี้เป็นธาตุทั้งนั้นให้รู้เท่าทันกับธาตุอย่าหลงตามธาตุ
    2.ให้เห็นปัจจุบันธรรม อย่าส่งจิตอนาคตและอดีต
    3.ธาตุ ๘๔,๐๐๐ ธาตุออกมาจากจิตหมด
    4.นิโรธเป็นของดับเพราะรู้เท่าแล้ว จิตไม่เกิดยินดี ยินร้าย ดับไปเช่นนี้ ชื่อว่านิโรธ
    5.แสดงฌานเป็นที่พักชั่วคราวแล้วเจริญต่อๆ ไป
    6.ให้เอากาย วาจา ใจนี้ยกขึ้นพิจารณา อย่าเพิ่มอย่าเอาออก ให้เห็นเป็นปกติ
    7.มรรค ๘ นั้น สมาธิมรรคเป็นองค์ ๑ นอกนั้นเป็นปริยาย
    8.ให้รู้ธรรมะและอาการของธรรมถึงขั้นละเอียดแล้วก็จะรู้เองเห็นเอง
    9.ถ้าส่งจิตใจต้องเด็ดเดี่ยวกล้าหาญที่สุดจึงจะรู้ธรรมเห็นธรรม
    10.เกิดตาย เกิดแล้วตาย ชมแต่หนังของเก่า อย่าไปเอามา ให้รู้เฉพาะปรกติของจิต
    11.แสดงตนดูถูกท่านว่าท่านเป็นคนโกรธ เพราะผู้ฟังไม่เห็นตามความเป็นจริง เพราะยุ่งแต่จิตของตัวเท่านั้น
    12.เกิดความรู้อย่างพิเศษแล้วย่อมมหาอานิสงส์ประมาณไม่ได้
    13.อัตฺตาหิ…. ฯลฯ เป็นของลึกลับเหลือที่สุด
    14.ให้รู้ธาตุเห็นธาตุ จิตจึงไม่ติดทางราคะ
    15.คนเราจะดีจะชั่วต้องเกิดวิบัติเสียก่อน
    16.ท่านแสดงไม่อ้างสวรรค์ นิพพาน ไม่อ้างทุคติ อ้างความเป็นไปทางปัจจุบันอย่างเดียวเพราะชั่วดีก็ปัจจุบันที่ยังเป็นชาติมนุษย์
    17.ความรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นอนันตนัย มากมายยิ่งกว่า ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เป็นอุบายที่จะทรมานสัตว์
    18.ท่านกำชับว่าอย่าให้จิตเพ่งนอกให้รู้ในตัวเห็นในตัวเมื่อรู้ในตัวแล้วรู้ทั่วไป เพราะตัวเป็นต้นเหตุ
    19.ให้แก้ปัจจุบัน เมื่อแก้ปัจจุบันได้แล้ว ภพ ๓ นั้นหลุดหมดไม่ต้องส่งอดีต อนาคต ให้ลบอดีตภายนอกให้หมด จึงจะเข้าอารมณ์ภายในได้เพ่งนอกเป็นตัวสมุทัย
    20.เล่นนิมิตก็ได้ ยินดียินร้ายก็ได้ เรียกว่าคุ้มเงาตน เชื่อนิมิตเป็นบ้า



    ผมจะหาบทความมาลงเรื่อยๆครับ หรือหากท่านใดมีบทความอันเป็นข้อคิดดีๆของพ่อแม่ครูอาจารย์ ขอเชิญโพสต์ในกระทู้นี้ได้เลยครับ แบ่งปันของฟรีอันมีค่าให้แก่ผู้อื่นได้อ่าน ไม่แน่หรอกนะครับเพียงแง่คิดเล็กๆของบทความ อาจนำไปสู่แสงสว่างอันใหญ่ยิ่งทางปัญญาของใครหลายๆก็ได้ สาธุๆๆๆ
    ขอบคุณข้อมูลจาก : www.luangpumun.org

    วิทมน :ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ถึงแม้ไม่ได้อ่านแต่เพียงจิตยินดีที่จะเข้ามาชม เพียงเท่านี้กุศลก็เกิดแล้วครับ เจตนาเป็นเหตุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2010
  3. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    15,278
    ค่าพลัง:
    +14,363


    อนุโมทนาด้วยครับ

    เพียงแค่มีจิต click เข้ามาแค่นี้จิตก็เป็นกุศลแล้วครับ
     
  4. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    15,278
    ค่าพลัง:
    +14,363
    กินแบบนักโทษ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    หยดน้ำบนใบบัว คติธรรมและชีวประวัติ
    พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี


    ตอนที่ 5 อุตสาหะพากเพียรฝึกฝนจิต แม้ประสบทุกข์เจียนตาย แต่ความมุ่งมั่นไม่ถอย

    กินแบบนักโทษ

    ท่านเข้มงวดจริงจังมากกับการควบคุมเรื่องอาหารการขบฉัน เพื่อมิให้มาเป็นโทษหรือเป็นพิษเป็นภัยต่อการภาวนา ถึงแม้จะทุกข์ยากเพียงใดท่านก็พยายามอดทน ดังนี้

    "...ข้าวไม่กินภาวนายิ่งดี หลายวันกินทีหนึ่ง หลายๆ วันถึงกินทีหนึ่ง สมาธิก็แน่ว พอทางขั้นปัญญานี้ก็เหมือนกัน ปัญญาก็คล่องตัว ถ้าอดอาหารนะมันช่วยกันจริงๆ นี่หมายถึงผมเอง จะว่านิสัยหยาบอะไรก็แล้วแต่เถอะ...ถ้าฉันอิ่มๆ แล้ว โอ้โห ขี้เกียจก็มาก นอนก็เก่ง ราคะตัณหาก็มักเกิด ได้ระวังอันนี้ละมากนะ

    คือธาตุขันธ์เวลามันคึกคะนองมันเป็นของมันนะ เราไม่ได้ไปคึกคะนองกับมัน ไม่ได้ไปสนใจยินดีไยดีกับมันก็ตามนะ แต่เรื่องธาตุเรื่องขันธ์เป็นเครื่องเสริม มันแสดงออกมาเราก็รู้ อย่างอาหารดีๆ ตามสมมตินิยมนี้ด้วยแล้ว พวกผัดๆ มันๆ โห เก่งมากนะ ได้ระวัง ผมไม่ได้กินแหละ ถึงจะไปในเมืองที่ไหนจำเป็นก็กินนิดๆ ระวังขนาดนั้นนะ

    อาหารสัปปายะ อาหารเป็นที่สบายในธรรมที่ท่านสอนไว้ว่า ที่สบายในการภาวนาต่างหากนี่ ไม่ได้สบายเพื่อราคะตัณหาเกี่ยวกับธาตุขันธ์นี่นะ...กินแล้วธาตุขันธ์ก็ไม่กำเริบ การภาวนาก็สะดวกสบาย...ท่านหมายเอาอย่างนั้นต่างหาก...จึงต้องได้ระมัดระวัง โอ๊ย กินแบบนักโทษนั่นแหละ พูดง่ายๆ...จะเห็นแก่ลิ้นแก่ปากไม่ได้นะ มันต้องได้มองดูธรรมอยู่ตลอดเวลา อยากขนาดไหนก็ไม่เอา ถ้าเห็นว่ามันเป็นข้าศึกต่อธรรมแล้ว ต้องได้บังคับกันอยู่ตลอด...

    นี่พูดถึงเวลาฝึกทรมานเจ้าของอาหาร จะต้องมีแต่อาหารอย่างว่าละ เช่น ข้าวเปล่าๆ ไม่ต้องพูดละ จนชินเรื่องฉันข้าวเปล่าๆ อยู่ในป่าในเขา บางทีถ้าสมมติว่าเขาตำน้ำพริกมาให้ เขาก็ใส่ปลาร้าเสีย ปลาร้าก็เป็นปลาร้าดิบอย่างนี้ มันก็ฉันไม่ได้เสีย จะว่ายังไงเพราะไม่ได้มีใครตามมานี่ เขาจะตามมาอะไร เราก็ไม่ให้เขาตามนี่ เราไม่ต้องการยุ่ง บางทีเขาก็ตำน้ำพริกให้สักห่อหนึ่งมา น้ำพริกถ้ามีแต่พริกล้วนๆ เราก็ฉันได้ แต่นี้มันมีปลาร้านั้น ปลาร้าดิบนี่ เขาไม่ใช่ทำปลาร้าสุกๆ มันก็เลยกินไม่ได้...

    ...ฉันข้าวเปล่าๆ มันฉันได้มากแค่ไหน 2-3 คำมันก็อิ่มแล้ว...ทีนี้เดินจงกรมตัวปลิวไปเลย นั่งภาวนานี่เป็นหัวตอ ไม่มีโงกมีง่วง มันก็บ่งให้เห็นได้ชัดๆ ว่า เพราะอาหารนั่นเอง มันทำให้โงกให้ง่วง...ถ้ามีกับดีๆ ก็ฉันได้มาก ฉันได้มากก็นอนมาก ขี้เกียจมากน่ะซี โงกง่วง นั่งสัปหงกงกงันไปละ ก็เคยเป็นอยู่แล้วรู้อยู่ ไปอยู่อย่างนั้นมันไม่นี่ ฉันอาหารอย่างที่ว่า นี่นะ...เพราะฉะนั้น จึงอดบ้าง อิ่มบ้าง อยู่ไป ขอให้ใจได้สะดวกสบาย..."


    ผมจะหาบทความมาลงเรื่อยๆครับ หรือหากท่านใดมีบทความอันเป็นข้อคิดดีๆของพ่อแม่ครูอาจารย์ ขอเชิญโพสต์ในกระทู้นี้ได้เลยครับ แบ่งปันของฟรีอันมีค่าให้แก่ผู้อื่นได้อ่าน ไม่แน่หรอกนะครับเพียงแง่คิดเล็กๆของบทความ อาจนำไปสู่แสงสว่างอันใหญ่ยิ่งทางปัญญาของใครหลายๆก็ได้ สาธุๆๆๆ
    ขอบคุณข้อมูลจาก : www.<CITE>larndham.org</CITE>

    วิทมน :ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ถึงแม้ไม่ได้อ่านแต่เพียงจิตยินดีที่จะเข้ามาชม เพียงเท่านี้กุศลก็เกิดแล้วครับ เจตนาเป็นเหตุ
     
  5. nipat2552

    nipat2552 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,535
    อนุโมทนา สาูธุครับ


    ปี พ.ศ.ที่พิมพ์ น่าจะพิมพ์ผิดนะครับ
    โอวาทธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร
    บันทึกธรรมโดย หลวงปู่หลุย จันทสาโร
    พ.ศ. ๒๕๘๓ ณ วัดป่าโนนนิเวศน์ จังหวัดอุดรธานี

     
  6. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    15,278
    ค่าพลัง:
    +14,363


    ขอบพระคุณครับ พิมพ์ผิดครับ
    พิมพ์เผื่ออนาคตเลยครับ :cool:
     
  7. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    15,278
    ค่าพลัง:
    +14,363
    ตอน2 โอวาทธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร

    โอวาทธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร
    บันทึกธรรมโดย หลวงปู่หลุย จันทสาโร
    พ.ศ. ๒๔๘๓ ณ วัดป่าโนนนิเวศน์ จังหวัดอุดรธานี
    ____________________________
    ( จากหนังสือ " บูรพาจารย์ " โดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๔๔ )​

    21.ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ นี้เองทำให้บุคคลเป็นพระอรหันต์
    22.ญาณ ของพระพุทธเจ้า ท่านหมายเอา สกนธ์กาย เช่น นิมิตธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุดิน และอาการ ๓๒ เป็นนิมิต ท่านบอกว่ารู้เห็นเช่นนี้ บรรดาท่านเจ้าคุณที่หลายไม่คัดค้านเลยฯ
    23.สัตว์เกิดในท้องมารดาทุกข์แสน กามเป็นของต่ำช้า เป็นของที่นำทุกข์เดือดร้อนฯ
    24.โลกสันนิวาส มีความแปรปรวนตั้งเที่ยงอยู่เช่นนั้น แต่จิตของเรารักษาไว้ให้ดีอย่าให้ติด ถ้าไม่ติดก็ได้ชื่อว่าเป็นสุข ในตอนนี้ท่านแสดงทบไปทบมาเพื่อให้ศิษย์รู้
    25.พิจารณาค้นกาย ตรวจกายถูกดีแล้ว ไม่เป็นปัญหาขึ้นมาได้ ถ้าไม่ถูก ย่อมเป็นปัญหาขึ้นมา
    26.ค้นดูกายถึงหลัก และเห็นอริยสัจของจริงแล้ว
    27.เดินตามมรรคเห็นตัวสมุทัยเห็นทุกขสัจ
    ต้องทำจิตให้เป็นเอก ต้องสงเคราะห์ธรรมให้เป็นเอกเสมอๆ
    28.อริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค คือ กาย วาจา ใจ เป็นมรรค เข้าไปดับทุกข์ ดับสมุทัย ดับนิโรธ นิโรธดับไม่เอา เอาที่ไม่ดับ คือดับนั้นยังเป็นตัวมรรค เอาสิ่งที่ไม่ดับ สิ่งที่ตั้งอยู่นั้นแหละเป็นตัวให้สิ้นทุกข์
    29.ปฏิภาค นั้นอาศัยผู้ที่มีวาสนา จึงจะบังเกิดขึ้นได้ อุคหนิมิต นั้นเป็นของที่ไม่ถาวร พิจารณาให้ชำนาญแล้วเป็น ปฏิภาคนิมิต ชำนาญทาง ปฏิภาค แล้วทวนเข้ามาเป็นตน ปฏิภาคนั้นเป็นส่วนวิปัสสนาฯ
    30.ท่านพิจารณาร่างกระดูกได้ ๕๐๐ ชาติมาแล้ว ตั้งแต่เกิดเป็นเสนาบดีเมืองกุรุราชเป็นอุบาสก ถึงพระรัตนตรัย
    31.เจริญทางจิตอย่างเดียว ตั้งแต่ อุปจารสมาธิ รู้วาระจิตของผู้อื่นได้ แก้นิวรณ์ได้แต่โมหะคุมจิต ถ้าเจริญวิปัสสนา ถึง อัปปนาสมาธิ ท่านอาจารย์บอกเช่นนั้น และบอกว่าทำความรู้ให้พอเสียก่อนจึงไม่หวั่นไหว
    32.ให้รู้ที่จะแก้จิตของตน ให้รู้จักภพของตนที่จะไปเกิดฯ ท่านอาจารย์ได้พิจารณาวัฏฏะ ๕๐๐ ชาติ
    33.ต้องผ่านความผิดมาเสียก่อนจึงปฏิบัติถูก ความผิดเป็นเหตุเความถูกเป็นผลของความทั้งหลาย ต้องเดินมรรค ๘ ให้ถูกจึงจะแก้ได้ เดินตามสายหนทางของพระอริยเจ้า ใช้ตบะอย่างยิ่งคือ ความเพียร จึงจะสอนตนได้ โลกีย์ โลกุตระ ๒ อย่างประจำอยู่ในโลก ๓ ภพ
    34.ปัญญามีสัมปยุตทุก ๆ ภูมิ กามาวจร รูปาวจร อรูปาวจร โลกุตระเหล่านี้ล้วนแต่มีปัญญาประกอบ ควรที่เป็นเสียมก็เป็น ควรที่เป็นขวานก็เป็น ส่วนที่เฉย ๆ เรื่อย ๆ นั้น เช่น เหล็กเป็นแท่งกลม จะเอามาใช้อะไรก็ไม่ได้ นี้ฉันใด
    35.จะบอกการดำเนิน วิปัสสนา และ สมถะ โดยเฉพาะนั้นมิได้ เพราะมันไปหน้าเดียว จริตของคนต่าง ๆ กัน แล้วแต่ความฉลาดไหวพริบของใคร เพราะดำเนินจิตหลายแง่แล้วแต่ความสะดวก
    36.อย่าให้จิตเพ่งนอก ให้รู้ในตัว เห็นในตัว เมื่อรู้ในตัวแล้วรู้ทั่วไป เพราะตัวเป็นต้นเหตุ
    37.เทศน์เรื่องมงคลวิเสส ที่มนุษย์ เทวดามีความสงสัย มิได้แก้อัตถะแปลได้เหมือนพระพุทธองค์ มนุษย์เป็นสถานกลาง อะไรดีหรือชั่วก็ต้องกลั่นออกไปจากมนุษย์นี้ทั้งนั้น ทำให้เป็นดีก็มนุษย์ ทำให้ชั่วก็มนุษย์ จะเป็นปุถุชนก็มนุษย์ จะเป็นพระพุทธเจ้าก็มนุษย์
    38.ท่านเทศน์ให้สงเคราะห์เข้าตนทั้งนั้น สุกะ เป็นธาตุบูดเน่าเป็นธรรมชาติของเขา ร้ายแต่มนุษย์ จิตติดสุภะ ดื่มสุรา ท่านยกพระโพธิสัตว์ยกเป็นกษัตริย์ มีเมีย ๖ หมื่น บุตรราหุล ท่านก็ไม่เมา ไหนเรามีเมียตาเปียกคนเดียวติดกันจนตาย ธาตุเมาอันนี้เป็นธรรมชาติไม่ให้คนสิ้นสุดทุกข์ไปได้
    39.บุคคลรักษาจิต ได้แล้วทั้งศีล แม่รักษาทางปัญญา ได้แล้วทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา ดุจข้าวสุกที่สำเร็จแล้ว เราจะตวงกิน ไม่ต้องไปกังวลทำนาเก็บเกี่ยว และข้าวเปลือก ข้าวสารเลย กินข้าวสุกแล้วก็เป็นพอนี้ ก็ฉันได้ เป็นสถานที่สำรวม
    40.ภายนอกให้ละเอียดเสียก่อน แล้วภายในจึงละเอียด

    ผมจะหาบทความมาลงเรื่อยๆครับ หรือหากท่านใดมีบทความอันเป็นข้อคิดดีๆของพ่อแม่ครูอาจารย์ ขอเชิญโพสต์ในกระทู้นี้ได้เลยครับ แบ่งปันของฟรีอันมีค่าให้แก่ผู้อื่นได้อ่าน ไม่แน่หรอกนะครับเพียงแง่คิดเล็กๆของบทความ อาจนำไปสู่แสงสว่างอันใหญ่ยิ่งทางปัญญาของใครหลายๆก็ได้ สาธุๆๆๆ
    ขอบคุณข้อมูลจาก : www.luangpumun.org

    วิทมน :ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ถึงแม้ไม่ได้อ่านแต่เพียงจิตยินดีที่จะเข้ามาชม เพียงเท่านี้กุศลก็เกิดแล้วครับ เจตนาเป็นเหตุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2010
  8. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    15,278
    ค่าพลัง:
    +14,363
    ตอน3 โอวาทธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร

    โอวาทธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร
    บันทึกธรรมโดย หลวงปู่หลุย จันทสาโร
    พ.ศ. ๒๔๘๓ ณ วัดป่าโนนนิเวศน์ จังหวัดอุดรธานี
    ____________________________
    ( จากหนังสือ " บูรพาจารย์ " โดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๔๔ )​

    41.ครั้งพุทธกาล บางองค์ติดทางสมาธิ ๕๐ ปี จึงสำเร็จก็มี
    42.พระอานนท์ เป็นคลังแห่งพระธรรม อะไรท่านรู้หมด ทำเนิ่นช้า เพราะท่านติดพระสูตร พระอภิธรรม ไม่น้อมลงมาปฏิบัติ จึงสำเร็จช้าอายุ ๘๐ ปี หลังพุทธปรินิพพาน ๓ เดือน
    43.พระอานนท์ทำความเพียรในกายวิปัสสนา กำหนดจิตโดยมิได้ละ จนขาตรงทีเดียว จึงได้ทอดกายด้วยสติ หัวยังไม่ทันถึงหมอนจิตก็เข้าสู่ภวังค์ ภวังค์หายไป เกิดความรู้ เญยธรรมทั้งหลายฯ
    44.พระโมคคัลลาน์ สารีบุตร ล้วนแต่เกิดในตระกูลมิจฉาทิฐิ โมคคัลลาน์สั่งสอนแม่ไม่ได้เลยทีเดียวฯ
    45.เหตุปจฺจโย โหติ ธรรมทั้งหลายเกิดเพราะเหตุ ดับเพราะเหตุฯ
    46.อย่าเชื่ออภิญญาฯ ปฏิบัติเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นอาบัตทุกกฏ
    47.ธรรมเป็นของเย็น พระกรรมฐานอยู่ที่ไหน สัตว์ป่าต้องอาศัยอยู่ หมูป่าเห็นคฤหัสถ์เป็นยักษ์เป็นมาร เบียดเบียนสัตว์ ยิงจนไม่มีเหลือ เสียภูวัว ท่านอาจารย์ทำอุโบสถ มันมาร้อง เมื่อฟังปาฏิโมกข์จบแล้วมันก็หายไป ท่านอาจารย์มั่นคุ้นเคยสัตว์เหล่านี้ ท่านรู้วาระจิตสัตว์เหล่านี้ เป็นมิตรสหายกันด้วยธรรมเครื่องเย็นใจ
    48.สัตว์เดรัจฉาน เขาก็มีสัญญา ปัญญา นามธรรม รู้เหมือนกับมนุษย์ แต่เขาพูดไม่ได้
    49.ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นนั้นอย่าย้าย มันเต็มแล้วมันย้ายเอง ท่านเตือนท่านมหาบัวฉะนั้นพระโยคาวจรเจ้า ละกิเลสส่วนใดได้แล้วท่านไม่กลับมาละอีก เพราะมรรคประหารสิ้นไปแล้ว เดินหน้าแก้กิเลสใหม่เรื่อยไป จนละกิเลสรอบ ไม่เกิดอีก นี้ก็เป็นอัศจรรย์
    50.ให้ม้างกายเป็นนิจนั้นดี อย่าให้มันหุ้ม
    51.สถานที่เข็ดขวาง ท่านบบอกว่าเป็นพวกเปรต ต้องทำบุญให้ทานอุทิศถึง เขาก็ได้รับอนุโมทนา หายไปเกิด ณ ที่อื่นๆ
    52.ท่านไม่ชอบฤทธิ์ ชอบภาวนาให้สิ้นกิเลส ฤทธิ์ทั้งหลายเกิดด้วยกำลังสมถะ ฌาณสมาบัติ ทั้งนั้น ใช้วิปัสสนาอย่างเดียวไม่มีฤทธิ์สำเร็จอรหันต์
    53.ฝึกหัดจิตดีแล้ว จิตเข้มแข็งมีอำนาจมาก ย่อมกระทำจิตสารพัดได้ทุกอย่าง เมื่อเห็นอำนาจของจิตแล้ว แลเห็นกายเป็นของอ่อนจิตบังคับกายได้ฯ
    เขาโกรธเรา แต่เราอย่าตอบ ให้พิจารณาความบริสุทธิ์ละลาย แล้วยกธงชัยขึ้น และมีอะไรก็สงเคราะห์เขาผู้ประมาณ ไม่นานเขากลับคืนดี ไม่กลับคืนดีก็วิบัติถึงตายทีเดียว
    54.ใครจะไปบังคับจิต นั้นไม่ได้เลย ต้องสอนจิตให้อยู่ด้วยอุบาย แม้คำสั่งสอนของพระองค์ ล้วนแต่เป็นนโยบายทั้งนั้น เหตุนั้นท่านจึงไม่ชี้อุบายตรง ๆ ลงไปทีเดียวจึงชักอื่นมาเปรียบเทียบฯ
    55.นิมิตทั้งหลายเกิดด้วยปีติสมาธิอย่างเดียว การภาวนาอย่าให้ทิ้งกายกับจิต นี้เป็นกรรมฐานเดิม แต่ให้จิตเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุดจึงเป็นผู้ที่รู้ธรรมในธรรมฯ
    56.ให้เป็นมหาสติ มหาปัญญา รอบกาย รอบจิต มรณะร้ายมาถึงแล้ว ต้องเข้าแย่งกันในช่องแคบ แม้โพธิสัตว์ชนะมาร ชนะในช่องแคบ
    57.ปฏิภาคนิมิตเกิดเฉพาะผู้ทที่มีวาสนาอย่างเดียว การภาวนาอย่าให้ทิ้งกายกับจิต นี้เป็นกรรมฐานเดิม แต่ให้จิตเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุดจึงเป็นผู้ที่รู้ธรรมในธรรมฯ
    58.สนิมมันเกิดในเนื้อเหล็ก กิเลสมันเกิดในดวงจิต ต้องประหารจิตให้เป็นธรรม
    59.ในโลกนี้เป็นอนัตตาหมด ไม่มีต้นไม้และภูเขา วิปัสสนาลบล้างหมด ไม่มีเชื้อโรคอยู่ในโลกชื่อว่า โลกุตระ
    60เรื่อง กัมมัฏฐาน ๕ ภาวนาให้มาก ในร่างกาย เห็นอสุภะเป็นยาปรมัตย์แก้จิตพระเณรที่บรรพชาอุปสมบท ล้วนแต่พระอุปัชฌายะให้กรรมฐาน ๕ มาทั้งนั้น เป็นหลักสำคัญที่กุลบุตรจะภาวนา รู้แจ้งในรูปธรรมเป็น สนฺทิฏฐิโก เห็นเอง เบื่อหน่ายรูปธรรม อรูปธรรม แลเห็นนามธรรมไปพร้อมกัน


    ผมจะหาบทความมาลงเรื่อยๆครับ หรือหากท่านใดมีบทความอันเป็นข้อคิดดีๆของพ่อแม่ครูอาจารย์ ขอเชิญโพสต์ในกระทู้นี้ได้เลยครับ แบ่งปันของฟรีอันมีค่าให้แก่ผู้อื่นได้อ่าน ไม่แน่หรอกนะครับเพียงแง่คิดเล็กๆของบทความ อาจนำไปสู่แสงสว่างอันใหญ่ยิ่งทางปัญญาของใครหลายๆก็ได้ สาธุๆๆๆ
    ขอบคุณข้อมูลจาก : www.luangpumun.org

    วิทมน :ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ถึงแม้ไม่ได้อ่านแต่เพียงจิตยินดีที่จะเข้ามาชม เพียงเท่านี้กุศลก็เกิดแล้วครับ เจตนาเป็นเหตุ
     
  9. รักเลย

    รักเลย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +2,924
    อนุโมทนาคะ...จะแวะเข้ามาชมอย่างสม่ำเสมอคะ...
    ขอบคุณธรรมดีๆเหล่านี้ด้วยคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...