ใครว่าจิต ไม่เกิด ไม่ดับ ผู้นั่นเป็น มิจฉา ทิฐิ (หลวงปู่หล้า เขมะปัตโต)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ยอดคะน้า, 8 มิถุนายน 2010.

  1. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เราเตือนหลบภัยเหมือนที่เตือนวิษณุ 12
    ไม่พึงเชื่อแม้แต่คำพูดพระอรหันต์ไปหมดเสียทุกอย่าง

    ถ้าหลบภัยวิษณุ12 เชื่อไปหมดทุกอย่าง ก็ขึ้นว่ายังถูกครอบงำทางปัญญา ติดยึดในคำสั่งสอนครูอาจารย์ แล้วเมื่อไหร่ตนจะเป็นที่พึ่งของตนได้
    แล้วอย่างนี้ จะเป็นผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ของผู้ใหญ่ไปได้ยังไง

    ที่เรามาเตือนก็เพราะ ตาบอดจะมาจูงคนตาดีมีที่ไหน
     
  2. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    นำมาทัศนาครับ

    ทูรงฺคมํ เอกจรํ มีคำแปลว่า บุคคลเหล่าใด จักระวังจิตซึ่งไปไกล เที่ยวไปผู้เดียว ไม่มีร่างกาย อาศัยอยุ่ในถ้ำ บุคคลเหล่านั้นย่อมพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร ดังนี้


    ในคำเหล่านั้น คำว่า ไปไกล คือ อันการไปและการมาทางทิศตะวันออกเป็นต้น แม้เพียงชั่วใยแมลงมุมแห่งจิตย่อมไม่มี จิตย่อมรับอารมณ์แม้ มีอยู่ในที่ไกล เพราะฉนั้น จึงชื่อว่าไปไกล ฯ

    ก็จิต ๗ ดวง ๘ ดวง ซึ่งเนื่อง เป็น อัน เดียว กัน
    ชื่อว่าสามารถเกิดในขณะเดียวกันย่อมไม่มี

    ในเวลาเกิดก็เกิดทีละดวง เมื่อดับแล้วก็เกิดอีกทีละดวง เพราะฉะนั้น

    จึงชื่อว่า เที่ยวไปผู้เดียว ฯ


    ย.เพิ่มเติมว่า ...คัดมาจาก พระสุตตันตปิฎก

    ขุ. ธรรมบท เล่ม ๒
    ว่าด้วยเรื่อง พระสังฆรักขิต หน้า ๓๕ บรรทัดที่ ๘
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2010
  3. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    จิตดวงสุดท้าย? ที่ว่า หากก่อนสิ้นลมหายใจสุดท้าย แล้วคิดดี ก็จะได้ไปที่ดี..แต่บาง<WBR>คนแม้ทำความดีมามาก หากตอนจะสิ้นลม ยังคงห่วงโน่นห่วงนี่
     
  4. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    กระทู้ถูกย้าย เพราะวิจารณญาณ....... - -:'(
     
  5. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    ขอบพระคุณนะจ๊ะ ที่เตือน bubububububu
     
  6. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    เฮียสับปรับครับ...เฮียอย่าเล่นตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จสิ มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย
    ใครกันแน่ที่อาฆาต เป็นมารตัวพ่อ เราเห็นมีแต่เฮียกับนายพะโล้ ที่ตามราวี
    ครูบาอาจารย์คนอื่น การออกมาปกป้องครูบาอาจารย์ เป็นการไล่
    ต้อนพยาบาทหรือ การที่เราออกมารับแทนอาจารย์ เพราะเคารพ
    อาจารย์เหมือนพ่อแม่ แต่การที่เฮียมาออกรับแทนนายพะโล้นี้น่ะ
    ขอถามหน่อย เฮียเคารพนายพะโล้เหมือนผมเคารพครูบาอาจารย์มั้ย
    ครับเฮียสับปรับ
    เราน่ะมีดีแน่ แต่อาจารย์สั่งสอนเสมอว่า อย่าไปคุยโม้คุยโต แล้วไอ้
    ประเภทไปจำเอาคำ ของคนอื่นมาโพสแบบนายพะโล้เรายิ่งรังเกียจ
    เฮียสับปรับเราจะสอนให้
    เรื่องปริเวทคนที่รู้จริงเขาไม่เอามาคุยกันหรอก เขาคุยกันแต่ปริยัติกับ
    การปฏิบัติ

    แล้วที่ว่าเราไปตัดกำลังฝ่ายตรงข้าม พูดไปเรื่อย ก็นายพะโล้ประกาศเองว่า
    จะไม่เข้ามา แต่เรายังเห็นลอยหน้าลอยตา ลูกผู้ชายมันต้องสกิดสะเกา
    กันหน่อย แบบนี้ถ้าเป็นลูกน้องเราน่ะ โดนพานท้ายปืนหรือไม่ก็ไอ้โอ๊บ
    แล้ว
    ไม่เชื่อก็ช่วยไม่ได้ หลักฐานก็มีอยู่ วันๆเอาแต่จ้องทำร้ายทำลายผู้อื่น สิ่งที่ต้อง
    จำกลับไม่สนใจ พอๆกับนายพะโล้เอาแต่ขี้โม้หาสนใจคำพูดที่ตัวเองพ่น
    ออกไปไม่
    เราไปใช้เล่ห์อะไร ไม่พอใจเรื่องไหนก็บอกไปตามจริง แล้วเรื่องที่ว่ามันก็เป็น
    จริง ก็นายพะโล้บอกจะไม่เข้ามา ไอ้เราก็หลงดีใจว่าคนพรรณนี้อยู่ไปก็รกบอร์ด
    พูดไม่ทันข้ามวันก็มาเสนอหน้าอีกแล้ว มาออดอ้อนเฮียเหมือนที่
    เคยออดอ้อนอ.ขันธ์มาแล้ว ดูแล้วจินตนาการไปว่ากริยากระตุ้งกระติ้งน่า...

    ตัวเฮียสับปรับเองนั้นแหล่ะ ลดความอิจฉาริษยาลงซะบ้าง
    คนที่พวกท่านจ้องทำลาย เขาก็ไม่ได้ สนใจใยดีอะไรกับพวกหรือ
    สำนักท่าน ยิ่งเจ้าสำนักของท่าน อาจารย์ผมคงไม่เคยเอ่ยถึงเลย
    มั้ง บอกให้เรื่องนี้ท่านเป็นทองไม่รู้ร้อนครับเฮียสับปรับ
     
  7. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    ป้าดถิโธ่! นึกว่าไปแล้ว ยังวนเวียนมาขอความเห็นใจอีกหรือ
    ไปๆๆๆตื๊ออยู่ได้ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  8. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    เอาละ...สาธุ คุณ รอดมี ขอให้เจริญในธรรม จะได้จบกันไป เรายืนคนละจุด ไม่เป็นไรครับ
     
  9. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ไหน ๆ จะไปแล้วขอทิ้งทวนหน่อยนะ<O:p</O:p
    <O:p
    ถ้าเคยศึกษาพระอภิธรรม<O:p
    ก็จะรู้ว่าในพระอภิธรรม<O:p
    จะเขียนไว้ชัดเจน<O:p
    รูป ๑ จิต ๑ เจตสิก ๑ นิพพาน ๑<O:p
    รูป จิต เจตสิก เกิดดับทั้งนั้น ส่วนนิพพานไม่เกิดไม่ดับ<O:p
    นี่จารึกในพระอภิธรรม
    <O:p
    หลวงปู่หล้าท่านก็ยก
    พระอภิธรรมขึ้นมากล่าว<O:p
    ท่านยก รูป จิต เจตสิก นิพพาน ขึ้นมากล่าว<O:p
    จิตในพระอภิธรรม มี 89 ดวง หรือ 121 ดวง ไปค้นหาดูได้<O:p
    นั่นแสดงให้เห็นว่า ท่านยกเรื่องจิตว่าเกิดดับ มาจากพระอภิธรรม<O:p
    <O:p
    ตกลงเป็นอันชัดเจนนะว่า<O:p
    หลวงปู่หล้า ท่านกล่าวถึง จิต ในพระอภิธรรม
    เพราะท่าน กล่าวถึง รูป จิต เจตสิก นิพพาน<O:p
    จิตที่ท่านกล่าวจึง เกิด ดับ<O:p
    <O:p
    เอานะคราวนี้ดูคำอธิบายที่ลึกลงไปอีกในเรื่องจิต ที่มีในพระอภิธรรม<O:p</O:p
    ของหลวงปู่ คำดี ปภาโส นะ<O:p</O:p
    หลวงปู่หล้าท่านไม่ได้อธิบายเจาะลึกลงไปอีกเฉย ๆ<O:p</O:p
    แต่หลวงปู่คำดีท่านได้อธิบายเจาะลึกลงไปอีก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    <O:p</O:p

    คนที่ไม่เห็นด้วย กรุณาแสดงเหตุผลคัดค้านมาด้วย<O:p</O:p
    ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย แต่หาเหตุผลมาคัดค้านไม่ได้นี่<O:p</O:p
    เค้าเรียกพวกไร้เหตุผลรู้มั้ย พวกตาบอดไม่เชื่อคนตาดี รู้มั้ย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จิตเดิม จิตแท้ ไม่เกิดไม่ดับนะ<O:p</O:p
    แต่เมื่อจิตนี้ถูกชำระซักฟอกให้บริสุทธิ์<O:p</O:p
    เป็นจิตบริสุทธิ์ แล้ว นี่ เรียก นิพพาน นะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หลวงปู่หล้าท่านอธิบายตามอภิธรรม<O:p</O:p
    ก็ต้องอธิบายอย่างนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ใครจะค้านก็ค้านมานะ<O:p</O:p
    จะได้กลับมาตอบให้<O:p</O:p
     
  10. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    หลวงตามหาบัว กล่าวถึงหลวงปู่คำดี

    อ้างอิง : Luangta.Com - ��ǧ����Һ�� �ҳ����ѹ��
     
  11. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    เป็นชาวพุทธก็ควรฟังพระพุทธเจ้าเป็นหลักในการตัดสินถูกผิด ลองดูที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้นะครับ

    ร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ที่ตถาคตเรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ บ้าง จิตเป็นต้นนั้นดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ก็ฉัน นั้นแล ฯ

    อัสสุตวตาสูตรที่ ๑

    จิตดวงเดียวเป็นคำพูดโดยโวหารแต่ความจริงโดยปรมัตถ์แล้วจิตเกิดดับต่อเนื่องไปอุปมาเหมือนแสงสว่างจากดวงไฟนีออนที่กะพริบถี่ๆ ประมาณ 50 ครั้งต่อวินาที จนเหมือนว่าไฟสว่างตลอดต่อเนื่อง

    เช่นเดียวกับคำว่า "อัตตา หิ อัตโนนาโถ" ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนซึ่งเป็นการพูดโดยโวหารตามสมมุติของโลก แต่ความจริงโดยปรมัตถ์แล้วทุกอย่างเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่ตัวตน บังคับไม่ได้ตลอดไป

    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ท่านกล่าวไว้ว่า“ผู้รู้เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เร็วที่สุด จิตก็เหมือนกัน ติดต่อกันอยู่ หาระหว่างไม่ได้ ใครว่าจิต ไม่เกิด ไม่ดับ ผู้นั้นเป็น มิจฉาทิฏฐิ เหตุฉะนั้นท่านจึงบัญบัติว่า รูป จิต เจตสิก นิพพาน ไม่ได้บัญญัติว่า จิตเป็นพระนิพพาน ไม่ได้บัญญัติว่าพระนิพพาน เป็นจิต”

    ซึ่งสอดคล้องกับพระพุทธพจน์ทุกประการ
    ถ้าจิตไม่เกิดดับแสดงว่าจิตเที่ยง เป็นนิจจัง ก็ผิดหลักที่ว่า นิพพาน เท่านั้นเป็นนิจจัง ก็คงต้องแก้ตำราใหม่เป็นศาสนาใหม่ไปเลยว่า สิ่งที่เป็นนิจจังนอกจากนิพพานแล้วยังมีจิตด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 พฤศจิกายน 2012
  12. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    คำว่า จิตเดิมแท้ เป็นคำที่คนรุ่นหลังโดยเฉพาะพวก เซน แต่งขึ้นมาเอง ไม่มีในพระไตรปิฎก (ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาไม่ดี นะครับ) คือเขาเข้าใจอย่างนั้น เขาก็พูดเป็นภาษาของเขาที่สามารถสื่อให้คนที่ฟังในขณะนั้นเข้าใจได้ ซึ่งไม่ใช้ภาษากลางที่จะยึดเป็นมาตรฐานได้ ทีนี้พอคนรุ่นหลังจากนั้นฟังอภิธรรมที่เป็นภาษากลางมาตรฐาน ก็แย้งทันทีว่า จิตเดิมแท้ไม่ใช่จิต ไปบอกว่าเป็นจิตได้ยังไง ก็เถียงกันไปกันมา

    เหมือน คนไทย ที่ไม่เคยฟังภาษาลาวมาก่อน พอเจอคนลาวทักว่า สะบายดี ก็ตอบเขาไปว่า ไม่สบาย เป็นต้น คนลาวก็งง เป็นต้น (คำว่าสะบายดี ของลาวหมายถึง สวัสดี)

    คือการพูดคนละภาษาทำให้การสื่อถึงธรรมะกันไม่รู้เรื่องทั้งๆที่อาจจะพูดถึงสิ่งเดียวกัน

    ถ้าให้ดีควรใช้ภาษาที่เป็นมาตรฐานคือ พระอภิธรรม จะดีกว่า คิดบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเอง

    สรุปก็คือ
    -ในภาษาอภิธรรม ไม่มีคำว่าจิตเดิมแท้
    -ถ้าจิตเดิมแท้ในความหมายที่ไม่เกิดไม่ดับ ก็คงหมายถึง นิพพาน ในภาษาอภิธรรม
    -จิตเดิมแท้ ที่เรียกๆ กันนั้น ไม่ใช่จิต ในความหมายของพระอภิธรรม
    - ตามอภิธรรมนั้น จิต เป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป สิ่งที่ไม่เกิดไม่ดับมีอย่างเดียวคือ นิพพาน
    - ตามอภิธรรม จิตของพระอรหันต์ไม่ใช่จิตเดิมแท้ แต่เรียกว่า มหากิริยาจิต มี 8 ดวง แต่ละดวงเกิดดับสลับเปลี่ยนกันไปมา

    อ้างอิง
    http://www.buddhism-online.org/Section03A_13.htm
    http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=6551
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 พฤศจิกายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...