ทหารพระองค์ดำรายงานตัวหน่อยครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย visut_p, 28 สิงหาคม 2008.

  1. อบ.

    อบ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,538
    [​IMG]

    ปล. สวยจังค่ะ
     
  2. visut_p

    visut_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,763
    แนะนำไม่ถูกเหมือนกันครับ ผมเองก็ยังปฏิบัติไม่เก่ง (ใช้คำว่า "ไม่ได้เรื่องเลย" จะเหมาะสมกว่า) แต่ทุกวันนี้ก็นั่งสมาธิไปทุกวันครับ ดีไม่ดีไม่รู้ รู้ว่าเก็บชั่วโมงบินไว้ก่อนดีกว่า เคยอ่านเจอคำสอน (น่าจะเป็นหลวงปู่ดู่นะครับ) ท่านว่าปฏิบัติธรรมก็เหมือนกินข้าว กินเข้าไปทีละคำเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็อิ่ม
     
  3. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    [​IMG]เห็นภาพนี้แล้วภูมิใจที่เกิดบนพื้นแผ่นดินไทยและภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย ไม่ว่าเกิดชาติใดๆก็ขอเกิดเป็นคนไทยทุกๆชาติและได้รับใช้พระองค์ท่านและรับใช้ชาติอยู่ใต้ร่มโพธิ์พระพุทธศาสนาตลอดไป(ภาพแห่งความทรงจำว่าที่พระองค์ประกาศอิสระภาพไม่ขอเป็นเมืองขึ้นของใคร เราขอเป็นอิสระภาพทั้งกายและหัวใจ)...นึกถึงที่ไรน้ำตาลูกผู้ชายไหลตลอด(อดีต)...สวัสดีครับ
     
  4. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    [​IMG]เหรียญพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสระภาพ...สวัสดีครับ
     
  5. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ตะลอนบุญ...เปิดสามแดนโลกธาตุกับหลวงตามหาบัว

    [​IMG]

    วันที่28พ.ค2553 เวลา 06.30 น.ก่อนการเดินทางเข้าไปกราบพระพุทธรูปหลวงพ่อ
    เจ็ดกษัตริย์
    ที่ภายในการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(บางกรวย)เพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทางปลอดภัย<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
     
  6. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ตะลอนบุญ...เปิดสามแดนโลกธาตุกับหลวงตามหาบัว

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เวลา 20.40 น.เดินทางไปกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงพ่อคูณ สุเมโธ
    วัดป่าภูทอง จ.อุดรธานี ปฏิบัติตามแนวทางสายหลวงปู่มั่น
    ซึ่งที่วัดนี้มีพระประธานคือหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ซึ่งงดงามมาก
    ชาวคณะร่วมถวายปัจจัยพร้อมถวายหมวกกับหลวงพ่อ
    หลวงพ่อท่านเมตตามาก...ท่านเทศนาอบรมธรรมะให้ชาวคณะการไฟฟ้าและคณะพลังจิต
    พร้อมเล่าเรื่องงานเปิดสามแดนโลกธาตุของหลวงตาให้ฟัง
    หลังจากนั้นท่านก็ให้พรพร้อมสวดมนต์ทำน้ำพุทธมนต์พรมให้ชาวคณะ
    ...ที่สังเกตฝนตกหนักมากเหมือนพรมน้ำทิพย์ให้คลายร้อนทำให้จิตใจชาวคณะเย็นในดวงจิต<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  7. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ตะลอนบุญ...เปิดสามแดนโลกธาตุกับหลวงตามหาบัว

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    วันที่ 29 พ.ค. 2553 เวลา 06.45น. รูปภาพชาวบ้าน
    และคณะการไฟฟ้าพร้อมคณะพลังจิตร่วมใส่บาตรพระที่วัดป่าบ้านตาด<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  8. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ตะลอนบุญ...เปิดสามแดนโลกธาตุกับหลวงตามหาบัว

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    วันที่ 29 พ.ค. 2553 ผม...(คุณชานนคนไทย)
    นำปัจจัยที่เพื่อนๆสมาชิกฝากมาถวาย
    และร่วมทำบุญตามกล่องที่รับบริจาคที่วัดป่าบ้านตาด
    พร้อมถวายหมวกที่น้อง.ณ..ฝากมา...สาธุ สาธุ สาธุ<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  9. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ตะลอนบุญ...เปิดสามแดนโลกธาตุกับหลวงตามหาบัว

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    วันที่ 30พ.ค. 2553 ญาติธรรมและคณะการไฟฟ้าและคณะพลังจิตรอหลวงตา<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  10. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    ข่าวสารงานบุญพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    www.watpa.com , www.luangta.com
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  11. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    <TABLE class=wikitable><TBODY><TR><TD bgColor=#f0e68c colSpan=6><CENTER><BIG>สมัยอยุธยา</BIG></CENTER></TD></TR><TR><TH>ลำดับ</TH><TH>รายพระนาม</TH><TH>จุลศักราช</TH><TH>พุทธศักราช</TH><TH>คริสต์ศักราช</TH><TH>รวมปีครองราชย์</TH></TR><TR><TD bgColor=#b0c4de colSpan=6><CENTER>(2) ราชวงศ์อู่ทอง (ครั้งที่ 1, 20 ปี)</CENTER></TD></TR><TR><TD>1</TD><TD>สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)</TD><TD>712-731</TD><TD>1893-1912</TD><TD>1350-1369</TD><TD>20 ปี</TD></TR><TR><TD>2</TD><TD>สมเด็จพระราเมศวร</TD><TD>731-732</TD><TD>1912-1913</TD><TD>1369-1370</TD><TD>ครั้งที่1 ไม่ถึง 1 ปี</TD></TR><TR><TD bgColor=#b0c4de colSpan=6><CENTER>(3) ราชวงศ์สุพรรณภูมิ (ครั้งที่ 1, 18 ปี)</CENTER></TD></TR><TR><TD>1</TD><TD>สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว)</TD><TD>732-750</TD><TD>1913-1931</TD><TD>1370-1388</TD><TD>18 ปี</TD></TR><TR><TD>2</TD><TD>สมเด็จพระเจ้าทองลัน (เจ้าทองจันทร์)</TD><TD>750</TD><TD>1931</TD><TD>1388</TD><TD>7 วัน</TD></TR><TR><TD bgColor=#b0c4de colSpan=6><CENTER>(2) ราชวงศ์อู่ทอง (ครั้งที่ 2, 21 ปี รวม 41 ปี)</CENTER></TD></TR><TR><TD>3</TD><TD>สมเด็จพระราเมศวร</TD><TD>750-757</TD><TD>1931-1938</TD><TD>1388-1395</TD><TD>ครั้งที่2 7 ปี</TD></TR><TR><TD>4</TD><TD>สมเด็จพระรามราชาธิราช</TD><TD>757-771</TD><TD>1938-1952</TD><TD>1395-1409</TD><TD>14ปี</TD></TR><TR><TD bgColor=#b0c4de colSpan=6><CENTER>(3) ราชวงศ์สุพรรณภูมิ (ครั้งที่ 2, 160 ปี รวม 178 ปี)</CENTER></TD></TR><TR><TD>3</TD><TD>สมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์)</TD><TD>771-786</TD><TD>1952-1967</TD><TD>1409-1424</TD><TD>15 ปี</TD></TR><TR><TD>4</TD><TD>สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา)</TD><TD>786-810</TD><TD>1967-1991</TD><TD>1424-1448</TD><TD>24 ปี</TD></TR><TR><TD>5</TD><TD>สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ</TD><TD>810-850</TD><TD>1991-2031</TD><TD>1448-1488</TD><TD>40 ปี</TD></TR><TR><TD>6</TD><TD>สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3</TD><TD>850-853</TD><TD>2031-2034</TD><TD>1488-1491</TD><TD>3 ปี</TD></TR><TR><TD>7</TD><TD>สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พระเชษฐา)</TD><TD>853-891</TD><TD>2034-2072</TD><TD>1491-1529</TD><TD>38 ปี</TD></TR><TR><TD>8</TD><TD>สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (หน่อพุทธางกูร)</TD><TD>891-895</TD><TD>2072-2076</TD><TD>1529-1533</TD><TD>4 ปี</TD></TR><TR><TD>9</TD><TD>พระรัษฎาธิราช</TD><TD>895</TD><TD>2076</TD><TD>1533</TD><TD>4 เดือน</TD></TR><TR><TD>10</TD><TD>สมเด็จพระไชยราชาธิราช</TD><TD>895-908</TD><TD>2076-2089</TD><TD>1533-1546</TD><TD>13 ปี</TD></TR><TR><TD>11</TD><TD>พระยอดฟ้า (พระแก้วฟ้า)</TD><TD>908-910</TD><TD>2089-2091</TD><TD>1546-1548</TD><TD>2 ปี</TD></TR><TR><TD></TD><TD>ขุนวรวงศาธิราช (ไม่ได้รับการยกย่องเทียบเท่าพระองค์อื่น)</TD><TD>910</TD><TD>2091</TD><TD>1548</TD><TD>42 วัน</TD></TR><TR><TD>12</TD><TD>สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเจ้าช้างเผือก)</TD><TD>910-930</TD><TD>2091-2111</TD><TD>1548-1568</TD><TD>20 ปี</TD></TR><TR><TD>13</TD><TD>สมเด็จพระมหินทราธิราช</TD><TD>930-931</TD><TD>2111-2112</TD><TD>1568-1569</TD><TD>1 ปี, การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง</TD></TR><TR><TD bgColor=#b0c4de colSpan=6><CENTER>4) ราชวงศ์สุโขทัย (61 ปี)</CENTER></TD></TR><TR><TD>1</TD><TD>สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 1)</TD><TD>931-952</TD><TD>2112-2133</TD><TD>1569-1590</TD><TD>21 ปี</TD></TR><TR><TD>2</TD><TD>สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2)</TD><TD>952-967</TD><TD>2133-2148</TD><TD>1590-1605</TD><TD>15 ปี</TD></TR><TR><TD>3</TD><TD>สมเด็จพระเอกาทศรถ (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3)</TD><TD>967-982</TD><TD>2148-2163</TD><TD>1605-1620</TD><TD>15 ปี</TD></TR><TR><TD>4</TD><TD>พระศรีเสาวภาคย์ (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 4)</TD><TD>982</TD><TD>2163</TD><TD>1620</TD><TD>ไม่ครบปี</TD></TR><TR><TD>5</TD><TD>สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (สมเด็จพระบรมราชาที่ 1)</TD><TD>982-990</TD><TD>2163-2171</TD><TD>1620-1628</TD><TD>8 ปี</TD></TR><TR><TD>6</TD><TD>สมเด็จพระเชษฐาธิราช (สมเด็จพระบรมราชาที่ 2)</TD><TD>990-991</TD><TD>2171-2172</TD><TD>1628-1629</TD><TD>1 ปี</TD></TR><TR><TD>7</TD><TD>พระอาทิตยวงศ์</TD><TD>991</TD><TD>2172</TD><TD>1629</TD><TD>36 วัน</TD></TR><TR><TD bgColor=#b0c4de colSpan=6><CENTER>(5) ราชวงศ์ปราสาททอง (58 ปี)</CENTER></TD></TR><TR><TD>1</TD><TD>สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5)</TD><TD>991-1018</TD><TD>2172-2199</TD><TD>1629-1656</TD><TD>27 ปี</TD></TR><TR><TD>2</TD><TD>สมเด็จเจ้าฟ้าไชย (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 6)</TD><TD>1018</TD><TD>2199</TD><TD>1656</TD><TD>2 วัน</TD></TR><TR><TD>3</TD><TD>สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 7)</TD><TD>1018</TD><TD>2199</TD><TD>1656</TD><TD>2 เดือน 17 วัน</TD></TR><TR><TD>4</TD><TD>สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3)</TD><TD>1018-1050</TD><TD>2199-2231</TD><TD>1656-1688</TD><TD>32 ปี</TD></TR><TR><TD bgColor=#b0c4de colSpan=6><CENTER>(6) ราชวงศ์บ้านพลูหลวง (79 ปี)</CENTER></TD></TR><TR><TD>1</TD><TD>สมเด็จพระเพทราชา</TD><TD>1050-1065</TD><TD>2231-2246</TD><TD>1688-1703</TD><TD>15 ปี</TD></TR><TR><TD>2</TD><TD>สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ)</TD><TD>1065-1070</TD><TD>2246-2251</TD><TD>1703-1708</TD><TD>5 ปี</TD></TR><TR><TD>3</TD><TD>สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ)</TD><TD>1070-1094</TD><TD>2251-2275</TD><TD>1708-1732</TD><TD>24 ปี</TD></TR><TR><TD>4</TD><TD>สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ</TD><TD>1094-1120</TD><TD>2275-2301</TD><TD>1732-1758</TD><TD>26 ปี</TD></TR><TR><TD>5</TD><TD>สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด)</TD><TD>1120</TD><TD>2301</TD><TD>1758</TD><TD>2 เดือน</TD></TR><TR><TD>6</TD><TD>สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ)</TD><TD>1120-1129</TD><TD>2301-2310</TD><TD>1758-1767</TD><TD>9 ปี, การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    [​IMG]
     
  13. thol

    thol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +837
    ถึงแม้ผมจะใช่ทหารพระองค์หรือไม่แต่ผมก็รัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รักยิ่งชีพ
    ขอให้ใครที่คิดจะทำลายชาติบ้านเมืองของเราทุกๆคนแพ้ภัยที่ตัวเองได้กระทำไว้
     
  14. krongkamons

    krongkamons เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +2,571
    กราบ กราบ กราบ
    งามจริงๆ ขอรบกวนถามว่า สถานที่แห่งนี้ คือ ที่ไหนคะ?
    ว่าแล้วขอ copy ไปลง fb
    ......
    สะดุดตาเป็นที่สุด กรองฯว่า กรองฯต้องไม่เคยมาเที่ยวแน่ๆเลย
    น่าจะเป็นแถบ จังหวัดอยุธยา แน่ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2010
  15. krongkamons

    krongkamons เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +2,571
    รูปนี้ก็งาม

    ใช่ที่วัดใหญ่ชัยมงคลรึเปล่าคะ ?
    ว่าแล้วก็ขอ copy ไปเก็บไว้ใน fb ของเรา
    คิคิคิ
     
  16. คิเคียว

    คิเคียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +459
    พระนเรศวรไม่ใช่ ร.9 หรอกเหรอคะ
     
  17. visut_p

    visut_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,763
    มีผู้มีความรู้ที่พอจะตอบคำถามได้ไหมครับ ???
     
  18. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    [​IMG]
    เรื่องมีอยู่ว่า... ท่านพลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ ผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ (ยศและตำแหน่งสมัยนั้น) ได้นิมนต์ หลวงพ่อพระมหา วีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พร้อมด้วยพระเถระรวม ๖ รูป เพื่อไปบำรุงขวัญของทหารในเขตกองทัพภาคที่ ๒ โดยนำ ผ้ายันต์พิชัยสงครามและเหรียญเอกราช ไปแจกให้แก่ทหาร ตามฐานปฏิบัติการ ชายแดน ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ และในวันสุดท้ายคือวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ ได้ทำการแจกให้แก่ทหาร ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา และก่อนทำ การแจกได้แสดงธรรมิกถาพิเศษ เรื่อง "อนาคตของชาติ" ณ พุทธศาสนสถาน ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา
    มูลเหตุที่มาแจกวัตถุมงคล



    [​IMG]

    <O:p
    "..เจริญสุข แก่บรรดาทหารของชาติทุกท่าน อาตมาได้ไปทำการจากจ่ายผ้ายันต์และเหรียญแก่ทหารทางภาคเหนือมาแล้ว ๓ ครั้ง ต่อมาได้ทราบจากข้าหลวงของสมเด็จพระบรมราชินีนาถว่า "...สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงปรารภว่า หลวงพ่อฤาษี ลิงดำท่านไม่ห่วงทหารภาคอีสานหรืออย่างไร จึงไม่ไปแจกของแก่ทหารทางภาคอีสานบ้าง.."<O:p
    ความจริง อาตมาห่วงทหารทางภาคอีสาน เช่นเดียวกับทหารทางภาคเหนือ เมื่อท่านผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ รับจะอำนวย ความสะดวกในการเดินทางมาแจกจ่าย จึงได้นำสิ่งของมาแจกให้ครั้งนี้<O:p
    ขั้นแรกอนุศาสนาจารย์ได้อาราธนาให้แสดงธรรม ต่อมาท่านผู้บัญชาการกองพล ได้อาราธนาให้เล่าเรื่องของที่นำมาแจกจ่าย ว่าทรง คุณค่าอย่างไรบ้าง ผู้ที่ได้รับแจกไปจะได้เกิดศรัทธาความเชื่อมั่น<O:p
    เพื่อสนองเจตนาของอนุศาสนาจารย์และท่านผู้บังคับบัญชากองพลที่ ๓ ได้อาราธนาจึงขอพูดเรื่องธรรมะก่อนสักเล็กน้อย จาก นั้นจึงจะพูดถึงเรื่องสิ่งของที่นำมาแจกจ่าย<O:p
    เราทุกคนอยากมีความดีด้วยกันทั้งนั้น แม้บางคนนึกว่า ตนเองอยากมั่งอยากมี อยากมียศมีอำนาจ แต่ความจริงแล้ว ก็คือ อยาก มีดีนั่นเอง<O:p
    แม้เราจะมียศสูง แต่ถ้าใครมาว่าเราเป็นคนไม่ดี เราก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นใครจะอยากอะไรก็ตามเถอะ แต่ที่สุดของความอยาก นั้นก็คือความดีนั่นเอง<O:p
    รักษาศีล 5 ให้ได้



    [​IMG]
    <O:p
    ความดีนั้นมีกฏเกณฑ์ที่เราจะต้องทำเป็นเบื้องต้น 5 ประการ คือ

    1. เราไม่อยากให้ใครมาฆ่า รังแก ข่มเหงเรา เราก็อย่าไปฆ่า ไปรังแก ไม่ข่มเหงเขา
    2. เราไม่อยากให้ใครมาลักของๆ เรา เราก็อย่าไปลักของๆ เขา
    3. เราไม่อยากให้ใครมาผิดลูกผิดเมียเรา เราก็อย่าไปผิดลูกผิดเมียเขา
    4. เราไม่อยากให้ใครมาโกหกเรา เราก็อย่าไปโกหกเขา
    5. เราไม่อยากเป็นคนบ้า ก็อย่าไปดื่มสุราเมรัย เพราะถ้าเราดื่มสุรามากๆ เราจะกลายเป็นคนบ้า<O:p
    เจริญพรหมวิหาร ๔ ไว้<O:p
    ความดีที่สูงขึ้นไปอีกที่เราควรประพฤติเป็นหลักในการดำรงชีวิต เพื่อความสุขความเจริญแก่ตนเองคือ พรหมวิหาร มี ๔ ประการคือ
    1. เมตตา ความรัก เราต้องรักตัว รักครอบครัว รักญาติพี่น้องหมู่คณะ ตลอดจนถึงรักประเทศชาติ
    2. กรุณา ความสงสาร ที่มีต่อบุคคลที่ตกทุกข์ได้ยาก อยากให้เขาพ้นจากความทุกข์ทรมานที่เขารับอยู่
    3. มุทิตา ยินดีด้วยเมื่อบุคคลอื่นได้ดีมีความสุข ไม่ริษยาเขา เขาได้ดีก็ชื่นชมอนุโมทนาด้วย
    4. อุเบกขา วางเฉย เช่น เมื่อลูกของเรา ญาติพี่น้อง หรือพรรคพวกของเราไม่ทำผิด เราต้องวางตัวเป็นกลาง เมื่อเขาจะได้รับโทษก็ถือเป็นกรรมของเขา ไม่ช่วยเหลือเขาในทางที่ผิด<O:p
    เว้นจากความลำเอียงทั้ง ๔ ประการ<O:p
    ผู้ที่จะมีคุณธรรมในข้อที่ ๔ นี้จำเป็นจะต้องมีคุณธรรมข้ออื่นสนับสนุน คือเราต้องเว้นจาก อคติ คือ
    ๑. ความลำเอียงเพราะความรัก
    ๒. ความลำเอียงเพราะความชัง
    ๓. ความลำเอียงเพราะความหลง
    ๔. ความลำเอียงเพราะความกลัว<O:p
    ทหารแปลว่าคนหนุ่ม<O:p
    ทหารทุกคนต้องเป็นคนหนุ่ม แม้จะแก่อายุมากแล้วก็ต้องทำตัวเป็นคนหนุ่ม เพราะคำว่า ทหาร แปลว่า คนหนุ่ม<O:p
    คนหนุ่มนั้นจะต้องเป็นคนแข็งแรง ว่องไว กล้าหาญ บึกบึน มีไหวพริบปฏิภาณดี มีความสามัคคีรักใคร่กัน ไม่ทอดทิ้งกันเมื่อ มีภัย ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท<O:p
    และข้อสำคัญที่สุดนั้นต้องยอมตายเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองเมื่อถึงคราวจำเป็น นี้พูดอย่างทหาร เพราะอาตมาเคยเป็น ทหาร เรือมาแล้ว ย่อมรู้จักชีวิตวิญญาณของทหารดี<O:p
    ทหารไปรบถือว่าทำเพื่อชาติบ้านเมือง<O:p
    ทหารที่ไปราชการสงครามเพื่อป้องกันอริราชศัตรูนั้น หากไปฆ่าข้าศึกศัตรูก็ไม่ถือว่าเป็นความชั่ว แต่เป็นการทำดีต่างหาก เพราะเราทำหน้าที่ป้องกันสิ่งที่ดีงามเอาไว้ ความดีนั้นคือ ความอยู่รอดของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสงบสุข ของปวงชนในผืนแผ่นดินไทยทุกคน<O:p
    ความสงบสุขนั้นเป็นยอดของความดีทั้งมวล การที่เรายอมเสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตของเรา เพื่อรักษาความดี ทั้งหลาย ดัง กล่าว มาแล้วนั้นไว้ จึงได้ชื่อว่าเราทุกคนได้ทำความดี สมศักดิ์ศรีของทหารไทย จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นบาปกรรม<O:p
    ภูอันธพาล (ภูพาน)



    [​IMG]
    <O:p
    อาตมาขึ้นเครื่องบินผ่านภูอันธพาล ไม่อยากเรียกว่า "ภูพาน" ดังที่เขาเรียกกัน เพราะภูนี้มีแต่พวกอันธพาลทั้งนั้น ได้พิจารณา ถึงเหตุการณ์บ้านเมืองและการสู้รบของทหารเห็นว่า<O:p
    เราทุกคนจะไม่แพ้ จะไม่ต้องตกเป็นทาสของใครๆ ดังที่พวกเราพากันวิตกกังวลกันอยู่ในขณะนี้ แม้แต่ พระบาทสมเด็จ พระ เจ้าอยู่หัวก็ทรงปริวิตกและทรงมีความห่วงใยประเทศชาติบ้านเมืองเป็นอย่าง ยิ่ง ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘ พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปยังวัดของอาตมา (วัดท่าซุง) และได้ตรัสถาม ความเป็นไป ของบ้านเมืองในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร

    <O:p
    อนาคตของชาติ
    <O:p
    อาตมาได้ถวายพระพรพระองค์ว่า "ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็นทาสของใคร อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ ความมั่งคั่ง สมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่เราจะมองเห็นได้ชัดๆ ก็ต้องปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นดีแล้วและเริ่มฉายแสงให้เห็นความมืดหมดไป"<O:p
    ที่อาตมากล้ายืนยันต่อพระองค์เช่นนั้น ก็เพราะเหตุผลหลายประการ คือ



    <O:pคำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์
    <O:p
    ในประการแรก อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ<O:p
    โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า


    [​IMG]

    "กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แจ่จะเสียอิสรภาพไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรี อยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติ ได้แล้ว จะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ใหม่"<O:p
    และเหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นจริงตามคำทำนายทุกอย่าง<O:p
    ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง ๑๐ รัชกาล<O:p
    ในสมุดข่อยเล่มเดียวกันนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้<O:p
    รัชกาลที่ ๑. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
    รัชกาลที่ ๒. ทำนายว่า รู้จักธรรม
    รัชกาลที่ ๓. ทำนายว่า จำต้องคิด
    รัชกาลที่ ๔. ทำนายว่า สนิทธรรม
    รัชกาลที่ ๕. ทำนายว่า จำแขนขาด
    รัชกาลที่ ๖. ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร
    รัชกาลที่ ๗. ทำนายว่า นั่งทนทุกข์
    รัชกาลที่ ๘. ทำนายว่า ยุคทมิฬ
    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
    รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล<O:p
    ความแม่นยำของคำทำนาย<O:p
    เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาลก็จะเห็นได้ชัดว่า คำทำนายนั้นถูกต้องเพียงใด<O:p
    รัชกาลที่ ๑. ผ่าน พระเจ้าตากสิน ขึ้นครองราชย์สมบัติ<O:p
    รัชกาลที่ ๒. ท่านว่างจากศึกสงครามก็หันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้พระสงฆ์ค้นคว้าพระธรรมวินัย รวบรวมกัน เป็นการใหญ่<O:p
    รัชกาลที่ ๓. ท่านมีหัวคิดริเริ่มหาเงินมาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้<O:p
    รัชกาลที่ ๔. ท่านสนิทธรรมก็เพราะพระราชาองค์นี้ทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษา มีความคล่องตัวในพระธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่ง พระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน และยังมีความสนิทสนมกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อย่างยิ่ง เป็นคู่บารมีกัน<O:p
    รัชกาลที่ ๕. จำแขนขาด เราเห็นได้ชัดมาก เพราะเราต้องเสียดินแดนไปหลายครั้งหลายหน โดยพระองค ์ทรงยอมเสียแขนขา ดีกว่าเสียตัวทั้งหมด คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วน เพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้<O:p
    รัชกาลที่ ๖. เป็นโจร เพราะทรงใช้จ่ายเงินในท้องพระคลังจนหมดสิ้น แต่อาตมาเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นนักชาตินิยม มีพระ ปรีชาสามารถปลุกใจประชาชนให้รักชาติบ้านเมือง เช่นมีเพลงบทหนึ่งทรงพระนิพน์ไว้ว่า "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะ ต้องบังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย" ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่าง ให้บุคคลอื่น เห็นว่า พระองค์ไม่ทรงถือพระองค์ เช่น แสดงมหรสพ เล่นโขนกับข้าราชบริพาร<O:p
    ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลก โดยส่งทหารไปช่วยสงครามโลกครั้งที่ ๑ จึงจำเป็น ต้องใช้เงินมาก แม้จะใช้เงินมาก แต่ประโยชน์ก็เกิดแก่ประเทศชาติอย่างหนัก<O:p
    รัชกาลที่ ๗. นั่งทนทุกข์ พระองค์เสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดี เงินในท้องพระคลังก็หมดมาแต่รัชกาลก่อนพระองค์ จึงทรงประทับอยู่บนกองทุกข์ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวน มาก เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระองค์ ต้องจำพระทัย สละราช สมบัติ ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดน จนสิ้นพระชนม์<O:p
    รัชกาลที่ ๘. ยุคทมิฬ บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ ๒. ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตก อดอยากยากแค้น แสนสา หัส พระมหากษัตริย์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์จนสวรรคต<O:p
    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว เราก็เห็นแล้วว่าฝรั่งมาอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ล้วนแต่คนผิวขาวทั้งนั้น<O:p
    สำหรับรัชกาลต่อไปคือ รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล หมายความว่า บ้านเมืองเราได้ผ่านยุคเข็ญมาแล้วจะได้ประสบความ เจริญรุ่งเรืองกันเสียที เราจะมั่งคั่งสมบูรณ์เหมือนนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย


    <O:p
    ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้นรึ?



    [​IMG]
    <O:p
    ปัญหาที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า
    ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น?

    กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ?<O:p
    เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับ หลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่าน เป็นสมาธิ เข้า ถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้ ทุกๆ รูป ที่อาตมาสอบ ถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า<O:p
    พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ ไว้เพียงแค่นั้น ก็เพราะว่า

    เริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทย จะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลาน ดังที่ แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก"<O:p
    พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก<O:p
    ประการที่ ๒. ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจักไม่ตกเป็นทาสของใครๆ นั้นคือ พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก พระพุทธทำนาย นี้ก็มีปรากฏในสมุดข่อยของพระพุทธโฆษาจารย์เช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อความปรากฏโดยสังเขปดังนี้<O:p
    "..อานันทะ ดูก่อน อานนท์ โลกต่อไปจะเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๕) จะมีฝน เหล็กตกจากอากาศ จะมีไฟลุกจากอากาศเหล็กกล้าจะผุดจากน้ำมาทำลายมนุษย์ มนุษย์และ สมณะชีพราหมณ์จะตายกันมาก<O:p
    แต่ว่า.. อานนท์ ความเร่าร้อนก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ยังมีความเร่าร้อนน้อยกว่า ความเร่าร้อนหลังกึ่งพุทธกาล
    <O:p
    หลังกึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น ยักษ์หิน ที่ถูกสาปจะลุกขึ้นมาอาละวาด สมณะชีพราหมณ์ จะล้มตาย ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาทั้งหลายจะฆ่าฟันกันและกัน จะตายกันไปคนละครึ่ง จึงจะหยุดยั้งเลิกรบกัน<O:p
    แต่ทว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น จะมีภัยเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก"<O:p
    ความแม่นยำของพุทธทำนาย<O:p
    จากพระพุทธเจ้าทำนายนี้เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง ก่อนพุทธกาลได้เกิด สงครามโลกครั้งที่ ๒. ลูกระเบิด ต่างๆ ซึ่งเป็นเหล็กเป็นไฟได้หลั่งไหลลงมาจากอากาศพิฆาตมนุษย์<O:p
    หลังกึ่งพุทธกาลได้เกิดสงครามลัทธิคือพวกยักษ์นอกศาสนา เพิ่งจะเลิกรากันไป แต่เมืองไทย ก็ยังได้รับผลกระทบ กระเทือน มาจนกระทั่งบัดนี้<O:p
    มีเพียงไทยที่นับถือพุทธอย่างมั่นคง<O:p
    ตามพระพุทธทำนายนั้นได้บ่งชี้ชัดว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะ มีภัยบ้างแต่ไม่มากนัก หากเราพิจารณาให้ดีๆ ก็จะ เห็นเด่นชัดว่า ประเทศไทย นี้เท่านั้นที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงและเป็นประเทศสุดท้าย ที่พระพุทธศาสนา ยังเหลือ อยู่ในท้องถิ่นบริเวณนี้ ประเทศอื่นๆ รอบบ้านเราก็กลายเป็นพวกเดียรถีย์นอกศาสนาพุทธไปเกือบหมดแล้ว<O:p
    เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจึงเป็นเมืองสุดท้ายที่พระพุทธศาสนาจะสถิตสถาพรอยู่ได้ตลอดไป<O:p
    พระเจ้าอังครัฐตั้งจิตขอพบพระอรหันต์



    [​IMG]
    <O:p
    ในพระพุทธทำนายซึ่งปรากฏในตำนานบางแห่งได้เล่าไว้ว่า

    พระเจ้าอังครัฐ เจ้าเมืองอังครัฐ ซึ่งเป็นเมืองที่ประดิษฐาน พระธาตุจอมทอง อยู่ในขณะนี้ ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้พระ องค์ ได้พบพระอรหันต์ ขอให้พระอรหันต์เสด็จมาโปรด<O:p
    พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของพระเจ้าอังครัฐ จึงทรงส่ง พระโมคคัลลาน์ พร้อมด้วยพระเถระรวม ๔ รูป เดินทาง มา เผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เมืองอังครัฐก่อน<O:p
    ศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยครบ ๕,๐๐๐ ปี<O:p
    ส่วนพระองค์ได้เสด็จมาภายหลัง เมื่อเสด็จมาถึงเมืองนั้น ได้ทรงพยากรณ์ เกี่ยวกับความเป็นไป ในอนาคต ของพระพุทธ ศาสนา ไว้ว่า



    [​IMG]


    "พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ในท้องถิ่นนี้ถึง ๕,๐๐๐ ปี"<O:p</O:p
    เมื่อพระพุทธศาสนายังตั้งมั่น อยู่ได้ในผืนแผ่นดินไทย ตามพระพุทธทำนาย ก็หมายความว่า เมืองไทยจะต้องไม่ตกเป็นทาส ของใครๆ เพราะความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมาแต่บรรพกาล เมืองไทยจะไม่ตกเป็นทาสของใคร<O:p
    จากคำพยากรณ์ของพระพุทธโฆษาจารย์ก็ดี คำบอกเล่าของพระเถระผู้ได้ฌานสมาบัติก็ดี และจากพระพุทธทำนายก็ดี เป็น หลักชี้ชัดให้เรามั่นใจได้ว่า<O:p
    "เมืองไทยเรานี้จะต้องเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไป ไม่ตกเป็นทาสของใครๆ พวกนอกศาสนาจะไม่สามารถย่ำยีเมืองไทยได้<O:p
    แต่ข้อสำคัญนั้น เราทุกคนอย่าประมาท ต้องรักกันสามัคคีกันไว้ ไม่แตกแยกกันและไม่ลุ่มหลง ไปกับคำยุแหย่ของบุคคล ผู้มุ่ง ร้าย ต่อชาติบ้าน เมือง"


    ............[​IMG]




    <O:p
    ดวงทหารคู่กับดวงเมือง
    <O:p
    ขอให้ทหารทุกคนจงสำนึกตนเองว่า เราต้องมีความสามัคคี-เด็ดเดี่ยว-ไม่ประมาท-กล้าหาญ-และพร้อมที่จะยอมตาย เพื่อชาติ บ้านเมืองและพระบวรพุทธศาสนา เมื่อถึงคราวจำเป็น<O:p
    เพราะบ้านเมืองจะอยู่รอดปลอดภัย ก็เพราะทหารเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑. เมื่อพระองค์จะเริ่มสร้างเมืองหลวงใหม่ ได้ทรงผูกดวงเมืองและวางลัคนาดวงเมืองไว้ให้คู่กับดวงทหารโดยให้ ทหารเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง บ้านเมืองจึงจะอยู่รอด<O:p
    ที่พูดนี้มิใช่จะมายุยง ให้ท่านทั้งหลายกระด้างกระเดื่อง ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจจากใครๆ เพียงแต่... ขอให้เราทุกคน ช่วยกันควบคุมสถานการณ์ไว้ให้บ้านเมืองสงบสุขเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทหารควบคุม รักษาเมืองแล้ว<O:p
    ดวงชะตาของทหารนั้น เข้าเกณฑ์ราชาโชค ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๑๘ แล้ว และจะโคจรเข้าควบคู่กับดวงเมือง ตั้งแต่เดือน มกราคม ๒๕๑๙ เป็นต้นไป ซึ่งจะมีอิทธิพลให้ประเทศชาติบ้านเมืองค่อยคลี่คลายไปในทางดีขึ้น ขณะนี้บ้านเมืองของเราอยู่ ในสภาพป่วยไข้ จำเป็นจะต้องได้รับการเยียวยารักษาหรืออาจจะต้องถึงกับผ่าตัดบ้าง อาการของบ้านเมืองจึงจะดีขึ้น





    <O:p
    [​IMG]
    <O:p
    ธงมหาพิชัยสงคราม<O:p
    สำหรับ ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ที่นำมาแจกจ่ายครั้งนี้ ได้ทำขึ้นครั้งแรก ๑๐๐,๐๐๐ ผืน นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๙๐,๐๐๐ ผืน มีเหลือนำมาแจกจ่ายคราวนี้เพียง ๑๐,๐๐๐ ผืน<O:p
    การทำผ้ายันต์นี้ ก็ทำจากตำราของ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานเคยทำเพื่อมอบให้เป็นธงนำทัพเข้าตีข้าศึก<O:p
    ได้ตำราทำยันต์พิชัยสงคราม<O:p
    ตามตำราบอกว่าใครอยากเรียนตำรานี้ไปทำต่อต้องนำดาบสองเล่มออกไปรำกลางแจ้ง หากเกิดฟ้าผ่าในขณะรำดาบจึงจะเรียน ตำรานี้ได้<O:p
    อาตมาเป็นพระไม่สามารถจะนำดาบออกไปรำได้ แต่ก็อยากเรียนตำรา จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า หากตนมีบุญบารมี ที่จะเรียน ตำรา นี้ได้แล้ว เวลาถือดาบออกพ้นจากชายคาขอให้เกิดฟ้าผ่า<O:p
    เมื่อตั้งจิตอธิษฐานแล้วก็ถือดาบ ๒ เล่ม ออกนอกชายคา พอพ้นจากชายคาเท่านั้นแหละฟ้าก็ผ่าขึ้น ๒-๓ ครั้ง จึงมั่นใจได้ว่า ครู ได้อนุญาตให้เรียนตำรานี้ได้แล้ว จึงได้เรียนตำรามาทำผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามขึ้น<O:p
    มีพระเถระทางเหนือช่วยปลุกเสกด้วย<O:p
    และเมื่อทำด้วยตัวเองแล้ว ก็ได้อาราธนาพระเถระผู้ทรงวิทยาคมในภาคเหนือหลายรูปมาช่วยปลุกเสกให้เมื่อ เดือนสิงหาคม จึงได้นำออกแจกจ่ายแก่ทหารทางภาคเหนือ ปรากฏว่าได้ผลดี<O:p
    มีฐานปฏิบัติการบางแห่งที่ทหารรับผ้ายันต์ไปแล้ว ถูกถล่มด้วยปืน ค. และจรวดฐานแหลกหมด แต่ทหารในฐาน ปลอดภัยทุก คน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ<O:p
    อย่างไรก็ตาม คนเราเมื่อถึงกำหนดจะต้องอสัญกรรมแล้วก็หนีความตายไม่พ้น แม้แต่ผู้บรรยายหรือผู้ทำผ้ายันต์นี้ก็ต้องตาย<O:p
    อานุภาพของผ้ายันต์<O:p
    ผ้ายันต์นี้จะช่วยได้ก็เพียงแต่ว่า หากเรามีเคราะห์กรรมจากอดีต เช่น เคยทำปาณาติบาต แรงอุปฆาตกรรม จะมาตัดรอน ชีวิต เราให้หมดไปในเวลาอันไม่สมควร หากเรามีเคราะห์ถึงฆาตอย่างนี้ ผ้ายันต์จะช่วยให้เคราะห์เบาบางลง เพียงแค่ให้เรา บาด เจ็บไม่ถึงตาย<O:p
    หากเคราะห์เราไม่ถึงฆาตเพียงแต่มีเคราะห์จะได้รับบาดเจ็บ ยันต์นี้จะช่วยไม่ให้เราบาดเจ็บเลย แม้แต่ถูกปืนหรือสะเก็ดระเบิด ก็จะไม่ทำให้เราเสียเลือดแม้แต่หยดเดียว ลูกปืนที่มากระทบเราจะมีค่าเท่ากับแมลงตัวหนึ่งบินมาปะทะเท่านั้น<O:p
    ขอให้ทุกท่านถือว่า ยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญกว่าเหรียญเอกราชที่ได้รับแจกไป<O:p
    ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดจะไม่มีผล<O:p
    และทั้งธงและเหรียญจะไม่มีผลในทางป้องกันตัวเลย หากเรานำไปใช้ในทางที่ผิดคิดมิชอบ หรือยิ่งคนที่คิดคดทรยศ ต่อชาติ บ้านเมืองด้วยแล้ว อาตมาอยากให้เขามารับโดยเร็ว เพราะเหรียญและธงจะช่วยสนับสนุนให้เขาประสบความวิบัติเร็วเข้า<O:p
    มีอยู่รายหนึ่งมาขอผ้ายันต์จากอาตมา อาตมาไม่ให้เพราะเกรงว่าเขาจะนำไปใช้ในทางที่ผิด จะทำให้ชีวิตเขาสั้นเข้า แต่เขารับ รองตนเองเช่นนั้นอาตมาก็มอบให้ไป และได้ทราบต่อมาภายหลังว่า เขานำผ้ายันต์ไปใช้ในทางที่ผิดตามที่อาตมาคาดการณ์ไว้ ผลที่สุดเขาก็ถูกยิงตาย<O:p
    สุดท้ายนี้ ขอตั้งจิตอธิษฐาน ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้ทหารทุกคน จงมีความสุขความเจริญ และปลอด ภัย ชนะข้าศึกตลอดกาล สวัสดี.



    อ้างอิง . อนาคตของชาติ โดย.. พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษี ฯ)
    บรรยายเมื่อ วันพุธที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ มัชฌิมา : คัดลอก
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มิถุนายน 2010
  19. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    """"""""""""""""""""""""""[​IMG]

    [​IMG]

    หลวงพ่อเคยถวายพระพรไว้ ณ พระตำหนักภุพิงค์ราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๐ ในตอนหนึ่งที่พระองค์ทรงตรัสถามหลวงพ่อว่า

    "เขาพูดกันว่าผมปรารถนาพุทธภูมิเป็นความจริงไหมครับ..?"

    หลวงพ่อถวายพระพรว่า...เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ปรารถนามานาน..แต่เวลานี้บารมีเป็น"ปรมัตถบารมี" แล้ว ก็เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว..ไม่ใช่ไม่สำเร็จ..!

    "พุทธภูมิ" นี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น "วิริยาธิกะ" วิริยาธิกะนี่..ต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่บำเพ็ญมาเกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว "แสนกัป" อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ"

    ในขณะนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้ตรัสถามหลวงพ่อว่า "พระเจ้าอยู่หัวก็ดี หม่อมฉันก็ดี ก็มีความเคารพในพระคุณพระราชวงศ์จักรีอยู่ตลอดเวลา ที่ท่านจะทรงสามารถจะทรงความเป็นเอกราชไว้ได้ ก็อยากจะทราบว่าทั้งสององค์นี่..จะทรงชาติกับศาสนาไว้ได้ไหม..? "

    หลวงพ่อถวายพระพรว่า "ก็ได้..ประเทศเราไม่มีเกณฑ์จะต้องตกเป็นเหยื่อคอมมิวนิสต์"
    แล้วพระองค์ก็ตรัสถามอีกว่า "ฉันทั้งสององค์นี่ ทั้งพระเจ้าอยู่หัวด้วยและฉันด้วย จะต้องตายเพราะการที่เขามุ่งจะห่าไหม..? "

    พอตรัสถามตรงนี้ หลวงพ่อท่านบอกว่าพระดลใจให้ตอบว่าดังนี้..

    "ก็เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่ เป็นนักรบฝีมือดีมาจากสุโขทัย และมาเกิดคราวนี้ ต้องการจะเกิดเพื่อจรรโลงให้คงอยู่ให้ชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข แล้วเรื่องอะไร..ที่ต้องตายเพราะคมอาวุธล่ะ..ถ้าจะเจ็บตายเองเป็นเรื่องธรรมดา และต้องตายด้วยเรื่อง "คมอาวุธ" อันนี้ไม่มี..!"

    สรุป..ในหลวงเกิดเป็นพระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ในสมัยสุวรรณภูมิ และเกิดเป็นพระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า ในสมัยเชียงแสน ปรารถนาพุทธภูมิ ประเภท วิริยาธิกะ ตอนนี้บารมีใกล้เต็ม และต้องเกิดสร้างบารมีอีก ๕ ชาติ


    ขอบคุณที่มา : หนังสือธัมมวิโมกข์ หน้า ๙๒ ถึง ๙๕ ฉบับที่ ๒๑๒ ประจำเดือน พฤศจิกายน ๒๕๔๑...

    ขอขอบคุณที่มาhttp://palungjit.org/threads/อดีตชาติในหลวงของเรา.210791/<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มิถุนายน 2010
  20. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    <CENTER><CENTER>พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า และ พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า</CENTER>




    <DD>เมื่อหลวงพ่อเล่ามาถึงตอนนี้ ทำให้นึกถึงเรื่องที่เคยได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่ครั้งอดีตว่า พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์นี้ ได้เคยเกิดกับพระราชบิดาพระองค์เดียวกันถึง ๒ ครั้ง และมีพระนามคล้ายๆ กันทั้งสองครั้ง คือ


    <DD>ครั้งแรกได้เคยเกิดในสมัย สุวรรณภูมิ เมื่อประมาณปีพุทธศักราช ๒๔๖ เป็นพระโอรสองค์แรกของ พระเจ้าตวันอธิราช มีพระนามว่า "พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า"



    <DD>ครั้นถึงปี พ.ศ. ๙๐๐ เศษ ก็ได้มาเกิดในสมัย เชียงแสน อีกครั้งหนึ่งมาเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ของ พระเจ้าพรหมมหาราช ซึ่งพระราชบิดาพระองค์นี้ก็คือ พระเจ้าตวันอธิราช องค์เดิมนั่นเอง ครั้งนี้มีนามว่า "เจ้าเดือนแจ่มฟ้า" แต่ได้สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์



    <DD>พระราชสมบัติจึงได้ตกแก่พระโอรสองค์รองคือ พระเจ้าไชยสิริ ซึ่งเชื้อพระวงศ์เชียงแสนพระองค์นี้แหละ ได้มีสายสัมพันธ์สืบสันตติวงศ์ แล้วดำรงความเป็นกษัตริย์มาจนกระทั่งถึง พระราชวงศ์จักรี ในปัจจุบันนี้



    <DD>(พระเจ้าไชยสิรินี้ หลวงพ่อบอกว่าคือ หลวงปู่ธรรมไชย วัดทุ่งหลวง ส่วนพระเจ้าทุกขิตะ พี่ชายของพระเจ้าพรหมฯ นั้นได้แก่ หลวงปู่คำแสน (เล็ก) วัดดอนมูล สำหรับ พระเจ้าพรหมมหาราช คงไม่ต้องบอกกันนะว่าเป็นใคร)



    <DD>จึงนับว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย มีการสืบทอดเชื้อสายมานานนับพันปี ควรที่พวกเราชาวไทยจะได้ภูมิใจไว้เป็นอย่างยิ่ง แล้วควรช่วยกันดำรงไว้ให้มั่นคง เพราะเราเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ และมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมาก่อน ขอวิงวอนอย่าเอาชาติบ้านเมืองไปทำลายกันอยู่ในเวลานี้



    <DD>สำหรับหลักฐานทางด้านโบราณวัตถุ ได้แก่ กระเบื้องจาร ที่ขุดได้จากซาก เมืองคูบัว จ.ราชบุรี ก็ได้ยืนยันว่าพ่อกับลูกคู่นี้ ทรงเป็นหน่อเนื้อพระบรมพงศ์พระโพธิสัตว์ทั้งสองพระองค์ ได้ตั้งความปรารถนา "พุทธภูมิ" ประเภท "วิริยาธิกะ" คือจะต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ใช้เวลา ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป จึงจะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ



    <DD>โดยเฉพาะในสมัยสุวรรณภูมินั้น พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งสองพระองค์นี้ ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีร่วมกัน โดย พระเจ้าตวันอธิราช กษัตริย์ผู้ครองกรุงสุวรรณภูมินี้ ได้ทรงวางรากฐานการสร้างพระบารมีไว้ให้พระราชโอรสของพระองค์ ในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ต่อไปในภายภาคหน้า



    <DD>พระองค์ได้สร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรือง พร้อมกับปรับปรุงกองทัพไว้รับมือกับข้าศึก ทั้งทางบกและทางน้ำให้เข้มแข็งอยู่เสมอ ส่งเสริมอาชีพของประชาราษฎร พร้อมทั้งได้ จัดตั้งโรงพยาบาลเพื่อสงเคราะห์ประชาชน



    <DD>ส่วนในทางด้านพระพุทธศาสนา พระองค์โปรดให้มีการสร้างวัดและโรงเรียนปริยัติ ธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณร โดยมี พระโสณะ พระอุตตระ เป็นประธานฝ่ายพระสงฆ์ มีการมอบ "พัดยศ" สำหรับผู้สอบบาลีได้



    <DD>ต่อมาก็มีการแต่งตั้งพระสงฆ์ไทยขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระองค์แรกของเมืองไทย จนได้สืบต่อวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ มาจนถึงบัดนี้



    <DD>อีกทั้งพระองค์ได้เสด็จประพาสไปยังนานาประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง และที่อยู่ห่างไกลออกไป ส่วนภายในประเทศอาณาเขตของพระองค์ ก็ได้เสด็จเยี่ยมเยียน ราษฎรไปตามหัวเมืองต่าง ๆ อีกด้วย



    <DD>ซึ่งพระราชจริยวัตรของพระเจ้าตวันอธิราชนี้ มีลักษณะที่ทรงปฏิบัติคล้ายกับพระราชจริยวัตรของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้ากรุงสยาม รัชกาลที่ ๕ ทุกประการ



    <DD>ฉะนั้น ขนบธรรมเนียมประเพณีในด้านพระศาสนา เช่น พิธีกวนข้าวทิพย์ การสวดมนต์ หรือการนิมนต์พระไปเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้าน ตลอดถึงพิธีกรรมต่างๆ ตามโบราณราชประเพณี เรามีการสืบทอดวัฒนธรรมอันเป็น "มรดกไทย" มานานนับพันปี



    <DD>แต่ที่เราไม่สามารถสืบสาวราวเรื่องได้ เป็นเพราะประวัติศาสตร์ช่วงนี้ขาดหายไป แต่เมื่อเราได้พบ กระเบื้องจาร เหล่านี้ จึงได้รู้เรื่องความเป็นไทยในอดีต จากบรรพบุรุษของ เราที่ได้จารึกไว้



    <DD>เพราะฉะนั้น บ้านเมืองที่มีความมั่นคงมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็เป็นเพราะมีการวางรากฐาน ทั้งในด้านการเมือง การทหาร และการปกครอง โดยวางแผนให้คนไทยมีระเบียบวินัยที่ดี อันมีสถาบันหลักทั้ง ๓ คือชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นโซ่ยึดเหนี่ยวจิตใจกันไว้ตลอดมา



    <DD>ซึ่งหลังจาก พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ก็ทรงมีพระราชหฤทัยที่จะดำเนินรอยตามพระยุคลบาทของสมเด็จพระราชบิดา ในฐานะที่พระองค์ก็ทรงเป็น "พระโพธิสัตว์" เช่นเดียวกัน และก่อนที่ พระโสณะ จะนิพพานก็ยังได้พยากรณ์ไว้อีกว่า



    <DD>"พระเจ้าเดือนเด่นฟ้าจะมาเกิดที่ "กรุงเทพมหานคร" เมื่อนั้น "สุวรรณภูมิ" จะฟื้นชื่อ มีคนรู้ทั่ว.."



    <DD>ดังจะเห็นว่าเรื่องนี้ แม้จะผ่านเวลามานานสองพันกว่าปี จะเห็นว่าตรงกับความเป็นจริงทุกอย่าง เมื่อวันที่เปิดสนามบินหนองงูเห่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงประทานนามใหม่ว่า "สุวรรณภูมิ" จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลกอยู่ในเวลานี้นั่นเอง




    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
    </DD></CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>รายละเอียดเพิ่มเติม...http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?fid=105&tid=917&action=printable
    </CENTER>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มิถุนายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...