ความเชื่อ เรื่องดีมีคุณค่า เมื่อหนุ่มไทยพบสาวสวยอเมริกัน

ผมเป็นพุทธศาสนิกกินข้าววัดมาเมื่อครั้งเป็นเด็กครับ พอมาเมืองนอกพบสาวอเมริกันน่าตาสดใสนิสัยใจคอเปิดกว้าง รู้สึกเหมือนเห็นโลกใหม่ ได้คุยแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน เธอเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ค่อนข้างจะเป็นคนเคร่งในคริสต์ศาสนา เธอไปโบสถ์ทุกเช้าวันอาทิตย์เป็นประจำ และผมก็ตามเธอไปด้วย ยกเว้นติดธุระจริงๆ การไปโบสถ์ ได้เรียนรู้ว่า คริสเตียนเขามีความเชื่อในพระเยซูผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้ามาก เธอคุยให้ฟังในเรื่องพระเยซู ผมก็ได้ความรู้ไปด้วย พอได้โอกาสผมก็พูดเรื่องศาสนาพุทธให้เธอฟังบ้าง ผมคิดว่าคนอเมริกันเป็นคนรับฟังความคิดของคนอื่นครับ เราทั้งสองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เธอชวนให้ผมรับพระเยซูไว้ในจิตใจ เธอบอกว่าพระเยซูผู้ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรักและความเมตตา ผู้ทรงปรารถนายกโทษบาปให้เรา พระองค์ถึงทรงสละชีวิตของพระองค์ โดยถูกตรึงไว้บนไม้กางเขน ผมบอกว่าขอเวลาศึกษาให้มากกว่านี้ก่อนครับ
<o></o>
เธอบอกว่านักเทศน์ที่มีชื่อเสียงหลายคนที่อเมริกา บอกว่าพระเยซูจะกลับมารับพวกคนคริสเตียนในเวลาปัจจุบันนี้ไปสวรรค์ เพราะโลกในขณะนี้มีความผิดปกติเหมือนที่บ่งอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิล เธอให้ผมรีบรับพระเยซู ด้วยเหตุผลที่ผมจะหาข้อเท็จจริงบางประการ ทำให้ผมจะซื้อคัมภีร์ไบเบิลมาอ่าน พอไปที่ร้านขายหนังสือ เขามีตั้งหลายเวอร์ชั่น ผมถามเธอว่าที่โบสถ์เป็นฉบับคิงส์เจมส์ แล้วจะให้ผมซื้อแบบไหน เธอบอกว่าคิงส์เจมส์เป็นที่นิยมมาก เขาถือเป็นมาตรฐานไบเบิล ตกลงผมซื้อมา 1 เล่มก็ไม่กี่เหรียญครับ พออ่านแล้วก็ต้องให้เธออธิบายให้ฟัง เพราะนึกถึงเมื่อครั้งยืมคัมภีร์พระวิสุทธิมรรคของหลวงพี่มาอ่านตอนนั้น อย่างไงอย่างนั้น
<o></o>
สำหรับนิกายของคริสศาสนาที่สำคัญมี 3 นิกาย แต่มาถึงบัดนี้คริสต์ศาสนาแตกเหล่าแตกกอไปนับเป็นพันนิกาย ความแตกต่างของนิกายต่างๆ ก็แค่โบสถ์ ผู้นำนิกาย พิธี นอกนั้นส่วนใหญ่ก็เหมือนๆกันครับ โดยเขายึดถือใช้พระพระคัมภีร์ที่มีสองภาค คือแบ่งเป็นภาคพันธสัญญาเดิม (Old Testament) และภาคพันธสัญญาใหม่ (New Testament) ครับ
<o></o>
เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อนคนไทยได้ให้ URL ให้ผมเข้าไปดู ผมดูแล้วพอเข้าใจตามภาษาอังกฤษว่าอะไร แต่ลึกๆไม่เข้าใจ ก็ถามเธอว่าเข้าใจไหมในบทความตาม URL นี้ เมื่อเธอดูแล้ว ผมสงสารเธอครับ เพราะเธอเงียบไปเลย ผมเลยไม่รบกวนเธอ แต่นี่เป็นคำตอบแสดงว่าที่ผมแปลความหมายถูกแล้วครับ
URL อยู่ในเรื่อง สันติสุข-4: พระศรีอารย์ ทำไมปิดศาสนาคริสต์ ผู้มีบุญจะเห็นความจริง<o></o>
เธอเงียบไป 3-4 วัน ผมก็ไม่รบกวนเธอ เมื่อวานก่อนเธอกลับมาถามผมว่า พระพุทธเจ้าให้เชื่ออะไรบ้าง ผมตอบเธอว่าพระพุทธเจ้าตรัสไม่ให้เชื่ออะไรทั้งสิ้น แม้แต่ครูของเราเอง ยกเว้นจะเป็นสิ่งดีมีประโยชน์เป็นกุศลธรรมเท่านั้น
<o></o>
แล้วเธอถามต่อว่า Miracle (สิ่งนอกเหนือธรรมชาติ สิ่งปาฏิหาริย์) ล่ะ ผมบอกเธอว่่าพระพุทธเจ้าตรัสสอนปรัชญาครับ คือสิ่งที่เป็นจริงพิสูจน์ได้ด้วยตัวของตนเอง พระพุทธองค์ตรัสไม่ให้ยึดในอิทธิปาฏิหาริย์ เธอบอกว่าการเข้าเป็นพุทธศาสนิกต้องทำอะไรบ้าง ผมตอบเธอว่าเข้าใจ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ แค่นี้ครับ เธอเป็นคนฉลาครับ รับอะไรได้เร็วสมกับเป็นอาจารย์ครับ เราอยู่ที่ ม. เดียวกันครับ

 

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ๑๑. เกวัฏฏสูตร<o></o>

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมืองนาลันทานี้ เป็นเมืองมั่งคั่งสมบูรณ์ มีผู้คนมาก คับคั่งไปด้วยมนุษย์ ล้วนแต่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเป็นอย่างยิ่ง ขอประทานโอกาสเถิดพระเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคทรงชี้ภิกษุสักรูปหนึ่ง ที่จักกระทำอิทธิปาฏิหาริย์อันเป็นธรรมที่<o></o>ยิ่งยวดของมนุษย์ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวเมืองนาลันทานี้จักเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเป็นอย่างยิ่งสุดที่จะประมาณ แม้ครั้งที่ ๓ เกวัฏฏ์ คฤหบดีบุตรก็ได้กราบทูลอย่างนั้น.
<o></o>

 

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ๑๑. เกวัฏฏสูตร<o></o>
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรเกวัฏฏ์ ปาฏิหาริย์ ๓ อย่างนี้ เราทำให้แจ้งด้วยปัญญา<o></o>อันยิ่งด้วยตนเองแล้ว จึงได้ประกาศให้รู้ ปาฏิหาริย์ ๓ อย่างเป็นไฉน? คือ อิทธิปาฏิหาริย์ ๑<o></o> อาเทสนาปาฏิหาริย์ ๑ อนุสาสนีปาฏิหาริย์<o></o>
<o></o>
ก็อิทธิปาฏิหาริย์เป็นไฉน? ดูกรเกวัฏฏ์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือคนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายไปก็ได้ ทะลุฝา กำแพง ภูเขาไปได้ไม่ติดขัดเหมือนไปในที่ว่างก็ได้ ผุดขึ้นดำลงแม้ในแผ่นดินเหมือนในน้ำก็ได้ เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้ เหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได้ ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ซึ่งมีฤทธิ์มีอานุภาพมากด้วยฝ่ามือก็ได้ ใช้อำนาจด้วยกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ …. ดูกรเกวัฏฏ์ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? คนผู้ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใสนั้น จะพึงกล่าวอย่างนั้นกะคนผู้มีศรัทธาเลื่อมใสนั้นบ้างไหม พึงกล่าวพระเจ้าข้า ดูกรเกวัฏฏ์ พระพุทธเจ้าและหมู่สงฆ์ (เรา) เล็งเห็น โทษในอิทธิปาฏิหาริย์อย่างนี้แล จึงอึดอัด ระอา เกลียดอิทธิปาฏิหาริย์.<o></o>

 

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ๑๑. เกวัฏฏสูตร<o></o>
<o></o>
ดูกรเกวัฏฏ์ ก็อาเทสนาปาฏิหาริย์เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมทายใจ ทายความรู้สึกในใจ ทายความนึกคิด ทายความตรองของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นได้ว่า ใจของ<o></o> ท่านเป็นอย่างนี้ ใจของท่านเป็นไปโดยอาการนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้ เพราะเหตุดังนี้นั้น บุคคล<o></o> ผู้ใดผู้หนึ่งมีศรัทธาเลื่อมใสเห็นภิกษุนั้นทายใจ ทายความรู้สึกในใจ ทายความนึกคิด ทายความ<o></o> ตรองของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นได้ว่า ใจของท่านเป็นอย่างนี้ ใจของท่านเป็นไปโดยอาการนี้<o></o> จิตของท่านเป็นดังนี้ …. ดูกรเกวัฏฏ์ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? คนผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น พึงกล่าวอย่างนั้นกะคนผู้มีศรัทธาเลื่อมใสกันบ้างไหม? พึงกล่าวพระเจ้าข้า ดูกรเกวัฏฏ์ พระพุทธเจ้าและหมู่สงฆ์ (เรา) เล็งเห็นโทษในอาเทสนาปาฏิหาริย์ อย่างนี้แล จึงอึดอัด ระอา เกลียดอาเทสนาปาฏิหาริย์.<o></o>

 

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ๑๑. เกวัฏฏสูตร<o></o>

ดูกรเกวัฏฏ์ ก็อนุสาสนีปาฏิหาริย์เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพร่ำสอนอย่างนี้ว่า ท่านจงตรึกอย่างนี้ อย่าตรึกอย่างนั้น จงทำในใจอย่างนี้ อย่าทำในใจอย่างนั้น<o></o> จงละสิ่งนี้ จงเข้าถึงสิ่งนี้อยู่เถิด นี้เรียกอนุสาสนีปาฏิหาริย์.<o></o>
[๓๔๒] ดูกรเกวัฏฏ์ อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตเสด็จอุบัติในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์<o></o> ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึก<o></o> บุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว<o></o> เป็นผู้จำแนกพระธรรม พระองค์นั้นทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัด<o> </o>ด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและ<o></o> มนุษย์ให้รู้ตาม ทรงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศ<o></o> พรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง คฤหบดี บุตรคฤหบดี หรือผู้<o></o> เกิดเฉพาะในตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ย่อมฟังธรรมนั้น ครั้นฟังแล้ว ได้ศรัทธาในพระตถาคต เมื่อ<o> </o>ได้ศรัทธาแล้ว ย่อมเห็นตระหนักว่า ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี บรรพชาเป็นทาง<o> </o>ปลอดโปร่ง การที่บุคคลผู้ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริบูรณ์ให้บริสุทธิ์โดยส่วนเดียว<o> </o>ดุจสังข์ขัด ไม่ใช่ทำได้ง่าย ถ้ากระไร เราพึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกบวช<o> </o>เป็นบรรพชิต

 

จบแล้วเหรอ...

 

อ่าแล้วตกลงว่าเธอหันมานับถือพุทธหรือเปล่าค่ะ จบซะงั้น

 

จบแล้วครับ

 

"เธอบอกว่าการเข้าเป็นพุทธศาสนิกต้องทำอะไรบ้าง ผมตอบเธอว่าเข้าใจ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ แค่นี้ครับ"


ครับ เธอหันมาหาพุทธศาสนา เธอสนใจมาก เธอบอกว่าเรื่องอะไรที่เราไม่เห็น เป็นเรื่องนอกเหนือธรรมชาตินั้น เป็นเรื่องที่งมงายมาก เธอบอกว่าความผิดพลาดเริ่มมาตั้งแต่เด็ก ที่เขาสอนกันมาให้เชื่อเพราะจะได้ไปสวรรค์ ตอนนี้เธอเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องที่เป็นจริง นำมาปฏิบัติแล้วเห็นจริงได้ด้วยตนเองครับ ดีใจไหมครับ เราได้เพื่อนพุทธศาสนิกใหม่อีกคนหนึ่งครับ

 

ถ้าทุกคนเปิดใจกว้างอย่างเธอก็ดีสิครับ ที่จริงผมเคยคิดนะว่าเวลาเราคุยกันเรื่องใดๆก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นการเมืองก็ดี ความเชื่อก็ดี ศานาก็ดี ควรทำใจให้เป็นกลาง โดยเอาความเชื่อเดิมตั้งไว้ก่อน เพราะถ้าไม่วางไว้จะไม่สามารถคุยเข้าใจกันได้ ประหนึ่งเหมือนต่างฝ่ายจะจับผิดกัน กลายเป็นอยากเอาชนะกันไปซะงั้น "ความเชื่อนี้ก็เหมือนน้ำ จิตใจเราก็เหมือนแก้วที่ถูกเติมเต็มไปด้วยความเชื่อเดิมมาตั้งแต่เกิด เราต้องทำให้แก้วน้ำนี้ว่างเสียก่อนจึงจะสามารถเติมเข้าไปได้อีก ถ้าไม่เช่นนั้นเติมเท่าไรก็มีแต่ล้นออกหมด คุยกันไม่รู้เรื่อง"

พ่อแม่ ควรจะให้ลูกได้ศึกษาในทุกคำสอน ทุกศาสนา ให้เขาพิจารณาเลือกเองว่าควรจะมีความเชื่อแบบใด แต่ก็อย่างว่าแหละพ่อ-แม่ส่วนใหญ่อยากให้ลูกมีความเชื่อในศานาเดียวกับตน เพราะเขาเชื่อว่าศาสดาของตนเป็นเอกของโลก นอกนั้นปลอมหมด แบบนี้จริงๆ

จากประสบการณ์ของตัวผมเองที่มีประสบการณ์ในชีวิตแบบปุถุชนธรรมดา และชีวิตคริสเตียนมา 10 กว่าปี เห็นว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า และพระเยซูคริส ตรัสสอนคล้ายๆกัน และเหมือนกันในบางประการ เดี๋ยวจะยกตัวอย่างในกระทู้หลังแล้วกัน ขอตัวทำงานก่อนละครับ


-------------------------------------------
จงเรียนรู้อย่างคนโง่ อย่าเรียนอย่างคนฉลาด